ความคิดเห็นที่ 1 นูรฮาชี เป็นชาวเผ่าหนี่เจิน เป็นเจ้าเมืองเจี้ยวโจว (อยู่ตรงช่วงแมนจูเลียในปัจจุบันหรือมณฑล เหอหลงเจียง) ในสมัยนั้นเผ่าหนี่เจินเป็นเผ่าที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ละเมืองจะมีผู้นำของตน เมืองเจี้ยนโจว ผู้นำคือ สกุล อ้ายซินเจียหลอ ส่วนเมืองเย่เหอ ผู้นำคือสกุล เยโฮนาลา นูรฮาชีต้องการที่จะรวมเผ่าหนี่เจินเข้าด้วยกันเพื่อต่อสู้กับราชวงศ์หมิง ซึ่งในยุคนั้นฮ่องเต้หลงเชื่อขันที รีดไถ่ประชาชน ข้าวยากหมากแพง ฯลฯ นูรฮาชีจึงยกทัพไปรบกับเมืองเย่เหอ แต่เจ้าเมืองเย่เหอไม่ยอมแพ้ จึงฆ่าตัวตาย ก่อนที่จะฆ่าตัวตายก็ประกาศว่า แม้ตระกูลเยโฮนาลา จะเหลือผู้หญิงเพียงคนเดียวก็จะแก้นแค้นอ้ายซินเจียหลอให้จงได้ (ประโยคนี้เอามาจากเรื่อง 13 จักรรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งขอแอบงง เพราะเท่าที่ศึกษามาราชวงศ์ชิงมีจักพรรดิ 12 พระองค์เท่านั้น) ซึ่งตรงกับที่มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเกริ่นไว้ ในหนังสือซูสีไทเฮาว่า "แม้สตรีแซ่เยโฮนาลาได้ปกครองแล้วไซร้ วงศ์กษัตริย์จะสิ้นไปจากแผ่นดินจีนทั้งปวง รูปที่เห็นคือปากทางเข้าหลุมฝั่งศพของจักรพรรดินูรฮาชี ที่เมืองเสิ่นหยาง ซึ่งคาดว่าซุ้มประตูนี้พึ่งสร้างใหม่ (เราจะซื้อบัตรและตรวจบัตรที่ซุ้มประตูนี้เลย) แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 21:37:18 แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 51 17:59:13 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 17:47:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นูรฮาชี ได้รับฉายาว่ากษัตริย์บนหลังม้า เพราะตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ พระองค์ทรงสู้รบตลอดเวลา และสิ้นพระชนม์จากการได้รับบาดเจ็บในสนามรบ หลังจากผ่านประตูแรกเข้ามา ก็ต้องเดินอีกไกลมาก กว่าจะถึงทางเข้าสุสานของนูรฮาชี ซึ่งทางสุสานก็มี รถไว้บริการ (เสียเงิน 555++) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 17:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีตำนานเล่าว่า เมื่อก่อนนูรฮาชีเป็นคนรับใช้ในบ้านของหลี่เฉิงเจียง ซึ่งมีวันหนึ่งนูรฮาชีได้ถูกเรียกให้มาล้างเท้าให้ท่านนายพลหลี่ นูรฮาชีเห็นว่าที่ฝ่าเท้าของนายพลหลี่มีไฝแดงอยู่ 1 เม็ด จึงถามท่านนายพลขึ้นมา ท่านนายพลก็ตอบว่าเพราะไฝแดงเม็ดนี้แหละที่ทำให้ท่านเป็นใหญ่ได้ ด้วยความไม่รู้ นูรฮาชีก็บอกว่า งั้นเค้าคงใหญ่กว่าท่านแน่นอน เพราะฝ่าเท้าเค้ามีไฝแดงถึง 7 เม็ดด้วยกัน เมื่อทราบดังนั้นท่านนายพลหลี่จึงสั่งให้ฆ่านูรฮาชี นูรชฮาชีจึงหนีเข้าไปหลบในกองซากศพที่มีอีการุมทึ้งอยู่ ทำให้ทหารของนายพลหลี่หาไม่เจอ นูรฮาชีจึงถือว่าการที่รอดชีวิตในครั้งนั้นเพราะอีกาได้ช่วยไว้ ราชวงศ์ชิงจึงนับถืออีกามาก (จะเล่าเมื่อถึงเสิ่นหยางกู้กงนะคะ) ด้านขวาของประตูทางเข้าสุสานมีลานสเก็ตให้ผู้เข้าชมเล่นได้ (เสียเงินอีกตามเคย) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 17:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อนูรฮาชีเริ่มเป็นใหญ่ อำนาจมากขึ้น เหล่าเมืองต่างก็ส่งลูกสาวมากำนัญ รวมถึงเมืองเย่เหอด้วย เมืองเย่เหอส่งลูกสาวมากำนัญ ซึ่งต่อมาเป็นพระมารดาของ หวงไท่จี๋ (จักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์ชิง) อันนี้เราไม่แน่ใจความถูกต้องนะคะ เอามาจาก ซีรีย์เรื่อง 13 จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ภายหลังพระมารดาของหวงไท่จี๋สิ้นพระชนม์ นูรฮาชีก็แต่งตั้ง อาปาไห่ เป็นสนมเอก ภายหลังนูรฮาชีสิ้นพระชนม์ พระมเหสีอาปาไห่ ก็ฆ่าพระองค์ตายตาม (บางคนกล่าวว่า หวงไท่จี๋เป็นผู้ออกคำสั่ง) เมื่อผ่านซุ้มประตูทางเข้าก็จะพบกับประตูอีกประตูหนึ่ง ประตูตรงกลางสำหรับ ฮ่องเต้ เท่านั้นนะคะ คนธรรมดา แม้แต่เชื้อพระวงศ์ หรือ ขุนนางก็เดินไม่ได้ค่ะ ปล. ต้องออกข้างนอกก่อนนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาต่อค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 51 18:06:06 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 18:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาอ่านและนึกย้อนอยู่ว่า ช่วงไหนค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 20 ม.ค. 51 18:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รออยู่จ้า จากคุณ : ฮิวเยียก - [ 20 ม.ค. 51 20:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาลงชื่อ ว่าติดตามครับ จากคุณ : สะติมม๊อนโสสะโตเบ้ว - [ 20 ม.ค. 51 20:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาไว้ๆ น๊า....รออยู่ จากคุณ : -NoononG- - [ 20 ม.ค. 51 20:39:59 A:124.121.103.244 X: TicketID:153958 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หวัดดีค่ะ คุณtiki_ทิกิ คุณฮิวเยียก(คนนี้เห็นบ่อยห้องบันเทิงเอเซียและขอบคุณสำหรับข้อมูลหนังจีนด้วยค่ะ) คุณสะติมม๊อนโสสะโตเบ้ว (แปลว่าอะไรคะ อ่านยากจังอิอิ) คุณ-NoononG- -   โพสช้าหน่อยไม่ว่ากันนะคะ คือโพสไปพิมพ์ไปนะคะ แล้วคุณทิกิ นึกออกยังคะว่าอยู่ช่วงไหน นูรฮาชี อยู่ช่วงปลายสมัยราชวงศ์หมิงคะ คือราว ค.ศ. 1616 ค่ะ ส่วนราชวงศ์ชิงก็คือราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองระบอบกษัตริย์ของประเทศจีนไงคะ ประตูสุสานเป็นรูปมังกร เค้าว่ากันว่าข้างหลังประตูนี้จะมีกลไลมากมายเพื่อป้องกันการขโมยสมบัติกษัตริย์ (ตามพวกหนังจีนนะคะ) แต่สุสานนูรฮาชียังไม่มีการรื้อค้น และรัฐบาลจีนได้โบกปูนปิดทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตึกสำหรับสักกะระหลุมศพนูรฮาชี จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ประตูเข้าหลุมศพจากมุมสูง จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ด้านหลังประตูก็ก่อเป็นดินแบบโค้งเหมือนฮวงซุ้ยจีนแบบบ้านเราทั่วๆไป แต่จะเห็นได้ว่ามีต้นไม้ต้นนึงถูกปลูกอยู่ตรงกลาง ซึ่งไกด์เล่าว่าเป็นคำสั่งของนูรฮาชีให้ปลูกต้นไม้ต้นนี้ไว้โดยหันไปทางทิศที่เป็นพระราชวัง เพื่อที่เค้าจะมองดูลูกหลานของเค้า และนูรฮาชีก็บอกว่าเมื่อไหร่ที่ต้นไม้ต้นนี้ตาย ราชวงศ์ชิงก็จะล่มสลาย หากแต่ว่าตอนนี้ราชวงศ์ชิงล่มสลายไปแล้ว แต่ต้นไม้ต้นนี้ยังมีชีวิตอยู่ (เอ๊ รึเค้าเอาต้นใหม่มาปลูกน้อ อิอิ) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หนึ่งในจำนวนศาลา บนจุดสักการะ ปฐมกษัตริย์ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ให้ทาย นี้คืออะไรเอ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย .. . .. .... .... ..... ..... ..... ..... .... อิอิ เตาเผากระดาษค่ะ แบบเวลาเราไหว้อากงอาม่า แล้วต้องมีกระดาษเงินกระดาษทอง แบบนั้นนะคะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากหลุมฝังศพของนูรฮาชี ก็มาต่อที่พระราชวังเสิ่นหยางกู้กง ซึ่งนูรฮาชีมีดำรัสให้สร้างในปี 1625 แต่พระองค์แทบไม่มีโอกาสได้ประทับเลย เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์ในปี 1626 ในการศึกที่เมืองหนิงหย่วน ซึ่งขณะนั่นมีแม่ทัพราชวงศ์หมิงชื่อ หยวนฉงฮ่วน ต่อต้านอย่างแข็งขัน นูรฮาชีถูกอาวุธบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต จากนั้นหวงไท่จี๋ โอรสคนที่ 8 ก็ขึ้นครองราชย์ต่อจากนูรฮาชี จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ป้านหน้าทางเข้า เสิ่นหยางกู้กง จะเห็นได้ว่ามีทั้งภาษาแมนจูและภาษาฮั่นเขียนอยู่ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โมเดลจำลองเสิ่นหยางกู้กง เสิ่นหยางกู้กงนี้สร้างเลียนแบบ พระราชวังต้องห้ามกู้กงที่ปักกิ่ง แต่ย่อส่วนลง และการวางแปลนพระราชวังฝ่ายในมีการวางที่ต่างกัน จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พระตำหนังฉงเจิ้น ในเสิ่นหยางกู้กง ซึ่งเป็นสถานที่ที่หวงไท่จี๋ใช้บริหารราชกลาแผ่นดินในสมัยนั้น จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บันไดมังกร คือบันไดตรงกลางที่มีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่เดินได้ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 22:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 นาฬิกาแดด หน้าตำหนักฉงเจิ้ง จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พระราชบัลลังก์ในตำหนังฉงเจิ้น ซุ้มบัลลังก์สวยมากเลยอ่ะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชัดๆๆๆ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตำหนักต่อมาคือ ตำหนักต้าเจิ้ง (ต้าเจิ้งเตี้ยน) เป็นตำหนักทรงแปดเหลี่ยม คล้ายกระโจมของชนเผ่าหนี่เจิน เนื่องจากชนเผ่าหนี่เจินเป็นชนเผ่าเร่ร่อน จึงต้องสร้างกระโจมเป็นที่พักอาศัย หรือบางคนก็บอกว่ามีลักษณะคล้ายกับหมวกของขุนนางแมนจูด้วยเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 21:39:22 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เสาหน้าประตูทางเข้าตำหนักคู่นี้สวยมากเลย มีมังกรพันเสาด้วย จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 บัลลังก์ในตำหนักต้าเจิ้ง จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จะเห็นได้ว่าในตำหนักต้าเจิ้งนี้ จะมีฐานบัลลังก์ใหญ่มากค่ะ แทบจะติดผนังอยู่แล้ว ตำหนักนี้ จักรพรรดิจะทรงใช้ ชมการฝึกทหารกองธงต่างๆค่ะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตำหนักกองธงต่างๆ ในสมัยนูรฮาชี ได้แบ่งกองธงออกเป็น 4 กองธง คือ  แดง ขาว เหลือง และน้ำเงิน (กองธงสีขาวมีอ๋องสี่ หรือ หวงไท่จี๋ เป็นผู้คุม) ภายหลังได้แบ่งออกเป็น 8 กองธง โดยเพิ่ม กองธงแดงขลิบขาว ขาวขลิบแดง เหลืองขลิบแดง และน้ำเงินขลิบแดงขึ้นมา จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ที่นั่งของแม่ทัพกองธงต่างในตำหนัก จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ข้างผนังจะมีแขวนธนูกับลูกธนูอยู่ ซึ่งชาวหนี่เจินจะมีความสามารถเรื่องการยิงธนูมาก และถือว่าเป็นอาวุธคู่กายชาวหนี่เจินเลย แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 21:40:07 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผนังอีกข้างก็มีธงวางไว้อยู่ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ทางเดินเข้าสู่พระตำหนักฝ่ายใน เสิ่นหยางกู้กงจะต่างกับกู้กงที่ปักกิ่งคือ พระราชฐานฝ่ายในจะอยู่ด้านบน คือจะต้องขึ้นบันได ถึงเข้าส่วนพระราชฐานฝ่ายใน จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กระเบื้องสีเขียวสด สัญลักษณ์ของ เสิ่นหยางกู้กง เนื่องจากชาวหนี่เจินเป็นชาวเผ่าเร่ร่อนในทุ่งหญ้า จึงนับถือสีเขียว อันเป็นสีของหญ้า แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 21:40:34 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แต่สีที่ขาดไม่ได้ซึ่งถือว่าเป็นสีพระจำองค์ของฮ่องเต้ คือสีเหลือง จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนซึ่งเป็นเขตพระราชฐานฝ่ายใน ก็จะพบกับ เสาต้นหนึ่ง อยู่กลางลาน โดยรายล้อมด้วยตำหนักต่างๆ ซึ่งเสาต้นนี้มีไว้เพื่อเลี้ยงอีกา ซึ่งเป็นสัตว์ที่ราชวงศ์ชิงให้ความเคารพ โดน เหล่าสนมนางกำนัญจะมีหน้าที่ต้องให้อาหารนกกาทุกวัน (ถ้าใครเคยดูเรื่องศึกรักจอมราชันย์ น่าจะนึกออกนะคะ) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถาดสำหรับใส่อาหารซึ่งจะมีรอกให้เหล่าสนมดึงลงมาเพื่อใส่อาหารลงไป แหะๆ จำไม่ได้ค่ะว่าในพระราชวังจะเลี้ยงนกกากี่ตัว รู้แต่ว่าถ้ามีตัวหนึ่งตาย ต้องรีบหาตัวใหม่มาทดแทนทันทีค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 51 23:42:33 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตำหนักที่ประทับของหวงไท่จี๋ หวงไท่จี๋เป็นฮ่องเต้ที่ฉลาดแต่ก็เหี้ยมมาก ต่างกับนูรฮาชีที่ค่อนข้างมีความเมตตา หลังจากที่นูรฮาชีสิ้นพระชนม์ หวงไท่จี๋ก็ใช่กลยุทธ์ยุแหย่ โดยปล่อยข่าวออกไปว่า มีนัดลับๆกับหยวนฉงฮ่วน (คนที่เป็นแม่ทัพที่ทำให้นูรฮาชีโดนอาวุธเมื่อสงครามหนิงหย่วน) ทำให้ฮ่องเต้หมิงซือจงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง (ฮ่องเต้คนนี้เชื่อแต่พวกขันทีกังฉิน เลยทำให้ราชวงศ์หมิงล่มสลาย) เลยสั่งจับกุมหยวนฉงฮ่วนและประหารชีวิต ทำให้ราชวงศ์หมิงขาดแม่ทัพที่มีความสามารถไปอีก แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 00:56:54 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ภายในตำหนักของหวงไท่จี๋ (จริงเค้าห้ามถ่ายรูป แต่เห็นคนเฝ้าหลับอยู่เลยแอบถ่ายซักกะหน่อย อิอิ) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ภายในตำหนักฝั่งขวา จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ภายในตำหนักด้านซ้าย (ส่วนด้านหลังเป็นห้องบรรทม ซึ่งเค้าปิดประตูไว้นะคะ) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ภายในตำหนักตรงกับประตูทางเข้านั้นเราจะพบ เตา เตาจริงๆค่ะ เอาไว้ทำอาหารให้กับหวงไท่จี๋ค่ะ เพราะว่า เพื่อป้องกันการวางยาพิษ จึงต้องทำอาหารกันในตำหนักนี่แหละคะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เค้าไม่ให้เราเข้าห้องบรรทม เราก็แอบถ่ายมันผ่านหน้าต่างนี่แหละ อิอิ ภายในห้องบรรทมของหวงไท่จี๋ค่ะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อีกมุมของห้องบรรทม จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ห้องบรรทมในตำหนักพระมเหสีของหวงไท่จี๋ ซึ่งเป็นคนที่หวงไท่จี๋รักมาก แต่นางไม่สามารถมีพระโอรสให้แก่พระองค์ พระนางมีแต่พระธิดาเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 51 23:51:09 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ในตำหนักจะพบอีกเตียงหนึ่ง ไกด์บอกว่าเป็นเตียงอยู่ไฟ เหมือนกับแบบพอคลอดลูกแล้วก็มานอนที่เตียงนี้นะคะ จะนอนคนละเตียงกับเตียงที่นอนปกติ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:52:34 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พระอู่ ของพระธิดา ของจักรพรรดิหวงไท่จี๋ (จักรพรรดิไท่จง) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตำหนักถัดมาคือตำหนักของพระมารดาจักพรรดิซุ่นจื้อ (ฝูหลิน) จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เตียงบรรทมในตำหนักพระมารดาจักรพรรดิซุ่นจื้อ (พระนางเสี้ยวจวง) ในขณะนั้นเป็นเพียงพระสนม ภายหลังจักรพรรดิซุ่นจื้อขึ้นครองราชย์ จึงได้เป็น เสี้ยวจวงไทเฮา และมีชีวิตมาถึงรัชสมัยของจักรพรรดิคังซี ซึ่งเป็นพระราชโอรสของจักรพรรดิซุ่นจื้อ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 00:58:45 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 48 พระอู่ของจักรพรรดิซุ่นจื้อเมื่อทรงพระเยาว์ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เตียงอยู่ไฟ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกันเลยของทั้งพระมเหสีและพระสนม จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 50 บันไดลงจากเขตพระราชฐานฝ่ายใน จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อเงยหน้าจากบันไดขึ้นไปก็จะเห็นอาคารสูงสง่าเป็นปากทางออกจากเขตพระราชฐานชั้นในนั่นเอง จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 20 ม.ค. 51 23:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จบการพาชมเสิ่นหยางกู้กง ซึ่งเป็นราชธานีของราชวงศชิง ในระยะสั้นไม่ถึง 20 ปี เพราะเริ่มสร้างในปี 1625 และย้ายในปี 1644 ซึ่งราชวงศ์ชิงตีปักกิ่งได้และย้ายราชธานีเข้าไปอยู่ในกู้กงที่ปักกิ่งแทน จักรพรรดิซุ่นจื้อทรงขึ้นครองราชย์เพียงพระชนม์พรรษา 6 ขวบ ในปี ค.ศ. 1643 หลังการสวรรคตของจักรพรรดิหวงไท่จี๋ พระราชบิดา แต่พระองค์ต้องอยู่ภายใต้การสำเร็จราชการแผ่นดินของอ๋องทอร์คุน พระอนุชาต่างพระมารดาของพระราชบิดา (ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นพระโอรสองค์ที่ 12 ของนูรฮาชี กับพระมเหสีเอกอาปาไห่ ส่วนหวงไท่จี๋เป็นโอรสองค์ที่ 8 ของนูรฮาชีกับ พระสนมที่มาจากเมืองเย่เหอ) ซึ่งอ๋องทอร์คุนนับว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมาก อีกทั้งยังมีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นครองราชย์อีกด้วย อ๋องทอร์คุนได้กระทำการหลายอย่างที่จะไม่ให้พระองค์เจริญชันษามาด้วยความปรีชาสามารถ เช่น ไม่สนับสนุนให้ทรงเล่าเรียน เป็นต้น แต่ทว่า อำนาจของอ๋องทอร์คุนก็ถูกคานจากพระนางเสี้ยวจวง พระมารดา ภายหลังที่อ๋องทอร์คุนเสียชีวิต พระองค์จึงได้อำนาจในการปกครองอย่างแท้จริง และ อ๋องทอร์คุน คนนี้เองที่เป็นคนนำทัพมาตีปักกิ่ง โดยในขณะนั้นอู่ซานกุ้ยได้เป็นผู้เปิดประตูเมืองปักกิ่งให้แก่อ๋องทอร์คุน เนื่องจากอู๋ซานกุ้ยแค้นที่ หลี่จื้อเฉิงจับ เฉินหยาวนหยวน เมียน้อยของอู๋ซานกุ้ยเป็นตัวประกัน และหลี่จื้อเฉิงคนนี้คือคนที่เป็นหัวหน้าการจลาจล จนทำให้จักรพรรดิหมิงซือจง (จูโหยวเจี่ยน) ฆ่าฮองเฮาและตัดแขนพระธิดาของพระองค์ก่อนที่จะไปแขวนคอเพื่อปลงพระชนม์ต้นเอง บนภูเขาเหมยซาน ซึ่งอยู่หลังพระราชวังกู้กง ปักกิ่ง ซึ่งอ๋องทอร์คุณก็ได้สร้างสุสานให้แก่จักรพรรดิหมิงซือจง เมื่อราชวงศ์ชิงยึดครองปักกิ่งได้แล้ว และอ๋องทอร์คุณคนนี้เองที่บังคับให้ชาวฮั่น กร้อนผมด้านหน้าและไว้เปียแบบชนเผ่าหนี่ชิง จนมีคำพูดว่า "จะเอาหัวหรือจะเอาผม" ภายหลังในสมัยจักรพรรดิปูยี (ที่พวกเรารู้จักดี) เมื่อพระองค์ได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นที่จะให้สร้างประเทศแมนจูกัวขึ้นมาใหม่ พระองค์ก็ทรงคาดว่าจะใช้พระราชวังเสิ่นหยางกู้กงแห่งนี้ และทรงชุดจักรพรรดิสีเหลืองปักลายมังกร เข้าสู่พิธีการสถาปนาที่ พระราชวังแห่งนี้ แต่ญี่ปุ่นกลับสร้างพระราชวังแห่งใหม่ให้แก่พระองค์ที่เมืองฉางชุนและให้พระองค์ทรงชุดจอมทัพแห่งแมนจูกัวที่ญี่ปุ่นออกแบบขึ้นมาใหม่ เพื่อรัฐบาลหุ่นเชิดเท่านั้น (พระราชวังจอมปลอมของปูยีที่ฉางชุน จะมีมาให้ชมในตอนท้ายนะคะ เพระกะจะเล่าไปเป็นรัชกาลๆไปนะคะ) ปล.ภาพด้านล่างคือภาพมุมสงบๆภายในพระราชวังเสิ่นหยางกู้กง แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 00:52:02 จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 21 ม.ค. 51 00:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 53 วันนี้ขอโพสแค่นี้นะคะ ไว้จะมาโพสต่อใหม่ ไม่ทราบว่าจะให้โพสต่อที่กระทู้นี้เลย หรือว่าให้ตั้งกระทู้ใหม่ค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชมนะคะ จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 21 ม.ค. 51 00:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับสำหรับรูปภาพและเรื่องเล่า สนุกมากๆ ครับ ผมขอเสนอให้ขึ้นกระทู้ใหม่ดีกว่า ไม่อย่างนั้นแล้วคงโหลดกันนานแน่ๆเลย จากคุณ : luckywinth - [ 21 ม.ค. 51 06:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แวะมาดูรูปครับ แต่ขี้เกียจอ่าน (อีกละ แหะ ๆ) เซฟไว้ก่อน เห็นว่าโต๊ะบลูฯ รองรับรูปใหญ่ได้ใช่ป่าว เค้าถึงนิยมโพสต์รูป ส่วนความสนใจก็แล้วแต่โต๊ะแหละครับ เหมือนโต๊ะจตุจักร ก้นครัว ก็ต้องโพสต์รูปสวย ๆ น่ารัก ๆ กันบ่อย ไว้โต๊ะนี้แหละครับ จากคุณ : RealWorld - [ 21 ม.ค. 51 09:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มาตามอ่านคุณเฉินค่ะ จากคุณ : โอ้ย...แจ่ม - [ 21 ม.ค. 51 10:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นกำลังใจให้ทำต่อไปนะครับ ชอบชมภาพครับ ชอบมากส่วนประวัติต้น ๆ รัชกาล ไม่ค่ยอรู้เรื่องเท่าไหร่ อาศัยดูภาพประกอบ ขอบคุณครับ จากคุณ : tolstoy - [ 21 ม.ค. 51 10:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ดีมากๆเลย จะรออ่านให้ครบทั้ง 12 รัชกาลนะ ไม่รู้คุณ จขกท ยังจำตอนที่เราติดเรื่องเจ้าจอมหยูได้อะป่าว อิอิ จากคุณ : AllSTORY - [ 21 ม.ค. 51 11:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ดึกๆ มาอ่านครับ  ไปทำงานก่อน จากคุณ : สะติมม๊อนโสสะโตเบ้ว - [ 21 ม.ค. 51 11:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ท่านเจ้าของกระทู้ครับ เผ่าแมนจู เดิมชื่อ "หนี่เจิน" ครับ ไม่ใช่ "หนี่ชิง" จากคุณ : ชาวจีนศึกษา - [ 21 ม.ค. 51 11:58:40 A:203.131.217.2 X: TicketID:013786 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับภาพสวย เนื้อเรื่องก็ดี รออ่านกระทู้ต่อไปครับ จากคุณ : ว่างจัง - [ 21 ม.ค. 51 12:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จะคอยติดตามตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : Metronome - [ 21 ม.ค. 51 16:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มาต่ออีกนะครับ น่าสนใจดีครับและมีภาพสวยด้วย และอีกอย่างผมก็จะได้เทียบกับยุคสมัยกับประวัติศาสตร์เกาหลีด้วยครับ หากนับช่วงราชวงศ์ชิงของจีน ก็ตรงกับราชวงศ์โชซอนของเกาหลีดังที่ปรากฏในเรื่องอิม ซัง อ๊ก นั่นแหละครับ จากคุณ : ภารตยุทธ - [ 21 ม.ค. 51 18:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มาโหวตให้ค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 21 ม.ค. 51 19:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 65 มาลงชื่อรอด้วยค่ะ ตอนต่อไปขอสนับสนุนว่าขึ้นกระทู้ใหม่ค่ะ  ไม่ทราบว่าตอนต่ไปคุณเฉินฉูฉู่จะย้ายที่นำเที่ยวไปปักกิ่งหรือเปล่าเอ่ย คุณAllSTORY เราจำได้ว่าคุณชอบเจ้าจอมหยูมากเลย เอ แต่จำได้ว่าในblogของคุณมีเรื่องนี้(ศึกรักจอมราชันย์)ด้วยไม่ใช่หรือคะ จากคุณ : ฮิวเยียก - [ 21 ม.ค. 51 21:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 66 จากเสิ่นหยางกู้กง สู่ กู้กงที่ปักกิ่ง จากคุณ : เฉินฉูฉู่ - [ 21 ม.ค. 51 21:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ตามมาอ่านด้วยคนนะคะ ชอบประวัติศาสตร์จีนเหมือนกัน จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 22 ม.ค. 51 08:45:24 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตามอ่าน จากคุณ : หรงเออร์ - [ 23 ม.ค. 51 15:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 69 งดงามมากครับ อยู่ชานเมืองปักกิ่งใช่มั้ย ไม่เคยไปเลย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 23 ม.ค. 51 21:44:57 ]