ความคิดเห็นที่ 1 tonmelb ตอบ... คือผมขอตอบเเบบนี้ ใช้ on/in which, for which, which มันต่างเกี่ยวข้องกับประโยค/คำนามที่อยู่ข้างหน้านะครับ ไม่ใช่กับ V เลย เพราะตัวเหล่านี้คือ relative pronoun ตัวเชื่อม ตัวเพิ่มความอยู่เเล้ว ไม่ใช่ไปเกี่ยวกับ V ไม่ได้ไปขยาย ฮ sinvme.sh ฮ clear ขึ้นนะครับ คำเหล่านี้มันทำหน้าที่ used to refer to something previously mentioned เเละประโยคที่คุณamygdala ให้มา ให้ดูที่ of which เท่านั้นครับ Of which, whose เป็น relative possessive คือมันจะใช้ก็ต่อเมื่อ มันต้องถูกนำไปใช้เเบบ-------------เเสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้น ----- ...the chief concern of which is increased food production with a corresponding increase in profits. ตรง concern ไม่มี s นะครับ เพราะมี verb เป็นเอก Is... ตรง the chief concern of which... เขียนอีกเเบบว่า the chief cocern of [ the powerful food lobby] is... จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:29:25 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Khun amygdala ประโยคที่ผมบอกว่า prepo มัน relate กับ verb อย่างเช่น This is the building in in which I live จริงๆมันมาจาก This is the building which I live in ครับ ในหนังสือ grammar ของ Collins เขียนไว้ว่า ถ้าใน relative clause มี prepo ของ verb อยู่ให้ย้าย prepo ของ verb ไปไว้ข้างหน้า relative pronoun ครับ ตัวอย่างเพิ่ม Describe a situation in which you have worked as part of a team. What did you find diffcult? ทำไมต้อง มี in หน้า which ทำไมไม่ใช้ which เฉยๆ What are the different ways in which a genetic condition can be inherited? ทำไมมี in Controversial TV Interview in which Benazir Bhutto states that Osama bin Laden was assassinated. An examination contains 8 questions of which 4 have 3 possible answers,3 have 2 possible answers each and? อันนี้ผมว่า ไม่มี of ใช้ได้มั้ยครับ There has been a lot of net discussion about "toilet paper" recently. Just what is this "toilet paper" of which you speak? Where can I find it? งง งง งง งง งง ? จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:31:15 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ amygdala ขออธิบายและแนะนำคุณแบบนี้ครับ ที่คุณ kafaak อธิบายเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ใช้ on which แทน when, at which แทน where และ for which แทน why เพื่อ more precise language นั่นก็เหตุผลหนึ่ง ซึ่งนั่นคือ 1 ในจุดมุ่งหมายและลักษณะพิเศษของ formal writing (ละเอียดและชัดเจนกว่า) อยู่แล้ว Formal writing จึงต้องต่างกับ Informal writing หนังสืออีกเล่มก็กล่าวไว้ว่า A.ใช้ When ที่เมื่อ ใช้แทน in which เมื่อประโยคนั้นระบุถึงเดือน ปี และแทน on which เมื่อระบุถึงวัน วันที่ เช่น The month [in which/when] Sam and Nam get married was June. Do you know the day [on which/when] Sam and Ram will get married? B.ใช้ Where ที่ซึ่ง ใช้แทน at which เมื่อระบุสถานที่ และแทน in which เมื่อระบุสถานที่ เช่น หมู่บ้าน, ประเทศ This is the hut. Henry lived at this hut. = This is the hut [at which/where] Henry lived. This is the house. She committed in this room. This is the house [in which/where] she committed suicide. C. Why ใช้แทน for which เพื่อแสดงเหตุผล The reason [for which/why] Kent was murdered are still unknown. @@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:32:13 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่คุณถามมาว่า ใช้ that แทน which หรือใช้ when/where/why แทน in/at/for which ได้ไหม มันแล้วแต่ครับ เช่น ใช้ that แทนคน สัตว์ สิ่งของ แบบในภาษาพูด ก็ Ok นะครับ ตรงนี้อยากให้คุณไปอ่านเพิ่มเติมในหนังสือหลักภาษา แต่อยากแนะดังนี้ 1. ประโยคที่ไม่มี prep ใช้ when/where/why แทนหรือถูกแทนด้วย in/on/at/for which ได้ 2. แต่ถ้ามี perp. ไม่ได้ เพราะสาเหตุเดียวเลยคือ เช่น that จะไม่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของและ that จะไม่ใช้แบบมี prep นำหน้า ( ซึ่งเหมือน where เช่น ไม่มี in where แต่มี where or in which คุณจึงควรมองแบบนี้ว่า where= in which อย่าไปมองว่า ทำไมต้องใช้ in which หรือมี in ทำไม มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับประโยค มองแบบนี้ยิ่งงงครับ) ตัวอย่างเพื่อศึกษาเพิ่มเติม The house [where] I live is very nice. = The house [in which] he lives is very nice. = The house [which/that] he lives [in] is very nice. ข้อนี้แหละที่ใช้ That แทน which ได้แล้วเขียน Prep. In ไปอยู่ข้างหลัง This is the screwdriver [with which] {not: with that} I managed to open the door. This is the pen [with which] she really wants to sign her name. This is the machine [with which] you should get familiar. = This is the machine [which] you should get familiar with. = This is the machine you should get familiar with. จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:32:58 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หรือแม้แต่ Of which ที่คนละมุมที่ประโยคที่คุณยกมา เพราะ of which นี้ of นี้มาจาก Proud of ในประโยคนี้ This is my first book [of which] I am very proud for its best-selling. = This is my first book [which] I am very proud [of] for its best-selling. ใช้ Which ได้ แล้วย้าย of มาอยู่หลัง Proud (ซึ่ง of ซึ่ง of นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ proud of ครับ) จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:34:13 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเป็นกำลังใจให้ อยากให้อดทน และอ่านและพยายามทำความเข้าใจมันทีละนิด ๆ ถ้าวันนี้ยังไม่เข้าใจ อย่าไปตกใจ มันเป็นธรรมชาติมากครับ มันต้องใช้เวลาและประสบการณ์เข้าช่วยด้วย ในช่วงแรก ๆ มันไม่ใช่แบบว่า -----------------ยิ่งอ่าน ยิ่งมัน ยิ่งเข้าใจ----------------------- ไม่ใช่ครับ -----------------ช่วงแรกของการเดินทางในสายนี้ มันต้องใช้ความมุ่งมั่นมากๆๆๆๆ ------ มันจะเป็นแบบ --------------ยิ่งอ่าน ยิ่งงง ยิ่งจะทำให้ท้อ ------------ อย่าท้อ เดินต่อไป ถ้าจะเดิน เพราะผมเองก็ผ่านช่วงนี้มาก่อนครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Grammar มีประโยชน์มาก ถึงแม้จะมีความรู้สึกว่า ยิ่งอ่านยิ่งงง พองงง หรือพอเรียนมาก ๆ ยิ่งเรียน ยิ่งงง พอมีโอกาสใช้ กลับใช้ไม่ได้ พูดไม่ออก Grammar จึงรับเคราะห์ไป ว่าการเรียน Grammar เห็นไหม มันไม่มีประโยชน์ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:36:12 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดนี้มีทั้งคิดและถูกครับ ผมขอกล่าวสั้น ๆ ว่า Grammar มีประโยชน์ยิ่งต่อ communication ทุกระดับ ถึงแม้ช่วงแรก ๆ ของการเริ่มเรียน ควรจะมีการสอน Grammar ให้น้อยที่สุด แต่สิ่งที่ควรต้องพิจารณาคือ ความสามารถของครูผู้สื่อ เวลาที่ครูที่จะสอนและเด็กที่จะซึมซับข้อมูลและนำไปใช้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ. วันนี้ คือ ครูก็ไม่แม่น และทำกันอย่างเร่งรีบมาก กิจกรรมก็เยอะ ดูเหมือนว่า จะมากด้วยปริมาณ แต่น้อยด้วยคุณภาพยิ่ง เรียน ๆ สอน ๆ กันไปให้จบไปวัน ๆ เท่านั้นเอง เวลาไม่ค่อยมี แรงจูงใจเป็น 0 etc ผมไม่ได้โทษครูหรือเด็กหรือโรงเรียนหรือใครทั้งสิ้น บางที เราต่างมีส่วนผิดครับ สิ่งสำคัญจริง ๆ ไม่ได้มานั่งว่ากัน สิ่งที่สำคัญคือ ความจริงใจที่จะมาแก้ไขปัญหานะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:37:03 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่างเพิ่ม Describe a situation in which you have worked as part of a team. What did you find diffcult? ทำไมต้อง มี in หน้า which ทำไมไม่ใช้ which เฉยๆ What are the different ways in which a genetic condition can be inherited? ทำไมมี in Controversial TV Interview in which Benazir Bhutto states that Osama bin Laden was assassinated. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จะใช้ Where แทนก็ได้ แต่ less formal นะครับ กฎการใช้ Where อีกข้อคือ ใช้อธิบายถึงสถานการณ์ สภาพ etc เมื่อมาถึงในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับสถานที่ หนังสือ Advanced Grammar in Use ของ Martin Hewings กล่าวไว้ว่า In academic English, we can also use where to refer to relationship other than location, particularly after words such as case, condition, example, situation, system เช่น Later in this chapter we will introduce cases [where] consumer complaints have resulted in changes in the law. (Or more formally cases in which ) จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:37:56 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีปีใหม่ครับคุณต้น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ม.ค. 51 22:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมยกมาเป็นเเค่ส่วนหนึ่งนะครับ More examples: During the performance there were [moments when/where] she found it difficult not to laugh. Hypoglycemia is [a condition where] the level of sugar in the blood drops suddenly. จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:38:58 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมจะนำคำถามคุณไป Post ไว้ที่ Pantip ห้องสมุด (ห้องรวมพลนักแปล) เพื่อจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม ในห้องรวมพลนักแปลนี้มีนักภาษาระดับเซียนกว่าผมเยอะ คุณและผมจะได้อ่านคำอธิบายที่มีประโยชน์ (ถ้าพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่นั้นเขามีเวลานะครับ ยังๆไงคุณแวะเข้าไปอ่านด้วย) เเละเช่นกัน ถ้ามีข้อผิดพลาด ผมจะ Post เเก้ไข ดดยผมได้จากเวปนี้เเละจากผู้รู้ท่านอื่น ๆ ไม่มีมั่วนิ่มครับ ช่วยตอบกลับมาทักทายผม และบอกผมด้วยว่า พื้นฐานภาษาคุณอย่างไร etc ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เห็นคุณเพิ่ง Post เดี๋ยวจะหาย เดี๋ยวจะท้อกันไปอีก กระทู้คุณเป็นกระทู้หลักภาษาซีเรียสแรกที่ผมตอบ ต้องนับว่าผมสนใจในการพัฒนาภาษาของเพื่อน ๆ คนไทยอย่างสม่ำเสมอ เพราะวันนี้ผมตั้งใจจะไม่ตอบนะ เพราะเป็น Day off ธรรมดาผมต้องสอนวันนี้ เพราะหลาย ๆ อาทิตย์ที่ผ่านมา เดินทางไปต่างจังหวัด (เรื่องงาน) หรือหลาย ๆเดือนที่ผ่านมา ชีวิตไม่ลงตัวดีนัก แต่เห็นว่าคำถามคุณน่าสนใจ (ยิ้ม) เหมาะที่จะใช้เป็นกระทู้แรกของการ Come back ของผม จึงอยากตอบ ปีนี้ผมพยายามจะหลีกเลี่ยง Grammar หนัก ๆ เพราะต้องใช้เวลาเขียนอธิบายนาน คนเข้ามาอ่านก็จะหนีหมด และจะท้อกับการเรียนภาษาไป แต่ก็เต็มใจที่จะตอบ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:39:29 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กลับมาเพิ่มเติมนะครับ วันนี้ผมได้ไปคุยกับเพื่อนครูฝรั่ง 4-5 คนเพิ่มเติม (ชุดเดิมครับ ผมจะมี 4-5 คนจาก 30 คนที่พอจะไว้ใจฝีมือได้ว่า รู้เรื่องหลักภาษาบ้าง แต่ 4-5 คนก็เอ่ยปากก่อนตลอดนะครับว่า เขาและเธอไม่ใช่ expert ด้านหลักภาษา) ผมไม่ได้ไปถามคำตอบ แต่จะไปถกเถียงกันตามพอหอมปากหอมคอ มาดูตัวอย่างเพิ่มนะครับ Formal: When my mother and I came to the United States, I experienced a move [from which] I felt that I would never recover. Less formal: When my mother and I came to the United States, I experienced a move I felt that I would never recover from. ประโยคที่ 2 สามารถใช้ where เป็น Informal: When my mother and I came to the United States, I experienced a move [where] I felt that I would never recover. ใช้ where นี้ ผมต้องคุยหลายคน ครูฝรั่งเห็นด้วยว่าใช้ได้(ซึ่งผมก็เห็นด้วย) ถึงแม้มี 1 คนบอกว่าแปลก ๆ โดยชี้ให้ดูคำ a move มันไม่เข้ากับ where ---------------------- ผมก็เห็นด้วยนะ แต่บอกว่าให้ดูที่ I felt that I would never recover. จะ make sense ผมถึงว่าใช้ where แทนได้ เพราะ where : In academic English, we can also use where to refer to relationship other than location, particularly after words such as case, condition, example, situation, system จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:41:00 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คือบอกถึงความรู้สึก เพื่อนครูฝรั่งอีกคนบอกว่า การใช้ where เป็น least formal ใช้ได้นะครับ ฝรั่งเขาใช้กัน ถึงแม้มันจะดูไม่เข้าร่องเข้ารอยกับหลักภาษาได้เนียนเท่าไหร่ ก็สนุกดีครับ discuss แบบนี้ More egs: I was often left alone as my mother left for fancy parties [at which] she mingled with famous actors, artists, and musicians. Less formal: I was often left alone as my mother left for fancy parties she mingled with famous actors, artists, and musicians at. I was often left alone as my mother left for fancy parties [where] she mingled with famous actors, artists, and musicians. The country from which I come is now involved in a civil war. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Adjective clauses with Where and When Where and When can introduce adj. clauses of place and time. April 15 is the day. April 15 is the date {when} [= the post office is open late on this day.] the post office is open late. You must pay income tax in the state. You must pay income tax in the state where [=you live in the state.] you live. @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:42:06 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 14 The state [where] I live has high taxes. The state [in which] I live has high taxes. The state [that/which] I live has high taxes. The state I live in has high taxes. @@@@@@@@@@ คำถามที่คุณถามมา I have 2 mobile phones [in which/where] one is/was equipped with a camera and another is/was equipped with an MP 3 player. คุณถามว่า ได้ไหมใช้ In which จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:44:41 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมขอตอบแบบนี้ ได้ แต่ผมขอใช้แบบนี้ I have 2 mobile phones [one of which] is/was equipped with a camera and another is/was equipped with an MP 3 player. ผมได้ถามเพื่อนครูฝรั่งหลายคน มีอยู่คนเดียว ไม่เห็นด้วยที่ใช้ In which แต่ให้ใช้ one of which แทน ดังนั้นขอสรุปว่า ถึงแม้ในอนาคตถึงจะมีคำอธิบายเพิ่มเติมก็ตาม แต่ผมขอแนะว่า ฝรั่งที่ใช้ภาษา เขาไม่ใช้ภาษา In which เขาใช้ง่ายกว่านี้เยอะครับ เช่น I have 2 mobile phones; one is/was equipped with a camera, and another is/was equipped with an MP 3 player. ; คุณรู้ไหม ฝรั่งยังถามผมเลยว่าเจ้า; คืออะไร คือ semi-colon หรือเปล่า? จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:46:28 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ใช่หมายถึงว่าเขาโง่นะ เเต่ผมต้องการสื่อว่า เหมือนคนไทยล่ะ มีหลายอย่างที่เราไม่รู้ More: Relative adverbs [where, when, why and how] can replace prepositions + the relative pronoun which when these preps. Refer to place, time, reason, or manner. Where = to/at/from/in+ which When = during/at/in/on +which Why = for which How= (the way) in which สมกับเป็นกระทู้ Come back เลย เพื่อน ๆ พี่ ๆ มีอะไรเสริม แนะ แก้ไข ยินดีครับ Good nite ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ม.ค. 51 22:47:17 A:61.91.164.196 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่คุณต้นตอบมานะ I have 2 mobile phones [one of which] is/was equipped with a camera and another is/was equipped with an MP 3 player. ผมว่ามันแปลกๆอะ เพราะว่าปกตินะ หลัง of which มันน่าจะเป็น subject อะ แต่ทำไมเป็น verb ไปเลยล่ะ งั้นทำไมไม่เขียน I have 2 mobile phones of which one is equipped with camera and another is equipped with MP3 player. ผมไม่คิดว่า one มันช่วยอะไรเลยนะ แบบว่าคิดแบบโง่โดยอนุมานจากประโยคนี้อะ I talk with the child whose mother died last night. บางทีผมก็กลับมาคิดนะว่าทำไมฝรั่งเขาพูดแบบนั้น แต่ส่วนมากชอบลอกเอามาทั้งดุ้นมากกว่า เพราะ fluent ดีอะ คิดมากพาลจะบ้าไปก่อน เพราะจริงๆนะ บางทีผมอ่านก็เข้าใจนะ แต่ถ้ามา rewrite ผมเองคงไม่ใช้พวก in which , of which อะไรนี่หรอก เพราะการเขียนแบบนี้ไม่ได้ทำให้เราได้คะแนนอะไรเพิ่ม มีแต่ถ้าผิดจะถูกหักคะแนน แต่บางทีก็อยากเข้าใจไง แบบว่าเราอ่านแล้วนี่ แบบมีความรุ้สึกว่าคนเขียนประโยคนี้นะ ดูฉลาด เออที่เขาเรียก sophisticated อะ แต่ถ้าเขียนเอาคะแนนนะ ไม่กล้าเขียนหรอก กลัวโดนหักคะแนนครับ ปล. ยกตัวอย่าง by which กับ from which ให้ดูอีกหน่อยดิครับ กระทู้สนุกดีอะ ตั้งแต่ถามใครๆหลายๆคนมานะดูนี่ที่จะตอบเคลียร์ที่สุดแล้วอะ amygdala จากคุณ : tonmelb - [ 10 ม.ค. 51 22:57:21 A:61.91.161.247 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต้องโทษคุณแล้วมั้ง อิ อิ ที่ทำให้ผมต้องนอนดึกอีกคืน 1 one of which มันเป็นประธานครับ one = is อธิบายเพิ่มเติม one of which which นี้แทน them = two mobile phones ที่เพิ่ง previously mentioned ไป = one of which = one of them = one of the two mobile phones และกฎของ one of + นามเอกพจน์ กริยาต้องใช้ V เอกครับ นั่นคือประโยคนี้ใช้ IS จากคุณ : tonmelb - [ 10 ม.ค. 51 22:57:52 A:61.91.161.247 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ 2. ใช้ of which one is ได้ไหม? ได้ครับ เพราะ of which one is ที่จริง = one of which เพียงแต่ of which one is formal มาก ๆ ภาษาเขียนครับ อธิบายเพิ่มเติมว่า: Noun+ of which one + V ดูแบบนี้ of which แทนนามข้างหน้าที่เป็นพหูพจน์ ส่วน one คือ 1 ใน 2 (mobile phones = การใช้ which นั้น หนังสือเขาบอกว่า เพื่อ limited number เท่านั้น) ดังนั้น one คือ จำนวน 1 (จำนวนย่อย) ที่มาจากจำนวนใหญ่ คือ of which นั่นเอง พูดอีกทีคือ of which แทน (จำนวน) นามที่อยู่ข้างหน้า ส่วน one คือ จำนวน 1 ที่มาจากกลุ่มจำนวน = of which ดังนั้น of which one = one of which is = 1 ใน จำนวนที่มีจำกัดครับ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ม.ค. 51 22:58:24 A:61.91.161.247 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ----------------------------------- of which one = one of which เป็น 1 part เดียวกันนะครับ ซึ่งต่างกับประโยคนี้ครับ It is not a question of+ which one is better. ข้อนี้เป็น 2 ส่วน คือ a question of + which one เพราะ Structure A question of something มีอยู่แล้ว สามารถใช้อ้างอิงได้ ตรงนี้ถ้าเราเรียนรู้มากขึ้น ภาษาอังกฤษสามารถแจกแจงเป็นศาสตร์เหมือนเลขหรือวิทย์ได้ครับ คือใช้กฎอ้างอิงได้ เทียบเคียงได้ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ม.ค. 51 22:59:02 A:61.91.161.247 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 21 More on “of which one” Should has 4 uses, of which one is factual, one , and the others หาจากได้ กูเกิ้ล แต่ผมเข้าใจ เพราะบางที กูเกิ้ลให้แต่คำตอบ ถ้าจะเข้าใจ ต้องสามารถตีความได้ ไม่ใช่เข้าใจไปเอง การตีความให้ถูกต้องแม่นยำ ตรงนี้แหละที่ต้องใช้ประสบการณ์ภาษาที่มีอยู่ของคุณ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ More We live by these rules. = These are the rules which we live by. = There are the rules by which we live. This is the way by which people earn their living. This is the bottle from which I drink. This is the bottle which I drink from. It is not a subject to which I devote a great deal of though. The death of his son was an experience from which he never fully recovered. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ม.ค. 51 22:59:34 A:61.91.161.247 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อีกครั้งหนึ่ง ผมได้ Post ที่ห้องรวมพลนักแปลที่พันทิพย์ด้วย และไม่ต้องกลัว เพราะถ้าผมผิด พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่นั่นจะรีบเข้ามาแก้ไขทันทีครับ เขารู้ว่าผม Ok กับตรงนี้ และเพราะเขารู้ว่า เรื่องนี้ ผมไม่ชอบรักษาหน้าตัวเอง ถ้าผิด แก้ไขเลยครับ น่าภูมิใจออก เพราะผมชอบรู้จริง รู้ลึก ถ้าผิด ต้องแก้ไขเลย คนที่เข้ามาอ่าน จะได้ไม่นำไปใช้ผิด ๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ผมใช้ภาษาใหม่อีกครั้งมาตั้งแต่ปลายปี 2531 แต่ชอบภาษาตั้งแต่ปอ 3 ไปเรียนและใช้ชีวิต+ ทำงานที่ Melbourne, Australia 14-15 ปี เขียนคอลัมน์+ตอบปัญหาที่เวปบอร์ดเข้าปีที่ 8 กว่าจะเข้าใจภาษาเท่านี้ แต่ทุกวันนี้ ก็ฝึกหนักเกือบทุกวัน เเละผมทำงานสอนภาษาอังกฤษ เเละใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานทุกวันครับ ไปนอนก่อนครับ ง่วงแล้ว จากคุณ : tonmelb - [ 10 ม.ค. 51 23:00:07 A:61.91.161.247 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นกระทู้เอง ตอบเองเหรอคุณต้น จากคุณ : คนสงสัย - [ 12 ม.ค. 51 10:07:26 A:203.113.70.11 X: TicketID:060367 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คือคำถามนี้จะมาจากเวปคุณ Andrew ที่ผมไปตอบปัญหาภาษาอังกฤษที่นั่น ผมจะนำมา Post ไว้ที่นี่เสมอครับ ไว้เพื่อที่อาจจะได้รับข้อมูล ข้อเเนะนำเพิ่มเติม ------------------ผมเข้าใจคุณคนสงสัยถูกใช่ไหมครับ?------------ ส่วนคอลัมน์นั้นที่ผมเขียนจะ free style ครับ ซึ่งอาจจะยกประเด็น เเล้วเขียนเองเลยครับ = ผมทำ 2 ส่วน : ตอบปัญหาภาษา+ขีด ๆ เขียน ๆ จากคุณ : tonmelb - [ 12 ม.ค. 51 11:29:42 A:61.91.161.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมอยากได้กระทู้ที่เกี่ยวกับการอ่านการเขียนตั้งแต่เบื้องต้นเลยครับ พอจะช่วยผมได้หรือเปล่าครับผมอยากปูพื้นฐานให้แน่นๆครับ จากคุณ : SouLsKi - [ 14 ม.ค. 51 13:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เจ้าของกระทู้บอกว่า.......... คือคำถามนี้จะมาจากเวปคุณ Andrew ขอถามครับว่า เวปคุณแอนดรูว์อยู่ที่ไหนครับ จะได้เข้าไปอ่าน จากคุณ : ด้วยความเคารพ - [ 14 ม.ค. 51 22:05:47 A:203.113.45.168 X: TicketID:162714 ]

ความคิดเห็นที่ 27 http://www.andrewbiggs.com/ABA/ จากคุณ : ไทเกอร์ อู๊ด (Tiger อู๊ด) - [ 15 ม.ค. 51 15:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 English Series 2008 สวัสดีครับ 11 เดือนกว่า ๆ จากนี้ end of January – December 2551/2008 ใครจะลุยไปกับผมบ้างครับ ลุยอะไรเหรอครับ? ภาษาอังกฤษครับ ภาษาอังกฤษ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อย่าเพียงแต่ฝันว่าอยากจะเก่งภาษาอังกฤษ แต่ไม่พยายามเท่าที่ควร ไม่สำเร็จหรอกครับ ไม่มีทางเลือก ต้องมีวินัย และฝึกฝนอยู่ทุกวัน อ่านเยอะ ๆๆๆ ขวนขวาย ๆ กระหายในความรู้ พยายามประคับประคองให้ตนเองผ่านจน-------------------เข้าใจมันในระดับหนึ่ง--------------------------- ผมมีเหตุผลส่วนตัวดังนี้ ผมเห็นว่า 1. มันต้องเริ่มจากระดับนี้ก่อน และจะบอกว่า ระดับนี้ โคตรยากเลยครับ เพราะต้องใช้วินัยล้วน ๆ 2. ส่วนที่จะต่อยอดไปจากนี้ ทำได้ และแน่นอนที่จะเพิ่มความอดทนมุมานะเพิ่มขึ้น etc 3. ส่วนที่จะไปถึงระดับเซียนหรือไม่ ตรงนี้ตัวใครตัวมัน ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอก เพราะผมก็ไม่ใช่เซียน คลุกคลีภาษาจะ 20 ปีแล้ว ตอนนี้ย่าง ๆ ปิ้ง ๆ 37 ฤดูฝนแล้ว อีก 25-30 ปีจะเข้าขั้นเซียนหรือเปล่า ตอบไม่ได้จริง ๆ ครับ ดังนั้นผมแนะว่า ระดับเซียนนี้ อย่าไปคิดกับมันมากเลยครับ ฝึกอย่างมีความสุข และมีอะไรก็ share knowledge ดีกว่าครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:18:21 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เป้าหมายของผม ต้องการให้คำแนะนำและคำอธิบายการใช้ภาษาผ่านตัวอักษรและประโยคที่ฝรั่งเขาใช้ ผู้อ่านที่ยังเรียนอยู่และใจเปิดกว้างและมีความตั้งใจจะใช้ภาษาเพื่อสื่อสารจริง ๆ จะได้ประโยชน์จาก Series 2008 ค่อนข้างมากเพราะมันใช้เวลานาน ที่คุณอ่านจากตรงนี้ แล้วจะสามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษได้จริง ๆ ถึงจะไม่ถึงเป็นภาพรวมและทุกส่วนก็ตาม -----ซึ่งผมมั่นใจว่าเกิดขึ้นได้ ถึงจะไม่ Complete นักทีเดียวถ้าเรียนในเมืองไทย+เริ่มตอนเป็นเด็กโตมาก ----- จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:23:52 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมต้องการจุดไฟในตัวคุณ แล้วลุกขึ้นมาลุยกันจริง ๆ ลุยกันไปข้างเลยดีไหมครับ เริ่มที่ 11 เดือนกว่า ๆ นี้เลย Series 2008 จะไม่ลงลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับ Topics ใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ แต่จะ touch on most topics ที่เหลือคุณผู้อ่านต้องเป็นผู้เรียนที่แข็งขันด้วย และ เพราะว่า คุณ ๆ สามารถ - จะหาความรู้ทางกูเกิ้ล ทาง Net ก็เยอะแยะมากมายมหาศาล - อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังดูข่าว ฟังเพลง พยายามหาโอกาสใช้ภาษา -หาที่เรียน ไม่ยากหรอก ที่เมืองไทย มีเต็มเลย ถ้าคุณต้องสอบและสถาบันเหล่านั้นช่วยคุณได้ดี ถ้าคุณขยันจริง ตั้งใจจริง หรือจะไปสอบสัมภาษณ์ ลองหาซื้ออ่านหนังสือประเภท English for a job interview อย่ารอครับ ต้องลงทุน ตามจริงเรื่องเหล่านี้ คุณต้องคิดล่วงหน้าแล้ว ไม่เช่นนั้น มันก็แสดงว่า คุณไม่ดีพอ สำหรับงานดี ๆ เพราะไม่สามารถจะคิดริเริ่ม หรือเป็น Self-starter เลย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:26:47 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กฎเหล็ก ไม่มีใครในโลกเรียน แทนคุณได้ครับ มีทางนี้ทางเดียวครับ อยากได้ภาษา ต้องสนใจภาษา หมั่นฝึกฝน อยากประสบความสำเร็จ ต้องสู้ ๆ คุณไม่สู้ แล้วใครจะสู้แทนคุณ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ เชิญแวะไปอ่านกระทู้เก่า ๆ ได้นะครับ หาในกระทู้เก่า ในรวมพลนักแปลครับ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:29:09 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Series 2008 Pronunciation, intonation, stress นี่สำคัญ ถ้าพูดออกไป แล้วไม่ clear ที่พูดออกไป ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฝรั่งเขาไม่เข้าใจนะครับ ถ้าจะเข้าใจเขา (ฟังออก) และเขาเข้าใจเรา (พูดชัด) เราต้องใส่ใจทักษะนี้ให้มากๆๆครับ ให้ไปหาหนังสือเล่มนี้ (เคยแนะนำแล้ว) มาอ่าน Clear Speech: Pronunciation and Listening Comprehension in North American English (3rd edition) by Judy B. Gibert เล่มสีน้ำเงิน มี audio ด้วยนะครับ ให้ศึกษาเรื่อง Phonics ด้วยนะครับ ไปหาซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาและศูนย์หนังสือชั้นนำทั่วๆไป จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:31:48 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถึงแม้ Pronunciation, intonation, stress แต่ถ้าใช้คำศัพท์และสำนวนไม่ถูกต้องและเหมาะสม อาจเกิดความผิดพลาดต่อการสื่อสารของคุณครับ ผู้คนอาจจะประทับใจคุณในครั้งแรก ๆ ที่พบและสนทนากับคุณ กับท่าที่ที่มั่นใจและสำเนียงที่ชัดเจน เพราะฝึกฝนมาจนชำนาญ แต่คุณจะถูกตำหนิในใจแน่นอนนะครับ ถ้าผู้ที่ติดต่องานกับคุณ ต้องฟัง Broken English จากคุณ งานมีโอกาสผิดพลาดมาก โดยเฉพาะถ้ามีการติดต่อเรื่องงานทางโทรศัพท์และทาง Email ตรงนี้ Practical grammar จะเข้ามา ------------------------------------------อุดรอยรั่ว-------------------------------------- English grammar มันให้ Proper and correct English ซึ่งมันจะปรากฏในคำพูดคุณ ข้อเขียนคุณ ไม่ดีหรือครับ ผู้คนจะประทับใจคุณ+งานคุณจะเจริญก้าวหน้า ไม่ดีหรือครับ? มากกว่าที่จะไปสุ่ม ๆ จะเดินทาง มีเข็มทิศที่คุณภาพดี แผนที่ที่ถูก ไม่ดีกว่าหรือครับ? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:33:58 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณต้องอย่าหยุดเรียนรู้ และ ๒ สิ่งที่คุณต้องเรียน คือ Grammar ที่มีประโยชน์กับงานของคุณ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า ส่วนนี้มันมีชื่ออะไร แต่ต้องใช้ให้ถูก และ Vocabulary and English expressions ศัพท์และสำนวน ๒ สิ่งนี้ต้องอย่าหยุดเรียน ต้องใฝ่หา ต้องหิวกระหาย เหมือนอาหารที่คุณต้องหากินทุกวัน น้ำที่ดื่มทุกวัน เอาแบบ Erotic แนว R หน่อยก็ดี คือเหมือน sex ก็ได้ครับ ที่คุณต้องมี (Wow! tonmelb พูดถึงเรื่อง sex) Pronunciation, intonation, stress ที่ฝึกมา จะได้ทำให้ฝรั่งเขาเข้าใจ message ของคุณ และเมื่อนั้น ประโยชน์มันจะเกิดกับตัวคุณ และงานของคุณ และส่วนรวม ดั่งที่เรา ๆท่าน ๆ เห็นกัน เพราะนี่คือเหตุผลของการเรียนภาษาอีกภาษาที่ไม่ใช่ภาษาของเรา เราจะเรียนไปทำไม ใช่ไหมครับ ถ้าคุณใช้มันไม่ได้ เรียน 12-16 ปี แต่ต้องกลับมาจำประโยคไป impress ผู้คน ดังนั้นคุณลองกลับไปถามตัวเองว่า ความไม่ขยันและไม่ตั้งใจจริงของคุณ มันขโมยโอกาสก้าวหน้าในการงานคุณ เงินและเวลาคุณมากมายแค่ไหน ยังไม่นับถึงงานดี ๆ นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:36:15 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 35 วิธีที่จะเข้าถึงแหล่งศัพท์และรูปแบบประโยคที่ฝรั่งเขาใช้กัน ใน Series 2008 จะรวบรวมประโยคและสำนวนภาษาอังกฤษต่าง ๆ และหลากหลายที่มาจาก หนังสือพิมพ์ Bangkok Post and The Nation บทความต่าง ๆ เช่น Thai and US politics และกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน น่าสนใจมาก ๆๆ คุณต้องได้รู้(โดยคุณต้องขยันด้วย) ศัพท์และสำนวนประโยคที่น่าสนใจมากมาย หนังสือ Self-help ต่าง ๆ และ mags เช่น Time magazine, Swasdee magazine, Kinnaree magazine และมาจากหนังสือที่คุณอาจจะมีอยู่ ที่ได้มาจากสถาบันภาษาต่าง ๆ หรือบางโรงเรียนที่ใช้กัน เช่น Chatterbox, Let’s Go, American Hotline, Get- Set-Go, Business Explorer, In Company, Attain, Network, Interchange (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) และอื่น ๆ อีกมากมาย มากมายจริง ๆครับ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:38:37 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณอ่านและหาความหมายโดยใช้ Dictionary และ talking dictionary นะครับ คุณต้องทำนะครับ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ทำเท่าที่ทำได้ รวมถึงถ้าฟังออก หนัง เพลง ข่าว Series ครับ + ต้องจดด้วย + นำไปใช้ ถ้าไม่ทุกวัน ก็อาทิตย์ครั้งก็ได้ เมืองไทยมีฝรั่งมาเที่ยวมากมาย ในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตามสถานที่ท่องเที่ยว ไปกันเป็นกลุ่ม ๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็คิดถึง คนรุ่นใหม่ทันทีว่า ไม่ว่าจะมีหนังสือที่ดีที่สุดในโลก ครูอาจารย์ที่ดี ที่เก่งมาก ๆ หรือโอกาส คน ๆ นั้น ไม่มีทางเก่งหรอก หรือแม้แต่จะประสบความสำเร็จในชีวิตในด้านอื่น ๆ ถ้าทำตัวแบบนั้น ไม่ขวนขวาย ทุกคนผิดหมด ยกเว้นตัวเอง เหยาะแหยะ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ฯลฯ เปลี่ยนแปลงยังทันครับ ชีวิตจะได้ไม่ลำบากครับ เพราะถ้าชีวิตอายุขึ้น 20 และยิ่งแก่ ความรู้ภาษายิ่งสำคัญมากๆ เพราะมันยังใช้ภาษาหาเงินได้นะครับ สำคัญตรงนี้แหละครับ ใช่ไหมครับ ทุกวันนี้เราเรียนอะไร มันต้องใช้สิ่งนั้นที่เรียนแปรเปลี่ยนเป็นเงินและโอกาสได้ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:41:04 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 37 An English article From The Nation November 20, 2007 Do things you love Article เกี่ยวกับคุณคริส หอวัง Cris Horwang มีศัพท์และสำนวนประโยคที่น่าสนใจมากมายเลยครับ ขอยกมาเพียงบางส่วน Regard her teacher with adoration Cris Horwang, an accomplished teacher of ballet Feel happiness After-school classes at the International School Bangkok She has about 400 students, of all ages. they don’t have any difficulty reaching me. Cris admits to being hot-tempered, but has learned to be calm and, as a teacher, has accepted that all people are different. ต่อวันอื่นครับ จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:43:56 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ลองอ่านดูนะครับ ถ้าคำไหนไม่รู้ เปิด Talking dict. หรือ Dicts ต้องถามตัวเอง ว่าเข้าใจศัพท์นี้หรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องเปิดทุกคำที่อ่าน แต่ต้องเปิดบ้าง มีศัพท์และสำนวนประโยคที่ผมเลือกมา ผมต้องคิดว่ามันต้องรู้บ้างนะครับ ความรู้ด้านศัพท์ จำเป็น อย่าลืมว่า ไม่มีใครในโลกเรียน แทนคุณได้ครับ คุณไม่สู้ แล้วใครจะสู้แทนคุณ เหมือนเดิมครับ สามารถแนะนำ ติติงเพื่อก่อ Post เข้ามาได้เลยครับ ผู้รู้ท่านอื่น ถ้าผมแนะผิด หรือจะเพิ่มเติมอะไรก็ตาม เชิญได้เลยนะครับ ยินดี ๆ ครับ เป็นกำลังให้เสมอ ให้ลุกขึ้นมาสู้ Good night จากคุณ : tonmelb - [ 22 ม.ค. 51 22:46:20 A:61.91.163.210 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 39 27 January 2008 ผมเพิ่งกลับมาจากแก่งกระจานครับ Tonmelb ขอขอบคุณคู่สามีภรรยา (สามีฝรั่ง ภรรยาเป็นคนไทย) ที่ให้อาศัยรถไปลงที่บ้านกร่าง และคนใจดีอีกครอบครัวที่ส่งพวกเรากลับถึงศูนย์รับรองนักท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานครับ เมื่อวันที่ศุกร์ที่ผ่านมา ได้ Post ไว้ที่ pantip ค้างไว้ ไม่ทันจริง ๆ ครับ รอตั้ง 3 นาที ไม่ขึ้นกระทู้ นี่คือที่ผมเขียนไว้เมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ต่อนะครับ -------------------------------------- A gifted young dance teacher is delighted to find herself becoming the role model she adored as a child they have great physical co-ordination. Build expectations of students Cris has become devoted to her teaching career. I realized that my words might have had a strong influence on her (her student). She looked fresh and bright despite having started at 8am. Run to a tight schedule Her life runs on low batteries But everything is challenging. I know I can’t quit because everything I do is my happiness; I choose to do them because they are the things I love, she says. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 27 ม.ค. 51 20:50:25 A:61.91.162.111 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมมีหนังสือแหล่งความรู้มาเพิ่ม ชุดเดิม-------------- Chatterbox, Let’s Go, American Hotline, Get- Set-Go, Business Explorer, In Company, Attain, Network, Interchange (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) ชุดใหม่: ------------ Clockwise, Collaborations, ExpressWays, Side by Side, Excursions, novels and short stories ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ขอบคุณครับ เข้ามา Post คุยกัน มีผู้อ่านหลาย ๆ คนถามผมว่า จะเรียนกันอย่างไร? คำตอบ------------------ ฝึกฝนและพยายามไปนำไปใช้ด้วยนะครับ เช่น ไปที่วัดพระแก้ว หรือสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดของคุณ ต้องใช้ ผมเน้นมาก ๆๆ เลยว่า 1. ต้องมุ่งมั่นที่จะหาความรู้ที่ถูกต้อง ต้องขวนขวาย ถ้าสงสัยว่าสิ่งที่ถูกสอนมา รู้มา ถูกต้องไหม? ต้องกล้าถาม ถามจากผู้รู้ 2. และอีกวิธีหนึ่ง คือยิ่งคุณทำ ยิ่งจะทำให้คุณเชี่ยวชาญมากขึ้น นั่นคือ การนำไปใช้ ต้องใช้บ่อย ๆ สิ่งที่คุณพูดผิด ฟังไม่ออก etc คุณจะเข้าใจมากและมาก ๆ ขึ้น จากการใช้อย่างสม่ำเสมอ แต่แนะไว้ว่าความเข้าใจจะไม่ตามมาอย่างที่ผมพูด ถึงแม้จะใช้บ่อย ๆ เพราะว่า ถ้าคุณ ๆ พอใจกับการใช้ผิด ๆ โดยที่ใช้ผิดแล้วหลาย ๆ ๆๆๆๆ ครั้ง แต่หลังจากใช้ แต่ไม่ -----------------หาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติมเลย จึงอาจจะต้องใช้ Broken English ไปตลอดชีวิต --------------- ความไม่เอาใจใส่ ไม่สนใจ และไม่รู้ว่า ความไม่รู้ด้านภาษาวิ่งตามเราตลอด หน้าที่ของคุณคือวิ่งนำหน้ามัน การที่จะวิ่งนำหน้ามันคือ การวิ่งหาความรู้เพิ่มเติมอยู่อย่างสม่ำเสมอ ต้องหมั่นหาความรู้ใหม่ ๆ เสมอ จากคุณ : tonmelb - [ 27 ม.ค. 51 20:59:40 A:61.91.162.111 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เริ่มได้เลยวันนี้นะครับ ไม่แนะนำว่า ให้กระโดดไปอ่านหนังสือหลักภาษาของไทยเลย เพราะคุณจะงงแน่นอนครับ หรือยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ คือเข้าใจไปเองว่า เข้าใจดีขึ้น เข้าใจ (ยกเว้นสอบนะครับ) ควรปูทางด้วยการอ่านอะไรก็ได้ที่ง่าย ๆ +ฟังเพลงเบา ๆ ช้า ๆ +ดูหนัง/ละครซ้ำหลาย ๆครั้ง หรือเริ่มด้วยอะไรก็ได้(ที่เป็นภาษาอังกฤษ)ที่คุณชอบ ทำเช่นนี้ซ้ำ ๆ ประมาณ 6-8 เดือนก่อน อ่านแล้วจด หาศัพท์จากที่เราอ่านวันละ 5-10 วันคำก็ได้ อย่าเพิ่งเริ่มกับ---------------------------------หนังสือหลักภาษา---------------------------- ยกเว้นสอบ-------------------------------- (ถ้าคุณยังเรียน แนะให้ทำควบคู่กับการเรียนที่โรงเรียน อย่าและอย่า และอย่าเพิ่งไปคิดกลัวล่วงหน้า จะไม่งงเหรอ ถ้าครูหนู/ผมสอนผิด หรืออะไรก็ตาม อย่าเพิ่งไปคิด ผมต้องการให้คุณทำควบคู่กันไป อย่าต่อต้านหรือตั้งคำถามครับ หรือมีความรู้สึกว่าต้องเลือก ไม่ใช่ ในมุมมองผมนะ ไม่ใช่ทั้งนั้น ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ) จากคุณ : tonmelb - [ 27 ม.ค. 51 21:05:10 A:61.91.162.111 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ต้องจัดเวลาไว้ศึกษาศัพท์จาก Dictionary ด้วย ไม่ท่อง แต่ให้ศึกษาศัพท์ ต้องมีความรู้เรื่องศัพท์ ไม่มี หรือมีศัพท์น้อย คุณจะเขียน จะสื่อสานชรได้เช่นไรครับ? ผมขอแนะให้คุณมีหนังสือไว้จดสิ่งที่คุณอ่านด้วย สุ จิ ปุ ลิ ครับ คุณจะไปได้อะไรมากครับ ถ้าถึงวันนี้ คุณยังไม่เคยเปิดใช้ Dict. เลย หรือเปิดเมื่อครูสั่งให้หาคำศัพท์ ไม่เคยสนใจเลย การเรียนภาษา กลายเป็นการลงโทษกัน หนังเศร้าเลยนะครับ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Series 08 นี้ ต้องการเห็นการโต้ตอบจากผู้อ่านด้วย ไม่อยากให้อ่านเฉย ๆ เพราะดูเหมือนคุณไม่ตั้งใจจริง เช่นถ้าอ่านมา 2-3 อาทิตย์แล้ว คุณอาจจะนำสิ่งที่คุณอ่านข้างนอกมา Post แล้วผมถ้ามีเวลาจะมาอธิบาย แต่ขออนุญาตตอบหรือเข้ามาคุยเท่าที่คุยได้นะครับ เข้ามาคุยกันนะครับ ผู้รู้-อาจารย์ภาษาท่านอื่น Post มาคุยกันได้ มาช่วย ๆ กัน ผมเองจะได้ความรู้ใหม่ ๆ ด้วย จากคุณ : tonmelb - [ 27 ม.ค. 51 21:08:11 A:61.91.162.111 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Update ครั้งหน้า ผมจะ Post ตารางฝึก และจะ Post รวมฮิตด้วยนะครับ ผมเริ่มที่จะ Push คุณและจะให้กำลังใจควบคู่กันไป ต้องสื่อสารให้ได้ด้วยภาษาที่ดีให้ได้ พนันท้าแข่งกันก็ได้ โดยมี Meeting ปลายปีนี้เป็นเป้าหมายร่วมกัน ผมเองอยากรู้ว่า 11 เดือนจากนี้ ทุกคนที่บอกกับผมว่า หนู/ดิฉัน/ผมอยากเก่งภาษา จะแค่พูด จะมุ่งมั่นจริงดั่งที่พูดหรือเปล่า? 11 เดือนจากนี้ จะเหลือผู้กล้ากี่คนในงาน Meeting ปลายปีนี้? อย่านำความจริงมาพูด ว่าคุณไม่มีเวลาหรืองานยุ่ง หรืออะไรก็ตาม ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจหรือเห็นใจ แต่เพราะ -------------เป้าหมายของเราคือ: ต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่ดีให้ได้ สื่อสารแบบคนมีภูมิ มีความรู้-------- ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ โลกในปัจจุบัน จะไม่มานั่งรอหรือฟังคุณ ถ้าคุณหางาน(เหมือนคนส่วนใหญ่) เขาต้องการภาษา เขาจะเลือกคนที่ภาษาดี ทำงานเก่ง ถึงคุณจะบอกว่า คุณจน หรือเรียนกับอาจารย์ที่ไม่เก่ง โชคไม่ดีมาตลอด ฯลฯ ผมว่าเขาไม่ฟังนะ เขาอาจจะบอกว่า ให้ไปหางานที่เงินเดือนน้อยลงหน่อยก็ได้ ที่ไม่ใช้ภาษา(ซึ่งมีแน่นอนไม่ว่าวันนี้หรืออีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งคนแข่งก็เยอะอีก) คำถาที่ผมจะถามคือ: คุณจะรอถึงวันนั้นใช่ไหมครับ วันที่คุณสมัครงาน? Good night ครับ เริ่มวันนี้เลยนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 27 ม.ค. 51 21:14:35 A:61.91.162.111 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 44 2 February 2008 ผมมีหนังสือของคุณโชค บูลกุลมาแนะนำครับ โชคช่วย ด้วยประสบการณ์ ผมชื่นชมคุณโชค เขาไม่ fake มีกึ๋นและที่สำคัญที่สุด มีความจริงใจและความรับผิดชอบต่อสังคม ขอบคุณมากครับ สำหรับการติดตาม และ Comment ที่มีเข้ามา ทุก ๆ ครั้งที่ Update -------------------------- 1. จะแนะหนังสือ CD ต่าง ๆ และให้อ่านๆๆๆ + จด + ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ + หาโอกาสนำไปใช้ 2. ผมจะนำมาประโยคที่ผมอ่านมาเขียนลงคอลัมน์เยอะ ๆ ๆๆๆ เพื่อให้คุณไว้ศึกษา โดยที่ผู้อ่านต้องเปิด Dictionary หาความหมายและศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ข้างนอก ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ตารางฝึก อาทิตย์หนึ่ง คุณควร พูด ฟัง อ่าน จดและจำ ให้ได้ระหว่าง 4-5 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ = 15-20 ชั่วโมงต่อเดือน ทำควบคู่ไปกับชีวิตประจำวันของคุณ เช่น ถ้าคุณเป็นนักเรียน คุณต้องสอบ คุณก็เตรียมตัวสอบไป ถ้าทำงาน ก็ทำงานไป มีสมุดจดบันทึกการฝึกด้วยว่า จดและจำ---------------------- ต้องจดบันทึกรูปแบบประโยค คำศัพท์ด้วยนะครับ อ่านอย่างเดียวไม่ได้ ต้องจดและอ่านๆๆๆๆ จะได้จำไปใช้ ทุ่มเท ต้องสร้างแรงจูงใจ ไม่งั้น ไม่นาน คุณก็หยุด เชื่อผม ผมไม่ได้ดูถูก แต่เรียนตามตรงครับ ผมไม่ได้ใช้ การพูดอังกฤษได้ มาเป็นแรงผลักดัน ผมใช้เป้าหมายของผมมาแปรเป็นแรงจูงใจที่แรงกล้า เป้าหมายผมที่ทำให้ผมสนใจกับภาษามากๆ นอกจากความรักแล้ว คือ ผมต้องการการใช้ภาษาเพื่อหาเงิน เพื่ออนาคต เท่านั้นเอง ดังนั้นผมอยากแนะว่า ถ้าจะสร้างบันดาลใจ แรงจูงใจที่หนุนนำให้คุณไปรอด ไม่ล้มเลิกกลางคันซะก่อน อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณไปได้เรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุดก่อน พอหายเหนื่อย ก็เดินต่อไป ฝึกต่อไป เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 17:49:19 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 45 การฝึกพูด ฟัง อ่าน เขียน/จด/จำและนำไปใช้เพื่อที่คุณจะได้---------ประสบการณ์ทางภาษา---------และประสบการณ์ทางภาษานี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจทางภาษามากและมากขึ้น เริ่มที่ พูด------------ หาโอกาสที่จะพูดให้ได้ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ ไปที่วัดพระแก้ว หรือคุย/ปรึกษากับอาจารย์ที่โรงเรียน Work สุดครับถ้าอยู่ต่างหวัดก็สถานที่ท่องเที่ยวหรืออาจารย์ฝรั่งที่โรงเรียน ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ฟังจาก CD MP 3 เทปฝึกภาษา หรือฝึกพูดคนเดียวไปก่อน (หรือทำทั้ง 2 อย่าง) ขอแนะนำหนังสือ Conversation --------------เรียนอังกฤษ 75 ยูนิท พูด อ่าน เขียนด้วยตัวเอง เขียนโดยอาจารย์ ศ ดร ภิญโญ สาธร ---------------- ไปนอก ฉบับสมบูรณ์ ของปรมาจารย์ ท่าน สอ เสถบุตร ----------------หนังสือทุกเล่มของอาจารย์เศรษฐวิทย์ ----------------หนังสือพร้อมMP 3ของอาจารย์ ดร สำราญ สัมฤทธิสุวรรณ มี 3 เล่ม -----------------หนังสือหัดพูด-เขียนอังกฤษ + CD โดยอาจารย์ ดร ปาริชาติ ชุมสาย ณ อยุธยา -----------------ตำราเรียนพูดภาษาอังกฤษ โดยอาจารย์มานิต มานิตเจริญ และอีกหลาย ๆ เล่มที่คุณผู้อ่านอาจมีอยู่แล้ว แต่ผมแนะว่าให้หาซื้อหนังสือที่ผมแนะไว้บ้าง เพราะปรมาจารย์ลงมาเขียนทั้งสิ้น ขอรับรองว่า จะไม่ผิดหวังครับ Note: ถึงแม้ว่าการอ่านหนังสือแบบมีภาษาไทยกำกับ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเช่นนี้จะไม่ผ่านภาษาอังกฤษโดยตรง แต่ผมเห็นว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนไทยที่ต้องการจะสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องนำไปใช้เลย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 17:59:37 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ฟัง------------------------------------------------------ แนะให้ติด UBC ฟังเยอะ ๆๆๆๆๆๆๆ รายการที่ผมฟังทุกวัน คือ CNN, CNBC, รายการของ Oprah Winfrey, Series ต่าง ๆ แนะเพิ่ม Love songs ของNice and Easy; greatest song collections มี 4 ชุด Phonic Fun มีทั้งหนังสือ+CD 6 แผ่น Up and Away in Phonics มีหนังสือ+เทป 6 ตลับ ร้านหนังสือจุฬาฯ มีครับ Phonic Fun มีทั้งหนังสือ+CD 6 แผ่น (3200) จะแพงกว่า Up and Away in Phonics มีหนังสือ+เทป 6 ตลับ (ประมาณ 1200) การเรียนภาษา ต้องลงทุนบ้างนะครับ แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ หรืออะไรก็ตาม คุณ ๆ ลองคุยกับเพื่อน หรือหายืมจากห้องสมุด หรือแม้แต่จาก Net ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อ่าน ----------------------------- Skill ส่วนนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการได้สำนวนเยอะๆๆๆ ต้องอ่าน ได้ศัพท์เยอะ ๆๆๆๆ ต้องอ่าน ต้องอ่านครับ อ่านทุกวัน อ่านเหมือนคุณกินข้าว 3 มื้อ ขาดการอ่านไม่ได้ เหมือนขาดกินข้าวกินปลาไม่ได้ฉันนั้น จดและจำ+นำไปใช้ จดที่คุณอ่านจากหนังสือที่ผมแนะ+ หนังสือ Conversation Product ของใช้ ของกิน ต่าง ๆ รอบตัวพวกเราครับ มีภาษากำกับหมด อ่านแล้วจด แล้วเก็บไว้ด้วย ไว้ดูเป็นตัวอย่าง บทความต่าง ๆ ที่คุณอ่านจากหนังสือพิมพ์หรือแมกกาซีน ตัดเก็บสะสมไว้ครับ ไว้อ่านคราวหลัง คราวต่อไป ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:02:41 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Clear English ก็สำคัญมากๆๆ แต่ คุณต้องมีอะไรไปคุยกับฝรั่งเขาด้วย เช่นถ้าคุณต้องสัมภาษณ์งานโดยเขาให้พูดเป็นเวลา 30 นาที คุณจะทำอย่างไร? ถ้าศัพท์ที่มีอยู่ มันเป็นศัพท์ที่ไม่ค่อยตรงกับความหมายที่คุณต้องการจะสื่อ( แย่ไปอีก ถ้าคุณไม่รู้ว่าศัพท์ที่ใช้ มันตรงหรือเปล่า) ฝรั่งเขาสนใจเรื่องที่จะคุณจะพูดด้วยนะ ไม่ใช่แค่สำเนียงที่ชวนฝันอย่างเดียว แนะนำหนังสือ 1. ภาษาอังกฤษสำหรับคนหางาน English for job interview ฿ 190 2. ภาษาอังกฤษติดคอร์ด ภาคสร้างประโยค สนทนา+คำศัพท์ ฿ 150 3. สบาย ๆ เมื่อจับไมค์พูดอังกฤษ Public Speaking in English ฿ 130 4. Speak American ฿ 200 5. Speak English Clearly: A Guide to Pronunciation by Terry L. Fredrickson ( มีเทปด้วย) 1-5 เลือกซื้อได้ แต่ถ้างบจำกัด ควรซื้อเล่มนี้ Speak English Clearly: A Guide to Pronunciation by Terry L. Fredrickson ( มีเทปด้วย) จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:05:34 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 48 รวมฮิตมาแล้วครับ------------------------------------------------- ผมจะรวบรวมมาแต่ละปี แต่ในแต่ละปีนั้น รวมฮิตนี้จะมีการตัด การเติมด้วยครับ เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์มากที่สุดจากการอ่าน Speaking Pronunciation เสียง L ๑ ให้ฉีกปาก(ยิ้ม) นะครับ ฉีกให้กว้างเป็นรูปวงรีขนาดกลาง(คล้ายๆรูปวงรีขนาดกลางครับ) ถ้าคุณๆน้องๆทำถูก เเผงฟันเเถวล่างจะยื่นออกมามากกว่าเเผงฟันบน พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ที่เป็นเช่นนี้เพราะคางยื่นออกไปมากกว่าริมฝีปากบน จึงทำให้ เเผงฟันเเถวล่างจะยื่นออกมามากกว่าเเผงฟันบนครับ ๒ คุณๆน้องๆกระดกปลายลิ้นให้ชนกับเพดานปากบน --เพดานปากบน ( บริเวณหลังเเผงฟันหน้านะครับ) ๓ เเล้วก็คิดถึงศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย L เช่น leg, like, love etc ลองมาออกเสียง Like คุณๆน้องๆกระดกปลายลิ้นให้ชนกับเพดานปากบน ---เพดานปากบน ( บริเวณหลังเเผงฟันหน้านะครับ) เเล้วออกเสียง Like -----ไล้+เคอะเบาๆ ตรงนี้สำคัญ ในขณะที่ ออกเสียง Like เวลาเดียวกันลิ้นจะต้องกระดกกลับลงมาข้างล่างครับ เเต่ปากจะเป็นรูปวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ ในตอนจบ ( เเผงฟันหน้าค่อนข้างห่างกับเเผงฟันล่าง เเละตรงที่ห่างจะก่อเป็นรูปวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ) จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:08:19 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 49 R & L ความเเตกต่างมีดังนี้ (ขอให้ดูฉบับที่ ๘ เสียง R ประกอบด้วยนะครับ) เริ่มต้น เสียง R จะเริ่มที่ทำปากจู๋ หรือปากขนมจีบ ก่อน ต่อจากนั้น เวลาออกเสียงคำที่ขึ้นด้วย R คุณๆน้องๆจะต้องดันลมออกมาจากคอหอยเเล้วออกมาทางปากเลย ในขณะที่ การออกเสียง L จะเริ่มที่ฉีกปากกว้างเป็นวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ เเละใช้ลมไม่มากเท่า เสียง R นะครับ ตอนจบ จะเหมือนกับการออกเสียง L เพียงเเต่ เสียง R เวลาจบ ปากจะเกร็งในรูปวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ (เกร็งกว่าตอนออกเสียง L นิดหน่อยครับ) ลองฝึกฝนหลายๆเที่ยวนะครับ ช่วงเเรกๆขอให้ดู(จำ) รายละเอียดก่อน ต่อๆไป จะดีขึ้นครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:10:42 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 50 การออกเสียงภาษาอังกฤษ เสียง B and P เสียง B and P ไม่เหมือนเสียง บ เเละ พ ในไทยนะครับ เสียง B ๑ เม้มริมฝีปากบน-ล่าง เม้มหนักๆ(ง่ายๆ เม้มปาก) ๒ เเล้วออกเสียง เบอะๆๆๆๆๆ ( การที่จะได้เสียง เบอะๆๆๆๆๆ ที่ หนักหน่วงกว่า บ ไทยเรา คุณๆน้องๆต้องใช้ลมดันออกมาจากข้างใน ขึ้นมาชนกับกำเเพงกั้น------ กำเเพงที่ว่านี่คือ ริมฝีปากที่เราปิดอยู่------ ) ใช้ลมประทะริมฝีปากที่เราปิดอยู่อย่างเเรง ๓ พอชนเเล้ว ริมฝีปากที่เราปิดอยู่ จะเปิด (ริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกัน) เสียงที่ได้คือ เบอะๆๆๆๆๆ เเบบหนักหน่วงกว่า บ ไทยเราครับ ถ้างง ลองออกเสียง บึ้ม ถ้าเป็นการออกเสียงเเบบ บ ไทย ปากจะเม้มเบาๆเท่านั้น เเต่ถ้าเป็น บ อังกฤษ ปากจะเม้มหนักมาก ดังนั้นเสียง เบอะ ที่ออกมา จะได้เสียงที่หนักกว่า บ ไทยเราครับ ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:13:43 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ++เสียง ด กับ D เเละ ท กับ T ไม่เหมือนกันนะครับ การทำเสียง D เเละ T ๑ D ม้วนลิ้นขึ้น ให้ลิ้นดันเพดานปากด้านบน (เพดานปากด้านบนก็ตรงที่***งฟันบน ๒ ซี่มาข้างใน ไง ครับ) ๒ ตอนนี้ ลิ้นดันเพดานปากด้านบน ๓ ออกเสียง เดอะๆๆๆๆ ให้สนั่นไปเลยครับ เสียง T ทำเหมือนกัน เพียงเเต่คุณออกเสียง เถอะๆๆๆๆๆๆๆๆ รับรองว่าชัดครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:17:23 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เสียง F ๑ ฟันหน้าตรงกลาง ๒ ซี่ ประกบไปที่ริมฝีปากล่างไม่ ต้องกดหนักมาก ธรรมดาพอ ๒ เเล้วทำเสียง ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆ ก่อน ( ตอนนี้ฟันหน้าตรง กลาง ๒ ซี่ ประกบไปที่ริมฝีปากล่างอยู่) ๓ เเล้วออกเสียงเฟอะ (ตอนนี้ริมฝีปากล่างผละจากฟัน หน้าตรงกลาง ๒ ซี่-ไม่ประกบอีกต่อไป) ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ เสียง S ๑ ฉีกยิ้ม ให้เห็นฟันบน+ล่าง ๒ ประกบฟันบน+ล่าง ประกบไม่ต้องหนักมากนะครับ ฟันโยกผมไม่รับผิดชอบนะ อิ อิ (ลิ้นอยู่หลังฟันนะครับ) ๓ พ่นเสียง(ลม)ออกมาครับ ผ่านกําเเพงฟันบน+ล่างที่คุณประกบไว้ เสียงที่ได้คือ มันจะซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คล้ายเสียงเเก็สรั่วหรือล้อยางรั่ว จะเป็น ซซซซซซซ เสียงสมํ่าเสมอครับ ออกเสียง ซซซซซ ผ่านกําเเพงฟันบน+ล่างที่คุณประกบไว้ ประมาณ ๒-๔ วินาทีครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:19:40 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เสียง V ๑ ใช้ฟันหน้าทั้ง ๒ ประกบไปที่ริมฝีปากล่าง(ประกบตรงกลางของริมฝีปากล่าง) ๒ จะสังเกตได้ว่าในตอนนี้ ริมฝีปากด้านบนจะม้วนขึ้นไปเกือบเเตะรูจมูก ๓ พ่นลมออกมา ในขณะที่ ฟันหน้าทั้ง ๒ ยังประกบไปที่ริมฝีปากล่างอยู่ (ประกบ ตรงกลางของริมฝีปากล่างนะครับ) เสียงจะออกฝู่ๆๆๆๆๆ ออกให้ต่อเนื่องประมาณ 2-3 วินาที ๔ ต่อจากนี้ ให้ออกเสียง V หรือที่มีสะกด เช่น Van, victory ทันทีทีคุณๆร้องๆออก เสียง V หรือที่มีสะกด เช่น Van, victory ริมฝีปากล่างจะดีดออกจากฟันหน้าทั้ง ๒ เเละริมฝีปากด้านบนจะม้วนลงมา เเละพอสิ้นคำ ริมฝีปากด้านบนจะลงมาอยู่ในตำเเหน่งเดิมครับ ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ เสียง K/ C ค----เสียง ค นี้ในภาษาอังกฤษ จะหนักกว่า ค ในภาษาไทย 1-2 เท่าครับ ๑ ให้ฉีกยิ้มกว้าง โดยคุณๆน้องๆต้องให้ฟันเเผงหน้า***งกับฟันเเผงล่าง ช่องที่***ง นั้นให้***งพอที่คุณสามารถเห็นเเผ่นลิ้นครับ ( ให้ฉีกยิ้มค้างๆไว้ จะว่าฉีกยิ้ม ก็ไม่เชิงเเต่ไม่อยากเขียนว่าอ้าปาก ก็กว้างไป เเละรูปปากจะได้เป็นรูปกลม ซึ่งไม่ใช่ในสิ่งที่ผมต้องการ เป็นว่าอ้าปากเล็กๆให้ รูปปากเป็นรูปวงรี ก็คล้ายๆฉีกยิ้มนะครับ เพียงเเต่ฉีกยิ้มจะเเคบ จะไม่เห็นเเผ่นลิ้นครับ ๒ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ ให้เต็มที่นะครับ ให้คุณๆน้องๆฝึกที่กระจกระหว่างที่ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ เเผ่นลิ้นของคุณจะกระดกเหมือนคลื่นเล็กๆครับ ทั้งนี้เพราะว่าระหว่างที่ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ ลมมันดันลิ้นนะครับ ๓ ลองฝึกกับศัพท์ภาษาอังกฤษที่นำด้วย K like key, kind C like cat, can -------------------------------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:22:53 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เสียง M ๑ เม้มปากหนักๆไว้ ( ถ้าคุณทำถูก ริมฝีปากด้านล่างจะหลบหายเข้าไปข้างในปากเกือบหมด ๒ ใน ๓ ประมาณเเบบคร่าวๆ ส่วนริมฝีปากจะหายไปเกือบหมดเช่นกัน เหลือเเต่รอยหยักที่อยู่ตรงกลางนิดหน่อยครับ) ๒ ออกเสียง เหมอะๆๆๆๆๆๆ ออกมา ( เหมือนตัว B คุณต้องใช้ลมดัน เวลาออกเสียงตัว M) ๓ ในเวลาเดียวกัน ทันทีทีคุณออกเสียง เหมอะๆๆๆๆๆๆ ออกมาริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกันในกระจกคุณๆน้องๆจะเห็นว่าพอออกเสียง เหมอะ หมด รูปริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกัน-----จะเป็นรูปคล้ายๆวงรี ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:25:32 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 55 Pronunciation อักษรภาษาไทยที่ tonmelb ให้นั้น ถึงแม้จะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการออกเสียง หรือจะให้เสียงชัด 100% แต่ tonmelb ขอประกันเลยว่า ถ้าออกเสียงตามที่ tonmelb แนะนำเสียงที่ได้(คำโดด ๆ) จะใกล้เคียงมาก ๆ อาจจะ 95% หรือมากกว่านั้น เสียงที่ผมฟังมาจากรายการวิทยุ BBB World Services นะครับ 1.Traffic แทร้ปฟิ่ค : ตรงแทร้ป ให้มีออกเสียงควบกล้ำ แท+แหร้ป และที่ใส่ไม้เอกตรง ฟิ่ค เพื่อให้คุณออกเสียงต่ำและหนักนิดนึง 2.Music เมอะๆๆๆๆ มิ้วสิค 3.River หรี้เหว่อ (เสียงเหว่อ ให้เทียบเสียง-แหว่ง-ของไทย แล้วเปลี่ยนเป็นเหว่อ) 4.Positively พ้อทสิถีบหลี่ 5.Analysis อะแน้วหลิ่ซิส 6.Spectacular เสอะเป่กแท้คคิวหล่า ( เสอะเป่ก ออกเสียงควบเร็ว ๆนิด) 7.Ambition แอ่มบิ้ดฉั่น 8.Performer เพอะฟ้อมเมอะ (เสียง เมอะ เป็นเสียง M เบา ๆ) 9.Important อิ่มพ้อทั่น(เถอะเบาๆ) 10.Expenditure อิ่คสเป้นดิ่เช่อ ( เสียง เช่อนั้น ให้เทียบเสียงเช่อ เป็น-ชื่อ-ก่อน แล้วเปลี่ยน-ชื่อ-เป็น-เช่อ เทียบเสียงในลักษณะนี้ คุณจะได้เสียง-เช่อ ทั้ง ช และไม้เอก) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:27:47 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 56 11.International อินเท่อแน้ชฉั่นแน้ว(เลอะเบา ๆ) 12.Reason หรี้ซึ่น 13.Contest ค้อนเท่ส ( ผมใส่ไม้เอก เพื่อให้คุณเห็นความแตกต่างระหว่างเสียง เท่ส กับ เทส) 14.Hand แห้น(เดอะ เบา ๆ) 15.Afford เออะฟอด(ลากเสียงฟอดยาวนิด ฟอดตัวนี้เหมือนเสียง ฟอด ขอหอมสักฟอดนึง) 16.Rise (on the rise หร่ายส) 17.Manners แม้นเหน่อสส (เสียง แม้น ออกเสียง M และปิดท้านด้วยเสียงสสสส) 18.Devotion ดิ่โว้ฉั่น 19.Favour เฟ้เวอะ (เสียงเวอะให้เทียบเสียง กับแผลเหวอะ และเปลี่ยนเหวอะเป็นเวอะ โดยเวอะ ต้องออกเสียง V) 20.University ยู/อยู่หนิ่เว้อสิถี่ (เสียง T ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน จะออกไปทางดี่) จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:30:40 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 57 26 August 2006 สวัสดีครับ วันนี้ tonmelb ขอเขียนเรื่อง intonation patterns หรือ melody แบบง่าย ๆ นะครับ ประโยคคำถาม เช่น Do you see Sam? ตรง Sam นั่น ถ้าเป็นแบบอังกฤษอังกฤษ จะเป็นแซ๋ม ถ้าเป็นอังกฤษแบบอเมริกัน จะเป็น แซ้ม นะครับ 1. Howห้าว many เมนหนี่ cakes เขกส/have แฮ่พ you อยู่/eaten อีททึ่น-this week ฑิ่ส วี้ค? เครื่องหมาย /ท้ายคำ หมายถึงให้หยุด (หายใจ) นิดหนึ่ง สังเกตุได้ว่าเสียง cake จะต้องออกเสียงต่ำนะครับ และเครื่องหมาย – หมายถึงหยุดแค่นิดเดียวเท่านั้น ลองออกเสียงเสียงดูนะครับ เพิ่มเติม: @ เสียง How จะต้องเริ่มสูงแล้วลงมาเสียงต่ำที่ many cakes @@ แต่เสียง have you จะต่ำกว่า cakes นิดเดียวจริง ๆ คล้าย ๆว่า เสียง have ออกแบบเสียงตกหล่ม ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ I -can play/ the piano/, too. อ๊าย แค่น/เคิ่น พเล่ เดอะ พี้เออะโน้ว ทู้ He can /drink/ as well. ฮี้ แค่น/คึ่นดริ่งค อึ่ส เว้ล Whose hat/is this? ฮู้ส แฮ่ท อิ่ส ฑี้สสส Ton can run /more quickly/ than- Mark. ต้น แค่น/คึ่น หรั่น หม่อ ควิ้กหลี่ ฑั่น ม้ารค How far/is it/from Bkk? ห้าว ฝ่า หริ่ส ซิ่ท ฟร็อม แบ้งค่อค What is ton/ look like? ฮว้อท ทิ่ส ต้น หลุ่ค ล่ายค ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:33:40 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 58 Sna+k (e) = ออกเสียงสเนๆๆๆๆๆๆ + เค่อะ เป็น snake ไม่ใช่สเน็ค Ne+t = net Be+d= bed Ca+k (e) = cake เสียง a_e คือเสียง a ยาว Bu+s เบ่อะ+ส = บั่ส Ska+te = skate Te+n = ten Bir+d = bird Nur+s (e) = nurse แนะว่า การออกเสียงคำเหล่านี้ ในขั้นแรก ลากเสียงก่อนแล้วเพิ่มตัวสะกดเข้าไป เมื่อฝึกจนคล่องปาก แล้วค่อยออกเสียงใน Part แรกกับตัวสะกดให้กระชับมากกว่าเท่านั้น จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:35:42 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 59 John จ๋อห์น, I pass ผ่าส/ my หม่าย driving ไดร์หวิ่ง/test เท้สท. What about/ your หยั่ว math? Are อ๊า you หยู angry แอ้งกรี๊? แบบอังกฤษอังกฤษ Are อ๊า you หยู angry แอ้งกรี้? แบบอังกฤษอเมริกัน Are you waiting/for the bus บ้าส? Did ดิ่ everything เด่ฟวิฑิ่ง go โก้ว well เว๋ล (BrE) / เว้ล (AmE)? It won’t take long หล๋อง/ หล้อง? I ran to/the station สเตฉั่น, but บั่ท I ท่าย just / missed หมิ่ส/ the train เทรน. Sorry ซ้อหรี่, to keep you อยู่/ waiting เว้ทถิ่ง, Sam แซม. I อ๊าย got ก่อท 85%. I’m แอม/แอ๊ม/ sorry ซ้อหรี่ / to ถู่ hear that. That is ทิ่ส / bad luck. Fern, someone’s สั้มหวั่นส/stolen สโตลึ่น my หม่าย/ bicycle. cake เค้ก (เขลอะ) มาจากเสียง c เค่อะ +a_e เสียงเอยาว เอๆๆๆๆ และจบด้วยอิเบาๆ + k เคอะ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:38:15 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 60 I keep คี๋พ/ losing/my pen. How ฮาว much มัช /money/did she spend? Good (เน้นคำนี้) กุ่ด morning ม่อนิ้ง ------------------- หรือ----- Good กุด morning (เน้นคำนี้) ม้อนิ่ง Yes, of (ซ่อบ) course. Offer เอ่าะเฟ่อะ (แบบอังกฤษ) อ๊อ (คล้ายมีเสียงอา)เฟ่อะ I’m not very technical. เท้คหนี่โข๋ล(เลอะ). อ้าย แค่น ไท้พ / ไคว่ ฟ้าสท. Well เว่ล, actually it’s a private พรายหวิท call. We’ve run out น้าวท. Festival ------------------------- เฟ้สทิ่โหว่ล(เหลอะ) Algebra ----------------- แอ้ลจี่บร่ะ Politics--------------------- พ้อลหลิ่ถิ่กส Computing ---------------------------- ข่อมพิ้วถิ่ง Literature------------------ เล็ทถิ่เฉ่อร Statistics--------------------- สต่ะทิ้สติ่กส Engineering -------------------------------เอนจิเนี้ยหริ่ง Economics ---------------------- เอ่ะโค๊หน่อมิ่กส Scholarship ---------------------------สก๊อเหล่อะฉิ่พ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:41:14 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นความหวังที่อยู่ในใจว่า คำแนะนำจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย ทุก ๆ สิ้นเดือน สมุดของคุณควรจะเต็มไปด้วยสิ่งที่คุณได้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำนวน วลี ประโยค รวมถึงคำศัพท์ และผมการันตีได้เลยว่า ปลายปีคุณจะใช้คล่องมากขึ้น Good night Note: Update ครั้งหน้า More รวมฮิตมาฝากกันต่อครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ก.พ. 51 18:44:34 A:61.91.162.100 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ไำม่ใ่ช่หรอกครับ 11.International อินเท่อแน้ชฉั่นแน้ว(เลอะเบา ๆ)   มันไม่ใช่ อินเท่อแน้ชฉั่นแน้ว หูผมได้ยิน "อิน-ถ่า- แน้ช ฉั่น-แน่ล" แล้วมี เลอะ เบาๆ ต่อท้าย ไม่ใช่ "แน้ว" แน่นอนครับ ลองไปฟังใหม่นะครับ จากคุณ : ลุดวิก - [ 8 ก.พ. 51 14:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ต้องออกมารับผิด จริงด้วยครับ ขอบคุณครับคุณลุดวิก ถึงเเม้จะฟังตอนดึกที่ Australia เวลานั้น ก้ไม่ใช่ข้ออ้าง ดีครับ มีอะไร เเนะมาได้ เเละตัวอักษรเเละสระบางตัวที่คุณลุดวิกหรือคุณเเอ๊ด, พี่ Tansy คุณนวล พี่ลิลลี่May คุณ Ta คุณพ่อโปรเจ็ค คุณ Gax ท่านอื่น ๆ เห็นว่า คุณต้นน่าจะใช้อักษรเเละสระนี้จะเข้าใจง่ายกว่า ตรงกว่า หรือเพี้ยนไปนิด ขอเปลี่ยนนะ --------------------------บอกคำเดียวว่า ขอเชิญชวนเลยครับ ด้วยความยินดี เพราะถือว่าเป็นการช่วยผมทางหนึ่ง(จริงๆ) เพราะทุกวันนี้ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไร้เเควน ฮือ ๆๆ ----------- จากคุณ : tonmelb - [ 8 ก.พ. 51 21:08:37 A:61.91.162.95 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เรียนว่า tonmelb จะขอบคุณมาก ๆ ถ้าผู้อ่าน พี่ ๆ เพื่อน ๆ อ่านเเล้ว เกิดเห็นข้อผิดพลาดตรงไหน เเล้วเเนะ เเล้วเเก้ไขนะครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ 10 February 2008 สวัสดีครับทุกคน ฝึกภาษาเป็นอย่างไรบ้างครับ? อาทิตย์แรกใครได้ครบ 4-5 ชั่วโมงหรือยัง มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ? ถ้าอยากเป็นตัวจริง เสียงจริง ในเรื่องภาษาอังกฤษ คุณต้องให้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณนะครับ ถึงผมจะเป็นกำลังใจให้คุณ และจริงใจ อยากให้คุณได้ภาษาจริง ๆ อยากให้มองเห็น Point เดียวกันว่า ภาษามันเป็นเรื่องของ Skill เป็นเรื่องที่ต้องใช้บ่อย ๆ และแก้ไข หา/ขอคำแนะนำไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางที่คุณฝึก คุณต้อง ขอเน้นนะครับ ว่าต้องมีความสุขกับมัน ไม่ใช่เป็นเรื่องของการมานั่งคิด มานั่งถามว่า เมื่อไหร่จะเก่งเลย( จะได้ไปทำอะไรบ้างในชีวิต) คำตอบคือ ไม่มีแบบเก่งเลยครับ แต่จะเก่งไปเรื่อย ๆ ภาษาคุณจะดีขึ้น ยิ่งคุณใช้มันมากขึ้น ไม่ใช่ ความเก่งจะมาทีเดียว แล้วความเก่งนั้นจะไม่ไปไหน ถ้าไม่ฝึกอีก ไม่มีครับ ภาษา ยิ่งไม่ใช้ คืนครูหมดครับ การเรียนภาษา เหมือนกับมีบัญชีสะสมทรัพย์ สะสมไปเรื่อย ๆ และที่สำคัญสิ่งที่คุณเรียน มันก็ไม่ถูกทั้งหมดด้วย ต้องมีการแก้ไข จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:18:16 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมจึงเขียนคอลัมน์นี้ เพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ วันนี้และในอนาคตส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่มีทางต่อกร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของภาษาอังกฤษเลย พูดได้เลยว่า การที่จะเข้าใจภาษา หรือเอาชนะภาษาอังกฤษ แทบจะเป็นไปไม่ได้ครับ ให้ถามตัวเองและตอบตัวเองว่า สำหรับภาษาอังกฤษ ------------------ทำไมพ่อแม่ที่มีฐานะ ถึงพยายามส่งลูกเรียนนานาชาติ หรือโรงเรียนดี ๆ และพยายามขวนขวายให้ลูกเรียนภาษาตั้งแต่เด็ก ๆ --------------------- คำตอบ: เพราะมันใช้เวลา และมันต้องลงทุนทั้งเวลาและเงินทอง+ความเอาใจใส่ ไม่ใช่มาเก่งแถว ๆ สถาบันภาษา แต่สถาบันภาษาช่วยคุณได้เกี่ยวกับการสอบ+การเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์และปูพื้นฐานภาษาในช่วงแรก ๆ เท่านั้น หลังจากที่คุณเดินออกประตูไปแล้ว ------------------------------ คุณต้องไปลุยต่อเองครับ------------------------------------ และถ้าฝึกต่อไป คุณก็เก่งได้ โดยเริ่มวันนี้ เริ่มฟังคนอย่างผมบ้าง เริ่มวันนี้ จะเป็นกำลังใจให้ ผมจึงมองว่า Mission Impossible นี้มันน่าท้าทายดี ท้าทายความสามารถผม ความอดทน ความอึดและอีกหลาย ๆ อย่าง ปีนี้ผมเขียนเป็นปีที่ 8 แล้ว และไม่รู้ว่าจะเขียนได้อีกกี่ปี กี่เดือน รู้แต่เพียงว่า ผมไม่ค่อยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็เบื่อ ๆ นะครับ บางครั้งก็ขี้เกียจที่จะมานั่ง Post ภาษามันเสมือนอำนาจพิเศษตอนนี้แล้ว มีมันไว้ จะได้สู้คนอื่นเขาได้ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:22:37 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากเกินความสามารถของคุณ (โดยเฉพาะในระดับที่ใช้สื่อสารได้ดีในระดับหนึ่ง การเรียนเพื่อให้ประสบความสำเร็จในระดับนี้ โคตรสนุกเลยครับ) ผมรู้ว่าการที่จะสำเร็จ---------ในเมืองไทย---------- ไม่ง่าย ไม่ง่าย มันต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ครูฝรั่ง+ครูไทยที่เก่ง ๆ + นักเรียนที่ตั้งใจ+พ่อแม่, เพื่อนฝูงสนับสนุน+สื่อการเรียน หนังสือดี ๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ --------------การเรียนที่ไปวัน ๆ ไร้จุดหมาย ไม่มีใครแนะ ไม่มีใครจุดประกายความฝันให้บรรเจิด------------- ผมถามนักเรียนของผมที่อายุ 17-22 ถามว่า เมื่อครั้งที่เรียนในโรงเรียนตั้งแต่ ม.1 เคยคิดไหม เคยตั้งเป้าไหมว่า จะนำสิ่งที่เรียนนี้ไปใช้ หรือเรียนนี่ เข้าใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่เข้าใจ เคยถามอาจารย์ไหม คำตอบที่ได้รับมาคือ ไม่เคยได้ตั้งเป้าหมาย = เรียนแบบไม่มีจุดมุ่งหมายเลยครับ จะไปเหลือหรือครับ 6-8 ปี ตั้งแต่ประถมปลายถึง ม.6 สูญเสียเวลาไปอย่างเรียกกลับไม่ได้ เมื่อไม่มีครู ไม่มีใครจุดประกาย คุณจุดเองได้ไหม นี่คือชีวิตคุณหรือเปล่าครับ? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:25:00 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ส่วนครูไทย ในฐานะที่เป็นครูเช่นกัน tonmelb ไม่ได้มาว่าหรือไรหรอกครับ เข้าใจว่าอะไรคืออะไร ยกตัวอย่างตัวเองก็ได้ เรื่องเดียวที่ผมไม่ค่อยจะ happy ที่โรงเรียน คือ ผมเอง บทบาทผมนะถูกจำกัดพอสมควร ผมอยากจะเข้าไปช่วยแก้ไขภาษาอังกฤษของเด็กนักเรียน แต่ได้ไม่เต็มที่ เพราะ English เขาให้ฝรั่งดูแล มีอำนาจดูแลหมด มันยาก เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา มันสะท้อนว่า ไม่ว่าครูไทยจะพัฒนา จะเก่งภาษา จะเข้าใจแค่ไหน บางทีเขา(ผม)ก็ไม่เคยได้รับโอกาสที่จะได้เขาไปดูแลและแก้ไข------------------ การเรียนภาษาของเด็กไทย-------------------ครับ มันน่าท้อ แต่ผมไม่ท้อ แต่อยากเรียนว่า ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะไปอิจฉาฝรั่งหรือมีอคติกับเด็ก หรือหยุดการพัฒนาตัวเอง เหลือถ้าเราละทิ้งหน้าที่ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:29:27 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 68 Hit อีกแล้ว A - ants on the apple B - balls bouncing C – camel coughing D – dizzy dingoes E – empty egg F – funny fish G – goat gobbling H – helicopters hovering I – itchy Indian J – Jumping jellybeans K – king kicking L – licking lollipops M –monkey munching N –number nine O –orange octopus P –purple penguins Q –queen quarrelling R –rusty robots S- Sausages sizzling T – tiny teddies U –ugly uncles V –visiting vampires W –wicked witches X –ox on a box Y –yellow yachts Z –zebra zigzag Th –thumbs thinking Sh -sharks in the shower Ch -children chattering ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:32:24 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 69 Explaining (Oral/ spoken) ----------- Interpreting (Written) Production skills: 1. Speaking (oral) 2. Writing (written) giving / producing Perception skills: 1. Listening (oral) 2. Reading (writing) Receive 1. bl = block 2. br = brick 3. ch=chin 4. ck=duck 5. cl=clock 6. cr=cry 7. dr=drink 8. fl=flower 9. fr=frog 10. gl=glue 11. gn=gnome 12. gr=grass 13. kn=knife 14. ph=photo 15. pl=plate 16. pr=pram 17. qu=queen 18. sc=scraf 19. scr=scratch 20. sk=sky 21. sl=slug 22. sm=smile 23. sn=snail 24. sp=spots 25. squ=squre 26. st=step 27. str=strawberry 28. sw=swim 29. tr=tree @@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:34:49 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 70 Ai = paint Au=caught Ar=bark Aw=paw Ay=pay Ea=sea Ee=see Ei=weigh Er=tiger Ew=new Ey=key Ie=pie Ir=first Oa=boat Oe=toe Oy=boy Oo=boot/book Ou=round Ow=cow ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:38:46 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เสียง Twenty ที่นักเรียนได้ยินนั้นคือการออกเสียงแบบอเมริกัน Twenty ที่ออกเสียงว่า ถะเว้นหนิ่ นั้นมาจาก twen(t)y = twe+ny ของคน อเมริกันบางกลุ่มครับไม่ออกเสียง t ที่อยู่หลังตัว n TWENty ถะเว้นถิ/ถี่ แต่เป็นการออกเสียงแบบอังกฤษอังกฤษ ส่วน ถะ เว้นหนิ่ นั้นเป็นการออกเสียงแบบอเมริกัน ซึ่งต้อง note ไว้ว่า ถะเว้นถิ/ถี่ ก็มีคนอเมริกันออกเสียงนี้เหมือนกันครับ อาจเป็นไปได้ว่า ได้ยิน TWENty ถะเว้นถิ/ถี่ เมื่อได้ยินอีกแบบ ก็เลยไม่คุ้น @@@@@@@@@@@ ถ้าคุณต้องการสื่อสารให้ฝรั่งเข้าใจต้องทำความเข้าใจดังนี้ 1. Don’t rush things. ไม่ใช่พบฝรั่งครั้งใด พูด ๆๆๆๆๆ พูดเร็วมาก แบบพูดให้มันจบ ๆไป อาย เขิน ไม่มั่นใจ ฯลฯ อยากให้คุณละเมียดละไม พิถีพิถันกับการพูดคุย 2. ภาษาพูดเขามีท่วงทำนอง music of English, the rhythm, intonation ( rise and fall in the pitch of the voice) and stress pattern etc ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องให้เวลา ต้องใส่ใจศึกษาไว้ เพราะมันจำเป็นต่อการออกเสียง---------- การพูดภาษาอังกฤษทั้งในระดับคำ/สำนวนและประโยค สำคัญมากที่คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Stress and intonation, focus ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เสียงสูง-ต่ำ เน้นไม่เน้น สำคัญมาก คำที่เน้น มีดังนี้ คำนาม, คำกริยาแท้, adjectives, adverbs, negatives (e.g. can’t), wh-Question words and demonstratives ไม่เน้น /พูดครึ่งเสียง ไม่หนัก มีดังนี้ Articles, conjunctions, pronouns, prepositions, helping verbs, and contractions ทุกครั้งที่คุณพูด ให้คิดว่า จังหวะการพูดมี 3 จังหวะ มี 1. 2. และ 3 เบา--- ไม่เบา--- ดังชัด คุณจะทำเป็น 3 จุด หรือตัวเลขก็ได้ หรือถ้าไม่แบ่งเป็น 3 ช่า ก็แบ่งเป็น 2 ค่ายใหญ่ ๆ คือ ค่าย Strong Stress กับ ค่าย Weak Stress เช่น on (2) the (1) desk (3) = On the DESK ครับ เสียง the ต้องเบา/ต้องออกครึ่งเสียงเหมือนจะหายไปเลย เสียง on ที่ไม่ต้องเน้นมากเพราะมันอยู่ในกฏที่ไม่ต้องเน้น (มันเป็น prep. แต่อาจจะมีคนถามว่า the ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Prep. เหมือนกัน ทำไมเสียงถึงไม่หายไป หรือเสียงควรอยู่ในระดับเดียวกัน ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:42:07 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อธิบายว่า ในวลีหรือประโยค ผู้พูดจะตามกฎแบบนั้นถึง 100% ไม่ได้ครับ on the desk นั้น ผู้พูดต้องเน้น DESK เพราะเป็นคำนามก็จริง เพราะเป็นความหมายหลัก แต่ในขณะเดียวกัน คุณจะให้เสียงก่อน on the เป็นเสียงเดียวกัน ไม่ได้ ต้องให้เสียง on หนักกว่า the นิดนึง เน้นกว่านิดนึง เพื่อให้เกิดจังหวะจะโคน ท่วงทำนองด้วย นั่นคือจังหวะ 3 ช่าที่ผมให้ เพราะเทคนิคที่ผมให้ ( จากการสังเคราะห์ข้อมูลจากหนังสือ) 1 กับ 2 นั้น ไม่ต่างกันมากนัก ไม่ดังกว่ากันมากนัก ทั้ง 1 and 2 อยู่ในกลุ่ม medium / weak stress -------------------------------- tonmelb ถึงได้เขียนไงว่า ถ้าคุณไม่ใช้ 3 ช่า ใช้ 2 ค่ายใหญ่ก็ได้ครับ --- คุณลองฝึกดูครับ on the table/desk/wall, under the lamp, at the airport/door It’s (1) on (2) ( ซอน) the (1) DESK(3). = On (2) the (1) DESK (3) TONMELB (3) / She (1) TEACH (3) (c) chES (1) ENG (3) (g) lish (1) I (2) can (1) go (3) to (1) MOR (3) row. (1) เสียงที่ออกมาจะไม่ใช่ราบเรียบเท่ากันหมด แต่จะมีสูง/ต่ำ หนัก/เบา/ ๒๒๒๒๒๒๒๒ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:47:12 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ต้องรู้จัก Thought groups (T G คือ คำสุดท้ายของประโยคที่อาจจะเป็นวลี, อนุประโยคหรือประโยคหลัก เสียงของมันต้องลงต่ำ และลาก (เพื่อให้เวลากับประโยคที่ 2 ที่จะตามมาต่อ) a slight drop and a brief pause (Pausing) -------------------- นี่เป็นลักษณะเฉพาะของสำเนียงอเมริกันครับ ถ้าเป็นอังกฤษจ๋า End of a thought group จะมี pitch ที่สูงเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ --------------------- Slight drop and a brief pause จะทำให้ภาษาพูดคุณเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณต้องเรียน ต้องทำให้ได้ ถ้าอยากพูดภาษาให้เขาเข้าใจนะครับ มันจะเหมือนห้องดนตรี เช่น Many girls/ want to have/ tonmelb’s pics. Ton leaves for work/at six a.m./every morning. ( ช่องว่างระหว่าง Ton กับ leaves อาจจะไม่ถึงพูดติดกันนะครับ) I would like/to send/these cards/ to Melbourne. ควรรู้จัก Blending (ผมเรียกว่า การควบกล้ำ ภาษาไทยเรามี) Good nite ครับ ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:51:30 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เข้ามาปาดครับ ผมว่าคุณ tonmelb น่าจะลองทำเป็น blog ดูนะครับ จะได้ค้นหาง่าย และสะดวกในการอ่าน จากคุณ : นัท305 - [ 16 ก.พ. 51 22:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณครับ ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เลย ++++++++++++++ 17 Feb 08 สำหรับผู้อ่านที่เข้ามาใหม่ tonmelb ยินดีต้อนรับ เป็นกำลังใจให้ทุกคน ไม่ว่าจะขอพอพูดได้ หรือ ชอบเรียนรู้ภาษา หรือจะไปสอบ หรือจะไปสอบสัมภาษณ์ ถ้าสิ่งที่ผมเขียนจะมีประโยชน์บ้าง ผมจะดีใจมากครับ ผมมองว่า ความสำเร็จเป็นสิ่งดี เสมือนเป็นรางวัล แต่หนทางสู่ความสำเร็จน่าตื่นเต้นกว่า เพราะเราจะต้องพบเจอะเจออุปสรรค ต้องแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่รู้ว่าฟ้าจะพิสูจน์เรามากน้อยแค่ไหน บทเรียนชีวิตที่ฟ้าจะให้เราทำ ไม่รู้ว่าเราจะสอบตกหรือผ่าน ทำให้เราผิดหวัง สิ้นหวัง หรือแม้แต่จะสิ้นเนื้อประดาตัว หนทางสู่ความสำเร็จน่าตื่นเต้นกว่า น่าสนุกกว่าและท้าทายมาก ๆ สำหรับผม ผมเองก็มาใช้กับความสำเร็จที่ผมมีกับการเรียน-สอนภาษาอังกฤษ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 22:47:34 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ถ้าฝึกจริง ๆ 6-8 เดือนน่าจะเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีนะครับ แต่มันจะไม่เร็วปรื๋อ ถ้าพื้นฐานคุณอ่อน ในเกี่ยวกับปัจจัยแต่ละบุคคลด้วย ขอยกตัวอย่างตัวผม ก่อนไป Australia ผมเตรียมตัว 8-9 เดือน ฟังเทปดัง ๆ ทุกวัน อ่านหนังสือ---เรียนพูดอังกฤษ 96 ชั่วโมง ด้วยตนเอง ของอาจารย์แฟรงค์ 6-8 เดือนแรกใน Australia ภาษาดีขึ้น พูดและเข้าใจมากขึ้น เพราะอยู่ใน English environment แต่ก็มีอีกเยอะที่ต้องเดินต่อไป ฝึกต่อไป ในเมืองไทย 6-8 เดือนของคุณ ถ้าคุณจะใช้ภาษา ได้ยินภาษา ฝึกภาษา ได้รับแนะนำและแนะแนวและแก้ไขจากผู้รู้เต็ม ๆตลอดเวลา 6-8 เดือน ภาษาคุณจะไม่ดีขึ้นได้ไง เพียงแต่ว่ามันจะไม่รวดเร็วดังที่คุณคาดหวัง tonmelb อยากให้ใจเย็นกว่านี้ได้ไหม ดูผมเป็นตัวอย่างก็ได้ มันใช้เวลาพอสมควรในการที่จะเข้าใจอีกภาษาหนึ่ง ผมเองใช้เวลาเตรียมตัว 8-9 เดือนก่อนไป Australia + 6 เดือนแรกใน Melbourne = 14-15 เดือนเชียวกว่าจะรู้อะไรคืออะไร และที่สำคัญ 14-15 เดือน ผมฝึกฝนเกือบทุกวัน ( ยกเว้นวันป่วยและวันมามาก เฮ้ย ไม่ใช่ วันขี้เกียจครับ) เวลามันผ่านไปเร็วจะตายไป และภาระคุณไม่มีหรือ เช่น ดูลูก ทำงาน ฯลฯ ต้องเริ่มแล้ว ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 22:58:10 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถึงแม้สื่อในการเรียนภาษาจะมีมากขึ้น แต่ไม่อาจทำให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ หรืออาจเข้าใจผิดหรือเข้าใจไปเอง คุณควรต้องเสาะหาคำแนะนำจากครู-อาจารย์ด้วยนะครับ ผู้เรียนภาษาในเมืองไทย ต้องมุมานะกว่าคนที่อยู่ใน English environment แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ (ให้เป็นแนว) 1. ถ้าคุณเป็นคนอ่านหนังสือ ให้อ่านภาษาอังกฤษ เพราะว่าการอ่านภาษาไทยมานาน ๆ เวลาคุณจะคิดเป็นอีกภาษา มันจะยากขึ้น มันจะติด มันติดกรอบแนวความคิดแบบไทย ๆ หมดครับ เขียนออกมาก็งง 2. an English environment จากตรงนี้ ถ้าเรา ๆ ท่าน ๆ ที่อยู่เมืองไทยจะสอนตัวเอง หรือลุก ๆ หลาน ๆ ของคุณ (แน่นอนว่า เด็ก ๆ ของคุณจะมีหวังที่จะเก่งภาษามากกว่าคุณ) คุณหรือลุก ๆ หลาน ๆ ต้องสร้าง an English environment ขึ้นมา และอยู่ในนั้นให้มากที่สุดในแต่ละวัน แต่ไม่ใช่จะอยู่ใน an English environment ต้องพูด ต้องฟัง ต้องอ่าน ต้องเขียนด้วยนะครับ Be an active learner 3. ประสบการณ์สามารถช่วยคุณให้เข้าใจภาษา ต้องหาประสบการณ์ทางภาษาให้มาก ๆ เช่น ถ้าฟังจากเทป CD หรือ รายการ UBC ให้เปิดค่อนข้างดัง และฟังทุกวัน วันละ 1-2 ชั่วโมง มีเพื่อนฝรั่ง + จดบันทึกเป็นภาษาไทยถึงการฝึกของคุณก็ได้ถึงปัญหา ฯลฯ 4. แรงจูงใจและแรงบันดาลใจสำคัญมาก ๆที่จะเรียนภาษา อย่ามองข้ามสิ่งนี้ ไม่ใช่มองแต่ว่า เงินเราไม่มี เราจน เราคงไม่มีโอกาสไปเรียนนอก หรือครูเราไม่เก่ง และอะไร ๆอีกสารพัดที่คุณคิด ซึ่งมันไม่ใช่คิดในทางบวกเลย อย่างน้อยที่สุด ผู้อ่านก็มีผม มีอะไรจะให้แนะนำเมลมาได้ครับ dreamder2000@yahoo.com ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:04:45 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 78 Hit ครับผม มี 3 ข้อครับที่คุณ ๆต้องไม่ละเลยเป็นอันขาด ถ้าต้องการที่จะพูดให้ฝรั่งเข้าใจ 1. The sounds of the language (the vowels and consonants) ต้องได้ยินการออกเสียงจากปากฝรั่งบ่อย ๆ เสียง A-Z สระเสียงยาว/สั้น มันออกเสียงอย่างไร (แนะให้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับ Phonics ที่ผมใช้อยู่นั้นคือ Up and Away in Phonics and Phonics Fun ทั้ง ๒ เล่มมีทั้งเทปละ CD ให้เลือกซื้อครับ) และอีกเล่มก็ดีมากครับเล่มนี้ Clear Speech : Pronunciation and Listening Comprehension in North American English เขียนโดย Judy B. Gilbert มี Audio CD ด้วยนะครับ 2. The rhythm of the language ( the patterning of stresses) คือในแต่ละคำ วลีและประโยค มันจะมี----------เสียงที่หนัก-เบาต่างกัน เจ้าเสียงหนักเบาต่างกันทำให้มันเกิด Rhythm จังหวะจะโคน เช่น PENcil เน้นที่คำแรก เป็น เพ๊นสิ้ลล (เสียง l ยกลิ้นขึ้นสูงแตะด้วย) และถ้าต้องการมั่นใจว่าออกเสียงเพ๊นสิ้ลล เป็น เพ๊นสิ้ลลแบบที่ฝรั่งเขาพูดจริง ๆ คุณก็ต้องศึกษาและทำตามข้อ 1 เช่น เสียง P ออกอย่างไร สระ e เสียงเป็นอย่างไร + N + c+i+l = Pencil 3. The Intonation of language (the music tone or pitch) คือวลี/ประโยคต้องมีเสียงสูงและต่ำ เช่น ประโยคบอกเล่ากับปฏิเสธ คำสุดท้ายที่มักเป็นคำสำคัญต้องลงเสียงต่ำ ฝรั่งเขาเรียกว่า falling tone/intonation/pitch ครับ ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Questions words ก็ต้องลงเสียงต่ำ เช่นกันครับ หรือ ประโยค Yes/No Qs คำสุดท้ายก็ต้องขึ้นเสียงสูง (โดยเฉพาะนี่คือเอกลักษณ์ของภาษาสำเนียงอเมริกันครับ เพราะถ้าสำเนียงอังกฤษ จะเป็น rise and fall ครับ) -------------------คำสุดท้ายก็ต้องขึ้นเสียงสูง เขาเรียกว่า Rising tone/intonation/pitch----------------- Intonation Level นี้มี 3 ระดับ/จังหวะ เหมือนที่ผมพูดเล่น ๆ 3 ช่า คือมี High, mid and low @@@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:06:33 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สระ 1. สระเสียงสั้น A เช่น hat fast stands cash 2. สระเสียงสั้น E เช่น bed net French spend fresh 3. สระเสียงสั้น I เช่น pin hill six milk 4. สระเสียงสั้น 0 เช่น pot cot doll top 5. สระเสียงสั้น U เช่น cup gum brush drum 6. Vowels before R เช่น ar ( car smart) or, er, ir, ur @@ A. สระเสียงยาว A ( ai, ay) เช่น train tray day sail Spain way B. สระเสียงยาว E & EE เช่น tree street three sheep wheel speech cheek C. สระเสียงยาว E (ea # a ไม่ออกเสียง) เช่น leaf tea read neat stream meat D. สระเสียงยาว O/OA เช่น boat coat goat toast road E. สระเสียงยาว A ( ae – silent e) cake snake gate plane scale F. สระเสียงยาว I เช่น five nine kite slide bride G. สระเสียงยาว O เช่น nose smoke cone bone stove H. เสียง oi / oy อออิ เช่น coin boil spoil point toy joy boy I. เสียง ue/ew due true clue dew flew new threw chew @@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:10:19 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เสียง long a with silent e ( เสียง e ไม่ออกเสียงแต่ทำให้เสียง a ยาวขึ้น ยาวกว่า a ไทย) Snake ไม่ใช่ สเนค แต่ต้องลากเสียง a เป็น สเน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วจบด้วย K เบา ๆ สเนค เสียง a ยาวใน ai เช่น rain ไม่ออกเสียง เรน แบบรวบ ๆ ไร้พลัง ควรเป็น เร ๆๆ อิน(เหน่อะ) ถึงจะ เสียง a ยาว แต่ไม่ลากเสียง a จนยืด นะครับ เสียงออย ไม่ใช่ออย ไทย เป็น อออิ คุณขึ้นเสียง ออ สูง แล้วตบท้ายอิเบา ๆ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ เสียง th in thin, thank 1. แลบลิ้นออกมานิดนึง 2. ใช้ฟันบนฟันล่างวางบนลิ้น 3. แล้วพ่นลมออกมา + ออกเสียง เฑอะ ๆๆๆๆ (ไม่ชัดนะครับ เพราะต้องมีแต่เสียงลม) ลองออกเสียง thin ดูครับ 4. พอสิ้นการออกเสียง คุณจะเห็นในกระจกว่าลิ้นจะเลื่อนลงมาติดในแนวในแผงฟันล่าง เสียง th in they 1. ตัวนี้เหมือนเสียงด เด็ก 50 % 2. ทำเหมือนข้อ 1 & 2 3. ออกเสียง ด เด็ก โดยใช้เสียงด้วย เสียงที่ได้จะได้เสียง ด 50% 4. พอสิ้นการออกเสียง คุณจะเห็นในกระจกว่าลิ้นจะเลื่อนลงมาติดในแนวในแผงฟันล่าง @@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:13:43 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 81 การออกเสียงของคำโด ๆ Note: อักษรไทยที่เขียนให้เสียงนี้ ผมพยายามให้ใกล้เคียงฝรั่งที่ออกมากที่สุด ทุกคำผมสามารถพูดได้เลยว่าเกือบ 100% เสียงแบบอังกฤษอังกฤษ จะขึ้นก่อน เสียงอเมริกันจะตาม เช่น เอ้มถี่/ตี่ 1. Rapidly---------แร้พผิดหลี่------------- 2. people-------------- พี้พพโผล่(เลอะ) 3. August-------------------- อ๊อเกิ่ส(เถอะ) 4. season------------------- ซี้สึ่น 5. consultant------------- ข่อนซ้าวทึ่น(เถอะ) 6. rival--------------------- ไร๊หวึ่ล(เลอะ) เสียง r and v ต้องออกเสียงให้ถูก 7. succeed--------------------สักซีซซซด(เดอะ) @@@@@ @@ 8. police---------------------- ผ่ะลีสสส 9. trouble-------------------- ทร้าบึ๋ล(เลอะ) เสียงควบกล้ำ tr and bl ต้องชัดครับ 10. answer---------------- อ๊าน/แอ๊นเส่อะ 11. current---------------------- เคร้อเหรึ่น(เถอะ) 12. never--------------------- เน้ๆๆๆๆเฝ่อะ 13. virus---------------------- ว๊ายหรึ่สสส 14. empty-------------------------- เอ้มถี่/ตี่ 15. economy------------------------ อิ่ค้อเหน่อะหมี่ 16. children-------------------------- ชิ้วเดรึ่น(เหนอะ) 17. Japan--------------------------------เจ่อแพพพน 18. finance-------------------------- ไฟ๊แหน่นสสส @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:16:31 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 82 @@ 19. subsequently----------------------- ซับสิ่เคว่นหลี่ 20. village------------------------------ ฝิ้ลเล่จ(เจอะ) 21. requirement------------------------- หรี่คว้ายหมึ่น(เถอะ) 22. zero------------------------------ ซี้ดโหร่ 23. extinction----------------------------------เอ่กสติ๊งฉึ่น(เหนอะ) 24. alternative----------------------- อ่อเท้อหนิ่ถิ่ฟ(เฝอะ) 25. excellent---------------------------เอ็กซึ่หลึ่น(เถอะ) 26. person---------------------------- เพ้อรสึ่น(เหนอะ) 27. goal---------------------------- โก(เหลอะ) ขึ้นเสียงสูงหลัง ก แล้วจบด้วยเสียง L 28. Pidgin English----------------------------- พิ้ดจึ่น อิ้งกลิช พ่นเสียง ช sh sh 29. delay-------------------------------------------------- ดิ่เล 30. picture--------------------------------------พิ้กเฉ่อร ( ตรงเฉ่อมีเสียง จแจมด้วย) @@@@@ @@ 31. exactly-------------------------------------- เอกแซ้คหลี่ 32. islander------------------------------------ ไอ๊(เออะ)แล๋นเด่อะรรรร 33. memory-------------------------------- เม้มโม๋ะหรี่ 34. exciting----------------------------------เอ่กไซ้ถิ่ง/ติ่ง 35. property------------------------------- พร่อพเพ่อะถี่/ตี่ 36. record-------------------------------- เร็คขอ(ร)ด/ หรี่ข้อ(ร)(เดอะ) 37. present---------------------------------- เพร้สซึ่น(เถอะ) 38. thousand------------------------ ฑ้าวซึ่น(เดอะ) @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:18:57 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 83 @@ 39. continuously---------------------------- ขั่นทิ้วหนิ่อึสหลี่ 40. purpose------------------------------- เพ้(ร)อพึ่สสสส 41. concern------------------------------------ขั่นเซิน (มีเสียง r แทรก) 42. regulation-------------------------------------- เร้กกิ่วเล้ฉึ่น 43. consent------------------------------------- ข่อนเซ้น(เถอะ) 44. different---------------------------- ดิ้บฟรึ้น(เถอะ) 45. despair--------------------------------- ดิ่สแปรรรรรร 46. disadvantage----------------------------- ดิ่แส่ดแว้นทิ่ด(เจอะ) 47. resentment-------------------------- หรี่เซ้นหมึ่น(เถอะ) 48. attractive----------------------------------- แอ่ดแทร็คถีฟ(เฝอะ) 49. credit------------------------------------------- เคอะๆๆๆ คเรดิ่ท(เถอะ) 50. difficult---------------------------------------------ดิ่บฟิ่คึ้ล(เถอะ) 51. judgment--------------------------------จั้จ(เจอะ)มึ่น(เถอะ) จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:20:51 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 84 @@ 52. speak---------------------------------------------- สสสสสปีก(เคอะ/เกอะ) 53. Kodak------------------------------------------- โค๊ะแดก(เกอะ) 54. standard----------------------------------------- สแต้นเดิ่ด 55. inform--------------------------------------- อิ่นฟอรม 56. Germany------------------------------------ เจ๊อหมั่นหนิ่ 57. official----------------------------------------- อ่อฟฟี้ฉึ่ล(เลอะ) 58. effectively--------------------------------------- เอ็ฟเฟ้กถีบหลี่ @@@@@@ @@ 59. restoration------------------------------------ เหร็สสสโต่เร้ฉึ่น(เนอะ) 60. evident-------------------------------------- เอ้ฟหวิ่ดึ่น(เถอะ) 61. density---------------------------------------เด้นสิ่ถี่/ตี่ 62. overcome it------------------------------------- โอ๊เว่อรคัม หมิ่ท 63. music--------------------------------------------มิ้วสิ่ก(เคอะ) @@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:23:54 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 85 @@ 64. environment---------------------------- เอ่นไฝ้เหร่อะหมึ่น(เถอะ) 65. representative------------------------------- เร่ฟผลิ่เซ้นเถอะถีฝ 66. guide--------------------------------------- ก๊าย(เดอะ) 67. examination------------------------------------เอ่กแซมหมิ่เน้ฉึ่น(เนอะ) 68. actually-------------------------- แอ้คฉ่วลหลี่ 69. absolutely--------------------------------------- แอ่ปเส่อะลู้ปหลี่ 70. encouragement-------------------------------- เอ่นค้อรหริ่จ(เจอะ)หมึ่น(เถอะ) 71. seminar--------------------------------- เซ้หมิ่หน่า 72. developing------------------------------------- ดิ่เฝ้อะหล่อพผิ่ง/ปิ่ง @@@@@ @@ 73. participate------------------------------------ พารที้ซิ่เพ่ท(เถอะ) 74. disappointment---------------------------- ดิ่สเส่อะพ้อยหมึ่นท 75. anger-------------------------------- แอ๊งเก่อรรรร 76. dusty---------------------------- ดัสถี่/ตี่ 77. authentic------------------------------------อ่อเฑ้นถิ่ค(เคอะ) 78. stock market -------------------------------------------- สต๊อก ม้าเข็ด/เก็ด(เถอะ) 79. Poland--------------------------------- โพ้แหล่น(เดอะ) 80. analysis-------------------------------- อ่ะแน้วหลิ่สิ่สสส @@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:26:50 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ที่ผมเติมอักษรเพิ่ม เช่น สสส หรือ รรร ผมต้องการให้คุณลากเสียงและเน้นด้วยครับ 1. period---------------------------------พี้เหรี่ยด 2. return-------------------------------- หรี่เทริน(เหนอะ) 3. passion------------------------แพ้ดฉึ่น(เหนอะ) 4. limited----------------------------- ลี้หมิ่ถิด/ติ่ด 5. challenge-------------------------- ชาเล่น(เจอะ) ออกเสียง ch ช หนัก ๆ ดุ ๆ 6. large--------------------------------- ลาๆๆๆ ลาจ(เจอะ) 7. classical--------------------------- แคลสสิ่คึ่ลลล 8. color-----------------------------------คั่ลลลเหล่อะรรรร 9. flight--------------------------- ฟไล้ท(เถอะ) เสียงควบกล้ำ fl ต้องตั้งใจออกเสียงให้ชัด @@@@@@@@ @@ 10. eight--------------------------------- เอ้ๆๆๆ เอ่ท(เถอะ) 11. dismantle----------------------------- ดิ่สแม้นทึ่ลลล 12. crisis-----------------------------------ไคร้สิทธ 13. private--------------------------------------- พร้ายเหว็ท เสียง v 14. industry---------------------------------- อิ่นดัสถี่/ตี่ 15. Washington----------------------------- ว้อฉิ่งถั่น/ทั่น 16. parent--------------------------- แพ้เหรึ่น(เถอะ) เน้นหนักเสียง p ในแ(พพพ)พ้ 17. inside-------------------------------อิ่นซ้าย(เดอะ) @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:28:55 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 87 @@ 18. choices-------------------------------- ช้อยซิ่สสสส 19. hazy--------------------------------------เฮ้สี่ 20. Fanta----------------------------------แฟ้นท่า/ถ่า 21. building-------------------------------------บิลลลดิ่ง 22. urgent----------------------------------เอ๊อจึ่น(เถอะ) 23. aggressive---------------------------------เอ่อะเกร็สสีบฝฝ 24. doubtful---------------------------------------ด๊าวฟ๊อล(สั้นกว่าฟ๊อลนิดหนึ่ง) 25. spending------------------------------------- สสสสเป๊นดิ่ง เน้นเสียง s 26. declare-------------------------------- ดิ่แครรร @@@@@ @@ 27. profit---------------------------------------------พร๊อบฟิ่ท(เถอะ) 28. minister------------------------------------------หมี่นิ๊ดเต่อรรร 29. China----------------------------------------ใช้/ช้ายน่ะ 30. Danish------------------------------------- เด้หนิ่ด (เฉอะ) 31. Hawaii---------------------------------- ห่าว้ายอิ 32. landslide----------------------------------แล้นสสสหล่าย(เดอะ) @@@@ @@ 33. narrow----------------------------- แน้โหร่ 34. producer------------------------------------ โพร๊อะดิ้วเส่อะรรร 35. Toronto----------------------------------- โธ่หร๊อนโถ่ 36. October----------------------------------- อ่อกโท้เบ่อะรร 37. receive------------------------ หรี่ซี้พ(เฝอะ) 38. monument-----------------------------------โม่ะหนิ่หมึ่น(เถอะ) 39. outstanding------------------------------------ เอ๊าสสสแต่นดิ่ง 40. at the moment------------------------------- แอ่ท ดึ่/เด่อะ โม้หมึ่น(เถอะ) จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:30:47 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 88 @@ 41. independence--------------------------------- อินดิ่เพ้นดึ่นสสส 42. Nepal------------------------------------------------ เหน่อะพอ(เลอะ) 43. instantly------------------------------------------ อิ่นสสสแต้นหลี่ 44. positively------------------------------------ พ้อสสสิ่ถีฝหลี่ 45. important------------------------------------- อิ่มพ้อทั่น(เถอะ) 46. international------------------------------------------อินเตอแน้ฉั่นแน้ล(เลอะ) เสียง เตอ กับ เธอ เสียงอยู่กึ่งๆ 47. uncertain--------------------------------------- อั่นเซ้อเทิ่น(เหนอะ) 48. failure---------------------------------------ฟฟฟฟ เฟ๊เหรี่ยรรร 49. interest--------------------------------- อิ้น(เทอะ)เทร็สสส(เถอะ) 50. basic------------------------------------ เบ๊สิ่ค(เกอะ) 51. hand--------------------------------------- แห้น(เดอะ) 52. popularity--------------------------------- พ๊อบเพ่อะแล้หริ่ถี่/ตี่ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:32:56 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 89 @@ 53. targeted--------------------------- ท้าเก็ทถิ่ด/ทิ่ด 54. impact----------------------------------- อิ้มแพ๊ค(เถอะ) 55. performance---------------------------------------------- เพ่อะฟ้อหมึ้นสส 56. confronted---------------------------------- ข่อนฟร๊อนถิ่ด 57. impartial------------------------------------------------- อิมพ้าฉั่ลล 58. celebration---------------------------------- เซซซลหลึ่เบ้รรฉึ่น(เหนอะ) 59. celebrate---------------------------------------เซซซลหลึ่เบร็ท @@ 60. intensify-------------------------------------------- อิ่เท้นสิ่ฟ่าย 61. risky-------------------------------------- หริ้สกี่ 62. exceeding------------------------------------------------------ อิ่กซี้ดดิ่ง 63. justice-------------------------------------------- จั่สที่สสส 64. bakery------------------------------------------------เบ๊เกร่อะหรี่ 65. Robinson----------------------------------------- โหร้บิ่นซึ่น(เหนอะ) 66. Make it happen-----------------------------เม้ กิ่ท แฮ้พผึ่น(เหนอะ) 67. client------------------------------------------------คไลอึ่น(เถอะ) 68. cuppaccino---------------------------------คับผ่ะชีโหน่ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:36:15 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เรื่องตัวอักษรที่ใช้ในการอ่านออกเสียง อาจไม่ถึง 100 % หรือผิดเพี้ยนไปบ้าง โดยเฉพาะ Choice โดยเฉพาะของตัวอักษรที่บางตัวต้องตัดสินใจเลือก แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้อ่านออกเสียงแบบเว่อร์ ๆ จะได้ใกล้เคียงที่สุด แก้ไขได้นะครับ ถ้าเสียงนั้นเพี้ยนจริง ๆ ก้าวแรกย่อมยากหนักหนาและต้องเหนื่อยอย่างแสนสาหัสนะครับ แต่ต้องก้าว เงิน 1 ล้าน 10 100 ล้าน+++ ไม่มีที่สิ้นสุด อินฟินิตี้ แต่มันจะเริ่มที่ ๑ สลึง ไม่ใช่หรือครับ? ถ้าขาด ๑ สลึง เงินมันจะครบล้านไหมครับ? See you next time ครับ @@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ก.พ. 51 23:38:16 A:61.91.161.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 91 21 February 08 Think in English “To improve your English, think, as much as possible, not in your native language, but in English. And this isn’t easy!” มันไม่ง่าย! แต่หนังสือ,นักวิจัย,ผู้เชี่ยวชาญ guru ต่างบอกว่า ต่างก็ไปในทางเดียวกับ Quotation ข้างบน ต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษ อย่าคิดผ่านภาษาไทย ผม tonmelb ก็เห็นด้วยนะ แต่อย่าคิดผ่านภาษาไทย ประเด็นนี้น่าสนใจ ที่น่าสนใจ เพราะ(ในมุมมองของผม) ไม่ว่าจะเป็นประโยคง่าย ๆ ไปจนถึงประโยคยาก ๆ ที่ประโยคที่ต้องสื่อออกไปต้องไปในแนวทางตะวันตก ไม่ใช่แปลตรงตัว หรือสำนวนต่าง ๆ จะไม่ใช้ความคิดผ่านภาษาไทยเลยหรือ? ตอนนี้ดึกแล้ว แต่เรื่อง Think in English จะเป็นประเด็นที่ผมพยายามจะ tackle/ elaborate ต่อไป ตามความรู้-ความสามารถในฐานะที่เป็น bilingual Guru ท่านอื่นใจร้อน ขอได้อย่ารีรอ โปรดชี้แนะครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:07:23 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 92 รวม Hit อีกแล้ว @@ 69. salad----------------------------------------- แซลลลหลั่ด(เดอะ) 70. package---------------------------------- แพ้คกิ่จ(เจอะ) 71. couple--------------------------------------------------- คั้บผึ้ลลล 72. directly------------------------------------ ได่เหร้กหลี่ 73. nervous------------------------------------------------- เน้อรรรหวึ่สสส 74. manage--------------------------------------- แม้หนิ่จ(เจอะ) 75. guard--------------------------------------- ก่าด(เดอะ) @@@@@@@ @@ 76. February--------------------------- เฟ็บบรู่เอ่อะหรี่ 77. recently----------------------------------- หรี่เส่นหลี่ 78. preparing---------------------------------- ผลิ่แพร้หริ่ง 79. responsible--------------------------------------------------- หรี่สสสป๊อนสิ่บึ้ลลล 80. corruption-------------------------------------- ข่อรั้บฉึ่น(เหนอะ) 81. prevented-------------------------------- ผลิเว้นทิ่ด @@ 82. delicate------------------------------- เด้ลลีเข็ต 83. ocean----------------------------------- โอ๊ฉึ่น(เหนอะ) 84. strategy-------------------------------- สต๊าถิ่จี่ 85. university-------------------------------ยูหนิ่เว้อศิ่ถี่-ตี่ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:13:15 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 93 @@ 86. seven--------------------------------- เซ้หวึ่น(เหนอะ) 87. bonus---------------------------- โบ๊หนึ่สสสส 88. later----------------------------------เล้เท่อะ/เด่อะ 89. dinner--------------------------------- ดิ๊นเหน่อ 90. desire------------------------------------ ดี่ซ้ายเอ่อรรรร 91. companion---------------------------ขั่มแพ้เหนี่ยน(เหนอะ) 92. foundation------------------------------------- ฝ่าวเด้ฉึ่น(เหนอะ) 93. Thailand------------------------------------ ท้าย/ไท้แหล่น(เดอะ) 94. enormous---------------------------อี่น้อหมึ่สสส/หมั่สสส จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:14:15 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 94 1. Finland---------------------------- ฟิ้นแหล่น(เดอะ) 2. matches----------------------------แม้เช็สสส 3. final------------------------------- ไฟ้หน๋อลลล 4. business------------------------------------------ บิ้สเน็ส 5. Queensland----------------------------------- ควี้นสแลน(เดอะ) 100. Tasmania----------------------- แถสสส/ถั่สสสม้าเหนี่ย @@@@@ ๑๑ การเน้นเสียงได้หลายแบบ๑๑ afterNOON ในประโยค It’s time for my AFTERnoon SLEEP. JapanESE Japanese COOking nineTEEN The year NINEteen TWENty It’s dark BLUE. a DARK blue SUIT From: ความลับ 12 ประการ ของภาษาอังกฤษ ของ คุณลอย ชุนพงษ์ทอง @@ Normal: What did you THINK of the Meeting? Special focus: What did YOU think of the meeting? ถามกลับไป Special focus: hightlight important new information/special meaning @@ I want a cup of herbal TEA. ทั่ว ๆ ไป I want a cup of HERbal tea. ไม่ดื่มอย่างอื่น เช่น iced tea I want a CUP of herbal tea. ต้องการเป็น Cup พูดครั้งครั้งแรก : a small iced TEA ครั้งที่ 2: Change that order to a LARGE iced tea (เน้นให้ถึงความแตกต่างของ size ที่สั่งครั้งแรก) @@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:15:24 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 95 B. Short vowels คุณก็ต้องถือปฏิบัติที่ผมแนะไว้ ฟังเยอะๆๆ แล้วอ่านออกเสียงเองก่อนหลาย ๆๆๆๆ รอบ แล้วไปอ่านให้อาจารย์คุณฝรั่ง อาจารย์ของคุณที่โรงเรียน ผมเชื่อว่าหลายคน( ถ้าเขาเป็นครูจริง) เขาจะดีใจและช่วยคุณแน่นอนครับ ถึงแม้คุณจะเรียนภาษาในระบบ Conversation ก็ตาม Phonics คือการกลับไปจุดเริ่มต้นของการออกเสียงให้ชัด @@ Short a: band, bath, bat, can, cat, clap, champ, dance, fast, glad, had, hat, Mack, nap, ran, sad, Sam, sand, snap, splash, stamp, tap, van Short e: bed, Ben, best, chest, eggs, fence, get, Fred, Jess, jets, hen, left, men, mess, nest, net, peck, pen, Penny, pens, red, rest, set, steps, tent, Ted, ten, tent, them, well, wet, @@ @@ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:16:26 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 96 Short i: anything, big, crib, did, digs, dip, dish, drip, fish, fix, hid, his, in, if, Jim, Kim, lick, lips, list, Liz, milk, mix, pick, ship, sink, sip, sits, slip, stick, swim, swing, things, Tim, tip, whiz, wish, with Short o: blocks, Bob, box, clock, chops, dogs, dots, drops, flops, frogs, hot, lots, Mom, mop, not, otter, pop, popcorn, pots, rock, Ron, sock, spot, stop, top, Tom Short u: brushes, bud, Bug, bun, bunny, bug, bus, cup, drum, duck, dumps, dunks, fun, gum, hug, hut, jug, jumps, luck, much, mud, mug, nut, pup, rug, runs, stump, sub, suds, sun, trucks, tub, up จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:17:26 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 97 C. Long Vowels Long a: ape, awake, away, backed, birthday, brave, cake, came, cave, celebrate, day, date, gate, grapes, Jake, Jane, Kate, lake, may, pail, pancakes, parades, planes, plate, play, race, rain, Ray, sails, shade, shake, shape, snail, snake, space, stage, stay, tail, today, trails, trains, wake, wait, waves, whale, Long e: be, beach, bee, cheese, clean, cookies, dream, eagle, eat, feel, field, flea, green, he, leafy, leap, leaves, me, mean, need, peach, peeks, peep, piece, queen, sea, seals, seats, see, seen, she, sheep, sheet, sneaks, squeak, street, sweep, sweet, tea, teeth, threat, three, treats, tree, weeds, @@ Long i: alike, behind, bike, bite, climb, dive, finds, five, hide, hike, I, inside, kite, light, like, mice, nice, Mike, miles, pie, pipe, prize, rice, ride, right, smiles, side, spiders, spike, surprise, tie, time, tonight, vine, white, wide @@@@ Long o: boat, bone, bowl, cocoa, cold, cone, croak, don’t, goat, goes, groans, hole, home, hope, hose, joke, most, note, nose, nosy, oatmeal, okay, opens, poke, robe, rope, rose, stone, throat, toast, Toby, window Long u: blue, blueberries, Bruce, clue, cubes, cute, Duke, flute, fruit, glue, huge, juice, Julie, June, Jupiter, Lucy, Luke, mule, Pluto, Sue, suit, suitcase, swimsuit, tissue, tube, Tuesday, tune, uses, @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:18:30 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 98 D. Initial Blends S: sc, sl, sk, sm, sn, sp, st, sw: school, scatter, slip, slide, skates, skips, smile, snack, snail, snake, snuggles, spins, spotted, station, stand, still, store, swallow, swim, swirl, swish ( เรียกว่า Clusters with S ก็ได้นะครับ) L: bl, cl, fl, gl, pl, sl: blew, clippers, closed, clouds, flag, flap, flip, flowers, gleam, glittered, planets, play, sleep, slowly ( เรียกว่า Clusters with L ก็ได้นะครับ) R: br, cr, dr, fr, gr, pr, tr: branch, breeze, crack, crash, creek, dreams, dry, friend, frog, grandpa, grass, great, groud, proud, pride, trail, tree, tried ( เรียกว่า Clusters with R ก็ได้นะครับ) @@ Triple Clusters : spl, scr, str เรื่อง อักษรตัวสุดท้ายที่ต้องสนใจออกเสียงครับ Final b, d, f, g, k, l, m, n, p, r, s, t, x, Final: ft, lk, nt, nd, ng, nk, Digraphs: ch, sh, tch, th, wh, (ng) @@@@@@@@ Thread, bread, sled, red, bed, cake, rake, snake, lake and steak Snail, sail, whale, pail, tail, ship, lips, clip, hip, and drip Chain, plane, rain, train, cane, king, ring, sing, wing and swing Bee, pea, key, three, tree, clock, lock, rock, sock, block Feet, street, meat, sweet, seat, dog, frog, log, jog and hog @@ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:19:56 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 99 Eye, fly, pie, tie, cry, top, stop, hop, mop and chop Mice, dice, slice, ice, rice, car, star, jar, guitar and bar Coat, goat, boat, note, vote, chair, hair, pear, bear and square Shoe, blue, canoe, glue, statue, hat, rat, mat, bat and cat Fan, pan, mat, van, bat, pool, tool, school, mule and stool @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ This is my friendly reminder… --- Patience is needed when learning English or just anything. A learner should have a strong desire for learning constantly. Be an active receiver, not a passive one in class. ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ---- Bangkok Post 02 “They perform in the classroom fine, especially their speaking and listening. You wouldn’t know they were ESL students. They are completely fluent." Then why do they need ESL at all? Like his counterparts at ISB and NIST, Mr. Brown notes that "reading and writing is a different story and you will have persistent language mistakes." Mr. Brown obviously has strong feeling about this. "An ESL student is really always going to be an ESL student. It is very rare that you will find a completely bi-lingual student. There are very few people who are completely fluent in two languages at the native speaker level. Unfortunately, it is easy to mistake spoken fluency for true proficiency, นี่คือ (ความคิดเห็นของ) อาจารย์ฝรั่งคนนี้อยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเเห่งหนึ่งใน Bkk อยากให้อ่านตรงนี้ reading and writing is a different story… An ESL student is really always going to be an ESL student. It is very rare that you will find a completely bi-lingual student…& it is easy to mistake spoken fluency for true proficiency, … ทักษะการอ่านกับเขียนยากกว่ามากในสายตาฝรั่ง Good nite ครับ แนะนำ comment ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียนภาษา เชิญ Post ได้ที่เวปที่คุณอ่านนะครับ หรือที่ dreamder2000@yahoo.com ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ วันมาฆบูชา 22:21:14 A:61.91.163.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 100 Think in English. ถ้าไม่ล้างสมอง ก็ต้องแบ่งสมอง/เวลามาเรียนรู้เพื่อที่จะคิดเป็นภาษาอังกฤษ ทำควบคู่ไปกับการสอบ ก็ยิ่งดี ไม่ใช่ได้ 4 ได้ A แต่สื่อสารไม่ได้ หรือที่เป็นอยู่ 10-16 ปีในรั้วโรงเรียน แต่ไม่ได้ทำให้ภาษาดีขึ้นเลย แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า -----------------คุณเห็นว่าภาษามันจำเป็น มันสำคัญกับชีวิตคุณหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ---------------- อาทิตย์นี้มีคนจบออกสู่ตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น ภาษาครับ ภาษาทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่น คิดดูซิครับ ป.ตรี ป.โทเยอะไปหมด ในปัจจุบันและยิ่งในอนาคต ผมมองไม่ออกนะว่า ถ้าคุณไม่มีภาษาอังกฤษ + จีนหรือญี่ปุ่น คุณจะดูโดดเด่นอย่างไร? ถ้าไม่ทำเพื่อใคร ก็ทำเพื่อตัวเองแล้วกันครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ “ข้อที่น่าจะลงความเห็นได้นั้นมีอยู่สองข้อ กล่าวคือ หนึ่ง วิธีการสอนภาษาอังกฤษของเราผิดหมด หรือสอง การเรียนภาษาอังกฤษนอกประเทศนั้นไม่มีทางสำเร็จได้ เมื่อได้พิจารณาดูโดยละเอียดแล้ว ข้าพเจ้าอยากจะลงความคิดเห็นว่า การเรียนภาษาอังกฤษในประเทศไทยนั้น อาจได้ผลดีทีเดียว ถ้าเราใช้วิธีถูก” “วิธีที่ถูกในการเรียนภาษาอังกฤษก็คือ วิธีที่นักเรียนไทยเรียนภาษาอังกฤษในประเทศอังกฤษนั่นเอง คือไม่ใช่ด้วยวิธีท่องศัพท์ และไม่ใช่ด้วยวิธีเรียนไวยากรณ์ แต่ด้วยวิธีอ่านและสดับตรับฟังภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นประโยคและเป็นเรื่องเป็นราว” “technique อย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าใช้ ก็คือการร้อยกรองถ้อยความภาษาอังกฤษกับภาษาไทยให้เข้าเรื่องเดียวกัน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเดาใจความของถ้อยคำภาษาอังกฤษได้จากภาษาไทย แม้ในประโยคเดียวกัน ข้าพเจ้าก็ได้พยายามปนคำภาษาอังกฤษเข้าไปในภาษาไทยด้วย การพูดภาษาปนกันไปเช่นนี้เป็นนิสัยของนักเรียนไทยในอังกฤษโดยทั่วไป และเป็นวิธีอธิบายความหมายของคำศัพท์อังกฤษได้อย่างดียิ่ง” จากหนังสือ: เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติด้วยนวนิยายย้อนยุค: ไปนอก [ฉบับสมบูรณ์]: คำนำของ สอ เสถบุตร ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:06:02 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 101 “ แต่ด้วยวิธีอ่านและสดับตรับฟังภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นประโยคและเป็นเรื่องเป็นราว” ใช่เลย ต้องส่งเสริมการอ่านและการฟังมากๆๆๆๆๆ ก่อนครับ ยิ่งสังคมไทยเน้นการพูดมากกว่าการอ่านการฟัง จึงทำให้ความรู้ภาษาอังกฤษของเราไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร คำที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ ขอแค่พอพูดได้ การอ่านและฟังจะให้คุณพูดได้ดีขึ้น ละเอียดขึ้น “ การพูดภาษาปนกันไปเช่นนี้เป็นนิสัยของนักเรียนไทยในอังกฤษโดยทั่วไป และเป็นวิธีอธิบายความหมายของคำศัพท์อังกฤษได้อย่างดียิ่ง” เมื่อก่อน บ้านเมืองอีกอย่าง ในสมัยนี้ ถ้าใครพูดไทยคำอังกฤษคำ คงโดนแซวแน่ แต่ tonmelb เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเราจะ In และเข้าใจภาษาอังกฤษ โดยผ่านการเล่าเรื่องในลักษณะนี้ แต่ที่หลาย ๆคนไม่เข้าใจว่ามันจะ Work ไหม ผมขอบอกว่าการเรียนภาษาอังกฤษโดยวิธีอ่านและสดับตรับฟังภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นประโยคและเป็นเรื่องเป็นราว จะทำให้เข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:14:13 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 102 tonmelb ซื้อหนังสือเล่มนี้มาเกือบปีแล้วนะครับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านให้จบ เมื่อแรก ๆที่ซื้อมาผมได้อ่านอยู่ไม่กี่บท แต่ถูกจริตผมหรือเกิน Note: เป็นเรื่องปกติครับที่ผมซื้อหนังสือมาแล้วไม่มีเวลาได้อ่านเลยครับ และในวันนี้ผมเปิดประเด็น Think in English -------------คิดเป็นภาษาอังกฤษ--------------------- ผมคิดถึงหนังสือที่เขียนโดยท่านเหล่านี้ หนังสือของท่านปรมาจารย์ท่านเหล่านี้ เช่น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ใน สี่แผ่นดิน English version ( หนังสือนี้ข้าพเจ้ายังหาไม่เจอเลย อยู่ในห้องล่ะครับ แต่หายังไม่เจอ), ม.ร.ว. กิตินัดดา กติยากร, ม.ล. มานิจ ชุมสาย, ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ, Tulachandra ผู้แปลนวนิยาย ปริศนา Prisna เป็นภาษาอังกฤษ, สอ เสถบุตร และอีกหลาย ๆท่าน Note: วิธีคิดของท่านปรมาจารย์ท่านเหล่านี้ ผมเชื่อว่าจะช่วยให้การคิดเป็นภาษาอังกฤษและความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยเกิดขึ้นและเป็นจริงได้ ถ้าเราคนไทยศึกษาวิธีของท่านและนำไปฝึกฝนอย่างพากเพียร อาจจะต้องมีการประยุกต์ให้เข้ากับการเรียนในปัจจุบันด้วยหรือเปล่า? เพราะว่าการเรียนในสมัยโน้นต่างกับสมัยนี้ นั่นคือ สมัยนั้นมีแต่ครูเก่ง ๆ วิชาการแข็งแกร่งกว่าปัจจุบัน คงต้อง เพราะแต่ละคนมีวิธีที่จะ get ต่างกัน ขยัน,ขวนขวายหาความรู้และมุ่งมั่นต่างกัน และโอกาสในชีวิต สิ่งแวดล้อม หรือขาดคนแนะนำหรือสนับสนุน และอื่น ๆ อีกมากมาย Life is drama. แต้ๆ ครับ แต่ผมขอ comment ว่า คนที่เก่งภาษาสมัยนั้น เหมือนสมัยนี้ คือเกาะกลุ่มอยู่ที่คนที่มีฐานะเท่านั้น อาจจะมีบ้างแต่เป็น % น้อยที่โรงเรียนโดยทั่ว ๆ ไปเช่นโรงเรียนไทยที่จะมีเด็กที่เก่งภาษา ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนในเครือคาทอลิคมากกว่าครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:17:22 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ผมยังยืนยันและนอนยันอยู่ว่า ระยะเวลา 8-9 เดือนจากนี้ คุณจะเห็นว่าภาษาคุณดีขึ้น แน่นอน ถ้าฝึกจริง ตั้งใจจริง ไม่ใช่ว่าฝึก 1-2 เดือนแล้วหาย ขอแนะเพิ่มว่า: ถึงแม้ว่าคุณฝึกอย่างสม่ำเสมอได้จริง ๆ แล้วปลายปีนี้เห็นผลทันตา แต่ปีหน้าไม่ฝึกต่อ ความรู้คุณคืนอาจารย์แน่นอนครับ จะเหลือบ้างใน เช่น สื่อสารแบบง่าย ๆ คุณต้องการแบบนั้นหรือ? อาจมีคำบ่นว่า ชีวิตนี้ไม่ต้องไปทำอะไรแล้วมั้ง มานั่งต่อยอด มานั่งเรียนภาษา ส่วนหนึ่งของชีวิตครับ ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต คุณต้องรับความเป็นจริงว่า Skill ภาษาคุณมันไม่อยู่ครบ มันไม่นิ่ง ไม่ใช่ ก็หายไปเรื่อย ๆ Use it or lose it! ให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันจะช่วยได้เยอะ เช่น ให้เวลา 2-3 ชั่วโมงทบทวน+เรียนรู้คำศัพท์ใหม่จากการอ่านและฟังเพลง-ดูหนัง ให้คิดเป็นเรื่องที่สนุกที่จะทำ ไม่ใช่ภาระครับ ภาษาไม่ยาก ความขี้เกียจของคนเรา แก้ยากกว่าครับ การเรียนไปวัน ๆ การทำอะไรแบบไม่เต็ม 100% ถ้าคุณมีนิสัยแบบนี้ แก้ยากกว่าครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:18:49 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ภาษาอังกฤษไม่ยากเกินความสามารถคุณหรอก คุณแค่ขยันไม่พอ อ้างโน่น อ้างนี่ ผมรู้ว่าทำไม เพราะว่า การฝึกฝนเพื่อจะใช้นั้น มันไม่มีคะแนน มันไม่มีจบ หรือพอใช้ผิด ก็รู้สึกเสียหน้า ท้อ หรือฝึกไป พอไม่มีคนชม ไม่มีคนสนับสนุน ก็หยุด แรงจูงใจไม่มี สร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจ จากผมก็ได้ ที่มานั่งพิมพ์แบบใช้นิ้วชี้ 2 นิ้วพิมพ์ดึก ๆ ดื่น ๆ นี่ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ผมเขียนมาเกือบ 8 ปีแล้ว ชมไม่ค่อยมี แต่แขวะเพราะไม่ค่อยจะเข้าใจสารที่ผมพยายามจะส่งก็เยอะ ไม่ถามหรือครับว่า ผมไปดึงแรงจูงใจจากไหน มาจากตัวเอง เพราะผมมุ่งมั่น แต่ไม่ใช่ไม่ชอบชมนะครับ ใคร ๆ ก็ชอบ ติเพื่อก่อ ยิ่งจะขอบคุณ งานเขียนผม หลาย ๆครั้งต้องการการขยายความจากผู้รู้ท่านอื่น(แบบช่วย ๆกัน) เพราะผมต้องการ Update อาทิตย์ละครั้ง+ทิ้งประเด็นไว้ ผมเชื่อว่า ผมกล้าหาญและมั่นพอ ที่จะเปิดประเด็นต่าง ๆ ถ้าคิดว่าประเด็นนั้น ๆ จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน แต่ข้อมูลต้องถูกต้องแต่ไม่ครบหรอก เหมือนจิ๊กซอครับ ต้องช่วย ๆ กันต่อ กันมอง จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:20:06 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 105 รวมฮิต(ต่อ) ประโยคสำเร็จรูปที่ผมให้หลากหลาย ไว้ให้อ่าน อ่านและฟังให้มากๆๆๆ จะช่วยให้คุณคิดเป็นภาษาอังกฤษ การที่จะสามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษ ต้องเตรียมสมองให้รับข้อมูล Input ภาคภาษาอังกฤษบ่อย ๆ และสม่ำเสมอ Think in English แนะวิธีได้ แต่มันจะเกิดเมื่อไหร่ ไม่รู้ แต่ถ้าทำตามที่ผมแนะ มันเกิดแน่ครับ @@ 1. I love the noise of the falling rain. 2. Worry can be used both actively and passively with similar meanings. I worry about you. I am worried about you. 3. On being introduced, British and American people often shake hands. 4. Sam has an excellent eye for detail. 5. He won’t win friends if he carries on talking like that. 6. To my great delight, they phoned and offered me the job. 7. Oh, no! You broke my concentration. 8. tonmelb always has plans for every conceivable emergency. 9. Experience of computers is highly desirable. @@@@@@@ จากก้านกล้วย .. ยิ่งกองทัพเราเล็กเพียงใด ชัยชนะก็จะยิ่งใหญ่เพียงนั้น 1. the drug(s) problem 2. the arrivals hall 3. a drinks cabinet 4. a sports car 5. a feelings word/vocabulary 6. on Saturdays(s) 7. You can say: “May I have 2 beers/cokes/coffees, please?” จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:21:31 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 106 8. When telephoning from abroad, dial 446. 9. Served with milk and sugar, it makes a delicious breakfast. 10. For details contact Tony. 11. magenta สีม่วงแก่ 12. He is a very lucky man. He possesses all that makes his life agreeable. ( pleasant) 13. The expected time when ton will be here is 10.15 am. 14. I have no idea why he got so angry / mad. 15. I don’t know how well he can speak English. @@@@@@ @@ 16. Susan is the teacher whom we love. 17. Major Senior Colonel พล.ต.อ.พิเศษ 18. The Medical Clinic 111 Toom Tam Rd, Dusit, 3112- telephone 111 998 ( All Hours) 19. The books dropped to the floor. 20. Ton dropped the lion with a single punch. ( ha) จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:23:06 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 107 @@ 21. They went into the shop, intending to buy some books. 22. Seen from the hill, the town looked beautiful. 23. I let out a big sigh, relieved that the examination was all over. 24. The verb is the most important word in the sentence. 25. Ham and eggs is considered to be one unit. 26. Plan ahead. Look at these activities. 27. What should you do to learn English? 28. I will cooperate with you completely. 29. Please join me for lunch. 30. Dr. tonmelb will operate on the patient immediately. &&&&&&&&&&&&& 31. We all hope for a better world/family/society 32. Sandra went hoe late because of/ due to/ owing to the heavy rain. 33. The peace treaty was timely; in addition/ furthermore/ moreover, it was fair. 34. Is it all right if I smoke/ 35. I think the evidence is compelling. 36. People grow and die. 37. Everyday essentials. @@@ @@ 38. Students learn English in situations outside the classroom as well. 39. I just love your idea. You have a point. Interesting reasoning. 40. Meting people, telephoning, making appointments 41. The emphasis is on presenting English as a means of international communication in business settings. 42. Did you write unified supporting paragraphs? 43. tonmelb particularly asked for you. 44. His remarks were particularly helpful. 45. It is especially / particularly important to remember this. 46. In British English, the word “especially” is more formal than the word “specially”. จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:23:58 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 108 @@@@@ 47. Specially made in Bangkok. 48. This is a course specially designed to meet business people’s needs. 49. There is no sign for success. 50. No way of winning. 51. John can digest incredible information about the place. 52. tonmelb did it quite professionally. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ @@@@ 1. He didn’t want to upset his father, especially as his mother was so ill. 2. We are especially concerned about the rise in tuition fees. 3. Ton especially like the idea of using music in the classroom. 4. It is three years since I last saw Ton. (= I haven’t seen Ton for three years/ the last time I saw Ton was three years ago.) 5. Ken gave up smoking ten years ago. He had been smoking for 25 years. 6. At last the bus came. I had been waiting for 45 minutes. 7. Dee was very tired when he arrived home. Dee had been working hard all day long. @@ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:25:18 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 109 8. Well, I’d prefer to go by bus. I’d rather go by bus. 9. I’d rather you came with us. 10. I’d prefer to stay at home tonight rather than go to the movie. = I’d rather stay at home tonight than go to the movie. 11. You need to obtain a true picture of how English is really used today. 12. A pattern of paws 13. You have a tremendous wealth of experience. 14. The artist has a marvelous eye for detail. @@@ @@ 15. I urge you to write to me with any queries or comments. 16. A reasonable standard of English 17. A great deal of support to the description of the meanings 18. Thank you for offering all kinds of suggestions for improvement. 19. You were supposed to clean the windows. Why didn’t you do it? 20. I’d better hurry. It’s nearly 10 o’clock and I am supposed to be meeting Henry at 10.45. 21. We regret to inform you that we are unable to offer you the job. 22. We like people to be on time. 23. If I didn’t want to come, I wouldn’t come. จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:27:12 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 110 @@ 24. I wish I didn’t have to work. (But I have to work.) 25. I didn’t see you when you passed me in the street. If I had seen you, of course I would have said hello. (but I didn’t see you) 26. I wish it didn’t rain so hard. I wish I had an umbrella. 27. Greg is a great talker. But it’s about time he did something instead of just talking. 28. Ton did very well to pass his English test. I am sure I couldn’t have passed it. 29. If the weather hadn’t been so bad, we would/could/might have gone out. 30. Have a bath/shower/shampoo/haircut/trim/drink 31. Business travelers and vacationers Good night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ก.พ. 51 00:28:00 A:61.91.163.15 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ไปโพสต์คอมเม้นท์ไว้ในอีกกระทู้ ก่อนจะมาอ่านกระทู้นี้ อืมม์.. ประโยคที่คุณยกมาทั้งหมดนั้น มันค่อนข้างเป็นแพทเทิร์นในภาษาเขียนแบบที่ใช้สอนนักเรียนในสมัยก่อน ๆ ซึ้งผมเห็นว่าไม่จำเป็น คนที่จะเรียนและพัฒนาภาษาอังกฤษ ขอให้เริ่มต้นจากสิ่งที่ตัวเองชอบ ชอบกีฬา ก็อ่านหนังสือกีฬา แล้วหัดสังเกตุการใช้ศัพท์ ใช้ไวยากรณ์ คำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้ ๆ กันอยู่ มีเพียงไม่กี่คำหรอกครับ แต่ในไม่กี่คำนั้น ใช้ให้มันแตกฉานก็พอแล้ว ยกตัวอย่างคำว่า RUN ใคร ๆ ก็รู้ว่าแปลว่าวิ่ง แต่พอจะใช้งานนั้น มันแปลได้สารพัดครับ เช่น Water runs deep. = น้ำนิ่งไหลลึก The bill runs to Baht 1,000 = ของทั้งหมดคิดเป็นเงิน 1000 บาท The weeps run over the wall = พวกวัชรพืชเลื้อยไปทั่วกำแพง เห็นไหมครับว่าภาษามันดิ้นได้ เราก็ต้องจำเป็นรู้การใช้ให้มันหลากหลาย มันถึงจะสนุก ยิ่งการเขียนภาษาอังกฤษด้วยแล้ว มันเขียนได้หลากหลายมากในความหมายเดียวกัน ฝึกของง่าย ๆ แค่นี้แหละครับ มันก็จะพัฒนาไปได้เอง อย่างประโยคที่คุณยกตัวอย่างมาให้ว่า "I love the noise of the falling rain." ดู ๆ แล้วมันไม่ผิดหรอกครับ ถูกทุกอย่าง แต่ผมจะไม่ใช้ ผมจะพูดแต่เพียงว่า I love the noise of the rain อันนี้มันเข้าใจแล้วครับ เพราะเมื่อมีฝน มันก็ตกลงมาทุกทีแหละครับ ทำไมต้องไปบอกด้วยว่าเสียงฝนตก เพราะในความเป็นจริง เสียงฝนก็คือเสียงฝนตกนั่นแหละครับ ไม่ต้องไปอธิบายเยิ่นเย้อ ฝรั่งเค้าไม่ใช้กันหรอกครับ มีแต่พวกอาจารย์สอนภาษาอังกฤษชาวไทย ที่เขียนตำรากันมาแบบนี้ครับ อันนี้เป็นแค่เพียงคอมเม้นท์ของผมครับ ท่านอื่น ๆ อาจจะคิดแตกต่างกันก็ได้ แต่ผมใช้หลักการเช่นนี้แหละครับ สไตล์ใคร สไตล์มันไม่ผิดครับ คอมเม้นท์เพียงเท่านี้แหละครับ สวัสดี จากคุณ : sakchai splash - [ 25 ก.พ. 51 11:52:03 ] @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ขอบคุณครับ -----------------"I love the noise of the falling rain."---------------มาจาก mag เล่มหนึ่งนะครับ ผมว่ามันเพราะดี เพราะมันอธิบายทั้ง 2 ภาคส่วน ทั้ง noise เสียง เเละ falling rain ฝนที่ตกลง(กระหน่ำลงพื้นดินมา) ส่วน I love the noise of the rain ผมว่า เสียงฝน(ที่ตก ซึ่งมันกำลังตกอยู่) มันเห็นภาพก็จริง เเต่ถ้าใส่ falling มันก็เคลิ้มกว่าไหมครับ? = ฝนที่ตกมาจากฟ้าสู่ผืนดิน สูงลงต่ำ = falling จากคุณ : tonmelb - [ 25 ก.พ. 51 21:27:39 A:61.91.163.245 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 112 สวัสดีคุณtonmelb  ก่อนอื่น เราขอแสดงความยินดีด้วยนะที่คุณปั่นกระทู้นี้ได้จนเลยหลัก 100 แล้วอ้ะ...นับว่าเป็นความเพียรพยายามอันสุดยอด ที่คุณเคยทำได้บ่อยๆ (เห็นปั่นกระทู้ทีไรเกิน 100 ทุกที) เราจะมาบอกข่าวดีให้คุณว่า เราเพิ่งช่วยแนะนำแนวทาง (โดยการส่งข้อมูลวิธีติดต่อ webmaster หลังไมค์ลับๆ) ให้ คุณ Flowery จนเธอเปิด "ห้องเรียนภาษาอังกฤษ" (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "ห้องสมุด") ได้สำเร็จแล้ว และในขณะที่ให้การ support คุณ Flowery ในเรื่องนี้อยู่นะ เราก็คิดในใจอยู่เสมอว่า คุณ tonmelb คงดีจะใจมากๆที่จะเห็น "ห้องเรียนภาษาอังกฤษ" เนื่องจากว่ามันจะเป็น "เวที" ที่ให้คุณ นำบทเรียนภาษาอังกฤษที่คุณอุตส่าห์เขียนแทบแย่ (แต่ไม่ค่อยมีใครในยำภาษาอ่าน เพราะแปะไว้ผิดที่)  เอาไปแปะไว้ที่ "ห้องเรียนภาษาอังกฤษ" ที่เพิ่งเปิดขึ้นใหม่เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง...เผื่อว่าจะได้เป็นการนำเสนอผลงานของคุณtonmelb "ให้ถูกกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งๆขึ้น" ลองย้ายบทเรียนของคุณtonmelbทั้งหมด ไปไว้ที่ "ห้องเรียนภาษาอังกฤษ" บางทีอะนะ คุณอาจได้นักเรียนสาวๆสวยๆ สนใจมาอ่าน จนคุณtonmelb ดังระเบิด ไปเลยก็ได้... ขอให้โชคดีนะ... จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 29 ก.พ. 51 23:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 113 แปะไว้ที่ยำภาษานั่นเอง ถึงว่าหาไม่เจอ อย่าลืมย้ายกระทู้ไปห้องเรียนภาษาอังกฤษนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : 2Kcartoon (2Kcartoon) - [ 4 มี.ค. 51 14:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 114 นักเรียนรออยู่นะคะ คุณ tonmelb แว้บไปตั้งกระทู้ไว้ 2 กระทู้ แล้ว แต่ยังไม่เอาบทเรียนไปสอนซะที รออ่านอยู่นะคะ จากคุณ : Flowery - [ 4 มี.ค. 51 20:38:18 ]