ความคิดเห็นที่ 1 เฮ้อ...ต้นไม้เนื้อหอม3ต้น... จากคุณ : มร.หมายเลข10 - [ 20 ม.ค. 51 22:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมอ่านเนื้อข่าวก็ยังตกใจอยู่ดีง่ะ --"a จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 20 ม.ค. 51 22:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข่าวนี้เขียนไม่รู้เรื่องจริงๆ จากไหนนี่ สงสัยไม่มีความรู้เรื่องที่รายงาน สักแต่ว่าถอดเทปมา แล้วเขียนใหม่ผิดๆ คห ที่ 1 คะ ถ้าคุณเฮ้อ เพราะกลัวตัดไม้ทำลายป่า  ขอบอกว่า เขาใช้ไม้เนื้อหอมที่ยืนต้นตายแล้วมาทำค่ะ ไม่ได้ไปตัดไม้ที่กำลังโตมาทำ  ข่าวนี้ไม่ได้บอก แต่ก็มีรายงานข่าวเยอะมากเรื่องเจ้าหน้าที่หาไม้ยืนต้นตาย แล้วเพิ่งเจอเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทีวียังถ่ายภาพมาให้ดูเลย เห็นว่าตายแล้วจริงๆ ไม่ได้ตัดต้นเป็นๆมา จากคุณ : ลดาดาว - [ 21 ม.ค. 51 00:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไทยรัฐป่ะครับ จากคุณ : natthaset - [ 21 ม.ค. 51 01:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ครับ จากคุณ : Kimpu - [ 21 ม.ค. 51 05:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม้ที่ตัด เป็นไม้ที่ยืนต้นตาย นะครับ จากคุณ : Atomic Secret - [ 21 ม.ค. 51 07:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ คคห.ที่ 1 ได้ฟังข่าวบ้างหรือเปล่าคะ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็ยังดีเอ้า ข่าวออกตั้งหลายรอบ และหลายวันติดกันมาแล้ว เรื่องการคัดไม้เนื้อหอมที่ยืนต้นตายเท่านั้นที่จะมาใช้ในงาน จากคุณ : นิคกับพิม - [ 21 ม.ค. 51 07:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 งงกับพาดหัว และตัวข่าว และคนที่มาเถืองกันในนี้ มีเรื่องอะไรกันเหรอขอรับ คือชี้แจงสำหรับผู้ที่ไม่ได้ตามข่าวว่า เท่าที่ฟังข่าวเนี่ย มีข่าวว่า ไม้จันทน์หอม จะหอมได้ก็ต่อเมื่อยืนต้นตายเอง และกี่ปีตาย แล้วหอมเพราะอะไรจำไม่ได้ (ว่าเนื้อข่าวบอกหรือไม่ด้วย) ดีกว่าปล่อยให้เป็นอาหารเห็ดแหละครับ สรุปคือ เป็นไม้ที่ตายแล้ว และมีข่าวว่ามีการจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้สักทองจากอุทยานแห่งชาติแม่ยม โดยการทำให้ไม้ยืนต้นตาย จะเอายาฆ่าหญ้าราดหรือไม่ ไม่แน่ใจ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทำกับไม้จันทน์ได้หรือไม่ ผมรู้ว่าที่คิดและพูดแบบนี้ไม่สมควร แต่ก็ไม่ได้ติดค้างอะไรในใจประการใด เข้าใจว่าเนื้อไม้ทั้งต้นกว่าจะแห้งก็นาน กว่าจะได้ไม้ที่มีกลิ่นหอม จากคุณ : RealWorld - [ 21 ม.ค. 51 08:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปล่อยมันเถอะไอ้พวกนี้ กระดิกนิดก็ผิดแล้ว มันก็หาเรื่องหาราวจนได้นั่นแหละ จากคุณ : กัมม์ - [ 21 ม.ค. 51 08:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม้จันทน์หอมที่ยืนต้นตายนั้น...จะหอมหรือไม่หอมนั้น..ไม่สำคัญ...จะตัดต้นที่ยืนต้นตาย...หรือจะตัดต้นที่ยังไม่ตาย...ก็ไม่สำคัญ...ตัดเพียงแค่ ๓ ต้น...ก็ไม่มีคุณค่าหรือราคา...หากเปรียบเทียบกับพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ที่ทรงมีต่อแผ่นดิน...ต้นไม้ตายแล้วปลูกแทนได้ จะปลูกกี่หมื่นกี่แสนต้น หรือจะเป็นล้านๆ ไร่ก็ทำได้...แต่...สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงฯ เสด็จสู่ฟ้า...แล้วจะหาผู้ใดมาทดแทนได้... เพื่อน้อมถวายพระเกียรติยศและความกตัญญูกตเวที แม้มากกว่านี้..ปวงชนชาวไทย..ก็ควรต้องทำ.... จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ม.ค. 51 09:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ^ เขียนได้โดยมีการใช้ pathos (emotional appeal) ดีครับ  แต่ผมกลับคิดว่า ถ้านำเงินจำนวนเดียวกัน (175 ล้าน) และเวลาที่ต้องเสียไป ไปใช้สานต่อโครงการหลวงต่างๆ (หรือโครงการพัฒนาบ้านเมืองอื่นๆ) น่าจะมีประโยชน์ได้ในวงกว้างกว่า เพราะถ้าคำนึงถึงจำนวนคนที่ได้รับประโยชน์ (i.e. คนที่มีชีวิตอยู่ และยากลำบาก) ต่อวงเงินและเวลาจำนวนเท่านั้น มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรจะทำมากกว่ามิใช่หรือ (ออกจะแนวๆ utilitarianism for the greater good นิดนึง)     ถึงแม้จะทุ่มเงินเเละเวลาเพื่อแสดงความเสียใจลงไปเท่าใด กฎไตรลักษณ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม  คนดีก็ดีอยู่อย่างเดิม ถึงแม้จะเฉลิมฉลองมากกว่านี้ หรือน้อยกว่านี้ ก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง (นอกจากในความรู้สึกของผู้ที่ยึดติดกับศักดิ์ ยศ เกีรติ ฯลฯ) แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 11:24:33 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 21 ม.ค. 51 10:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #11 ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ก็ต้องมีการทำให้สมพระเกียรติครับ ถ้า เราเลือกใช้เสื้อผ้าราคาหลักพันได้ ทั้งๆ ที่ใส่ตัวละร้อยกว่าบาทได้ เงินที่เหลือเอาไปทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ เราเลือกใช้นาฬิการาคาหลายพันได้ ทั้งๆ ที่ใส่เรือนละร้อยกว่าบาทก็ได้ เราเลือกใช้รถราคาสูงกันพอควร ทั้งๆ ที่เราเลือกเอาราคาต่ำสุด แล้วเงินที่เหลือไปทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ เราเลือกซื้อบ้านให้สมฐานะ ทั้งๆ ที่เราเลือกบ้านเล็กกว่านั้นได้ สีสวยน้อยกว่านั้นได้ เฟอร์นิเจอร์ทำเองได้ แล้วเอาเงินไปทำประโยชน์ เราเลือกที่จะไม่จัดงานแต่งงาน ไม่จัดงานศพ ไม่จัดงานวันเกิด ไม่มีเลี้ยงปีใหม่ได้ แล้วนำเงินที่เหลือไปทำประโยชน์เพื่อสังคม เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เราเลือกที่จะไม่กินอาหารราคาแพงตามห้าง ดื่มน้ำอัดลม กินขนมจุบจิบได้ แล้วเอาเงินที่เหลือ ไปทำประโยชน์เพื่อสังคม เพื่อคนหมู่มากได้ ฯลฯ ฉันใดฉันนั้น ถ้าเราเอง เรายังทำอะไรให้ "สมฐานะ" "สมเกียรติ" "สมศักดิ์ศรี" ของเรา คนอื่นก็ทำได้เช่นกันครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 21 ม.ค. 51 11:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้าใจผิดแล้วครับ ไม่ใช่เป็นการยึดเกียรติ ยึดศักดิ์ หรือยศแต่ประการใด การที่ต้องก่อสรางพระเมรุพระราชทานเพลิงพระศพนั้น แม่จะใช้งบประมาณมากเพียงใดก็ตาม แต่ผลที่ได้กลับมานั้น มากกว่าเงินที่ลงไปเสียอีก การสร้างพระเมรุหรือพระเมรุมาศนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะรักษาและเป็นการฝึกฝนช่างศิลป์ไทยไว้ เพราะ การสร้างนั้น จะต้องรวบรวมช่างศิลป์ไทยทุกแขนงมาระดมสมอง ฝีมือ และความคิด จริงอยู่ การรักษาช่างศิลป์ไทย ไม่จำเป็นแค่เรื่องสร้างพระเมรุเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายๆ หนทางที่จะรักษา แต่วิธีไหนล่ะ ที่จะสามารถฝึกช่างไทยได้ดีเท่าการสร้างพระเมรุ การสร้างโบสถ์เหรอ??? ก็เป็นโบสถ์โหลๆ คือไปวัดไหนๆ ก็คล้ายๆ กันไปหมด ยกเว้นวัดที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทรงสถาปนา ไปทางอีสาน แทนที่จะได้เห็นสิม(โบสถ์) แบบอีสาน ก็ไปเห็นสิมแบบไทยๆ เหมือนเดิม จนอาจารย์ท่านหนึ่ง ออกปากให้นิยามสิมในปัจจุบันว่า "สถาปัตยกรรมแบบสิมโหล" คือ เหมือนกันหมดเกือบทุกวัด กฎไตรลักษณ์ เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น แต่การยอมรับด้วยใจนั้นทำได้ยาก การพรัดพรากย่อมนำมาซึ่งน้ำตา ความเสียใจ และความเศร้า แม้แต่ตัวเรา ถ้าจากคนรอบข้างไป คนรอบข้างเหล่านั้นก็ย่อมเสียใจ ร้องไห้ อาลัย และอาวรณ์เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อวาระนั้น คนรอบข้างเราที่ยังอยู่ เค้าคงไม่ใจดำพอหรือคงจะทำใจไม่ได้ ที่จะเอาร่างกายสังขารของเราไปถ่วงน้ำ หรือปล่อยให้เน่าเหม็น หรือ แม้แต่เอาไปเผาหรือฝังเลย โดยไม่มีการมาติกาบังสกุล ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้...หรือตัวเราเองก็ตาม หากคนรอบข้างจากไป โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้มีพระคุณ เราผู้ที่เป็นลูกก็คงคิดจะจัดการศพของท่านให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็สวด ๓ วัน มีเทศนาหน้าศพอย่างน้อยก็ ๑ กัณฑ์ ก่อนที่จะเผา แล้วทั้งหมดทั้งมวลต้องใช้เงินหรือไม่...คำตอบก็คือ ต้องใช้เงิน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กัยว่าฐานะทางครอบครัวเป็นอย่างไร... ก็คำถามเดียวกัน...แล้วทำไมไม่นำเงินที่จะจัดงานศพให้ผู้มีพระคุณอย่างน้อยก็เรือนหมื่นบาทหรือหลายๆ หมื่นบาทหรืออาจจะถึงแสนบาท ไปเป็นค่าขนมให้กับลูกกับหลาน หรือเอาไปเป็นทุนการศึกษาเล่าเรียนของลูกหลาน เพราะลูกหลานก็เปรียบเสมือนมรดกที่ต้องรับผิดชอบของผู้ตายอยู่แล้ว...คำตอบ..มีอยู่ในใจของทุกคน... ในกรณีการสร้างพระเมรุก็เหมือนกัน พระเกียรติยศก็เป็นเจ้าฟ้า พี่สาวของพระเจ้าแผ่นดินถึงสองพระองค์ แม้มากกว่านี้ ประชาชนทั้งหลายก็ถวายได้ เพื่อแสดงถึงความกตัญญูเป็นที่ตั้ง และส่วนอื่นๆ เป็นผลพลอยได้จากการสร้างพระเมรุ ไม่ว่าด้านช่าง ด้านความสามัคคี ด้านการทำบุญ อย่างน้อยก็ทำให้หลายคนสงบ สำรวมขึ้น ทำบุญมากขึ้น การทำบุญก็เป็นการขจัดความตะหนี่ถี่เหนียว ขัดเกลาจิตใจ เชื่อว่า คนทำบุญย่อมคิดแต่สิ่งดีๆ ถึงจะเป็นกิเลสก็เป็นกิเลสในทางที่ดี คือ เพื่อดำรงชีวิตให้สุข สบายทั้งภพนี้และภพหน้า ชาติไทย เรามีประเพณีที่ดีงาม การอันใดที่ดีที่ควรรักษาก็รักษา ไม่คิดและมองด้านเดียว จนไม่เข้าใจความเป็นไปของโลก..หากเข้าใจโลกจริงๆ ก็จะเข้าใจ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ ไตรลักษณ์...เข้าใจด้วยใจ ไม่ใช่เข้าใจแค่จากการอ่านหรือท่องจำมา... จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ม.ค. 51 12:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยมีกระทู้เรื่องความสิ้นเปลืองในงานพระเมรุอยู่แว๊ปนึ่ง ผมอยากตอบแต่ไม่ได้ตอบไป เพราะทราบว่ากระทู้จะอยู่ไม่นาน พิมพ์ไปก็เปลืองแรงเปล่า เอามาลงตรงนี้ก็แล้วกัน เรื่องความสิ้นเปลืองนี้ลองมานึกดู ผมก็ตอบได้โดยไม่ต้องคิดครับ ว่าเป็นเรื่อง"วััฒนธรรม"ที่ไม่มีที่ไหนอีกแล้วในโลก แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มครับ ทุกวันนี้เรามองทุกอย่างเป็นเงินทองไปหมด (ขอบ่นหน่อยเถอะว่าจะเขียนโครงการอะไรซักอย่าง สำนักงบฯ ชอบถามกลับมาว่า จะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ ทั้งๆที่หลายๆอย่างมันตีค่าออกมาเป็นตัวเงินไม่ได้) ต่องยอมรับละครับว่านอกจากปัจจัยสี่แล้ว สิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมีมากมาย แต่งงาน งานศพ งานวันเกิด แซยิด งานสงกรานต์ ลองกระทง พิธีทางศาสนาต่างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นพิธีกรรมมีค่าใช้จ่ายที่กินไม่ได้ทั้งนั้น แต่เราก็ยังจัดให้มีอยู่เสมอๆ เพราะอะไรหรือครับ เพราะเรามี"ราก"ของวัฒนธรรมอยู่ ในสมัยล่าอานานิคมถ้าเราเป็นแบบคนป่าแอฟริกาหรือปาปัวนิวกินี เราคนถูกฝรั่งยึดเมืองไปแล้ว แต่ด้วยความที่เรามีวัฒนธรรมของตัวเองที่เป็นอารยะ ฝรั่งจึงต้องคุยแบบอารยะก่อน(แล้วค่อยอนารยะทีหลัง) ถ้ายังไม่เข้าใจผมต้องขออภัยที่ต้องยกมุมมองของฝรั่งให้เห็น อย่างเรื่องขบวนเรือราชพิธี การจัดแต่ละครั้งใช้งบประมาณมหาศาล ทั้งๆที่ถวายผ้ากฐิน เอาใส่รถยนต์แล่นแผลบเดียวก็ถึง ทำไมต้องใช่ฝีพายเป็นพันๆ ค่อยๆแจวระยะราวๆ 2 กิโลแค่นั้น ปรากฏว่าชาวต่างประเทศสนใจอย่างมาก การท่องเที่ยวสะพัด เงินเข้าประเทศ เสียงวิจารณ์เลยเงียบกริบ จนช่วงหลังๆ เห็นเราเลยจัดทุกปีเลย ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง เพราะผลปรากฏว่างานนี้ได้กำไร จากพระราชพิธีเลยกลายเป็นโชว์ฝรั่งไป ถ้าต่อไปงานพระเมรุทำกำไรอีก ก็ขอว่าอย่างให้มีคนริคิดจัดงานทุกปีเรียกการท่องเที่ยวเลย เจ้าประคู้นนนนนน จากคุณ : กระเทืองแก่ (Mascagni) - [ 21 ม.ค. 51 12:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับคุณชาเขียวค่ะ จากคุณ : YellowTiburon - [ 21 ม.ค. 51 12:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ในความคิดของผมนะครับ สมเด็จกรมหลวงฯ พระองค์ท่านเป็นพระพี่นางของพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยถึง 2 พระองค์ ดำรงพระยศเป็นพระพี่นางมาตลอด 70 กว่าปี พระกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติต่อผสกนิกร ก็มีให้เห็นประจักษ์แจ้งอยู่แล้ว สำหรับบ้างกระทู้ที่เห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองในการจัดงานพระเมรุมาศนั้น ผมคิดว่าท่านเหล่านั้น ก็คงมีมุมมองในส่วนตัวของท่าน แต่สำหรับเหตุผลของผมแล้วงานพระเมรุมาศเป็นงานที่สำคัญซึ่งจัดให้เป็นเกียรติต่อพระศพเป็นครั้งสุดท้าย เป็นงานที่แสดงออกถึงความเป็นอารยชนของสยามประเทศ ที่เรามีวิธีการจัดการพระศพที่ไม่เหมือนใครในโลก ไม่ใช่แค่ใส่โลงแล้วก็ฝังหรือเผา แล้วก็สิ้นกันไป ผมเข้าใจว่างานพระเมรุแต่ละครั้งล้วนแล้วแต่เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ ซึ่งคนไทยรุ่นหลังจะได้ศึกษากันต่อไป จากคุณ : bluegamete - [ 21 ม.ค. 51 12:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราคงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณี การสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าด้วยนะคะ หวังว่าเราคงไม่เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งกันจนลืมเรื่องอื่นๆไป จากคุณ : สำรวย - [ 21 ม.ค. 51 12:41:27 A:10.226.16.149 X:203.185.131.3 TicketID:080171 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องเกียรติอะไรนั้น มันเรื่องสมมติขึ้นมาของคนที่นับถือทั้งนั้น  และถ้าลองเราตั้งใจที่จะทำอะไรแล้ว เราสามารถพูดให้มันฟังดีได้เสมอ (โดยใช้ emotional appeal เป็นหลัก)   ในกรณีเกี่ยวกับเจ้านายก็เช่นกัน  ถ้าเจ้านายทานอาหารแพงๆ (อาจจะเป็น ฟัวกรา) ก็ต้องบอกว่า "สมเกียรติ"  แต่ถ้าเจ้านายทานอาหารชาวบ้าน (เช่น อาจจะทานน้ำพริกปลาทู) เราก็จะพูดว่า "โห ดูสิ เป็นถึงเจ้านาย แต่มีนิสัยมัธยัสถ์ ติดดิน และเรียบง่าย" (เพราะคิดกันหรือสมมติกันเอาเองทั้งนั้นว่า เจ้านาย มีเกียรติ ต้องทานแต่ของหรูๆ ถ้าทานของชาวบ้านๆ ถือว่าติดดิน) หรือ ถ้าเจ้านายใช้ของแล้วไม่ทิ้ง แต่ซ่อมแซม ก็ต้องบอกว่า เจ้านายรู้คุณค่าของของสิ่งนั้น ฯลฯ หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง ถ้าเจ้านายเสด็จและมีการกั้นรถ ก็ต้องบอกว่า "เจ้านายมีเกียรติ และต้องมีคนคอยคุ้มครอง จะมาให้เดินถนน หรือขับรถเองได้อย่างไร ฯลฯ"  แต่ถ้าเจ้านายไม่กั้นรถ เวลาเดินทางไปไหน  ก็จะพูดกันว่า "โห เจ้านายท่านเข้าใจประชาชน เสียสละกลัวรถติด ฯลฯ" กลับมาเรื่องงานศพ ถ้าจัดยิ่งใหญ่ ก็ต้องบอกว่า สมเกียรติ เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม เป็นการนำรายได้เข้าประเทศ เป็นการเผยแผ่ให้ต่างชาติเห็น  แต่ถ้า(สมมติ)เจ้านายสั่งไว้ก่อนว่า ไม่ให้จัด ก็จะบอกว่า "เจ้านายเห็นคุณค่าของเงิน มีเจตนาไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย ให้เอาไปทำประโยชน์อย่างอื่น ฯลฯ"  (ตัวอย่างเหล่านี้เห็นได้ทั่วไปในสื่อต่างๆ) สรุปคือ ไม่ว่าจะหาเหตุอะไรมาอ้าง ก็ย่อมฟังดูดีทั้งสิ้นน่ะครับ แต่สังเกตว่า ทุกอย่างอยู่บนสมมติฐานที่ว่า เจ้านายต้องไม่เหมือนคนปรกติ (ไม่ว่าจะในด้านการกินอยู่ ใช้ของ การจัดงาน)  เพราะฉะนั้นถ้าเจ้านายทำอะไร "ปรกติ" ที่เราๆทำ ก็จะกลายเป็นเรื่อง "ไม่ปรกติ" ขึ้นมา ข้ออ้างคือ "เจ้านายมัธยัสถ์ เจ้านายติดดิน เจ้านายไม่ถือตัว" (ซึ่งถ้าคิดจริงๆ มันก็เรื่องที "ปรกติ" ไม่ใช่หรือ) แต่ถ้าทำอะไรที่คนปรกติทำไม่ได้ ก็ต้องพูดให้มันเป็นเรื่องที่ "ปรกติ" เพราะว่าข้ออ้างคือ "สมฐานะ สมเกียรติ ไม่เว่อร์ ดีแล้ว".... จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 21 ม.ค. 51 12:49:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าที่คุณ Krisdauw กล่าวมา คงไม่เฉพาะเจาะจงที่เจ้านายมังครับ เพราะถ้าใครทำแบบนั้น ก็คงจะได้รับการยกย่องเช่นกัน โดยเฉพาะคนของประชาชนทั้งหลาย เห็นด้วยครับ เรื่องการสืบสานวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งประเมินไม่ได้ด้วยเงินตรา จากคุณ : Antares Kung - [ 21 ม.ค. 51 13:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณtexanprofessor (krisdauw) คุณพูดทำไม ได้ประโยชน์อะไร เอาประเด็นการจัดงาน เรื่องเอาเงินไปใช้อย่างอื่นได้มากกว่า ลองเอาไปใช้ กับญาติคุณนะ จะคอยดู ว่า เผาที่ไหน ไม่เปลือง คุณพูดอย่างนี้ ใครก็พูดได้ ว่าแต่...พูดทำไม ประเด็นเรื่องติดดิน กับสมเกียรติ ยกตัวอย่างตัวเองมา ว่าคุณtexanprofessor (krisdauw)  ใช้ชีวิตอย่างไร อ๊ะ อย่าบอกนะว่า คิดกันเองได้ ก็คนส่วนใหญ่เค้าคิดว่า เหมาะสม แต่คุณว่า ไม่ งั้นต้องยกตัวอย่างที่คุณเห็นว่าเหมาะควร ว่าแต่..พูดทำไม จากคุณ : juniorfish - [ 21 ม.ค. 51 13:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 1. Free speech promotes "The free flow of ideas essential to political democracy and democratic institutions" and limits the ability of the state to subvert other rights and freedoms   2. It promotes a marketplace of ideas, which includes, but is not limited to, the search for truth   3. It is intrinsically valuable as part of the self-actualisation of speakers and listeners   4. It is justified by the dangers for good government of allowing its suppression. Justice McLachlin จากคุณ : Nexus - [ 21 ม.ค. 51 13:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยทั้งสองฝ่ายครับ จากคุณ : oscilated - [ 21 ม.ค. 51 13:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอ่อ  แต่ปกติเวลาเราจัดงานพิธีให้ญาติ ทีเสียชีวิตไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ เราใช้เงินของหมู่ญาติพี่น้องอ่ะค่ะ  ไม่ได้เอาเงินคนอื่นมาใข้ นี่เป็นความจริงส่วนหนึ่งที่หลาย ๆ คนในสังคมพูดกันน่ะค่ะ  (อิฉันจะโดนยึดอมยิ้มมั๊ยเนี่ยป ) จากคุณ : มูมู่ปลาหมึก (มูมู่ปลาหมึก) - [ 21 ม.ค. 51 14:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และ"เงินภาษี" 175 ล้านบาท ทื่ไม่ได้ถูกใช้ไปในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ใครว่าสมควรผมก็ขอให้ชีวิตมีความสุขนะครับ จากคุณ : นักขายหมู - [ 21 ม.ค. 51 14:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้ายังงั้นผมแนะนำคุณมูมู่ปลาหมึกอ่านกระทู้ สมเด็จพระศรีสวรินทราฯ ดูครับ ที่รัฐบาลสมัยนั้นกราบบังคมทูลพระองค์ท่านว่า ถ้าจะจัดงานถวายพระเพลิง พระองค์วไลยฯ  สมเด็จต้องพระราชทานเงินค่าทำเมรุมาให้ เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน พูดยังงั้นถึงจะดีใช่ไหมครับ? จากคุณ : ciri - [ 21 ม.ค. 51 14:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สงสัยจะอยู่ไม่ยืดแฮะกระทู้นี้ จากคุณ : จ้องจนปวด - [ 21 ม.ค. 51 15:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอาเถอะครับ อย่าทะเลาะกันเลย เดือนหน้าก็จะได้ลงมือสร้างพระเมรุแล้วครับ ใครที่อยากดูอยากเห็น ก็แวะไปที่ท้องสนามหลวง ใครที่ทนไม่ได้ ที่คิดว่าเป็นภาษีของประชาชน ก็อย่าได้เฉียดไปแถวนั้น พระที่นั่งบรมสถิตยฯ องค์ใหม่ ก็เงินวังสร้างวังทั้งนั้น เงินที่เก็บจากค่าเข้าชมวัดพระแก้วกับพระบรมมหาราชวัง ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ก็เพราะไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทะเลาะกันเอง เวลาทะเลาะกันทีไร ผู้ที่เอาน้ำสาดออกก็เป็นเจ้านายทุกที เอาน่า...พระเมรุที่สง่างาม สมกับความเป็นไทย สมพระเกียรติ ก็จะเริ่มปรากฎแก่สายตาแล้ว....เร่งทำบุญ ทำดี คิดดี ถวายเป็นพระกุศลกันดีกว่า.. จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ม.ค. 51 15:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เวรกรรม ตั้งกระทู้ขึ้นมาไม่ได้ให้มาเถียงกันเรื่องงบประมาณซักหน่อย ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ถกกันถึงเรื่องการตั้งหัวข้อข่าวซึ่งสร้างความสับสนเป็นอย่างยิ่ง นักข่าวมีเนื้อข่าวอย่างไร การตั้งหัวข้อเป็นอย่างไร มีแรงกระตุ้นอย่างไรในการตั้งหัวข่าวไปคนละทิศละทางกับเนื้อข่าว วิธีการใช้ภาษาที่ถูกต้องสำหรับนักข่าวผู้ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบต่อสังคมได้จากการเขียนของตัวเอง ------------------------------------------------------------- ถ้าเรื่องคุ้มไม่คุ้มเนี่ยไปถกกันห้องสาธรเถอะ -------------------------------- การเกิดการตายในวัฒนธรรมต่างๆนั้นมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงสถานภาพทางสังคมด้วย ไม่ว่าคุณที่ไม่เห็นด้วยหรือใครก็ตามเมื่อตายลงก็ต้องได้รับการสรรเสริญที่แตกต่างกัน การจะวิจารณ์งานตายของคนอื่นดูจะไม่น่าเหมาะสมนัก ------------------------------------------------------ ควรจะคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้งานนี้เป็นการประกาศพระเกียรติคุณ รวมถึงสร้างความสนใจในกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเป็นคนต่างชาติให้มีโอกาสได้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ให้เห็นสิ่งที่ไทยเรามี ที่เราสามารถภูมิใจได้ว่าเราขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ได้ ---------------------- ลองดูงานศพของเจ้าหญิงไดสิ ถ่ายทอดไปทั่วโลก คุณคิดว่าเม็ดเงินที่เข้าไปในประเทศช่วงนั้น รวมถึงหลังจากนั้นเป็นเท่าไหร่ ------------------------------------------- ถ้าเป็นสิงค์โปร์ สงสัยป่านนี้โปรโมทในปฏิทินการท่องเที่ยว จนมันเกินจะคุ้มกับเงินที่ลงทุนไปแล้ว  ไม่ต้องคอยมาเถียงกันแล้วก็ไม่ได้สร้างสรรค์อะไร จขกท นะครับ จากคุณ : Kimpu - [ 21 ม.ค. 51 15:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตรงไหนครับที่พาดหัวกับเนื้อข่าวสับสนกัน? หรือว่าตรง "พระเมรุเป็นพระโกศจันทน์8เหลี่ยม" คือหัวกระทู้คุณอธิบายไม่ค่อยละเอียดผมเลยไม่รู้จะต่อยังไงดี แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 16:04:14 จากคุณ : Nexus - [ 21 ม.ค. 51 16:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ juniorfish ครับ ถ้าถามว่าพูดทำไม ก็น่าจะได้คำตอบแล้วจากข้อความของคุณ nexus ซึ่งผมคิดว่าเวปบอร์ด (หรือที่สาธารณะอื่นๆ public sphere) นั้นมีไว้เพื่อโปรโมทและแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อประเทืองปัญญา  และในหลายๆครั้งการ counter หรือตั้งคำถามกับสิ่งที่ "คนส่วนใหญ่"เห็น มันก็เป็นการแสดง critical mind ไม่ใช่หรือ และไม่เห็นจำเป็นว่าผมมาแสดงการทะเลาะเบาะแว้งอะไรเลย  ผมคิดอย่างนี้ ผมก็เขียนให้ดู เล่าให้ฟัง ถ้าถูกไม่ถูกตามหลักเหตุผลอย่างไรก็คุยกันได้ ทำไมต้องคิดว่าเป็นการทะเลาะอ่ะครับ เราเห็นต่างกันก็ยังเคารพความเห็นกันได้นี่นา และสังเกตว่าผมไม่ได้ว่าตัวบุคคล แต่ผมพูดถึงลักษณะสังคมไทย คนไทย และกระเเสการสร้างวาทกรรม (discourse) ต่างหาก เช่น การอ้างเหตุผลว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย (argumentum ad populum) อาจจะเห็นผิดก็ได้ อย่าลืมว่าเมื่อก่อนคนส่วนใหญ่ ก็เห็นว่าโลกแบน หรือคนเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของสุริยจักวาลสมัยก่อนโคเปอร์นิคัส...แต่ก็ไม่น่าจะถูกใช่ป่ะล่ะครับ  เพราะฉะนั้นการอ้างเหตุผลโดยใช้หลักคนส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับความถูกต้องของสิ่งนั้นๆ ถ้าญาติผมเสีย ผมก็คงจะพูดเช่นกันว่า งานศพน่ะจริงๆเป็นงานของคนเป็น ไม่ใช่งานของคนตายหรอก และอย่างที่สำนวนว่าไว้ คนตายขายคนเป็น (ในบางกรณีก็น่าจะจริง)  ในที่นี้รวมถึงงานแต่งงานและงานอื่นๆด้วย  แต่ถ้าว่าจริงๆ เรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนหรือครอบครัว แต่ว่าอย่างที่หลายๆความเห็นพูดไว้บางครั้งมันก็กลายเป็นคชจ สาธารณะ ส่วนคุณ anteras kung ครับ ผมคิดว่ายังเป็นกับเจ้านายไทยโดยเฉพาะนะ ลองไปดูสื่อต่างๆของไทยที่เสนอข่าวราชวงศ์เมืองนอกสิครับไม่เป็นเช่นที่ผมกล่าวไว้ หรือคนของประชาชนก็ไม่เป็น จะได้เห็นข่าวเช่น "เจ้าชาย...มีลูกนอกสมรส"  "เจ้าหญิงใช้เงิน....ในการไปพักผ่อนที่...." "ไมเคิลเเจ็กสัน...ใช้เงินสร้างสวนสนุกในบ้าน...." ฯลฯ   แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานสองชั้นของสังคมไทย(ส่วนหนึ่ง) แต่ว่าคุณ ciri ครับ แหมพูดอย่างนั้นมันก็ตรงไปหน่อยครับ  มันก็น่าจะพูดอะไรให้มัน diplomatic กว่านี้  แต่ว่าจะพูดอย่างไรมันก็ไม่ใช่จุดประสงค์ของความเห็นผมอยู่ดี  ผมแค่ต้องการจะสื่อว่า ถ้าคิดอีกแง่ มันก็สิ้นเปลืองมิใช่น้อย  และการพูดว่ามันไม่สิ้นเปลืองนั้นก็จะเป็นมาตรฐานสองชั้นอยู่สักหน่อย   แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 16:13:51 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 16:10:11 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 21 ม.ค. 51 16:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าจะถือว่าเป็นการถวายพระเกียรติ รำลึกในพระกรุณาธิคุณ และ เป็นการบำรุงรักษาต่อยอด ศิลปะวัฒนธรรม ก็ควรอยู่ แต่เรื่องที่จะนำงานพระศพไปโฆษณาการท่องเที่ยว คิดว่าไม่เหมาะสมนะครับ ไม่ควรจะมาตื่นตาตื่นใจกับความเศร้าโศก พิธีกรรมของความตายไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะมาชักชวนให้ชื่นชม นานๆมีทีก็จริง แต่ก็ไม่คงไม่อยากให้มีหรอกครับ งานพระศพเจ้าหญิงแห่งเวลส์ อังกฤษคงไม่คิดจะขายเพื่อเงินหรอกครับ งานนี้ผู้คนทั่วไปก็เสียใจมากมายเหมือนกัน อยากดูพิธีเพื่ออาลัย รำลึกถึงท่านมากกว่า จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 21 ม.ค. 51 16:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่ต้องคิดแบบตรรกะเรื่องการคำนวณก็ได้ "ลืม" ตรรกะเรื่องคุ้มหรือไม่คุ้มไป ชั่วขณะ 175 ล้านเนี่ย ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด มาจากภาษีของประชาชนใช่ไหมครับ? การจะจัดงานศพเนี่ย ในขณะเดียวกัน เป็นเรื่องของครอบครัวหนึ่ง ๆ ไม่ใช่เรื่องของสาธารณะ ดังนั้น เมื่อญาติผมตาย ผมก็ใช้เงินของครอบครัวออก กลับมาเรื่องคุ้มหรือไม่ โอเค ในกรณีนี้ (และในกรณีสังคมไทย) กิจการงานของคนตายถือเป็นสิ่งซึ่งรัฐต้อง support (เนื่องมาจากจารีตประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามอะไรก็ว่าไป) ปัญหาคือ นี่แค่ค่าเมรุก็ 175 ล้านบาทเข้าไปแล้ว (มีมากกว่าหน่วยงานหลาย ๆ หน่วยงานเสียอีก...กำลังนึกถึง debate เรื่อง TCDC เมื่อปีก่อนที่มาเถียงกันว่า 200 ล้านเนี่ย ฟุ่มเฟือยหรือเปล่า) แล้วค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่สื่อไม่ได้นำเสนออีกล่ะ (self-censored?) ผมว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนในฐานะเจ้าของเงินและเจ้าของประเทศ (ในฐานะไม่ได้เป็น "ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน") ต้องมานั่งคุยกันว่า เราจะยอมให้เงินจำนวนนี้ใช้จ่ายออกไปกระนั้นหรือ...??? อืม ลืมไป ตอนนี้ในสภาไม่มีใครมีความรับผิดชอบตอบคำถามประชาชนเลยแม้คนเดียว... ปัญหาเรื่องความลักลั่น ในระยะหลังนี้ รัฐไทยและราชสำนักมีการโฆษณากรอบคิดหนึ่งอย่างรุนแรงมาก คือ เรื่องของ "เศรษฐกิจพอเพียง" โดยคำโฆษณาประเด็นหนึ่งที่มักพูดย้ำซ้ำไปมาอย่างมากคือ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้ของหรูหราได้ หากคุณมีเงิน ในขณะที่หากคุณไม่มีเงินก็อย่าไปใช้ของหรูหรา (ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า) และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดอีก ตรรกะอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจพอเพียงคือ ต้องใช้จ่ายอย่างมีสติให้ "คุ้ม" ที่สุด อย่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น อืม แล้วการเผาศพ 175 ล้านดังกล่าวเนี่ย "คุ้ม" หรือไม่? จำเป็นขนาดไหน? "ฟุ่มเฟือย" หรือเปล่า? จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 21 ม.ค. 51 16:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอตอบหน่อยนะคับ ท่านทั้งหลายเรื่องที่ว่าสิ้นเปลืองนั้นมันก็จริงอยู่คับ แต่ลองนึกนะครับว่าท่านเป็นพระราชวงศ์ นานาๆประเทศมีหรือไม่ที่พระราชวงศ์จะลงมาคลุกคลีกับประชาชนถึงเพียงนี้ตอนที่พระองคืท่านดำรงพระชนม์ชีพอยู่ท่านก็ออกเดินทางไปทุกหนทุกแห่งเพื่อไปให้กำลังใจ ประเทศไทยของเราโชคดีแล้วทุกท่านเอ๋ย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ไม่ทรงถือพระองค์ มีพระราชวงศ์ที่ติดดินเยี่ยงนี้ ทำไปเถอะครับครั้งเดียวและเป็นคร้งสุดท้ายที่พวกเราทุกคนจะถวายท่านได้ถ้าไม่มีพระบรมวงศ์อยู่ลองคิดซิครับว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร และเพื่อผดุงศิลปะความเป็นไทย ผดุงพระเกียรติยศแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ของไทยไว้ครับ งานพระเมรุมาษเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่ควรสืบสานไว้นะครับ อย่ามัวแต่เถียงกันเลย จากคุณ : สมเด็จเจ้าพระยาฯ (kidsadawut) - [ 21 ม.ค. 51 16:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าไม่ได้สับสนนะ หัวข้อข่าว "พระเมรุเป็นพระโกศจันทน์8เหลี่ยม งบ175ล้าน คาดใช้เวลาสร้าง3เดือน" เนื้อข่าว "...โดยน.อ.อาวุธเงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบพระเมรุฯ ได้สรุปงบประมาณไว้จำนวน 175 ล้านบาท..." "...การจัดโครงสร้างและประดับไม้จันทน์ลายไทยพระโกศจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนเพราะมีความละเอียดอ่อนให้ได้ความสมบูรณ์ ..." เขาก็สรุปเอามาตั้งเป็นหัวข้อน่ะครับ ไม่เห็นจะขาดจรรยาบรรณอย่างไร ตอบคุณ ciri ครับ ดีครับ!!! ถ้าได้แบบนั้นจะดีมากๆเลย(ปล. ไม่ใช่ว่าตระกูลท่านจะลำบากซะหน่อย ถ้าอยากได้หลักฐาน ผมมีลิ้งให้อ่าน) ตอบคุณ ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร ...เศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้ของหรูหราได้ หากคุณมีเงิน ในขณะที่หากคุณไม่มีเงินก็อย่าไปใช้ของหรูหรา (ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า) ใช่ครับ เศรษฐกิจพอเพียงบอกแบบนั้นจริงๆ แต่นั่นหมายถึง เงิน ของ "คุณ" ไม่ใช่ เงินของ "คนอื่น" แล้วตอนนี้"คนอื่น" อยู่ในสถานะที่ดีหรือ? แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 16:19:42 จากคุณ : นักขายหมู - [ 21 ม.ค. 51 16:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อิอิ เข้าเรื่องของ จขกท กันดีกว่าครับ เดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่มีสมบัติผู้ดี ไม่มีมารยาทความเป็นไทย (ถ้าคุยเรื่องสมบัติผู้ดี หรือความเป็นไทยอาจจะยาวเพราะอ่านเรื่องของ มรว คึกฤทธิ์อยู่) ผมว่าหัวข้อข่าวมันรวบรัด แต่ผมยังไม่เห็นว่าผิดจรรยาบรรณตรงไหน รบกวนช่วยชี้บอกทีครับ จากคุณ : Nexus - [ 21 ม.ค. 51 16:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณสมเด็จเจ้าพระยาครับ ทำไมเราต้องคิดว่า การที่เจ้านายลงมาคลุกคลีกับประชาชนเป็นเรื่องแปลก (หรือ ศัพท์ที่ผมใช้คือ เป็นเรื่อง "ไม่ปรกติ") ด้วยอ่ะครับ   นอกเสียจากว่าเราจะคิดว่า เจ้านายต้องปรกติอยู่สูงกว่าคนอื่นๆ ไม่ลงมาคลุกคลีกับพวกไพร่ฟ้า    แนวคิดที่ซ่อนเร้น(underlying assumption)อยู่นี้เป็นแนวคิดที่ถูกแล้วหรือครับ???    ทำไมเราคิดบ้างไม่ได้ว่า "อืม ก็ปรกติหนิเจ้านายมาคุยกับประชาชน เพราะเจ้านายก็ไม่ได้ต่างกับคนอื่นๆเลย"   ถ้าคิดอย่างนี้แล้วจะไม่มีคำถามเลยว่า การจัดเพื่อฉลองเกียรตินั้นสิ้นเปลือง ฯลฯ หรือไม่ ผมเห็นด้วยนะว่าเป็นการ "สืบสานประเพณี" แต่อย่าลืม ผมกลัวว่าไม่ได้สืบสานประเพณีอย่างเดียวน่ะสิ  มันเป็นการสืบสานแนวคิดการปกครอง การเมือง ระบอบเจ้าขุนมูลนายที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมาด้วยต่างหาก  นี่แหละที่มันน่ากลัวกว่า      การที่กลุ่มคนหนึ่งๆคิดว่าพวกเขาจะอยู่ไม่ได้ถและมีจิตใต้สำนึกที่คิดว่าพวกเขานั้นต้อยต่ำเหมือนรากหญ้า ไม่มีค่าเหมือนธุลีใต้ฝ่าเท้านั้น ผมว่าเป็นแนวคิด (mentality) ที่น่ากลัวนะ  (ลองดูตัวอย่างภาษาสิ ภาษาไทยเราเรียกตัวไพร่ฟ้าว่า "ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท"   อย่างว่าผมเรียนมาทางด้านภาษาเลยสังเกตภาษาเป็นหลัก) จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 21 ม.ค. 51 16:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ต่อให้เป็นเงินพันเจ็ดร้อยล้าน ถึงผมจะไม่มีเงินถึงหรอก ทุกวันนี้ผมทำงาน รายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเสียภาษีด้วยซ้ำ แต่ผมก็คิดว่า เมรุที่จัดสร้าง มัน "ประมาณค่ามิได้" ถ้าเลือกได้ ผมขอไม่ต้องเสียเงินสร้างพระเมรุ และพระพี่นางทรงมีพระชนม์อยู่นานๆ ดีกว่าครับ แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว ปล ถึวหัวข้อกระทู้ มันผิดปกติตรงไหนหรือครับ ผมอ่านแล้วเฉยๆ น แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 17:13:03 จากคุณ : กริชครับผม - [ 21 ม.ค. 51 17:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 งั้นคุณก็ช่วยไปบอกรัฐบาลหน่อยว่าไม่ต้องออกเงินค่าสร้างพระเมรุถวาย ให้พระประยูรญาติและประชาชนผู้จงรักภักดี ช่วยกันออกเรี่ยไรสร้างถวายเอง สำหรับดิฉันเพื่อนเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย และอนุรักษ์สืบสานมรดกทางศิลปกรรมอันล้ำค่าของชาติแล้ว หมดตัวก็ยอมร่วมออกเรี่ยไรค่ะ และประชาชนคนอื่นก็เช่นกัน รวมเงินแล้วจะได้มากกว่า ๑๗๕ ล้านเสียอีก และตามจริงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านก็ทรงมีปัญญาออกทำถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอของท่านได้ ไม่ต้องรบกวนเงินภาษีหรือเรี่ยไรจากประชาชนด้วยซ้ำ แต่ที่รัฐบาลเป็นผู้ออก เพราะถือว่าพระองค์ท่านทรงพระคุณต่อชาติบ้านเมืองนานัปการ จึงเป็นหน้าที่ที่จะฉลองพระเดชพระคุณในโอกาสสุดท้าย แต่ดิฉันชอบนะความคิดเรี่ยไร เพราะเชื่อว่าทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนผู้จงรักภักดี จะเต็มใจออกถวายได้เงินมากๆ ได้สร่างพระเมรุให้ใหญ่โตมโหฬารสมพระเกียรติและบำรุงศิลปกรรมของชาติอย่างเต็มที่จริงๆ ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนเงิน ทำพอให้สมพระเกียรติ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก ดิฉันยังนอนคิดอยู่ว่าเงิน ๑๗๕ ล้านมันจะพออะไร ก็ทุจริตคอรัปชั่นกันทีคราวละเป็นพันล้านหมื่นล้าน ประสาทอะไรกันมาทำพระเมรุถวายเจ้านายผู้ทรงพระคุณวิเศษ ลงทุนแค่ ๑๗๕ ล้าน จากคุณ : ธ - [ 21 ม.ค. 51 18:16:52 A:117.47.130.31 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 39 "พระเมรุเป็นพระโกศจันทน์8เหลี่ยม งบ175ล้าน คาดใช้เวลาสร้าง3เดือน" "พระเมรุเป็นพระโกศจันทน์ 8 เหลี่ยม"  ถูกต้องตามเนื้อข่าวไหมครับ ถ้าคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอ่านแล้วจะคิดว่ายังไงละครับ  ผมไม่คิดว่า คนที่อ่านหัวแล้วร้อยทั้งร้อยจะอ่านเนื้อด้วย  บางทีอ่านหัวอย่างเดียวแล้วก็เริ่มวิจารณ์ โดยขาดความเข้าใจหรือมีอคติเป็นที่ตั้งด้วยซ้ำ การพาดหัวพาดอย่างไรก็พาดได้ ถ้าไม่ได้สร้างความสับสนหรือความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ น่าจะคุยกับเรื่อง วิธีการพาดหัวข่าว ของนักหนังสือพิมพ์ดีกว่านะครับ -------------------------------------------------------------- หัวข้อข่าวอย่างนึง เนื้อหาอย่างนึง เถียงกันไปอีกเรื่องนึง แล้วมันจะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย -------------------------------------------------- ถ้าจะเถียงจะถกกัน เรื่อง เงิน คุ้มไม่คุ้ม หรือ ว่าควรจะทำอะไรให้มันคุ้ม น่าจะแยกประเด็นนะครับ แล้วไปตั้งกระทู้ใหม่กันเองเถอะครับ ไปแยกประเด็นในเรื่องเศรษศาสตร์อีกเรื่องนึงเถอะ  เอาอะไรหลายประเด็นมาคลุกรวมกันไม่น่าจะเหมาะ จขกท อีกครั้ง จากคุณ : Kimpu - [ 21 ม.ค. 51 18:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สงสัยคุณ krisdauw จะเป็นเอามากเรื่องเจ้านายนะครับ สิ่งที่ผมสื่อนั้น คือ ใครทำดีก็ยกย่องทั้งนั้น ไม่เฉพาะเจ้านาย เอาเฉพาะในเมืองไทย ผมก็เห็นปุถุชนธรรมดาได้รับการยกย่องเรื่องชีวิตเรียบง่าย สมถะ หลายท่านนะครับ ผมสงสัยว่าทำไมคุณไม่พยายามมองให้เห็นคนเหล่านั้นบ้าง หรือพยายามที่จะเห็นแต่เจ้านายเท่านั้น มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ หรือคุณไม่เคยคิดจะยกย่อง ชื่นชมใครเลยสักคนในชีวิตเหรอครับ จากคุณ : Antares Kung - [ 21 ม.ค. 51 18:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41 "พระเมรุเป็นพระโกศจันทน์ 8 เหลี่ยม"  ถูกต้องตามเนื้อข่าวไหมครับ แสดงว่าผมเดาถูก อย่างนี้ถือว่าเป็นความไม่รู้จริง หรือไร้จรรยาบรรณครับ? เราจะวิเคราะห์กันยังไงดี ถ้าจะกล่าวหาว่าไร้จรรยาบรรณ(ซึ่งผมถือว่าค่อนข้างหนักนะ) นั่นย่อมแสดงว่า จขกท เชื่อว่าคนเขียนข่าวมีผลประโยชน์ที่ได้จากการขึ้นหัวข้อข่าวที่คลุมเครือ ซึ่งผมว่ามันอ่อนไปถ้าจะมองว่าอีกด้านหนึ่งคือ ถ้าคนอ่านข่าวแบบ "เอาเรื่อง" เจอเข้าอาจจะโดนกล่าวหาเอาง่ายๆได้หลายแบบ เช่นที่ จขกท กล่าวหา ถ้าผมเป็นนักหนังสือพิมพ์ธรรมดาๆ ผมไม่คงไม่ตั้งใจทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้หรอกครับ นอกจากว่าจะมีความตั้งใจอื่นๆนอกเหนือจากยอดคนอ่านเพียงวันเดียว ซึ่งถ้าตั้งใจจะสร้างกระแสให้ตัวเองจริง ผมก็ไม่ทำแค่นั้นแน่ๆ อย่างน้อยต้องเป็นอะไรที่อยู่ในระนาบเดียวกับที่ทะเลาะกันอยู่ในที่นี้ สรุปคือหัวข้อข่าวนี้อ่อนเกินกว่าที่ผมจะเชื่อว่าคนเขียนข่าวจะมี Hidden Agenda ออกจะเชื่อว่าเป็นความเลินเล่อหรือเข้าใจผิดคิดว่าพระเมรุกับพระโกศเป็นอย่างเดียวกันเสียมากกว่า ดังนั้นถ้าผมตั้งใจจะตำหนิคนเขียนข่าวผมคงตำหนิที่ว่าไม่มีความรู้ความเข้าใจ หรือเลินเล่อ หลักฐานที่มียังไม่สามารถ Convince ผมได้ว่า คนเขียนข่าวคนนี้ไร้จรรยาบรรณตั้งใจขึ้นหัวข้อข่าวบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ซ่อนเร้นครับ จากคุณ : Nexus - [ 21 ม.ค. 51 18:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มันก็ไม่แปลกน่ะที่บางคนไม่เห็นด้วย แต่งานนี้ประชาชนส่วนใหญ่  (ต้องบอกว่าส่วนใหญ่) เป็นเจ้าภาพ  รัฐบาลในฐานะผู้แทนของประชาชนก็เป็นเจ้าภาพก็ถูกต้องแล้ว  เมื่อรัฐบาลเป็นผู้ออกเงินซึ่งเป็นภาษีก็เท่ากับว่าประชาชนร่วมกันออกเงินเป็นเจ้าภาพ  ไม่ดีเหรอที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพให้พระองค์ท่านผู้ทรงคุณของแผ่นดิน จากคุณ : ซูรากัน - [ 21 ม.ค. 51 20:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อีกอย่างนะท่านเคยทรงให้กับชาติบ้านเมืองมามากกว่านี้หลายเท่า เอาเฉพาะที่เห็นเป็นรูปธรรม และเป็นตัวเลขเงินที่ชอบคำนึงกัน สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ท่านก็ทรงเคยให้แก่ประเทศชาติและประชาชนมากกว่าเงิน ๑๗๕ ล้านหลายเท่า ผ่านทางมูลนิธิองค์กรสาธารณะกุศลในพระอุปถัมภ์ต่างๆมากมาย ฉะนั้นหากเสียดายเงินภาษีนัก ก็คิดเสียว่าพระองค์ท่านก็เคยให้สังคมมากกว่านี้ ก็เป็นการคืนพระองค์ท่านไป จะได้สบายใจ แล้วจะบอกให้รู้ว่าเจ้านายน่ะท่านก็ทรงเห็นอย่างเดียวกับคุณ เรื่องความสิ้นเปลื้องความไม่คุ้มค่า ไม่ใช่แต่คนรุ่นปัจจุบันนี้หรอกที่คิดกัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอง ก็ทรงเห็นเช่นนั้น และโปรดที่จะให้ลดขนาดพระเมรุองค์ประกอบต่างๆย่อลงโดยสังเขป ให้สิ้นเปลืองน้อยที่สุด โดยที่หากจะทรงโปรดเกล้าฯให้ลดในการพระบรมศพเจ้านายพระองค์อื่น ก็ไม่เป็นการเหมาะ ประชาชนจะเข้าใจผิดได้ว่าเจ้านายผู้เสด็จสวรรคตทรงทำผิดหรือไร จึงได้รับพระราชทานพระเกียรติยศในงานพระเมรุไม่ครบถ้วน จึงโปรดเกล้าฯให้ลดขนาดความใหญ่โตและองค์ประกอบต่างๆของพระเมรุมาศ ในงานพระบรมศพของพระองค์เองเป็นทีแรก และเป็นแบบอย่างในงานพระเมรุมาศสมัยต่อๆมา จากพระเมรุมาศขนาดมโหฬารที่เคยสร้างในสมัยอยุธยาสูงใหญ่นับร้อยเมตร ถึงรัตนโกสินทร์ก็ลดขนาดลงมาเหลือไม่ถึงร้อยเมตร และลดขนาดลงเรื่อยๆทุกๆสมัย โดยเฉพาะในปัจจุบันพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงเป็นนักเศรษศาสตร์โดยสายพระโลหิต สืบจากสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนี ซึ่งทรงมีพระเกียรติคุณมากในด้านความประหยัดมัธยัสถ์ พระเมรุปัจจุบันทุกอย่างยิ่งต้องไม่สิ้นเปลืองมีประโยชน์คุ้มค่าที่สุด จึงปรากฏออกมาอย่างที่เห็น ทั้งที่ช่างฝีมือของไทยเรามีความสามารถจะก่อสร่างได้วิจิตรงดงาม และยิ่งใหญ่อลังการกว่านั้น แต่ก็พระบรมราโชบายด้านความประหยัด จึงทำกันแต่เพียงเท่านั้น หากเลิกทำพระเมรุมาศเมื่อใด ก็สูญสิ้นราชประเพณีอันแสดงถึงความเจริญทางวัฒนธรรมและศิลปกรรมอันสูญส่งของชาติไทย คงไม่ได้เห็นกระบวนแห่พระบรมศพ โดยพระราชรถเครื่องพระอภิรุมชุมสายประกอบเป็นกระบวนงดงาม ซึ่งเข้าใจไว้ด้วยว่าบรรดาราชรถพระยานมาศ เครื่องสูงทั้งหลายทั้งปวงแทบทั้งหมดเป็นของเดิมที่มีอยู่แล้ว ถึงเวลาจะใช้ก็แค่เอามาบูรณะทำความสะอาดซ่อมแซมเท่านั้น มีบางคนอุตริคิดว่าต้องสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด เลยเห็นเป็นการสิ้นเปลืองยิ่ง ราชรถของเรานั้นก็ของเก่าสร้างแต่ครั้งแรกตั้งกรุง เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๑ ก็ใช้มาจน ๒๐๐ กว่าปี คุ้มค่าไหม แล้วหากเลิกทำก็หมดตั้วช่างที่จะก่อสร่างสิ่งที่ทรงคุณค่าที่สุดแห่งศิลปกรรมไทยไป นับว่าเสียหาย ประมาณค่าไม่ได้ เพราะบรรพบุรุษท่านสั่งสมภูมิปัญญามาเนิ่นนานหลายร้อยปีกว่าจะออกมาเป็นเอกลักษณ์ของชาติอย่างนี้ สำหรับตัวดิฉันเองแล้ว ก็รู้สึกว่าไทยเรานี่อะไรก็ไม่น่าภาคภูมิใจเท่าศิลปกรรมอันทรงคุณค่ามาก ไม่มีชาติใดๆในโลกเหมือน เกิดรักษาไม่ดีมัวตระหนี่เงินทอง ไม่ยอมให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสร่วมสร้างไว้เพื่อรักษาสืบทอด มันก็จะสูญหายไป ต่อไปภายหน้ามีเงินเท่าไหร่จะกี่แสนล้านก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะหมดตัวคนที่มีปัญญาทำเป็น ดังนั้นนอกจากเหตุผลประการสำคัญที่ว่าเจ้านาย ทรงพระคุณแก่ชาติบ้านเมืองโดยส่วนรวม เป็นอเนกปริยายแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะทำฉลองพระเดชพระคุณถวายในโอกาสสุดท้าย ก็เพราะการสร้างพระเมรุเป็นการรักษาศิลปกรรมของชาติไว้ด้วยอีกสถานหนึ่ง รัฐบาลจึงเป็นผู้ออกเงินถวาย ส่วนประเด็นสุดท้ายที่ผุดออกมาจากข้อคิดเห็นของคุณหลังสุด คือกลัวจะสืบทอดวัฒนธรรมและความคิดที่คุณเห็นว่าไม่พึงประสงค์ไปด้วยนั้น ดิฉันไม่เห็นกลัวไม่ได้รู้สึกอะไร คติที่ว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นเทวราช มันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการปกครองในสมัยโบราณ ถึงปัจจุบันจะไม่ค่อยเห็นประโยชน์นัก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไร แม้พระเมรุมาศจะสร้างขึ้นมาตามคติความเชื่อที่ว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นสมมุติเทพ แต่เดี๋ยวนี้คนธรรมดาสามัญทั่วไปรากหญ้าที่ไหนก็เผาศพที่เมรุเหมือนกันหมดแล้ว ปัจจุบันในสายตาคนทั่วไปก็คงมองเพียงว่า ในเมื่อเป็นพระบรมวงศ์ก็เลยต้องสร้างให้วิเศษกว่าคนธรรมดา ไม่มีใครคิดเกี่ยวโยงกับเรื่องพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นเทวะหรอก ไม่ต้องกลัว ที่มีเว็ปโจมตีสถาบันดิฉันก็ยังไม่เห็นจะกลัวเลยว่าจะมีเข้าไปอ่านแล้วหลงเชื่อ เห็นเป็นจริงเป็นจังตามนั้นเข้า เพราะทองก็ย่อมเป็นทอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่คนอื่นมอง เช่นเดียวกับคตินี้หากมันไม่ดี เขาก็มีปัญญาคิดเองได้ แล้วมันก็จะหายไปเอง แล้วถ้าจะคิด ไม่ต้องอาศัยเรื่องพระเมรุเลย ชาวบ้านที่เคยได้เฝ้าพระเจ้าอยู่หัวพระบรมวงศ์ แม้เสด็จอย่างธรรมดาในที่ทุรกันดารห่างไกล ผู้ที่ได้เฝ้าส่วนใหญ่ก็ยังเห็นพระองค์ท่านทรงเป็นเทพกัน เพราะพระบุญญาธิการและพระบารมีที่แผ่ซ่านออกมาจนคนทั่วไปสัมผัสได้ และศิริสง่าที่ดูเหนือคนธรรมดา มิหนำซ้ำพระองค์ท่านยังทรงเที่ยวบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฏรไปทั่วพระราชอาณาจักอีก มันก็บังเอิญไปเข้าคติที่ว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นพระนารายณ์อวตารลงมาปราบทุรยุคอย่างช่วยไม่ได้ แต่อยากเรียนคุณว่าไม่ต้องวิตกเดือดร้อนไปหรอก คตินี้มันก็ค่อยๆหายไปแล้วล่ะ อยู่เฉยๆก็พอ อีกซักหน่อยมันก็หมดไปสมใจคุณ ส่วนไอ้เรื่องภาษาคงเพราะคุณศึกษามาด้านภาษามากมั้ง เก่งเหลือเกินตีความนัยยของภาษาเนี่ย เพราะดิฉันไม่เห็นรู้สึกอะไร ก็แค่รู้สึกเป็นคำที่ไพเราะ จากคุณ : ธ - [ 21 ม.ค. 51 20:29:23 A:117.47.134.6 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขำความคิดเพื่อนร่วมชาติ นักการเมืองจะทุจริตคดโกงบ้างคราวละพันล้านหมื่นล้านไม่เป็นไร เขามีความสามารบริหารบ้านเมืองให้รุ่งเรือง ให้เขาโกงไปบ้างช่างเขาเป็นธรรมดา แต่สมเด็จเจ้าฟ้าที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อชาติและประชาชนมาตลอด โดยมิได้คำนึงภึงพระองค์เอง ถึงคราวสิ้นพระชนม์ ต้องทำพระเมรุถวายตามราชประเพณี ๑๗๕ ล้าน บ่นเสียดาย จากคุณ : ธ - [ 21 ม.ค. 51 20:37:47 A:117.47.134.6 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ Nexus ครับ  ตอนแรกก็คิดว่าเพราะความไม่รู้ แต่เมื่ออ่านข้อความในเนื้อข่าวก็เห็นว่าผู้สื่อข่าวเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร เพราะการพาดหัวก็ต้องย่อความมาจาก เนื้อความนั้นๆ  แต่ปรากฏว่าหัวข้อข่าวสับสนกับเนื้อหา จะถือเป็นความประมาทเลินเล่อก็ได้  แต่ด้วย สถานะการณ์ในปัจจุบันที่มักจะมีการวิจารณ์ในเรื่องต่างๆ แบบด้านบน การพาดหัว ก็ควรจะต้องระมัดระวังมากขึ้น ที่สำคัญถ้าคิดว่านักข่าวผู้นั้นขาดความเข้าใจกับหัวข้อที่ตัวกำลังทำข่าวอยู่ คงต้องศึกษามากขึ้นหรือไม่ก็เปลี่ยนผู้ทำข่าวซะ หาคนที่เข้าใจมาทำ แล้วก็เปลี่ยนเอาคนที่ไม่เข้าใจไปทำข่าวในเรื่องที่เขาถนัด จากคุณ : Kimpu - [ 21 ม.ค. 51 20:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นคุณ ธ นานๆ โพสต์ที ขอเรียนว่า เห็นด้วยครับ และคุณtexanprofessor (krisdauw) กลัวว่าเราจะถูกครอบงำ น่ะครับ ผมขอแย้งว่า สังคมพัฒนาไปมากพอที่จะไม่ให้ใครมาครอบงำพวกเราได้อีกแล้ว ดูอย่าง 3 - 4 ปีที่ผ่านมาก็ได้ครับ สังคมแตกเป็น 2 ฝ่ายแบบนี้ ถึงว่าครอบงำสำเร็จหรือเปล่าล่ะครับ จริงหรือเปล่า ที่ผมห่วงมากกว่าก็คือ การไม่ลดราวาศอกกัน การขัดแย้งลุกลามไปทั่ว ไม่มีใครยอมใคร การถ้อยทีถ้อยอาศัย กับการสมยอมันก็ต่างกัน ปัจจุบันอะไรนิดอะไรหน่อย ก็ไม่ได้ ต้องแบบนั้น ต้องแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยล่ะครับ นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง ห่วงมากกว่าน้ำมันแพง มากกว่าวิกฤษซับไพร์ม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันกระทบถึงเนื้อในของความเป็นคนไทยเราทั้งหมดเลย ผมห่วงอันนี้มากกว่านะครับ จากคุณ : กริชครับผม - [ 21 ม.ค. 51 21:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นด้วยกับ คุณtexanprofessor (krisdauw) ครับ แต่ไม่กล้าพูด กลัวคนอื่นจะมองตัวเองไม่ดีแค่นั้นครับ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ 46 กริชครับผม จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 21 ม.ค. 51 21:21:28 A:192.168.0.102 X:124.120.148.140 TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 48 กลับมาอีกที เราคิดว่า พาดหัวข่าวค่ะที่มีปัญหา เพราะเขียนให้เข้าใจว่า พระเมรุกับพระโกศเป็นสิ่งเดียวกัน แต่เนื้อหาข้างในไม่มีปัญหา เราว่านักข่าวไม่เข้าใจเรื่องที่เขียน หรือไม่ก็เจตนาพาดหัวผิดๆ เพราะเรื่องพระเมรุน่าสนใจกว่า แต่ความคืบหน้ายังไม่มาก  จะมีเรื่องของพระโกศมากกว่า เขาจึงอาจอยากเรียกร้องความสนใจ โดยพาดหัวให้  misleading เพื่อหลอกให้คนมาอ่าน ส่วนเรื่องที่เถียงกัน เรางงว่าทำไมงานคราวก่อนๆ ไม่มีใครออกมาว่าแบบนี้  สงสัยคนสมัยนี้จะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกันมาก บางครั้งก็ไม่ดูความเหมาะสม  กะจะให้เท่ เอาให้แปลกกว่าชาวบ้าน จะได้เด่น ถ้าพระองค์ท่านเป็นเจ้านายที่ไม่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติประชาชนเลย  เรายังจะพอเข้าใจว่าทำไมอยากประหยัด  แต่นี่เป็นองค์ที่ทรงพระคุณอันประเสริฐ จริงๆแล้ว ในหลวงท่านคงเต็มพระราชหฤทัยจะออกพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดงานพระศพให้พระพี่นางของพระองค์ท่านเอง และท่านก็มียิ่งกว่าพอจะจ่ายด้วย  แต่เป็นธรรมเนียมที่รัฐบาลทูลเกล้าฯถวายให้เอง เป็นการสนองพระเดชพระคุณพระองค์ท่าน แต่ถ้าไม่มีเงินงบประมาณจริงๆ เราคนหนึ่งล่ะที่เต็มใจถวายร่วมจัดงาน เราว่าคนไทยอื่นๆที่รักพระองค์ถวายคนละ  20 บาท ก็ยิ่งกว่าพอจะจัดงานแล้ว  คนเราทำอะไรก็ต้องให้สมฐานะสมเกียรติ  คนธรรมดายังอยากจัดงานศพให้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ของตัวเองให้ดีที่สุด นี่พี่พระเจ้าแผ่นดินนะคะ จะมาทำแบบกะโหลกกะลาได้ไง  คนที่วิจารณ์แบบไม่คิดนี่ ที่บ้านไม่จัดงานศพให้ญาติใช่ไหมคะ พอตายแล้ว ส่งศพขึ้นเมรุเผาเลย หรือฝังเลยใช่ไหม จะพูดอะไร กรุณาคิดให้มากๆก่อนนะคะ  ถ้าเป็นเจ้านายที่วันๆไม่ทำอะไร หรือทำตัวไม่เหมาะสม เราจะไม่เถียงไม่ว่าคุณเลย แต่นี่ไม่ใช่   อีกอย่าง การจัดงานแบบนี้ เป็นโอกาสให้ช่างฝีมือไทย โดยเฉพาะช่างสิบหมู่พัฒนาฝีมือด้วย แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นสมบัติของชาติ เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์  เงิน  170 กว่าล้านบาท ไม่ได้มากไปเลย  วันนี้เราไปคุยกับผู้ใหญ่ที่กรมศิลปากรมา ทุกคนเขายุ่งมากๆ แต่เขาก็เต็มใจเหนื่อยเพื่อสนองพระเดชพระคุณพระองค์ท่านทั้งนั้น คนที่ว่าการจัดงานนี่ทำอะไรเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระบ้างไหมคะ ถ้าไม่ทำ มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำเลยค่ะ ปกติเราไม่พูดแรงอย่างนี้นะ แต่นี่เหลืออดจริงๆ คนไทยเราไม่ได้หูหนวกตาบอด รักเจ้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา เจ้าที่ดีกับเจ้าที่ไม่ดี เราแยกแยะได้ค่ะ ถ้าคุณว่าคนที่ไม่ดี เราจะไม่เถียงเลย จะช่วยเสริมด้วย แต่นี่ คุณเคยอ่านหนังสือ เคยดูสารคดีเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำให้ประเทศของเราบ้างไหม  ถ้ารู้แล้ว ทำไมถึงเป็นคนใจดำอย่างนี้คะ  สงสัยจริงๆ จากคุณ : ลดาดาว - [ 21 ม.ค. 51 21:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้อ...ต้นไม้เนื้อหอม3ต้น... จากคุณ : มร.หมายเลข10 ****************************** ผมเองครับ คือผมสงสารต้นไม้ครับ..จะยนต้นตายหรือไม่(รู้ครับว่าข่าวออกมาว่ายืนต้นตาย)... ทุกครั้งที่ตัดผมจะถอนหายใจครับ....หลายครั้งที่หน่วยงานตัดเอาออกมาเช่น งานเสาชิงช้า... ไปห้ต้นสักอายุ100ปี(หรือเกือบๆอีก2-3ต้น)ไปตัดมา..สมเหตุสมผลไหมกับเสาชิงช้า ที่ปัจจุบัน..ใช้ประโยชน์แค่รูปลักษณ์..ไม่ได้ใช้เพื่อพิธีการ.. ก่อนนั้นสมัยที่ผมอยู่กทม. หน้ารร.สอนสอนคนตาบอดและอง๕กรเภสัชกรรมนั่นแหละ ต้นไม้เขียวคลึ้ม..แต่พอจะลงเสาเข้มทางด่วน ก็มาดค่นทิ้งซะงั้นย้ำว่าโค่นทิ้ง ผมเข้าไปถามว่าทำไมไม่ล้อมออกไปปลูกที่อื่นล่ะ กทม.ใช้งบมาหลายแสนบาท/ต้นจ้างคนมารดน้ำดูและซึง่ก็เงินภาษีปชช.แบบนี้ เขาตอบว่าไม่มีเวลาพอ..ฮ่วย....ก่อนสร้างทางด่วน..มันสร้างกันเร้ว/ไวจนไม่มีเวลาย้ายไปเลยหรือ..ทางด่วยยาวเป็นสิบๆกม.เมตร.แบบนี้ ทำอะไรพอควรครับ อยู่ที่จะ ถ้ามากไป..ใจมันจะฝืนเอา.. จากคุณ : มร.หมายเลข10 - [ 21 ม.ค. 51 21:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ชอบมากๆ ค่ะคุณลดาดาว :) จากคุณ : ลั่นทมสีแสด - [ 21 ม.ค. 51 22:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ประเด็นปัญหาของผมไม่ได้เกี่ยวกับว่าใคร "ดี" หรือ "ไม่ดี" นะครับ (ความดีหรือไม่ดีเป็น concept ที่พร่าเลือน จับต้องวัดลำบาก...) เพราะว่า ด้วย "จารีต" หรือ norm ของสังคมไทยเนี่ย ไม่ว่าใคร "ดี" หรือ "ไม่ดี" ก็ย่อมที่จะจัดงานศพพอเป็นพิธีการอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงหากเป็นคนจากในราชสำนัก  ดังนั้น เจ้าจะ "ดี" หรือไม่เนี่ย ผมว่าคงไม่พ้นรัฐต้องออกเงินให้แน่ ๆ ปัญหาของผมคือ การใช้เงินประชาชนไปสร้างที่เผาศพ 175 ล้านเนี่ย คิดบนบรรทัดฐานไหน? ผมไม่ได้เห็นว่าไม่ควรมีพิธีอะไรเลย (เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้) แต่รัฐควรมีบรรทัดฐานในการใช้เงินเหล่านี้ ไม่ใช่ทำตามอารมณ์หรือเพราะกระแสพาไป ดังนั้น รัฐควร set standard บางอย่าง แล้วหากคนในครอบครัวหรือราชสำนักประสงค์ที่จะเพิ่มความฟู้ฟ่าอลังการ ก็ควรที่จะใช้เงินส่วนตัว (จากทรัพย์สินส่วนพระองค์) ไม่ใช่ใช้เงินของประชาชน ปล. หากต้องการที่จะส่งเสริมช่างฝีมือของไทยเนี่ย ต้องรอให้คนตายก่อนเหรอครับ ปัญหาต่อไปคือ งบ 175 ล้านเนี่ย เป็นการใช้รวดเดียวหมดกับงานหนึ่งงาน สามารถส่งเสริมช่างฝีมือได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือ? แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 22:36:27 จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 21 ม.ค. 51 22:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นด้วยกับคุณลดาดาวค่ะ จากคุณ : ป้อมเตี้ยตุ่น - [ 21 ม.ค. 51 22:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตอบ คุณ texanprofessor (krisdauw) แล้วไอ้แผ่นดินที่คุณยืน หรือเอาขี้ไว้เยี่ยวเนี่ย ไม่เป็นเพราะสมเด็จพระมหาบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าท่านทรงกอบกู้มาให้คุณไว้ซุกหัวนอนหรอกหรือ สงสัยจะจิงคงเรียนมามากเลยคิดอะไรแบบคนปรกติเค้าคิดกัน คอเยบ้างตั้งแต่ผมอ่านกระทุ้มาผมเห็นคุณคนเดียวเลยที่ต่อต้านการสร้าง ทำฎีกาซิ ยื่นถวายในหลวงแล้วบอกพระองค์ท่านด้วยว่า รู้จักคำว่าพอเพียงมั๊ย? กล้ามั๊ยละแล้วไอ้ที่คุณบอกว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเป็นคนธรรมดาเหมือนกันกับพวกเรามันก็จิงอยู่ แต่พระบารมีของท่านสูงกว่าพวกเศษธุลีต่ำอย่างพวกเรานัก หรือคุณว่าไม่จริง หรือไม่งั้นเวลาท่านเสด็จคุณก็ลองวิ่งเข้าไปตบหัวท่านดูซิ แล้วคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าคุณคิดว่าพระองค์ท่านเป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเราผมไม่รู้ว่าคณไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนถ้าไม่ชอบก้เก็บเอาใว้ในใจดีกว่านะไม่ต้องแสดงออกมาหรอก ผมก็รู้ว่าคนชอบก็มีคนเกลียดก็มี แต่จะสมควรพูดหรือไม่ควร พิจารณาได้แล้วนะ ในบอทนี้มีแต่คนว่าคุณคุณควรจะทำตัวอย่างไรคงไม่ต้องให้สาธยายนะคับ คนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเนี่ยไม่เจริญหรอกนะคับผมจะบอกให้ ท่านเป็นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์สมควรแล้วหรือจะมาพูดแบบนี้ แล้วไอ้เรื่องที่เปรียบว่าเราเป็นเศษธุลีของท่านมันเป็นเรื่องจริงมั๊ยละครับ ท่านไปทางไหนมีแต่คนมาแห่แหนรอเข้าเฝ้าเพื่อหวังที่จะชมพระบารมี เปรียบกับตัวคุณซิคับลองเดินไปซิ จะมีคนมายกมือใหว้มั๊ย จะมีคนมาเฝ้ามั๊ย? คิดบ้างไอ้ที่พูดออกไปไม่ใช่สักแต่ว่าจะพูดผมเชื่อว่าคุรเรียนสูงนะแต่นี่หรือความคิดของคนที่เรียนมา เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง sensitive มากนะคับพูดอะไรควรระวังบ้าง เงาหัวจะไม่มีนะคับ แล้วอีกอย่างนะเวลาเขามีพระราชพิธีนะ เวลาเขาตั้งพระที่นั่งคุณกะลองไปนั่งดูนะ หรือไปนั่งใต้พระมหาเศวตรฉัตรก้ได้ ก็เจ้านายเป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเรานี่คับ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเข้าไปนั่งได้ซิ จริงมั๊ย? ผมพูดถูกั๊ยครับ เเว้นเสียแต่ว่าคุณกล้าหรือเปล่า เท่านั้นเอง.............ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คุณคงเข้าใจความหมายของมันนะคับ พ่อคนเรียนภาษา แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 22:50:27 จากคุณ : สมเด็จเจ้าพระยา (kidsadawut) - [ 21 ม.ค. 51 22:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขี้เกียจเถียงค่ะ คนจะเอาชนะเสียอย่าง พูดยังไงคงไม่ฟัง สมัยก่อน เขาก็ทำกันประมาณนี้แหละ ใช้เงินรัฐด้วย งานนี้ไม่ได้หรูหราเป็นพิเศษหรอกค่ะ ทำตามแบบแผนเดิมเลย จริงๆ น้อยกว่าที่เคยจัดด้วย เพราะท่านทรงเป็นเจ้าฟ้า ไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระราชินี หรือ พระราชชนนี   คุณรู้ไหม รัฐบาลเราใช้เงินจัดงาน Bangkok Film Festival ที่มีการโกงกินกันน่ะเท่าไร มากกว่านี้อีก มันคุ้มไหม จัดนิทรรศการอะไรที ก็เป็นสิบๆล้าน ไม่เห็นมีใครบ่น งาน OTOP ที่จัดที่เมืองทองธานี ก็เงินภาษีเราๆทั้งนั้นแหละ  คนที่ไปขายได้เงินก็เป็นคนกลุ่มหนึ่ง เราไม่ได้ได้เงินด้วยเลย เขาไม่ต้องเสียค่าที่ค่าเช่าด้วย แล้วโครงการกองทุนหมู่บ้านละล้านบาทนั่น รู้ไหม บางคนกู้เงินไป ไม่ได้เอาไปตั้งต้นประกอบอาชีพ แต่เอาไปซื้อทีวี ซื้อมอเตอร์ไซต์ ก็เงินภาษีของเราทั้งนั้น ทำไมคุณไม่ว่าให้ครบทุกโครงการเลยล่ะ  มาจับผิดอะไรงานนี้  ถ้าไม่พอใจส่งหนังสือร้องเรียนไปเลยค่ะ หาเหตุผลให้ดีๆนะ รอดูอยู่ค่ะ จะได้พิสูจน์กันไปเลย เราจะบอกอะไรให้นะ ยอดเงินที่คนร่วมถวายตอนไปถวายสักการะ กว่าจะจบงาน เรามั่นใจว่าจะมากกว่า 170 ล้านบาทอีก  คุณร้องเรียนให้รัฐบาลทวงเงินงบประมาณ  175 ล้านคืนเลยค่ะ เราว่าเงินนั้นมีพร้อมจ่าย ถ้าไม่พอ ประชาชนที่จงรักภักดีพระองค์ท่านที่ ''ความดี'' ไม่ใช่ ''ความเป็นเจ้า'' ก็พร้อมร่วมกันถวายเพิ่มค่ะ อ้อ อีกอย่าง ถึงความดีจะวัดไม่ได้แน่ นิยามไม่ได้ชัด แต่ดูจากสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำตลอดพระชนมชีพ เราๆท่านๆทำอีก  10 ชาติก็ไม่ยังประโยชน์ได้เท่าท่าน เราดูที่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่ต้องวัดว่าอะไรดีไม่ดีหรอก คนไข้จนๆกี่คนรอดตาย คนไม่มีแขนขากี่คนได้มีแขนขาเทียม คนด้อยโอกาสอีกกี่คนได้เรียนหนังสือ ได้มาเป็นครูสอนเด็กต่อไป ดูที่ output outcome กันไปเลย แล้วพระโกศ หรือผลงานที่ทำกันคราวนี้ (ยกเว้นโกศองค์ในที่จะต้องเผาไป) ก็ไม่ไปไหน ต่อไปก็จะแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ลูกหลานเราได้ดู ให้ช่างฝีมือได้ศึกษา มาพัฒนาได้อีกเยอะ ได้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ มองอะไรให้ไกลหน่อย ไม่ใช่สักแต่ด่า  ทีเวลา มีการจัดคอนเสิร์ทกันที  100-200 ล้านไม่มีใครว่า บางคอนเสิร์ทหน่วยงานรัฐก็จัดเองด้วย งบโปรโมตตัวเองของนักการเมืองบางคนก็มาจากภาษีเรานี่แหละ  นักการเมืองข้าราชการบางคนไปดูงาน แต่จริงๆไปเที่ยว พยายามใช้เงินให้หมดก่อนปีงบประมาณใหม่ นักการเมืองบางคนบริจาคเงินช่วยภัยธรรมชาติในชื่อตัวเอง แต่จริงๆใช้ ก็เงินภาษีเรานั่นแหละ บางคนเลี่ยงภาษีเป็นหมื่นล้าน โกงชาติโกงแผ่นดิน ไม่เห็นคุณตามไปว่าเลย ทีคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศมากมายเกินกว่าจะนับเป็นเงินทองได้ คุณไม่ให้เกียรติท่านเลย  คนดีๆมีสามัญสำนึกน่ะเขาให้เกียรติคนตายกันทั้งนั้น ขนาดคนตายที่เคยทำไม่ดี พอตายแล้ว เขายังไม่พูดเรื่องไม่ดีหรือนินทาในช่วงมีงานศพเลย นี่พระองค์ท่านแสนประเสริฐ คุณไม่ถวายพระเกียรติท่านเลย ทำแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติครอบครัวท่านด้วย แล้วครอบครัวท่านมีใครบ้าง ลองถามตัวเองดูนะคะ  การศึกษาเมืองไทยเราท่าจะล้มเหลวจริงๆ  เราเองก็ไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยมนะ ออกจะเสรีนิยมและค่อนข้างชอบแนวทางสังคมนิยม   แต่เราก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ที่คุณทำ ที่คุณพูดนี่ไม่เท่ ไม่แนวเลยนะ จะบอกให้         แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 00:39:21 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 51 23:20:23 จากคุณ : ลดาดาว - [ 21 ม.ค. 51 22:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมว่า 175 - 200 ล้านสำหรับถวายความจงรักภัคดีกับท่านนั้น ไม่ใช่เงินที่มากไปเลยน่ะครับ ตลอดพระชนม์ชีพ  ท่านได้ทรงทำอะไรให้เมืองไทย  ถ้าตีค่าก็นับหมื่นหมื่น ล้านแล้ว กะอีแค่ 175 ล้าน เป็นเรืองที่ เราน่าจะเต็มใจ จากคุณ : tinglee tingamee - [ 21 ม.ค. 51 23:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าเช่นนั้น บริษัทขนาดใหญ่ ไม่ควรสร้างตึกสวยงาม ไม่ควรมีรถประจำตำแหน่งผู้บริหาร ไม่ควรสร้างภาพพจน์ดีๆ ให้สมกับบริษัท ควรเอาเงินพวกนี้ มาแจกเป็นโบนัสพนักงาน กับปันผลผู้ถือหุ้นจะดีกว่า แบบนั้นหรือเปล่าครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 21 ม.ค. 51 23:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอ่  พวกหัวเอียงซ้ายนี่นิยมทำอะไรให้เท่าเทียมกันใช่หรือไม่คะ สำหรับ 175 ล้าน เปนเงินที่น้อยมาก ถ้าเทียบกับที่พระองค์ท่านทรงงานมาตลอดพระชนม์ชีพ จากคุณ : อาซิ่ม - [ 21 ม.ค. 51 23:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คิดว่าคุ้มน่ะกับเงิน 175 ล้าน  ถ้าคิดไปแล้วคนในประเทศไทย 60 กว่าล้านคน  เทียบกันก็ออกเงินภาษีคนละ 2 บาทกว่า ๆ ถึง 3 บาท เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพงานพระศพ  ซึ่งก็ดีกว่านักการเมืองบางคนที่ไม่จ่ายภาษีตั้ง 7 หมื่นล้าน และพ่อค้าบางพวกที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายเลี่ยงภาษีแล้วยังชื่นชมกันหนักหนาว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ จากคุณ : ซูรากัน - [ 22 ม.ค. 51 00:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ที่ว่า นักการเมืองมันโกงกันไปเป็นหมื่นล้าน คนที่รักมันบอกว่าให้มันไปเหอะ เพราะมันโกงแต่มันก้อทำงานให้กับประเทศ ส่วนท่านทำงานให้กับประเทศและไม่ได้โกงสักบาท 175 ล้าน เฉลี่ยภาษีของผมไปไม่ถึง 3 บาท บ่นเสียดาย ... จากคุณ : เอย์คุง (Aeykun) - [ 22 ม.ค. 51 00:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผมเห็นด้วยกับเงินร้อยกว่าล้านที่จ่ายไปครั้งนี้นะ แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผล พระกรุณาธิคุณหรือความเป็นเจ้านายที่ฟังดูลอยๆ แต่เพราะเหตุ ได้แสดงเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียม ของดีที่ไทยมี ให้คนของเราได้เห็นได้ชม มากกว่าครับ สิ่งเหล่า ปัจจุบันและอนาคต ไม่ใช่สิ่งที่หาดูได้ง่ายๆเลย ถ้าจู่ๆเอาเงินร้อยล้านไปถวายราชสำนัก โดยที่ไม่ใช่เงินปี นั่นก็อีกเรื่องนึง จากคุณ : ชัวร์หรือมั่วนิ่ม - [ 22 ม.ค. 51 00:52:32 A:unknown X:202.12.73.4 TicketID:055330 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาแค่ว่าจะเซฟ เห็นว่ายาวแน่ อ่านผ่าน ๆ เห็นเรื่องต้นไม้แว้บ ๆ ต้องขอโทษด้วย นึกว่าคุณตกข่าว ผมเลยชี้แจงไป ผมเห็นด้วยกับคุณนะ รู้สึกคล้ายกันเรื่องต้นไม้ แต่ผมเสียดายต้นที่ทำเสาชิงช้ามากกว่า เพราะตัดกันสด ๆ ชาวบ้านได้แต่มองตาปริบ ๆ แถมยังมีพวกมือบอนเขียนชื่อตัวเองลงไปอีก ฟังแต่ละข่าวแล้วละเหี่ยใจจริง ๆ สำหรับไม้จันทน์นั้น ถ้าไปตัดต้นสด ผมคงเสียดายกว่านี้ และทำอะไรไม่งามไว้ในนี้ นี่ยืนต้นตายเลยไม่คิดอะไรมากครับ อย่างที่บอก ดีกว่าปล่อยเป็นปุ๋ย เรื่องจำนวนเงินที่ลงไปในงาน ผมเฉย ๆ นะ และไม่ได้คิดลึกซึ้งว่า เป็นการถวายพระเกียรติ ความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หรือได้อนุรักษ์อะไร ปลูกฝังสิ่งดีงามอะไรไปในตัว แล้วก็ไม่ได้สนใจตามข่าวมากมาย (ตรงนี้ประณามผมได้ครับ) ดูทีวีผ่าน ๆ มากกว่า เห็นเกี่ยวกับ พระเวชยันตรถ (จำผิดก็ขออภัย) และข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับพระราชพิธีและสิ่งของประกอบ (ขออภัย นึกคำราชาศัพท์ไม่ออก) ในเว็บผู้จัดการ ก็ได้แต่เก็บลิงค์ไว้ คิดว่างานแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยอยู่แล้ว ถือเป็นความสำคัญและพิเศษ ได้ยินข่าวพระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานอะไรต่าง ๆ แก่พสกนิกรที่เข้าร่วมถวายความอาลัย ก็รู้สึกเหมือนว่าเป็นการต้อนรับแขกที่มาในงานศพอย่างนึง จะไว้ 3 วัน 7 วัน ก็แล้วแต่แขกเหรื่อและกำลังทรัพย์ของเจ้าภาพ เลยเฉย ๆ พยายามนึกถึง นึกเปรียบเทียบตอนงานของสมเด็จย่าที่จำได้ราง ๆ มากกว่า งานพระพิธีของสมเด็จย่า จำได้แต่ว่า มีการประหยัดโดยวนใช้ดอกไม้จันทน์ เนื่องจากประชาชนเข้าร่วมงานถวายอย่างไม่ขาดสาย แถมสำนักข่าวต่างประเทศเจ้านึง ยังเอาภาพไปเปรียบเทียบกับราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งภาพลักษณ์กำลังตกต่ำในตอนนั้น จำได้เท่านี้เอง และไม่ได้เข้าถึงสื่ออินเทอร์เน็ต เก็บข้อมูลได้ละเอียดยิบเท่าในปัจจุบัน อย่าทะเลาะกันเลยน่า ต่างคนก็ต่างคิด ถกกันพอหอมปากหอมคอ นะ ๆ ลบนิดนึง เพราะไปพาดพุง เด๋วผมเละ ความเห็นข้างล่างของผมมีคนลบ สงสัยจะไม่เหมาะสม แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 18:11:37 จากคุณ : RealWorld - [ 22 ม.ค. 51 07:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เรื่องนักการเมืองโกงกิน .. เขาก็ทั้งบ่น ทั้งด่า กันทั้งนั้นแหละครับ ทั้งในที่ลับ และที่แจ้ง .. ทำไม ข้างบนถึงบอกว่า ไม่มีใครว่า .. อันนี้งง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายราชวงศ์ คนที่บ่นก็มี แต่คงแค่ในที่ลับ กับในเวปบอร์ด ส่วนตัวผม เห็นด้วยกับการนี้ ไม่ใช่พระมหากรุณาธิคุณอะไร เพราะยังไม่เห็นราชวงศ์พระองค์ใด ทำงานหนักเพื่อ ปชช เท่าในหลวง แต่เป็นเพราะให้เกียรติท่านที่เป็นพี่สาวในหลวง และเพราะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยครับ จากคุณ : oscilated - [ 22 ม.ค. 51 08:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เรื่องพาดหัวข่าวยังงงๆ อยู่ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีปัญหา (ขออภัยในความไม่รู้) แต่สำหรับเรื่องค่าก่อสร้างพระเมรุมาศ 175 ล้าน ขอบอกว่า "จิ๊บๆ" ถ้าเทียบกับพระกรณียกิจนานับประการของพระองค์ท่านที่มีต่อประเทศชาติของเรา ใครที่บ่นๆ มากว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของประเทศโดยใช่เหตุ น่าจะจับไปอยู่สมัยอิยิปต์โบราณ หรือขอมโบราณ ให้โดนเกณฑ์แรงงานไปสร้างปิรามิด หรือปราสาทหินทั้งหลายซะจริงๆ แล้วจะรู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินไทยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณขนาดไหน ที่ไม่ทรงเฉลิมพระเกียรติ์พระองค์ด้วยการสร้างที่ฝังพระศพใหญ่โตมโหฬารที่ต้องแลกด้วยชีวิตราษฎรนับหมื่นนับแสนแบบนั้น เฮ้อออออออ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 08:52:49 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 08:52:25 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 08:52:03 จากคุณ : เกียรตินำ - [ 22 ม.ค. 51 08:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ดูล็อกอินก็รู้เจตนา เมื่อคืนยังทันเก็บความคิดเห็นในกระทู้ที่หายไปได้อยู่ คุณนักขายหมู คุณควรจะศึกษาประวัติศาสตร์ให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นพล่อยๆ ในหลายๆ กระทู้ สำหรับเรื่องพระเมรุกลางเมือง กับความสิ้นเปลือง ได้คุยกันมานานแล้ว  ตั้งแต่คุณยังไม่เกิด ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ตั้งแต่โบราณ ในรัชกาลที่ ๓ มีพระราชดำริสร้างให้เป็นของถาวรที่วัดสระเกศ ไม่มีใครเอาด้วย ในรัชกาลที่ ๕ มีพระราชดำริเช่นเดียวกัน  โปรดฯ ให้สร้างพลับพลาที่ทำพระราชพิธีกุศลขึ้น  และโปรดฯ ให้ลงรากเพื่อทำพระเมรุ แต่ก็ถูกคัดค้านอีก ตึกที่จะทำพลับพลากลายเป็นหอพระสมุดสำหรับพระนคร รากที่จะทำพระเมรุกลายเป็นหอสมุดดำรงราชานุภาพ การสร้างพระเมรุเป็นการรักษาวิชาช่างของไทยในทุกแขนง ได้ฝึกได้หัดเป็นงานใหญ่นานๆ สักครั้งหนึ่ง  ที่ประเมินเป็นตัวเงินไม่ได้ เงิน ๑๗๕ ล้านบาท ไม่ได้เป็นค่า "พระเมรุหรือโกศไม้จันทน์ 8 เหลี่ยม"   อย่างที่พาดหัวเท่านั้น  ทำความเข้าใจซะใหม่ ยังเป็นค่าซ่อมแซมรักษาของเดิม อย่างเช่นพระมหาพิชัยราชรถ  และอื่นๆ  มีบัญชีแจงงบประมาณก่อนตั้งเบิกอยู่แล้ว - พระมหาพิชัยราชรถ ในพงศาวดารว่าสร้างขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๖ โปรดให้เพิ่มล้อเพื่อรับน้ำหนัก - เกรินบันไดนาค แต่เดิมเป็นไม้กระดก  กรมหลวงพิทักษมนตรีทรงประดิษฐ์เป็นขันช่อกว้าน ในรัชกาลที่ ๒ และใช้ในงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๑ เป็นคราวแรก - ประเพณีการสมโภชพระบรมธาตุก่อนงานพระเมรุ  เกิดจากพระราชดำรัสในรัชกาลที่ ๑ ว่าจะไม่พระราชทานเพลิงกรมพระราชวังบวรฯ - ฯลฯ แทนที่จะมาคอยนั่งจ้องจับผิด  ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ศึกษาศิลปวัฒนธรรม โบราณคดี ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเล่า "พระเมรุ" ก๋งแกรึ "เป็นโกศไม้จันทน์ 8 เหลี่ยม" ไม่ใช่ไร้จรรยาบรรณ  แต่เป็นความเขลาของวุฒิภาวะที่บรรณาธิการแสดงให้พวกเราได้เห็นกัน ความเขลาในการพาดหัวหนังสือพิมพ์อย่างนี้  คงจะหลอกพวก "ฟ้าเดียวกัน" เพิ่มยอดได้พอดูครับ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 10:07:37 จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 10:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ RealWorld สำหรับเรื่องไม้เสาชิงช้า ผมพอใจที่จะเรียกตัวเองว่าคนแพร่ และผมภูมิใจที่ไม้สักจากเมืองแพร่ได้เป็นเสาชิงช้า ได้เป็นหน้าเป็นตาเป็นเกียรติเป็นศรีของบ้านเมืองครับ ลองมาแอ่วเมืองแพร่สักเตื้อ   อาจจะเปลี่ยนความคิดได้นะครับ  บ้านผมรวย "ม่อฮ่อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม" http://www.thai-tour.com/thai-tour/North/Prae/data/place/pic_banprathabchai.htm จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 10:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ฮาพี่กัมม์(วลี"ก๋งแกรึ") ชอบคุณลดาดาว และสำหรับ texanprofessor (krisdauw) เราเคารพไม่ทุกความเห็น และที่นี่ ก็ทราบว่าเป็นที่สาธารณะ ไม่คิดว่าเป็นการทะเลาะ แต่อยากค้นหาที่มาของ แรงบันดาลใจ ในการเขียนของคุณ จึงตั้งคำถาม เรารู้ว่ามนุษย์ไม่เท่ากัน แต่ไม่นึกว่าจะแตกต่างมากมายถึงเพียงนี้ เห็นจาก ตรรกะ ของข้อเขียนของคุณ ชั้นครู เลยทีเดียว ดูดีมีการศึกษา นัยยะ ของข้อเขียนของคุณ ชั้นประถม เสียเหลือเกิน "บางอย่างเราทำเพื่อสิ่งใดกัน" จากคุณ : juniorfish - [ 22 ม.ค. 51 10:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เรื่องไม้สักผมเห็นด้วยนะ ตัดไม้สักต้นสองต้นป่ามันจะหมดไปเลยหรือยังไง ของที่มันต้องซ่อมก็ต้องซ่อม คุณ juniorfish มนุษย์มันแตกต่างกันมากกว่าที่คุณคิดครับ และการดูถูกดูหมิ่นคนที่คิดไม่เหมือนกัน(แบบกลายๆ) ผมก็ไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรนักหรอก จากคุณ : Nexus - [ 22 ม.ค. 51 10:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เราหมายถึง พวกที่ตำหนิการจัดงานนี้น่ะ ทำไมไม่ตามล้างตามเช็ดทุกเรื่องที่คิดว่าสิ้นเปลืองให้หมดสิ มีเป็นร้อยเป็นพันโครงการ ไม่เห็นเขียนลงในบอร์ดเลย แจกแจงมาเลย ถ้าเขียนจะตามอ่านนะ ช่วยส่ง link มาด้วย ทำไมต้องมาเจาะจงเฉพาะงานนี้ มีมารยาทสังคมหน่อย นี่งานศพนะ ถ้ามีคนมางานศพญาติคุณ แล้วบอกว่า ไม่น่าจัดงานเลย เปลือง ตายปั๊บเอาใส่เตาเผาเลยก็ได้ คุณจะพอใจไหมคะ ยกตัวอย่างมาสารพัดขนาดนี้ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็เกินเยียวยาแล้ว  ส่วนคนที่บอกว่า ทุกคนเท่าเทียมกันหมดนี่  ทำไมชื่อ log in  ยังต้องแสดง status ตัวเองล่ะ ว่า เป็นอาจารย์บ้าง เป็นผู้รู้บ้าง ตัวเองก็อยากให้คนมายกย่องเหมือนกันแหละ ดูก็รู้ ถ้าคิดว่าเท่าเทียมกัน ก็ให้นักศึกษาน่ะตบหัว ด่าเล่นเลย ให้เหมือนเป็นเพื่อนกันไง  ไม่งั้นในโลกนี้จะมีงานที่แตกต่างกัน ตำแหน่งที่ต่างกันไว้ทำไม การเป็นเจ้าก็เป็นงานอย่างหนึ่งเหมือนกัน มีหน้าที่งานที่ต้องทำ ไม่ได้เกิดมาอยู่เฉยๆ แล้วต้นไม้ที่ตายแล้วน่ะ สงสารมันทำไม  เอาเวลาที่นั่งคร่ำครวญไปปลูกป่าดีกว่า ถ้ารักต้นไม้จริง มีโครงการให้คุณช่วยอีกเยอะ ที่เชียงใหม่ก็มี ติดต่อ FORRU ของ ม.ช. ก็ได้ เขารับอาสาสมัครช่วยปลูกป่าที่ดอยสุเทพ-ปุย สงสารต้นที่มันยังเป็นๆ น่ะถูกต้อง แต่ต้นที่ตายไปแล้ว ทิ้งไว้ ปลวกมอดมันก็มากินอยู่แล้ว เอามาใช้ประโยชน์ไม่ดีกว่าหรือคะ อ้อ เห็นบางคนเอาไปเปรียบกับกรณี TCDC  เราว่าย้ายมาจุฬาฯดีแล้ว ไม่เปลืองค่าเช่าที่ ต้องไปอยู่ในห้างทำไม  เราเดิน  Emporium เกือบทุกวันเพราะใกล้ทีทำงาน  เคยเข้าไปดูแต่นิทรรศการ ไม่กล้าเข้าห้องสมุด ดูหรูเกินไป เข้าไปแล้วเกร็ง  เพื่อนเราก็รู้สึกเหมือนกัน แล้วจะบอกให้ทราบนะ พนักงานบางคนของ TCDC น่ะอยากให้ TCDC ปิดนะ เขาพูดว่า รอประมูลเก้าอี้ designer ตัวละหลายแสนที่อยู่ในนั้น ในราคาถูก จะได้ไปตั้งที่บ้าน  อึ้งไหม  แล้วพนักงานหลายคนที่นั่นก็ได้เงินเดือนสูงเกินไป ตัวอย่างเช่น ประชาสัมพันธ์ได้เงินเดือนเป็นแสน ทีอย่างนี้ละ ไม่เห็นบอกว่าเปลืองเลย ปกป้องกันนักหนา  เห็นใจกันก็คราวนี้ล่ะ บางคนรอประมูลเก้าอี้อยู่ สะใจไหมล่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 12:05:05 จากคุณ : ลดาดาว - [ 22 ม.ค. 51 11:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ต้องขอโทษคุณ กัมม์ ด้วยครับ ที่ผมตัดสินแทนคนใน (อีกแล้ว) ขี้เกียจไปเมียงแป้อะ เพราะ จ. ที่ผมอยู่ก็เป็น จ. เล็ก ๆ อยู่ติดกับ จ. คุณแหละครับ ผมคงชี้แจงไม่ละเอียด ขอแก้ตัวเสียงอ้อมแอ้มว่า เวลาผมพูดถึงการเสียดายไม้ ผมจะเสียดายอายุและความมาจากธรรมชาติของมันครับ เพราะยังไงผมก็ถือว่าไม้เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วไม่หมดไป ปลูกทดแทนได้อยู่ ไม่เหมือนปูน ถ้าจะสร้างบ้านก็ต้องระเบิดภูเขา สมัยเล่นอยู่โต๊ะราชดำเนิน ผมต่อต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น เพราะมีคนยกเรื่องป่าสักทองธรรมชาติผืนสุดท้ายของไทยมานี่แหละ ที่เหลือจำเหตุผลอื่นไม่ได้ รู้แต่ว่าเละเหมือนกัน เพราะเข้าข้างเอ็นจีโอ (โง่) และไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องน้ำท่วมภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนได้ จากคุณ : RealWorld - [ 22 ม.ค. 51 11:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอาเป็นว่าต่อไปนี้ถ้ามีคนตายอีก ก้ไม่ควรมีพิธีกรรมใดๆ ทั้งสิ้น เอาศพไปให้ให้โรงพยาบาลเพื่อการศึกษาทางการแพทย์  หรือเอาไปสับทำปุ๋ย ถมที่  หรือแม้กระทั่งเอาไปทำอาหารให้ผู้ที่อดอยาก  นี่แหละประโยชน์สูงสุด  เริ่มที่จากคนที่ต่อต้านก่อนเลย จากคุณ : ซัดกันจนแหลก - [ 22 ม.ค. 51 12:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผมว่า หลาย ๆ คนกำลังโกรธเลยจับประเด็นผิดมากกว่านะครับ คือเท่าที่ฟัง ๆ มาคือ ไม่ใช่เขาไม่จงรักภักดีนะครับ แต่เขามองเรื่องการใช้ จ่าย หรือสิ่งแวดล้อมอะไรแบบนี้นะครับ ไม่ใช่ไม่ให้มี ผมฟัง ๆ แล้ว มันจะเข้าข่าย เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อะไรแบบนี้มากกว่า คือเศรษฐกิจมันไม่ดี ป่าไม้บ้านเราก็น้อยลง เขาก็เลยอยากทำให้เหมาะสม และไม่มากไปน้อยไปมากกว่า มันไม่เกี่ยวกับไม่จงรักภักดีนะครับ ผมว่า หรือว่าไม่สนับสนุนพิธีกรรมอะไร ผมว่าบางเรื่องเราก็แปลก ๆ ไปนะครับ แบบเรื่องเฉลิมไทยก็เหมือนกัน รายการตลกฉายเป็นสีดำและเล่นมุขตลกแต่ปิดเสียงหัวเราะ ผมว่ามันดูแปลก ๆ ไงไม่รู้ สู้เปลี่ยนรูปแบบไปเลย หรือเอารายการเฉพาะกิจมามันจะดีกว่า จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 22 ม.ค. 51 12:51:45 A:124.120.145.225 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านไม่รู้เรื่องหรือไง  เขาไม่ได้จับประเด็นผิด แล้วก็ไม่ได้โกรธจนลืมประเด็นด้วย  อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียวสิ  คนอื่นเขาเสียเวลามาอธิบายให้ฟังตั้งหลายคน ยังจะหลับหูหลับตาต่อต้าน  ในโลกนี้น่ะ จะมาคิดแค่ความคุ้มทุน effectiveness efficiency อะไรน่ะ คนก็เป็นหุ่นยนต์แล้ว ไม่มีความเอื้ออาทร น้ำใจอะไรเลยหรือ ไม้ที่นำมาสร้าง ก็ใช้ไม้ที่ยืนต้นตายมาเป็นปีแล้ว จะเอาอะไรอีก อ่านข่าวไม่รู้เรื่องหรือ ใครเขาไปตัดไม้เป็นๆมาทำล่ะ ที่เขาจัดงานแบบนี้ เขาก็จัดมาแต่โบราณแล้ว ตั้งแต่ประเทศไทยยังไม่เจริญเท่านี้ด้วย พระเมรุหรือขบวนแห่ก็ประมาณนี้ทุกครั้ง จะมาตัดทอนอะไรตอนนี้ ประเทศคงไม่ล้มละลายเพราะจัดงานนี้หรอก ไปสอดส่องพวกที่มันโกงกินดีกว่าไหม มันงาบไปกี่หมื่นล้านแล้วล่ะ   เราก็ไม่เห็นด้วยเรื่องทีวีขาวดำ ไว้ทุกข์หรือไม่อยู่ที่ใจ  เราไม่ได้หลับหูหลับตาปกป้องใครหรอก ก็ดูเป็นประเด็นประเด็นไป อย่าอคติให้มันมากนัก คนที่เห็นด้วยกับงานนี้ อาจไม่เห็นด้วยกับทีวีขาวดำก็ได้ เหมารวมได้ยังไงคะ จากคุณ : ลดาดาว - [ 22 ม.ค. 51 13:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ถึงตอนนี้แล้ว ผมว่าถึงเวลาที่จะต้องยอมรับถึงความเปิดกว้างของสังคมกันแล้ว อย่างน้อยก็ในเน็ต เมื่อมีความเห็นที่แตกต่างในกรณีเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน คนในส่วนที่แต่ก่อนรับฟังไม่ได้ต้องดิ้นตาย จะต้องยอมรับสภาพว่าสังคมพัฒนาไปถึงจุดที่สามารถพูดจากันในเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว จะใช้มุกไล่ไปนอกประเทศ หรือมุกแช่งให้ไปตายไม่ได้แล้ว จะต้องรับว่าความเห็นที่แตกต่างมีอยู่จริง และต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ทำใจไว้เลยครับ ความคิดที่แตกต่างไม่มีวันหมดไปแน่ๆ ทำใจไว้เลย ต้องยอมรับว่าถึงแม้นคนบางคนอยากเป็นฝุ่นใต้เท้าของใคร แต่บางคนไม่อยากเป็นก็มีนี่ครับ กฎหมายก็บังคับได้แต่ภายนอกเน่านั้นแหละครับ เรื่องบุญคุณก็เหมือนกัน จะลำเลิกกันไปก็เท่านั้น เพราะบางคนก็เห็นว่าบุญคุณบางอย่างมีจริง บางอย่างสมมติขึ้น จะให้ชดใช้ไปกี่ชั่วลูกชั่วหลายกันเลยเหรอครับ ประเทศอื่นเห็นเขาก็ชดใช้กันพอประมาณ ทุกประเทศในโลกล้วนเคยมีราชวงศ์ปกครองโดยระบอบMonachyด้วยกันทั้งสิ้น จะปฎิเสธได้ไหมว่าเขาก็เคยมีผู้ปกครองที่สร้างความเจริญ ที่สร้างความผาสุกให้ประชาชน เหมือนกับของเรา แล้วเรายังต้องชดใช้บุญคุณถึงวันนี้ยังไม่หมดอีกหรือ เรื่องความสมฐานะ ผมก็ว่ามันก็มีส่วนถูก และไม่แย้งว่าเราควรปฎิบัติตามฐานะให้สมเกียรติ แต่ตัวอย่างของคุณชาเขียวก็ผิดเป้าไปหน่อย เพราะผู้บริหารบริษัทใช้เงินของบริษัทในการสร้างความสมเกียรติ แต่ที่เราพูดถึงกันอยู่คือเงินภาษี ปีหนึ่งๆ ก็สมเกียรติกันไม่น้อยด้วยงบประมาณปีละ2000ล้าน แล้วครับ เรื่องสร้างเมรุผมก็ว่า175ล้านเป็นเงินไม่มากมายจนเกินไป แต่ก็สะดุดใจตรงความเห็นของคุณฮกหลง ว่าทีเงิน200ล้านที่ไปทำTCDCให้เกิดประโยชน์ต่อวงการออกแบบในบ้านเรา ทำไมจึงเป็นปัญหามากมาย 175ล้านเพื่ออนุรักษ์ช่างฝีมือไทย ผมว่าก็โอเคนะ แต่ก็น่าจมีอีกสัก 100ล้านสร้างสวนสาธารณะงานฝีมือไทย ให้เป็นสิ่งถาวรไปเลยก็ดี คืองานช่าง จริงๆแล้วถ้าไม่คิดเข้าข้างกันเองจนเกินไป มันมีวิธีการอนุรักษ์ได้มากมาย ถ้าจะทำกันจริงๆ ไม่ใช่มีงานสร้างเมรุแล้วจึงบอกว่าทำให้อนุรักษ์งานฝีมือไทย คือผมว่า 175 ล้านสร้างเมรุ กับอีก 125ล้านเพื่อพิธีกรรม รวมแล้ว 300ล้าน ก้เป็นเงินไม่มากไม่น้อย จะมองมุมข้างไหนก็ถูก มันแล้วแต่คนจะมอง แต่ก็แค่ให้ได้รับฟังกันทั้งสองฝ่ายก็พอ จากคุณ : คำประสิทธิ์เต็ด - [ 22 ม.ค. 51 13:49:33 A:203.146.148.130 X: TicketID:165930 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมว่าคุณเครียดมากไปนะ กระทู้นี้แค่แสดงความคิดเห็นเท่านั้นเอง ไม่เห็นเกี่ยวกับเหมารวมเลย ผมมองว่า บางอย่างมันก็ควรเปลี่ยนตามสภาวะแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจสังคม อะไรแบบนี้ เหมือนกับเศรษฐกิจไม่ดี เราก็ลดค่าใช้ แต่ไม่ได้แปลว่าภาพรวมหรืออะไรจะเปลี่ยนไปนี่ครับ แล้วอีกอย่าง ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะอย่างไร มันก็เป็นกระทู้แค่แสดงความคิด ไม่เห็นเกี่ยวกับว่าต้องโง่ต้องฉลาดอะไรเลย ทุกคนก็น่าจะแสดงความคิดเห็นได้นะครับ ชอบไม่ชอบก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามากไปก็แจ้งลบได้ ทำไมต้อง เครียดอะไรแบบขนาดนั้นด้วยล่ะ ไม่ได้บอกว่าคนโบราณไม่ดีนี่นา จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 22 ม.ค. 51 13:53:01 A:124.120.145.225 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อ้อ เห็นบางคนเอาไปเปรียบกับกรณี TCDC เราว่าย้ายมาจุฬาฯดีแล้ว ไม่เปลืองค่าเช่าที่ ต้องไปอยู่ในห้างทำไม เราเดิน Emporium เกือบทุกวันเพราะใกล้ทีทำงาน เคยเข้าไปดูแต่นิทรรศการ ไม่กล้าเข้าห้องสมุด ดูหรูเกินไป เข้าไปแล้วเกร็ง เพื่อนเราก็รู้สึกเหมือนกัน แล้วจะบอกให้ทราบนะ พนักงานบางคนของ TCDC น่ะอยากให้ TCDC ปิดนะ เขาพูดว่า รอประมูลเก้าอี้ designer ตัวละหลายแสนที่อยู่ในนั้น ในราคาถูก จะได้ไปตั้งที่บ้าน อึ้งไหม แล้วพนักงานหลายคนที่นั่นก็ได้เงินเดือนสูงเกินไป ตัวอย่างเช่น ประชาสัมพันธ์ได้เงินเดือนเป็นแสน ทีอย่างนี้ละ ไม่เห็นบอกว่าเปลืองเลย ปกป้องกันนักหนา เห็นใจกันก็คราวนี้ล่ะ บางคนรอประมูลเก้าอี้อยู่ สะใจไหมล่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 12:05:05 จากคุณ : ลดาดาว ตอนผมเข้าไป ผมไม่เห็นเกร็ง แล้วแต่คนอะครับ คนที่ได้ประโยชน์ก็มีไม่น้อย ไม่ได้แค่มาชื่นชมความหรูของห้องสมุด หรือไม่ต้องมาชื่นชมความแพงของเก้าอี้ แบบขอเพียงได้แค่ชื่นชมแต่เปลือกนอก แต่เขาเข้าไปเอาความรู้ออกมาจริงๆ เอาไปใช้งานจริง เก้าอี้ตัวละแสน เขามีไว้ให้สร้างแรงบันดาลใจสำหรับนักออกแบบ คุณคิดว่าคนไทยตอนนี้ออกแบบเก้าอี้ตัวละแสนได้ไหมครับ ของแต่งบ้านส่งออกของเราสร้างรายได้ให้ประเทศเท่าไหร่ทราบหรือไม่ ถ้าคุณไม่เห็นของจริงที่เขาออกแบบมา คุณจะออกแบบไปแข่งกับเขาได้ไหม หรือว่าต้องบินไปดูของจริงที่ฮ่องกง สิงคโปร์ เรื่องประชาสัมพันธ์เงินเดือนเป็นแสน ผมไม่ทราบ ไม่มีข้อมูล ว่าเขาได้จริงหรือไม่ หรือหน้าที่เขาทำอะไรบ้าง จะเอามาวิเคราะห์ไม่ได้ ข้อมูลผมยังไม่มี ส่วนเรื่องรอประมูลเก้าอี้ ไม่ทราบว่าจะพิมพ์ทำไม เป็นผม ผมก็อยากได้ ก็ถ้าเขาเอามาประมูลจริง ผมก็ว่าน่าสนใจที่จะไปซื้อ จะอึ้งไปทำไมไม่ทราบ จากคุณ : คำประสิทธิ์เต็ด - [ 22 ม.ค. 51 14:00:21 A:203.146.148.130 X: TicketID:165930 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เข้ามาตกใจกับความคิดเห็นที่ 62 ด้วยความปรารถนาดี ไม้จันทน์ที่ยืนต้นตายตามธรรมชาติจะมีกลิ่นหอม ส่วนที่หอมคือแก่น ส่วนข่าวที่ว่ามีการจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้สักทองจากอุทยานแห่งชาติแม่ยม โดยการนำยาฆ่าหญ้าราดบริเวณโคนต้น เพื่อให้ยืนต้นตาย เพราะไม้สักถ้ายืนต้นตายจะทำให้ลอยน้ำได้ ทำให้ง่ายต่อการขนส่ง จากคุณ : มีดปลายแหลมในความมืด - [ 22 ม.ค. 51 14:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 รู้สึกเศร้าใจกับบางความเห็นมาก ๆ เศร้าใจในการที่เขาอ้างว่าเขามีการศึกษา แต่ความรู้คิดขั้นพื้นฐานยังอ่อนด้อย เศร้าใจที่เขาอ้างว่าเขารักษ์ธรรมชาติ แต่ไม่รู้จักธรรมชาติที่แท้จริง เศร้าใจที่เขาอ้างว่าเขารักประชาชน แต่ไม่เคยทำอะไรให้ประชาชนนอกจากนั่งกระแนะกระแหนในสั่งที่มีคนลงมือทำ เศร้าใจที่เขาอ้างถึงประเทศโน้นประเทศนี้และกลับมาว่าแผ่นดินเกิดของเขา เศร้าใจที่เขาดูเหมือนว่าจะรู้คิด แต่ไม่รู้จักบุญคุณคน ส่วนดิฉัน เศร้าใจที่สมเด็จฯท่านจากไป แล้วดิฉันทำได้เพียงเท่านี้ จากคุณ : ตั้งเพ็กเง็ก - [ 22 ม.ค. 51 14:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สลดและสมเพชคนที่กล้าออกความเห็นแบบเขลาเบาปัญญา แต่ไม่กล้าแสดงตนด้วยค่ะ จากคุณ : ตั้งเพ็กเง็ก - [ 22 ม.ค. 51 14:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ตอบคุณคำประสิทธิ์เต็ด  เราอึ้งคนเห็นแก่ตัวไง  แทนที่จะปกป้ององค์กรตัวเอง กลับหวังให้ล้ม เพื่อซื้อของขายทอดตลาดไปเป็นของตัว ทั้งที่เป็นสมบัติชาติ ถ้าปรารถนาดีต่อวงการจริง ทำไมไม่คิดโอนไปจัดแสดงที่อื่นให้นักศึกษาได้ศึกษา ให้คนได้ชม หรือคุณก็เป็นหนึ่งในคนเห็นแก่ตัวพวกนั้น จะไปแย่งประมูลกับเขาน่ะ ถ้าล้มจริงนะ ขอโทษที แรงบันดาลใจมันไม่ได้จากแค่ไปห้องสมุดหรูๆ ไปนั่งเก้าอี้แพงๆหรอก เราและเพื่อนร่วมงานคนที่กล่าวถึงทำไมเรียนจบมาได้ (ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยนะ ไม่ได้โม้) โดยไม่มี TCDC ก็ใช้ห้องสมุดคณะและหอกลางนี่แหละตลอด เราและเพื่อนเป็นนักข่าวนักเขียนคอลัมน์ทางศิลปวัฒนธรรมด้วยซ้ำ เราอ่านหนังสือพวกนี้จากห้องสมุดที่อื่น ซื้อหรือยืมเขามาอ่าน แล้วก็ไปพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทุกที่ที่มีโอกาส  เวลาไปต่างประเทศ  แล้วเพื่อนร่วมงานเราที่ไม่กล้าเข้าไปนั่งอ่านหนังสือในนั้น ขอโทษนะ เขาเป็น บก หน้าอาร์ตหน้าแฟชั่น  รู้จักคนวงการนี้เกือบทุกคน เขายังไม่กล้าเข้าเลย ห้องสมุดน่าจะไปอยู่ในสถาบันการศึกษาหรือที่ที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแพงแบบนี้นะ การตกแต่งก็ทำไปสิแบบเดิม ไม่มีใครว่า เรื่องเงินเดือนคนที่นั่นที่ว่าเวอร์นี่ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น  โครงสร้างเงินเดือนไม่ได้เป็นความลับอะไรเลย แถมบางคนยังมาโม้ให้คนอื่นฟังอีก ทีโครงการที่ตัวเองได้ประโยชน์ ก็ไม่ว่าอะไร มันก็ใช้ภาษีประชาชนเหมือนกันแหละ ทีโครงการที่สมควรแก่กาลเทศะ เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ กลับคัดค้านแบบหน้ามืดตามัว อ้อ แล้วคนที่บอกว่า ให้เกียรติพระองค์ท่านเพราะเป็นพี่ในหลวงเท่านั้น ไปอยู่ที่ไหนมาคะ สารคดีเกี่ยวกับงานที่พระองค์ท่านทรงมีให้ดูอยู่ทุกช่องทุกวัน ไม่ผ่านตาบ้างหรือ คุณเห็นท่านทรงงานหรือเปล่าคะ ถามจริงๆ ถ้ายังโต้ตอบแบบไร้เหตุผลอยู่ ก็จะตอบกลับไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยหรอก ดีเหมือนกัน ได้ลับสมอง แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 14:55:18 จากคุณ : ลดาดาว - [ 22 ม.ค. 51 14:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ตอบเป็นข้อๆนะครับ เดี๋ยวคุณลดาดาวจะหลงประเด็น 1 เรื่องเก้าอี้ อ่านสิครับ ผมบอกว่ามีของจริงให้ดู สร้างแรงบันดาลใจ (บางคนเรียกเลียนแบบ) จะได้รู้ว่าเก้าอี้เป็นแสนเขาหน้าตาเป็นไง วัสดุเป็นไง การผลิตเนี๊ยบขนาดไหน ตรงไหนที่บอกว่าเข้าห้องสมุดหรูแล้วสร้างแรงบันดาลใจ อ่านดีๆครับ 2 เรื่องเข้าไปเอาความรู้ ผมไม่ได้เขียนเลยว่าเขาเข้าไปเพราะมันหรู แต่เข้าไปเอาความรู้ไงครับ ความรู้อยู่ในหนังสือ การตกแต่งมันอยู่ที่คนว่าจะเกร็งหรือไม่เกร็ง ผมตอบไปว่าแล้วแต่คน เพราะคุณบอกว่าคุณเกร็งไม่กล้าเข้า คุณตำหนิเรื่องความหรูจนเกร็งไม่กล้าเข้าไม่ใช่รึครับ ส่วนเพื่อนคุณจะเป็นใครไม่เห็นจะสำคัญ เขาไม่อยากเข้า ก็ไม่ต้องเข้า มันมีคนเข้า และมีคนเห็นความสำคัญ คุณจะบอกว่า ดิชั้น และเพื่อน เกร็งความหรูของห้องสมุดจนไม่อยากเข้า ดังนั้นมันหรูเกินไปสำหรับคนทั่วไป อันนี้ไม่ถูกครับ แล้วไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเกียรตินิยมเลยครับ TCDCนี่มันเกี่ยวกับวิชาชีพการออกแบบ ไม่ใช่วิชาการครับ คุณยังไม่รู้จุดประสงค์ของTCDCเลยนะ เท่าที่ผมอ่าน แทนที่คุณจะตำหนิที่หนังสือไม่ดี ข้อมูลไม่พอ สื่อที่เอามาแสดงแย่ อันนี้ยังน่ารับฟังกว่า "หรูเกินไป" คุณทำงานคนละสายกับที่TCDCให้หรือเปล่า จึงมองเห็นเค่เพียงสิ่งของภายนอก ส่วนคุณจะมองว่าถ้าไปประมูลของรัฐที่ไม่ใช้แล้วเป็นการเห็นแก่ตัวผมก็ไม่ทราบจะว่าอย่างไรแล้วครับ ถ้าไปแอบยักยอกของ หรือขโมยของ อันนั้นสิเลว แต่ถ้ารัฐเขาจะเปิดประมูลผิดที่ไหนเนี่ย ขอแค่นี้ครับ สำหรับ TVDC เดี๋ยวจะผิดกระทู้ จากคุณ : คำประสิทธิ์เต็ด - [ 22 ม.ค. 51 15:30:13 A:203.146.148.130 X: TicketID:165930 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณ oscilated ครับ พระกรณียกิจในพระองค์ท่านมีมากมาย  เอาอคติออกจากตาเสียบ้างเถิด โทรทัศน์เข้าถ่ายทอดให้ดู คุณเสียค่าไฟนิดหน่อย  แต่ได้ความรู้กลับมา จะได้ไม่ต้องมานั่งแสดงความคิดเห็นอะไรที่ อย่างนี้อีกนะครับ ฮ่ะฮ่ะฮ่า คุณฟ้าลั่นครับ เขาบอกอยู่ว่า ยืนต้นตาย ให้บอกอีกกี่ครั้งครับ ยืนต้นตาย ยืนต้นตาย ยืนต้นตาย ยืนต้นตาย ยังจะ "ป่าไม้บ้านเราก็น้อยลง" คนพวกนี้มันพูดยากจังนะครับ ส่วนเจ้านั้น ลองแปลงเป็นภาษาอังกฤษใกล้กับ Composited คุ้นๆ นะครับ  เมื่อคืนก็เห็นที่กระทู้นู้น จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 15:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ใช่ทีเดียวคุณNexus ดูหมิ่น นั้นไม่ควร แต่กับบางคน ก็สมควร บางอย่างควร บางอย่างไม่ควร บางอย่างเหมือนกัน บางอย่างไม่เหมือนกัน บางอย่างต้อง บางอย่างไม่ต้อง แต่ก็น้อมคำตำหนิไว้ด้วย ถ้าคุณNexusเห็นไม่ควร แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 16:56:27 จากคุณ : juniorfish - [ 22 ม.ค. 51 16:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ที่ถามว่าพูดเรื่อง TCDC ทำไม ก็เพราะคนที่คัดค้านการจัดงานเขาพาดพิงถึง ก็เลยขอพูดหน่อย เพราะใช้งบฯปีละ 200 ล้านบาทไง ใกล้เคียงกันกับงบจัดงาน ที่พูดเรื่องเก้าอี้กับเงินเดือนก็เป็นการยกตัวอย่างว่า ขนาดใช้ภาษีจ่ายเงินเดือนให้คนบางคนแพงขนาดนั้น เขายังคิดไม่ดีกับที่ทำงานตัวเองเลย เก้าอี้พวกนั้น ถ้าใครเอาไปขายทอดตลาดตัวละ 100 บาท เหมือนที่อื่น ก็บ้าแล้ว คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละที่คิดแบบนั้น ถ้าองค์กรนี้ล้ม งานศิลปะต่างๆ หนังสือ สื่อต่างก็ควรถูกโอนไปห้องสมุดอื่นหรือ national art gallery หรือที่อื่นให้คนมาศึกษาหาความรู้ เพราะซื้อมาด้วยภาษีของเรา เราไม่ได้ตำหนิ TCDC นะในด้านเนื้อหา เราพูดเหรอ อ่านให้ดีๆ เราก็ว่าเนื้อหาดี เราไปดูนิทรรศการอยู่ทุกครั้งที่จัด อยากให้คงอยู่ต่อไป แต่ประเด็นอยู่ที่ จำเป็นหรือที่ต้องไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าซึ่งค่าเช่าแพงมาก ที่อื่นมีเยอะแยะ จัดและตกแต่งให้เหมือนกันก็ได้ จำเป็นต้องจ้างคนแพงขนาดนั้นเลยหรือ เอาให้สมน้ำสมเนื้อกับปริมาณงานและความสามารถก็พอ ถามจริงๆ ก่อนมี TCDC น่ะ นักออกแบบรุ่นพ่อรุ่นแม่รุ่นปู่รุ่นย่าทำไมเขายังสร้างสรรค์ผลงานกันได้ เขาก็มีหนทางเสาะแสวงหาความรู้กันเอง สมัยเราเรียน ไม่มีอินเทอร์เนตด้วยซ้ำ ยังไม่ได้ประดิษฐ์ขึ้นเลย ห้องสมุดคณะก็เก่า อายุจะร้อยปีแล้ว หนังสืองี้เหลืองกรอบเลย ชั้นบนสุด มีนกทำรังด้วย บินให้ว่อน คนเราถ้าใฝ่รู้และพยายามจริงๆ มันก็หาทางศึกษาจนได้แหละ เด็กสมัยนี้โชคดีนักหนาแล้วที่มีตัวช่วยมากมาย ไม่ได้ให้ยกเลิก แต่ควรปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์และความเหมาะสม   ถ้ามีคนหัวหมอบอกว่า การสร้างพระเมรุไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ใช้ภาษีโดยไม่จำเป็น ชาวนาชาวไร่และคนทำงานที่เขาไม่ได้ใช้ ถนน สะพาน สิ่งก่อสร้างต่างๆนอกจังหวัดเขา รวมทั้ง TCDC ที่ใช้เงินภาษีเขาเหมือนกัน ก็คงอ้างแบบเดียวกันได้นะ จากคุณ : ลดาดาว - [ 22 ม.ค. 51 16:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ผมขอย้ำและเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ว่า "แล้วแกล่ะ ทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง" จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 16:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เอ่อ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ Royalist แต่ส่วนตัวผมก็ยินดีและภูมิใจที่เงินภาษีของผมจะไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพระเมรุถวายพระองค์ท่านน่ะครับ เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งที่ผมพอจะตอบแทนความดีของพระองค์ท่านที่มีต่อโลกได้น่ะครับ และถ้าจะเกิดเรี่ยไรกันจริงๆ ผมก็คนนึงที่จะไม่ปฏิเสธเลยครับ จากคุณ : Cholesterol Lover - [ 22 ม.ค. 51 16:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณคุณ มีดปลายแหลมในความมืด ที่มาให้ความรู้เพิ่มเติมครับ นี่ผมแหย่เท้าเข้ากระทู้ร้อนอีกแล้วเหรอเนี่ย โดนไปอีกหลายดอกจากความคิดเห็นบางท่าน ไม่น่าเลย จากคุณ : RealWorld - [ 22 ม.ค. 51 18:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ผมพิมพ์อะไรผิดไม่ทราบครับ คุณ กัมม์ จากคุณ : oscilated - [ 22 ม.ค. 51 18:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ผมว่าเงิน 175 ล้านที่ว่าเนื่ย  ไม่ได้เอาเผาหรือฉีกทิ้งนะ  เอาไปเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสร้างพระเมรุ  ก็กระจายรายได้สำหรับผู้เกี่ยวข้อง..สร้างงาน สร้างอะไรอะไรมากมาย   แล้วอีกอย่าง  ศิลปะงดงามเหล่านี้  ไม่ใช่จะมีโอกาสสร้างบ่อยๆ  เฮ้อ..ต้องมีสักพระองค์เสด็จ..จึงจะมีโอกาสได้ทำได้ดู..ได้สืบสาน.. แพงกว่านี้ก็คุ้มค่า..มีแต่ได้..ดี ..ทั้งนั้น จากคุณ : หนุ่มน้อยเมืองเหนือ - [ 22 ม.ค. 51 18:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 90 แล้วแกหละทำอะไรมั่ง นอกจากกินภาษีประชาชนไปวันๆ ไม่ได้ยิงปืนนานแค่ไหนแล้วหละ คลิ๊กแต่เม้า เน่าอยู่หน้าคอมพ์ จนลงพุงไปหมดแล้ว เอิ๊กๆ เพื่อนรุ่นเดียวกันเขาไปไหนต่อไหนแล้ว ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศมากมาย ตัวแกหละ ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมั่ง บอกหน่อยดิ เห็นถามคนอื่นบ่อยๆ บอกมั่งดิจ๊ะ ตัวแกหละทำอะไรมั่ง ขอเนื้อๆ เสียภาษีรึเปล่ายังไม่รู้เลย กร๊ากกกก จากคุณ : คำประสิทธิ์เต็ดจ้า - [ 22 ม.ค. 51 18:55:33 A:203.146.148.130 X: TicketID:165930 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ไอ้ที่ควรดูไม่ดู  ไอ้ที่ไม่ควรล่ะชอบจัง  เฮ้อ... พระกรณียกิจในพระองค์มีมากมาย พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อราษฎรก็มาก พระกรณียกิจที่ทรงทำ ก็เป็นการแบ่งเบาราชกิจทั้งสิ้น. ประกาศ ภูมิพลอดุลยเดช ปร.          พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร          มีพระราชโอการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า  โดยที่ทรงพระราชดำริว่า  สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  เป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินีอันสนิทแต่พระองค์เดียวที่ทรงร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาแต่ยังทรงพระเยาว์  ทั้งเป็นผู้ที่ทรงเคารพนับถือในฐานะที่ทรงมีอุปการคุณมาแต่หนหลัง  ดังมีข้อความปรากฏอยู่ในประกาศสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้า นั้นแล้ว  ต่อมาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ก็ยังใฝ่พระหฤทัยมั่นคงอยู่มิได้ทอดทิ้งในอุปการกิจ  ที่มีแก่พระองค์  โดยเจตจำนงมุ่งหมายแต่จะทรงให้พระเกษมสุข  และทรงพระเจริญยิ่งด้วยพระราชอิสริยยศในมไหศูรยสมบัติ  ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์ในหลายวาระ  และทรงรับเป็นพระธุระในการส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมราชชนนีให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย  ทั้งได้ปฏิบัติวัฏฐากสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างใกล้ชิดในที่ทุกสถาน  และรักษาพยาบาลในเมื่อทรงพระประชวรโดยมิได้มีความเบื่อหน่ายย่อหย่อน  ด้วยมีพระประสงค์จะแบ่งเบาพระราชภาระ  ทำให้ทรงความพระราชกังวล  และวางพระราชหฤทัยในการส่วนสมเด็จพระบรมราชชนนีได้เป็นอันมาก          นอกจากนั้น  สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  ยังมีพระหฤทัยเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณา  ปรารถนาที่จะให้ประชาชนทุกชนชั้นได้มีวิชาความรู้  มีฐานะความเป็นอยู่และมีสุขภาพอนามัยที่ดีถ้วนหน้า  จึงทรงพระอุตสาหะรับเป็นอาจารย์สอนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ  โดยมิได้ทรงคิดเห็นแก่ความเหนื่อยยาก  ทั้งทรงรับเป็นพระธุระบริหารกองทุนการกุศลสมเด็จย่า  ทรงเป็นประธานมูลนิธิโรคไตมาแต่แรกเริ่ม  และทรงรับมูลนิธิ ตลอกจนสมาคมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ และการสาธารณสุขไว้ในพระอุปถัมภ์อีกเป็นจำนวนมาก  ได้ทรงปฏิบัติบริหารกองทุนมูลนิธิที่ทรงเป็นประธานและบริหารอยู่  โดยเต็มพระสติกำลังปรีชาสามารถ  และได้พระราชทานความช่วยเหลือนานัปการแก่มูลนิธิและสมาคมที่อยู่ในพระอุปถัมภ์  ทำให้กิจการต่างๆ ของกองทุน มูลนิธิ และสมาคมเหล่านั้น  ดำเนินก้าวหน้ามาด้วยความมั่นคง  และก่อเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง  พระเกียรติคุณด้านนี้เป็นที่ประจักษ์เด่นชัด  ด้วยเหตุนี้สถาบันอุดมศึกษาในประเทศและองค์กรระหว่างประเทศมากแห่ง  จึงได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในสาขาวิชาต่างๆ และเหรียญสดุดีพระกิตติคุณ          มาบัดนี้  สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  ทรงเจริญด้วยวัสสายุกาลวัยวุฒิ  กอปรด้วยพระอัธยาศัยซื่อตรง  ดำรงพระองค์มั่นอยู่ในสุจริตธรรมสัมมาจารี  มีความกตัญญูกตเวทีเป็นอย่างยิ่ง  ทั้งทรงพระคุณแก่บ้านเมืองปรากฏอยู่เป็นอเนกปริยาย  สมควรที่จะสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น  โดยอนุโลมตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี          จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน  มีพระนามจารึกตามพระสุพรรณบัฏว่า  สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  ขอจงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒน์มงคล อิฐศุภผลธนสารสมบูรณ์ วรเกียรติคุณอดุลยยศ  ปรากฏยั่งยืนนานเทอญ          ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘  เป็นปีที่ ๕๐ ในรัชกาลปัจจุบัน เพลงแสงหนึ่งเหมาะสมกับพระองค์อย่างยิ่ง การครั้งนี้คนจำนวนไม่น้อยตั้งใจทำเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณจากใจจริงๆ ครับ แสงหนึ่ง รู้ไหมว่าเราซาบซึ้งใจแค่ไหน  และรู้ไหมว่าเรานั้น ปลาบปลื้มเท่าไหร่ ที่ได้มีเธอ เป็นพลังอันสำคัญ  เพราะว่าเรานั้นรู้เธอทำเพื่อใคร เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เธอไม่ไหวหวั่น  เพื่อที่จะให้เรานั้นได้เดินต่อไป แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอ แต่ว่าสำหรับเรานั้น เธอเหมือนดังกับแสง ที่มองไม่เห็น แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น  ก็เด่นชัดขึ้นทันที เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้  ได้พบเห็นสิ่งดี ๆ ว่างดงามเพียงใด ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้ จะเป็นเช่นไร  วันและคืนจะหมุนเปลี่ยนสักเท่าไหร่ เรานั้นก็แน่ใจ ว่าจะมีเธอยืนอยู่ข้างหลัง แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอ แต่สำหรับเรานั้น เธอเหมือนดังกับแสง ที่มองไม่เห็น แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น  ก็เด่นชัดขึ้นทันที เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้  ได้พบเห็นสิ่งดี ๆ ว่างดงามเพียงใด จึงอยากขอมอบเพลง เพลงนี้ให้ ให้เธอรับรู้ว่าสำหรับเรา เธอสำคัญเพียงไหน เธอเป็นดั่งแสง ที่มองไม่เห็น แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น  ก็เด่นชัดขึ้นทันที เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้  ได้พบเห็นสิ่งดี ๆ ว่างดงามเพียงใด แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้  ได้พบเห็นสิ่งดี ๆ ว่างดงามเพียงใด คุณ oscilated คุณไม่ได้พิมพ์ผิดดอก  เพียงแค่คุณยังไม่พยายามมองให้เห็นแสงที่ว่าเท่านั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 19:45:30 จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 19:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 93 แหม...จริงดังคิดไว้ ฮ่ะฮ่ะฮ่า ค่อยถูกคู่ เพื่อนฝูงเขาได้อมยิ้มคืนกันหมดแล้วนะ เรื่องแม่นไม่แม่น ไอ้ฉันก็ได้ติดเข็มปืนกับเขาเหมือนกัน เรื่องนี้รับรองฉันได้  ถ้าเขาให้ทำ......คุ้มค่าภาษีทุกเม็ด แต่ฉันคิดว่า ฉันใช้อย่างอื่นได้ผลกว่ารบด้วยปืนว่ะ ทหารแบ่งเป็น ๓ เหล่าใหญ่ๆ เฉพาะทหารบกแบ่งย่อยออกเป็น ๑๖ เหล่า คุณ คำประสิทธิ์เต็ดจ้า . แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 19:56:35 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 19:52:42 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 19:38:28 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 19:28:25 จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 19:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ลักษณะเด่นประการหนึ่งของ Royalist คือ การใช้อำนาจบางประการเข้าข่มขู่ผู้อื่นครับ จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 22 ม.ค. 51 19:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 97 สังเกตดู  คงหนีใบดำใบแดงสิท่า แต่ละความคิดเห็น  แหม..ช่างเป็นห่วงเป็นใยสังคมแต๊ๆ หน้าที่พื้นฐานของประชาชนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทำหรือยัง เอ้อ...ลืมถามเพื่อนที่ว่าจะเป็น ส.ส. สอบตกหรือสอบตก ถ้าหวังให้เขามาเชิญไปเป็นที่ปรึกษา ๓ ครั้งอย่างขงเบ้ง ต้องหมั่นศึกษารัฐธรรมนูญนะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 20:29:05 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 20:10:32 จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 20:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 98 แหม..คุณ เพราะผมไม่มี Time Machine ให้ทำยังไง  จะให้ถอดเครื่องแบบก็ยังได้ ไม่เคยเกี่ยงงอนแม้แต่นิดเดียวครับ ผมไม่ใช่พี่เบิร์ด ผมรักบางคน บางคนก็ไม่รักครับ . แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 20:35:05 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 20:25:15 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 20:23:52 จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 20:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 99 การใช้เงินภาษีหรือเงินแผ่นดินนั้น คงเปรียบดั่งให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นส่วนร่วมในการถวายพระเกียรติ สมเด็จพระพี่นางทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นผู้ใหญ่ในพระราชวงศ์ การถวายพระเกียรติย่อมเป็นสิ่งสมควร งานนี้เป็นงานที่ข้าแผ่นดินจะได้ร่วมกันทำถวายเป็นครั้งสุดท้าย เปรียบดั่งทุกๆคนเป็นเจ้าของงาน ใครมีหน้าที่ ความรู้ ก็ช่วยด้วย แรงกาย สติปัญญา ใครมีทุนทรัพย์ก็ร่วมถวายเป็นปัจจัยเกื้อหนุน ตามปรกติสามัญชนคนธรรมดา เวลามีบุคคลที่รู้จัก ทั้งสนิทชอบพอเช่นญาติมิตร หรือ รู้จักเนื่องด้วยสถานะทางสังคม เช่น พ่อเจ้านาย แม่ลูกน้อง ยายข้างบ้าน จากไปด้วยกฎไตรลักษณ์ ย่อมมีพิธีศพจัดขึ้นอยู่ตามความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรม แขกที่มาร่วมงานมักมีธรรมเนียมนำปัจจัย มาช่วยเจ้าภาพจัดงาน ตามแต่สถานะมากบ้างน้อยบ้าง สมเด็จพระพี่นางทรงเป็นที่รู้จักของคนทั้วทั้งแผ่นดิน 60+ล้านคนคงไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ทั้งหมด 60+ล้านคงไม่มีโอกาสใส่ซองร่วมช่วยงานได้ทั้งหมด การใช้ภาษีจึงเปรียบเหมือนเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศร่วมด้วยช่วยกันจัดงานถวายพระองค์ท่าน หากคิดตามอัตราส่วนโดยเฉลี่ยแล้ว เราทุกคนร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในการนี้เพียงคนละ ไม่ถึง 3บาท ช่างน้อยนิดเมื่อเปรียบกับสิ่งที่พระองค็ทรงทำเพื่อพวกเราทุกคน ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้านายทำอะไรแล้วจะดีไปหมด ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่เป็นนิจ ถ้ายเป็นเจ้านายทำสิ่งใดแล้วถูกเห็นชอบทั้งหมดแล้ว คงไม่ความคิดเห็นที่พวกเราได้อ่านข้างบนนี้ป็นแน่ แต่ความดีนั้นเกิดจากสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้เห็นประจักษ์ไปทั่ว ต่างคน ต่างความคิด พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เกี่ยวกับเรื่องบัวสี่เหล่า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะมีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ใจกว้างกันอีกนิด คิดพิจารณาหลายๆมุม อาจจะได้พบสิ่งที่ไม่เคยรู้และแอบซ่อนอยู่ จากคุณ : Pook - [ 22 ม.ค. 51 20:22:53 A:121.221.217.222 X: TicketID:166220 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เอาเป็นว่าคนที่ไม่เห็นด้วย คุณอะไรต่างๆนั่น ก็ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเอาแล้วกัน ว่ารู้สึกเสียดายและไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ในพระราชพิธีนี้ ก็เสนอวีธีการจัดการของคุณไป แต่อย่าให้ถึงขั้นกับต้องลงประชามติหรือทำประชาพิจารณ์ ว่าจะอนุมัติงบประมาณก้อนนี้เป็นค่าใช้จ่ายในงานพระเมรุไหม เพราะในความรู้สึกคนไทยอย่างดิฉัน มันดูน่าเกลียดมาก หากจะให้รัฐบาลจำกัดงบประมาณถวายเพียงส่วนหนึ่ง ทีเหลือให้พระประยูรญาติออก ก็เป็นเรื่องน่าเกลียดมากเหมือนกัน หากจะทำถวายก็ต้องทำถวายให้ครบถ้วนทั้งหมด ดังนั้นหากรัฐบาลไม่ออก ก็ควรที่จะไม่ออกเลย แต่ก็ต้องเป็นธุระในการเรี่ยไรเงินจากประชาชนที่สมัครใจจะถวาย ซึ่งแค่พระประยูรญาติ และเศรษฐีทั้งหลายที่จงรักภักดี ก็หลายร้อยล้านแล้วล่ะดิฉันว่า รวมกับชาวบ้านทั่วไปที่ออกถวายคนละเล็กคนละน้อยตามกำลังทรัพย์ก็เป็นนับพันล้านทีเดียว เพราะดิฉันทนไม่ได้เลย ที่จะมีคนมาวิจารณ์ว่าเสียดายเงินภาษีประชาชนที่เอาไปใช้ในพระราชพิธีพระศพ ฉะนั้นจึงอยากให้คุณทำอะไรจริงๆเสียที จะดีใจมากถ้าคุณดำเนินการทำอะไรจะแจ้งนายกก็ทำไม ไม่ต้องมานั่งพูดอยู่นี่ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าคุณทำสำเร็จดิฉันก็ดีใจ จะได้ไม่ต้องมาได้ยินใครบ่นเสียดายเงินภาษีอีก เพราะฟังแล้วมันหดหู่ใจมาก ไม่ทราบเอาอะไรคิดกัน ก็ในเมื่อท่านทรงเคยให้กับชาติบ้านเมือง ถ้าจะคิดเป็นเงินที่เคยพระราชทานในพระกุศลสาธารณะ ก็มากกว่า ๑๗๕ ล้าน ยังไม่นับพระกรุณาคุณยิ่งใหญ่อื่นๆอีก และเป็นช่องทางที่จะบำรุงศิลปกรรมของชาติ มันก็เป็นสิ่งที่เกินคุ้มค่าที่จะสร้างที่เผาศพที่มีมูลค่าสูงอย่างนั้น และคุณอย่าเอาฝรั่งมาเป็นบรรทัดฐานเลย ฝรั่งกับไทยไม่เหมือนกัน เจ้านายฝรั่งสิ้นพระชนม์จะไม่มีพระราชพิธีที่ต้องลงทุนอย่างนี้ ก็เป็นการสมเหตุสมผลสำหรับฝรั่ง เพราะฝรั่งไม่มีการสร้างสิ่งก่อสร้างที่เป็นสุดยอดทางสถาปัตยกรรมของชาติในงานถวายพระเพลิงพระศพเจ้านาย ไม่มีราชประเพณีอย่างเรา ที่จะต้องสืบทอดรักษามรดกของชาติส่วนรวม และมันเป็นความคิดของคนไทยที่จะจัดงานให้ใหญ่โต ตอบแทนพระคุณผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายในงานศพ ซึ่งฝรั่งไม่มีความคิดอย่างนี้ แล้วก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปคิดตามฝรั่ง ไม่ใช่ว่าความคิดของฝรั่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เรื่องตอบแทนพระคุณชั่วลูกหลานไม่สิ้นสุด เพราะพระบูรพก ษัตริย์ไทยท่านทรงพระคุณยิ่งใหญ่กว่ากษั ตริย์ฝรั่งมาก เรียกว่าหากไม่พีพระบู รพกษัตริยาธิราชเจ้าในอดีต ก็ไม่อาจมีไทยในวันนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านจึงส่งผลเป็นประโยชน์สุขถึงพวกเรา ในปัจจุบัน และคนไทยเรานับถือพระพุทธศาสนา จึงยึดมั่นในความกตัญญูมาก ดังนั้นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงสถิตย์ในใจไทยทุกสมัยตลอดมา ซึ่งฝรั่งไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา ความกตัญญูสำนึกในพระคุณคน ไม่มากมายเหมือนกับไทยเรา ดังนั้นหากคุณจะอ้างฝรั่งคุณก็ควรไปเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ แล้วก็ย้ายไปอยู่กับพวกชาติตะวันตกเสียด้วยเลย แล้วสถาบันพระมหาก ษัตริย์ของไทย ก็อยู่คู่กับชาติมาช้านาน ลัทธิเทวราชที่รับมาในสมัยอยุธยา ซึ่งพวกคุณเห็นตามความเห็นของฝรั่งว่าเป็นเรื่องเลวร้าย แท้จริงเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลการปกครองของไทยในสมัยนั้นที่สุด ทำให้อยุธยาเป็นราชธานีที่เจริญรุ่งเรืองอยู่หลายร้อยปี และทำให้รัตนโกสิทร์เป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ ก็เพราะพระมหากษัตริ ย์เป็นสมมุติเทพ คนไทยเรานี่มักจะเพี้ยนๆแม้จะนับถือพระพุทธศาสนา ก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกหลายประการที่ทำให้เราเป็นอย่างฝรั่งไม่ได้ เป็นอุปนิสัยที่ไม่ค่อยดีของคนไทย ดังนั้นจะเอาปุถุชนมาปกครองกันเองก็ไม่ค่อยสำเร็จ ต้องอาศัยพระนารายณ์อวาตารลงมาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จึงทำให้บ้านเมืองไปได้ ไม่เหมือนฝรั่งที่เขาไม่จำเป็นต้องมีสมมุติเทพ เขาก็สามารถก้าวหน้าไปได้ จนปัจจุบันสถาบันพระมหากษัตริ ย์ ก็ยังเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนชาติ จากคุณ : ธ - [ 22 ม.ค. 51 21:26:54 A:117.47.9.151 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ผมไม่ได้ต่อต้านการจัดพิธีนะครับ ผมแค่รู้สึกว่า งบประมาณขนาดดังกล่าวมาในงานที่เป็น "ส่วนตัว" ขนาดนั้น (งานศพเป็นพิธีของส่วนตัว ของครอบครัว) นั้น questionalble และ debatable นะครับ เช่น 175 ล้านนั้นเป็นงบจากส่วนไหน? จากส่วนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่าเป็นเงินของรัฐอยู่แล้ว หรือว่าเป็นเงินที่รัฐให้แยกต่างหาก? นอกจากนี้ ที่ผมเห็นว่าเราควร exclude เรื่องใครทำดีขนาดไหนออกไปจากเหตุผลสนับสนุนการจัดพิธี เพราะหากเป็นเช่นนั้น สมาชิกในราชวงศ์ที่ (คนส่วนใหญ่เห็นว่า) เป็นคน "ไม่ดี" นั้น รัฐก็ไม่ต้องจัดสรรงบประมาณให้หรือครับ? รัฐจะจัดสรรงบให้กับพิธีเหล่านี้ตามแต่ "ความนิยม" ของคนหรือครับ? จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 22 ม.ค. 51 22:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าคิดว่าเอาเงินภาษีประชาชนไปแล้วไม่เกิดคุณค่าลองมองอีกมุมบ้าง เราเป็นคนหนึ่งที่เสียภาษีจำนวนเงินสูงมากพอสมควรต่อหนึ่งปี(หลักแสน) เป็นเวลาสิบปี ยินดีถวายเงินส่วนนี้เป็นพระราชกุศลค่ะ จากคุณ : ถามคนเสียภาษีบ้าง (ryusanmory) - [ 22 ม.ค. 51 22:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องบอกครับ ๕๕๕ คุณ เพราะผมไม่มี Time Machine ถ้าได้เล่นแล้ว  ผมเล่นไม่ยอมเลิกเสียด้วยสิ จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 22:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 106 คุณฮกหลงฯ ผมว่าคุณควรเปลี่ยนชื่อ ตั้งแต่กระทู้รับบริจาคของน้องซึ่งป่วยที่เชียงใหม่แล้วละครับ ผมว่า  จะเสื่อมเสียชื่อท่านอาจารย์แซ่จูกัดเสียเปล่าๆ ครับ เกลือกว่าอีกร้อยปีพันปี ลูกหลานเข้ามาดูอาจมีบางคนเข้าใจผิดก็เป็นได้นะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 22:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เอ่อ...คุณกัมม์ครับ...กระทู้รับบริจาคอะไรนั่นผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ --"a จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 22 ม.ค. 51 22:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 108 อ้าวเหรอ  งั้นที่สีลมคงเป็นฮองซูดอกกระมัง ยังไงก็ควรเปลี่ยนขอยืนยันครับ ควรใช้ชื่อที่ไม่ควรสื่อถึงท่านผู้อื่น (เช่น ลูกแม่โดม) เพื่อลูกหลานอีกร้อยปีพันปีบางคนจะได้ไม่เข้าใจผิดครับ (เพิ่มวรรค ๒) แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 51 23:26:07 จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 23:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 109 สำหรับไทยเราการถวายพระเพลิงเจ้านาย ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นบุคคลสำคัญของชาติบ้านเมือง การสิ้นพระชนม์เป็นการสูญเสียของแผ่นดิน พระราชพิธีพระศพทั้งสิ้นก็ถือเป็นงานสำคัญของแผ่นดิน ที่ประชาราษฎ์ทั้งปวงจะทำถวายฉลองพระเดชพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย และแล้วกัน หากไม่ให้เอาเหตุผลด้านคุณูปการที่ทรงมีต่อประเทศชาติ มาเป็นเหตุผลสนับสนุน งั้นก็ต้องบอกคุณว่าหากจะไม่ให้คำนึงถึงเหตุนี้แล้ว ก็ให้ค้านเอาในงานพระเมรุคราวอื่น อย่าเพิ่งมาค้านในคราวนี้ เพราะเหตุผลนี้มันเป็นความคิดหลักในการทำพระเมรุถวายอยู่แล้ว ก็ลองรอในคราวอื่นก็มีแนวความคิดเช่นเดียวกัน ว่าสมเด็จพระบรมวงศ์ซึ่งทรงสิ้นพระชนม์ไปปทรงคุณต่อชาติ จึงต้องทำการถวายพระเพลิงถวายให้สมพระเกียรติ และเป็นการสนองพระกรุณาธิคุณเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหากคุณไม่เห็นด้วยก็ค่อยมาเถียง และหากเป็นตามนั้นจริง ก็คงไม่มีใครยกเหตุผลนี้ขึ้นมาอ้าง แต่ในเวลานี้อย่าเพิ่งพูด จากคุณ : ธ - [ 22 ม.ค. 51 23:27:17 A:117.47.9.151 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณกัมม์ยังไม่เลิกฟั่นเฟือนสับสนเรื่องคุณฮกหลงในกระทู้น้องคนป่วยอีกเรอะ 175 ล้าน ไม่เห็นแปลกตรงไหน ทำถวายท่านไม่เป็นไร แต่ที่แปลกคือพาดหัวไม่ใช่เหรอครับ "พระเมรุเป็นพระโกศ" ผมล่ะงง พระเมรุคือพระเมรุ พระโกศคือพระโกศ เกี่ยวกันตรงไหน กระทู้นี้ปัญหาอยู่ที่นักข่าวเขียนผิดไม่ใช่เหรอครับ ประเด็นน่ะ หลงทางไปออกอ่าวตังเกี๋ยกันแล้วกระมัง จากคุณ : โกฏิดารา - [ 22 ม.ค. 51 23:33:32 A:125.25.84.73 X: TicketID:163406 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ปล. งานพระบรมศพควีนมัม หรืออดีตกษัตริย์คอนสแตนตินแห่งกรีซ รัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลกรีซก็รับหน้าเสื่อจัดให้สมพระอิสริยยศนะครับ ตั้งแง่กันทำไมอ่ะ มันคนละประเด็นกัน จากคุณ : โกฏิดารา - [ 22 ม.ค. 51 23:36:28 A:125.25.84.73 X: TicketID:163406 ]

ความคิดเห็นที่ 112 คุณ ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร ครับ คห 103 นะ เรื่องพิธีนี้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะครับ อย่าเข้าใจผิดนะครับ งานศพเป็นพิธีของส่วนตัว ของครอบครัว<<< อันนี้ถูกครับ แต่สำหรับเรื่องนี้ เป็นพระราชพิธีครับ ไม่ใช่ เป็นเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการเคารพอย่างสูง เคารพในคุณงามความดี เคารพในสิ่งที่พระองค์ท่านทำมาตลอด 60 ปี และเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก แน่นอนว่าตั้งแต่ก่อนที่ผมและคุณจะเกิดซะอีกนะครับ   ทุกวันนี้ผมทำงาน รายได้ผม ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีหรอกครับ รายได้ก็พอกินพอใช้ไปเดือนๆ เท่านั้นเอง แล้วถ้าถามว่าผมทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง ผมสอนให้นักเรียนของผมเป็นคนดีครับ และทุกวันนี้ ผมก็บอกนักเรียนว่า สังคมไทยเรากำลังเสื่อมลงทุกที ขอให้ทุกคนช่วยๆ กันทำให้มันดีขึ้น ทำคนเดียวไม่ได้ พวกเราต้องช่วยกัน ใครทำอะไรได้ ก็ทำไป อย่าไปคิดว่าทำไมเราทำอยู่คนเดียว คนอื่นไม่ทำบ้าง น่ล่ะครับ สิ่งที่ผมพอจะทำให้ประเทศชาติได้บ้าง จากคุณ : กริชครับผม - [ 22 ม.ค. 51 23:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 113 อืม นอกประเด็นจริง ๆ ขอสรุปอะไรนิดหน่อย ผมว่า เอาเข้าจริง ๆ แล้ว คงเป็นเรื่อง "ปกติ" สำหรับประเทศที่ยังมีราชวงศ์อยู่ ที่รัฐต้องออกเงินจัดสรรงบประมาณสนับสนุนพิธีการเหล่านี้...หรือแม้แต่พิธีการไหน ๆ ปัญหาของผมอยู่ที่ "ที่มาที่ไป" ของงบประมาณเหล่านี้มากกว่าว่า เอามาจากไหน? ใช้จ่ายอย่างไร? ไปจนถึง การเปิดพื้นที่ให้ debate หรือตั้งคำถามกันว่า งบประมาณส่วนนี้เป็นการใช้จ่ายอย่าง "มีเหตุผล" หรือไม่? และ...อย่างที่เขียนไว้ในคห.ต้น ๆ หากรัฐไทย (รวมถึงราชสำนัก) ต้องการที่จะ consistency โฆษณาสิ่งที่เรียกว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" เนี่ย การใช้จ่ายดังกล่าวจะเป็นภาวะลักลั่นหรือไม่ หรือจะเป็นการยืนยันว่า สุดท้ายแล้ว เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเพียงเรื่องของชนชั้น? ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่มีคำตอบสุดท้ายจริง ๆ ครับ จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 22 ม.ค. 51 23:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ผมก็กัดเขาไปทั่วนั่นแหละคุณ โกศดาว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสักนิดเลย จะออกอ่าวก็ช่างผมปะไร งานนี้เป็นงานส่วนรวมของคนที่ที่ได้รับพระกรุณาธิคุณทางตรงทางอ้อม ยกเว้นบางคนที่มันว่า "งานที่เป็น "ส่วนตัว" ขนาดนั้น (งานศพเป็นพิธีของส่วนตัว ของครอบครัว)" ประเด็นของผมไม่เคยเกี่ยวกับกระทู้ ไม่ว่ากระทู้ไหน (แบบนี้) เจอกันหลายทีในกระทู้แบบนี้ก็น่าจะรู้นี่  หรือไม่รู้ก็รู้ซะ เมรุกับโกศใครจะไม่รู้  นอกจากพวกฟ้าเดียวกัน มันบอกว่าเป็นอาจารย์หน่อย..ก็ซื่อบื้อตามมันไป เรียกตัวเองว่าผู้ฉลาด  คนอื่นเป็นผู้ฉลาด' เคยได้ยินพวกคุณว่า "อำนาจของกะลา ทำให้คนที่อยู่ข้างในคิดว่ที่นั่นคือข้างนอก" ผมมียุทธศาสตร์ของผม  ว่าแต่มากันครบหรือยัง จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 51 23:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 115 งานศพไม่ว่าชนชั้นไหน เขาก็ไม่เอาเรื่องพอเพียงมาเกี่ยวข้องหรอก ต่างก็อยากจะจัดให้เต็มที่ที่สุด เพื่อเป็นการอุทิศกุศลและเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ตอบแทนผู้ตาย แต่ก็พอเพียงที่สุดแล้วสำหรับพระเมรุในปัจจุบัน เราทำอย่างประหยัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่แล้ว เราไม่สามารถจะลดขนาดองค์ประกอบหรือรายละเอียดต่างๆของพระเมรุให้น้อยลงกว่านี้ได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะทำไปทำไม การใช้จ่ายในครั้งนี้ ก็มีเหตุผลดังที่ความคิดเห็นต่างได้เรียนคุณไปมากมายอยู่แล้ว คงไม่ต้องสาธยายซ้ำ และกรุณาพยายามอย่าใช้คำภาษาต่างประเทศเลย ภาษาไทยเราก็ร่ำรวยถ้อยคำ ไม่จำเป็นก็อย่าไปยืมภาษาต่างประเทศมาใช้ หรือหากจำเป็นก็เลือกเอาภาษาบาลี สันสกฤต หรือเขมร เหมือนดังที่โบราณนิยมยืมมาใช้เถิด ฟังไพเราะกลมกลืนกับภาษาไทยเรากว่าคำฝรั่ง จากคุณ : ธ - [ 23 ม.ค. 51 00:11:51 A:117.47.9.151 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 116 แซวกันขำๆตามประสาคนเห็นกันบ่อยๆน่า คุณกัมม์ คุณจะล้างเวรด้วยการจองเวรกับพวกแค้นฝังเวรทำม้าย จิตตกเปล่าๆ กรณีผมเห็นด้วยกะคุณกัมม์นะ รัฐพิธีกับพระราชพิธี จัดให้สมพระยศเป็นเครื่องแสดงรากเหง้าวัฒนธรรม มันก็พอเพียงในระดับที่พอเพียง ยกเว้นถ้าจะประโคมเครื่องทองตามโบราณราชประเพณีครบเซ็ตแบบสมัยปางพระเจ้าเหานั่น ก็อีกเรื่อง ในหลวงท่านก็ทรงตัดทอนให้เหมาะสมลงมาเยอะแล้ว ต่างคนต่างคิด ไปถือมากก็หดหู่ คุณกัมม์รับสนองเบื้องพระยุคลบาทมาก็ปูนนี้แล้วนา ว่าไป อมยิ้มผมทำไมยังไม่ได้คืนหว่า ปล. ขอบคุณที่ฉลองยศผมถึงขั้นโกศบนดวงดาว ผมมิอาจเอื้อม จากคุณ : โกฏิดารา - [ 23 ม.ค. 51 00:25:50 A:125.25.84.73 X: TicketID:163406 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ไม่เคยคิดจะเสวนากับคนพันธุ์นี้สักทีคุณ โกศดาว เพราะรู้อยู่ว่าไร้ประโยชน์ อธิบายเรื่องนี้มันก็ไปเรื่องนั้น เลิกมานานจ้ะ  แบบนี้ดีกว่ากำหนดยุทธศาสตร์เป็นยุทธวิธี ผมมีความสุขกับยุทธวิธีแต่ละสมรภูมิ  ไม่คิดเป็นเรื่องจิตตกสักที อีกอย่างหนึ่ง  เสียดายที่ได้เห็นคุณ โกศดาวในอาศรม คำว่า "เครื่องทอง" ในความคิดเห็นนี้ดูไม่สมกับอาศรมเลย พระลองเงินที่เห็นว่าเป็นทอง ทำด้วยทองหรือเปล่า "พระเมรุมาศ" ทำด้วยทองหรือเปล่า "เครื่องประโคมทอง" ทำด้วยทองหรือเปล่า การครั้งนี้ไม่ได้มีพระราชดำริจะลดพระเกียรติยศแม้แต่น้อย เหมาะสมกับพระเกียรติยศ "สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงฯ" ทุกประการ เสียดายฝีปากครับ ยังย้ำอยู่เหมือนเดิมครับ โคตรเง่าสักหลาดอ้ายอีพวกนั้น  มันทำอะไรเพื่อแผ่นดินบ้าง อย่างน้อยก็น่าจะหาความรู้ใส่ตัวบ้าง  เกลือกวันข้างหน้าจักได้ไม่เป็นภาระ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 51 02:35:38 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 51 02:18:34 จากคุณ : กัมม์ - [ 23 ม.ค. 51 02:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 121 หึหึหึหึ จากคุณ : กัมม์ - [ 23 ม.ค. 51 02:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 124 นี่แหละครับ ความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในปัจจุบันที่เริ่มมีความเห็นแตกต่างกันมากยิ่งขึ้นในทุกๆเรื่อง แล้วต่อไปล่ะ? จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 23 ม.ค. 51 06:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 125 มันก็จะมีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆครับ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะชนะขาด พลัง อนุรักษ์นิยม หรือ เสรีนิยม เชียร์ฝั่งไหนก็เลือกกันเองเองแล้วกัน ผมสนับสนุนสังคมที่ซับซ้อนมากกว่าสังคมเชิงเดี่ยว และเชื่อว่ายังไงมันก็จะไปในทางนั้นไม่ช้าก็เร็ว สังคมที่คิดเหมือนกันทุกคน มองไปมองมาทางเดียวที่จะเป็นได้มันก็คืออาตมันของพราหมณ์เขานั่นเอง จากคุณ : Nexus - [ 23 ม.ค. 51 08:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คิดไว้อยู่แล้วว่ากระทู้นี้ hot แน่ๆ เป็นสงครามในห้องที่มีเสมอๆ เวลามีหัวข้อทำนองนี้ ว่าแต่ขอให้ข้อมูลเรื่องภาษีหน่อยเถอะครับ คือ หลายๆท่าน (รวมทั้งผม) ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็จริง แต่ทุกๆท่านในประเทศนี้ล้วนเสียภาษีทุกคนแหละครับ เวลาไปกินข้าวตามร้านแล้วเห็นในใบเสร็จว่า vat 7% ไหมครับ นั่นแหละครับ คุณเสียภาษีไปแล้ว สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ขนมนมเนยต่างๆ มันมีค่าภาษีอยู่ในนั้นแล้วทั้งนั้น ดังนั้นเงินภาษีคือเงินของประชาชนทุกคนครับ ไม่ใช่เป็นเงินเฉพาะของผู้ที่เสียภาษีีเงินได้เท่านั้น ดังนั้นคนที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะไม่ใช่เจ้าของประเทศนะครับ เพราะเงินรัฐนั้นมีเงินของคุณอยู่ด้วยแน่ๆ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 51 09:54:11 จากคุณ : กระเทืองแก่ (Mascagni) - [ 23 ม.ค. 51 09:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เอ้า...หายเกลี้ยงเลย. กลายเป็นพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว จากคุณ : กัมม์ - [ 23 ม.ค. 51 10:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ใครที่เห็นว่าเปลืองก็รวบรวมสมัครพรรคพวกทำเรื่องเสนอรัฐบาลไปสิครับ  ว่าไม่เต็มใจที่จะจ่ายภาษีเพื่อราชวงศ์  ขอให้คืนภาษีย้อนหลัง   หรือถ้ายังไม่ถูกใจ ก็ทำตัวเองให้มีอำนาจ ทำไงก็ได้ แล้วก็ก่อกบฏไปเลย ถ้ารุ่นคุณยังทำไม่ได้ รุ่นลูก หลาน ..  ก็ปลูกฝังแนวคิดของคุณซะ   มันต้องสำเร็จเข้าสักวัน จากคุณ : ซัดกันจนแหลก - [ 23 ม.ค. 51 11:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 129 พระองค์เป็นเจ้านายที่ดี  ทรงงานเพื่อประชาชนก็มากมาย  ทำครั้งสุดท้าย เพื่อพระองค์ให้สมพระเกียรติยศจะเป็นไรไปคะ อีกทั้งยังรักษาประเพณีที่ดีงามไว้ให้ลูกหลานได้ดู  เงินเท่านี้ไม่ได้มากมาย อะไร  อย่าทะเลาะกันเลย  มองยาวๆดีกว่า จากคุณ : bolton fanclub - [ 23 ม.ค. 51 13:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 130 มาเฝ้าดู เห็นคุณกัมม์  มาแระ สบายใจ จากคุณ : juniorfish - [ 23 ม.ค. 51 14:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 131 โอวว เวทีนี้ไม่แหล่ม กรรมการร่วมวงด้วย มัดมือ รวบหัวรวบหาง ชกข้างเดียวแบบนี้ ไม่มันส์ เจอกันเวทีอื่นแระกัน ตากัมม์ จากคุณ : คำประสิทธิ์เต็ด - [ 23 ม.ค. 51 14:51:21 A:203.146.148.130 X: TicketID:166281 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ก็เพราะพระองค์ท่านดีน่ะสิคะ ถึงต้องช่วยปกปัองพระเกียรติของท่าน เราก็เลยจำเป็นต้องทะเลาะกับพวกพูดไม่รู้เรื่อง อ่านไม่ละเอียด อธิบายเท่าไรก็ไม่เข้าใจ หรือแกล้งไม่เข้าใจก็ไม่ทราบ  ปกติไม่อยากเปลืองตัว เปลืองแรงเสียเวลาแบบนี้หรอก   ถ้าเห็นว่าอะไรที่เป็นประเพณีเปลืองภาษี ก็ร้องเรียนรัฐบาลไปให้เลิกให้หมดเลยนะ งานปีใหม่ งานสงกรานต์ งานลอยกระทง ใช้ภาษีเหมือนกัน เราก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวงานพวกนี้เลยเหมือนกัน หมายถึงงานที่รัฐจัดนะ งานพระราชพิธีพระศพก็เป็นประเพณีอย่างหนึ่งเหมือนกัน เป็นการสืบสานศิลปวัฒนธรรม เป็นประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง อีกร้อยปี คนมาดูภาพยนตร์งานนี้ ก็ได้ศึกษา  อธิบายจนเหนื่อย ยกพระกรณียกิจมาเล่า ยกตัวอย่างร้อยแปด ย้ำว่า ไม้ยืนต้นตายๆๆๆๆๆๆ  ก็ยังไม่เข้าใจ เถียงอยู่นั่นแหละ บางคนยังไม่รู้ตัวว่าเข้าใจผิดตรงไหน พูดมาได้ไงว่า ท่านไม่ได้ทรงงานอะไร เห็นแค่ในหลวงที่ทรงงานหนัก ที่ต้องให้เกียรติเพราะเป็นพี่ในหลวงแค่นั้น ไม่รู้ไปอยู่หลังเขาที่ไหนมา หรือมืดบอดทางปัญญา ถ้าคุณเจอคนประเภทนี้ คงเย็นไม่ไหวหรอกค่ะ ก็เลยขอทะเลาะหน่อยเถอะ หวังว่าคงจบแล้วนะ เบื่อจริงๆ จากคุณ : ลดาดาว - [ 23 ม.ค. 51 15:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ผมกลับเข้ามาอ่านอีกที ...โอ้โห มันมาก เสียดายไม่ได้ร่วมรบด้วยคน เอาเฉพาะที่พาดพิงผมก็แล้วกัน คุณนักขายหมู: ที่ผมเขียนไว้ข้างบน ที่รัฐบาลสมัยนั้นกราบบังคมทูลพระองค์ท่านว่า ถ้าจะจัดงานถวายพระเพลิง พระองค์วไลยฯ  สมเด็จต้องพระราชทานเงินค่าทำเมรุมาให้ เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน ที่คุณบอกว่าดีมากๆ เลยนั่นนะ คุณรู้ไหมว่าจุดจบของอีตานายกคนที่กราบบังคมทูลนั้น ไปตายอยู่ที่ประเทศไหน? น่าสังเวช ที่ไพร่อยากจะเป็น ก___ ซะเอง พยายามทำตั้งหลายอย่าง สุดท้ายแม้แต่ตายในเมืองไทยยังทำไม่ได้เลย จากคุณ : ciri - [ 23 ม.ค. 51 15:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เอ่ออออ... จากคุณ : หนุ่มใจY - [ 23 ม.ค. 51 17:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 135 สวัสดีทุกๆท่านครับ ผมเองก็แปลกใจไม่น้อย ว่าWM มีหลักเกณฑ์อย่างไรในการยึดอมยิ้มผม เพราะ คห ผมยังอยู่ดี แต่ อมยิ้มผมดันโดนยึดไปเสียได้ คุณ ciri คงหมายถึงจอมพล ป. แต่เท่าที่ผมเปิดดู นายกในสมัยนั้นน่าจะเป็นพระยาพหลพลยุหเสนา ท่านคนนี้ในบั้นปลาย ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบ ทั้งๆที่มีอิทธิพลไม่น้อย ไม่เป็นไร พูดถึง จอมพล ป.ก็ได้ จอมพล ป. ตายที่ญี่ปุ่นครับ แล้วอย่างไรกัน คนตายนอกประเทศนี่เป็นผู้แพ้ทางการเมือง นี่ชัดเจนอยู่แล้ว ผมไม่เถียงว่าจอมพล ป.มีนโยบายเพี้ยนๆมากมาย ถ้า จอมพล ป.มีอำนาจนานกว่านี้คนไทยคงได้ เบนิโต มุสโสลินี อีกคน แต่การตายนอกประเทศของเขา มันไปเกี่ยวอะไรกับความถูกต้องของการกระทำที่ผ่านๆมาของเขา ถ้าเอาแบบคุณว่า เจ้านายชั้นสูงมากๆพระองค์หนึ่งก็ตายเมืองนอก ดร.ป๋วย ก็ตายเมืองนอก ท่านเหล่านี้เป็นคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ ไหนลองว่ามา แล้วนายกรัฐมนตรีคนที่มีเมียน้อยเป็นกองร้อย ปราบปรามคนเป็นผักปลา (ผมจะไม่เล่าว่าใครหนุนหลังเขาแล้วกัน) นายกรัฐมนตรีคนนั้นก็ตายเมืองไทย แต่เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ก็ถูกยึดทรัพย์ ลูกเมียแย่งสมบัติเหมือนสุนัขหิว รายได้แค่เงินเดือนนายทหารกับนายก มีทรัพย์สินนับพันล้าน ผมรับไม่ได้กับการให้เหตุผลเพี้ยนๆแบบนี้ ปล. คนเราพลาดได้ แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียวครับ โอกาสแก้ตัวมีถมไป จากคุณ : นักขายหมูไม่มีอมยิ้ม - [ 23 ม.ค. 51 18:24:33 A:161.200.255.162 X: TicketID:166328 ]

ความคิดเห็นที่ 136 รู้สึกว่าที่ตัวเองเขียนไว้ในคห. 113 ยังขาดประเด็นไปอีกอย่าง ผมรู้สึกว่า การใช้เหตุผลจำพวก "เพราะท่านดี" มาสนับสนุนการจัดพิธีดังกล่าว เป็นการใช้เหตุผลที่ค่อนข้างอ่อน เพราะถ้าเช่นนั้น ผมมีคำถามต่อไปว่า สรุปแล้ว เราใช้ภาษี 175 ล้านไปเพราะ "ท่านดี" หรือเพราะท่านเป็นเจ้า? หากสมาชิกในราชวงศ์คนไหน "ไม่ดี" แล้ว รัฐไม่ควรออกเงินจัดพิธีให้กระนั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นหมายความว่า รัฐต้องออกเงินพิธีศพให้คนดีเท่านั้น? หรือคนดีที่รัฐต้องออกเงินสนับสนุนต้องเป็นสมาชิกในราชวงศ์เท่านั้น? นอกจากนั้นเนี่ย หากจะมองให้ลึกลงไป ความ "ดี" หรือ "ไม่ดี" เนี่ย เป็นเรื่องของมุมมอง และเรื่องของวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ได้มา shape ความเข้าใจหรือ "ดี" หรือ "ไม่ดี" ขึ้นมาในหลาย ๆ วัฒนธรรม...ไม่ต้องนึกถึงวัฒนธรรมของชาติ แค่คนสองคนมาจากพื้นฐานทางครอบครัวไม่เหมือนกัน ก็จะมีความเข้าใจต่อสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกันด้วย ดังนั้น ผมจึงรู้สึกแปลก ๆ หากเราจะนำ concept ที่พร่าเลือนเช่นนี้มาใช้สนับสนุน argument ว่า "เพราะท่านดี" "ดี" ของใคร? จากมุมไหน? แล้ว "ดี" สำหรับทุกคนรึเปล่า? เพราะว่า หากรัฐไทยยังยืนยันที่จะคงสถาบันกษัตริย์ไว้ การทำพิธีให้กับสมาชิกในราชวงศ์ควรที่จะทำโดย "ปกติ" โดยไม่เกี่ยวกับเรื่อง "ดี" หรือ "ไม่ดี" ปล. ผมไม่รู้สึกว่าเป็นการทะเลาะกับท่านไหนนะครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนต่างหาก ปล.2 หากจะให้สมาชิกในราชวงศ์ออกเงินเอง (ผ่านทรัพย์สินส่วนพระองค์) ในฐานะงานของครอบครัว...ก็จะเป็นความเปลี่ยนแปลงแบบที่ผมเห็นด้วย...แต่นั่นแหละ ผมทราบว่าคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น ผมจึงอยากทราบที่มาที่ไปของเงินของรัฐที่ไปสนับสนุนมากกว่าว่า เป็นงบของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ซึ่งรัฐเป็นเจ้าของและมีทรัพย์สินมหาศาล) หรือว่า เป็นงบที่รัฐจัดสรรให้อีกแยกต่างหาก? จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 23 ม.ค. 51 18:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 137 คุณฮกหลงครับ ผมว่ารัฐบาลท่านร่วมจัดพระราชพิธีถวายนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ เพียงแต่ในความเห็นของหลายๆท่านในที่นี้ รวมถึงผมด้วยเห็นว่าท่านดีครับ ความเห็นของพวกผมไม่ใช่รัฐบาลนะครับ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักของชาติ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวหนึ่งของบุคคลในชาติ หากไม่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ เราคงต้องตกเป็นเมืองขึ้นในยุคล่าอาณานิคมเป็นแน่ วัฒนธรรมทั้งหลายคงจะถูกกลืน ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดีนะครับ วัวควายไถนาให้เรา เรายังรู้ถึงบุญคุณ 60ล้านคนทำงานกันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ ผมยังคิดว่า แค่ 175ล้านเองเหรอ สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคนตรม คนหนึ่งตาแหลมคมเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย เลือเอาครับว่าจะเป็นที่มองเห็นโคลน หรือ ดวงดาว บัวสี่เหล่า ความรู้สึกนึกคิดย่อมแตกต่าง ขึ้นอยู่กับระดับสติ ปัญญาครับ จากคุณ : Pook - [ 23 ม.ค. 51 20:12:51 A:58.166.209.34 X: TicketID:166220 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผมคิดว่า ถ้านำเรื่องเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุมาโยงกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง  ผมคิดว่าคนนั้นไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงเอาเสียเลย  เพราะในหลวงท่านตรัสว่า "เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ใช้จ่ายใด ๆ เลย  ถ้ามีเราก็ต้องใช้  และให้ใช้อย่างเป็นประโยชน์"  ฉะนั้น  การสร้างพระเมรุในครั้งนี้มีคุณค่าและมีความหมายในทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก  การใช้เงินเพียง 175 ล้าน เพื่อสรรสร้างงานศิลป์ที่มีค่าเหนือเงินทองนั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากสำหรับประเทศไทยที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงไม่ควรเห็นเงินทองอันเป็นวัตถุเหนือผลที่ได้รับซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางสังคมและจิตใจ คนที่จะเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่ควรตีความทฤษฎีแบบแคบ ๆ หรือตีความไปในทางเศรษฐศาสตร์เพียงอย่างเดียว  แต่เราต้องมองในองค์รวมทางสังคมและวัฒนธรรมแวดล้อมด้วยว่า  สังคมวัฒนธรรมไทยนั้นมีสิ่งที่มีคุณค่าและเหนือกว่านั้นมาก ส่วนเรื่อง การจัดงานพระราชพิธีพระราชทางเพลิงพระศพนั้น  บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ก็แล้วแต่ ๆ ละคนจะคิดกันไป  แต่เราลองมาคิดดูว่า  งานศพไม่ว่างานไหน ๆ ทายาทผู้เสียชีวิตก็ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว  และแน่นอนงานนี้  ทางราชสำนักก็ต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย  โดยเฉพาะช่วงนี้  100 วันหลังจากที่พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์  ซึ่งเรียกว่างานหลวง  หลังจากนั้น  หน่วยงานของรัฐและคณะบุคคลก็ร่วมเป็นเจ้าภาพได้ตามที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชานุญาต  แต่กระนั้นในส่วนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ราชสำนักก็ออกค่าใช้จ่ายอยู่ดี จะบอกว่าท่านไม่ออกค่าใช้จ่ายไม่ได้ และประเด็นสำคัญ ก็คือ  ในส่วนของพระเมรุนั้นใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย  และแน่นอนก็คือ  ประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าภาพผ่านทางรัฐบาลซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชน เมื่อรัฐบาลเสนอว่าจะเป็นผู้ออกงบประมาณในจำนวนนี้ในการสร้างพระเมรุ  ก็เท่ากับว่า  ประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นผู้เสนอสร้างพระเมรุ ฉะนั้นจงภูมิใจ  และลองคิดดูว่า หารเฉลี่ยคนทั้งประเทศ 60 กว่าล้านคน  กับเงินจำนวน 175 ล้านบาท  ก็ตกคนละ 2 บาทกว่า ๆ ถึง 3 บาท เท่านั้นเองที่ร่วมเป็นเจ้าภาพ  ถ้าคุณไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ก็เขียนทำหนังสือส่งไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า ไม่เห็นด้วยที่จะเอาภาษีเราไปทำแบบนี้ ขอภาษีในส่วนของเราคืนมา จำนวนเงิน 2 บาทกว่า ๆ ถึง 3 บาท  เมื่อได้เงินภาษีในส่วนของคุณคืนมาแล้ว  คุณก็ไม่ต้องเข้ามาออกความเห็นหรือยุ่งเกี่ยวกับงานพระราชพิธีนี้อีก  เพราะเรื่องนี้เป็นส่วนเฉพาะที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยเท่านั้น จากคุณ : ซูรากัน - [ 23 ม.ค. 51 20:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ฮื้อ อ่านความเห็นสุดท้ายของท่านฮกหลงแล้วอดไม่ได้ต้องขอแจม การใช้"คุณงามความดี"ของคนที่เสียชีวิตมาตัดสินการจัดงานศพไม่ใช่จะไม่มีเหตุผลนะครับ อย่างผมหรือคุณฮกหลง เกิดมาอาจจะยังไม่เคยทำอะไรให้โลกต้องจดจำซักเท่าไหร่ แต่ตายลงเมื่อใดก็คงมีคนเศร้าโศกอยู่บ้าง และก็ต้องมีคนจัดงานศพให้กับเขาหละ อาจจะเล็กๆ มีที่นั่งไม่ถึงยี่สิบสามสิบที่ (เออ เพื่อนๆที่เรียนรุ่นเดียวกับผมมันก็คงมากันบ้างละ ที่ทำงานก็คงมีมาอีกหน่อย) สวดซักสามวันเจ็ดวันก็คงพอให้คนที่รักชอบพอกันมาเคารพอโหสิกันเป็นครั้งสุดท้าย แต่กับบางคนที่มีคนรู้จักมาก เคยทำบุญทำคุณก็คนไว้เยอะ ก็ต้องมีคนมาเคารพกันมากมาย ครั้งจะจัดเล็กๆ ยี่สิบสามสิบที่แบบเราๆ คงไม่ได้ ตั้งศพซักสัปดาห์หนึ่งก็คงไม่เพียงพอ ยิ่งเป็นคนใหญ่โต อาจจะมีอาคันตุกะจากต่างประเทศ มันก็เป็นหน้าเป็นตาของเจ้าภาพทุกๆคนและครับ ขืนจัดซอมซ่อเขาก็จะตำนิได้ ทีนี้คำถามที่ว่า ถ้าเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ควรจัดงานศพให้ยังงั้นสิ? ผมก็ว่าบางครั้งเราก็อาจจะคงยังต้องเจียดเงินจัดให้ (ค่าโสหุ้ยในสังคมบางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้) แต่เสียงนินทาว่าร้ายก็อาจจะมีเซ็งแซ่มากซักหน่อยไม่เหมือนกับที่จัดให้คนดี สำหรับงานพระศพของสมเด็จกรมหลวงฯ แล้วผมก็เห็นว่าเงิน 175 ล้าน นี่ไม่น่าเสียดายเลยที่จะต้องจัดงานพระศพให้สมพระเกียรติทั้งปวง อันที่จริงงานศพส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะทุกชาติทุกศาสนา ล้วนแต่มุ่งให้เกียรติแก่คุณงามความดีของผู้ตาย เหมือนเช่นที่ฝรั่งเขามักจะมีคำกล่าวไว้อาลัยให้ ส่วนของไทยๆเรา ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่อโหสิกรรมที่เคยทำๆกันมา สำหรับคนที่เคยจองเวรต่อกันมา จะได้ไม่ตามไปเกิดเป็นศัตรูกันทุกๆชาติ ดังนั้นถ้าเห็นแก่ผู้ตาย ไม่ว่าท่านจะรักหรือเกลียดผู้ตายก็ตาม อโหสิให้กันเถอะครับทั้งคนตายคนเป็น ทุกๆท่าน จากคุณ : กระเทืองแก่ (Mascagni) - [ 23 ม.ค. 51 20:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 140 จริงๆแล้วก็ไม่เชิงเป็นเพราะดีนี่ ใครว่าความดี เพราะคุณูปการนานัปการที่ทรงมีต่อชาติบ้านเมืองต่างหาก เราใช้เงิน ๑๗๕ ล้านไป เพราะเป็นไปตามปกติธรรมดาที่เคยเป็น ที่จะสร้างพระเมรุถวายสมเด็จพระบรมวงศ์ชั้นสูงที่ทรงพระคุณประเสริฐ ก็จะนับว่าทั้งเพราะที่ท่านเป็นเจ้านายชั้นสูงและพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านต่อประเทศชาติบ้านเมืองก็ได้ ก็อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ความดี ไม่ต้องมามองมาวัดลำบากอะไร แต่เป็นเพราะคุณูปการต่อชาติบ้านเมือง สิ่งที่ท่านได้ทรงทำไว้ ซึ่งเกิดผลเป็นรูปธรรมและสามารถจับต้องได้ ดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากจะให้พระประยูรญาติพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ใช้จ่ายในงานพระบรมศพทั้งหมด เพราะพระราชพิธีพระศพเป็นงานสำคัญของแผ่นดิน และสมเด็จพระบรมวงศ์ที่สิ้นพระชนม์ไป ก็ทรงพระคุณต่อชาติและประชาชนทั้งหลายมาก งานพระเมรุซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ทำอะไรฉลองพระเดชพระคุณถวาย อีกทั้งเป็นการบำรุงศิลปกรรมซึ่งเป็นมรดกส่วนรวมของชาติ จึงควรให้โอกาสประชาชนร่วมออกด้วย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีการเรี่ยไรเงินจากประชาชนที่ภักดี ให้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในการนี้ด้วย จะใช้แต่เฉพาะพระราชทรัพย์ซึ่งพระประยูรญาติทรงออกแต่เพียงส่วนเดียวไม่ได้ ส่วนที่มาของงบประมาณ ก็ไม่ได้มาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แน่นอน ไม่เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่ารัฐบาลเป็นเจ้าภาพ หากใช้เงินทรพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หากอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้แนะนำให้สอบถามไปที่รัฐบาลเอาเอง มาอยากรู้อยู่นี่ ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนแก่คุณได้ จากคุณ : ธ - [ 23 ม.ค. 51 20:37:22 A:117.47.129.189 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ด้วยความปรารถนาดี หลายกระทู้ ได้ให้คำอธิบาย แสดงความเห็นคล้ายๆ จนถึงขนาดซ้ำๆ กัน ซึ่งผมอ่านดูแล้วก็เป็นคำตอบที่ชัดเจน เหมาะสม แต่ดูเหมือนบางท่านจะไม่ได้ใส่ใจ ตระหนักถึงสิ่งที่หลายท่านพยายามจะสื่อ ส่วนตัวผมรู้สึกว่า บางท่านพยายามจะผูกเรื่องราว ให้คนมาทะเลาะด้วย เพื่ออะไร... เรื่อง "ดี" ของใคร? จากมุมไหน? แล้ว "ดี" สำหรับทุกคนรึเปล่า? ผมตกใจกับคำถามนี้มาก ในบางครั้ง เราควรคิดด้วยใจ คิดด้วยสำนึกในความเป็นไทย ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่งดงาม มีคุณค่า ควรจะธำรงไว้สืบไป หวังใจว่าบางท่านจะเข้าใจในสิ่งที่หลายท่านพยายามกล่าวมาสักที จากคุณ : มีดปลายแหลมในความมืด - [ 23 ม.ค. 51 20:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 142 เหนื่อยใจ  กลับมาที่เดิมอีกแล้ว วนอยู่นี่ ไม่ไปไหน เรื่อง ความดี วัดกันไม่ได้อีกแล้ว  เขาอธิบายกันไปหลายคนแล้วยังไม่ get อีก ดีวัดไม่ได้ หรือวัดได้ไม่เท่ากันแต่ละคน แต่ผลจากการกระทำก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่วัดได้  เราตอบไว้แล้วใน คห  54 ''อ้อ อีกอย่าง ถึงความดีจะวัดไม่ได้แน่ นิยามไม่ได้ชัด แต่ดูจากสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำตลอดพระชนมชีพ เราๆท่านๆทำอีก  10 ชาติก็ไม่ยังประโยชน์ได้เท่าท่าน เราดูที่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่ต้องวัดว่าอะไรดีไม่ดีหรอก คนไข้จนๆกี่คนรอดตาย คนไม่มีแขนขากี่คนได้มีแขนขาเทียม คนด้อยโอกาสอีกกี่คนได้เรียนหนังสือ ได้มาเป็นครูสอนเด็กต่อไป ดูที่ output outcome กันไปเลย'' พระองค์ท่านทรงเป็นพระอาจารย์หลายปี ทรงงานมูลนิธิโรคไต มูลนิธิแขนขาเทียม มูลนิธิ พอสว ที่ช่วยรักษาคนเจ็บป่วยในชนบทน่ะ ทรงรับคนไข้ยากจนมากมายในพระราชานุเคราะห์ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทรงสนับสนุนออกทุนการศึกษาให้นักดนตรีไทยไปศึกษาต่างประเทศด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทรงงานสานต่อโครงการทางการแพทย์สาธารณสุขสมเด็จพระราชชนนี  ยังมีอีกมากมาย  ดูที่งานที่ท่านทรงก็ได้ ไม่ต้องบอกว่า ดีหรือไม่หรอก คนที่รู้จักและช่วยเหลือคนมามากมายขนาดนี้ คนก็ต้องมางานศพมากเป็นธรรมดา จะให้จัดแค่สามวันเจ็ดวันคงไม่ได้  ประมุขประเทศต่างๆก็ร่วมอาลัย เผลอๆบางองค์อาจทรงมาร่วมงานก็ได้  จะให้จัดสวดสามวัน ขึ้นเมรุโกโรโกโสก็ดูยังไงอยู่นะ เป็นหน้าตาของประเทศด้วย   ส่วนคำถามที่ว่า "ดังนั้น ผมจึงอยากทราบที่มาที่ไปของเงินของรัฐที่ไปสนับสนุนมากกว่าว่า เป็นงบของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ซึ่งรัฐเป็นเจ้าของและมีทรัพย์สินมหาศาล) หรือว่า เป็นงบที่รัฐจัดสรรให้อีกแยกต่างหาก?" เราหาคำตอบมาให้แล้วนะ จากข่าวหนังสือพิมพ์ดังนี้   "'ด้านงบประมาณเพื่อการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา  กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณในเบื้องต้น จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 300 ล้านบาท" เป็นไงคะ ทราบที่มาที่ไปแล้ว จะทำยังไงต่อ จะส่งหนังสือไปประท้วงหรือคะ หรือให้ตรวจสอบความโปร่งใส ได้ผลยังไง กรุณามาเล่าความคืบหน้าเป็นระยะๆด้วยนะ  อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ถ้ารัฐบาลยอมยกเลิกและรับฟังเหตุผลของคุณ เราก็พร้อมยอมรับค่ะ  และจะช่วยกันตั้งโครงการให้ประชาชนที่รักพระองค์ท่านมาทูลเกล้าฯถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจัดงานถวายเอง   ถ้ามีปัญหาอะไรอีก ถามได้เลยนะ รอตอบอยู่ เราไม่ต้องทำงานทำการอย่างอื่นกันล่ะ พูดไม่เข้าใจเสียที แล้วก็ยังรออยู่นะคะที่จะฟังผลการร้องเรียนของคนที่คัดค้าน จะยอมรับผลทุกอย่างค่ะ ถ้าผ่านกระบวนการถูกต้อง รับรองไม่อุทธรณ์ค่ะ จากคุณ : ลดาดาว - [ 23 ม.ค. 51 22:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ถ้าคิดว่าไม่เห็นด้วยกับหรือแค่รู้สึกว่า เงินภาษีตรงนั้นที่จะต้องเสีย  (ถ้า 175 หาร 60 = 2.916 )  ผมยินดีออกให้นะ เอาเลขที่บัญชีมาเลย เดียวโอนให้ 10 บาทเลย แล้วกรุณาเงียบไปเลยนะ  ไม่น่าเชื่อเลย ยังมีคนไทยที่คิดแบบนี้อยู่ ถึงแม้ประเทศไทยไม่ได้ห้ามให้คิดแบบนี้ แต่ มันก็ไม่สมควรที่เอยออกมา จากคุณ : เด็กไร้สังกัด - [ 23 ม.ค. 51 23:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 144 รัฐบาลจะมีการตั้งงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเสมอมาค่ะ บางคนบอกว่าสงสัยกลัวเกิดซึนามิอีก แต่จริงๆแล้วก็มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาที่จะตั้งงบประมาณสำรอง สำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉินเมื่อมีงานพระบรมศพค่ะ จริงๆแล้วผู้ที่แย้งมา ประเด็นสำคัญคือเรื่องงานพระเมรุ ถ้าตอบไปอย่างนั้นเขาจะตอบกลับมาได้อีกว่า ทีงานพระบรมศพเจ้านายฝรั่งที่ไหนเขาก็ยังจัดเพียงไม่กี่วัน อย่างมากก็ไม่เกินสิบวัน ขบวนแห่พระศพก็ทำอย่างเรียบง่าย ฝังพระศพอย่างง่ายๆ ไม่ต้องก่อสร้างอะไร ดูสมเหตุสมผล จะยิ่งทำให้ยืดเยื้อต่อไปอีกค่ะ เช่นการที่ข้างบนบอกว่ามีนายกรัฐมนตรีคนนั้นได้ไปตายต่างประเทศ ก็ถูกย้อนเอาได้ว่าเจ้านายเราก็ไปสิ้นพระชนม์ต่างประเทศเหมือนกัน การจะตอบความคิดเห็นเหล่านี้ เราจะต้องระวังมากค่ะคุณลดาดาว และจริงๆแล้ว การสร้างพระเมรุดิฉันคิดว่ามันก็ไม่เชิงเป็นหน้าตาของประเทศ อย่าคิดว่ากลับมาเถียงกันเองนะคะ เป็นเพียงความคิดเห็น จากคุณ : ธ - [ 23 ม.ค. 51 23:24:06 A:117.47.129.189 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 145 คนมันมีอคติ พูดไปก็เหมือนสีซอ... ทำเป็นคุยกันด้วยเหตุผล แต่ไม่ยอมรับเหตุผลของคนอื่น.. อธิบายอะไรไปก็หาแต่เหตุผลสนับสนุนหลักการของตัวเอง... ทั้งๆที่เรื่องมันไม่ได้เข้าใจยากเลย... ปล่อยไปเหอะ.. เปลืองตัวกันปล่าวๆ... พูดไปก็คงไม่เห็นภาพอะไร... ถ้ามันจะเข้าใจมันก็คงเข้าใจไปตั้งแต่ความคิดเห็นต้นๆ แล้วแหละ... เสียเวลาทำมาหากินปล่าวๆ... จากคุณ : ตึ๋งนั๋งเกี้ยะ - [ 23 ม.ค. 51 23:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ไม่ได้ต้องการจะโต้เถียงกับใครนะครับ แค่อยากแสดงความคิดเห็นเฉยๆ คือ เท่าที่อ่านมาเนี่ย ทำให้ผมนึกสงสัยว่าความเป็นมนุษย์ของคนเราไม่เท่ากันเหรอครับ? เหมือนว่า ยังมีการแบ่งชนชั้น, ยังมีการให้คุณค่าสูง/ต่ำ กันอยู่เลย... เหมือนว่า ระบบสมมติเทพยังไม่หายไปจากสังคมไทยยังไงยังงั้น แต่เอาเถอะครับ สันดานคนไทยส่วนใหญ่มันเสื่อมการแยกแยะเหตุผลจนกู่ไม่กลับซะแล้ว (อ๊ะ สันดานไม่ใช่คำหยาบนะครับ) เอาเป็นว่า ผมจะไม่แตะต้อง "ท่าน" เหมือนที่คนอื่นเขาทำกันละกันครับ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนโจมตีเหมือนอย่างที่คุณฮกหลงฯโดนอยู่ ขอพูดเรื่องพระราชพิธีนิดหน่อยนะครับ เห็นเถียงกันว่า ใช้งบจากไหนกัน? คือ ผมเห็นว่า เรื่องงบมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยครับ แต่อยู่ที่เจตนามากกว่า เหมือนว่าจริงๆไม่ต้องจัดยิ่งใหญ่แบบนั้นก็เป็นพระราชพิธีได้ แต่จัดยิ่งใหญ่ไปทำไมกัน? เพราะว่าต้องการจะ "โหนราวจับ" หรือสร้างกระแสต่อไปงั้นเหรอ? พวกคุณน่าจะลองถามตัวเองดูนะว่า คนไทยส่วนใหญ่เศร้าใจจริงๆกี่คน และพวกคุณคิดว่าไม่มีคนไทยคนไหนเลยใช่ไหม ที่แค่อยากทำตามกระแสเกาะเจ้าเฉยๆน่ะครับ? ... แล้วพวกคุณเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นหรือเปล่า? เหมือนอย่างที่ผมเคยตอบไว้ในกระทู้หนึ่งเกี่ยวกับการโกรธแค้นเรื่องรูปพระพุทธเจ้าที่มีคนเอาหัวสุนัขไปติดว่า พวกคุณเป็นพุทธศาสนิกชนจริงๆ หรือแสร้งทำเป็นเฉยๆ เอาละครับ ผมไม่อยากโดนโจมตีเหมือนอย่างที่บอกไปแล้ว แต่จะขอยกกลอนไว้อาลัยท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์บทหนึ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มหนึ่งปิดท้าย เพื่อให้พวกคุณเห็นความแตกต่างของความตายต่างชนชั้นครับ ๏ ในความมืดที่เวิ้งว้างสว่างไสว มิมีเสียงอื่นใดในแผ่นหล้า มีเพียงคำสดุดีไร้ที่มา แม้เงียบนักแต่ทว่ากังวานดัง มิมีดอกเพลงกวีที่ขับขาน ให้โอฬารโอ่อ่าดูน่าขลัง มีก็เพียงเสียงกระซิบอันน่าฟัง เปี่ยมพลังของคุณค่าสามัญชน เมื่อแก่นสารของการลืมได้ปรากฏ การสละเกียรติยศบังเกิดผล ความทรงจำอันล้ำค่าของผู้คน อยู่ที่ตนรู้จักว่า”เป็นสามัญ” เมื่อไม่มีศักดินาหรือว่าเกียรติ ย่อมไร้ซึ่งการเหยียดหรือเยาะหยัน เมื่อละทิ้งสิ่งที่คนแสวงกัน ไม่ด้นดั้นค้นคว้าหาสิ่งใด เมื่อความตายมิได้กลายเป็นภาระ แต่เป็นการเสียสละและการให้ หากความตายเช่นนี้อยู่ที่ใด คือสัจธรรมอันจักไร้คำติติง มรณกรรมที่ล้ำค่ากว่าความตาย จึงย่อมมีความหมายกว่าทุกสิ่ง คือความดี ความงาม และความจริง ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์  ๚ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 51 23:38:13 จากคุณ : NHK - [ 23 ม.ค. 51 23:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 147 คุณ ธ คะ ถ้าเขาย้อนมาอย่างที่คุณกลัว เราก็จะตอบว่าประเพณีมันต่างกัน ฝรั่งกับไทย การจัดงานทั้งมงคล อวมงคล อะไรก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้วค่ะ มันเป็นประเพณีมานานแล้ว  ถ้าจะเปลี่ยนก็คงต้องใช้เวลา แต่จริงๆ เราว่า ท่านก็ทรงย่นย่อขั้นตอนอะไรต่างๆบ้างแล้วนะคะ ขนาดพระเมรุก็เล็กลงกว่าสมัยก่อน  คงประหยัดไปได้บ้าง ถ้าบางคนเขาเห็นว่าเปลืองนะ ส่วนที่เราว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ไม่ได้หมายถึงเชิงการท่องเที่ยว หรือโอ้อวดความร่ำรวยอะไรนะคะ เราหมายถึง ถ้าประมุขประเทศต่างๆเขามาร่วมงานหรือได้ดูข่าว ก็จะเห็นอารยธรรมวัฒนธรรมอันเก่าแก่งดงามของไทยค่ะ การจัดงานศพสำหรับฝรั่งเขาก็ยังมีความแตกต่างกันเลย  อย่างเจ้าหญิงไดอาน่าก็มีขบวนแห่ใหญ่โตกว่าฝรั่งสามัญชน มีพิธีในวิหาร มีการอ่านคำไว้อาลัย มีพิธีหลายขั้นตอน คนที่มาทำเป็นมีอุดมคติบอกว่าทุกคนเท่าเทียมกัน จริงๆแล้วเราก็ว่าเท่าเทียมกันค่ะ เพียงแต่มีตำแหน่งหน้าที่ต่างกัน ยิ่งสูง ก็ยิ่งมีภาระหน้าที่มาก แต่ความเท่าเทียมกันนั้นมันใช้ได้แต่ในทฤษฎีค่ะ  ในความเป็นจริงก็เห็นอยู่  ขนาดความเท่าเทียมกันในประเทศคอมมิวนิสต์ยังเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ  เขายังมีชนชั้น เพราะคนเรามีความรู้ความสามารถหน้าที่แตกต่างกัน  เราน่ะชอบหลักการของ Karl Marx มากนะ แต่ในทางปฏิบัติก็รู้อยู่ว่ายาก เพราะมนุษย์เรามีความโลภ ความบ้าอำนาจ มีกิเลส คุณ ธ คะ ถ้าเถียงกันด้วยเหตุผลเราชอบค่ะ ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด สนุกดี ได้ฝึกสมอง แต่ถ้าแบบปิดหูปิดตา ข้าถูกอย่างเดียว พูดเท่าไร ไม่รับฟังเหตุผล ก็ไม่ไหวค่ะ อ้อ เพิ่งเห็นที่คุณ  NHK เขียน น่าสนใจค่ะ เรื่องหัวหมา ตัวเราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ค่อนข้างมีศรัทธาสูง เรากลับไม่โกรธคนที่ทำค่ะ ถ้าต่างศาสนาวัฒนธรรม เพราะเขาอาจไม่รู้ ไม่เจตนา แล้วถ้าศาสดาของเราดีอยู่แล้ว คนจะมาใส่หัวอะไรให้ มันก็เป็นเพียงภาพลวงตา ความดีก็ยังคงอยู่อย่างนั้นเอง  มีใครมาทำลายความดีไม่ได้  แต่ถ้าเป็นชาวพุทธทำ เราก็ต้องพูดอะไรบ้าง ด้วยเหตุผลนะ เพราะเขาคงมีเจตนาบางอย่าง เช่น ท้าทาย ต่อต้านสังคม ต้องการสร้างความแตกแยก และเราก็เห็นด้วยเรื่องทุกคนต้องตายเหมือนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะสูงส่งแค่ไหน ที่เหลือไว้ก็แต่ความดี แต่งานศพเป็นสิ่งที่คนเป็นจัดให้นะคะ คนตายไม่ได้รู้ได้เห็นอะไรด้วย เขาอาจไม่อยากให้ใหญ่โตก็ได้ แต่เราไม่อาจรู้ได้ คนที่อยู่ข้างหลังต่างหากที่ต้องการให้เป็นยังไง  ส่วนใหญ่ก็จะจัดตามแบบแผนที่ครอบครัวหรือสังคมตนเคยทำมา เผอิญว่าสังคมของเจ้านายท่านเคยจัดงานในลักษณะนี้มาแต่โบราณ เราว่าถ้ามาตรฐานมีว่ามีแค่ขบวนแห่แล้วฝัง แบบฝรั่ง ท่านก็คงทำตามนั้นนะ (อย่างตระกูลเราเองก็มีแบบแผนในการจัดงานศพ ว่างานศพต้องจัดที่วัดนี้เท่านั้น ต้องนำกระดูกไปบรรจุที่วัดนี้เท่านั้น ทำมาเกินร้อยปีแล้ว  ก็ทำตามกันมา แต่ถ้าเราจะแหวกแนว โดยสั่งไว้ก่อนตายว่า ขอย้ายวัด เราว่าลูกหลานก็คงทำตาม ก็อาจเกิดมาตรฐานใหม่ก็ได้ แต่มาตรฐานที่เป็นระดับชาติมีมาหลายร้อยปี ถ้าจะเปลี่ยน อาจยากหน่อย ต้องใช้เวลา ถ้าจะปรับลด อาจพอไหว)   แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 51 00:21:12 จากคุณ : ลดาดาว - [ 23 ม.ค. 51 23:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 149 คนเราเท่ากันไม่ได้หรอก อาจจะใช่หากจะบอกว่าไม่แตกต่างกัน ที่เกิดมาเป็นคนมีลักษณะทางกายภาพคล้ายๆกัน แต่ทุกคนก็ย่อมแตกต่างกัน ไม่ใช่เพราะชนชั้นหรืออิสริยศักดิ์ แต่เพราะจิตใจและการกระทำของแต่ละคน ทำให้แต่ละคนมีคุณค่าสูงต่ำแตกต่างกัน ดิฉันก็สงสัยว่าถ้าความคิดเรื่องสมมุติเทพมันจะยังมีอยู่จริงๆ แล้วมันเป็นไร ถึงต้องเดือดร้อนกันนักดูรังเกียจกันเหลือเกิน พวกคุณนี่ไม่รู้บุญคุณของลัทธิเทวราชเสียแล้ว เห็นด้วยว่าสันดานคนไทยนี่มันเสื่อมจริงๆ ในเรื่องแยกแยะเหตุผล รู้สึกว่านับวันก็ยิ่งถดถอยมากขึ้น แล้วอย่างคุณนี่สังเกตจากความคิดเห็นของคุณเองก็มีสันดาน(อ๊ะ ไม่ใช่คำหยาบนะคะ) อย่างไทยๆประการหนึ่งเหมือนกัน ที่ไม่ชอบการถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือโจมตีกลัวการถกเถียงหรือโต้แย้ง เป็นอุปนิสัยของคนไทย รู้สึกใจไม่ค่อยดีเมื่อเห็นการมองเจตนาในการจัดงานนี้ของคุณ ดิฉันรู้สึกว่ามันยิ่งกว่าการที่มองด้านงบประมาณเสียอีก คุณดูแคลนความคิดคนอื่นมากเกินไปแล้ว ไม่มีใครเขาคิดจัดงานนี้ขึ้นเพราะต้องการจะโหนราวจับหรือสร้างกระแสอะไรหรอก ราชสำนักไม่ได้โง่เขามองออกว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สำนึกในพระกรุณาธิคุณและเศร้าอาลัยในการสูญเสียครั้งนี้ เหมือนดังที่ท่านถูกเปรียบกับแสง คนมองไม่ค่อยเห็น ดังนั้นการจัดพระราชพิธีครั้งนี้ ย่อมต้องมีผลเสียเหมือนกัน เพราะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะถูกโจมตีและตำหนิจากพวกเสียจริตที่นับวันยิ่งมีมากขึ้นๆ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคำนึงเพราะการถวายพระเกียรติตามโบราณราชประเพณีซึ่งเป็นระเบียบแบบแผนสืบมาอย่างมั่นคง เป็นเรื่องสำคัญกว่า การที่คุณคิดว่าจัดพระราชพิธีนี้ขึ้นเพื่อหวังผลอื่นใด ทำให้สนับสนุนความคิดของตนเองว่าทักษะด้านเหตุผลคนไทยมันเสื่อมจริงๆ แล้วใครทำตามกระแสเกาะเจ้า... พวกคุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า... อ่านแล้วก็รู้สึกว่าคุณหมิ่นคนอื่นอีกแล้ว แล้วเกี่ยวอะไรกับพระพุทธเจ้าและหัวสุนัข.. แสร้งทำเป็นพุทธศาสนิกชน... ไม่เข้าใจ พยายามสื่ออะไร สำหรับท่านผู้หญิงพูนศุข ดิฉันก็ชื่นชมท่านนะ ในความสมถะเรียบง่ายของท่าน แต่ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้หรือ ความแตกต่างของความตายต่างชนชั้นงั้นหรือ จริงๆแล้วทุกชนชั้นไม่แตกต่างกันหรอก ตายก็คือการสิ้นลมหายใจเหมือนๆกัน แต่ที่ต่างน่าจะเป็นการจัดพิธีศพมากกว่า และจริงๆแล้วๆท่านผู้หญิงพูนศุขหากจะนับเป็นชนชั้น ท่านก็เป็นชนชั้นขุนนางเป็นสตรีบรรดาศักดิ มีเกณฑ์ได้รับพระราชทานเครื่องประกอบเกียรติยศศพเหมือนกัน หากจะขอพระราชทานก็ย่อมได้ หรือหากจะพูดถึงชนชั้นสามัญชาวบ้านธรรมดาๆก็ตามที มีมากมายที่ทำโกศใส่ศพเหมือนชาวบ้านทางเพชรบุรี แล้วยังปลูกสร้างเมรุทรงบุษบกปิดกระดาษทองขึ้นฌาปนกิจกลางแจ้ง ว่าโดยแนวคิดหลักก็นับว่าเป็นการทำเทียมชนชั้นกษัตริ ย์เลยทีเดียว หากมันจะแตกต่างกันมันต้องจำกัดให้ศพชาวบ้านสามัญเผาในกองฟอนในป่าช้า หรืออย่างดีก็ในโรงทึมเท่านั้น นั่นที่เรียกว่าแตกต่าง เพราะเมรุเผาศพที่ใช้เผาศพกันอยู่ทั่วไปตามวัดในเวลานี้ ก็เทียบได้เป็นสิ่งที่ทำขึ้นสูงใหญ่แทนเขาพระสุเมรุตามคติความเชื่อ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเมรุ เลียนชื่อเขาพระสุเมรุ จากคุณ : ธ - [ 24 ม.ค. 51 18:44:48 A:222.123.231.215 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ดังนั้นศพชาวบ้านทั่วไปก็เป็นสมมุติเทวราชด้วยสิ ได้เผาศพอยู่เมรุ มิหน้ำซ้ำเมรุบางวัดๆที่ทำใหญ่ๆงามๆ อย่างวัดเทพศิรินทร์ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์นั่น ก็นับว่าเป็นเขาพระสุเมรุอย่างสมบูรณ์ได้เพราะมีอาคารบริวารประกอบอื่นๆอีกด้วย คือพลับพลาอิศริยาภรณ์ ก็ยังใช้เผาศพคนชนชั้นธรรมดาอยู่บ่อยๆ หรือศพคหบดีหรือบุคคลสำคัญสามัญที่เป็นที่เคารพนับถือของคนหมู่มาก ซึ่งอยู่ในชนชั้นแพทซึ่งสามัญสุดๆ(ไม่ต้องพูดถึงศูทรเพราะในปัจจุบันสังคมไทยไม่มีคงไม่ต้องบอกว่าเพราะใคร) ก็มีอยู่มากมายที่ว่าจ้างให้คนมาปลูกเมรุชั่วคราวขึ้นให้กลางแปลง ทำขึ้นสูงใหญ่มีฐานหลายชั้น เป็นทรงบุษบกยอดมณฑปยอดปราสาทบ้างเทียบกับเขาพระสุเมร มีซ่างเมรุเป็นยอดประสาทอีกทั้งสี่ทิศเป็นบริวาร เทียบได้กับเขาสัตบริภัณฑ์ ปิดกระดาษทองทั้งหลังซึ่งแม้ในราชสำนักเฉพาะสมเด็จพระบรมวงศ์ชั้นสูงเท่านั้น ที่จะปิดกระดาษทองได้ทั้งหลัง แม้พระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯก็ยังไม่มีกระดาษทองปิดทั้งองค์ มิหน้ำซ้ำเมรุชาวบ้านที่ว่าเหล่านี้บางแห่งยังมีบังแทรกซึ่งเป็นเครื่องสูงสำหรับพระบรมวงศ์ชั้นสูง ประดับอยู่รอบเมรุอีก ชั่วแต่ว่าไม่ได้เป็นหักทองขวาง หรือทองแผ่ลวด เป็นเพียงกระดาษทองปิดเป็นลวดลายต่างๆเฉยๆ ดังนั้นถามหน่อยว่าว่าคนสามัญเหล่านั้นก็เป็นสมมุติเทวราชที่อวาตารมาหรือเปล่า ทำไมถึงได้เผาศพในเมรุ ก็ในเมื่อการเผาศพที่เมรุซึ่งสร้างขึ้นมีลักษณะ คล้ายปราสาทราชวังนั่นน่ะ ทำขึ้นเพราะคติที่ว่าพระมหากษัตริ ย์เป็นเทพอวาตารมาเมื่อสวรรคตจะเสด็จกลับสู่เทวภิภพ อาคารที่ใช้ถวายพระเพลิงจึงต้องสร้างให้ใหญ่โตงดงาม แทนเขาพระสุเมรุ เพื่อส่งเสด็จดวงพระวิญญานสู่ภพภูมิที่ดีงาม ดิฉันจะบอกให้ว่าการโจมตีเรื่องงบประมาณยังพอฟังขึ้นกว่าเรื่องเจตนาบ้างนะ จากคุณ : ธ - [ 24 ม.ค. 51 18:45:17 A:222.123.231.215 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ไม่สามารถปรับลดอะไรได้อีกแล้วค่ะคุณลดาดาว เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ทำอย่างประหยัดที่สุดแล้วจริงๆ เราลดองค์ประกอบรายละเอียดต่างๆมาทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี่ลดถึงที่สุดแล้วค่ะ หากจะลดลงอีก ก็คงไม่ต้องมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพที่สนามหลวงเลย เพราะแต่เดิมการสร้างพระเมรุ จะจำลองให้มีลักษณะคล้ายเขาพระสุเมรุที่สุด ถึงกับต้องปรับพื้นที่พูนดินให้มีลักษณะเหมือนเขาพระสุเมรุค่ะ และสร้างอาคารถวายพระเพลิงขึ้นสูงใหญ่ แวดล้อมด้วยอาคารต่างๆอีกมากมายรายรอบปริมณฑล มีรั้วราชวัติล้อมรอบ จัดตามลักษณะผังเขาพระสุเมรุ ประดับด้วยธงทิว แล้วก็รูปปั้นสัตว์ป่าหินมพานต์อีกมากมายค่ะ ปัจจุบันเราสร้างเพียงอาคารที่ใช้ถวายพระเพลิงที่เรียกว่าพระเมรุมาศ และอาคารประกอบเฉพาะที่จำเป็นต่อการประกอบพิธีกรรมเท่านั้นค่ะ และที่ในสมัยโบราณต้องสร้างพระเมรุมาศใหญ่โตถึงเพียงนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะการสนองพระมหากรุณาธิคุณเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น แต่ผู้รู้ท่านยังบอกไว้ว่ามีเหตุผลอื่นที่มากกว่านั้น ท่านบอกว่า ในสมัยโบราณการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงสร้างพระเมรุมาศ ถือเป็นการประกาศความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของบ้านเมือง เพราะการเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ อาจทำให้บ้านเมืองเกิดความระส่ำระส่าย พระมหากษัตริ ย์ผู้ทรงสืบราชสันตติวงศ์ต่อ จึงต้องแสดงพระบรมเดชานุภาพ ให้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าจะปกครองแผ่นดินใหร่มเย็นผาสุข และที่สำคัญเพื่อเป็นที่เกรงขามแก่ประเทศราชและอริราชศัตรู การสร้างพระเมรุที่ใหญ่โตโอฬารและประกอบพระราชพิธียิ่งใหญ่ เป็นการบ่งบอกถึงฐานะอันแข่งแกร่งมีพลังอำนาจของประเทศชาติเป็นอย่างดี นับว่าเป็นราชประเพณีที่แฝงคติการเมืองไว้ด้วยค่ะ และเป็นวิเทศโศบายทางการเมืองประการหนึ่ง หาได้ถือคติที่พระมหากษัตริ ย์เป็นสมมุติเทวราชเป็นประการสำคัญ ดังที่บางคนพยายามเข้าใจเช่นนั้น จากคุณ : ธ - [ 24 ม.ค. 51 19:09:37 A:222.123.231.215 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ย้ำอีกครั้งครับว่า ผมเห็นว่ายังไงรัฐก็ต้องจัดงาน น้อมรับในคำอธิบายของคุณลดาดาว ถึงแม้ว่าผมยังเห็นว่ายังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง...คือ ที่รัฐต้องจัดงานนี้ให้เนี่ย เพราะท่านเป็นเจ้า หรือเพราะท่าน...ในภาษาของคุณ...มี "out put"? คือ เราควรใช้เหตุผลอะไรมา justify การจัดงานกันแน่? ส่วนเรื่องงบประมาณนั้น ต้องขอบคุณคุณลดาดาว อีกครั้งครับ ที่นำข้อมูลมาบอกต่อกัน อืม...นี่คือส่วนที่ผมว่าเป็นปัญหา โอเค...หากจะใช้งบ 175 ล้านจริง ๆ จำเป็นต้องเบิกงบประมาณเพิ่มหรือ ในเมื่อสนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาลและมีศักยภาพทางด้านการเงินมากพอที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายได้? และต้องไม่ลืมว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น รัฐเป็นเจ้าของนะครับ (เป็นหน่วยงานใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง หากผมจำไม่ผิด) ดังนั้น รัฐสามารถเป็นเจ้าภาพโดยใช้งบจากสนง. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 24 ม.ค. 51 20:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กระทรวงการคลังมีหน้าที่เพียงกำกับดูแลเท่านั้น และรัฐบาลไม่มีสิทธิ์จัดสรรผลประโยชน์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไปใช้จ่ายในการใดๆได้ จากคุณ : ธ - [ 24 ม.ค. 51 22:13:52 A:222.123.226.145 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 154 คุณฮกหลง ก็ยังดีที่ยังรับฟังบ้างนะคะ เราว่า ควรจัดงานพระศพให้สมพระเกียรติเพราะเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง (เหมือนคนจีนต้องทำกงเต็ก เผากระดาษเงินทองอะไรทำนองนั้น) สาเหตุหนึ่งคือทรงมีพระอิสริยยศด้วย ตามประเพณี งานศพต้องเหมาะสมกับสถานะทางสังคม เราจะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้  อีกสาเหตุก็เพราะพระองค์ท่านทรงงานมามากมายด้วยไง เราถึงน่าจะแสดงความกตัญญูต่อท่านเป็นครั้งสุดท้าย   คุณไม่รู้จัก  output ผลลัพธ์ outcome ผลลัพธ์ขั้นสูงกว่า หรือคะ เห็นชอบพูดถึงทฤษฎี ในเมื่อคุณบอกว่า ความดี วัดไม่ได้ เราก็หาตัวชี้วัดอื่นมาให้ดูชัดๆไงคะ มาจากทฤษฎีด้านการบริหารจัดการค่ะ ตัวอย่างเช่น   output คือ มูลนิธิพระองค์ท่านจัดแขนขาเทียมให้คนพิการ  outcome ก็คือ คนพิการเดินได้ ทำงานได้ มีรายได้ พึ่งตัวเองได้   output คือ มูลนิธิจัดไตเทียมให้คนไข้ไตวาย outcome คือ คนไข้รอดตาย มีชีวิตปกติ ทำงานได้ ครอบครัวเป็นสุข คุณ ธ คะ ขอบคุณที่เข้ามาช่วยกันตอบค่ะ จากคุณ : ลดาดาว - [ 24 ม.ค. 51 23:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 155 จากกระทู้นี้เพิ่งทราบว่า สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนติน ท่านสวรรคตแล้วหรือคะ จากคุณ : ธ - [ 24 ม.ค. 51 23:54:38 A:222.123.226.145 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 156 ผมว่าเรื่องของเรื่องคือมันไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนว่าด้วยเรื่องบทบาทของรัฐกับเรื่องนี้ครับมันเลยอึมครึมกันอยู่ ถ้ารัฐทุบเปรี้ยงออกกฎหมายไปเลยว่ารัฐจะสนับสนุนในงานมงคล-อวมงคล ทั้งหลายทั้งปวงโดย 1 2 3 4 เขียนไปเลยว่าถ้าเป็นเจ้านายชั้นนี้รัฐสนับสนุนเท่านี้เท่านั้น ว่ากันไปตามหลักการ คราวนี้ก็ไม่ต้องมาเถียงกันเรื่อง ดี/ไม่ดี ถ้าจะด่าก็ไปด่ารัฐบาลโน่นว่าออกกฎหมาย เหมาะ/ไม่เหมาะ แล้วใครจะให้สนับสนุนถึงขั้นไหน จำนวนเท่าไหร่ ก็ไป Fight กันในสภาต่อ จากคุณ : Nexus - [ 25 ม.ค. 51 01:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 157 โห ไม่ได้เข้ามาสองวันความเห็นเพิ่มไปที่ร้อยห้าสิบกว่าละ ผมว่าไม่มีใครในกระทู้นี้ที่บอกว่าไม่ต้องจัดงานนะ แต่ว่าปัญหาคือ จัดด้วยงบและด้วยความอลังการเท่าไรต่างหาก เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ เน็กซัส (Nexus) ความเห็นที่  156 ก็กำหนดให้เป็นกฎหมายไปเลยว่าเจ้านายคนนี้ๆ จ่ายเท่าไร เเล้วถ้ามีใครไม่พอใจก็เป็นเรื่องไปถกกันในสภา (แต่ผมก็แอบคิดว่า ด้วยกฎหมายหรือบรรยากาศหรือแนวความคิดเกี่ยวกับเจ้านายในปัจจุบัน (political atmosphere and mentality)  ใครจะกล้าในที่เปิดเผย เผื่อโดนอิทธิพล....) ผมอยากให้ทุกๆท่านลองคิดอีกนิดสิครับว่า  ถ้าเราบอกว่าเจ้านาย(บางท่าน)นั้นทำงานหนัก ทำเพื่อประเทศชาตินั้น คำถามคือ 1) การรับรู้ถึงการทรงงานหนักของคุณนั้น รับรู้มาจากที่ใด  ตอบได้เลย ส่วนใหญ่ (ไม่ทั้งหมด) มาจากสื่อ ทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร (แพรว ดิฉัน พลอยแกมเพชร ฯลฯ)  ถามว่าสื่อเหล่านี้ ให้ "ความจริง" คุณกี่เปอร์เซนต์  เจ้า้นายบางท่านเป็นครู  ไปสอนจริง  แต่มีสื่อไหนไหมครับที่ลงว่า "อาจารย์(จริงๆ) ต้องมาสอนซ้ำ เพราะนักเรียนเรียนไม่รู้เรื่อง" หรือ เจ้านายไปสอนจริง (แต่สื่อไหนจะลงว่า "แผ่นใสหรือบทเรียนที่เจ้านายนำมาสอน ให้ข้าฯเตรียมให้หมด")   (FYI เรื่องเหล่านี้เป็นจริงทั้งหมด)  หรือ โครงการหลายๆอย่างเป็นโครงการที่เค้าเรียก "ในดำริ" นั่นคือ คิดออกมา (จริงๆ เจ้านายอาจจะเอ่ยมาประโยคเดียว ที่เหลือ ข้าฯ ไปทำต่อ) เป็นต้น  และเราปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อต่างๆ นำไปลงอย่างที่ถ้าไม่เรียกว่า เกินจริง ก็ต้องพูดว่า บิดเบือน   จนมีนักหนังสือพิมพ์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ""Coverage of the monarchy (in Thailand) is a mixture of genuine praise, mixed with excessive flattery and laced with a heavy dose of propaganda," said Pravit Rojanapruk, a reporter at the English-language daily The Nation. "It hides and blurs a complex reality with this one-sided coverage." (Source: Yahoo.news.) และผมว่านักข่าวท่านนี้ท่านพูดถูก (และคุณๆคงเห็นตามผมว่า ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าในประเทศไทย โดยเฉพาะเจ้าชั้นสูงๆ จะถูกนำเสนอในด้านเดียว คือ บวก หรือ บวกบวก)   คนที่ได้แต่รับสื่ออย่างไม่วิพากษ์ ก็รับมาเต็มๆ เพราะฉะนั้น ความรู้สึกหรือความรับรู้ที่ว่า "เจ้าทรงงานเพื่อประเทศ"นั้น ถึงแม้จะเป็นจริง (ผมไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่ทำงาน) แต่อย่างน้อย มันก็ถูกบิดเบือนไปจากที่เป็นจริง อีกตัวอย่างหนึ่ง เจ้านายบางท่าน "โกอินเตอร์" สื่อไทยหรือทีวีไทยประโคมข่าวเกี่ยวกับอัจฉริยภาพ ในขณะที่กูรูเมืองนอก (ทางศาสตร์นั้นๆ) บอกว่า ผลงานแย่ ลอกเค้ามา ถึงขนาดลงว่า "เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เงินและอำนาจบันดาลได้ทุกสิ่ง"  (ไปกูเกิลเสิร์ชได้)  อย่างน้อยๆ สื่อเมืองไทย ก็ไม่ลงข่าวอย่างนี้แน่นอน (ไม่นับว่าประโคมข่าวด้านบวกๆๆๆ)  เพราะฉะนั้นแน่นอน ความชื่่นชม หรือชมชอบเจ้าก็มาจากการประโคมข่าวหรือผลงานด้านบวกบวก Another example: เมื่อเร็วๆนี้มีกระทู้ตั้งขึ้นมาว่า "คุณรู้สึกอย่างไรกับการเลี้ยงลูกของสมเด็จย่า"  ถ้าพูดตามตรง ก็ต้องตอบว่า รู้สึกดีครับ  แต่ว่าผมถามว่ากระทู้เหล่านั้นตั้งขึ้นมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่ สรรเสริญเยินยอ (อย่าบอกว่า ต้องการเผยแพร่วิธีการเลี้ยงลูก เพราะว่าผมเชื่อว่าแม่หลายๆคนก็ทำอย่างนี้ หรือหนังสือหลายๆเล่มก็อธิบายวิธีการเลี้ยงลูก) 2)  สิ่งที่คุณคิดว่าดี ที่คิดว่าเป็นวัฒนธรรมที่งดงามนั้น อย่างที่ผมเรียนไปข้างต้น มันไม่ใช่แค่ประเพณี มันยังสืบสานแนวความคิด หรือ คติทางการปกครอง การดำเนินชีวิตที่ซ้อนเร้นเข้าไปด้วย  เพราะฉะนั้น ถ้าการสร้างเมรุ นำหลักการทางพราหมณ์ (เช่น เขาพระสุเมรุ ฯลฯ) มาสร้าง มันก็แสดงให้เห็นว่า ศาสนาพุทธของไทยมันเจือไปด้วยความเชื่อพราหมณ์ (หรือเเม้กระทั่งพวก โล้ชิงช้า ตั้งศาลพระภูมิ)  อันนี้้เป็นตัวอย่าง  แต่ที่มากไปกว่านั้นมันยังเจือไปด้วยแนวความคิดที่ว่าเจ้านายเป็นเทพอวตารลงมา  ความเชื่อแบบนี้ถึงแม้ว่าจะดูจางลงไปในปัจจุบัน  แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังอยู่ และแฝงในรูปแบบอื่นๆ  เช่น ความเห็นที่ว่า ดึงฟ้าสูงลงต่ำ   มีบารมีสูงกว่าพวกเรามาก (ดั่งความเห็นที่ห้าสิบสามว่าไว้) หรือแม้กระทั่งกฎหมายรูปลักษณะเเปลกๆ ที่ถึงแม้ว่าประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตย แต่อะไรที่พาดพิงถึงเจ้านาย (ต้องบอกว่าในทางลบเท่านั้น) จะถูกแบน เซ็นเซอร์ หรือถูกแซงค์ชันจากคน(กลุ่มหนึ่ง) ทำให้เห็นว่าแนวความคิดว่าเจ้านายเป็นเจ้าที่อวตารมา (เเตะต้องไม่ได้ ถ้าเป็นไปในทางที่ไม่ยอพระเกียรติ)นั้นยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหนเลยและคนยัง"เชื่อกันอยู่" (แต่อาจจะในรูปแบบอื่นๆเท่านั้นเอง) และถ้าถามว่า "บารมี" "เกียรติ"  มีจริงไม๊ ก็ตอบว่า ไม่มี ทั้งทางธรรม และทางโลก  ขอพูดแต่ทางโลกแล้วกัน คุณความเห็นทีห้าสิบสามท้าให้ผมไปตบศีรษะเจ้านาย จะได้พิสูจน์ว่ามีบารมีหรือเปล่า  ผมขอถามกลับว่า ถ้าให้เจ้านายไทยๆนี่แหละ มาเดินถนนหรือขึ้นรถซับเวย์ในนิวยอร์ค ถามว่าฝรั่ง(ที่ไม่ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับประเทศไทย) จะเห็น "บารมี" หรือ "เกียรติ" มั้ย  ก็ต้องตอบว่า "ไม่" เจ้านายไทยก็คงจะเหมือนคนธรรมดาคนนึง  คงไม่ใช่เห็นเจ้านายขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วคนเห็น "รัศมี"เจ้าหรอกนะครับ แล้วต่อมาคือ การอ้างจัดงานให้"สมพระเกียรติ" ต้องย้อนถามว่า "เกียรติ" คืออะไร   ในความคิดของผมและนักวิชาการส่วนใหญ่ "เกียรติ" (รวมถึง "บารมี") ไม่ได้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิด แต่มันคือ ทรัพยากรที่มีค่า (i.e. "capital") และหายาก ในสังคมที่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง (i.e. have access to)  และเป็นสิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องการที่จะรักษาไว้ให้เหมือนเดิม หรือ ในสภาพเิดิมที่สุด (i.e. to keep the status quo) (อันนี้ ผมไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องเงินทองนะ มันเกี่ยวกับ อำนาจในการใช้กฎหมาย อำนาจในการพูด อำนาจในการตัดสินใจ อำนาจในทุกๆด้านน่ะ)   เช่น ผู้ชาย(ส่วนใหญ่)ในสังคมก็มีอำนาจในการเลือกคู่ได้หลายๆคน (นั่นคือ ผู้ชายไปเที่ยวอาบ อบนวด ฯลฯ ไม่แปลก หรืออย่างน้อยไม่ถูกเพิ่งเล็งเท่าผู้หญิงมีชู้หรือไปเที่ยวผู้ชาย) ในกรณีนี้เราพูดได้ว่าผู้ชายมี "อำนาจ" มากกว่าผู้หญิง   ดังนั้นเกียรติ หรือ อำนาจ มันเป็นสิ่งที่คน(ที่ถืออยู่หรือเข้าข้างฝ่ายเดียวที่ถืออยู่) ต้องการรักษาไว้ ภายใต้ข้ออ้าง เช่น สังคมอยู่ได้อย่างมีสุข ทำให้มีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ฯลฯ  แต่ไม่ได้คำนึงเลยว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งเสียเปรียบ (ในเชิงว่า ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ อำนาจในการพูด อำนาจในด้านอื่นๆ)     และผู้ที่กุมอำนาจอยู่ไม่ได้ระลึกเลยว่า "เกียรติ"ที่ตนได้มานั้นมันต้องเป็นสิ่งที่คนอื่นมอบให้  ไม่ใช่เป็นสิ่งที่่ตนเองสามารถ "เคลม" ได้ (you cannot "claim" it for yourself) หรือ ติดตัวมาแต่กำเนิด (innate or inborn) เพราะฉะนั้น การพูดว่า "จัดเพื่อให้สมพระเกียรติ" เป็นข้ออ้างที่ใช้ไม่ได้  เพราะว่า ถ้าจะพูดจริงๆ มันคือ ต้องจัดเพื่อ"สร้างพระเกียรติให้มากยิ่งขึ้นต่างหาก (เพราะว่า อย่างที่เรียน การ(ได้รับ)เกียรติ มันต้องมีผู้ให้ ไ่มใช่มีอยู่แล้ว or claim it for yourself) ส่วนการกำเนิดแล้วมียศ (เจ้านาย) นั้นเป็นแค่ "หัวโขน" (hat or cloak) ที่สังคมหนึ่งๆยกใ้ห้เท่านั้น (แถมยังมาบังคับให้คนที่ไม่ได้เต็มใจจะรับ ยกย่องหัวโขนนั้นอีก)  เช่น ถ้าเดินๆอยู่ เจ้านายเดินมา ถ้าไม่ไหว้ ไม่กราบ ก็อาจจะโดนจับได้  (แถมเจ้านายบางท่าน เดิมก็เป็นคนธรรมดาอยู่ แต่ว่าพอได้เลื่อน คนก็ต้องกราบไหว้)  ถ้าจะเปรียบเทียบมันก็เหมือนกับ ประเทศไทยเป็นครอบครัวหนึ่ง  ถ้าสมมติผม(เป็นหัวหน้าครอบครัว) เกิดอยากให้คนในครอบครัวผมเรียกผมว่า "เจ้า..." กราบผมเช้าเย็น รองมือรองเท้า ฯลฯ  ก็ย่อมได้เพราะผม "มีำอำนาจ" (ที่ผมอยากรักษาไว้) แต่ถามว่ ไอ้ "บารมี" "อำนาจ" "เกียรติ" ที่ผมมีน่ะ มัน"สากล" (universal) หรือมีจริงหรือไม่ ต้องตอบว่า ไม่มี (เพราะครอบครัวอื่นๆ สังคมอื่นๆ เค้าไม่ได้ต้องเข้ากับกฎที่คุณตั้ง) เจ้านายไทย (หรือฝรั่ง) ก็เช่นกัน  บารมี หรือ เกียรติ ก็ได้มาจากการธำรงค์รักษา และการพร้อมใจ (หรือแม้กระทั่ง ต้องยินยอมทั้งๆที่ไม่ชอบ) กันใัห้ "เกียรติ" หรือ "บารมี" กับผู้นำของสังคมนั้นๆ  (ถ้าไม่ให้ จะมีผลเชิงลบ)   ลองสังเกต ความเป็นมาตรฐานสองชั้นก็ได้  ถ้า "เกียรติ" หรือ "บารมี" มีจริง คนไทยเรา คงต้องปฎิบัติต่อ เจ้านายอังกฤษ สเปน ฯลฯ เหมือนอย่างที่ทำกับเจ้าไทย  (แต่นี่ไม่    เห็นข่าวซุบซิบในทางเสียหายของเจ้าฝรั่งลงสื่อสารธณะไทยอย่างไม่มีจำกัด     ต่างกับข่าวเจ้าไทย) ข้ออ้างที่ว่า เจ้าฝรั่งไม่ได้ทำงานให้ประเทศไทย คงฟังไม่ขึ้น หรือแม้แต่เจ้าไทยมีเกียรติเพราะทำงาน ก็ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน  แนวคิดนี้น่าจะมาจากการที่เราทึกทัก หรือ นึกเอาเองว่า เป็นเจ้าแล้วต้องอยู่เฉยๆ ถ้ามาทำงานแสดงว่าเสียสละ    ผมเชื่อว่า มีอีกหลายๆคนที่ทำงานได้มากกว่าหรือเท่าๆกับเจ้าไทย (คนไทยน่ะแหละ) แต่ว่าเพราะว่าไม่ได้เป็นเจ้า ความดีจึงไม่ปรากฎ หรือถ้าปรากฎ ก็ไม่ได้ถูกส่องด้วยแว่นขยายหรือกล้องจุลทรรศน์จากสื่อไทยอย่างที่เป็นอยู่ สรุป คือ ข้ออ้าง ที่ว่าจัดงานไปเพื่อให้ "สม" พระเกีียรตินั้น ฟังไม่น่าจะขึ้น (เพราะว่าอย่างที่เรียน ถ้าคิดอีกมุมหนึ่งมันเป็นการจัดเพื่อ "สร้าง" พระเกียรติมากกว่า ซึ่งก็เข้าข่ายการธำรงค์ไว้ (perpetuate) ผลิตซ้ำ (reproduce) และตอกย้ำ (empower and emphasize) อำนาจของชนชั้นปกครอง อย่างน้อยๆ ก็ในแง่ที่ว่า ถ้ายิ่งจัดยิ่งใหญ่ แสดงให้เห็นถึงผลงานที่ทำไว้กับแผ่นดินไทย แต่ถ้าถามว่าผลงานที่ทำไว้(ที่คนเห็น) ได้มาจากไหน ก็มาจากการ "สร้าง" พระเกียรติโดยสื่อต่างๆอีกเช่นกัน เหมือนเป็นวงจร คือ ทำทุกอย่างเพื่อ "สร้าง"เกียรติ แต่มีข้ออ้าง(ที่มันวนไปวนมาว่า) เกียรติได้มาอยู่แล้วโดยผลงาน   ปล คุณลดาดาว ผมไม่เคยให้ลูกศิษย์เรียกผมว่า ดร. หรือ ผศ ดร. นะ ผมให้ลูกศิษย์เรียกชื่อผมน่ะแหละ ชื่อต้นด้วย  คุณคงทราบว่า ถ้าอณุญาตให้เรียกชื่อต้น แปลว่า สร้างความเป็นกันเองนะครับ ในกรณีนี้ ถามว่าใครมีอำนาจ ก็ผมมีอำนาจ ถามว่าอำนาจอย่างไร ก็คือ นักเรียนต้องรอให้ผมอนุญาตก่อน ถึงจะเรียกได้ เค้าเรียก power dispensation  ที่นอกเรื่องมาจะอธิบายว่า หลายท่านชอบพูดว่า  "เจ้านายนี้ดีจังไม่ถือตัวเลย อนุญาตให้เราพูดด้วยโดยใช้ภาษาที่ไม่ใช่ราชาศัพท์"  แต่ในขณะเดียวกันหารู้ไม่ว่า คนที่กุมอำนาจในกรณีนี้คือ เจ้านาย เพราะเจ้านายมีสิทธิในการ "อนุญาิต" อย่างที่ผมได้ทำกับนักเรียน  การยอมรับแนวคิดนี้ (อย่างน้อย คือ การปล่อยให้มันเป็นไป หรือ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรมดา หรือสมควรแล้วนั้น) ก็เป็นการสืบสาน ผลิตซ้ำ และธำรงค์ไว้ซึ่งอำนาจของผู้ปกครองอีกเหมือนกัน ซึ่งในบางกรณี (ไ่ม่ทั้งหมด) นำไปสู่ความเสียหายของประเทศได้ อย่างที่ ร.ศ. ใจ อึ๊งภากรณ์ (Faculty of Pol. Sci., Chula) กล่าวไว้ "ถ้าประมุขมีความสำคัญต่อสังคมไทย ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธ เราควรมีความโปร่งใสตรงนี้ และประชาชนทั้งหมดควรมีสิทธิแสดงความเห็นและชี้แนะเกี่ยวกับการทำงานของประมุขอีกด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้คนกลุ่มเล็กๆ อย่างทหารหรือองคมนตรีมีสิทธิเท่านั้น" and "ผมอยากทราบข้อมูลแบบนี้จากนักประวัติศาสตร์ [historical facts about the royal people: krisdauw] แต่ปัญหาหลักการโดยทั่วไปของกรณีแบบนี้คือ เราไม่มีความโปร่งใสในการตรวจสอบการทำงานของ ‘ประมุข’ และผู้ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับประมุขอีกด้วย"  (book review: "The King never smiles") I would like to end this long message with a quotation of this self-explanatory passage by Eelen (2001: 200, 2001): The typical social system is such that "it ensures its internal coherence, it ensures that everybody knows "his or her place" and remains within its confines...The norms make sure that those in powerful positions "receive due respect and deference," while the powerless behave in "appropriately powerless ways," so that system is invovled in making sure that those in power remain in power" (emphasis mine). แปล ระบบสังคมมันถูกจัดไว้ในแนวทางที่ว่าคนแต่ละชั้นควรจะรู้"ระดับ"ชั้นของตัวเอง (ไปในทางที่เอื้อประโยชน์กับคนที่กุมอำนาจ) คนที่มีอำนาจก็"ควรได้รับ"การเคารพ การยกย่อง ในขณะที่คนไม่มีอำนาจก็ต้องก้มหน้าทำหน้าที่ที่"เหมาะสม" ต่อตัวเองต่อไป  (แต่อย่าลืมว่า ไอ้สิ่งที่เค้าว่า "เหมาะสมกับบทบาท" น่ะเป็นสิ่งที่คนมีอำนาจกำหนด ทางตรงหรือทางอ้อมลงมาอีกที) I think that the message in this quotation is particularly applicable to Thai culture (and of course to other cultures as well). Yours, แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 08:52:17 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 25 ม.ค. 51 06:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ข้อ ๑.  ลูกศิษย์ท่านก็มากมาย          เขาสัมภาษณ์มาให้ก็หลายคน          พอเขาพูดก็บอกว่าไม่เชื่อ  จัดฉากบ้าง เลียเจ้าบ้าง          คนอื่นโกหกแตหลอ  กูเก่งกูเท่กูรู้อยู่คนเดียว ข้อ ๒.  อย่าให้ได้สอน อาจารย์          "เกียรติ" ย่อมมาจาก "บารมี"          บารมี แปล ความดีที่ควรบำเพ็ญ , ความดีที่ได้บำเพ็ญ , คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่ คือ ความดีที่ได้กระทำ          บารมีมีอยู่ ๑๐ อย่าง  เรียกอีกนัย ๑ ว่า "ทศพล" กำลังทั้ง ๑๐ ได้แก่ ทาน ศีล เนกขัม ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฏฐาน เมตตา อุเบกขา          กลับสู่คำถามเดิม อาจารย์ครับ  แกทำอะไรเพื่อแผ่นดินนี้บ้าง          จะทำอะไรก็ช่างแกเถิด  ท่านว่า "หมามันจะขี้...ไม่ต้องมีใครยกหางดอกจ้ะ" แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 08:57:11 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 08:31:46 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 08:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ครูคนที่ ๗๔ เพิ่งพลีชีพในเหตุการณ์ความไม่สงบ นายสุวิทย์ บุญสนิท อายุ ๔๖ ปี ครูโรงเรียนบ้านเกาะตา ต.นาประดู่ ขับรถกระบะไปรับนักเรียนในหมู่บ้านเพื่อไปโรงเรียนเดียวกัน ถูก ๒ โจรชั่ว ขับรถจักรยานยนต์ไล่ประกบยิง เสียชีวิต แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 08:49:36 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 08:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ทานบารมี วิริยะบารมี เมตตาบารมี ความคิดเห็นที่ 176 จากเพชรพระมหามงกุฎ - สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6210856/K6210856.html สืบเองจาก คคห ที่ 13 ค่ะ "....ต่อมาเมื่อทรงทราบปัญหาของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  เรื่องการขาดแคลนอาจารย์ เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดห่างไกลและมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ก็ได้พระราชทานพระเมตตาเสด็จไปทรงสอนวิชาภาษาฝรั่งเศส  โดยประทับอยู่ในวิทยาเขตปัตตานี ดังเช่นอาจารย์คนอื่น ๆ ..." ภาพนี้ เป็นภาพที่ท่านเสด็จเยี่ยมโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขณะที่ท่านไปประทับ และสอนอยู่ที่ปัตตานีค่ะ จากคุณ : letsgokrabi   - [ 12 ม.ค. 51 19:28:15 ] แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 09:04:02 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 08:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 161 กระทู้แบบนี้ก็เหมือน Creationist Vs Evolutionist ...... จากคุณ : Nexus - [ 25 ม.ค. 51 08:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 162 คุณกัมม์ครับ ผมคงของดตอบว่าทำอะไรให้แผ่นดินนี้ (เมืองไทย)บ้างนะครับ  เพราะผมว่ามันไม่สำคัญเท่าไร  (at least, in order to prove that my arguments are backed up by academically acceptable theories and evidence) แต่ผมจะลองวิเคราะห์ภาษา (discourse analysis) ให้ดูแล้วกัน จากความเห็นที่ 160 "เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดห่างไกลและมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย"  เป็นอนุประโยคที่มีสันธาน "เนื่องจาก" แสดงความเป็นต้นเหตุ (cause) ผู้เขียนได้เอาไปเชื่อมกับประโยคหลัก คือ "ได้พระราชทานเมตตา" มีผลในการ "สร้าง" ความเป็นเหตุเป็นผลขึ้นมา (ทั้งที่จริงๆอาจจะมีหรือไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลก็ได้) นั่นคือ "เพราะว่าเป็นจังหวัดห่างไกลและมีปัญญา เจ้าฟ้าฯจึงได้พระราชทานเมตตา" ทำให้ผู้อ่านเห็นถึงความมีน้ำใจและเสียสละที่เริ่มจากการรับรุ้เกี่ยวกับความปลอดภัยและลงเอยด้วยการพระราชทานเมตตา  แต่ถามว่า "ความเป็นเหตุเป็นผลกันของเหตุการ" นั้นใครสร้างขึ้นมา  ก็ต้องตอบว่า "ผู้เขียน"   นั่นคือ ถึงแม้ว่าการเสด็จไปจะเป็นจริง แต่ "ความต่อเนื่องกัน" หรือ "ความเป็นเหตุเป็นผลกัน" ของเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเฉพาะบนหน้ากระดาษที่ผู้เขียนใส่มา อีกอันคือ อนุประโยค "โดยประทับอยู่ในวิทยาเขต...ดังเช่นอาจารย์คนอื่นๆ"  วลี "ดังเช่นอาจารย์คนอื่นๆำ" ผู้เขียนก็ "สร้าง"ขึ้นมาเองอีกเหมือนกัน  ทำให้มีอิทธิพลต่อผู้อ่านว่า ได้มีการเสียสละและมีการปฎิบัติเหมือนเช่นคนทั่วๆไป   แต่ถามว่าวลีนี้จำเป็นหรือไม่   ไม่จำเป็นเลย เพราะมันเป็นส่วนขยายความและสามารถลบออกได้   ถ้าพูดจริงๆ มันมาสนับสนุนกับความคิดที่ว่า "เจ้านายไม่จำเป็นต้องอยู่ในวิทยาเขต จะไปอยู่ที่ๆปลอดภัยกว่าก็ได้  แต่นี่มีการเสียสละและกล้าหาญ"  And, มันไม่มีเหตุผลอื่นที่ข้อความนี้จะต้องอยู่ในหน้ากระดาษนี้ จากการวิเคราะห์สัมพันธสารข้างต้น ทำให้เห็นว่า ภาษา เป็นเครื่องมือในการตอกย้ำ ทำซ้ำ และเผยแพร่แนวคิด หรือแม้กระทั่ง ideology  ต่างๆ    (ย้ำ ไ่ม่ได้บอกว่า เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้น  แต่ว่า ความเป็นเหตุเป็นผล  ความเสียสละ ฯลฯ ถูก "สร้าง"ขึ้นผ่านภาษาโดยผู้เขียนในแนวทางที่เป็นบวกๆ ต่อเจ้านายครับ) คุณกัมม์ครับมันไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเล่า หรือ เรื่องเขียน หรือ เรื่องพูดที่ปราศจาก hidden agenda หรอกนะครับในโลกนี้   มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองเห็นมันหรือเปล่าเท่านั้น เหตุการณ์สองเหตุการเกิดขึ้นจริง (no doubt about that)  แต่ความเป็นเหตุเป็นผล ความต่อเนื่องกัน  เช่น "หลังจาก....ดังนั้น..." มันเป็นคำเชื่อมที่คนเขียนมา (และคนเขียนก็มี "จุดประสงค์" อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน) แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 09:26:22 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 25 ม.ค. 51 09:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 163 อย่างที่บอกนั่นแหละ จารย์ "คนอื่นโกหกแตหลอ  กูเก่งกูเท่กูรู้อยู่คนเดียว" ไม่วิเคราะห์ภาษาฉันบ้างล่ะ จารย์ อยากจะท้าลงไปภาคใต้  แต่มาคิดดู อย่าดีกั่ว  เพราะบางทีได้ยินเสียงมาจากทางใต้ เขาบ่นว่า "อะไรที่มันชั่วๆ ไม่ดีๆ ก็จะโยนมาให้เขาหมด" จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 09:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 164 ผมไม่เคยให้ลูกศิษย์เรียกผมว่า ดร. หรือ ผศ ดร. นะ จากคุณ : texanprofessor หมามันจะขี้...มันยกหางมันเองดอก คุณๆ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 09:59:46 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 09:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 165 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 10:39:56 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 10:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 166 จขกท.ไม่เจาะชี้ประเด็นให้ชัด ๆ หน่อยเหรอครับ กลายเป็นกระทู้ที่ตีความเข้า ข้างตัวเองของแต่ละฝ่ายได้ น่าจะเป็นกระทู้แห่งปีนะครับนี่ ผมอ่านเองผมก็งง ทั้ง ๆ ที่ชื่อกระทู้ก็ไม่น่าจะตีความเป็นอื่นนอกจากความไม่มี/ไม่สมบูรณ์ของ จรรยาบรรณของสื่อ สองคนยลตามช่อง...ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 11:11:03 จากคุณ : satitp - [ 25 ม.ค. 51 11:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 167 คุณกัมม์ครับ  ผมไม่สบายใจที่ข้อความของผมอาจจะทำให้คุณระคายเคือง (จนถึงกับต้องใช้สำนวนเกี่ยวกับหมายกหาง) ผมก็ขอโทษคุณ(และคนอื่นๆ)ตรงนี้แล้วกัน ที่ผมพูดประโยคนั้นน่ะเพราะว่าคุณลดาดาว บอกว่าผมอยากให้นักเรียนเคารพ เรียกอาจารย์ (บอกตรงๆ มันตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เพราะมันฟังดูแก่...ผมก็น่าจะอายุพอๆกับคุณมั้งหรือมากกว่า...ยี่สิบเก้า...) ขอให้สังเกตว่า hidden agenda ของผม (แน่นอนเป็นสิ่งที่ทุกคนมีหมด) ไม่ได้ต้องการว่าใคร ท่านใด เป็นการส่วนตัว  แต่เป็นการหยิบยกความคิด(หรือข้อความ)ของท่านนั้นๆหรือสื่อมาวิพากษ์ พยายามทำให้สุภาพที่สุดเท่าที่ทำได้ และใช้หลักเหตุผลเป็นหลัก เพราะฉะนั้น please never take my comments personally.  (ไม่ทราบภาษาไทย...อย่าคิดว่าผมว่าตัวตนคุณ ทำนองนั้นนะครับ) เพราะว่าผมรู้ดีอยู่ว่าการโจมตีคุณสมบัติส่วนบุคคลนั้น เราไม่ได้คุยกันถึงเหตุผล แต่เป็นการริดรอนความน่าเชื่อถือของบุคคลโดยผ่านถึงคุณสมบัติหรือรูปลักษณ์ภายนอกนั้นมากกว่า (ad hominem or against the man เหมือนกับเวลาเราพูดว่า "อย่าไปเลือกเลยอีคนนี้เป็นนายก เพราะหน้าเหมือนหมู ซึ่งหน้าเหมือนหมู ไม่เกี่ยวกับคุณภาพความเป็นนายกของเขาตรงไหน เช่นเดียวกัน ผมทำอะไรให้ประเทศไทยเท่าไร ก็ไม่น่าจะมีผลต่อการวิพากษ์การประโคมข่าวของสื่อเมืองไทยหรือระบบความคิดของคนไทยบางส่วน) ในทำนองเดียวกัน ถ้าการใช้เหตุผล (reasoning) ของผมผิดตรงไหน หรือมีมุมมองอื่นอย่างใดแย้งได้เลยครับ  ผมโดนจนชินแล้วโดยเฉพาะจากคนในสาขาอาชีพเดียวกัน แต่ว่าขออย่างเดียว ให้ใช้หลักเหตุผลเท่านั้นแหละครับ ที่มีหลักอ้างอิง ที่มีการพิสูจน์ได้ หรืออย่างน้อยๆที่ชี้ให้ผู้อ่านเห็นแนวความคิดของคุณได้ มีที่มาที่ไป(แต่เหตุผล เช่นว่าสรรพนาม "ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท"คำๆนี้ดิฉันว่าฟังเพราะดี" (ความเห็นของคุณ ธ) อันนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ เพราะว่าในสารบบภาษาศาสตร์ความไพเราะไม่มีผลต่อการวิเคราะห์ภาษาครับ...) อีกครั้งนะครับ ขอโทษคุณ(และคนอื่นๆ)ที่อาจจะเหมือนว่าผมไปว่าท่านใดเข้า แต่ด้วยนิสัยผมเป็นคนที่ชอบแสดงความคิดเห็น(เชิงวิชาการ)เนื่องด้วยสันดานหรือความคุ้นเคยก็แล้วแต่..ผมหวังว่าคุณให้อภัยผมนะครับ และถ้าผมสามารถช่วยประเทศไทย ได้ในทางใดก็บอกมาได้เลยนะครับ  จะพยายามทำให้อย่างสุดความสามารถ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 12:14:03 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 12:09:00 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 25 ม.ค. 51 12:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 168 ตอบคุณ  Texanprofessor ค่ะ  ชื่อนี้ไม่ได้แสดงสถานะหรือคะ เรายังใช้นามแฝงเลย แต่ไม่ได้บอกว่าเราเป็นใคร ทำอะไรอยู่ เรียนจบอะไรมา มาจากตระกูลอะไร เพื่อให้คนมานับถือ เห็นตาม การที่คุณประกาศในบอร์ดนี้ว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ บอกอาชีพ ก็ทำให้มี credit คนจะเชื่อถือมากกว่า ดูจากคนในบอร์ดนี้หลายคนก็ออกจะยอมรับนับถือคุณเพราะคุณเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือ อ้อ เราแก่กว่าคุณหลายปีค่ะ ถึงได้ทันเห็นอะไรมามาก เราเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมคุณมองโลกแบบนี้ จึงไม่ขอโต้ตอบหรือเถียงต่อไปอีก เพราะประสบการณ์ชีวิตมันต่างกัน ตอนแรกเราคิดว่าคุณอายุประมาณ 40 กว่าปี  แต่มองและคิดแบบไม่ยืดหยุ่นเท่าไร ตรงตามไม้บรรทัดของตัวเองเป๊ะๆ ในเมื่อคุณยังเด็กมาก อีกสิบปีคุณอาจเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ คนหนุ่มอุดมคติสูง เป็นนักวิชาการมักจะมองอะไรอุดมคติมากๆ อยากให้โลกเป็นอยากที่ตัวเองคิดหรือทฤษฏีที่เคยเรียนมา เราเองตอนต้นๆ 20 ก็เคยเป็น ฉะนั้นเราเข้าใจค่ะ ไม่โกรธอะไรทั้งนั้น เราไม่ take it personal ค่ะ ขอโทษที่ใช้ภาษาต่างชาติ เพราะตรงตัวสุด โชคดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 13:18:38 จากคุณ : ลดาดาว - [ 25 ม.ค. 51 13:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 169 อะไรซิ อายุราวๆ ยี่สิบเก้า  จบมาจากอริโซน่า จาน ใช้เวลาเรียนรู้ประเพณีความเชื่อศิลปะวัฒนธรรมไทยมานานแค่ไหน ผม มศ. ๓ จากโรงเรียนวัด  ขอบคุณที่ให้เกียรติ แต่อย่าหมายว่าจะได้รับเกียรตินั้นคืนกลับไปนะครับ ความเป็น "แม่" ของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6265120/K6265120.html แต่ด้วยนิสัยผมเป็นคนที่ชอบแสดงความคิดเห็น(เชิงวิชาการ) ยัง ยัง ยังไม่หยุดยกอีกรึ . แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 14:29:34 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 14:25:28 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 14:23:55 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 51 14:22:01 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 14:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ^ ^ ^ คุณกัมม์ครับ ความคิดของผมที่เกี่ยวกับความเป็นแม่นั้น ผมได้พูดถึงและยกตัวอย่างไปแล้วครับในความเห็นที่ 157 ตรง paragraph ที่ขึ้นต้นว่า Another example (โปรดสังเกต ผมแก้ข้อความของผมในความเห็นที่ 157 ก่อนที่คุณจะโพสต์ข้อความในความเห็นที่ 169 ดูเวลาได้) ผมพูดอะไร ทำอะไร ไม่เคยต้องซ่อนเร้น ถอดลอคอิน และยังยืนยันเจตนาเดิม เชื่อมั่นว่าการใช้เหตุผลที่หาที่มาที่ไป และมีหลักสนับสนุนเป็นเกราะป้องกัน เจตนาที่ไม่ได้คิดลบหลู่ใครโดยเฉพาะ มันขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นๆ"เปิด"มากเท่าไร (ไม่ได้ให้เชื่อ แต่อย่างน้อยก็ให้ยอมลดตัวลงมาดูว่าเหตุผลผมผิดตรงไหน) แต่ดูเหมือนคุณ ปิด นะคุณกัมม์ ลอคอิน krisdauw ก็ใช้มาห้าปีแล้ว (มาจากชื่อจริงและตัวย่อมหาลัยที่ตอนนั้นเรียนอยู่) เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น texanprofessor เมื่อปีนึงมาได้แล้ว (หลังจากเรียนจบและได้งาน ก็เลยเปลี่ยนชื่อให้สอดคล้องกับถิ่นที่อยูและอาชีพ) ไม่ได้เปลี่ยนเมื่อมาเล่นที่ห้องสมุดแต่อย่างใด (ปรกติอยู่ห้องไกลบ้าน) เขียนบทความวิชาการส่งไป โดนปฏิเสธ ก็มาโพสต์ข้อความเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ สรุปว่าผมมี identity อันนี้มาตั้งนานแล้ว ปล ผมอยู่ที่อริโซนาเพียงปีเดียวเท่านั้น...เอ่อทีหลังเอาข้อมูลที่มันสดๆหน่อยได้ป่ะครับ เพราะนี่มันประมาณห้าปีมาละ... จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 25 ม.ค. 51 14:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 171 ^ ^ ^ คุณกัมม์ครับ ความคิดของผมที่เกี่ยวกับความเป็นแม่นั้น ผมได้พูดถึงและยกตัวอย่างไปแล้วครับในความเห็นที่ 157 ตรง paragraph ที่ขึ้นต้นว่า Another example (โปรดสังเกต ผมแก้ข้อความของผมในความเห็นที่ 157 ก่อนที่คุณจะโพสต์ข้อความในความเห็นที่ 169 ดูเวลาได้) ไม่ต้องถึงกับไปเซฟข้อความมา "ประจาน" ผมหรอกครับ ผมพูดอะไร ทำอะไร ไม่เคยต้องซ่อนเร้น ถอดลอคอิน และยังยืนยันเจตนาเดิม เชื่อมั่นว่าการใช้เหตุผลที่หาที่มาที่ไป และมีหลักสนับสนุนเป็นเกราะป้องกัน เจตนาที่ไม่ได้คิดลบหลู่ใครโดยเฉพาะ มันขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นๆ"เปิด"มากเท่าไร (ไม่ได้ให้เชื่อ แต่อย่างน้อยก็ให้ยอมลดตัวลงมาดูว่าเหตุผลผมผิดตรงไหน) แต่ดูเหมือนคุณ ปิด นะคุณกัมม์ ลอคอิน krisdauw ก็ใช้มาห้าปีแล้ว (มาจากชื่อจริงและตัวย่อมหาลัยที่ตอนนั้นเรียนอยู่) เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น texanprofessor เมื่อปีนึงมาได้แล้ว (หลังจากเรียนจบและได้งาน ก็เลยเปลี่ยนชื่อให้สอดคล้องกับถิ่นที่อยูและอาชีพ) ไม่ได้เปลี่ยนเมื่อมาเล่นที่ห้องสมุดแต่อย่างใด (ปรกติอยู่ห้องไกลบ้าน) เขียนบทความวิชาการส่งไป โดนปฏิเสธ ก็มาโพสต์ข้อความเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ สรุปว่าผมมี identity อันนี้มาตั้งนานแล้ว ปล ผมอยู่ที่อริโซนาเพียงปีเดียวเท่านั้น...เอ่อทีหลังเอาข้อมูลที่มันสดๆหน่อยได้ป่ะครับ เพราะนี่มันประมาณห้าปีมาละ... จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 25 ม.ค. 51 14:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 172 คุณ krisdauw ผมบอกถึงบอกแล้วไงว่าเหมือน Creationist Vs Evolutionist รูปแบบ เนื้อหา และตรรกะ เหมือนกัน ......... มีแค่อย่างเดียวที่ไม่เหมือนกัน จากคุณ : Nexus - [ 25 ม.ค. 51 15:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 173 ไม่รู้สิ  ผมชอบเล่นที่คน เอาปูนแดงหมายไว้เป็นคนๆ ประมาณนั้น จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 15:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 174 ตอบ คุณคนมีปัญญาสูง texanprofessor (krisdauw) คนที่เค้ามีความคิดอะนะคุณ ผมจะบอกให้เค้าไม่มาโพสฆ่าตัวเองหรอกนะคับ  แล้วกรุณาเอาไอ้หลักการปัญญาอ่อนขิงคุณที่พิมมาแต่สมองอันชาญฉลาดของคุณเนี่ย อย่าเอามาโพสในนี้คับ นู่น! รัฐบาลมี เอาไปบอกซิ ว่าเกียรติยศ บารมี กินไม่ได้ เจ้าตายก็โยนทิ้งน้ำไปจะเอามาเผาให้ใหญ่โตทำไม กล้าไปพูดมั๊ยละ! บอกในหลวงก็ได้ ทำฎีกาไปซิ! กล้าพูดในนี้ทำให้มันจริงๆซิ ก่อม๊อบเล้ย แน่ป่าว ค้านการเผาเจ้า แหม! คนอะไรพูดไปได้ไม่ได้คิด สมองคิดแต่เรื่องเลวๆ มือไม่พายเอาตีนมาราน้ำ คนแบบนี้อยู่ไปก็หนักแผ่นดินไปหาแผ่นดินอยู่ใหม่ซิ แผ่นดินที่เค้าไม่มียศ ไม่มีศักดิ์ซิคับท่าน น่าจะมีความสุขนะ อธิบายคำว่า จารีต ประเพณี บรรทัดฐานของสังคมให้ผมฟังหน่อยได้มั๊ยคับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง แล้วไอ้ที่คุณพูดว่า <<<ถ้า "เกียรติ" หรือ "บารมี" มีจริง คนไทยเรา คงต้องปฎิบัติต่อ เจ้านายอังกฤษ สเปน ฯลฯ เหมือนอย่างที่ทำกับเจ้าไทย  (แต่นี่ไม่    เห็นข่าวซุบซิบในทางเสียหายของเจ้าฝรั่งลงสื่อสารธณะไทยอย่างไม่มีจำกัด     ต่างกับข่าวเจ้าไทย) >>>>พ่อแม่คนอื่นคุณรักเท่าพ่อแม่คุณหรือปล่าวคับ หรือว่าคุณรักพ่อแม่คนอื่นมากกว่า แหมเรื่องนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ที่ไหนมันก็มีทั้งนั้น อย่าพูดนะว่าคุณไม่เคยนินทาใคร เว้นเสียแต่ว่าเค้าจะเอามาพูดกันหรือเปล่าเท่านั้นเอง แล้วอีกอย่างคนไทยก้ไม่เคยไปว่าพระราชวงศ์ไหนเลย แต่ที่พูดกันมันมาจากไหนละคับ ถ้าพระราชวงศ์องค์นั้นไม่ทำข่าวอื้อฉาว แต่พระราชวงศ์ของไทยเคยมีมั๊ยคับ ? ที่มีข่าวที่ไม่ดีออกไปทั่วโลกเหมือนพระราชวงศ์อื่นๆ พูดอะไรดูซะมั่ง มีแต่เรื่องน่าสรรเสริญ ไม่อย่างนั้นพระราชวง์ทั่วโลกคงไม่ยกย่องในหลวงให้เป็น พระราชาของพระราชา ทั้งโลกหรอกนะคับ KING OF KING เคยได้ยินมั๊ยคับ คนเกือบทั้งกระทู้ด่ายังจะมาเถียงข้างๆคูๆ คนแบบพวกคุณอะคงอ่านคำนี้ไม่ออกละมั้งคับ "ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ที่ต่ำที่สูง" คงแปลไม่เข้าใจเพราะเรียนมามาก ถ้ารู้ว่ายิ่งพูดคนยิ่งหมั่นใส้ ควรหยุดซะผมเตือนด้วยความหวังดี หวังว่าพูดแค่นี่คงเข้าใจนะคับเพราะคุรก็เรียนภาษามา แล้วนี่ยิ่งเป็นภาษาไทยภาษาของคนทั้งแผ่นดินผมหวังว่าคงอ่านรู้เรื่องนะครับ จากคุณ : สมเด็จเจ้าพระยาฯ (kidsadawut) - [ 25 ม.ค. 51 17:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 175 อ่านแล้วหมั่นใส้ขอซะหน่อยเหอะ จากคุณ : สมเด็จเจ้าพระยาฯ (kidsadawut) - [ 25 ม.ค. 51 17:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 176 ปล่อยมันไปเรื่อยๆ ครับ เก่งก็ดีอีกอย่าง คนพวกนี้มีจุดอ่อนตรงที่อยากประกาศตัวให้โลกรู้ เรียกสั้นๆ ว่าเย่อหยิ่ง  ภาคภูมิใจกับตัวเองเกินไป เดี๋ยวก็ปูดมาหมด  ไม่ต้องห่วงครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 17:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 177 ก็ดิฉันคิดว่าไม่เห็นจะต้องไปวิเคราะห์อะไรถึงขนาดคุณนี่ รู้สึกแค่มันเป็นคำที่ไพเราะ จริงๆแล้วจะไปวิเคราะห์ตรงตัวตามความหมายมันเลยไม่ได้หรอกนะ ไม่อยากเล่าเพราะความจำเลือนลาง ท่านสมาชิกท่านอื่นช่วยด้วยค่ะ ที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ท่านเคยบอกว่า ละอองธุลีในคำราชาศัพท์มาจากการที่ชาวที่เขมรไม่เอาใจใส่ทำความสะอาดพระวิสูตร จนมีฝุ่นจับเต็ม เวลาเสด็จออกขุนนาง เมื่อไขพระวิสูตร จึงได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และมาเป็นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไปด้วย จากคุณ : ธ - [ 25 ม.ค. 51 18:33:32 A:117.47.128.191 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 178 อ่อ คุณกัมม์คุณลดาดาว ต่างก็เอือมระอาเลิกรากันไปหมดแล้ว งั้นดิฉันก็ขอจบการเสวนาด้วยคนค่ะ จากคุณ : ธ - [ 25 ม.ค. 51 20:18:14 A:117.47.129.21 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 179 ผมไม่เลิกง่ายๆ หรอกครับคุณ ธ หมายปูนแดงที่ก้านคอไว้แล้วนี่ หนุกดี ขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยอธิบาย อ้ายพวกฟ้าเดียวกัน มันค่อนข้างโง่ ต้องใช้ความพยายามสักหน่อย  คิดเสียว่าบำเพ็ญวิริยะบารมีนะครับ ส่วนตัวผมเรียนมาแค่นี้  สันดานมันก็เลยได้แค่นี้  ขออภัยในบางลีลา แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 51 00:02:54 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 ม.ค. 51 23:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 180 ยังไม่จบกันอีกแฮะ กลับมาดู และกลับมาแซวคุณกัมม์ต่ออีกหน งานนี้ผมอยู่ฝั่งเห็นด้วยแหละ แต่ตกลงนสพ.เค้าแก้รึยัง พระโกศกับพระเมรุ.... ปัญหาภาษากลายเป็นปัญหาเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ทั้งสองฟากฝั่งฟ้า ชะเอิงเงยฯ วิริยบารมีบำเพ็ญทางดีก็เป็นคุณ ทางจองเวรจองผลาญก็เป็นบาปนะครับ ปล่อยพวกจองเวรเค้าจองเวรต่อไปคงมิเป็นอะไร ชาติสุนัขเห่าได้ไม่มีปัญญากัดดอก คุณกัมม์รู้ดีอยู่แล้วมิใช่ฤๅ เขียนบทความดีๆให้ชาวห้องสมุดอ่านต่อจะเป็นพระคุณมากกว่า อดีตสมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินยังไม่สวรรคตครับ ขอพระราชทานอภัยโทษด้วย ผมจำสับกันกับสมเด็จพระราชาธิบดีอุมแบร์โตแห่งอิตาลี ที่นิวัติกลับมาสวรรคตที่ซาวอย และรัฐบาลอิตาลีจัดงานพระบรมศพให้สมพระเกียรติเช่นกัน ปล.ผมยังอยู่อาศรม และอาศรมไม่เกี่ยวอะไรกับทัศนคติของผม เรื่องแสวงหาความรู้นั้น แสวงหาด้วยดวงตาเปิดทั้งสองข้าง รับข้อมูลสองทางนะคุณนะ ส่วนเรื่องบำเพ็ญประโยชน์แก่ประเทศชาติ ใครทำคนนั้นรู้เอง เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้แล จากคุณ : โกฏิดารา - [ 26 ม.ค. 51 01:38:24 A:222.123.228.240 X: TicketID:163406 ]

ความคิดเห็นที่ 181 งื่อ ผมว่าการโจมตีที่ตัวบุคคลไม่น่าจะทำให้เป็นการแลกเปลี่ยนถกเถียงที่สร้างสรรค์นะครับ... เรื่องที่สังคมไทยรับรู้ภาพแทน (representation) ของราชวงศ์ผ่านสื่อสารมวลชนซึ่ง เป็นการรายงานข่าว "ข้างเดียว" ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาโดยรวม (ไม่ได้เกี่ยวแค่เฉพาะกรณีจัดงานนี้) ผมมาคิด ๆ ว่า ที่ถกกันเช่นนี้เนื่องจากการคิดจากฐานที่ต่างกันหรือเปล่า? คุณ texanprofessor มองจากฐานที่ว่า มนุษย์ทุกคนย่อมเกิดมาเท่าเทียมกัน การใช้จ่ายเงินของราชวงศ์และราชสำนักควรอยู่ใต้การตรวจสอบของรัฐและประชาชน ขณะที่คุณลดาดาว หรือคุณ ธ มองอีกฐานว่า คนไม่ได้เท่าเทียมกันจริง ๆ หรอก จารีตประเพณี ฯลฯ ของไทยเนี่ย มันมี hierachy ของมัน ดังนั้น ด้วย "จารีต" เนี่ย การใช้ภาษีประชาชนจัดงานดังกล่าวจึง justified?... ...หากผมเข้าใจพลาดไปก็ยินดีแลกเปลี่ยนต่อนะครับ... ปล. discoure analysis ของคุณ texanprofessor เนี่ย เข้าข่าย post-structualism รึเปล่าครับ? ส่วนตัวผมว่ามองแบบ structural marxist แบบ Althusser ดูจะได้คำอธิบายอะไรหลาย ๆ อย่างได้เยอะ จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 26 ม.ค. 51 01:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 182 ผมมาคิด ๆ ว่า ที่ถกกันเช่นนี้เนื่องจากการคิดจากฐานที่ต่างกันหรือเปล่า? คุณ texanprofessor มองจากฐานที่ว่า มนุษย์ทุกคนย่อมเกิดมาเท่าเทียมกัน การใช้จ่ายเงินของราชวงศ์และราชสำนักควรอยู่ใต้การตรวจสอบของรัฐและประชาชน ขณะที่คุณลดาดาว หรือคุณ ธ มองอีกฐานว่า คนไม่ได้เท่าเทียมกันจริง ๆ หรอก จารีตประเพณี ฯลฯ ของไทยเนี่ย มันมี [การจัดลำัดับเบื้องสูงเบื้องต่ำ] ของมัน ดังนั้น ด้วย "จารีต" เนี่ย การใช้ภาษีประชาชนจัดงานดังกล่าวจึง [ยุติธรรมแล้ว]?... จากคุณ : ฮกหลงผู้หยั่งรู้ฟ้ามหาสมุทร - [ 26 ม.ค. 51 01:56:29 ] เป็นข้อเสนอที่แหลมคมๆ สมกับเป็นนักปรัชญา แต่ประธานาธิบดีสหรัฐถึงแก่อสัญกรรม ก็จัดงานรัฐพิธีให้นิ? งง งง จากคุณ : โกฏิดารา - [ 26 ม.ค. 51 04:04:52 A:222.123.228.240 X: TicketID:163406 ]

ความคิดเห็นที่ 183 ^ ^ ^ ไปอยู่ที่ไหนมาครับ ผมบอกชัดเเจ้งตั้งแต่ความเห็น 157 บรรทัดแรก (ไปอ่านได้ถ้ายังไม่ได้อ่าน แต่ถ้าอ่านแล้วแต่ไม่ "เก็ท" ก็ต้องเดาว่าการอ่านไม่แตก เนื่องด้วยปัจจัยทางการศึกษาหรือก็แล้วแต่--ขอ"กัด"นิดนะ)  แต่ for your convenience จะพูด(ซ้ำ)ให้ฟังว่า ไม่มีใครคัดค้านไม่ให้จัด แต่จะจัดด้วยงบเท่าไร หรูหราอย่างไร กี่วันหรือปี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผม question เพราะฉะนั้นคำเถียงข้างๆคูๆมั่วๆนิ่มๆ "แต่ประธานาธิบดีสหรัฐตอนตาย ก็จัดงานพิธีให้หนิ" ก็ฟังไม่ขึ้น เค้าจัดกันกี่วัน ใหญ่โตเท่าไร ฯลฯ ขนาดประเทศเค้ารวยกว่าเรา มี"อำนาจ"มากกว่าเรา ยังไม่ขนาดนี้  กรุณาอย่ามาอ้างว่า "ปธน เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้เป็นเจ้า" เพราะฟังไม่ขึ้นทางวิชาการ และเพราะผมว่า "เจ้า"จะมาไม่ได้ ถ้า 1) ไม่ได้มีการปราบดาตัวเองขึ้น และ 2) ถ้าประชาชนกลุ่มใหญ่ไม่เห็นด้วย (แต่อย่าลืม การเห็นด้วยของคนกลุ่มใหญ่ไม่ได้แปลว่าถูก เหมือนสมัยก่อนส่วนใหญ่เชื่อว่าโลกแบน ส่วนน้อยเชื่อว่าโลกกลมก็ถูก) และการเห็นด้วยอาจจะเป็นได้ว่าชาวรากหญ้า(ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่) ถูก"ครอบ"ด้วยสื่อในทางตรงและอ้อม (มีงานวิจัย back up เป็นร้อยชิ้นที่พิสูจน์ได้ว่ามีการครอบจากสื่อจริง) และอย่างน้อยๆในสหรัฐ ประชาชนก็ยังตรวจสอบความโปร่งใสของผุ้มีอำนาจเหนือกว่าได้ ทั้งในเรื่องส่วนตัว (personally-based issues, as in Monica Lewinsky?) หรือ เรื่องการทำงาน (performance-based, as in Iraq War) ต่างกับของไทย ที่ถึงแม้วิพากษ์ได้ แต่ต้องเป็นทางบวก และบวกบวก (ด้านเดียว แปลกดี) หรือ ถ้าใคร "คิดต่าง"(ถึงแม้มีเหตุผล) ก็จะถูกหาว่า "แตกแนว" "ทรยศ" "อยากกบฎ" "ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ" นานาจะสรรค์สร้างคำย้อมสี (colored-terms) ฯลฯ ส่วนแนวคิดที่ว่าควรวิ์พากษ์ได้ ตรวจสอบได้ ผมคิดว่าได้รับการสนับสนุนจากคนที่มีการศึกษาส่วนใหญ่ (ที่อาจจะไม่แสดงตัว หรือแสดงอย่างไม่เต็มในบอร์ดนี้)เช่น รศ ใจ อึ๊งภากรณ์ หรือนักวิชาการระดับนานาชาติหลายๆคน เช่น handley,chris baker,duncan mccargo และแนวคิดที่ว่า เราได้ภาพแทน(แต่ด้านความดีงามนะ)ของเจ้านายผ่านสื่อที่เต็มไปด้วย flattery and propaganda ก็เป็นความจริงที่แม้นักหนังสือพิมพ์ออกมายอมรับ (อ้างถึงในความเห็นผมใน 157) หรือแม้กระทั่งงานของนักวิชาการระดับนานาชาติเป็นร้อยๆชิ้น เกี่ยวกับการใช้ภาษาผ่านสื่อในการเอาดีเข้าคนที่มีอำนาจหรือชนชั้นปกครอง(และเอาร้ายเข้าต่อคนที่ต่างไปอื่นๆ) ของไทยที่(ดูเหมือน)จะไม่มีการวิพากษ์เจ้านายออกมาเพราะ 1) โดนปิดทางกฎหมาย ห้ามนำเข้าหนังสือ แบนเวปไซต์ คิดดูแม้กระทั่งผลิตงานวิชาการที่อ้าง reference ของ the king never smiles (นี่แค่อยู่ในบรรณานุกรมนะ) งานชิ้นนั้นถูก "สั่งเก็บ" จากศูนย์หนังสือในประเทศไทยอ่ะ แย่มากๆ 2)โดน ostracise ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ถ้าใคร"กล้า" ก็โดนวาจาผรุสวาทกลับ (อย่างผมเป็นต้น)เช่นที่คุณโกฎิดารามาใช้กับผมซึ่งคนที่คนเคารพในจารีดอย่างคุณน่าจะรู้ว่ามันไม่เหมาะสม และน่าจะเป็นตัวบ่ง indicator ของการเลี้ยงดูเดิมและชนชั้น ถึงแม้ว่าอาจจะเขยิบไต่ลำดับชั้นทางสังคมขึ้นมาได้ด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่ มาว่ากระทบกระเทียบว่า ผม(ผมอนุมานเอานะ)ว่าเป็นหมาได้แต่เห่า (ความเห็นที่ร้อยแปดสิบ) ผมคิดว่าคนที่มีจารีตที่ดี(เข้าเส้นหรือในสายเลือด)คงไม่ fall back into นิสัยอย่างเดิมๆหรอกนะครับไม่ว่าจะสถานการณ์อย่างไหน (นอกจากคนพาล) แน่นอนครับคุณฮกหลง ว่าจารีตของไทยมันมีความเป็นชนชั้น คนหลายๆคนจะพูดว่าเป็นวัฒนธรรมที่ควรรักษาไว้อย่างไรก็ได้ เพราะพวกเค้าเหล่านั้น(กลุ่มนี้นะ)ได้รับเอา "อุดมการณ์" (ideology, or in Gramsci's term "hegemony") มาเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ พวกเค้าได้เป็น"สมาชิก"ของแนวความคิดนี้แล้วและคิดว่าบรรทัดฐานทางสังคมต่างๆมันเป็นเรื่อง "ธรรมชาติ" "ปรกติ" "ดีแล้ว" นั่นเอง  (ตัวอย่างมีให้เห็นารอ้างข้างๆคูของคุณ เจ้าพระยาฯ ซึ่งไม่ได้มีแนวคิดสนับสนุน หรือตรวจสอบที่มาที่ไปทางวิชาการได้ เช่น "เจ้าไทยดีเพราะไม่มีข่าวเสียออกมา"...แต่หารู้ไม่โดนสั่ง "เก็บ"ไปหมด หรือมีอยู่ก็ตามคลิปฉาววันเกิด ฯลฯ แต่ใครจะกล้ามาเขียนเป็นข่าว???) แต่อยากให้คนกลุ่มนี้หันไปดูว่า จารีตที่ว่าบ่งความเป็นไทย เป็นความดีงามแบบไทยๆนั้นน่ะ ใครเป็นคนกำหนด (ถ้าไม่ใช่ คนที่มีอำนาจในการกำหนด เช่น คนชั้นกลาง กรุงเทพ และสูง) ถ้าใครทำไม่เข้าข่ายหรือมี "จารีต" หรือความคิดที่ต่างไป ก็ถูกว่า ด่า ต่างๆนาๆ สุดท้าย คนอื่นๆ (the others) ก็ต้องยอมทำ หรือแม้กระทั่งรับเอามาอย่างไม่มีเงื่อนไข คนกลุ่มที่เป็นผู้กำหนด(หรือชนชั้นปกครอง)จะมีข้ออ้างเช่น ถ้าไม่มีระบบนี้ สังคมคงไม่เป็นสุข สังคมคงไม่มีการเคารพกัน วัฒนธรรมดีๆคงหายไป ฯลฯ  แต่ถามว่า "สังคมคงไม่เป้นสุข" นั้น ใครเป็นสุข ก็ต้องบอกว่า สุขอย่างที่คนกลุ่มปกครองอยากให้เป็นสุข (คือ ทำไปเพื่อรักษาความสุขของกลุ่มตัวนั่นเเหละ) วัฒนธรรมดีๆนั้น มัน "ดี"ของใคร ถ้าไม่ใช่ ดีของชนชั้นปกครอง??? ถ้าผมต้อง declare political stance ของตัวเองนะครับ ผมก็บอกว่า ผมเป็นแนวผสม marxism และ deconstructionism/post-structualism เอาแนวคิดของ Marx, Gramsci, Althusser, Foucault, Giddens มา apply เป็นกรณีๆ (ซึ่งนักคิดเหล่านี้ก็ต่างกันแค่ปลีกย่อยไม่ใช่หรือ) แล้วเอามาผสมกับหลักทางภาษาศาสตร์ มองไปมองมาก็เหมือน creationist กับ evolutionist ที่คุณ nexus กล่าวไว้  ผมขอถือวิสาสะอยู่ใน evolutionist (ที่บางทีอาจจะไม่ปฏิเสธว่าพระเจ้ามีจริง แต่ว่าไม่มายุ่งกับวิวัฒนาการก็เป็นได้)  แต่พวกอ้างไบเบิลตลอดนี่ ผมก็รับไม่ได้เหมือนกันนะครับ (of course, this is so only if i correctly understand these two words "creationist" and "evolutionist" as used in common parlance, K. Nexus)... แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 51 07:40:06 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 51 05:13:09 จากคุณ : krisdauw (krisdauw) - [ 26 ม.ค. 51 04:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 184 ซะอย่างงั้น เขาไม่ได้ว่าคุณดอก ผมนี่สิว่า ไอ้ไทยคำอังกฤษคำ น่ารำคาญขี้เกียจแปล บางทีก็แปลไม่ออก เมื่อ(when)เช้า(morning)ผม(hair)เดิน(walk)ผ่าน(pass)หน้า(face)บ้าน(home)หลัง(back)หนึ่ง(one)  หมา(dog)บ้าน(home)เขา(him)ก็เห่า(bay)ผม(hair) ไม่(no)รู้(know)มัน(it)พูด(talk)อะไร(what)ฟัง(hear)ไม่(no)รู้(know)เรื่อง(story)  รู้(know)แต่(but)ว่ามัน(it)ไม่(no)ค่อย(softly)ชอบ(like)ผม(me) โทรฯ ไปถามเพื่อนที่มาจากอริโซน่า  เขาว่า "อ้ายหมอนี่มันตกงานเขียนหนังสือกินอยู่นี่นา แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ทำมาหากินอะไร  คงใช้มั้ง" ถ้า(if)ข้อมูล(data)ไม่(no)สด(fresh)ขออภัย(pardon)  ฮ่าฮ่าฮ่า(555)โย้(yo) แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 51 09:40:43 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 51 09:40:01 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 51 08:55:17 จากคุณ : กัมม์ - [ 26 ม.ค. 51 08:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 185 คุณ krisdauw ครับ ไอ้ Ad hominem เนี่ยมันเป็นยุทธวิธีหากินที่เห็นได้เป็นประจำของ Creationist(ความเชื่อว่ามีผู้สร้างโลก-เช่นพระเจ้า) เลยครับ ไม้ตายอีกอันของเขาคือ "ศรัทธา" กับ "ดูสิคนเขาเชื่อกันทั้งโลก"  ผมถือคติว่า Do not feed the TROLL World changes, ideologues and zealot not. จากคุณ : Nexus - [ 26 ม.ค. 51 11:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 186 อ้าว กรรม ผมไปด่าคุณ krisdauw ตั้งกะมะไร ผมแค่ถามเฉยๆว่่า ปธน.กับอดีตปธน. สหรัฐถึงแก่อสัญกรรม เค้าจัดงานให้สมเกียรติปธน.รึป่าว เท่านั้น ข้อสรุปของคุณฮกหลงก็ดูเป็นเหตุเป็นผลดีครับ ไหงทำเหมือนไม่เข้าใจอ่ะ ก็คุณสรุปได้อย่างนั้นแล้ว จากสารพัดสถานการณ์ที่ผ่านมาคงรู้ ถ้าจะเปลี่ยนต้องรอแรงเฉื่อยสังคมหมดก่อน คุณkrisdauw ว่าอีกฝั่งมา คุณก็ดันใช้ตรรกะเดียวกันกับเค้าว่าเค้ากลับ ง่ะ ผมถึงว่าสองฟากฝั่งฟ้ามิมีผู้ใดยอม มันก็มหาประเทศเภทนาการเท่านั้นแล คุณ Nexus กล่าวไว้ดียิ่งครับ เห็นด้วย มาดู+เฝ้ากระทู้ต่อจนกว่าจะได้อมยิ้มคืน จากคุณ : โกฏิดารา - [ 26 ม.ค. 51 17:05:47 A:117.47.12.75 X: TicketID:163406 ]

ความคิดเห็นที่ 187 คุณน้องฮกหลงขา ในที่สุดก็ทำให้คุณพี่กลับเข้ามาอีกจนได้ เพื่อตอบคุณน้องโดยเฉพาะค่ะ  ใช่ค่ะคิดบนฐานที่ต่างกัน แต่คุณสรุปความคิดของเราผิดค่ะ เรามองว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์  ทุกคนมีความต้องการขั้นพื้นฐาน อยากได้สิ่งมาสนองความต้องการนั้น มีสิทธิ มีเสรีภาพ  แต่เมื่อมาอยู่รวมกันในสังคม ก็ต้องมีกฏระเบียบ มีผู้ดูแลหรือผู้นำ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย การแบ่งงานกันทำก่อให้เกิดชนชั้น เมื่อเกิดชนชั้น ก็เกิดการวิถีชีวิต จารีต ประเพณี การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะกับการงานที่แตกต่างกัน  ความแตกต่างนี้เองทำให้ดูเหมือนคนเราไม่เท่าเทียมกัน แต่ก็เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยอมรับหรือประนีประนอมได้ เพื่อให้อยู่กันอย่างสงบสุข มีระเบียบ แต่ศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ยังเท่าเทียมกันทุกประการ แต่การที่คุณบอกว่า ''ด้วยจารีต การใช้ภาษีประชาชนจัดงานจึง  justified'' นี่ไม่ห้วนไปหน่อยหรือคะ เราก็ได้ยกข่าวมาให้อ่านแล้ว ว่า การจัดงานครั้งนี้ใช้งบประมาณแผ่นดินแบบงบฉุกเฉิน  อย่าลืมว่า การขอและใช้งบประมาณทุกอย่างนี่ต้องได้รับการตรวจสอบจากสำนักงบประมาณแล้ว และก็ยังมีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมาดูแลอีกในกรณีที่จำเป็น  คุณบอกว่าท่านอาจารย์จากเท็กซัสน่ะสนับสนุนการตรวจสอบ แต่พอถึงเรา คุณไม่พูดถึงการตรวจสอบเลย เลยดูเหมือนว่า เราเห็นคนไม่เท่าเทียมกัน คิดว่าจารีตทำให้ใช้เงินจัดงานยังไงก็ได้ ไม่โปร่งใสก็ยอมรับได้ ไม่ใช่นะคะ  ถ้าเราจำไม่ผิด งบประมาณตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปนี่ จะมาอนุมัติกันเองไม่ได้นะภายในหน่วยงาน แล้วคราวนี้ มันตั้ง 300 ล้านบาท เขาจะไม่ต้องรายงานหรือตรวจสอบการใช้เงินกันเลยหรือคะ  ที่เราไม่ได้พูดเรื่องตรวจสอบ ก็ละไว้ฐานที่เข้าใจ งบฯก็คู่กับการอนุมัติตรวจสอบอยู่แล้วค่ะ อ้อ แล้วที่ว่าไม่ชอบการนำเรื่องส่วนตัวมาพูดน่ะ การที่พวกคุณบางคนกล่าวถึงพระองค์ท่านในแง่ที่ไม่ดีเท่าไร เหมือนว่าท่านไม่ได้ทรงงาน แต่ที่เคารพกันเพราะเป็นพี่ในหลวงเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการกล่าวถึงเรื่องส่วนตัวหรือคะ ชอบบอกว่าเจ้านายที่ไปเล็คเชอร์ต่างประเทศน่ะไม่เก่งจริง มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง นี่ไม่ใช่การโจมตีท่านด้วยเรื่องส่วนตัวหรือคะ  เห็นมาหลายกระทู้แล้วเรื่องเล็คเชอร์นี่ ไหนว่าไม่ชอบนินทาไง  ท่านจะเป็นไง ก็ไม่เกี่ยวกับเรี่องการจัดงานนี้ คนละเรื่อง เอามาพูดทำไม จริงๆ เอาเวลาที่ว่าคนอื่นไปปรับปรุงงานตัวเองน่าจะดีกว่านะ  แล้วเรางงมากๆเลย พอดีเพิ่งเห็น ทำไมต้องต้องมาแสดงการแยกโครงสร้างประโยคอะไรให้ดูด้วยคะ นี่ไม่ใช่กระทู้เรียนภาษานะ งงเลยค่ะ   คุยกันคนละเรื่องหรือเปล่า ที่เจ็บไปกว่านั้น เราเพิ่งเห็นท่านอาจารย์เขียน (พอดีเมื่อวานทำงานอยู่อ่านผ่านๆ เลยไม่เห็นตอนแรก) "ผมคงของดตอบว่าทำอะไรให้แผ่นดินนี้ (เมืองไทย)บ้างนะครับ  เพราะผมว่ามันไม่สำคัญเท่าไร" ท่านอาจารย์ขา เราว่าสิ่งที่คุณว่าไม่สำคัญเท่าไรนี่ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของความเป็นคนเลยนะคะ การกตัญญูรู้คุณต่อแผ่นดินเกิดนี่  เอ หรือว่าคุณเกิดที่อเมริกาคะ  ถึงไง เราก็เห็นคนอเมริกันเป็นพวกรักชาติ (patriots) กันมากมายอยู่นะ จะมาบอกว่า แค่คนไทยที่เน้นเรื่องกตัญญูต่อแผ่นดินแม่ จึงไม่น่าจะใช่  ขนาดท่านประธานาธิบดี John F. Kennedy ยังเคยพูดเลยว่า อย่าถามว่าประเทศให้อะไรแก่ท่านได้บ้าง จงถามว่าท่านให้อะไรแก่ประเทศได้บ้าง   ทำนองนี้ แปลว่าความคิดเรื่องกตัญญูรักชาตินี่เป็นสากลนะคะ ย้ำ  เราไม่ได้อยู่ข้างไหนทั้งนั้น แต่พูดตามหลักการ ดูเป็นกรณีๆ ไปค่ะ ไม่ใช่เข้าข้างเจ้าหรือผู้ปกครองตะพึดตะพือ  ถ้าเจ้าหรือผู้ปกครองทำตัวไม่เหมาะสม อย่าหวังเลยว่าเราจะยอมรับนับถือ จะช่วยกันประท้วงช่วยกันทวงอำนาจของปวงชนคืนด้วยซ้ำ เราชอบแนวคิดของ John Locke ค่ะ ถ้ายังไม่เคยอ่าน ลองไปอ่านดูนะคะ จะเข้าใจจุดยืนเรา อ้อ ลืมไปเห็นบางคนพูดว่า งานศพประธานาธิบดีไม่ได้จัดหลายวันเหมือนที่นี่  ขอโทษนะคะ งานที่รัฐบาลต้องออกเงินมีวันเดียวเท่านั้นแหละคืองานพระราชทานเพลิง ส่วนงานสวดต่างๆปกติทางวังจะออกเอง รัฐบาลไม่ต้องออกสักแดง  แต่ตอนนี้ราชสกุลต่างๆ และคณะบุคคลเป็นเจ้าภาพงานสวด ตอนนี้ไม่มีวันเหลือให้เป็นเจ้าภาพแล้วค่ะ ก่อนจะว่าอะไร ไปหาข้อมูลมาก่อนก็จะดีนะคะ  ไม่ได้โกรธอะไรเป็นการส่วนตัวนะคะ แค่ชอบโต้แย้งอย่างมีเหตุผล จากคุณ : ลดาดาว - [ 26 ม.ค. 51 18:29:59 ]

ความคิดเห็นที่ 188 โอโอ๋ โอ๋ น่าสงสารคุณ โกฏิดารา จาน แกเกิดโมหาคติจากผมน่ะครับ ใครทำเสียงจุ๊จุ๊  แกก็ระแวงไปหมดน่ะครับ ไม่ทันดู เห็นใจครับ  คุณโกฏิดารา คงได้อมยิ้มในเร็ววัน (จะซื้อให้สักอัน) ไม่นึกว่าพาดหัวข้อข่าว  จะพาเรามาไกลถึงปานนี้ได้ จากคุณ : ไทเลอร์ เดอร์เดน (กัมม์) - [ 26 ม.ค. 51 18:42:14 ]