ขอนำบทความจากหนังสือเก่ามาให้อ่านกันครับ
พอดีไปรื้อตู้หนังสือเจอมาครับ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคุณทัศนาวไลย
องคต
(ผู้สื่อสารพิเศษของวงวรรณคดีประจำสวิทเซอรแลนด์)
ในโอกาสที่ "วงวรรณคดี" จะออกฉะบับพิเศษฉลองราชนิติภาวะของล้นเกล้าล้นกระหม่อมของเราในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๐ นี้ ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสที่จะร่วมงานฉลองด้วย โดยส่งข่าวใหม่ที่สุดของล้นเกล้าฯมาให้สมาชิก "วงวรรณคดี"ได้ทราบ เพราะเมืองไทยในยามนี้เห็นจะไม่มีอะไรดีไปกว่าข่าวพระมหากษัตริย์ของชาวเรา
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเมื่อไม่กี่วันมานี้เพื่อหาข่าว พอดีได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเป็นเวลานาน ตรัสเล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึงการเสด็จประพาสเพื่อประกอบการศึกษาเมื่อวันที่ ๓๐ เดือนก่อน ล้นเกล้าฯของเราในขณะนี้ทรงพระสำราญและมีพระอนามัยดี
ในวันนั้นได้เสด็จประพาส Lugano แล้วเลยไปยัง Milan ในวันรุ่งขึ้น เสด็จไปกับพระอาจารย์ ออกจากพระตำหนักราวย่ำรุ่งครึ่ง เสวยพระกระยาหารมื้อเช้าที่สถานทูตไทย ณ กรุง Berne แล้วทรงรับพระพหิธานุกรราชทูตให้ตามเสด็จด้วย เสด็จออกจากกรุง Berne ไปไม่เท่าไร รถพระที่นั่งก็แล่นเลียบไปตามริมฝั่งทะเลสาบ Thun ล้นเกล้าฯตรัสว่า "ธรรมชาติของทะเลสาบในตอนเช้าสวยมาก" เมื่อผ่านเมือง Interlaken ซึ่งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz ทรงเล่าว่า "หลังจากที่ได้ผ่านทิวเขาและช่องเขาไปก็ไปถึงเมือง Interlaken ถนนเต็มไปด้วยฝุ่น อากาศก็ค่อนข้างร้อน" ที่ Interlaken นี้เคยเสด็จประพาสแล้วเมื่อฤดูร้อนที่แล้วมา ได้เสด็จทอดพระเนตรนาฬิกาดอกไม้ที่กาสิโน Kurraal เขาตกแต่งตัวเลขและหน้าปัดด้วยต้นไม้ดอก มีตุ๊กตาสามตัวคอยตีระฆังบอกเวลา แต่ทว่าเสียงระฆังนั้นไม่ค่อยดังนัก เมื่อเทียบกับความใหญ่ของนาฬิกาแล้ว ในบริเวณทั่วๆไปก็มีต้นไม้ปลูกไว้งดงามมาก
การเสด็จคราวนี้ได้เสด๋จผ่านช่องเขาอีกแห่งหนึ่งชื่อ Susten-Pass ถนนตอนนี้ทรงเล่าว่ากว้างและสวยมาก เพิ่งเปิดใหม่ๆในปีนี้เอง เมื่อวันเสด็จถึงมีหมอกลงจัด รถยนต์ที่แล่นผ่านไปต้องเปิดไฟ รถแล่นไปเรื่อยจนถึง Goeschenen ที่นั่นมีสะพานข้ามแม่น้ำ Reuss แห่งหนึ่งชื่อ Pont du Diable เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงมาก มีเรื่องเล่าว่าเมื่อจะสร้างสะพานนี้มีผู้รับเหมาสร้างหลายคน แต่ทำเท่าไรก็ไม่สำเร็จร้อนถึงผีตนหนึ่งมารับอาสาเจ้าเมืองสร้างสะพานนี้ให้ แต่เรียกร้องเอาสิ่งตอบแทน คือ วิญญาณแรกขแงผู้ข้ามสะพานนั้นไป ตกลงให้ผีนั้นสร้าง เมื่อผีสร้างเสร็จแล้วเจ้าเมืองก็ทำตามสัญญา คือต้อนสุนัขให้ข้ามสะพานนั้น ผีก็ได้วิญญาณของสุนัขไป แทนที่จะได้วิญญาณคน จึงมีความโกรธเป็นอันมาก ถึงกับพยายามทำลายสะพานนั้นเสีย แต่ทำอย่างไรๆสะพานนั้นก็ไม่ทะลายเพราะตัวเองได้สร้างไว้อย่างแข็งแรงมาก
ตรัสเล่าต่อไปว่า จาก Goeschenen ต้องเอารถพระที่นั่งบรรทุกรถไฟเข้าถ้ำจนถึง Airolo แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินต่อด้วยรถยนต์พระที่นั่ง ถึง Lugano ราวบ่ายสามโมงครึ่งจึงเสด็จประพาสเมืองนั้น
รุ่งเช้าเสด็จประพาสเมือง Milan เสด็จถึง Milan ราว ๑๐.๐๐ น. ทรงแวะที่สถานกงสุลไทย Mr.Faccheris กงสุลไทยนำเสด็จประพาสในเมือง และเสวยพระกระยาหารที่นั่น ตรัสเล่าถึงเมือง Milan ว่าเป็นเมืองใหญ่มาก แต่ถูกทิ้งระเบิดเสียหายยับเยิน เพราะถูกโจมตีหลายครั้ง เวลานี้เขาก็กำลังเร่งบุรณะบ้านเมืองของเขาอย่างเต็มที่ เสด็จพระราชดำเนินกลับราวบ่าย ๕ โมงครึ่ง แล้วตรงมาโลซานเลยทีเดียว
วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐
เมื่อวันที่ ๘ เดือนนี้ ได้มีงานฉลองวันเกิดคุณทัศนาวไลยที่พระตำหนัก คุณทัศนาวไลยดุเหมือนจะเป็นสตรีเพศผู้เดียวในสวิสที่ล้นเกล้าฯของเราโปรดปรานเป็นพิเศษ ในงานวันนี้มีเลี้ยงน้ำชาเวลาบ่าย ๔ โมง มีผู้มีเกียรติหลายท่านมาในงานนี้ อาทิคือ คุณพระอัครราชทูตพร้อมทั้งคุณนวลแข บุตรและธิดา ท่านรัศมีหม่อมและคุณชาย ท่านปิยะและท่านหญิงวิภาวดี คุณหลวงประเสริฐฯ คุณพัชราและบุตรี คุณจรูญพรรณและบุตร นอกจากนี้ยังมีนักเรียนไทยอีกหลายคน
หลังจากน้ำชามีเต้นรำ มีวงดนตรีเล็กๆ นายวงคือ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมของเรา ทรงเล่นหลายอย่าง ทั้งแซกโซโฟน กลารีแนต ทรอมเปตและกีต้า คุณบรรพต พานิชศุภผลเล่นเปียโน คุณอร่าม รัตนกุล ตีกลอง และเล่นหีบเพลงชักสลับกันไปแล้วแต่โอกาส คุณปรีชา พหิธานุกร เล่นกลารีแนต นอกจากนี้ก็มีคุณจำลอง รัตนกุล เล่นกีต้า และคุณนิเวศน์ สุทานุศาสน์ เล่นแซกโซโฟน ราวทุ่มเศษก็มีการเลี้ยงอาหารค่ำแล้วจึงเริ่มเต้นรำอีก
ลำดับต่อไปมีเต้นรำแบบ Cow-boy พระพี่นางเป็นผู้แนะวิธีเล่น ผู้มีเกียรติหลายต่อหลายท่านเข้ามาสู่วงเต้นรำ และเล่นไปด้วยความสนุกสนานกันเต็มที่ มีกระทั่งการรำวง ครั้งแรกๆไม่ค่อยมีคนออกรำนัก เพราะส่วนมากไม่มีใครเคยรู้จักการรำวงเลย แต่ภายหลังเมื่อพอที่จะจับวิธีรำได้แล้ว ก็มีหลายท่านที่ร่วมวงด้วย พระพี่นางทั้งๆที่ไม่เคยรำมาก่อนเลย ก็ออกรำได้ด้วยท่าทางอันนิ่มนวลราวกะมีความชำนาญในการฟ้อนรำ งานยุติลงเมื่อเวลา ๑.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น
คุณทัศนาวไลย เจ้าของงานได้หลับเสียแล้วก่อนงานเลิก เธอเพิ่งมีอายุครบ ๒ ขวบ กำลังอยู่ในวัยอันน่ารัก เธอเป็นเพื่อนแก้เหงาของล้นเกล้าฯได้เป็นอย่างดี
(จาก วงวรรณคดี เล่ม ๒๓ ฉบับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๐)
จากคุณ :
CVTบ้านโป่ง 
- [
วันสิ้นปี 16:46:13
]
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคุณทัศนาวไลย
