ความคิดเห็นที่ 1 เราเรียนโยคะแต่ก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้ แต่เรามีเรื่องน่าคิดเกี่ยวกับวัดโพธิ์จะเล่าให้ฟัง เราเจออดีตนักมวยไทยท่านหนึ่งให้บริการนวดแก่ฝรั่งที่วัดไทยในลอนดอนได้ค่านวดมาก็ถวายวัดเป็นการกุศล เราเรียกเขาว่าอาจารย์เพราะเขาสอนมวยไทยด้วย .... เราจับตาดูเขานวดให้ฝรั่งคนหนึ่ง พอกดเส้นโน้นเส้นนี้ เขาก็มาถึงเส้นหนึ่งที่เป็นเส้นทางเดินเลือดลมของหัวใจ แล้วเขาก็บอกเราว่า "นี่เรียกว่าเส้นอัคนี" เราฟังแค่นั้นก็หูผึ่ง เพราะเคยอ่านหนังสือวิชาแทงเข็มที่คนจีนเขียนเป็นภาษาอังกฤษเขาบอกว่า The heart is the house of fire.  นั่นก็คือหัวใจถือเป็นธาตุไฟตามการแพทย์ของจีน แล้วทำไมนวดไทยมันเรียกเส้นทางเดินลมปราณหัวใจว่า "เส้นอัคนี" อัคนีแปลว่าไฟ?  เอมันยังไงกันหว่า   เราจึงถามนักมวยท่านนั้นว่า "อาจารย์ไปเรียนนวดมาจากไหน" เขาตอบว่า "จากพ่อ" เราซักต่อ "พ่ออาจารย์ไปเรียนจากไหน" เขาตอบ "จากตำราวัดโพธิ์" โหถ้าพ่อเขาได้ตำราจากวัดโพธิ์นะ ป่านนี้ตำราจะยังเหลือหรือ?  มันตั้ง 2 ชั่วคนมาแล้วนิ....ป่านนี้อาจารย์ท่านนั่น ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงชราภาพเต็มทีแล้ว....???? พอกลับเมืองไทยเราก็รีบปรี่ไปที่วัดโพธิ์ แล้วสิ่งที่น่าสนใจที่เราพบก็คือ "อับเฉา" ที่เป็นรูปตุ๊กตาหินจีน... "อับเฉา" ในที่นี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า ballast สะกดเหมือนกับ ballast ที่อยู่บนนีออน แต่ความหมายไม่เหมือนกันนะ ballast หรืออับเฉานี้ เป็นน้ำหนักที่ใช้ถ่วงเรือไม่ให้โคลงเคลง  ลูกพี่ลูกน้องที่พาเราไปเยือนวัดโพธิ์อธิบายให้เราฟัง (ไม่รู้เธออธิบายถูกหรือเปล่านะ เราแค่เล่าเรื่องที่คนอื่นเล่า) ว่าในสมัยโบราณเรือสำเภาตอนออกเดินทางจากจีนเอาตุ๊กตาหินพวกนี้ใส่มาเป็นอับเฉา พอถึงไทยก็เอาตุ๊กตาหินออกแล้วเอาสินค้าใส่กลับไป ขากลับสินค้าก็เป็นอับเฉา  ....แต่ปัจจุบันนี้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่จะใช้แท้งก์น้ำขนาดใหญ่ใส่น้ำ แล้วใช้น้ำเป็นอับเฉาหรือ ballast นั่นเอง เราก็เดินๆสำรวจทั่วๆวัดโพธิ์แล้วพบว่าบนกำแพงบางแห่งยังมีตำรายาหลงเหลืออยู่แต่ตำราดีๆคงโดนมือดีขโมยไปเรียบร้อยแล้ว แล้วเราก็คิดว่ายาจีนกับยาไทยหรือนวดจีนกับนวดไทย ไม่รู้ว่ามีบางส่วนที่คล้ายคลึงกันเพราะต่างคนต่างคิดได้เองหรือไทยกับจีนแลกวิชากัน แต่เดินๆมาแล้วเราพบกำแพงแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ เป็นลายนกกระเรียนหรืออะไรทำนองนี้ แล้วมีตัวอักษรเขียนกำกับอยู่บนกำแพงว่า สร้างบริจาคให้วัดโดย ....ชื่อบริษัทยาไทย ...... ใครๆเดินผ่านกำแพงนี้ต่างก็ชื่นชมบริษัทยานั้นที่สร้างกำแพงเป็นการกุศลถวายวัด ...แต่...??? แต่อะไร?  แต่เรากลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ....เฮ้ย...!!! เป็นไปได้หรือเปล่าหว่า ....??? ที่ไอ้บริษัทยารายเนี้ย ...มันรู้สูตรยาไทยตั้งหลายขนาน  มันลอกตำรายาจากกำแพงนี้ไปเป็นจำนวนมาก แล้วมันก็ทุบกำแพงทิ้งเสีย เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ตำรายาไป (มีมันได้ไปคนเดียว)  แล้วมันก้อสร้างกำแพงวัดขึ้นมาใหม่ กลายเป็นผู้สร้างกุศลไปเสียเลย...??? ในสังคมไทยเราต้องตีความดีๆ ว่าใครทำดี ใครทำไม่ดีกันแน่ อย่าดูแต่สิ่งที่ฉาบหน้าโดยผิวเผิน....!!!??? แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 02:35:50 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 3 ก.พ. 51 02:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะเป็นพระฤาษีกไลโกฏครับ เป็นพระฤาษีตนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์มีหน้าเป็นเนื้อทราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ที่ทำพิธีหุงข้าวทิพย์ที่จะให้เหล่ามเหสีของท้าวทศรถเสวยเพื่อให้เกิดโอรส-ธิดาครับ ส่วนตามที่ท่านข้างบนกล่าวมา ก็อาจจะเป็นไปได้ ที่ว่าทำดีนั่นอาจจะแค่ฉาบฉวย จากคุณ : [[Joachim]] - [ 3 ก.พ. 51 06:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ประเด็น คห 1 น่าคิด ผมเคยไปวัดโพธ แต่ไม่เคยสังเกตเลย การทุบทำลายเข้าของในเขตวัดนี่ น่าจะมีคนคอยดูแลอยู่นะเนี้ยะ จากคุณ : กริชครับผม - [ 3 ก.พ. 51 21:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าคิดเหมือนกันนะในประเด็นนี้... จากคุณ : จ้องจนปวด - [ 4 ก.พ. 51 10:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เจ้าคนที่ทุบกำแพงวัดนี่ อดีตเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดโพธิ์..เวลามีคนแก่มาขอยาพระท่านจะสั่งให้ไป ดูสูตรยาที่จารึกตามเสา..พวกเด็กวัดนี่จะมีบริการวิ่งไปจดคัดสูตรยาโดยได้ค่าบริการเป็นเงิน 1สลึงหรือ2สลึง...สมัยนั้นเครื่องถ่ายเอกสารเป็นของแพงหรืออาจยังไม่มี เจ้าเด็กวัดคนที่ว่าหัวดีกว่าเด็กวัดคนอื่น..เขาจดยาแบบเป็นตั้งใครสั่งปุ๊บก็หยิบให้ทันทีเลยรวย กว่าเด็กวัดคนอื่นๆ..ความโลภเข้าสิงเด็กวัดคนนี้ขึ้นมาพอตกเวลากลางคืนเจ้าเด็กวัดรายนี้ก็เอา เหรียญ50สตางค์อันใหญ่สีออกดำๆที่ให้กันเมื่อสมัยก่อนไปตอกสกัดสูตรยาโบราณที่จารึก บนหินอ่อนให้เสียหายจนอ่านไม่ได้..ส่วนอ้ายเด็กวัด[^_^]..ต่อมาการเป็นเจ้าของโรงงานยา แผนโบราณใหญ่โต..มีอิทธิพลขนาดเช่าที่วัดเปิดโรงเรียนพาณิชย์การ เช่าที่วัดเปิดสถานที่นวด และโรงเรียนนวดไทยขึ้นมา..คนไทยส่วนมากไม่ทราบว่าที่นวดกันจนดังไปทั้งโลกนะไม่เกี่ยวกับวัด แต่มาเช่าที่วัดเฉยๆ..ต่อมาไม่กี่ปีมานี่มีคนเจอสมุดยาแพทย์แผนไทยชุดนี้ในพระบรมมหาราชวังเข้า ตำรายาที่เจ้าเด็กวัดเอาไปจดทะเบียนผลิตแต่ผู้เดี่ยวจึงตกกับมาเป็นสมบัติของชาติเช่นเดิม ข้อมูลนี้มาจากอาจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ อริยะศาสตร์ผู้เขียนตำราแพทย์4แผน เด็กวัดรุ่นเดียวกันกับคนที่เอ่ยถึง จากคุณ : นายเบื่อ - [ 10 ก.พ. 51 10:49:43 A:58.136.52.232 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องครูบาอาจารย์ที่เคยมาสอนการนวดที่วัดโพธิืในสมัยก่อนนะมีหลายท่าน บางท่านเป็นหมอนวดประจําราชสำนักวิชายังมีการถ่ายทอดเฉพาะคนในวงในอยู่ มีท่านหนึ่งหัดนวดหัดกดนิ้วกับต้นกล้วยนุ่มนอกแข็งในเรียนเส้นโดยการทายาตามจุดที่ครูนวด ให้คนไข้ ผมไปเจออยู่1ท่านสืบสา่ยมาจากครูราชสำนักสมัยร5มาถึงร6จนมาถึงบิดาของท่าน คือสืบสายวิชามาแบบไม่ขาดตอน..ก่อนจะเรียนการนวดเขาฝึกโยคะนั่งท่าสมาธิเพชร ใช้มือทั้ง2ข้างวางข้างตัวใช้นิ้งทั้ง10ยกตัวลอยขึ้นเพื่อฝึกความแข็งของนิ้วมือ มีการเรียนเส้นจากซากศพ..คนที่รู้จริงพวกนี้จะไม่รับจ้างนวดให้สบายเนื้อสบายตัวใคร แต่เขาจะรับรักษาโรคโดยตรงเช่นพวกอัมพฤษ.. ตรงทางแยกสะพานนางเลิ้งจะเห็นร้านหัวมุมชื่อบริษัทวิจิตรลายไม้ข้างร้านจะมีซอยเล็กๆ เป็นตึกแถวเดินนเข้าไปนิดหน่อยอยู่ทางซ้ายมือเจ้าของร้านชื่อจีรเดช..จะนวดต้องโทรนัด คนเก่งไม่ง้อคนไข้พูดจาเจ็บแสบไม่เบา..พวกไฮโซไปหาแบบไม่ยอมถอดหัวโขนโดนไล่ออกมา ก็หลายราย..บางรายเข้าไปคุยว่ารักษาจากหมอดังที่ดีๆที่แพงมารวมถึงดรงพยาบาลดังๆมา แกจะถามกลับว่า..แล้วคุณมาหาผมทำไมละ... จากคุณ : นายเบื่อ - [ 10 ก.พ. 51 11:27:01 A:58.136.52.232 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากๆเลย คุณนายเบื่อสำหรับข้อมูล แต่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง ที่คุณพูดว่า "ต่อมาไม่กี่ปีมานี่มีคนเจอสมุดยาแพทย์แผนไทยชุดนี้ในพระบรมมหาราชวังเข้าตำรายาที่เจ้าเด็กวัดเอาไปจดทะเบียนผลิตแต่ผู้เดี่ยวจึงตกกับมาเป็นสมบัติของชาติเช่นเดิม ข้อมูลนี้มาจากอาจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ อริยะศาสตร์ผู้เขียนตำราแพทย์4แผน เด็กวัดรุ่นเดียวกันกับคนที่เอ่ยถึง" คือว่า เราดีใจที่ตำรายาแพทย์แผนไทยกลับมาเป็นสมบัติของชาติเหมือนเดิม แต่อยากถามว่า "สมุดยา" ที่คนค้นพบในพระบรมมหาราชวังนั้น เจ้าเด็กวัดคนแรกตายแล้วตกทอดไปถึงคนอื่น หรือว่าเด็กวัดคนอื่นจดบันทึกไว้เป็นอีกชุดหนึ่ง...??? และ ตำราแพทย์4แผน ของท่าน อาจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ อริยะศาสตร์ กับประวัติความเป็นมาของเด็กวัดและวัดโพธ์ทั้งหลายนั้น ไม่ทราบว่ามาจากหนังสือชื่ออะไร ใครเขียน ปัจจุบันนี้  (อยู่ในเล่มเดียวกันกับตำราแพทย์4แผนหรือไม่) และตำราแพทย์ 4 แผน และข้อมูลจากหนังสือเล่มอื่น (หากอยู่บนหนังสือคนละเล่ม) จะยังพอหาซื้ออ่านได้หรือไม่...????!!! แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 51 20:53:30 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 10 ก.พ. 51 20:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนเรื่องโรงเรียนพาณิชย์ ที่คุณนายเบื่อพูดถึงนะ เราฟังแล้วหูผึ่งเลย เนื่องจากว่าเรารู้ว่าคุณหมายถึงโรงเรียนอะไร แต่เราไม่เคยรู้เลยว่ามันตั้งขึ้นมาได้เพราะใช้อิทธิพลเช่าที่วัด แปลกดีนะ เจ้าเด็กวัดที่ทำลายตำรายาบนกำแพงนั้น น่าจะเป็นบรรพบุรุษของนักเรียนคนหนึ่งที่เคยเป็นนักเรียนรุ่นน้องของเรา เนื่องจากว่านักเรียนรุ่นน้องเราคนนั้น "นามสกุลเหมือนชื่อโรงเรียนพาณิชย์ที่คุณพูดถึง" ความเป็นมาเป็นอย่างนี้นะ ตอนเราเรียนมัธยม 1 ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน กทม นักเรียนรุ่นน้องคนนั้น (ที่นามสกุลเหมือนชื่อโรงเรียนพาณิชย์ที่คุณพูดถึง) นอนเตียงนอนในหอนอนชาย ห่างจากเราเพียงแค่ 2-3 เตียงเอง   ตอนนั้นเขายังเรียนอยู่ประถมอะไรปลายๆน่ะ จำไม่ได้แล้ว ใกล้ๆจะขึ้นมัธยม ในสมัยนั้นนะเขาเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาสวยที่สุดใรงเรียนเลย ผิวเขาสีชมพู แก้มชมพูอมแดง จมูกโด่งเป็นสัน ปากแดงจิ้มลิ้ม หน้าตาสวยมากๆ สวยเหมือนผู้หญิงจริงๆ หุ่นเพรียวลม ...เวลาเขาเดินไปไหนนักเรียนผู้หญิงรุ่นพี่ๆเขาจะจ้องมองเขาตาเป็นมันวาววับด้วยความสเน่หา ส่วนพี่ๆผู้ชายจะชอบลวนลามเขาเหมือนลวนลามผู้หญิง เราเห็นหน้าตาเด็กรุ่นน้องเราคนนี้ครั้งสุดท้าย คือภาพเขาบนหนังสือที่เขาเขียนแล้วตีพิมพ์ (จำชื่อหนังสือและสำนักพิมพ์ไม่ได้) แต่เราเดินไปเจอชื่อเขาบนหนังสือที่ในร้านหนังสือแห่งหนึ่งแล้วสะดุดใจ เลยเปิดดูรูปเขา เพราะสงสัยว่าตอนโตแล้วเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนี้นะ หน้าตาเขาเหมือนผู้ชายจริงๆ เป็นคนลักษณะคงแก่เรียน ท่าทางอนุรักษ์นิยมมากๆ ...นอกจากนั้นเราก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย....???!!! แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 51 20:56:09 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 10 ก.พ. 51 20:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในคคห1 ที่เราเขียนว่า "มีตัวอักษรเขียนกำกับอยู่บนกำแพงว่า สร้างบริจาคให้วัดโดย ....ชื่อบริษัทยาไทย ...... " เราอาจจำผิดก็ได้ มันอาจไม่มีชื่อบริษัทยาก็ได้ ...อาจมีแต่ชื่อนามสกุลเจ้าของบริษัทยา บนกำแพงวัดโพธิ์ก็ได้ ชักจะจำไม่ค่อยได้แล้ว  แต่จำได้แน่ๆว่านามสกุล (ของคนบริจาคเงิน(ทุบ)และสร้างกำแพงวัด) เหมือนกับชื่อโรงเรียนพาณิชย์อย่างแน่นอน... จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 10 ก.พ. 51 21:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตํารายาหลวงที่เจอในวังคือต้นฉบับยาหลวง..เหมือนหลักฐานเจ้าของลิขสิทธิ์ประมาณนั้น ตํารายาจึงกลายเป็นสมบัติของชาติหรือของกลางไป ตําราแพทย์4แผน..พี่ศักดิ์สิทธิ์อดีตเด็กท่าเตียนอดีตข้าราชการกระทรวงแถวท่าเตียน จะนํามาจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เป็นหนังสือแบบถ่ายเอกสารทำปกเอง..แกโดนก๊อปไปมาก..จึงเขียนแช่งไว้เลย ว่าทำนองว่า..ใครไม่บอกลอกของข้า..จงมีอันเป็นไปทำนองนั้น หนังสือชื่อตำราพรหมสาตร์มีทั้งชุดมี10เล่ม..สาเหตุที่ใช้ชื่อว่าแพทย์4แผน เนื่องจากพี่เขามีเพื่อนสนิทเป็นครูและศิษย์กันในบางวิชาคือแลกความรู้กัน ชื่อพันเอก..ชม.ผู้เขียนตำราแพทย์3แผน. ในหมู่คนที่ศึกษาพลังจิตจะรู้ชื่อพันเอก..ชม..เป็นอย่างดี พันเอกชมเปิดบ้านอบรมเรื่องพลังจิตมาหลายสิบปี..เช่นการเอามือรูดโซ่ที่เผาไฟจนแดง... การฝังปรอทเข้าตัวเพื่อรักษาโรค..แต่พันเอกชมไม่เคยศึกษาโหราศาสตร์เวลาคนไข้มา ท่านจะว่ารักษาได้แต่พี่เขาจะค้านว่าคนนี้รักษาไม่ได้ เนื่องจากดวงจะต้องหมดอายุไข แล้วคนไข้ก็ตายจริงๆอย่างที่ทักไว้..นี่คือที่มาของคำว่าแพทย์4แผน พี่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กท่านเคยอยู่กับพระญวน ที่วัดสะพานขาว นางเลิ้ง ชื่อท่านบ๋าวเอิง ขณะนั้นท่านบ๋าวเอิง มือชื่อเสียงขนาดคนที่จะมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว ท่านสามารถขนาดเรียกหน้าตาคนที่เสียชีวิตไปมาปรากฏที่นิ้วหัวแม่มือแล้วให้ดูว่า. .ใช่คนนี้หรือไม่..ชื่อเสียงท่านบ๋าวเอิงดังจนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้ มีครั้งหนึ่งจะมีการหล่อรูปปั้นบรมครูทางการแพทย์แผนโบราณท่านชีวกเป็นครั้งแรก เลยมีการเชิญครูช่างศิลปากรมาทำการปั้น ครูช่างปั้นเป็นชาวคริสต์แถมเป็นคนขี้เมา คือแกเมาสุราทั้งวัน..ในโลกก็ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าท่านชีวกมาก่อน ช่างปั้นก็นึกไม่ออกว่าจะปั้นยังไง..ท่านบ๋าวเอิงจึงเชิญใบหน้าท่านชีวกมาขึ้นที่นิ้วหัวแม่มือ ให้เป็นนายแบบให้..ปรากฎว่าครูช่างปั้นแทบสร่างเมาเดินไปฉีกลังหีบห่อบรรจุบุหร่ีมาร่างภาพ ท่านชีวกทันที ส่วนพี่ศักดิ์สิทธิ์ ย้ายบ้านไปไหนผมไม่ทราบ ผมไปหาครั้งสุดท้ายเมื่อ4-5เดือนก่อน แต่ไม่เจอ เลยไปเก็บต้นเสลดพังพอนตัวเมียที่หน้าบ้านพี่เขามาตําผสมกับเหล้าขาวและ ยาสีฟันวิเศษนิยมเพื่อทารักษาโรคงูสวัดให้กับคุณแม่.. พอทายาลงไปพวกหลบในขึ้นมาหมดจนตัวท่านแดง..คุณtansyที่ผมเล่าให้ฟังนี่ ถือว่าผมกล้าพอแล้วนะครับ.. อย่าถามเพิ่มเลยนะครับผมกลัวคนเสียผลประโยชน์จะมาตึบเอานะครับ จากคุณ : นายเบื่อ - [ 11 ก.พ. 51 07:43:38 A:58.136.52.182 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โอ้ ข้อมูลน่าสนใจมากๆ เราชอบศาสตร์เร้นลับพวกเนี้ยมั่กๆ (ถึงอ่านหนังเรียนในมหาลัยไม่รู้เรื่องยังไงล่ะ ...555+++) ขอบคุณมั่กๆ คุณนายเบื่อ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 11 ก.พ. 51 10:27:32 ]