ความคิดเห็นที่ 1 การพระราชพิธีพระบรมศพในอดีตและเกี่ยวเนื่องมาถึงปัจจุบัน (ขั้นตอนอาจจะเปลี่ยนหรือสลับกัน) การพระบรมศพ สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช "ในอดีต" เมื่อสวรรคตลง ก็จะมีการพระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ ถวายเครื่องขาวทรงพระบรมศพ และถวายเครื่องบรมราชภูษิตาภรณ์อย่างเต็มที่ (เหมือนชุดแสดงละคร) จากนั้น ถวายขี้ผึ้งแผ่เต็มพระพักตร์ และพระทวารทั้งเก้าจากนั้น (เหตุคือป้องกันแมลงเข้าไปวางไข่ในพระบรมศพ)  จากนั้น นำฉลองพระพักตร์ ที่เรียกว่า "พระสุพรรณแผ่นจำหลักปริมณฑลฉลองพระพักตร์"(เหตุเพื่อถวายพระเกียรติพระบรมศพ พูดง่ายๆคือ หากพระบรมศพเน่าหรืออะไร จะได้ดูไม่น่าเกลียด) จากนั้นถวายมหาสุกำพระบรมศพ (มัดตราสัง) โดยใช้สายสิญจ์พันที่พระศอ พระดัชนี และ พระบาท ตามนัยคติทางพระพุทธศาสนาว่า บ่วงทั้งหลายคือ บุตร ทรัพย์ ภรรยา จากนั้นก็มีคล้ายพิธีราษฎร์คือ ถวายซองทองคำ มีดอกไม้ธูปเทียนใส่พระหัตถ์ไว้ เพื่อไปทรงสักการะ เจดีย์พระจุฬามณีบนดาวดึงส์ ที่มีความเชื่อว่า ท้าวสักกกะเทวราชทรงสร้างเพื่อประดิษฐานพระเกศโมลีและพระเขี้ยวแก้วด้านขวาของพระพุทธเจ้า จากนั้น เมื่อถวายมหาสุกำพระบรมศพแล้ว จึงเชิญพระบรมศพ ประดิษฐานบนผ้าขาว สองชั้น และผ้าเยียระบับอีกหนึ่งชั้น วางให้เหลี่ยมเหลื่อมกัน เชิญพระบรมศพจัดในท่านั่ง (ขอบรรยายเป็นภาษาสามัญ) เข่ามาเกยที่คาง เอาแขนและมือมากอดขา ประนมมือไว้ จากนั้นยกผ้าขึ้นและประดิษฐานในพระบรมโกศ เสียบเหล็กกาจับหลักไว้กางผ้า ให้ทะลุขึ้นมารองรับคาง (ไม่ได้แทงที่พระทวารน่ะครับ) นำเชือกสายสิญจ์มารัดรึงพระบรมศพกับเหล็กกาจับให้มั่น รัดผ้าให้แน่นหนา(สมัยก่อนไม่มีฟอร์มาลีน พระบรมศพจะอืด จึงต้องรัดผ้าให้แน่น) จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นประธานในพระราชพิธีถวายพระชฏาห้ายอด ภูษามาลารวบผ้าขมวดเป็นปมที่พระเจ้า(หัว) พระบรมศพ รั   ดให้แน่น แล้วต่อสายสิญจ์โยงมายังพระภูษาโยงเพื่อให้พระสงฆ์สดัปกรณ์ จากนั้น ภูษามาลา ปิดพระโกศ นำขี้ผึ้งยาปิดหมด อาจจะมีบัดกรีปิดเพื่อกันแมลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วประกอบพระลองทองใหญ่ ภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ประดิษฐานบนพระแท่นสุวรรณเบญจปดล ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากคุณ : natthaset - [ 4 ม.ค. 51 10:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนพระชฎาที่ถาม หากเป็นพระมหากษัตริย์จะถวายพระชฎาห้ายอด ในแต่ละรัชกาล หากเป็นพระบรมศพพระบรมวงศ์ ก็จะถวายพระชฎาทำจากกระดาษปิดทองเขียนสี ประดับกระจก (เทริด) ครับ อ่อ รัชกาลที่ ๘ ทรงฉลองพระองค์สูทสากล ทับฉลองพระองค์ และพระภูษาขาวน่ะครับ ทรงพระชฎามหากฐิน รัชกาลที่ ๗   หากเป็นสมัยก่อน ก็จะสวมพระเศียรเลยครับ แต่สมัยปัจจุบันพระบรมศพอยู่ในหีบ ก็จะเป็นการตั้งด้านข้างครับผม ส่วนความหมายก็คือ ถวายพระเกียรติยศพระบรมศพหรือพระศพไงครับ อีกอย่าง ถ้า เป็นพระบรมศพ หรือพระศพเจ้านายพระบรมญาติผู้ใหญ่ ก็จะถวายสรงที่พระบาท ถ้าเป็นพระบรมญาติ ก็จะถวายสรงที่พระอุระหรือพระหัตถ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท สรงที่พระบาท จากคุณ : natthaset - [ 4 ม.ค. 51 10:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ชมเชยคุณ natthaset แน่นมากเรื่องข้อมูล มักได้ความรู้เสมอเมื่อเจอ ขอได้รับการคารวะ จากคุณ : เอเดน (เอเดน) - [ 4 ม.ค. 51 11:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบพระคุณคุณ natthaset เช่นกันค่ะ จากคุณ : biebie999 - [ 4 ม.ค. 51 12:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคูณนะครับ ได้ความรู้เยอะเลย ผมยังนึกว่าเป็นแบบโบราณราชประเพณีเดิม จริงแล้วมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับกาลปัจจุบัน พระศพอยู่ที่พระหีบศพ ไม่ได้บรรจุไว้ในพระลองทองใหญ่ แต่มีตั้งขึ้นเพื่อประกอบพระเกียรติยศ จากคุณ : คุณเหลน - [ 4 ม.ค. 51 12:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของคุณครับผม จากคุณ : กริชครับผม - [ 4 ม.ค. 51 13:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ว่าแต่ว่าคุณ จขกท เห็นจากไหนหรอครับ พิธีทรงน้ำพระศพพระพี่นาง คือผมว่าผมดูทีวีก็ไม่มี ลึกขนาดเห็นว่า พระพักตร์ปิดทองนะครับ จากคุณ : C.H.A.I.N.A.R.A.I - [ 4 ม.ค. 51 13:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วันก่อนดูข่าว ได้ยินคำว่า"หักพระสาง" หลังจากที่ในหลวงทรงหวีพระเกศาให้พระพี่นางแล้ว .... การหักพระสางหมายถึงอะไรเหรอคะ ??? จากคุณ : นิคกับพิม - [ 4 ม.ค. 51 14:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนสมเด็จย่า ผมจำได้ว่าพระบรมศพประดิษฐานในพระบรมโกศไม่ใช่หรือ เพราะตอนนั้นทีวีถ่ายทอดตอนอัญเชิญพระบรมโกศ ลงจากพระที่นั่งดุสิตฯ และตอนก่อนถวายพระเพลิง ในหลวงก็ต้องทรงพระราขดำเนินขึ้นบันไดไปสรงน้ำพระพักตรด้วย และพระเพลิงลุกไหม้พระบรมโกศ เจ้าพนักงานก็ต้องคอยฉีดน้ำหล่อด้านนอกพระบรมโกศไม่ให้ไหม้เร็วกว่าพระบรมศพ เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นประดิษฐานพระศพในหีบพระศพ ตอนของสมเด็จพระพี่นาง ใช่ไหมครับ อ้อ ถามเพิ่มอีกนิด แล้วศพเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ได้พระราชทานโกศ นี่บรรจุศพในโกศหรือเปล่า ที่ผ่านมาก็เห็นมีโกศตั้งอยู่ตอนพระราชทานเพลิง จากคุณ : may-mo - [ 4 ม.ค. 51 15:37:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อคราวงานพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราฯ พระบรมศพอยู่ในหีบครับ ตั้งพระลองทองใหญ่ประกอบพระเกียรติยศเฉยๆ เหมือนกัน จากคุณ : รอยใบลาน - [ 4 ม.ค. 51 16:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ในงานคราวสมเด็จพระบรมราชชนนีสวรรคต พระบรมศพประดิษฐานไว้หลังพระแท่นสุวรรณเบญจปดล ครับ เมื่อบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาสแล้วเสร็จ ก็อันเชิญหีบพระบรมศพไปล่วงหน้าก่อน บรรจุใต้ฐานพระโกศไม้จันทน์  เวลาต่อมา จึงมีพระราชพิธีอัญเชิญพระลองทองใหญ่ แห่ไปตามราชประเพณี ไม่แน่ใจว่า ในพระโกศที่ประกอบพระลองทองใหญ่ มีสิ่งสำคัญแทนพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนีหรือไม่ (เคยได้ยินคลับคล้ายคลับคลาว่านำดวงพระชะตามาไว้แทนพระบรมศพ) สังเกตในรูปน่ะครับ ภายในพระโกศไม้จันทน์ ถ้าเป็นการถวายพระเพลิงศพสมัยก่อน ก็จะนำพระโกศ(ลองใน) ที่มีพระบรมศพมาประกอบพระโกศไม้จันทน์ แต่สมัยนี้ก็จะนำหีบพระบรมศพมาไว้ใต้ฐานแล้วถวายพระเพลิงตามปกติ สรุปว่า พระราชพิธีสมัยใหม่ ทำเหมือนสมัยเก่าทุกอย่างครับ เว้นแต่พระบรมศพ/พระศพ บรรจุหีบ แล้วอัญเชิญไปล่วงหน้า ที่เห็นทำนั่นคือ เพื่อถวายพระเกียรติยศตามแบบสมัยเดิม จากคุณ : natthaset - [ 4 ม.ค. 51 16:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พระบรมศพสมเด็จย่า เชิญใส่หีบเช่นเดียวกันครับ จากคุณ : FPR (FPR) - [ 4 ม.ค. 51 16:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จำได้ว่าคราวสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นแม่กองงานพระบรมศพ ทรงเลือกเอาไม้จันทน์ที่ยืนต้นตายแล้ว มาแต่งพระบรมโกศ ในการพระเมรุมาศครั้งนั้นเท่าที่จำได้จะมีช่วงพิธีการ เปลื้องพระบรมโกศ เชิญพระลองทองออกแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ จากคุณ : หนุ่มชาวบ้าน - [ 4 ม.ค. 51 18:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากได้ความรู้มากๆเลย จากคุณ : the_pams - [ 4 ม.ค. 51 19:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี (ขออภัยถ้าสะกดผิดนะครับ) เป็นพระองค์สุดท้ายที่ พระบรมศพอยู่ในพระโกศจริงใช่ไหมครับ จากคุณ : C.H.A.I.N.A.R.A.I - [ 4 ม.ค. 51 19:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จะถามเหมือนความเห็นที่7 เหมือนกัน  อยากทราบค่ะ จากคุณ : bolton fanclub - [ 4 ม.ค. 51 19:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับความรู้มากมายค่ะ แล้วจะติดตามกระทู้เรื่อยๆ นะคะ จากคุณ : tiara - [ 4 ม.ค. 51 20:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ชื่นชมและขอบคุณคุณ Natthaset ครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น จากคุณ : สัญญาณหางปลา - [ 4 ม.ค. 51 20:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ ๗ มาจากหมายกำหนดการ พระราชพิธีสรงน้ำพระศพน่ะครับ ความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ยังพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อรถยนต์พระที่นั่งถึง ทั้งสองพระองค์เสด็จขึ้นทางบันไดมุขกระสัน พระที่นั่งพิมานรัตยา เข้าไปในพระฉากที่พระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ บรรทมอยู่บนพระแท่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระศพ บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร   สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับขวดน้ำพระสุคนธ์ ถวายสรงที่พระศพ และทรงคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับหม้อน้ำพระสุคนธ์ และโถน้ำขมิ้น จากเจ้าพนักงานสนมพลเรือน ถวายสรงที่พระอุระพระศพ จากนั้นทรงหวีพระเกศาขึ้นครั้งหนึ่ง และหวีลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วหักพระสางวางไว้ในพาน ซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่   จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระราชอาสน์ ที่นอกพระฉาก นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนัก  พระราชวัง กราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงวางของพระศรีบรรจุดอกบัว และธูปเทียน ทรงรับแผ่นทองคำจำหลักลาย ปิดพระพักตร์ และทรงรับพระชฎาทองคำวางข้างพระเศียร เจ้าพนักงานเชิญพระศพลงสู่หีบศพ ตำรวจหลวงเชิญไปประดิษฐานหลังพระแท่นแว่นฟ้าทอง ประกอบพระลองทองใหญ่ ภายใต้เศวต ฉัตร 5 ชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องสูงทอง แผ่ลวดบังแทรกชุมสายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน ณ มุขตะวันตก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงวางมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการเครื่องพระพุทธรูป และทรงทอดพระไตร พระสงฆ์ 84 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนที่พระแท่น พระสวดพระอภิธรรม แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทั้งนี้ เช้าวันที่ 3 ม.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายภัตตาหารเช้า มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมประจำ ทั้งกลางวัน และกลางคืน และพระราชทานฉันเช้า 8 รูป เพล 8 รูป มีกำหนด 100 วัน" ส่วนฉลองพระพักตร์แบบไทยนั้น ไม่มีรูปครับ แต่เคยเห็นในหนังสือเล่มหนึ่ง ฉลองพระพักตร์เป็นแผ่นทองคำ ดุนลายเป็นรูปหน้า เขียนลายเป็นพระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ยิ้มเหมือนละครลงยาสีแดง ลองดูในรูปงานพระบรมศพ พระเจ้าศรีสวัสดิ์น่ะครับ จากคุณ : natthaset - [ 4 ม.ค. 51 21:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนการหักพระสาง เป็นคติว่า ไม่ต้องใช้อีกแล้ว เป็นการหวีครั้งสุดท้าย จากคุณ : natthaset - [ 4 ม.ค. 51 21:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมขออีกคำถามได้ไหมครับ คือสงสัย เพราะอาจจะได้ข้อมูลผิดพลาด ที่ได้กล่าวไว้ว่า ในคราวพระบรมศพ ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๘ นั้น ทรงพระชฎามหากฐิน รัชกาลที่ ๗ นั้น แล้วพระชฏามหากฐิน รัชกาลที่ ๖ ละครับ พอดีผมเคยได้ข้อมูลมาว่าตอนรัชกาลที่ ๘ นั้นทรงของรัชกาลที่ ๖ นี่ครับ เพราะรัชกาลที่ ๗ ท่านเสด็จสวรรคตที่อังกฤษแล้วไม่มีพระราชพิธีพระบรมศพ เหมือนรัชกาลอื่นๆ จึงมิได้ทรงพระชฏามหากฐินของรัชกาลที่ใด ยังไงช่วยไขความกระจ่างด้วยนะครับ อ้อมีอีกครับ ถ้ารัชกาลที่ ๒ ทรงของรัชกาลที่ ๑ แล้ว ๓ ทรง ๔ ถัดมาเป็นลำดับอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ ท่านทรงพระชฏามหากฐินของพระองค์ใดหรอครับ วานผู้รู้ช่วยบอกทีครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Layla Kop - [ 4 ม.ค. 51 23:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี (ขออภัยถ้าสะกดผิดนะครับ) เป็นพระองค์สุดท้ายที่ พระบรมศพอยู่ในพระโกศจริงใช่ไหมครับ จากคุณ : C.H.A.I.N.A.R.A.I   - [ 4 ม.ค. 51 19:23:08 ] ^ ^ ถูกต้องครับ...พระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ เป็นพระบรมศพที่บรรจุลงพระโกศจริงครั้งสุดท้ายครับ จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย (NMkrung) - [ 4 ม.ค. 51 23:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พระชฎาห้ายอด มีทุกรัชกาล ครับ โดยรัชกาลนั้นเป็นผู้ทรงทั้งตอนยังทรงพระชนม์ชีพอยู่และเสด็จสวรรคตไปแล้ว พระชฎาห้ายอด รัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๖ ทรงเมื่อสวรรคต พระชฎาห้ายอด รัชกาลที่ ๗ รัชกาลที่ ๗ ไม่ได้ทรง เพราะสวรรคตที่ประเทศอังกฤษ เมื่อถึงคราวรัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคตอย่างทันด่วน ขณะนั้นยังไม่มีพระชฎาห้ายอดรัชกาลที่ ๘ จึงจัดพระชฎาห้ายอดรัชกาลที่ ๗ ถวายทรง จากคุณ : natthaset - [ 4 ม.ค. 51 23:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : ป้อมเตี้ยตุ่น - [ 4 ม.ค. 51 23:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ว่าจะตั้งกระทู่ใหม่ ก็เกรงจะเปลืองเนื้อที่ ขอถามในนี้ละกันครับ เรื่องพระแท่นที่ประดิษฐานพระศพ ครั้งนี้เห็นว่าประดิษฐานพระโกศบนพระแท่นแว่นฟ้าทอง ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่า คราวงานพระบรมศพ สมเด็จย่า ประดิษฐานพระบรมโกศบนพระแท่นสุวรรณเบญจปดล เหนือพระแท่นทองทราย (หากจำผิดกราบขออภัยครับ) ไม่ทราบว่าพระแท่นแต่ละแบบ มีการใช้ที่แตกต่างกันอย่างไรครับ เพราะเห็นคราวนี้ ก็ทรงพระกรุณาฯ พระราชทานพระลองทองใหญ่เหมือนกัน ขอทราบเป็นความรู้ด้วยครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 4 ม.ค. 51 23:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพประกอบครับ พระบรมศพสมเด็จย่า จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 4 ม.ค. 51 23:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 5 ม.ค. 51 00:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพที่สองครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 00:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หากใครจำภาพยนตร์เรื่องนเรศวรได้ ในฉากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์สวรรคต พระบรมศพจะทรงฉลองพระพักตร์อยู่ แบบเดียวกันมั่งครับ จากคุณ : หนุ่มชาวบ้าน - [ 5 ม.ค. 51 00:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพที่สามครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 00:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พระศพสมเด็จกรมหลวงฯ ผมหาภาพชัด ๆ ไม่ได้ หากท่านใดมีก็โพสต์ให้ดูหน่อยนะครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 00:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อ้อ อีกคำถามครับ "พระเบญจา" นี่คือส่วนไหนครับ แล้วคราวนี้ไม่ได้ใช้ "พระเบญจา" ใช่ไหมครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 01:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณคุณnattasetคะ ว่าแต่สมัยก่อนที่เอาพระบรมศพลงในโกศจริง แสดงว่าเวลาถวายพระเพลิงต้องถวายทั้งตัวโกศเลยหรอคะ โห เสียดายพระโกศแย่เลย ถ้าพระโกศที่ต้องถวายพระเพลิงทำด้วยทอง รวมถึงพระชฎาที่ว่าถ้าทำด้วยทองจริงแล้วต้องถวายพระเพลิงไปทั้งอย่างนั้น แต่สมัยนี้ดีแล้วคะที่ใช้ถวายตรงพระหีบ สะดวกกว่า พูดง่ายๆแสดงว่าเวลาถวายพระเพลิงนี่ ก็เหมือนเราๆที่เอาโลงเข้าเตาเผาใช่ไหมคะ ขณะที่ก่อนหน้าจะมีการตั้งโกฐหลอกไว้(กรณีข้าราชการทั่วๆไป)ให้คนไปวางดอกไม้ ส่วนโลงจริงตั้งข้างหลัง พอถึงเวลาก็ยัดเข้าเตาประมาณนั้น ประมาณนี้ปะคะ นึกภาพไม่ออกไม่ค่อยมีให้ดู มันเป็นเรื่องที่วัยรุ่นอย่างหนูสู่รู้ไปไหมเนี่ย  (ขอบคุณคะ)ดีนะที่เจอคำตอบ พ่อเล่นบอกว่าสมัยก่อนเอาพระศพลงโกฐทิ่มพระทวาร นึกแล้วไม่ไหว ถ้าเจ้านายเป็นหญิงคงน่าเกลียด โชคดีที่ได้คำตอบ เฮ้อค่อยยังชั่ว  มีอย่างนึงที่สงสัยดูในภาพงานสมเด็จย่า พวงมาลาหลวงคล้ายกับที่บรรดาข้าราชการทั่วๆไปได้รับ ซึ่งเห็นจนชินตา แต่ทำไมงานพระพี่นาง เห็นพวงมาลาเป็นอีกแบบอะคะ แบบสี่เหลี่ยม เป็นแบบนี้ทั้งพวงมาลาของในหลวง พระราชินี พระบรม พระเทพจนถึงพระเจ้าหลานเธอทั้ง7พระองค์หรือเปล่าคะ ถ้ามีภาพมาลาหลวงในที่นี้อยากขอดูชัดๆของทุกพระองค์คะ เพราะไม่เคยเห็น แปลกดี หรือแบบใหม่แล้ว(ไม่ทราบว่าพวงมาลานี้มีกันทุกพระองค์จนถึงคุณๆพระหลานเธอหรือเปล่า อยากเห็นจังคะ สวยดี ) กรณีนี้ สำหรับพวงมาลาของพระธิดาและพระนัดดาของพระพี่นางโดยตรงนั้น จะวางอยู่ตำแหน่งเดียวกับพวงมาลาหลวงของพระบรมวงศานุวงศ์หรือว่าตรงอื่น แล้วมีลักษณะของพวงมาลลาคล้ายกันหรือว่าเป็นพวงหรีดธรรมดา (เอแต่งานเจ้านายเขาจะให้พวงหหรีดเข้าหรือเปล่าคะ เท่าที่จำได้ไม่น่าให้เข้านะ  ขอบคุณเกร็ดความรู้ดีๆที่ให้แก่เด็กๆวัยรุ่นอย่างหนูคะ เป็นประเพณีหาชมยาก ในห้องสมุดที่รามยังหาไม่ค่อยมี ) จากคุณ : นิคิราม4401 (นิติราม4401) - [ 5 ม.ค. 51 02:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ใช่ครับ สงสัยเหมือนกัน แต่ครั้งนี้ใช้พระแท่นแว่นฟ้าทอง  เมื่อครั้งสมเด็จย่าใช้พระแท่นสุวรรณเบญจปดล (หรือ พระแท่นสุวรรณเบญจปฎลครับ) มีการใช้แตกต่างกันอย่างไร แล้ว ฐานเบญจาอีกเหมือนกัน  สังเกตดีๆจะเห็นชัดเลยครับ ว่าความสูงของฐานจนถึงพระโกศของสมเด็จฯกรมหลวงฯ จะมีความสูงแตกต่างจากในปี ๒๕๓๙ ครับ -  เมื่องานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จย่า เรียก พระที่นั่งพิมานรัตยา  แต่ทำไมครั้งนี้ถึงเรียกว่า พระที่นั่งพิมานรัถยาน่ะครับ หรือต้องการเรียกตามชื่อเดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ น่ะครับ - การถวายฉลองพระพักตร์จำหลักทองที่ด้านข้างพระบรมศพนั้น เชิญออกตอนปิดหีบพระศพหรือเปล่าครับ ในสมัยก่อนและปัจจุบันน่ะครับ รบกวนหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 5 ม.ค. 51 02:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดูสูงกว่าหรือคะ ก็พระเบญจาองค์เดียวกันตั้งเหนือพระแท่นทองทรายเหมือนกันมิใช่หรือ แค่เรียกต่างกัน คราวนี้เรียกพระแท่นแว่นฟ้า เหมือนเคยได้ยินว่า พระเบญจาอีกองค์ที่สูงกว่าคือองค์ที่ประดิษฐานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕ อุทิศถวายวัดเทพศิรินทราวาศ องค์ใหญ่แล้วก็วิจิตรงดงามมากค่ะ แต่ภายหลังงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕ ก็ไม่นำมาใช้อีกเลยค่ะ พระบรมศพหรือพระศพเจ้านายอื่นๆ ก็น่าจะใช้พระเบญจาองค์เดียวกัน แต่ในอดีตพระศพเจ้าฟ้า ได้รับพระราชทานเพียงพระเบญจา ไม่มีพระแท่นทองทราย และฉัตรปรุทองปักที่มุมพระเบญจาก็ได้รับพระราชทานไม่ครบทั้งหมด ในครั้งนี้ทรงพระราชทานทั้งเครื่องแต่งตัวพระโกศ พระเบญจาพระแท่นทองทราย และฉัตรปรุทองปักมุมพระเบญจาทุกชั้น เสมอด้วยพระบรมศพทีเดียวค่ะ หากพระราชทานเครื่องสูงทองแผ่ลวดด้วยแล้ว ก็เป็นพระอิสริยยศพระบรมศพ ครอบพระพักตร์ไม่แน่ใจนะคะ คาดว่าไม่น่าเชิญออก คงเชิญออกแต่พระชฎา จากคุณ : ธ - [ 5 ม.ค. 51 12:48:14 A:117.47.8.149 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 36 องค์นี้หรือครับ ที่ถวายวัดเทพศิรินทราวาส (เสียดายมีพระปรมฉายาลักษณ์บังตรงกลางพระแท่น) เท่าที่ดูก็งามมากจริง ๆ ครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 13:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 หรือดิฉันจะจำคลาดเคลื่อน อาจไม่ใช่พระเบญจาองค์นี้คะ จากคุณ : ธ - [ 5 ม.ค. 51 13:40:12 A:117.47.8.149 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พระเบญจา องค์ที่ถวายวัดเทพศิรินทราวาส คือ พระเบญจางานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน พระบรมราชเทวี ครับ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯถวายวัด เมื่อสิ้นงานพระเมรุที่ท้องสนามหลวง ส่วนพระแท่นสุวรรณเบญจปฎล กับ พระแท่นแว่นฟ้าทอง คิดว่าเป็นพระแท่นเดียวกันน่ะครับ โดยมีพระแท่นทองทรายหนุนอีกชั้นหนึ่ง เป็นหกชั้น ครับ เท่าที่สังเกตจากรูป เห็นว่าสูงเท่ากันน่ะครับ และเป็นพระแท่นเดียวกันน่ะครับ คือ เป็นพระแท่นไม้ห้าชั้นหุ้มทองประดับกระจก ที่สันนิษฐานได้อีกก็คือ พระแท่นสุวรรณเบญจปฏล ใช้เรียกกับเจ้านายที่ทรงเศวตฉัตร ๗ ชั้นหรือไม่ แล้วพระแท่นแว่นฟ้าทอง ใช้เรียกกันอย่างสามัญ หรือใช้เรียกกับเจ้านายที่ทรงเศวตฉัตร ๕ ชั้น หรือไม่ คงต้องไปถามผู้รู้อีกทีหนึ่ง จากคุณ : natthaset - [ 5 ม.ค. 51 14:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ในทีวีผมเห็นตอน เคลื่อนย้าย หีบพระศพ พระพี่นางออกมาข้างหน้าอ่ะครับไม่ทราบว่า เชิญออกมาตั้งด้านหน้าเลยหรอครับ จากคุณ : C.H.A.I.N.A.R.A.I - [ 5 ม.ค. 51 15:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ปลายปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๒๓ นั้น มีงานพระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ เมื่อเสร็จงานพระเมรุแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้เชิญพระเบญจาทรงพระโกศเฉพาะชั้นกลางกับชั้นบนมาไว้ในวัดนี้ เพื่อตั้งบนชุกชีในพระอุโบสถต่อไปแต่วันอังคารที่ ๒๙ ในเดือนเดียวกันนั้น ส่วนพระเบญจาเล็ก ๔ ทิศชั้นล่าง โปรดเกล้า ฯ ให้เชิญไปไว้วัดราชบพิธ เป็นต้น พระเบญจานั้นปรากฎในหมายรับสั่งว่า มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ กับเจ้าพระยานรรัตนราชมานิต (โต ต้นสกุลมานิตยกุล) ซึ่งครั้งนั้นยังอยู่ในตำแหน่งพระยา ช่วยกันอำนวยการสร้างโดยพระราชประสงค์ จากเวบไซต์วัดเทพศิรินทร์ครับ http://watdebsirin.com/ จากคุณ : จงรักไม่ภักดี - [ 5 ม.ค. 51 15:36:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ลืมรูปครับ จากคุณ : จงรักไม่ภักดี - [ 5 ม.ค. 51 15:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่เคยเห็นพระชฎาห้ายอดเลย  ไม่ทราบว่าท่านใดมีรูปให้ดูไว้เป็นวิทยาทานบ้างไหมคะ ขอบพระคุณมากค่ะ จากคุณ : biebie999 - [ 5 ม.ค. 51 17:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนพระเศวตฉัตรที่กันเหนือพระเมรุมาศ หรือพระเมรุ นั้น ส่งนใหญ่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานถวายเป็นพุทธบูชาพระประธานตามวิหารที่พระผู้สวรรคต หรือสิ้นพระชนม์ ทรงอุปภัมถ์ จากคุณ : หนุ่มชาวบ้าน - [ 5 ม.ค. 51 17:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ครอบพระพักตร์นี่สวมตอนถวายพระเพลิงเลยหรือคะ  แล้วทองโดนไฟละลายเนี่ยเอาไปทำอะไรหรือคะ  อยากทราบค่ะ จากคุณ : bolton fanclub - [ 5 ม.ค. 51 19:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จาก Blog คุณจินตะหราวาตี http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=somdej&date=21-04-2007&group=2&gblog=2 ชฎา ชฎาเป็นเครื่องสวมศีรษะที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยเครื่องทองหรือเงิน ประดับอัญมณีและพวงดอกไม้โลหะ ชฎาที่เป็นเครื่องราชศิราภรณ์ส่วนใหญ่เรียกว่า "พระชฎา" หรือ "มงกุฎรอง" พระชฎาและชฎาต่าง ๆ ในสมัยรัตนโกสินทร์มีดังนี้ พระชฎา ๕ ยอด หรือพระชฎามหากฐิน ปัจจุบันมี ๔ องค์ คือ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ พระชฎามหากฐิน ๔ องค์นี้ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร มีส่วนประกอบ คือ มาลา เกี้ยว ส่วนยอดเป็น ๕ แฉก ยอดกลางสูง อีก ๔ ยอดเล็กและต่ำกว่า ปลายสะบัดไปข้างหลัง ตรงกระหม่อมติดกระจังโดยรอบเป็นชั้น ๆ มีกรรเจียกจร ตอนล่างส่วนยอดพระชฎาปักใบสน หรือขนนกวายุภักษ์ หรือขนนกการะเวกหรือดอกไม้ทองคำซึ่งทำคล้ายขนนก ที่เรียกว่า "ยี่ก่า" พระชฎา ๕ ยอดที่สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชื่อว่า "พระมหาชมพู" เพราะลงยาสีชมพูทั้งองค์ พระชฎา ๕ ยอดใช้สำหรับทรงในการพระราชพิธีสำคัญ เช่นการเสด็จพระราชดำเนินกระบวนพยุหยาตราเลียบพระนครหรือเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐิน พระชฎา ๕ ยอด เป็นเครื่องราชศิราภรณ์สำหรับพระมหากษัตริย์และมีเครื่องต้นประกอบ ชฎาพระกลีบ สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชรมีส่วนประกอบคือ มาลาไม่มีเกี้ยว ส่วนยอดค่อนข้างแบนจำหลักเป็นกลีบ ปลายสะบัดไปข้างหลัง ตรงกระหม่อมติดกระจังมีใบสนและกรรเจียกจร เป็นเครื่องราชศิราภรณ์สำหรับพระมหากษัตริย์และมีเครื่องต้นประกอบ พระชฎาเดินหน สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นเครื่องราชศิราภรณ์ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์และมีเครื่องต้นประกอบ ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร มีส่วนประกอบคือ มาลากับเกี้ยว ส่วนยอดค่อนข้างแบน มีลวดลาย ปลายสะบัดไปข้างหลัง ตรงกระหม่อมไม่ติดกระจัง แต่มีสาแหรกแปดยึดมาลากับเกี้ยวให้ติดกัน มีใบสนและกรรเจียกจร พระชฎาเดินหนนี้ปรากฏว่าเคยพระราชทานให้เจ้านายบางพระองค์ทรงด้วย ชฎาพอก ทำด้วยผ้าหรือกระดาษรูปลักษณะอย่างลอมพอกแต่มีเกี้ยว ประดับดอกไม้ไหวทำด้วยทองคำหรือเงินตามระดับฐานะ ชฎาพอกนี้ใช้สวมพระศพเจ้านายตลอดลงมาถึงขุนนางที่ได้รับเกียรติบรรจุโกศ ส่วนพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ใช้พระชฎามหากฐินของรัชกาลนั้น ทรงตามพระราชประเพณี หากพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จสวรรคตก่อน โดยที่ยังมิได้สร้างพระชฎามหากฐินไว้เป็นเครื่องทรงประจำพระองค์ เมื่อจะอัญเชิญพระบรมศพลงพระโกศ ก็ทรงพระชฎามหากฐินของพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นสวมถวาย ชฎาแปลง ชฎารูปร่างคล้ายชฎากลีบ แต่ไม่มีลวดลายจำหลักหรือลายเขียน ชฎาดอกลำโพง มีลักษณะอย่างเดียวกับมงกุฎจีบแต่มักเรียกกันโดยทั่วไปว่า ชฎาดอกลำโพง ชฎามนุษย์ ชฎายอดพันผ้าใช้ในราชการ มีลักษณะอย่างลอมพอก ชฎายักษ์ ชฎามีรูปทรงและลักษณะต่าง ๆ กันหลายแบบดังปรากฏในลายพระหัตถ์ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ประทาน ม.จ. พิไลเลขา ตอนหนึ่งดังนี้ "ชฎาที่เรียกว่ามนุษย์นั้นพิจารณาดูรูปจะเห็นว่ามีรูปเดียวคือเป็นอย่างลอมพอกไทย ที่ชฎายักษ์มียอดอุตริต่าง ๆ แต่ครั้นดูรูปภาพนครธม (นครวัด) ก็พบชฎายอดอุตริต่าง ๆ นั้นอยู่บริบูรณ์ จึงเห็นได้ว่ายักษ์ใส่ชฎาขอมนั่นเอง ". ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๖, กรกฎาคม ๒๕๓๖ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 19:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ลงผิดรูป ด้านบนชฎาพระกลีบครับ รูปนี้ต่างหาก แต่ว่าทำไมเหมือนกันจังเลย งง ๆ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 51 20:11:13 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 51 20:10:00 จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 20:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอลงรูปเสริมคุณลูกลิงตัวอ้วนนะครับ พระชฎาห้ายอด รัชกาลที่ ๑ จากคุณ : นอกราชการ - [ 5 ม.ค. 51 20:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 48 พระมหาชมพู (พระชฎาห้ายอด รัชกาลที่ 5) จากคุณ : นอกราชการ - [ 5 ม.ค. 51 20:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 พระชฎาห้ายอด รัชกาลที่ ๖ จากคุณ : นอกราชการ - [ 5 ม.ค. 51 20:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบคุณนิติราม4401 (สถาบันเดียวกัน อิอิ)  ที่ถามไว้ใน คห. 33 แต่ตอบเท่าที่ตอบได้นะครับ เรื่องการถวายพระเพลิงนั้น เวลาถวายพระเพลิงจะถอดเอาพระลองออก เหลือแต่ส่วนที่เป็นพระโกศชั้นในที่เป็นโลหะ จากนั้นประกอบพระโกศจันทน์ซึ่งทำจากไม้จันทน์แกะสลัก ตั้งบนพระจิตกาธาน (เชิงตะกอน) พอเวลาจะถวายพระเพลิงจริงก็จะถอดกระโกศจันทน์ออก จากนั้นก็สุมเพลิงข้างใต้พระโกศ (ใต้พระโกศจะเป็นตะแกรงให้ไฟเผาได้) ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่านะครับ ส่วนพระชฎานั้น ก่อนถวายพระเพลิงจะถอดออกก่อน แล้วทราบมาจากหนังสือประวัติต้นรัชกาลที่ ๖  ว่าพระชฎานั้นจะนำไปยุบทำพระพุทธรูปครับ พวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงวางหน้าพระศพสมเด็จพระพี่นางนั้น ผมเคยเห็นว่าทรงใช้วางถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ต่างๆ ครับ จากคุณ : นอกราชการ - [ 5 ม.ค. 51 21:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 51 กลับไปค้นกระทู้เก่า ๆ ดู ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๓ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/10/K5942229/K5942229.html ทราบว่าพระแท่นที่ทรงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 คือพระแท่นแว่นฟ้าทองครับ แต่ก่อนงานพระเมรุ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ทำพระเบญจาอีกองค์หนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นองค์เดียวกับในรูปที่ได้โพสต์ไว้ก่อนหน้านี้ครับ ลองอ่านความคิดเห็นที่ 109 - 111 ในกระทู้ที่ได้ลิงค์ไว้ให้ครับ ภาพนี้น่าจะยังประดิษฐานบนพระแท่นแว่นฟ้าทองครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 21:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ส่วนภาพนี้น่าจะเป็นพระแท่นองค์ที่สร้างก่อนงานพระเมรุ เห็นว่า สูงใหญ่กว่าพระแท่นแว่นฟ้าทองครับ สังเกตนะครับ ว่าพระแท่นนี้ ตั้งกลางพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มิได้ตั้งด้านมุขตะวันตกอย่างพระแท่นอื่น ๆ และดูขนาดด้วยนะครับจะเห็นได้ว่าองค์ใหญ่มากทีเดียวครับ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยต่อไปอีกว่า ในปัจจุบัน พระแท่นองค์นี้อยู่ที่ไหนครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 51 21:40:16 จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 5 ม.ค. 51 21:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ~*~* IanGee *~*~ - [ 5 ม.ค. 51 22:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณคะ สำหรับทุกความเห็น จากคุณ : นิติราม4401 - [ 6 ม.ค. 51 00:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ภาพทุกภาพในกระทู้นี้ ถ้าไม่ได้ Save ไว้ คงเสียดายแย่ ขอบคุณค่ะ ~ จากคุณ : Material Girl - [ 6 ม.ค. 51 00:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 56 #52 เสากลางพระมหาปราสาทหายไปแล้วอะครับ เทียบกับ#51 จากคุณ : จงรักไม่ภักดี - [ 6 ม.ค. 51 02:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เรื่องเสาที่หายไปที่คุณจงรักไม่ภักดีตั้งข้อสังเกต มีความเป็นมาตามที่รัชกาลที่ 6 ได้ทรงบันทึกไว้ในประวัติต้นรัชกาลที่ 6 ดังนี้ครับ แต่เดิมในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเคยมีเสาหานอยู่มุขละ 4 ต้น ต่อมาเมื่อจะมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการถวายพระเพลิงพระบรมศพใหม่ โดยแต่เดิมรัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์จะให้สร้างอาคารที่เป็นถาวรวัตถุไว้ที่หน้าวัดมหาธาตุเพื่อใช้ประดิษฐานพระบรมศพ และทำแต่พระเมรุย่อมๆ เพื่อใช้เป็นที่ถวายพระเพลิง แต่รัชกาลที่ 6 และที่ประชุมเตรียมงานพระบรมศพเห็นว่าการสร้างถาวรวัตถุจะต้องใช้เวลานาน และไม่เหมาะแก่การตั้งพระบรมศพ ดังนั้นจึงได้ดำริให้ใช้พระที่นั่งดุสติมหาปราสาท เป็นที่ตั้งพระบรมศพแทนพระเมรุก่อนที่แห่ออกไปยังท้องสนามหลวง ในการนี้รัชกาลที่ 6 จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการซ่อมแซมและแก้ไขพระที่นั่งดุสิตฯ หลายอย่างเพื่อเตรียมงานดังกล่าว และหนึ่งในนั้นก็คือการยกเอกเสาหานทั้ง 4 ต้นออกไปด้วยครับ จากคุณ : รอยใบลาน - [ 6 ม.ค. 51 10:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เสาหานทั้ง 4 ต้น น่าจะเป็นเสาหลักในการรับน้ำหนักเครื่องบนของพระที่นั่งนะครับ ยกเอาออกอย่างนี้ น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อก่อนมีเสารับน้ำหนัก 4 ต้น เอาออกไปหมดเลย คิดว่าคงมีการคำนวนอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยแล้วมังครับ ผมก็ไม่มีความรู้ด้านนี้หรอก เพียงแต่สงสัยเฉย ๆ แต่เอาเสาออกแล้วดูโล่ง เหมาะแก่การประกอบพระราชพิธีดีนะครับ พระเบญจาที่สร้างขึ้นในงานพระเมรุพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง มีใครทราบไหมครับว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือไม่ หรือทรงอุทิศถวายไปที่วัดใดครับ อยากเห็นภาพสีนะครับ ในกระทู้นั้นเห็นระบุว่างามมาก แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 51 20:04:41 จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 6 ม.ค. 51 20:03:50 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผมได้ลองอ่านหนังสือ"ประวัติต้นรัชกาลที่ 6"  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงเล่าไว้ว่า ทรงได้ให้ช่างขึ้นไปดูเครื่องบน ปรากฎว่าเสาหานทั้ง 4 ต้นนี้  ไม่ได้ทำหน้าที่รับนําหนักพระมหาปราสาทอันใด  และเครื่องบนนั้นแข็งแรงพอที่จะรับยอดพระมหาปราสาทได้ เลยทรงให้เอาออกครับ จากคุณ : นอกราชการ - [ 6 ม.ค. 51 21:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คือว่า ในสมัยก่อนพระเมรุมาศ จะทรงพระปรางค์ ใหญ่มากๆน่ะครับ แบบพระเมรุมาศรัชกาลที่ ๔ ภายในมีพระเมรุทอง อยู่อีก และตั้งพระเบญจาตามคคหที ๕๒ ไว้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พอจะถวายพระเพลิงจริงก็อัญเชิญลงมาประกอบพระโกศไม้จันทน์ ถวายพระเพลิงบนพระจิตกาธาน จากคุณ : natthaset - [ 6 ม.ค. 51 22:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 6 ม.ค. 51 22:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เรียนถามคุณ natthaset ครับ เวลาถวายพระเพลิงจะอัญเชิญพระบรมศพมาประกอบพระโกศไม้จันทน์ แล้วถวายพระเพลิง ส่วนองค์พระเบญจาก็ยังคงอยู่ใช่ไหมครับ คงไม่ได้ถวายพระเพลิงไปพร้อมกันกระมัง ก็ชวนให้สงสัยว่าหลังการพระราชพิธี พระเบญจาองค์นี้ไปอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ เพราะเท่าที่ทราบการพระบรมศพ / พระศพของเจ้านายหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏพระเบญจาองค์นี้อีกเลยนะครับ ป.ล. อยากให้สำนักพระราชวังมีหนังสือรวบรวมเรื่องพวกนี้ไว้บ้างจังเลยครับ เป็นเรื่องน่ารู้ทั้งนั้น จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 6 ม.ค. 51 23:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 63 สุดยอดความรู้เลยค่ะ จากคุณ : yaam - [ 6 ม.ค. 51 23:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 พระเมรุมาศในสมัยก่อนนี้ อย่างที่กล่าวข้างต้น คือ เป็นพระเมรุมาศทรงปรางค์ มีขนาดใหญ่ สูงราว ๘๐ เมตร มีห้ายอด มีเมรุบริวาร ๘ ทิศ ภายในมีพระเมรุทอง สูง ๒๐ เมตร อยู่ภายใน น.อ.สมภพ ภิรมย์ ร.น. ได้กล่าวว่า บางฉบับบอกว่า ไว้กันแดดฝน แต่เป็นที่แน่ชัดว่า มีไว้สำหรับเป็นสิ่งคุ้มพระเบญจาทอง มีการอ้างในสมัยการถวายพระเพลิงกรมพระเทพามาตย์ พระบรมราชชนนีในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ว่า มีพระเมรุมาศใหญ่ ตั้งพระเบญจาทอง และเครื่องประกอบพระเมรุมาศ มากมาย ต่อมามีฝนตก ทำให้เครื่องประดับตกแต่งและพระเมรุมาศเปื่อยยุ่ย เห็นว่า เครื่องบนจิตกาธานก็เปียกจนจุดไฟไม่ติด พระราชประเพณีในสมัยก่อน ในการเริ่มการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็คือ การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปถวายพระเพลิงในพระเมรุมาศนั้นเป็นประถม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฝ่ายพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ(หรือพระบรมวงศ์ที่สวรรคต) จากนั้น อัญเชิญพระโกศประกอบพระลองทองใหญ่ แห่จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หรือ ที่ประดิษฐานพระบรมศพ โดยพระยานมาศ มาถึงหน้าวัดพระเชตุพน แล้วอัญเชิญขึ้นพระมหาราชรถ(อาจจะเป็นพระมหาพิชัยราชรถ หรือ เวชยันตราชรถ) แห่มาถึงพระเมรุมาศ แล้วใช้พระยานมาศแห่รอบพระบรมศพรอบพระเมรุมาศอีก สามรอบ จากนั้นอัญเชิญพระบรมศพโดยเกรินบันไดนาค ขึ้นสู่พระเบญจา ภายในพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร หากเป็นพระมหากษัตริย์ จะทำการสมโภช มหรสพรื่นเริง จุดดอกไม้ไฟ และบำเพ็ญพระราชกุศลกลางวันกลางคืน ประโคมย่ำยาม เหมือนกับช่วง ๑๐๐ วัน หลังสวรรคต   เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน  หากเป็นพระบรมวงศ์ก็จะสมโภช ฯลฯ เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน หรือแล้วแต่กรณี จากนั้นเช้าวันต่อมา ก็จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ เลี้ยงพระ ฯลฯ ตามพระราชประเพณี แล้วเชิญพระลองทองใหญ่ อันประดิษฐานบนพระเบญจาทองคำ ภายในพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ลงมา ประกอบพระโกศไม้จันทน์ที่พระเมรุบริวาร ประดิษฐานบนพระจิตกาธานที่มียอดเป็นฉัตร๙ ชั้น ที่ทำจากดอกไม้สด จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่และพระบรมวงศานุวงศ์ ฯลฯ เสด็จขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในตอนเย็นหรือค่ำ พนักงานที่อยู่งานถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก็จะคอยกำกับพระเพลิง ให้ลุกอย่างพอประมาณ หากพระเพลิงโชติแรงเกินไปก็คอยพ่นน้ำดับ การถวายพระเพลิงอย่างโบราณ(ไม่ใช่เตาแบบสมัยนี้) ผมทราบมาว่าใช้เวลานานมาก หลายชั่วโมงทีเดียว อีกทั้งสมัยก่อน ไม่มีเทคโนโลยีฉีดฟอร์มาลีน พระบรมศพก็เน่า เปียก (ผมคิดว่า)เป็นที่มาของการครูดพระตัจจะพระบรมศพ เพื่อให้พระบรมศพเหลือเพียงพระบรมอัฐิ และ พระตัจจะแห้งๆ ที่จะง่ายต่อการถวายพระเพลิง (ปัจจุบันมีการใช้ฟอร์มาลีน พระบรมศพ น่าจะเผาง่ายกว่าแต่ก่อน) กว่าจะถวายพระเพลิงเสร็จสิ้น ก็ถึงสักตีสอง ตีสาม (ประมาณเองครับ) พนักงานก็จะดับพระเพลิงด้วยพระสุคนธ์ แล้วประมวลไว้บนผ้าขาวคลุมด้วยตาดทอง บนพระจิตกาธาน มีพระมหาเศวตฉัตรแขวนสุมพระบรมอัฐิ เมื่อถึงเวลา พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ก็จะเสด็จขึ้นไปทรงจุดเครื่องทองน้อยบูชาพระบรมอัฐิ สรงน้ำพระบรมอัฐิ ประมวลเก็บไว้ในพระโกศพระบรมอัฐิ จำนวนหนึ่ง เมื่อเสร็จพนักงานก็มาจัดการเก็บพระบรมอัฐิต่อ แยกพระบรมราชสรีรางคาง ไว้ในผอบ อัญเชิญไว้ พนักงานอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ ประดิษฐานบนบุษบกทองพระเบญจาทอง(เห็นไหมว่าไม่ได้เผาพระเบญจาทอง)  สมโภชอีก ๓ วัน ๓ คืน เป็นคำรบ ๑๐ วัน ๑๐ คืน จากนั้นอัญเชิญพระบรมอัฐิเข้าในพระบรมราชวัง โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน สมโภชอีก ๓ วัน ๓ คืน ๗ วัน ๗ คืน แล้วประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิในหอพระธาตุมณเทียร เป็นอันเสร็จพระราชพิธี พระเบญจาทองคำ เป็นพระเบญจาไม้หุ้มทอง เหมือนพระแท่นสุวรรณเบญจปดล หรือพระแท่นแว่นฟ้า ในปัจจุบัน ผมสันนิษฐานว่า เมื่อสิ้นพระราชพิธีแล้ว ก็จะยุบทองคำที่หุ้มพระเบญจาไม้ ไปใช้ในการอื่นต่อ ส่วนพระเบญจาไม้ที่เป็นแกน ก็อาจะถวายวัด หรือรื้อไปทำกิจอื่นน่ะครับ จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 02:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ต่อเลยละกันนะครับ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริ ไม่ให้สร้างพระเมรุใหญ่ และมีพระเมรุทองอยู่ภายใน อันทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง พระเมรุมาศในรัชกาลที่ ๕ จึงเป็นดังที่ทุกท่านเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว คือ ทรงบุษบก (ผมสันนิษฐานว่า มาจากที่พระเมรุทองนิยมทำเป็นบุษบก หรือทรงมณฑปคล้ายๆกับที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท เพราะคติไทยถือว่า บุษบกหรือมณฑปเป็นศิลปะขั้นสูง) เมื่อไม่มีพระเมรุใหญ่ การตั้งพระบรมศพบน พระเบญจาทองและเครื่องบริวารก็ไม่สามารถจะตั้งได้ เพราะตากแดดลมหรือฝนเพื่อสมโภชอีกนับหลายสิบวัน(รวมการสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมอัฐิตอนหลัง) พระเบญจาจึงตั้งที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อย่างเช่น ภาพในคคหที่ ๕๒ เพื่อทำการสมโภชฯลฯ อย่างโบราณราชประเพณีที่ผ่านมาดังที่กล่าวไปตอนต้น จึงเป็นที่มาของการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กิจกรรมของพระราชพิธีถวายพระเพลิงจึงมีเพียง ๒ วัน คือ วันถวายพระเพลิง และวันเก็บพระบรมอัฐิ จากที่มีกิจกรรมนับสิบวันบนพระเมรุทองในพระเมรุใหญ่ พระบรมอัฐิ ก็อัญเชิญมาประดิษฐานพัก และถวายบังคมสักการะด้วยเครื่องนมัสการทองลงยา และทองลงยารอง ที่พระที่นั่งทรงธรรม และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แทนที่จะเป็นที่พระเมรุทองในพระเมรุใหญ่ จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 02:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่อ ถ้าตามพจนานุกรมนะครับ พระเบญจา คือ พระแท่นซ้อนกัน ๕ ชั้นลดหลั่นกัน ส่วนใหญ่ไว้ประดิษฐานบุษบกหรือพระโกศ ตามความคิดผมน่าจะแปลได้เหมือนกับคำว่า พระแท่นสุวรรณเบญจปดล = พระเบญจาทอง พระแท่นแว่นฟ้าทอง คือ พระแท่นทองที่ประดับกระจก แต่พระแท่นสุวรรณเบญจปดล เป็นพระแท่นไม้หุ้มทองประดับอัญมณี ตกลงคือองค์เดียวกันหรือเปล่าเนี่ย ? แล้วชั้นล่าง เป็นพระแท่นทองทราย หรือพระแท่นแว่นฟ้ากันแน่ ? จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 03:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 67 พระเมรุมาศ ในรัชกาลที่ ๔ ความสูง ๘๐ เมตร (สังเกตความสูงของราชรถ และตัวคนด้านขวา) จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 03:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อย่างสูงเลยอ่ะ จากคุณ : tinglee tingamee - [ 7 ม.ค. 51 03:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โอโห ผมเห็นรูป คห 67 มาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยสังเกต รอบข้างเลยว่าสูงมากขนาดนั้น ขอถามว่า อย่างภาพ  คห 67 นี่เวลาเผา เผาในพระเมรุใหญ่สูงๆ ที่เห็นเลยรึป่าวครับ แล้วขอถามอีกว่า ที่ไม่ใช่พระราชวงศ์ ที่เป็นสามัญชน ที่นำศพใส่ในโกศ(ไม่แน่ใจว่าสามัญชน ในสมัยนี้ยังใส่จริงอยู่ หรือตั้งไว้เพื่อเกียตริยศ) เวลาเผานั้น เผายังไงหรอครับ คือคิดว่า จะนำเข้าเตาในวัดคงจะไม่ได้ พอมาพูดถึงเรื่องนี้ก็เป็นที่สงสัยอีกว่าพระศพ พระบรมศพ ในปัจจุบัน ซึ่งใช้หีบพระศพ เวลาพระราชทานเพลิง และเผาจริง ไม่ทราบว่า ใช้อะไรจุดไฟ หรือใช้เตา หรือยังไงกันครับ เนื่องจากเป็นที่กลางลานกลางเเจ้ง แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 51 23:58:11 จากคุณ : C.H.A.I.N.A.R.A.I - [ 7 ม.ค. 51 05:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ จากคุณ : พนอจัน - [ 7 ม.ค. 51 06:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เข้ามาเรียนรู้เพิ่มทุกวันค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 7 ม.ค. 51 11:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามาตามอ่านกระทู้นี้ทุกวันเลยค่ะ จากคุณ : นิคกับพิม - [ 7 ม.ค. 51 17:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ฐานคือพระแท่นทองทรายค่ะ พระเบญจาทองคำสลักลายดุนประดับรัตนชาติสีขาว อาจเรียกพระแท่นแว่นฟ้าเมื่อไม่ได้ประดิษฐานพระบรมศพมั้งคะ ส่วนพระแท่นแว่นฟ้าจริงๆก็คงเป็นคนละองค์ จากคุณ : ธ - [ 7 ม.ค. 51 18:22:32 A:117.47.130.32 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ผมคิดว่า เรียกสับสนกันมานาน จนเป็นพระแท่นเดียวกันมากกว่า พระแท่นแว่นฟ้า ก็อีกอย่างหนึ่ง แบบที่เป็นลายเขียงก็มี ส่วนพระแท่นสุวรรณเบญจปดล ก็อีกพระแท่นหนึ่ง ใช้กันจนมั่วละมั้งครับ จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 18:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เรื่องการถวายพระเพลิงของพระบรมศพหรือพระศพ บนจิตกาฐานนั้น ถวายบนนั้นเลยครับ ไม่ได้ มีเตา ต่างหาก ครับ เหมือนที่เราเห็นเวลาตั้งศพโกศที่จะแต่งด้วยดอกรักทำเป็นตาข่าย ครับ เป็นม่าน เป็นอะไร คลุมจิตกาฐานไว้ครับ มียอดตามชั้นของศพ แต่เนื่องจากได้มีการปรับเปลี่ยนให้พระบรมศพหรือพระศพ ในหีบพระศพแทน ดังนั้น จิตกาฐานที่เคยเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม จตุรัส และเป็นยอดขึ้นไปนั้นลักษณะของฉัตรซ้อนกันขึ้นไป ทำจากตาข่ายดอกไม้ดอกรัก และอื่นๆ เพราะเยอะ มีการแทงหยวก(สลักลายกาบกล้วย)จำหลักลาย จำได้ว่า ช่างที่ทำมาจากเพชรบุรี ที่ทำถวายสมเด็จพระศรีฯ จิตกาฐานของสมเด็จพระศรีฯจึงต้องขยายยอดและขยายแบบออกมาเพื่อคลุมหีบพระศพที่อยู่ด้านล่างเพราะจะซ้อนกันอยู่ โดยอันเชิญพระโกศประกอบพระโกศไม้จันทร์ประดิษฐานบนฐานที่จำหลักไม้จันทร์ประกอบพระโกศแต่ในงานออกพระเมรุคราวนั้นเรียกวานฐาน จริงๆ แล้วก็น่าจะออกนามไปเลยว่าเป็นหีบพระศพ ผู้ประกาศข่าวตอนนั้น ก็มีการเรียกผิดอยู่นิดนึง อิอิ คราวนี้ จิตกาฐานก็คงมีลักษณะเดียวกับงานออกพระเมรุคราวที่แล้ว เพราะพระศพอยู่ในหีบพระศพ ส่วนการถวายพระเพลิงนั้นใช้ไม้จันทร์ จำหลักลายปิดทองคำเปลว แต่คราวนี้เป็นพระศพ ผมไม่แน่ใจว่ามีการจัดแตกต่างออกไปหรือไม่ และสุมพระเพลิงใต้ฐานครับ จนไฟลุกจากข้างล่างขึ้นด้านบน เพราะเมื่อถวายพระเพลิงหรือพระราชทานเพลิงจริงแล้ว จะเปิดฝาหีบพระศพด้านล่างและฝาพระโกศออก เพราะ พระเจ้าอยู่หัวจะต้องเสด็จขึ้นพระราชทานน้ำมะพร้าวสรงพระศพอีกครั้งก่อน ที่จะถวายพระเพลิง จริง หลังจากเสด็จลงจากพระเมรุแล้ว เจ้าพนักงานจะทยอยสุมไฟมากขึ้นแล้วถอดพระโกศไม้จันทร์ที่จำหลักลายออก อันนี้เป็นรับสั่งของพระเทพฯ เพราะต้องการให้คนรุ่นหลังได้เห็นความสวยงามของทำลายซ้อนไม้ เพราะสมัยก่อน ถวายไปพร้อมกับพระศพทั้งหมด ท่านรับสั่งไว้ตั้งแต่คราวงาน ออกพระเมรุ พระบรมศพคราวก่อนโน้น แต่โดยรอบหีบพระศพจะมีหีบเหล็กหรือทองแดงปิดทองแท้อีกชั้นก่อนจะเป็นลายไม้จันทร์ จำได้ว่างานออกพระเมรุคราวสมเด็จพระศรีฯ เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมสายฉีดน้ำ คอยฉีดเลี้ยงไฟไว้ไม่ให้ลุกเกินไป จำได้ว่า สมเด็จพระเทพ ท่านขึ้นมาคอยกำกับการถวายสุมพระเพลิง เพราะจำได้ว่าวันนั้น ลมแรงมาก ต้องถวายกั้นด้วยฉาก แล้วก็ ปิดม่านบางด้านเพราะลมแรงมาก คราวนี้ก็ต้องหาไม้จันทร์ มาทำกันอีก บอกได้เลยว่าสวยมาก แล้ว หอมมากด้วยครับ จากคุณ : เชค - [ 7 ม.ค. 51 21:35:04 A:58.8.157.164 X: TicketID:070398 ]

ความคิดเห็นที่ 76 พระจิตกาธาน สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 22:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 77 พระโกศไม้จันท์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากคุณ : natthaset - [ 7 ม.ค. 51 22:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เห็นลวดลายบนฉากบังพระเพลิงของทั้งสองงานแล้ว ชวนให้นึกว่า งานนี้ พระเมรุ และเครื่องประกอบต่างๆ จะออกมาสวยงามแปลกตาอย่างไร บ้างเพราะงานนี้ไม่ได้เป็นพระเมรุมาศที่มีลวดลายกำหนด กำกับไว้ และอีกอย่างผู้ที่ออกแบบพระเมรุคราวนี้คงต้องศึกษางานกันหนัก เพื่อให้งานออกมา สวยงาม สมพระเกียรติ ขอบคุณ น้อง natthaset ที่เอารูป มาเพิ่มเพื่อเปรียบเทียบนะครับ ลองสังเกตนะครับ ที่ฐานของพระโกศจันทร์คราวงานออกพระเมรุ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินีใน รัชกาลที่ 7 นั้น ถอดพระโกศจันทร์ ออกไม่ทันส่วนฐานเลยไหม้เกือบหมด แต่ตอนงานออกพระเมรุคราวล่าสุด ถอดออกเป็นชิ้นๆ สบายมาก ยกกันเป็นส่วนๆเลย เลยไม่ดำไหม้ไฟ อย่างที่เห็น จากคุณ : เชค - [ 7 ม.ค. 51 22:40:00 A:58.8.160.67 X: TicketID:070398 ]

ความคิดเห็นที่ 79 หีบไม้จันท์มีเครื่องแต่งตัวเหมือนพระโกศไม้จันท์เลยค่ะ จากคุณ : ธ - [ 7 ม.ค. 51 22:55:36 A:117.47.9.252 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ถูกต้องครับ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นหีบพระศพ แต่ตามศักดิ์ของสมเด็จพระศรีฯ ต้องนั่งโกศ เมื่อไม่นั่งจริง แต่บรรทมในหีบพระศพ การจำหลักลาย ฉลุลาย ซ้อนไม้ หีบพระศพไม้จันทร์ จึงต้องจำลองแบบลวดลายอย่างพระโกศจันทร์ ลงมาที่หีบครับ ใจนึงก็กลัวว่าเมื่อกาลสมัยเปลี่ยนไปมากกว่านี้ งานพระเมรุ หรือ การนั่งโกศ หรือ แม้แต่พระโกศ จะถูกยกเลิกไป ตามกาลสมัย อิอิ แต่นั่นมันเรื่องในอนาคต อิอิ จากคุณ : เชค - [ 8 ม.ค. 51 03:08:56 A:58.8.160.67 X: TicketID:070398 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณมากๆครับ สำหรับความรู้ จะขยันเข้ามาศึกษาหาความรู้อีกครับ จากคุณ : Hayguy - [ 9 ม.ค. 51 00:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ..ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย จากคุณ : viee - [ 9 ม.ค. 51 12:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 กระทู้แบบนี้แหละที่สมควรโหวตและเก็บเข้าคลังกระทู้ มีประโยชน์มากๆ ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมให้ความรู้ จากคุณ : Guga - [ 9 ม.ค. 51 12:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้นะคะ จากคุณ : Metronome - [ 9 ม.ค. 51 15:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : oldword - [ 9 ม.ค. 51 16:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบพระคุณทุกท่านครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 10 ม.ค. 51 07:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณคับบ ได้ความรู้มากมายเลยย จากคุณ : Hottest - [ 10 ม.ค. 51 07:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : เค้กหอม - [ 10 ม.ค. 51 10:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ได้รับความรู้เพิ่มเติมมากมายเลยค่ะ เคยอ่านในหนังสือ พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุของไทยเหมือนกันจากในห้องสมุดน่ะค่ะ ตอนนี้อยากได้หนังสือเล่มนั้นมาเก็บไว้เหมือนกัน จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 10 ม.ค. 51 11:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณผู้รู้ทุกท่านเลยน่ะครับ ได้ความรู้ไปทำรายงานอีกแล้ว พอดีต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้ด้วยเรื่องสถาปัตยกรรมไทย แต่ผมดันไปทำพระเมรุมาศ ไม่รู้จะสำเร็จรึเปล่า แต่ก็ขอบคุณน่ะครับ จากคุณ : เด็กประวัติศาสตร์ศิลปะ (DirrtyVanilla) - [ 10 ม.ค. 51 11:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สุดยอดความรู้เลยครับ ขอบคุณท่านที่นำเอาความรู้มาแบ่งปันกันมากนะครับ จากคุณ : GooD_LemoN - [ 10 ม.ค. 51 13:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เป็นกาทู้ที่ให้ความรู้จริงๆคะ เอ ขอถามสักคำถามที่ อาจจะรับฟังมาผิดนะคะว่า(ขอคำสามัญแล้วกันคะเพราะกลัวจะผิดพลาด)  การเผาพระศพนั้น เผาธรรมดาๆ แบบเราๆทั้งหลายหรือต้องมากรรมวิธีแปลกไปจากเราคะ เช่นต้อง แยกส่วนเผากระดูก ส่วนกระดูก เนื้อส่วนเนื้อ คะ เพราะเคยได้ยินมาว่าต้องแยก แต่ไม่อยากเชื่อคะ เลยมาขอความรู้คะ จากคุณ : ดาริเมยา - [ 10 ม.ค. 51 14:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 93 แยกค่ะ เท่าที่จำได้มีการเผาพระศพและกระดูก (พระอัฐิ) กับ เผาน้ำเหลือง (พระบุพโพ) ค่ะ   ทำไมถึงไม่อยากจะเชื่อละคะ ไม่แปลกเท่าไรนะ ประเพณีมีต่างกันไป แต่ละชาติแต่ละวัฒนธรรม จากคุณ : ลดาดาว - [ 10 ม.ค. 51 14:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณสำหรับความรู้มากมายเลยครับ เก็บเข้าคลังสมองโดยด่วน ^^ จากคุณ : artser43 - [ 10 ม.ค. 51 16:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณกระทู้นี้ ท่านผู้ถาม-ผู้ตอบทุกท่าน ได้ความรู้จริงๆค่ะ จากคุณ : ดอกเฟื่องฟ้า - [ 10 ม.ค. 51 17:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณมากๆ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : เหมยขาบ - [ 10 ม.ค. 51 18:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณมากค่ะที่นำความรู้ดีๆมาเล่าสู่กัน จากคุณ : lookansa - [ 10 ม.ค. 51 19:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เหมือนผมจะเคยอ่านในพระราชพงศาวดารว่า พระเมรุมาศของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้นสูง ๑๒๐ วา ก็แสดงว่า สูงถึง ๒๔๐ เมตรหรือตึกประมาณ ๒๐ ชั้น ผู้ใดรู้แจ้งช่วยแถลงไขหน่อยนะครับ หรือว่าจำมาผิดก็ไม่แน่ใจ แต่อย่าลืมว่าสมัยนั้นกรุงศรีอยุธยานั้นร่ำรวยมากมายด้วยเงินทองนะครับ อีกคำถามนะครับ พระบรมอัฐิ พระอัฐิ พระสรีรางคาร คือส่วนไหนบ้างครับ เพราะที่ใต้ฐานพระพุทธชินราชวัดเบญจมบพิตรนั้น มีการบรรจุพระสรีรางคารของรัชกาลที่ ๕ อยู่ ไม่แน่ใจว่าส่วนไหนครับ จากคุณ : เกียร์น้อย (เกียร์น้อย) - [ 10 ม.ค. 51 20:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อยากทราบ ตอนนำพระศพ ใส่ใน พระโกศ อะครับ ลักษณะ ของ พระศพ จะอยู่ในท่าไหนครับ มีรูปประกอบให้ด้วยจะดีมากเลยครับ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 51 01:21:57 จากคุณ : The_LEO_Kung - [ 11 ม.ค. 51 01:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ผมจำได้คร่าว ๆ ว่าของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชสูง 102 เมตรครับ ส่วนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 74 เมตร จำแหล่งที่มาไม่ได้ครับ จากคุณ : ลูกลิงตัวอ้วน - [ 11 ม.ค. 51 02:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ลืมมาแก้ข้อความคะ จิ้มอมยิ้มคุยกะคุณลดาดาว แล้วเป็นเพียงการอ่านเอาความผิดๆ  ยังไงก็ขอโทษด้วยคะที่ทำให้กาทุ้มีเรื่องแปลกๆ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 51 14:52:51 จากคุณ : ดาริเมยา - [ 11 ม.ค. 51 09:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยคะ จากคำถามคุณ เราอ่านเจตนาออกว่าไม่ได้ลบหลู่อะไร แค่งงนิดหน่อยว่ามีคนไม่เชื่อด้วย เลยถามดูว่าทำไมถึงไม่เชื่อ  จริงๆ แล้ว ประวัติศาสตร์เชิงมุขปาฐะเชื่อถือได้นะคะ ถ้าสืบต่อมานานพอจากรุ่นปู่ย่าตายาย  นักวิชาการบางท่านเน้น ปวศ เชิงมุขปาฐะ มากเลยนะคะ ถ้าคุณได้ยินมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย ก็น่าทึ่งค่ะ เพราะเรายังไม่เคยได้ยินใครเล่าให้ฟังเลย  พอดีมีโอกาสไปเห็นพิธีเอง  แล้วเราก็ไม่ขี้สงสัย ไม่ถามว่าทำไมต้องแยกถวายพระเพลิง ทำมานานแค่ไหนแล้ว มีกรณีไหนบ้างที่ไม่ทำ ฯลฯ  ตอนนั้นเราน่าจะสงสัยนะ เพราะบรรพบุรุษเราคนที่รู้จริงที่จะตอบได้ก็เสียไปแล้ว ท่านเล่าเรื่องต่างๆในประวัติศาสตร์ให้ฟังเยอะแยะ เราก็ไม่ค่อยจำ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เลยได้มาบางเรื่องเท่านั้น ใกล้เกลือกินด่างน่ะค่ะ จากคุณ : ลดาดาว - [ 11 ม.ค. 51 10:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อิอิ เหตุที่ต้องถวายพระเพลิง แยก ส่น เพราะ การถวายพระเพลิงนั้น ไม่ต้องการให้มีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ หรือใช้เวลานานเกินไปครับ เลยแยกกันทำเสียจะได้ สะดวก สะอาด หมดกลิ่น จากคุณ : เชค - [ 11 ม.ค. 51 11:33:54 A:58.8.157.202 X: TicketID:070398 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คุณปู่ชอบเล่าอะไรให้ฟังมากมายคะคุณลดาดาว เสียดายว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว บางอย่างก็ขัดกับความรู้ที่มาได้รับฟังและอ่านจาก หลายๆทางเลยสงสัยคะว่าความเชื่อที่เราเชื่อมาตลอดและนำมาบอกเล่าให้คนอื่นฟังผิดหรือเปล่าหว่า จากคุณ : ดาริเมยา - [ 11 ม.ค. 51 14:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ภาพพระโกศสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประดิษฐานภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากคุณ : พ ณ.ลำพู - [ 11 ม.ค. 51 23:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ภาพ จากคุณ : พ ณ.ลำพู - [ 11 ม.ค. 51 23:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอความรู้เพิ่มเติม หน่อยซิครับ การเผาพระศพแย่งส่วนอย่างไรหรือครับ และมีวิธีแยกอย่างไรครับ  ขอบคุณมากครับ กำลังตื่นเต้นและงงกับความรู้ใหม่ จากคุณ : Hayguy - [ 11 ม.ค. 51 23:27:40 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เท่าที่ทราบนะครับ  การถวายพระเพลิงในอดีตจะมีการถวายรูด พระองค์สุดท้่ายที่ทำตามโบราณราชประเพณี คือ คราวถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ในหนังสือจดหมายเหตุฯ จะมีหมายกำหนดการถวายพระเพลิงพระบุพโพ ที่เมรุวัดเทพศิรินทราวาส โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เสด็จแทนพระองค์ การถวายพระเพลิงพระบุพโพนั้น มิได้มีเฉพาะพระบุพโพเท่านั้น ยังประกอบด้วยเครื่องสุกำพระบรมศพและพระมังสาที่ถวายรูดรวมอยู่ด้วย ส่วนพระบรมอัฐินั้น อัญเชิญไว้ในพระบรมโกศเพื่อถวายพระเพลิงบนพระเมรุมาศ ครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 11 ม.ค. 51 23:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เพิ่มเติมคร้บ ไม่เฉพาะแต่เจ้าเท่านั้นนะครับที่มีการถวายรูด  ศพสามัญชนก็มีการรูดเนื้อออกจากกระดูกเช่นกัน  เนื่องจากในอดีตการเผาศพยังไม่มีระบบที่ทันสมัยเหมือนในปัจจุบัน  (คงคล้ายวัดในชนบทในปัจจุบัน ก็คงยังมีให้เห็นครับ)  ดังนั้นจึงต้องทำให้การฌาปนกิจเป็นไปโดยง่าย และไม่มีกลิ่นรบกวน ประสบการณ์ตรงจากงานฌาปนกิจศพก๋ง (ปู่) ผมเอง  พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนฌาปนกิจศพก๋ง สัปเหร่อ จะมีการรูดเนื้อออกจากศพก่อนวันฌาปนกิจ เพื่อเตรียมกระดูกสำหรับเผา โดยการนำศพมาแยกส่วน ต้มในปี๊บ เข้าใจว่าจะมีการใส่น้ำมันก๊าดด้วย เพื่อช่วยลดกลิ่น  พอสุกเนื้อร่อนแล้ว จึงนำมารูดเนื้อออก ส่วนกระดูก็ผึ่งให้แห้ง  ห่อด้วยผ้าขาว บรรจุไว้ในหีบไม้ รูปร่างคล้ายหีบศพ (หีบเล็กมาก ดูจากในภาพ ไม่น่าจะยาวเกิน 1 เมตร) เพื่อรอประกอบพิธีฌาปนกิจศพต่อไป  สำหรับเนื้อที่รูดออก สัปเหร่อจะเป็นผู้จัดการเผาเอง พ่อยังเล่าให้ฟังอีกว่า  บางคราวมีการเผาศพกันหลายศพ ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน สัปเหร่อจึงต้องเตรียมการรูดหลายศพในคราวเดียว  สิ่งที่ต้องระวังคือ จะต้องมิให้ชิ้นส่วนกระดูกแต่ละศพปะปนกัน  และที่สำคัญต้องระวังสุนัข ไม่ให้คาบไปแทะเล่นตอนผึ่งให้แห้งด้วยครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 11 ม.ค. 51 23:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สงสัยเรื่องการถวายพระเพลิงอ่ะครับ สมัยนี้ก็คือจะถวายพระเพลิงไปพร้อมกับหีบพระศพเลยใช่มั้ยครับ แล้วพระโกศจันทร์ (ส่วนฐาน) จะครอบหีบพระศพเอาไว้? ส่วนฐานของพระโกศจันทร์ด้านล่างมีฝาปิดรึเปล่าครับ ถ้ามีฝาด้านล่างน่าจะไหม้ก่อนไฟจะถึงหีบพระศพ? แล้วถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ยังใช้พระโกศ (พระลองใน) ด้านล่างของพระโกศจะเป็นยังไงอ่ะครับที่ไฟจะเข้ามาได้ เป็นรูเล็กๆ ช่องใหญ่ (พระศพจะตั้งยังไง) หรือว่าจะเป็นตะแกรง? จากคุณ : Weirdo - [ 12 ม.ค. 51 08:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อ่านเพลินเลยค่ะ กี่ครั้งก็ไม่เบื่อได้ความรู้เล็กน้อยเพิ่มทุกครั้งแม้เป็นเรื่องเดิม ขอชื่นชมผู้รู้ จากคุณ : ura_n - [ 12 ม.ค. 51 23:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อยากให้เยาวชน มาสนใจประวัติศาสตร์กันเยอะๆ ครับ .. รู้สึกภูมิใจที่บ้านเรามีประเพณีที่สวยงาม และมีพระเจ้าแผ่นดิน.. ขอบคุณผู้รอบรู้ทุกท่านครับ ....ติดตามไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : จอมโจรแปดนิ้ว - [ 13 ม.ค. 51 01:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เยอะมากๆ จากคุณ : Nakamura>>BaLLNa_O - [ 13 ม.ค. 51 01:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 114 กระทู้นี้ให้สาระความรู้มากมาย ขอบคุณมากๆนะค่ะ ทำให้เรารู้อะไรเยอะขึ้น จากคุณ : Lady Chinie - [ 13 ม.ค. 51 16:09:04 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เข้าใจแล้วว่าเผายังไง เพราะถวายพระเพลิงพระบุพโพไปแล้วต่างหาก ก็เลยเหลือแต่พระอัฐินั้นก็เป็นเพียงกระดูกรวบรวมไว้เผาในพระโกศอีกที ฉะนั้นก็คงจะไม่ได้ใช้เวลาเผานานมากเท่าไหร่แล้วไฟก็คงไม่ต้องโหมมากในสมัยก่อน พระศพไม่สามารถเปลี่ยนสภาพ หรือเด้งเพราะเอ็นได้รับความร้อนเพราะมีแต่กระดูกอยู่ด้านใน เข้าใจว่าสมัยปัจจุบันที่มีการเผาแบบไม่ต้องถวายรูดคงต้องใช้เวลาและความชำนาญมากกว่า ถวายรูดก็คงแบบเดียวกับคนจีนที่มีเทศกาลล้างป่าช้าที่ต้องไปขุดศพขึ้นมากทำความสะอาดแยกชิ้นส่วนก่อนนำไปเผา ผู้ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมงานบุญนี้ถือว่าได้บุญมาก จากคุณ : Kimpu - [ 14 ม.ค. 51 20:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 116 จาก คคห.ที่ 110 ครับ ผมคิดว่าพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ไม่ได้ถวายพระเพลิงพร้อมหีบพระบรมศพ เนื่องจากหีบพระบรมศพประกอบด้วยไม้จำนวนมากชิ้น  ถ้าเพลิงโหมอาจจะควบคุมเพลิงได้โดยยาก ด้วยพระเมรุมาศเป็นไม้ประด้บกระดาษสี อยู่บนที่สูงต้องกระแสลมง่าย เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่สนมพลเรือน (สัปเหร่อหลวง) คงจะอัญเชิญพระบรมศพออกจากหีบพระบรมศพ ประดิษฐานในหีบเหล็กปิดทองประกอบด้วยไม้จันทน์ฉลุลวดลายเป็นฐานพระบรมโกศจันทน์  ด้านล่างจะมีช่องสำหรับใส่เชื้อเพลิง (ไม้จันทน์) และตอนถวายพระเพลิงจะมีการสุมเพลิงทั้งด้านบนและด้านล่าง  ขณะเดียวกันก็จะมีการเลี้ยงน้ำด้วยเพื่อกันมิให้เพลิงลามหรือโหมแรงเกินไป เคยอ่านหนังสือเจอ ไม่แน่ใจว่าเป็นจดหมายเหตุงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ หรือไม่  จะมีภาพสมเด็จพระบรมฯ และสมเด็จพระเทพฯ  ประทับอยู่อำนวยการการถวายพระเพลิงจริงด้วย ซึ่งคงร้อนมาก เพราะในภาพ สมเด็จพระบรมฯ ทรงถอดฉลองพระองค์นอกออก เหลือแต่ฉลองพระองค์ใน (เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว) และเห็นหีบเหล็กปิดทองมีไฟโหมอยู่ด้านใน เริ่มถวายพระเพลิงจริง ประมาณ 22.oo น. และสิ้นสุดประมาณ 1 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 23:15:21 จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 14 ม.ค. 51 23:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 117 แล้วขณะเวลาที่นำศพลงไปต้ม เพื่อถวายรูดนั้นไม่น่ากลัวหรอครับ แค่คิดภาพตามยังหวาดเสียวเลย จากคุณ : newuno - [ 15 ม.ค. 51 02:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 118 อ่านย้อนกลับไปดูว่า เมื่อแรกๆที่เราพูดเรื่องพระแท่นแว่นฟ้าพระแท่นทองทราย คุยกันว่าพระราชทานพระเกียรติในงานพระศพมากจริงๆหากแม้มีเศวตฉัตร ๗ ชั้น กับเครื่องสูงหักทองขวางเข้ามาก็เป็นงานพระบรมศพทีเดียว คิดไม่ถึงว่าไม่กี่วันต่อมา ก็มีเศวตรฉัตร ๗ ชั้น กับเครื่องสูงหักทองขวางด้วยจริงๆค่ะ จากคุณ : ธ - [ 15 ม.ค. 51 22:59:15 A:117.47.129.189 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อยากทราบ ตอนนำพระศพ ใส่ใน พระโกศ อะครับ ลักษณะ ของ พระศพ จะอยู่ในท่าไหนครับ มีรูปประกอบให้ด้วยจะดีมากเลยครับ จากคุณ : The_LEO_Kung - [ วันครูแห่งชาติ 00:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 120 คคห.ที่ 119 ครับ  กรุณาย้อนไปอ่านความคิดเห็นที่ 1 ของคุณณัฐเศรษฐ์ นะครับ  อธิบายไว้ค่อนข้างละเอียดแล้วครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ วันครูแห่งชาติ 01:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ขอเรียนว่า ไม่มีการเคลื่อนพระศพของจากหีบพระศพครับ ท่านยังคงบรรทมอยู่ภายใน เพราะถ้าลองสังเกต ฐานลองพระโกศพระบรมศพ สมเด็จพระศรีฯ นั้นใหญ่โตมาก เพราะต้องครอบหีบพระบรมศพครับ แต่หีบพระบรมศพนั้น ต้องเปิดฝาออก และพระโกศไม้จันทร์เวลา ถวายพระเพลิงจริง ตอน 22.00 น. ต้อง เปิดฝาพระโกศจันทร์ ออกครับ การสุมไฟครานั้น ก็ ค่อนข้างจะสุมหนัก เพื่อให้เสร้จโดยเร็ว เปลวไฟสูงมากจนต้องฉีดน้ำเลี้ยงตลอด เพราะความร้อน สูงมาก สมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ และพระบรมวงศ์ เสด็จขึ้นควบคุม การถวายพระเพลิงด้วยครับ แต่บนนั้นร้อนมากจริงๆ แต่ก็ หอม อบอวลไปหมด เพราะมีแต่กลิ่นไม้จันทร์ และเครื่องหอม ที่ถวายสุม เจ้าหน้าที่เปลื้องมหาสุกำ โดนเจ้าพนักงาน ภูษามาลา ครับ จากคุณ : เชค - [ วันครูแห่งชาติ 10:42:52 A:10.9.2.76 X:202.44.70.52 TicketID:070398 ]