ความคิดเห็นที่ 1 ย่าน Connaught Place ซึ่งมีลักษณะเป็นวงเวียน (ผมเรียกว่า “วงเวียนใหญ่ของเดลี”) เป็นย่านธุรกิจการค้า มีทั้งร้านอาหาร โรงหนัง โรงแรม แถวนี้มีร้านหนังสือหลายร้าน ถ้าเดินรอบวงเวียนชั้นใน จะเห็นแผงหนังสือวางขายบนทางเดินเท้า หนังสือที่วางขายแบกะดินซึ่งเป็นหนังสือใหม่ (ไม่ใช่มือสอง) มีความหลากหลายมาก ทั้งหนังสือ How to ต่างๆ  หนังสือที่เกี่ยวกับอินเดีย และหนังสือวรรณกรรมของการ์เซีย มาร์เกซ, คุนเดรา, คาฟคา, อรุณธตี รอย  ฯลฯ ผมลองต่อราคาดูหลายเล่ม คะเนคร่าวๆว่าลดได้ 20-25% จากราคาปกครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่างเล่ม  India : A History เขียนโดย John Keay เล่มนี้ จัดพิมพ์ในอินเดีย ราคาบนปกหลัง 395 รูปี ผมซื้อมาจากแผงลอยในราคา 300 รูปีครับ (1 รูปี แลกได้ประมาณ 0.85-0.9 บาท) ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว เพราะเป็นหนังสือใหม่ หนาห้าร้อยกว่าหน้า เป็นหนังสือประวัติศาสตร์อินเดียที่ผมอยากได้มากครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ด้านข้างของโรงหนัง Plaza Cinema ในย่าน Connaught Place มีร้านหนังสือ “มือสอง” เล็กๆอยู่ร้านหนึ่ง ชื่อว่า “Anil Book Corner” ที่นี่มีหนังสือเรียงติดกำแพงละลานตาไปหมดครับ ไม่มีการจัดหมวดหมู่  ข้อดีของร้านนี้คือต่อราคาได้เยอะกว่าทุกร้านในเดลี แม้ว่าเจ้าของร้านมักเปิดราคามาสูง แต่ต่อได้ครับ พอผมไม่เอา ทำท่าจะเดินจากไป แกก็ลดราคาลงมาเรื่อยๆ.. จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เล่มนี้  Friend or Foe : An Anglo-Saxon History of France เขียนโดย Alistair Horne ซื้อจากร้านมือสอง Anil ในราคา 160 รูปี แม้หน้าปกมีรอยยับไปบ้าง แต่สภาพข้างในค่อนข้างใหม่  ผมรู้จักนักเขียนคนนี้ เพราะเขาเป็นผู้แต่งหนังสือประวัติกรุงปารีส (Seven Ages of Paris) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ร้าน The Bookworm เดินไปไม่ไกลจากร้าน Anil ร้านนี้มีสองชั้น เน้นหนังสือเกี่ยวกับอินเดีย โดยเฉพาะมุมปรัชญาความคิดอินเดียมีให้เลือกสรรเยอะมาก ส่วนมุมวรรณกรรมตะวันตก/คลาสสิค/โมเดิร์นคลาสสิค ก็มีให้เลือกพอสมควรครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ร้าน Galtotia & Sons ร้านนี้เน้นไปที่ Textbooks วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ วิศวะ การแพทย์ ฯลฯ ด้านหลังของร้านมีมุมหนังสือมือสอง เดินดูแล้วมีหนังสือเกี่ยวกับอินเดียน่าสนใจหลายเล่มครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ร้าน The New Book Depot อยู่ติดกับร้าน Galtotia & Sons ผมชอบร้านนี้ตรงที่มีชั้นวางหนังสือจากสำนักพิมพ์ Penguin ที่จัดพิมพ์ในอินเดียโดยเฉพาะ หนังสือดีน่าอ่านทั้งนั้นครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 City of Djinns : A Year in Delhi เขียนโดย William Dalrymple สนพ. Penguin (India) ผมซื้อจากร้าน The New Book Depot ตามราคาปก 325 รูปีครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ร้าน The English Bookstore ชั้นล่างส่วนใหญ่เป็นหนังสือ Fiction ยอดนิยม ส่วนชั้นบนของร้านเน้นหนังสือด้าน Military จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นอกจากร้านหนังสือในย่าน Connaught Place แล้ว อีกย่านหนึ่งที่มีร้านหนังสือดีหลายร้านคือ ย่าน Khan Market ที่น่าสนใจคือ - ร้าน Bahri & Sons ร้านนี้หนังสือเยอะดี มีให้เลือกหลากหลาย พนักงานดูมีความรู้เกี่ยวกับหนังสือ - ร้าน Full Circle ร้านนี้มีร้านกาแฟอยู่ชั้นบนด้วย - ร้าน The Bookshop เป็นร้านเล็ก เน้นด้านวรรณกรรม, การเดินทาง และศาสนา ที่เกี่ยวข้องกับอินเดีย จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทุกวันอาทิตย์ บริเวณ Daryaganj ใน Old Delhi จะมี Sunday Book Market โดยผู้ขายหนังสืออิสระจะนำหนังสือมาวางขายริมถนนเต็มไปหมด ว่ากันว่ามีไม่ต่ำกว่า 200 ราย จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:49:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเดินเล่นดูหนังสือที่เขาเอามาขายในย่าน Daryaganj จำนวนไม่น้อยเป็นตำราเรียนแขนงต่างๆ แต่ก็มีหนังสือที่ทำให้ผมสะดุดตา เช่น ปกหนังสือที่เขียนว่า Great Works of (Chekhov, Tolstoy, Jane Austen และอีกหลายๆคน) ลองหยิบหนังสือ Great Works of Chekhov ซึ่งเป็นหนังสือใหม่ ห่อปก เล่มหนามาก ยื่นไปถามราคา  เจ้าของบอกว่า “100 รูปี” นี่ยังไม่ได้ลองต่อดูเลยครับ : ) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จบจากการแนะนำร้านหนังสือในเดลีแล้ว ผมขอเล่าถึงการเดินทางในอินเดียประกอบไปด้วยครับ โดยส่วนตัวชอบทั้งการอ่านและการเดินทาง ทั้งสองอย่างช่วยเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ของเราได้อย่างดียิ่ง.. การเดินทางในอินเดียครั้งนี้ผมมีเวลาแค่ 11 วัน หลังจากหาข้อมูลจากไกด์บุ๊คและอินเตอร์เน็ตแล้ว จึงกำหนดเส้นทางว่าจะไป Delhi – Agra – Fatehpur Sikri – Jaipur – Jodhpur – Udaipur เนื่องจากเดือนธันวาเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวอินเดีย ผมจึงจองตั๋วรถไฟเที่ยว Delhi ไป Agra และเที่ยว Udaipur กลับ Delhi ผ่านทางอินเตอร์เน็ตล่วงหน้า รวมทั้ง Email ไปยัง Guesthouse เพื่อจองที่พักใน 3 เมืองแรกของการเดินทางคือ Delhi, Agra และ Jaipur   วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2550 ผมบินกับสายการบิน Jet Airways ของอินเดีย ออกจากกรุงเทพฯตอนเย็น ตามกำหนดการต้องลงเดลีในเวลา 21.05 น. แต่เครื่องลงช้าไปเกือบชั่วโมง แถมต้องเสียเวลายืนรอรับเป้อีกเกือบ 40 นาที พอรับเป้เสร็จ ผมเดินไปแลกเงินรูปีที่เคาน์เตอร์ State Bank of India จากนั้นเดินออกมาเจอคนจากโรงแรม Hotel Rak International ซึ่งผมได้ Email แจ้งให้เอารถมารับที่สนามบิน อากาศที่เดลีตอนกลางคืนประมาณ 16-17 องศา ไม่หนาวมาก รถพาผมไปส่งยังที่พัก ซึ่งอยู่ในย่าน Paharganj ซึ่งเปรียบเสมือน “ถนนข้าวสารของเดลี” เนื่องจากบริเวณนี้เต็มไปด้วยที่พักราคาประหยัด อย่างห้องที่ผมพักใน Hotel Rak ราคาต่อห้องต่อคืน 350 รูปี (ผมเดินทางคนเดียว ไม่มีเพื่อนหาร ถ้ามาสองคนก็ประหยัดไปได้พอควรครับ) พอเช็คอินที่เคาน์เตอร์เสร็จ ก็เข้าห้อง อาบน้ำอาบท่า เปิดทีวีดู สักพักราวเที่ยงคืนกว่า ได้ยินเสียงก๊อก ก๊อก มีคนมาเคาะประตูห้องนอน ผมแปลกใจ เปิดประตูไปเจอพนักงานโรงแรมโผล่หน้ามาบอกว่า “ต้องการอะไรดื่มมั้ย ต้องการเบียร์มั้ย” ผมรีบตอบปฏิเสธไป รู้ดีว่าพนักงานพวกนี้ต้องการเงินจากนักท่องเที่ยว แต่นี่ดึกมากแล้ว พี่ท่านไม่เกรงใจเลยแฮะ.. คืนแรกในอินเดียนอนไม่ค่อยหลับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกถิ่น หรือได้ยินเสียงรบกวนตอนกลางคืน ขนาดดึกๆยังมีเสียงแตรรถ ตอนตีสองตีสามได้ยินเสียงพลุอีก วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2550 เช้าวันแรกผมออกจากที่พักตอน 9 โมงเศษ เดินไปสถานีรถไฟ New Delhi ซึ่งอยู่ใกล้ย่าน Paharganj ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที พอไปถึงผมขึ้นไปชั้นสอง เข้าไปที่ห้อง International Tourist Bureau (ตามรูป) เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเอกสารจองตั๋วรถไฟทางเน็ต (E-ticket) ที่ผมปรินซ์จากกรุงเทพฯใช้แทนตั๋วจริงได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าใช้ได้ ในห้องนั้นผมเห็นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อแจ็คเก็ตเขียนว่า “Khonkaen University” และกำลังยืนคุยกับผู้ชายอีกคนเป็นภาษาไทย จึงเดินเข้าไปทักทาย ได้ความว่าพี่ผู้หญิงชื่อ “พี่นก”เป็นนักวิจัย มาพบอาจารย์ที่พาราณสีเพื่อทำวิจัยเรื่องโยคะเพื่อการบำบัดเบาหวาน แต่ก่อนไปพบอาจารย์กะเที่ยวก่อนประมาณหนึ่งอาทิตย์ ส่วนผู้ชายชื่อ “ตั้ม” ลางานมาเที่ยวอินเดีย 2 อาทิตย์ เส้นทางคล้ายผมหมด ทว่า “ตั้ม” จะไม่ไป Udaipur แต่จะไป Jaisalmer แทน ทั้งสองคนต่างไม่รู้จักกันมาก่อน เพิ่งบินมาถึงเดลีเช้าตรู่วันนี้ และมาเจอกันโดยบังเอิญตอนนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าเมือง จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราคนไทยสามคนตกลงว่าวันนี้จะเที่ยว “เดลี” ด้วยกันครับ หลังจากเดินหาของกินแถว Connaught Place เสร็จเรียบร้อย ได้ลองนั่งรถไฟใต้ดินไป Red Fort ราคารถไฟใต้ดินที่นี่ไม่แพงครับ จ่ายแค่ 8 รูปีเอง จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โผล่ออกมาจากสถานีแล้วงุนงงเล็กน้อยว่าจะเดินไปทางไหน หยิบแผนที่มาดู พอเดินไปครู่หนึ่งก็เห็นป้อมขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โทรศัพท์สาธารณะในอินเดียไม่ได้อยู่ในตู้ครับ ^^ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Red Fort เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักในเดลี ป้อมปราการแห่งนี้ Shah Jahan สร้างระหว่างปี 1638-1648  มีความยาว 2 กิโลเมตร ส่วนความสูงของป้อมมีหลายระดับตั้งแต่ 18-33 เมตร  ค่าเข้าชม 100 รูปี (ถ้าจ่ายเป็นยูเอสดอลลาร์คิด 2 USD) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Diwan-i-Am ที่นี่คืออาคารว่าราชการสำหรับจักรพรรดิในสมัยก่อนครับ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 50 09:52:31 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 50 09:52:18 จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Diwan-i-Am ที่แห่งนี้คืออาคารว่าราชการสำหรับจักรพรรดิในสมัยก่อนครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คนอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวเยอะครับ ราคาเข้าชมในสถานที่ต่างๆคิดอีกราคา ถ้าจำไม่ผิด คนอินเดียจ่ายค่าเข้า Red Fort แค่ 10 รูปี จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ออกจาก Red Fort เราเดินตามถนนใหญ่ไปยัง Jama Masjid ซึ่งอยู่ใกล้กัน บริเวณนี้เป็นย่าน Old Delhi ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน วุ่นวายมาก.. สุขาสำหรับท่านชายก็ตั้งอยู่ริมถนน แต่ผมไม่กล้าลองครับ ^o^ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รถเมล์ในเดลี คนแน่นไม่แพ้กรุงเทพฯ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Jama Masjid เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1658 ลานกว้างภายในสามารถจุคนได้ถึง 25,000 คน ที่นี่เข้าชมฟรี แต่คิดค่าเอากล้องเข้า 200 รูปี แนะนำว่าถ้าไปหลายคนและต้องการประหยัดเงิน ให้ผลัดกันเข้าไปโดยใช้กล้อง 1 ตัว ให้อีกคนถือของและกล้องไว้ข้างนอก เวียนเข้าไปเที่ยวครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมถ่ายรูปกับเด็กอินเดียเป็นที่ระลึกใน Jama Masjid  (^o^) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จาก Jama Masjid เราเรียกตุ๊ก ตุ๊ก ไป Raj Ghat ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีศพท่านมหาตมะ คานธี หลังจากที่ท่านโดนลอบสังหารในปี 1948 ที่นี่ไม่เก็บค่าเข้าชมครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ใกล้กับ Raj Ghat มี Gandhi National Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์คานธีที่จัดตั้งโดยหน่วยงานภาคเอกชน ผมชอบพิพิธภัณฑ์นี้ครับ ได้เห็นของใช้ต่างๆของคานธี ได้เห็นหนังสือที่คานธีอ่านอย่าง Unto this Last ของรัสกิน และ The Kingdom of God is within You ของตอลสตอย ที่สำคัญคือได้เห็นกระสุนที่สังหารและผ้าเปื้อนเลือดที่คานธีใส่ในวันสุดท้ายของชีวิต ดูแล้วสะเทือนใจครับ ผมกลับมาที่พักราวสองทุ่ม พอสามทุ่มกำลังจะนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าตรู่ พนักงานโรงแรมคนเดิมก็มาเคาะประตู ถามแบบเดิมว่า “อยากดื่มเบียร์มั้ย” .. ผมคิดในใจว่า วันสุดท้ายของการเดินทางที่ต้องมานอนเดลีอีก 1 คืน จะไม่พักที่นี่อีกแล้ว จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2550 ผมตื่นนอนเวลา 04:45 น. เดินออกจากที่พักไปถึงสถานีรถไฟ New Delhi ตอนตีห้ากว่าๆ ไปถึงยืนรอรถไฟเที่ยว 06:15 น. ซึ่งเป็นรถไฟเร็วพิเศษไปยังเมือง Agra สถานที่ตั้งของอนุสรณ์รักอมตะ “ทัชมาฮาล” ผมมองหาเพื่อนคนไทย “ตั้ม” ซึ่งบอกไว้ว่า ซื้อตั๋วขบวนรถไฟเที่ยวเดียวกันไว้ ส่วน “พี่นก”มีแผนการเดินทางแบบอื่น จึงไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ยืนรอสักพัก “ตั้ม”ก็โผล่เข้ามาทักทาย เรายืนคุยเพื่อรอรถไฟเข้าเทียบสถานี จู่ๆเห็นชายหน้าตี๋คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ พวกเราจึงชวนคุยด้วย เขาชื่อ “โนบุ” เป็นคนญี่ปุ่น วันนี้จะไป Agra ด้วยรถไฟขบวนเดียวกัน จากนั้นจะไปเมืองพาราณสี “ตั้ม”และ “โนบุ” ขึ้นโบกี้ C6 ส่วนผมขึ้นโบกี้ C4 พวกเรานัดว่าเจอกันตอนลงที่สถานี Agra จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมจองตั๋วรถไฟทางอินเตอร์เน็ตจากเมืองไทยในราคา 375 รูปี ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับรถไฟขบวนอื่นๆในอินเดีย ที่แพงเพราะรถไฟขบวนนี้ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง เทียบกับรถบัสไป Agra ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง รวมทั้งมีบริการต่างๆ เช่น อาหารเช้า, กาแฟ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งรวมอยู่ในค่าตั๋วรถไฟแล้ว พอพนักงานแจกหนังสือพิมพ์ ผมรีบเปิดไปหน้าข่าวกีฬา อยากทราบผลการแบ่งสายฟุตบอล EURO 2008 เมื่อเห็นพาดหัวข่าวแล้วอึ้งไปเลย “Italy to face France in Euro” อิตาลีอยู่สาย Group of Death ร่วมกับฝรั่งเศส, ฮอลแลนด์ และโรมาเนีย เมื่อรถไฟวิ่งไปสักระยะ ผมมองวิวผ่านกระจกออกไป เห็นชายอินเดีย ถอดกางเกง นั่งถ่ายตามท้องทุ่ง เขานั่งยองๆหันหน้ามายังรถไฟ เห็นแบบนี้เยอะมาก.. จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถึงสถานีรถไฟ Agra ผมเดินนำ “ตั้ม” และ “โนบุ” ไปยังบู๊ท “Prepaid Auto Rickshaw” พอบอกถึงบอกเจ้าหน้าที่ว่า “Hotel Kamal.. How much?” จังหวะนั้นแหม่มฝรั่งที่ยืนอยู่ข้างๆบอกว่า “ดิฉันจะไป Hotel นี้พอดี คุณขึ้นตุ๊ก ตุ๊ก ไปกับฉันด้วย เพราะฉันมาคนเดียว” ผมสอบถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าให้นั่งได้คันละสองคนเท่านั้น เพราะมีเป้สัมภาระด้วย ผมจึงขึ้นตุ๊ก ตุ๊กไปกับแหม่มคนนี้ ส่วน “ตั้ม” และ “โนบุ” ขึ้นคันเดียวกัน ไปเจอกันที่ Hotel Kamal ได้คุยกับแหม่มฝรั่งบนตุ๊ก ตุ๊ก เธอเป็นชาวอังกฤษ ไปเที่ยวเนปาลมา แล้วเดินทางเข้าอินเดีย วางแผนเที่ยวอินเดียประมาณ 3 อาทิตย์ ค่ารถตุ๊ก ตุ๊ก 55 รูปี ผมหยิบให้ 28 รูปี เธอยิ้มบอกว่า 25 รูปีก็พอแล้ว พอคุยเรื่องฟุตบอล ผมบอกว่าเชียร์อาร์เซนอล เธอบอกว่าชอบเอฟเวอร์ตัน ^^ เมื่อไปถึงโรงแรม ผมบอกเจ้าหน้าที่ว่า มีเพื่อนญี่ปุ่นมาเพิ่มด้วย เราจะนอน 3 คน ดังนั้นขอห้องที่มีเตียง extra bed เสริม เขาคิดราคา 450 รูปีต่อห้องต่อคืน คิดดูแล้วไม่แพง ต่อคนเพียง 150 รูปี พวกเราขึ้นไปวางแผนท่องเที่ยวบนดาดฟ้าของโรงแรม ได้เห็นวิวทัชมาฮาล งดงามมาก ในภาพ “ตั้ม” และ “โนบุ” กำลังคุยกันถึงสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งสองคนค้างที่ Agra 2 คืน ส่วนผมค้างคืนเดียว  เราตกลงกันว่าวันแรกเที่ยว Agra Fort – Baby Taj – Taj Mahal ด้านหลัง ข้ามฝั่งแม่น้ำ – Fatehpur Sikri ส่วนทัชมาฮาลเก็บไว้เที่ยวพรุ่งนี้เช้า จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีคนขับตุ๊ก ตุ๊ก ชื่อ “วิกรม” เสนอให้เราจ้างเหมารถของเขาครึ่งวัน เราบอกไปว่า “300 รูปี” ทว่า “วิกรม” ต้องการ “450 รูปี” คุยไปคุยมาพวกเราก็โอเค แม้ว่าแพง แต่ไปสามคน หารออกมาก็คนละ 150 รูปี สถานที่แรกที่ “วิกรม” พาเราไปคือ Agra Fort ที่นี่เป็นป้อมปราการที่สร้างโดยจักรพรรดิ Akbar ในปี 1565 ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 5 USD ครับ ระหว่างทางไป Agra Fort “วิกรม” บอกว่านักท่องเที่ยวที่มาเมืองนี้ควรระมัดระวังตัวหน่อย เพราะที่ผ่านมาเคยมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ใครทำท่าใจดีเอาน้ำหรือขนมมาให้ อย่าไปทานเป็นอันขาด เคยมีคนหมดสติถูกปล้นชิงทรัพย์มาแล้ว จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Agra Fort มีอาคารน่าสนใจหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  Musamman Burj (Octagonal Tower) สมัยที่จักรพรรดิ Shah Jahan (ผู้สร้างทัชมาฮาล) หมดอำนาจ  เขาถูกคุมขังอยู่ที่นี่ จากจุดนี้สามารถมองข้ามแม่น้ำยมุนาไปยัง “ทัชมาฮาล” อนุสรณ์สถานซึ่งสร้างแด่หญิงที่เขารักยิ่ง จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จาก Agra Fort “วิกรม” ขับตุ๊ก ตุ๊ก ข้ามสะพานไปอีกฝั่งของเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Baby Taj ตอนนั่งรถข้ามสะพาน “ตั้ม” เอ่ยปากถาม “วิกรม” ว่า “ผมสงสัยว่าค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆแพงไม่ใช่น้อย แล้วเงินเหล่านั้นไปไหนหมด” “วิกรม” ตอบกลับว่า “ถ้าเงินเข้าชม 100% ก็ถูกคอรัปชั่นไป 80% ที่เอามาบูรณะสถานที่ท่องเที่ยวคงเหลือเพียง 20%” “วิกรม”ยังบอกด้วยว่า ตุ๊ก ตุ๊ก ของเขาคันนี้ราคา 150,000 รูปี เขากู้เงินธนาคารมา ยังผ่อนไม่หมด สำหรับ Baby Taj สร้างก่อนทัชมาฮาลไม่กี่ปี ชื่อเต็มๆของสถานที่นี้คือ Itimud-ud-Daulah ที่นิยมเรียกกันว่า Baby Taj เพราะการออกแบบหลายอย่างมีความคล้ายคลึงกับทัชมาฮาล ค่าเข้าชม 2 USD ครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ชม Baby Taj เสร็จ พวกเราไปชมวิวทัชมาฮาลจากด้านหลัง ซึ่งมีแม่น้ำยมุนาไหลผ่าน ตอนที่ไปหมอกยังลงจัดอยู่เลยครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ราวบ่ายโมงพวกเราเริ่มหิว ผมบอก “วิกรม” ให้พาไปร้านอาหารที่สะอาดและถูก “วิกรม” บอกว่าได้เลย จะพาไปร้านอาหารในโรงแรม Maya ซึ่งอร่อยและถูก พอไปถึง เดินขึ้นไปชั้นบน Rooftop Restaurant เห็นราคาในเมนูแล้วสะดุ้งเลย แพงมากๆ โดน “วิกรม” หลอกซะแล้ว (คงได้ค่าคอมมิชชั่นไปเต็มๆ) ผมลังเลใจ แต่ไหนก็มาแล้ว ยอมทานละกัน จานนี้ของผม “Chicken Biryani” โดนไป 175 รูปี เป็นมื้อที่แพงสุดในทริปนี้เลยครับ  :( จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ทานข้าวแล้ว “วิกรม” พาเราสามคนไปส่งที่ท่ารถ เราขึ้นรถบัสไป Fatehpur Sikri ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า ค่ารถ 22 รูปี สภาพรถบัสแย่มากครับ ข้างในเบาะนั่งดำเขรอะสกปรกเหมือนไม่เคยทำความสะอาดมาก่อน ผมนั่งด้านหลัง บนพื้นรถมีอาเจียนเลอะอยู่บนพื้นด้วย ก่อนออกรถพนักงานมาทำความสะอาดโดยเอาดินทรายมาเทกลบอาเจียน คันที่ไปเมือง Fatehpur Sikri นอกจากผม, ตั้ม และโนบุ ยังมีชาวต่างชาติอีกสองคนคือ คู่ชายหญิงจากออสเตรีย จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลงรถบัสที่เมือง Fatehpur Sikri ผมถามคนขับรถว่ารถบัสเที่ยวสุดท้ายที่ออกจากเมืองนี้กลับ Agra มีถึงกี่โมง เขาบอก 18.00 น. ผมจึงโล่งใจว่าคงทันรถรอบสุดท้าย เราสามคนเดินไปยัง Jama Masjid ที่นี่ดูด้านนอกสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกับมัสยิดที่เดลี พอเดินเข้าไปข้างใน ผมเจอคู่หนุ่มสาวจากออสเตรีย เขาบอกว่า คุณรู้มั้ยวันนี้เขายกเลิกรถเที่ยวเย็นกลับ Agra พวกเราต้องหาทางกลับเองแล้วล่ะ ผมยืนยันกลับไปว่าถามคนขับแล้ว มีรถกลับรอบ 18.00 น. คุยกันสักพัก ชักเริ่มไม่มั่นใจ แต่ยังไงเที่ยวก่อนดีกว่า เรื่องรถไว้ทีหลัง จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จากมัสยิดเดินไปสักพักก็ถึงทางเข้า “เมืองร้าง”  Fatehpur Sikri เมืองนี้ถูกสร้างในปี 1571-1585 ในสมัยจักรพรรดิ Akbar แต่พอสร้างเสร็จประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จากนั้นเมืองนี้จึงถูกละทิ้ง ที่นี่มีปราสาทราชวังหลายแห่ง องค์กรยูเนสโกจัดให้เป็นสถานที่มรดกโลก เราเดินชมเสร็จ รีบเดินกลับมาแถวท่ารถก่อนเวลา 18.00 น. เล็กน้อย ยืนรอครู่ใหญ่ ไม่เห็นมีรถ ฟ้าเริ่มมืด เราลองเดินไปตามถนน โชคดีเจอรถบัสคันหนึ่ง คันนี้ไม่ใช่รถบัสสาธารณะ ดูเหมือนเป็นรถทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยว เขาต้องตีรถกลับ Agra ดังนั้นเราจึงขอติดรถกลับไปด้วย เขาคิดคนละ 25 รูปี พอถึงที่พัก Hotel Kamal พวกเราขึ้นไปกินข้าวบน Rooftop Restaurant คิดไม่ถึง เจอคู่หนุ่มสาวออสเตรียด้วย เขากลับมาก่อนพวกเราอีก แถมยังพักที่เดียวกัน ผมถามว่าพรุ่งนี้จะไปไหน เขาบอกว่าจะขึ้นรถบัสเที่ยว 10 โมงเช้าไป Jaipur อ้าว..ขึ้นรถบัสคันเดียวกับผมด้วย เพราะวันนี้ผมได้ซื้อตั๋วรถบัสไป Jaipur รอบ 10 โมงเช้า จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2550 วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ เพราะผมจะได้ชมทัชมาฮาลอย่างเต็มตาเสียที ตื่นมาตอนตีห้าครึ่ง เดินออกจากที่พัก 10 นาที ถึงประตูทางเข้า East Gate ประมาณ 6:20 น. ที่นี่ห้ามเอาเป้เข้า ให้เอาเฉพาะเงิน, พาสปอร์ต และกล้องถ่ายรูป เข้าไป ค่าเข้าชมทัชมาฮาลแพงมาก สามารถเลือกจ่ายได้ 2 แบบคือ จ่าย 750 รูปี หรือ จ่าย 5 USD+500 รูปี จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 09:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ทัชมาฮาล.. ช่างงามเลิศล้ำเหลือเกินครับ ผมไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบปิติยินดีในหัวใจ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกตะลึงลาน มันใหญ่กว่าที่คิด งามกว่าที่คาด.. ผม, ตั้ม และโนบุ ถ่ายรูปกันเพลิน อากาศยามเช้าเย็นสบาย ประมาณ 17-18 องศา ตั้มและโนบุใช้เวลาที่นี่ได้ไม่จำกัด เพราะคืนนี้ค้าง Agra อีกคืน ส่วนผมอยู่ชมได้ถึง 9 โมงเช้า เพราะต้องขึ้นรถบัสไป Jaipur จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แสงตะวันยามรุ่งอรุณสาดส่องทัชมาฮาล  ผมชมแล้วต้องถอนหายใจ ..  Shah Jahan ต้องรัก Mumtaz Mahal อย่างดูดดื่มลึกซึ้ง ถึงสามารถสร้างอนุสรณ์แห่งความรักที่สวยงามขนาดนี้ ผมเดินวนไปวนมาชมความงามหลายรอบ พยายามเก็บภาพทัชมาฮาลไว้ในความทรงจำ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 “หยาดน้ำตาบนแผ่นแก้มแห่งกาลเวลาตราบนิรันดร์” .. คือคำกล่าวของ รพินทรนาถ ฐากูร ที่มีต่อ “ทัชมาฮาล” จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เวลาประมาณ 9 โมง ผมต้องกลับที่พักเพื่อเอาเป้แล้วนั่งตุ๊ก ตุ๊ก ไปอู่รถบัส ผมร่ำลา “ตั้ม” และ “โนบุ” ตอนที่เดินออกมา ผมหันมามองทัชมาฮาล มองแล้วมองอีก ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสกลับมาเยือนทัชมาฮาลอีกมั้ยหนอ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ค่าตั๋วรถบัสจาก Agra ไป Jaipur ราคา 173 รูปี ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง ผมเจอคู่หนุ่มสาวจากออสเตรียคู่เดิม ได้คุยกันก่อนขึ้นรถ ผู้ชายบอกว่าเขาและแฟนมาเที่ยวอินเดีย 1 เดือน   ตอนแรกผมนั่งอ่านหนังสือบนรถ พอตกบ่าย ผมเริ่มง่วงแล้วก็หลับไป มาตื่นราว 16:00 น. เห็นรถจอดริมถนน มีคนอินเดียบางคนทยอยลง แล้วมีคนเดินขึ้นมาบนรถบอกกับผมว่า “ถึง City Center แล้ว ไม่ลงรึ” ผมคิดในใจว่า “จะถูกหลอกรึเปล่าเนี่ย” หันไปถามคนอินเดียที่นั่งข้างๆว่า “นี่ Jaipur รึเปล่า” เขาบอกว่า “ใช่” ผมก็รีบเดินลงไป พอลงไปแล้ว รถแล่นออก ถึงรู้ว่าโดนหลอก คู่ชาวออสเตรียไม่เห็นลงมา จุดที่ผมลงยังไม่ใช่ Bus Station (ซึ่งอยู่ในตัวเมือง) แต่อยู่รอบนอกเมือง Jaipur พอลงจากรถบัส แขกอินเดียก็พุ่งเข้าหาทันที (หลอกผมลงมาได้แล้วนี่) เสนอบริการรถตุ๊ก ตุ๊ก ผมบอกว่าจะไป Hotel Pearl Palace แกเรียกผมมานั่งบนเก้าอี้ริมถนน เพื่อจะอธิบายอะไรสักอย่าง ผมรู้ทริคแล้ว แกอยากพาไปพักที่อื่นเพื่อค่าคอมมิชชั่น โดยจะหาข้ออ้างมาบอก เช่น โรงแรมอยู่ไกล โรงแรมไฟไหม้ โรงแรมเลิกกิจการ ฯลฯ ผมไม่ยอมนั่ง ทำท่าโมโห และโม้ไปว่าเมื่อสองปีก่อนเคยพักที่โรงแรมนี้แล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมมา Jaipur ในที่สุดแกยอมพาไป ตกลงราคากันที่ 60 รูปี (แพงชะมัด ถ้าลง Bus Station เสียไม่เกิน 30 รูปี) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:01:56 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ราคาห้องที่ Hotel Pearl Palace คืนละ 500 รูปี ห้องสะอาดมาก ดีกว่าที่พักใน Delhi และ Agra ที่ผมพักมา ผมทานมื้อเย็นที่ Rooftop Restaurant ของ Hotel Pearl Palace สั่ง Special Thali ราคา 55 รูปี อาหารที่ให้มีข้าว, ผัก 2 อย่าง, จาปาตี, ดาล ให้เยอะมาก ทานไม่หมด รสชาติพอใช้ได้ครับ นั่งทานอยู่ดีๆ ฝรั่งออสเตรียคู่เก่าก็โผล่หน้าเข้ามา โห..โลกช่างกลมจริงๆ พักที่เดียวกับผมอีกแล้ว ผมเดินลงมาชั้นล่างของโรงแรม เจอคนขับตุ๊ก ตุ๊ก ชื่อ “ลาล่า” เขาเสนอบริการว่า พรุ่งนี้สนใจเหมารถเที่ยวมั้ย  ตอนแรกเขาเปิดราคามา 350 รูปี ผมบอกว่า มาเที่ยวคนเดียว ให้ 300 รูปีละกัน “ลาล่า” บอกว่า โอเค พรุ่งนี้เจอกันหน้าที่พักเวลา 9 โมงเช้า โดยใช้บริการตุ๊ก ตุ๊ก ของเขาถึง 5 โมงเย็น จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 45 วันพุธที่ 5 ธันวาคม 2550 เวลา 9 เช้าโมง ผมยืนรอ “ลาล่า” หน้าโรงแรม รอจนถึง 9:15 น.  มีรถตุ๊ก ตุ๊ก อีกคันขับมาจอด บอกว่า “ลาล่า” มาไม่ได้ เขามาแทน เขาชื่อ “มุนี” ผมคุยด้วยไม่กี่ประโยคเกิดความรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจ สังเกตจากบุคลิกและการพูดจาไม่ดีเหมือน “ลาล่า” ผมบอกว่า จ่าย 300 รูปี เหมือนที่ตกลงเมื่อวาน “มุนี” บอกว่า โอเคตามนั้น ที่แรกในเมือง Jaipur ที่ผมไปเที่ยวคือ Hawa Mahal (Palace of the Winds) เป็นอาคารสูงห้าชั้น อยู่ริมถนนใหญ่ แต่เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ City Palace ตัวอาคารมีช่องหน้าต่างมากมาย โดยมีวัตถุประสงค์ให้สตรีในพระราชวังสามารถมองภาพชีวิตเบื้องนอกได้ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สถานที่เที่ยวแห่งที่สองในเมือง Jaipur ซึ่งผมได้ชมคือ City Palace Complex ค่าเข้าชม 200 รูปี ข้างในมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจด้วยครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ใน City Palace Complex มี  Jar ยักษ์ ซึ่งกินเนสบุ๊คบันทึกไว้ว่า เป็นเครื่องเงินใหญ่ที่สุดในโลก และมหาราชาแห่ง Jaipur เคยนำ Jar ยักษ์อันนี้ ใส่น้ำ เดินทางไปอังกฤษตอนต้นศตวรรษที่ 20 ครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ด้านข้างของ City Palace Complex เป็น Jantar Mantar สถานที่ทดลองค้นคว้าทางดาราศาสตร์ของมหาราชา Jai Singh ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 1728 ที่นี่มีอุปกรณ์มากมายหลายอย่างครับ อุปกรณ์ในรูปเป็นเครื่องวัดเวลาในยุคโบราณ โดยดูจากแสงเงาของดวงอาทิตย์ที่พาดผ่านแท่งตรงกลาง ผมเดินเข้าไปดู เส้นเงาตกที่เวลา 11.40 น. ใกล้เคียงกับเวลาในนาฬิกาของผม ต่างกันประมาณ 10 นาที จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ช่วงบ่ายผมไปเที่ยว Amber Fort ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง Jaipur 10 กม. Amber Fort เป็นป้อมปราการที่เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1592 ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของบริเวณนี้ ก่อนที่มหาราชา Jai Singh ย้ายเมืองหลวงไปยัง Jaipur จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 50 จากด้านล่างริมถนนใช้เวลาเดินขึ้นไปยัง Amber Fort ประมาณ 10-15 นาที ที่นี่มีช้างให้บริการด้วย แต่ราคาแพง ผมจึงไม่ใช้บริการ ค่าเข้าชม Amber Fort 100 รูปีครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Amber Fort ดูกว้างใหญ่กว่า Agra Fort และ Red Fort จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อชม Amber Fort เสร็จ ผมเดินขึ้นเนินไปยัง  Jaigarh Fort ใช้เวลาเดิน 30 นาที ใน Jaigarh Fort ไม่มีอะไรให้ชมมากนัก จาก Jaigarh fort มองลงมาเห็น Amber Fort อยู่เบื้องล่าง.. ผมกลับมาที่รถตุ๊ก ตุ๊ก เกือบสี่โมงเย็น บอกคนขับว่า “ผมอยากไปถ่ายรูปหน้า Central Museum” มุนี บอกว่า “ผมไม่ไป จะพาคุณไปชอปปิ้งแทน” ผมโพล่งทันควัน “ไม่เอา ผมไม่ไปชอปปิ้ง” มุนี หยุดรถริมถนน หันมาทำท่าฉุน ดูเครียดจริงจังมาก ผมพลิกตำราแทบไม่ทัน นึกขึ้นได้เลยบอกไปว่า “ผมต้องรีบกลับโรงแรมเพราะเพื่อนจะเดินทางมาจาก Agra ไปตอนนี้เลย” มุนี ทำท่ากวนมาก บอกว่า “คุณมาเล่นตลกกับผมหรือ” ผมปั้นหน้าตอบไปว่า “เรื่องจริง เพื่อนผมจะมาจริงๆ” ในที่สุด มุนี ก็ขับรถตุ๊ก ตุ๊ก กลับที่พัก พอไปถึงผมรีบขึ้นไปหาของทาน รอให้เจ้าหมอนี่จากไป แล้วค่อยออกมาเดินเล่น พรุ่งนี้ผมจะเดินทางต่อไปยังเมือง Jodhpur ครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:06:14 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ยังเหลือเรื่องราวอีก 2 เมือง คือเมือง  Jodhpur และ Udaipur ซึ่งเป็นสองเมืองที่ผมชอบมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะเขียนต่อดีมั้ย เพราะผมเขียนเล่าเรื่องราวไม่เก่ง อย่างไรก็ตาม ขอบคุณเพื่อนๆที่ตามอ่านครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันคริสต์มาสและวันปีใหม่ครับ (^0^) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ธ.ค. 50 10:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 54 India เป็นประเทศที่น่าเที่ยวมาก เสียแต่ว่ามีแขก เคยไปทีนึง โอ้โฮ มานจ้องจะฟันอะไรกันขนาดนั้น เฮ้อ ปีหน้าอาจจะต้องไปธุระอีก ต้องเตรียมตัวไปเชือดเหลี่ยมเฉือนคมกับแขกอีกแล้ว (แต่ก็สงสัยจะเหวอะหวะกลับมาพอใช้) หนังสือถูกจริงๆนะ เคยซื้อ Freedom at Midnight มา เล่มนึงไม่กี่บาทเอง จากคุณ : ผ่านมาแจม - [ 24 ธ.ค. 50 10:33:18 A:58.8.171.228 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ชอบมาก.............   ขอบพระคุณที่นำมาให้ชมค่ะ จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ - [ 24 ธ.ค. 50 10:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โหอ่านแล้วเพลินเลย สนุกมากๆ ขอบคุณที่เอามาแบ่งปัน จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 24 ธ.ค. 50 10:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นคำว่าอินเดียก็รีบเข้ามาดูทันทีค่ะ ชอบทุกอย่างที่เป็นอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหาร และสถาปัตยกรรม เคยนั่งรถจากบอมเบย์ไป Aurangabad ผ่านชนบทของอินเดีย เหมือนเป็นอีกโลกเลยนะคะ ขอบคุณที่เอารูปมาให้ดูค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 24 ธ.ค. 50 11:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณที่มาแบ่งปันค่ะ ขาลุยจริงๆ จากคุณ : มังคุดกวน - [ 24 ธ.ค. 50 14:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เยี่ยมครับ   ภาพสวย   น่าไปอินเดียมากๆครับ   คงต้องหาเวลาไปสักวันหนึ่งในเร็วๆนี้ครับ    ผมชอบประเทศแบบนี้   แม้จะหัวเสียกับตุ๊ก ตุ๊ก  แม้จะไมสะอาด    แต่ผมว่านี่คือความแปลกและแตกต่างที่ทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นครับ    มันคือสีสันของผู้คนท้องถิ่น  ผมชอบครับ จากคุณ : ซอร์บอนน์ - [ 24 ธ.ค. 50 16:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณมากครับที่มาเล่าเรื่องการท่องเที่ยวในอินเดียมาให้ฟัง นอกจากจะได้หนังสือดีราคาถูก เที่ยวสนุก และทานอาหารอร่อยแล้ว คุณ BlueWhiteRed ยังได้เพื่อนใหม่มาอีกหลายคน รู้สึกว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มมาก เป็น a passage to (through) India ที่เจ๋งจริง ๆ ครับ จากคุณ : A Muggle - [ 24 ธ.ค. 50 19:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตามมาชม อ่านสนุกมากเลยค่ะ  ดูแล้วอยากไปมั่งจัง แต่อ่านๆดูแล้ว บ้านเมืองเค้าดูอันตรายเหมือนกันเนอะ - -" จากคุณ : Vitamin_C - [ 24 ธ.ค. 50 20:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณสำหรับเรื่องราว และภาพสวยๆ เกร็ดความรู้ต่างๆค่ะ ยังอ่านไม่จบหรอก แต่มาเขียนชื่นชมก่อน และสัญญาว่าจะลอกเอาไปเที่ยวเอง ตามแบบโปรแกรมทัวร์ของคุณ จขกท.เลยค่ะ หวังว่าคงจะไม่ถือเป็นลิขสิทธิ์หงห้ามค่ะ จากคุณ : งามสรรพ - [ 24 ธ.ค. 50 21:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เยี่ยมมากครับ ทั้งเรื่องและภาพเลยครับ อ่านแล้วต้องบอกว่าอินเดียน่าสนใจกว่าที่คิดครับ จากคุณ : wut3616 - [ 24 ธ.ค. 50 21:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เพิ่งซื้อหนังสือ ถึงใจ..อินเดีย มาอ่านเมื่อวันก่อนเองค่ะ วันนี้เปิดเจอกระทู้นี้  กรี๊ดมาก ภาพเยอะดี ระยะหลังเริ่มบ้าสถาปัตย์ของอินเดียซะแล้ว ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าค่ะ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 25 ธ.ค. 50 11:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณมากครับที่นำเอาประสบการณ์มาแบ่งปันให้อ่านกันนะครับ รอตอนต่อไปอยู่นะครับ จากคุณ : Amanalata - [ 25 ธ.ค. 50 14:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 มาโหวตให้ค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 25 ธ.ค. 50 17:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อินตะระเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมอยากไปม้ากมาก ขอบคุณมากเลยครับ จากคุณ : RealWorld - [ 25 ธ.ค. 50 23:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ชอบโดยเฉพาะช้อปปิ้งอ้ะค่ะ สะใจดี แต่เบื่อตรงแขกชอบโกง เสียอารมณ์ทุกที จากคุณ : เป็นแอร์ใครว่าสบาย (Lovelyhome) - [ 26 ธ.ค. 50 03:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เดือนกุมภาจะไปบังกาลอร์ค่ะ ขอบคุณที่มาเล่าถึงการเดินทางให้ฟังนะคะ จากคุณ : พริกจืด - [ 26 ธ.ค. 50 12:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 จขกท ท่าทางอารมณ์ดีจริงๆขนาดโดนแขกหลอกตั้งหลายรอบแล้ว ยังเล่าเรื่องได้สนุกสนานจริงๆเลย ต้องขอชมเชยด้วยความจริงใจ ... เหมือนกับฝรั่งคนหนึ่งโดนไกด์ไทยหลอกให้ซื้อของแพงๆ แล้วก่อนกลับบ้านไกด์มันสนิทกับฝรั่งก้อเลยกวนโอ๊ยฝรั่งโดยการบอกว่า you รู้ไหมว่า I หลอกให้ you ซื้อของแพงๆเกินราคา เพราะ I ได้ commissions ฝรั่งมันหัวเราะชอบใจ แล้วบอกว่า เอ่อ ฉลาดนิหว่า เข้าใจทำมาหากิน (ฝรั่งมันคงเงินเหลือใช้แล้วสงสารไกด์ไทยอ้ะ) หาคนดีๆแบบนี้ยากนะ เรากำลังจะบอกว่าตอนเด็กๆเราก้อเคยเป็นคู่ปรับเก่าของแขกมาก่อน เคยชอบประโยคที่ว่า เห็นแขกกับงูให้ตีแขกก่อน แต่ตอนนี้ไม่กล้าพูดอีกแล้ว เพราะว่า...555+++ คนใกล้ชิดเราเท่านั้นที่จะรู้ความลับว่า... เพราะอะไรเอ่ย...ตอนนี้เราจึงต้องยกย่องแขก..... เพราะว่าอะไร???? ......แค่คิดก็ขำเสียแล้ว.........555++++ อีกรอบหนึ่ง....น้ำท่วมปากอยู่พูดมะออก.....ก๊ากๆๆๆๆ........ แต่เอ่อ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนเรา (เป็นสาวสวยด้วยนะ) ตอนนี้ก้อกำลังเที่ยวอยู่อินเดีย ...เราเพิ่ง mail ไปหาเธอเมื่อตะกี้น่ะ ว่าให้มาอ่านกระทู้นี้ เผื่อเธอชอบอัธยาศัยคุณ แล้วเธออาจจะชวนคุณให้ไป tour ด้วยกัน เพื่อจะได้ไปช่วยกันหลอกแขก เอ้ยระวังไม่ให้โดนแขกหลอก ...ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่กลับบ้านเสียก่อนนะ ...ไม่รู้เธอจะเปิด mail เราทันหรือเปล่านะ ....อิๆๆๆๆ.... เราว่า ถ้าโดนหลอกนิดๆหน่อยๆ แล้วรู้ว่าเขายากจนก็หยวนๆเขาเหอะน่ะ คิดเสียว่าแบ่งปันให้เพื่อนร่วมโลกบ้างเล็กๆน้อยๆ ...ถ้าเป็นแค่เอาเงินเล็กๆน้อยๆนะ แต่อย่าให้พลาดท่าถึงกับเป็นอันตรายทางร่างกายได้ก็แล้วกัน ..... แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 50 14:41:45 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 26 ธ.ค. 50 14:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณความคิดเห็นของเพื่อนๆทุกคนครับ ทั้งคุณผ่านมาแจม, คุณโตมิโต กูโชว์ดะ, คุณ tansy (iwrite4u), คุณกุลธิดา, คุณมังคุดกวน, คุณซอร์บอนน์, คุณ A Muggle, คุณ Vitamin C, คุณงามสรรพ, คุณ wut3616,  คุณยาคูลท์, คุณ Amanalata, คุณ tiki_ทิกิ, คุณ RealWorld, คุณ  Lovelyhome, คุณพริกจืด อินเดียน่าไปเที่ยวครับ ผมอยากอยู่เที่ยวนานกว่านั้น แต่มีข้อจำกัดเวลาเรื่องงาน.. ส่วนเรื่องโดนหลอก เรื่องสกปรก เป็นเรื่องปกติของที่นี่อยู่แล้ว ผมถือว่าเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งของการเดินทาง เมื่อเวลาผ่านไป หวนกลับมาคิดแล้วอดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ถ้าไม่อยากเจอสิ่งเหล่านี้ คงต้องอยู่บ้าน ไม่ไปไหนครับ :) แม้ว่าภาคธุรกิจบางส่วนของอินเดียกำลังเติบใหญ่สู่อุตสาหกรรม IT แต่การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมตระหนักว่า ประชากรในประเทศนี้หลายร้อยล้านคนที่ยังดำรงชีวิตประจำวันด้วยเงินที่ต่ำกว่า 1 USD .. หลายช่วงขณะในอินเดียที่ทำให้ผมย้อนคิดว่า เราโชคดีเหลือเกินที่มีอาหารดีๆทาน มีเสื้อผ้าสวมใส่ มีบ้านอันอบอุ่น.. อินเดียเป็นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนาน และเป็นแหล่งกำเนิดหลายศาสนา น่าสนใจมากครับ ผมหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสเดินทางไปยังส่วนอื่นๆของอินเดียอีก จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 26 ธ.ค. 50 19:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โปรดระวัง Delhi Belly ให้พก Lexinor ติดตัวไว้เสมอ นักท่องเที่ยวคนไหนไม่เคยเจอ แสดงว่ายังไม่ถึงอินเดียจริง ผมไปเที่ยวทัชมาฮาล ขากลับ แหม่มที่นั่งรถมาด้วยกันปวดท้องหน้าเขียวหน้าเหลือง รถต้องจอดชิดซ้ายเมื่อเหลียวเห็นร้านค้าข้างทาง ไกด์ทำท่ากุลีกุจอจะพาไป แต่พอเปิดประตูปุ๊บ แหม่มแกควบปุเลงๆทิ้งไกด์ชนิดไม่เห็นฝุ่น วิ่งข้ามถนนชนิดไม่กลัวเจ้าถนนไม่ว่ารถสองล้อสามล้อสี่ล้อไปจนถึงสิบล้อรวมทั้งวัวที่จะพบได้เสมอ สักสิบนาทีก็กลับมาอย่างโผลเผล ยิ้มแหยๆให้พรรคพวกบนรถที่รอลุ้นอยู่ว่า รอด ไม่รอด ได้ความว่า สงสัยจะน้ำมะม่วงคั้นที่ร้านขายของที่ระลึกที่ไกด์ต้อนพวกเราไปเข้าสักสองชั่วโมงก่อนหน้านั้น โปรดสังวร กินน้ำขวดน้ำโซดาปลอดภัยที่สุด เชื้อโรคท้องเสียที่อินเดียไม่เคยปรานีใคร จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 28 ธ.ค. 50 21:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง อ่านแล้วสนุกจัง ส่วนตัวเคยไปใช้ชีวิต (ทำงาน)ที่เดลี 2 เดือน แต่ไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไหร่ ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วย โดนหลอกไปหลายรอบเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องไม่ยอมทอนเงินเนี่ย เจอตั้งแต่ข้างถนนจนไปถึง counter ที่สนามบินเลย แต่ก็เป็นประสบการณ์แปลกๆและสนุกดี ถ้าไปที่อื่นอย่าลืมมา review trip ในพันติ๊บอีกนะคะ จากคุณ : CPLK13 (CPLK13) - [ วันครูแห่งชาติ 12:57:07 ]