ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เคยเป็นนักแปลประจำบริษัทนะ เคยแต่พยายามจะเป็นนักแปลอิสระอยู่พักหนึ่ง เลยประกาศตัวออกไป แล้วก็ได้ลูกค้ามาพอสมควร แต่มี 2 กลุ่มหลักๆ ที่มีปัญหา นั่นคือ 1. แปลงานวิจัยให้นักศึกษาที่เรียน ป โท สาขาต่างๆ 2. แปลงานประจำให้บริษัที่ติดต่องานกับต่างประเทศ คือแรกๆ ก็ทำด้วยความสนุกสนาน เห็นเป็นของแปลกใหม่ ทำไปได้ประมาณปีสองปีพอมันเก่าแล้วเราก็เริ่มมองเห็นข้อเสีย 1. แปลงานวิจัย ต้องเจอกับงานวิชาการ ซึ่งส่วนมากจะหินโหด และไม่อยู่ในสาขาที่เราถนัด (ถ้าง่าย พวกขาจะแปลกันอง) ทำให้ต้องทำการค้นคว้า หาข้อมูลที่ไม่รู้อยู่เสมอ 2. แปลงานบริษัท บริษัทต่างๆจะมีพนักงานแปลเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนงานที่ส่งออกมาข้างนอกให้เรา มักจะเป็นงานที่เร่ง หรือไม่ก็ยาก เกินไป จนนักแปลประจำบริษัทแปลไม่ทัน หรือแปลไม่ไหว ทำแบบนี้ อยู่บ่อยๆ ก็เหนื่อยเราเอง ส่วนงานง่ายๆ รายได้ดีๆ ก็จะเป็นงานพวก แปลสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน หนังสือรับรอง อีเมล์หาแฟนฝรั่ง อะไรเทือกนี้ แต่กว่าคนจะรู้จักเป็นขาประจำกับเราได้ต้องติดป้ายหน้าบ้านไว้เป็นครึ่งปี เรื่องรายได้ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการแปล และไม่รู้ว่าในวงการเขาคิดกันเท่าไหร่ เลยคิดเอาไว้เริ่มต้นที่หน้า a4 eng-thai 150 / thai-eng 250 เวลาทำงานเฉลี่ย 1 แผ่น/ชั่วโมง ทำเต็มที่วันละ 10 แผ่น พัก 1 วัน เฉลี่ยอีกทีทำได้เดือนละประมาณ 150 แผ่นเป็นเงินเท่าใหร่ไม่รู้ แต่รู้ว่าไม่พอค่าเหนื่อย สงสัยคิดราคาถูกเกินไป สรุป ทำอยู่ประมาณ 2 - 3 ปี ก็ล่าถอยออกจากวงการหันไปเอาดีทางอื่นดีกว่า จากคุณ : มนก - [ 25 ม.ค. 51 08:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นักแปลประจำบริษัท มีเวลาทำงานไม่เป็นอิสระ แต่หลังเลิกงานแล้วมีชีวิตอิสระ นักแปลอิสระ มีเวลาทำงานเป็นอิสระ แต่ไม่มีชีวิตอิสระหลังเลิกงาน นักแปลประจำบริษัทมีโอกาสพัฒนาฝีมือมากกว่า นักแปลอิสระมีโอกาสทำเงินได้มากกว่า จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 25 ม.ค. 51 14:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อมูลนี้สรุปจากประสบการณ์อันน้อยนิดที่สั่งสมมานะคะ นักแปลประจำบริษัท ข้อดี 1. ถ้าสามารถรับความกดดัน (ดูด้านล่าง) ได้ ทักษะและความชำนาญในการแปลของคุณจะแกร่งขึ้นอย่างมาก 2. ได้ทักษะจากการใช้ CAT Tools) เฉพาะบางประเภทที่ไม่สามารถ outsource ได้ เช่น LocStu หรือ Helium ซึ่งเป็นโปรแกรมแปลเฉพาะของงานไมโครซอฟท์ หรือแม้แต่ SDL TRADOS (ยกเว้นแต่จะใช้วิธีบางอย่างเพื่อให้สามารถใช้ได้แบบพิเศษ!!) 3. ได้ความรู้ด้านต่างๆ ที่หลากหลาย เพราะเลือกงานไม่ได้ 4. ได้สังคมและเครือข่ายคนในแวดวง 5. ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปล เช่น กระบวนการแปลงไฟล์สำหรับ CAT Tools ประโยชน์คือเป็นความรู้พื้นฐานในการแก้ไขปัญหาจาก tool เหล่านี้ 6. รายได้ขั้นต่ำแน่นอน (เงินเดือน ซึ่งอัตราแตกต่างกันไปแล้วแต่บริษัท) บวกรายได้เสริมจากการรับงานนอกเมื่อวิทยายุทธ์แข็งกล้าขึ้น ยังมีโอทีในบางกรณีด้วย (บางบริษัทบังคับให้ทำ ในขณะที่บางแห่งไม่ต้องการให้พนักงานทำโอที หรือบางแห่งอาจเป็นโอแถม) 7. วันหยุดที่แน่นอน ฯลฯ (นึกได้แค่นี้) ข้อเสีย 1. ความกดดัน ถ้าพื้นฐานด้านภาษาไม่แกร่งพอ (ยังไม่นับรวมความรู้เฉพาะทางนะ) จะกดดันมาก โดยเฉพาะช่วง Probation เพราะเวลาให้ปรับปรุงตัวมีจำกัด หรือเมื่อพ้น Pro แล้วยังมีประเมินผลงานอีกเป็นระยะๆ ซึ่งมีผลต่อชีวิตความก้าวหน้าของตัวเองภายในบริษัท 2. เลือกรับงานไม่ได้ เพราะกินเงินเดือนเขา เจอเนื้อหายากหรือน่าเบื่อเพียงใดก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามที่ได้รับมอบหมาย และงานที่เข้ามาในกรณีของบริษัทแปลใหญ่ๆ ขอย้ำว่าแทบไม่มีระดับทั่วไป (อาจมีปีละครั้งสองครั้ง) ส่วนใหญ่เป็นงานเฉพาะทาง หรือมีความซับซ้อนทางด้านภาษาค่อนข้างสูง แต่ถ้าชอบความท้าทายอยู่แล้ว...อาจจะติดใจ 3. ต้องเข้าออกงานตามเวลาที่ทำงาน ไม่สามารถแว้บไปมาตามอารมณ์ 4. วันหยุดอันมีค่า...ได้รับอย่างจำกัดต่อปี นอกจากบางบริษัทที่สามารถสะสมวันหยุดตามอายุงาน ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้อง “เก๋า” พอสมควร หรือไม่ก็ลาแบบไม่ง้อเงินเดือน (และ...แน่นอน...ผลการประเมินการทำงานประจำปีของคุณด้วย) 5. บางทีทำงานที่บริษัทเสร็จก็แทบอ้วก อาจไม่มีแรงไปรับงานนอกต่อ (แต่เห็นส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว ก็สดชื่นกระดี้กระด้ากันทั้งน้าน) 6. สำหรับบริษัทเล็กๆ นักแปลอาจต้องทำหน้าที่แบบ one-stop service คือเป็นตั้งแต่ติดต่อลูกค้า รับไฟล์มาแปลง แปล อีดิต ตรวจปรู้ฟ ซึ่งน่าปวดหัวพอสมควร แต่ถ้าชอบ อาจจะรู้สึกสนุก นักแปลอิสระ ข้อดี 1. มีอิสระในการจัดสรรตารางเวลาของตัวเอง 2. มีอิสระในการเลือกรับงาน 3. มีโอกาสที่จะทำเงินได้มาก ถ้าขยัน 4. ไม่ต้องปวดหัวกับกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปล เช่น ปัญหาการแปลงไฟล์ที่มีผลต่อหน้าตาของไฟล์ ฯลฯ 5. สามารถทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำอื่นๆ 6. มีโอกาสต่อรองค่าแปลตามหัวข้อ ความยากง่าย และลักษณะงาน (ข้อนี้เน้นว่าคุณต้องมั่นใจว่าเจ๋งพอสมควรที่จะทำให้คนจ้างเต็มใจควักกระเป๋าจ่ายในเรทที่ผิดจากชาวบ้านของคุณด้วยนะ) ข้อเสีย 1. รายได้ไม่แน่นอน 2. อาจประสบปัญหาเครดิตการจ่ายเงินจากผู้จ้างบางรายที่ไม่ใช่เจ้าที่คุ้นเคย หรือถูกเบี้ยวไปเลย 3. โอกาสที่จะเรียนรู้งานด้านอื่นไม่ค่อยมี เพราะมักไม่เลือกงานที่ (คิดว่า) ไม่ถนัด 4. ต้องหมั่นเข้าหาผู้จ้างใหม่ๆ เพื่อขยายขอบเขตรายได้ของตัวเอง แต่นักแปลบางคนถ้าแปลจนเป็นที่ไว้วางใจของผู้จ้างบางรายแล้ว อาจมีงานป้อนให้ตลอด 5. ในกรณีที่ไม่มีพาวเวอร์พอที่จะต่อรอง อาจโดนกดค่าแปลจนน่าอนาถใจ 6. อาจไม่มีโอกาสเรียนรู้การใช้ CAT Tools บางชนิดที่จำกัดเฉพาะ in-house เนื่องจากปัญหา license หรือข้อจำกัดระบบ ฯลฯ ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวจากทั้งประสบการณ์ของตัวเองและที่พบเห็นมาค่ะ อาจไม่ตรงกับของคนอื่น หรือหลงๆ ลืมๆ ปลีกย่อยบางอย่างไปบ้าง น่าจะพอทำให้มองเห็นภาพของอาชีพนักแปลได้บ้าง จากคุณ : พอตอบได้ - [ 25 ม.ค. 51 22:22:14 A:58.8.49.153 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในบริษัทแปลแห่งหนึ่งมีทั้งนักแปลรับเงินเดือนกับนักแปล freelance นี่คือความแตกต่าง ถ้าไฟดับนักแปลรับเงินเดือนจะเดินเล่น กินเบียร์ สูบบุหรี่ จนเพลินในขณะที่นักแปล freelance จะจุดเทียนแล้วแปลต่อไป โดยเขียนคำแปลลงกระดาษแทนพิมพ์คอมฯ เราเคยทำงานรับเงินเดือนเจ้านายใจดีขึ้นเงินเดือนให้ทุกปีๆละ 60-80 บาทต่อวันถ้าคิดเป็นอัตราต่อเดือนก็นับว่าดีทีเดียว โหถ้าไม่ลาออกนะป่านนี้รับแต่เงินเดือนก็สบายแล้ว เราลาออกเพราะอยากทำงานให้ได้เงินมากๆตามปริมาณงานที่ทำ พอทำ freelance จริงๆดีใจว่าแปลเร็วมากได้เงินไวดี แต่อนิจา ตอนนั้นไม่รู้ตัวว่าที่แปลไวเพราะแปลผิดเพียบเลยนั่นเอง ....ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....... พอรู้ตัวว่าบริษัทแรกที่เราทำจะจ่ายงานยากๆให้นักแปล freelance แต่เก็บงานง่ายๆให้นักแปลรับเงินเดือนทำ เราก้อเลยย้ายบริษัท ไปรับงานจากบริษัทที่ไม่มีนักแปลนั่งประจำ เพื่อให้ได้งานง่ายกับยากคละกัน เคยรับงานจากลูกค้าโดยตรงราคาดีกว่า เอามาแทรก แต่พอลูกค้าจ่ายเงินช้าก็รำคาญยอมโดนบริษัทแปลกินหัวคิวไป ทำต่อไปเรื่อยๆ งานราคาถูกแต่ได้เงินไว ก็เพราะมีงานพวกไปให้กระทรวงการต่างประเทศรับรองนี่แหละ งานมันง่ายๆคล้ายๆกัน แปลแพล็บเดียวก็ได้เงิน เช่นแปลไทยเป็นอังกฤษ พวก หนังสือรับรองโสด บันทึกแต่งงาน บันทึกการหย่า บันทึกรับบุตรบุญธรรม ป.ค.14 แบบมีของเจ้าตัวใบหนึ่งของพ่อใบหนึ่งของผู้ใหญ่บ้านอีกใบหนึ่งอะไรทำนองเนี้ยซ้ำๆกันว่าผู้หญิงไทยอยู่กินกับสามีไทยโดยไม่จดทะเบียนสมรสมีบุตรแล้วเลิกกันไป แล้วแต่งงานกับฝรั่งจะเอาลูกไปต่างประเทศไปอยู่กับสามีฝรั่ง โหซ้ำๆกัน copy มาเปลี่ยนชื่อคนกับเปลี่ยน pronouns ก้อสบาย ...บางทีมีอังกฤษเป็นไทยพวกสัญญากฎหมายให้แปล ยากหน่อยแต่แปลจนจำได้เกือบหมดแล้วว่ามันจะมาไม้ไหน....บางทีก็มีใบศาลยาวๆแปลไทยเป็นอังกฤษ แปลแพล็บเดียวก็เสร็จแต่แปลผิดเพียบเลย เพราะอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง เนื่องจากไม่ได้ไปขึ้นศาลกับเขา แล้วทนายเขียนวกวน เจ้าหน้าที่ศาลก็เขียนวกวน แต่จะทำอย่างไรได้ก็เราไม่ได้รับงานจากลูกค้าโดยตรง จะโทรไปถามไม่ได้ ต้องแปลไปตามเนื้อผ้า.... แปลๆไปแบบบะหมี่ไวๆขนาดงานราคาถูกๆแต่เคยบ้าเลือดแปลได้วันละ 2,000 -3,000 บาท เลยไม่ค่อยได้วิ่งไปหาลูกค้าประจำแบบรับจากลูกค้าโดยตรง .....เพราะไม่ได้อนาทรร้อนใจ จึงพลาดท่า พลาดท่าเพราะอะไร? พลาดท่าเพราะดันไปปรับปรุงการเขียนภาษาอังกฤษ เขียนดีกว่าเดิม ยกเครื่องวิธีแปลงานไทยเป็นอังกฤษหมดเลย คำแปลดีกว่าเดิม เลยขาดรายได้ รายได้ลดลงเพราะเขียนภาษาอังกฤษดีขึ้นนี่เอง ....??? อ้าว บ้าแล้วหรือ? มีแต่คนเขารายได้มากขึ้นเพราะเขียนภาษาอังกฤษดีขึ้น มันยังไงกันหว่า?? มันยังงี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ชอบคำแปลไทย-อังกฤษเป็นภาษาอังกฤษแบบไทยๆมีกลิ่นกะปิน้ำปลาเพราะตรวจง่าย ถ้าเขียนดีเกินไป เจ้าหน้าที่อ่านไม่เข้าใจว่าแปลมาอย่างไร เพราะ paraphrase ไปเพื่อให้คำแปลเรียงลำดับคำแบบภาษาฝรั่ง เจ้าหน้าที่ตรวจแล้วเรียงลำดับไม่ถูกเลยหัวเสีย ตีกลับมาหมด บริษัทแปลก็ห้วใสได้ทีขี่แพะไล่ เปลี่ยนเป็นจ้างนักแปลที่เขียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษแบบไทยๆผิดๆ grammar เยอะๆ เพราะ 1 นักแปลยอมคิดค่าแปลถูกกว่าเรา 2 เจ้าหน้าที่กระทรวงไม่ตีกลับมา เพราะทั้งนักแปลกับเจ้าหน้าที่กระทรวงมาเฟียเขียนภาษาอังกฤษเหมือนๆกัน เลยเข้ากันได้ ..... เราเลยรายได้ลดลงฮวบเพราะต้องแปลแต่เอกสารยากๆ เราเลยต้องหันไปหาลูกค้าเอง ตอนช่วงเปลี่ยนงานแทบไม่มีเงินเลย เผอิญเพื่อนๆช่วยโยนๆงานมาให้ทำบ้าง แต่ทำไปทำมางานหลักตอนนี้กลายเป็นกลับไปแปลหนังสือใหม่อีกรอบ (แต่ใช้นามปากกาตอนนี้) และรับ edit หนังสือแปล ตอนนี้เอาค่าแปลหนังสือแค่พออยู่ได้ แต่แปลๆไปเจอประโยคภาษาอังกฤษสวยๆจะเก็บใส่ files แยกประเภทไว้หมด เพื่อเอาไว้เรียนเขียนภาษาอังกฤษแบบยกเครื่องใหม่หมด กะว่าจะเอาไปใช้เขียนคำแปลงานเอกสารไทย-อังกฤษราคาดีๆ ถ้าหาได้นะ ... แต่คิดๆว่ารับจ้างเขียนวิทยานิพนธ์ภาษาอังกฤษก็ถ้าจะดีเหมือนกันนิ .... หรือจะไปลงทะเบียนตามเว็บฝรั่งรับงานแปลจากต่างประเทศกับเขาบ้าง...?? แต่คิดๆก็ยังคิดถึงงานแปลไปรับรองที่กระทรวงการต่างประเทศนะ ตอนนี้พอจะนึกขึ้นมาได้ว่า จะได้ลูกค้าโดยตรงมาอย่างไร คราวนี้หละ ถ้าแปลงานไปกระทรวงอีก ตูจะแกล้งโง่เขียนภาษาอังกฤษแบบสำนวนไทยๆแมร่งเลย ...จะได้ไม่โดนตีกลับ....ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........ หรือจะกลับไปหาเจ้านายเก่า(รายแรกสุดที่เราเคยฝึกงานกับเขา)เราดี เพราะเขาเป็นเพื่อนกับนายกคนใหม่..555+++....จะได้ไปตีท้ายครัวได้ว่ามีงานเอกสารประมูลจัดซื้อจัดจ้างอะไรให้แปลบ้าง ถ้าได้ราคาดีๆหน่อยก้อเอามาแบ่งๆให้ลูกน้องเก่าทำบ้างนะจ๊ะ... ราคาก๋วยเตี๋ยวเรือไม่เอานะ ....แหะๆๆๆๆ....ฝันไปเรื่อยเรา หมู่นี้....งานการไม่ทำ ....มีงานแปลค้างอยู่เพียบเลยอ้ะ...!!!???.. เอ่อ...คือแค่รำลึกถึงความหลังว่าจริงๆแล้วตอนทำงานรับเงินเดือนนะ เราเคยเป็นอดีตมือปืนรับจ้างแปลเอกสารประมูลจัดซื้อจัดจ้างกับสัญญาว่าจ้างของหน่วยงานราชการ จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ น่ะดิ.... นั่งๆแปลนิยายไป แล้วอยู่ดีๆทำไมคิดถึงงานแปลเก่าๆที่เราเคยทำก้อม่ายรุ..........???!! แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 51 07:29:41 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 06:48:47 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 06:25:54 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 3 ก.พ. 51 06:18:20 ]