ความคิดเห็นที่ 1 เเนะนำให้ใช้ชีวิตประจำวันในเวอร์ชั่นอังกฤษ materials ต้องภาษาอังกฤษ ทีวี วิทยุ หนังสือ เเบบว่า ทุกโสตประสาท รับรองเราจะคุ้ยเคยมัน เเล้วเราก็จะได้เรียนรู้ครับ อ่าน ฟัง เจ้าของภาษาเค้าเขียน เค้าพูด เเล้ว เลียนเเบบ ครับ จากคุณ : Atomic Secret - [ 20 ม.ค. 51 13:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จริงๆก็ไม่บังอาจแนะนำมากนะคะ เพราะเราก็ไม่ได้เก่งอังกฤษเท่าไหร่ แต่ด้วยความชอบ ก็จะเน้นศึกษาเองมากกว่า โดยเรียนจากประโยคอะค่ะ คือ จะได้รู้ศัพท์ใหม่ๆ ก็จำไปเลย แล้วก็โครงสร้างประโยค วิเคราะห์ว่า ทำไมพูดอย่างนี้ แล้วใช้แบบอื่นได้อีกรึเปล่า บางทีก็จำประโยคไปใช้เลย เราไม่เคยเรียนพิเศษท่องศัพท์เลยอ่ะ เพราะรู้สึกว่าการท่องศัพท์ความหมายเดียวกัน เป็นกลุ่มๆที่เค้าชอบสอน(บางทีเป็นเพลง) สู้จำจากบริบทประโยคไม่ได้ ก็แล้วแต่ความถนัดค่ะ สู้ๆค่ะ ปล.ฟังเยอะๆ อ่านเยอะๆ ฝึกแต่งประโยค จากคุณ : viaggiatore - [ 20 ม.ค. 51 13:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้าว่าง ๆ เข้าไปอ่านกระทู้เก่า ๆ ของผมนะครับ ในคลังกระทู้เก่าของ -----รวมพลนักเเปล----------- คอลัมน์ใหม่กำลังจะมา กำลังระดมความคิดอยู่ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 20 ม.ค. 51 14:38:08 A:61.91.163.79 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าพื้นฐานไม่แข็ง อย่าคาดหวังว่า อ่านหนังสือรอบเดียว หรือ เรียนรอบเดียวแล้วจะเก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ต้องพยายามเตือนตัวเองว่า กำลังเรียนรู้ จะได้ไม่ท้อ อย่างเรื่องศัพท์ ก็เปิด dictionary เข้าบ่อยๆ พยายามจำศัพท์เป็นกลุ่ม จะทำให้จำได้เยอะขึ้น คราวหน้าเจอศัพท์เดิมอีก จำไม่ได้อีก เปิด dictionary อีก เปิดมันจนกว่าจะจำได้แหล่ะค่ะ เปิดบ่อยๆ ก็เบื่อ แล้วจะกลายเป็นกดดันตัวเองให้จำให้ได้ จะได้ไม่ต้องเปิดอีก เรื่อง grammar ก็สำคัญค่ะ จะทำให้เราอ่านและเขียนได้เข้าใจมากขึ้น ถ้าอ่านรวมกันไปแล้วสับสน ก็อ่านประโยคนึงซัก 3 รอบ เช่น - รอบแรกอ่านเอา grammar ดูว่าเค้าใช้ grammar อะไร ใช้ grammar อื่นแล้วจะได้ความหมายอย่างนี้หรือไม่ - รอบสอง อ่านเอาศัพท์ ศัพท์ไหนในประโยคไม่แน่ใจ ก็เปิด dictionary ดู ให้รู้จักทุกคำ ถ้ารู้จักทุกคำแล้วก็เปิดหา ศัพท์อื่นที่มี พื้นศัพท์เดียวกัน - รอบสาม อ่านให้จำ อ่านให้รู้สึกคุ้นเคย หรือ อาจหัดเขียนประโยคนั้นใหม่ โดยยังคงความหมายเดิมไว้ ลองทำดู นะคะ ท่านอื่น อาจมีเทคนิคเจ๋งๆ มาบอกกันอีก แต่ละคนเหมาะกับเทคนิคที่แตกต่างกันค่ะ ลองปรับใช้กับตัวเองดู ส่วนเรื่องเรียน อันนี้แล้วแต่ทุนทรัพย์และความสะดวก ค่ะ บางคนมีเงินสนับสนุน และคุมตัวเองให้อ่านหนังสือไม่ค่อยได้ ก็ใช้วิธีลงเรียนเพื่อให้ลากตัวเองไปเข้าเรียน บางคนมีพื้นฐานแล้ว แต่อยากได้เทคนิคเพิ่มเติม ก็ไปลงเรียน ทำให้เข้าใจมากขึ้น สู้ๆๆ ค่า จากคุณ : ทะเลใส - [ 20 ม.ค. 51 15:00:27 A:124.182.181.232 X: TicketID:145371 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าคิดว่าเรียนเพื่อเอาไปสอบ TOEFL (คุณ จขกท.เขียนผิดนะคะ) ก็ไปเรียนที่สงวนก็ดีคะ แล้วก็ทำแบบฝึกหัดที่เขาให้ ขยันทำมากๆ จับประเด็นหลักให้ได้ คุณก็สอบได้คะแนนดีเอง แล้วก็ลองจับเวลาทดสอบ ให้ทำเหมือนเวลาสอบจริง เผื่อเวลาไว้ให้น้อยกว่า สอบจริงสักครึ่งชั่วโมง คือ ถ้าสอบจริงให้เวลาแต่ละส่วนๆ ละสองชั่วโมง เวลาคุณทดสอบเองให้ลดเวลาเหลือชั่วโมงครึ่ง เพราะเวลาคุณสอบจริง จะมีความตื่นเต้นบวกเพิ่มเข้าไป ทำให้คุณเสียเวลา เพราะฉะนั้นการฝึก เวลาให้น้อยลงในการทำ จะเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้ระดับนึงคะ แต่ถ้าต่อไป ถึงตอนที่คุณจะเรียน ป.โท จริงๆ แล้วหล่ะก็ คงต้องศึกษาเพิ่มเติมเองแล้วหล่ะคะ ยิ่งถ้าเรียนต่อเมืองนอกด้วย ก็ต้องฝึกเยอะๆ เลยหล่ะคะ จากคุณ : muulaan - [ 20 ม.ค. 51 15:29:19 A:202.91.19.192 X: TicketID:166009 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกคนค่ะ  เราไม่ได้คิดไำปต่อโท.เมืองนอกหรอกค่ะ  เอาแค่โท.ประเทศไทย ก็พอค่ะ   แต่อยากอ่านและแปล paper พอได้เวลาอาจารย์ให้งาน  เพราะตอนนี้แฟนเราเค้าเรียนโท.อยู่ แต่มีปัญหาตอนอ่าน paper เพราะทำให้เสียเวลาที่ต้องนั่งแปลที่ละตัว แล้วหนังสือดีๆที่อาจารย์แนะนำให้อ่านก็ไม่สามารถอ่านได้  ทำให้เสียโอกาสน่ะค่ะ ประมาณว่าอาจายร์พร้อมสอน ให้ทุกอย่าง แต่เรารับได้ไม่เยอะ ทำให้เสียโอกาสที่อุสาห์ได้เรียนกับ อ.ที่ทุ่มเทค่ะ   ใครมีคำแนะนำ ช่วนแนะนำด้วยนะคะ  หรือใครเคยเรียนที่สงวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ เรื่องราคา วิธีการเรียน อะไรอย่างนี้   ขอบคุณค่ะ จากคุณ : พุงกระเพื่อม - [ 21 ม.ค. 51 10:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อืม ... คงต้องเริ่มจากความชอบนะคับ เพราะหากต้องการจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเอาไปใช้ในการเรียนอย่างเดียว แต่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน หากเรียนจบไปแล้วคงลืมหรือทิ้งไปเลย สำหรับการอ่านเปเปอร์ภาษาอังกฤษ (ซึ่งหากคุณต้องทำวิจัยหรืออะไรก็ตามในมหาลัย) คงจะ เอ่อ...อย่าตกใจ ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว ประโยคส่วนใหญ่จะมีแค่ ประธาน กิริยา กรรม(มีบ้างไม่มีบ้าง) เหมือนภาษาไทย tense ก็มีสามแบบหลัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต นอกนั้นก็ย่อย ๆ ที่สำคัญ ๆ ในการตีประโยคให้แตกอ่านให้เข้าใจคือต้องแยกประโยคให้ได้ว่า อันไหนเป็นประธาน กิริยา ประโยคใดเป็นประโยคหลัก ประโยครอง นอกนั้นก็เป็นความเชี่ยวของแต่ละบุคคลแล้วว่าจะสามารถแยกส่วนขยายของประโยค ของประธาน ของกิริยา ของคำนาม บลา ๆ ๆ ... -"- เรื่องคำศัพท์ไม่ต้องกังวลคับ มีพจณานุกรมอยู่กับตัวกลัวอะไร แนะนำให้ใช้แบบ Eng-Eng ดีที่สุด เพราะคำศัพท์หนึ่งคำมีล้านความหมายแปลงได้ตามประโยคแวดล้อม ถ้าหากมี Thesaurus ก็ได้คำศัพท์ใหม่เพิ่มอีก (หากสนใจอ่านมันนะ มีแต่ไม่เคยอ่านซักที) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเช่นบากกอกโพสหรือเดอะเนชั่นก็เป็นแหล่งฝึกอ่านที่ดีเหมือนกันคับ อ่านบ่อย ๆ เยอะ ๆ จะได้อ่านเร็ว ๆ และเข้าใจ(คร่าว ๆน่ะ) จากคุณ : microbe - [ 21 ม.ค. 51 18:32:17 A:71.112.7.143 X: TicketID:074393 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าให้ผมแนะนำถ้าจะเอาตั้งแต่ต้นนะครับ  จากที่เคยสอนเด็กป.6  ผมทำยังงี้นะครับ  สอนรากศัพท์และออกสำเนียงให้ได้ก่อนครับ  ค่อยๆเริ่มจากน้อยก่อน เวลาเจอศัพท์ยากๆจะทำให้สามารถเดาความหมายได้ง่าย ไม่ต้องจำเยอะเกินไปแต่เน้นเจอบ่อยๆจะเดาได้  สำเนียงก็ต้องออกเสียงให้ได้ก่อนในแต่ละคำถึงจะฟังออก ฝึกให้ออกเสียงแล้วก็ฟัง mp3 จากเสียงคนอเมริกัน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าออกเสียงถูกแล้ว   ขั้นต่อมาต้องเรียน Gramma พื้นฐานก่อน  ไม่งั้นก็สอนการวิเคราะห์ประโยคไม่ได้  ในการวิเคราะห์โครงสร้างประโยคก็ไม่ยาก ก็แยก ประธาน กริยา กรรม(มีบ้างไม่มีบ้างในประโยค) ส่วนขยาย ตัวเชื่อมประโยค สำนวนต่างๆ  อันนี้ไม่ยากแต่ต้องมีพื้นฐาน Gramma ก่อน    ถ้าเด็กสามารถผ่านตรงนี้ได้ คราวนี้ก็จะเริ่มเข้มข้นหล่ะครับ  เป็นขั้น 2 ให้เค้าอ่านและฟัง  ฝึกแยกประโยค  และมีสมุดเล่มหนึ่งให้เค้าฝึกเขียนเป็นหน้าๆ ที่เค้าเห็นและได้ยินอะไรก็ได้เขียนมันเข้าไปในสมุด  แล้วก็เพิ่มจำนวนแบบฝึกหัด  จน........ เค้าเริ่มคิดเป็นภาษาอังกฤษ  ฝันเป็นอังกฤษ และเริ่มพูดเป็นอังกฤษ   เข้าสู่ขั้น 3 คือเวลาที่รอคอยของผมแล้วครับ  เราจะไม่พูดภาษาไทยกัน  เราจะเรียนแบบอังกฤษ ฝึกฟังข่าว ฝึกดูหนัง ดูรายการต่างๆ วารสาร  หนังสือพิมพ์  และแล้ว ขั้น 4  เป็นจุดที่เค้าจะต้องสามารถสรุปสื่อต่างๆให้ได้ไม่ว่า อ่านอะไร ฟังอะไร พร้อมกับดู CD การสอนของคนอเมริกัน แล้วให้ Lecture เป็นภาษาอังกฤษ  ทดสอบทำข้อสอบ แล้วผมก็จะเลิกสอนเด็กคนนี้แล้ว  รอผู้รู้ท่านอื่นแนะนำต่อครับ จากคุณ : hno3 (HNO3) - [ 24 ม.ค. 51 09:42:51 ]