สามก๊กฉบับลายคราม
มหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่
ตอนที่ ๒ วิบากกรรมยังไม่สิ้น เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อเสียฮัวหยงไปแล้ว ลิโป้จึงนำทหารออกรบด้วยตนเอง ก็ฆ่านายทหารเอกของฝ่ายหัวเมืองตายไปอีกหลายคนจนไม่มีใครกล้าจะต่อสู้ด้วย เพราะแม้แต่เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย เข้ารุมรบลิโป้แบบสามต่อหนึ่ง ก็ยังไม่สามารถเอาชนะลิโป้ได้
แต่กองทัพของหัวเมืองทั้งสิบเจ็ดกอง ก็ไม่สามัคคีปรองดองกัน ต่างก็แก่งแย่งชิงดีกันอยู่ตลอดเวลา จึงไม่สามารถจะตีเมืองลกเอี๋ยงให้แตกได้ แต่ตั๋งโต๊ะเห็นว่าเมืองนี้ไม่เป็นชัยภูมิที่ดี จึงย้ายเมืองไปตั้งที่เมืองเตียงฮัน
โจโฉเห็นเป็นโอกาสอันดีจึงชวนอ้วนเสี้ยวให้ยกทหารตามไปตีก็จะได้เปรียบ แต่อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วย โจโฉก็คิดว่าถ้าตนจะทำการใหญ่ร่วมกับพวกที่ไม่มีความคิดเหล่านี้ ก็คงไม่มีทางสำเร็จ จึงพาทหารที่เป็นพวกของตน ยกติดตามตั๋งโต๊ะไปแต่กองเดียว
เมื่อตามไปทันกองหลังของตั๋งโต๊ะ ก็เจอกับลิโป้และ ลิฉุยกับกุยกี ทหารเอกของตั๋งโต๊ะ โจโฉกับทหารเอกทั้งสี่คนก็เข้ารบกับทหารเมืองหลวงเป็นตะลุมบอน แต่ฝ่ายโจโฉทานกำลังข้าศึกไม่ได้ต้องถอยกลับจนพ้นข้าศึกแล้ว เป็นเวลาสองยามก็หยุดพักพล จัดแจงหาข้าวปลาอาหารเลี้ยงดูกัน แต่ยังไม่ทันจะกินอิ่ม ข้าศึกที่ซุ่มอยู่ก็เข้าโจมตีโดยไม่รู้ตัว ทหารของโจโฉก็แตกกระจัดกระจายไป ตัวโจโฉก็ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ปักติดหัวไหล่ และถูกทหารเลวเอาทวนแทงม้าล้มลง และจับตัวไว้ได้ แต่โจหองตามมาช่วยแก้ได้ทันท่วงที และพากันหนีต่อไป
โจโฉถูกเกาทัณฑ์เจ็บปวดสาหัสนัก จึงบอกให้โจหองทิ้งตนไว้หนีเอาตัวรอดไปเถิดโจหองก็เอาม้าของตนให้โจโฉขี่ ตนเองจูงม้าและเตรียมรบป้องกันนาย โจโฉก็ว่าเมื่อลงเดินแล้วจะรบได้เหมือนขี่ม้าหรือ โจหองก็บอกว่า ตนเองถ้าจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่โจโฉเป็นคนสำคัญ จงอยู่บำรุงแผ่นดินต่อไปให้สำเร็จเร็จเถิด
แล้วก็พากันข้ามน้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่ง จนเวลายามสามก็หยุดพักผ่อน แต่ข้าศึกก็ยังตามมาอีก พอดี แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน และโจหยิน ที่พลัดกันไปนั้น ได้รวบรวมทหารหลายร้อยคนมาช่วยทัน และฆ่านายทหารข้าศึกตาย ทหารเลวก็แตกพ่ายไป ทั้งหมดจึงพากันเดินทางไปหาที่อยู่ใหม่
โจโฉก็พาญาติพี่น้องสี่คนและทหารเอกอีกสองคน เดินทางผ่านเมืองโห้ลาย แต่ไปพักอยู่ที่เมืองตงกุ๋น แล้วก็รวบรวมกำลังพลที่แตกฉานซ่านเซ็น เริ่มตั้งตัวเป็นปึกแผ่นขึ้นได้อีก และได้ข่าวว่าตั๋งโต๊ะถูกลิโป้ฆ่าตาย แล้วลิฉุยกับกุยกีก็กลับมาแก้แค้นแทนตั๋งโต๊ะ และลิโป้พ่ายแพ้ต้องหนีเตลิดไปอาศัยอยู่ตามหัวเมืองหลายแห่ง ลิฉุยกับกุยกีก็ครอบครองเมืองหลวงไว้ โดยเป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายพลเรือนและทหาร แต่โจโฉก็ไม่คิดที่จะกลับไปตีเมืองเตียงฮันอีก จนกระทั่งได้รับหนังสือรับสั่งจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ไปปราบโจรโพกผ้าเหลือง ซึ่งยังเหลืออยู่ที่เมืองเซียงจิ๋ว โดยให้เจ้าเมืองปักเป๋งมาสมทบด้วย
โจโฉก็ยกกองทหารของตนไปรวมกับกองทหารของเมืองปักเป๋ง เข้าตีพวกโจรที่เมืองเซียงจิ๋ว แต่เจ้าเมืองปีกเป๋งเสียทีพวกโจรถูกตีแตกพ่าย ตัวเจ้าเมืองก็ถึงแก่ความตายในที่รบ โจโฉซึ่งมีทหารเอกฝีมือดีมากกว่า จึงยกทหารเข้าตลุยพวกโจรจนแตกกระเจิง จากเมืองเซียงจิ๋วไปจนถึงเมืองเจปักฆ่าพวกโจรตายไปเป็นอันมาก ที่เหลือก็ยอมแพ้ตกเป็นเชลยหลายหมื่น โจโฉจึงให้พวกโจรเป็นกองหน้า ยกไปปราบปรามพวกโจรที่เหลืออีกหลายตำบล ใช้เวลาประมาณสองเดือนก็ปราบได้ราบคาบ
โจโฉสามารถปลดปล่อยชาวบ้านชาวเมือง ที่ถูกพวกโจรปกครองได้ประมาณร้อยหมื่น ให้ชายชรากับพวกผู้หญิงกลับไปหากินตามภูมิลำเนาเดิม และคัดเลือกชายฉกรรจ์เอาไว้เป็นทหารประมาณยี่สิบหมื่นเศษ รวมกับพวกโจรเก่าใหม่อีกสามสิบหมื่นเศษ ก็เข้าไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองกุนจิ๋วซึ่งเป็นเมืองใหญ่ แล้วทำหนังสือกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ
พระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็มีรับสั่งแต่งตั้งให้โจโฉเป็นขุนนางผู้ดูแลหัวเมืองภาคตะวันออกทั้งหมด โจโฉจึงเกลี้ยกล่อมผู้คนในภาคนี้ให้มาสมัครทำราชการด้วย จึงได้ผู้มีสติปัญญามาเป็นที่ปรึกษาเพิ่มขึ้น และได้ผู้มีฝีมือมาเป็นทหารเอกอีกมากมาย
เมื่อโจโฉได้ปักหลักฐานมั่นคงในเมืองกุนจิ่วแล้ว ก็ให้คนถือหนังสือไปหาบิดาที่เมืองตันลิว ให้บิดาย้ายครอบครัวมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกุนจิ๋ว โจโฉรออยู่พักหนึ่งก็มีทหารของตนที่ส่งไปรับบิดากลับมาบอกว่า โจโก๋ผู้บิดานั้นได้ถูกพวกโจรฆ่าตายเสียแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องราวให้ฟังโดยละเอียดมีความว่า
เมื่อโจโก๋ได้รับหนังสือของบุตรชายแล้ว ก็จัดทรัพย์สิ่งของบรรทุกเกวียนประมาณร้อยเล่มเศษ พาโจเต๊กน้องชายกับพี่น้องครอบครัว และพรรคพวกประมาณสองร้อยเศษ เดินทางออกจากเมืองตันลิว จะมาเมืองกุนจิ๋ว แต่เมื่อผ่านเมืองชีจิ๋ว โตเกี๋ยมเจ้าเมืองมีความนับถือโจโฉอยู่ จึงเชิญให้โจโก๋กับญาติพี่น้องเข้าไปพักที่ในเมือง และจัดการต้อนรับเลี้ยงดูอย่างดีอยู่สองวัน เมื่อจะเดินทางต่อก็ให้เตียวคีนายทหารของเมืองชีจิ๋ว คุมทหารห้าร้อยคนคุ้มกันขบวนเกวียนของโจโก๋ มาส่งด้วย แต่พอเดินทางมาถึงตำบลวัดแฮหุย เป็นเวลาจวนค่ำและฝนตก จึงเข้าไปพักอาศัยในวัดนั้น เตียวคีกับทหารก็ตั้งล้อมวงอยู่ภายนอก พอถึงเที่ยงคืนฝนยังไม่หยุดตก เตียวคีก็ชวนทหารเข้าปล้นฆ่าโจโก๋และญาติพี่น้องตายจนหมดสิ้น แล้วเก็บทรัพย์สินในเกวียนไปจนเกลี้ยง ก่อนหนีเข้าป่าไปก็จุดไฟเผาวัดนั้นเสียด้วย
โจโฉได้แจ้งดังนั้นก็เสียใจจนเป็นลมตกจากเก้าอี้ สอบถามความละเอียด ทหารก็ที่มาแจ้งข่าว ก็สงสัยว่าโตเกี๋ยมจะวางอุบายให้เตียวคีมาส่ง และลงมือฆ่าโจโก๋กับญาติพี่น้องเสีย แล้วเก็บเอาทรัพย์สินไปให้โตเกี๋ยม โจโฉจึงประกาศว่าโตเกี๋ยมทำกลอุบายฆ่าบิดาเราเสียนั้น เราจะยกทหารไปเหยียบเมืองชีจิ๋วให้ราบเป็นแผ่นดินจึงจะหายความแค้น แล้วก็จัดแจงกองทัพ ให้ที่ปรึกษาสองคนกับทหารสามหมื่นอยู่รักษาเมืองกุนจิ๋ว ส่วนตนเองกับนายทหารเอกทั้งหมด ยกกองทัพใหญ่ไปตีเมืองชีจิ๋ว และสั่งว่าถ้าได้เมืองชีจิ๋วให้ฆ่าหญิงชายชาวเมืองเสียให้สิ้น อย่าไว้ชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋ว ได้ข่าวการยกพหลพลโยธาของโจโฉ ที่ตั้งใจจะมาเหยียบเมืองชีจิ๋วให้ราบเป็นหน้ากลองแล้ว ก็วิตกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะการทำดีของตนกลายเป็นผลร้าย เตียวคีนายทหารของตนนั้น เดิมเคยเป็นโจรโพกผ้าเหลืองมาก่อน แม้กลับใจมารับราชการแล้ว แต่เมื่อเห็นเงินทองมากมายร้อยเล่มเกวียน ก็เกิดความโลภขึ้นจนก่อเหตุร้ายแรง ซึ่งจะพาให้เมืองชีจิ๋ว ย่อยยับไปด้วยฝีมือฝีเท้ากองทัพของโจโฉในครั้งนี้
แต่เผอิญโตเกี๋ยมเป็นคนดีมีมิตรมาก เมื่อรู้ข่าวแล้วต่างก็เข้ามาช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เจ้าเมืองกิวกั๋งก็ยกทหารห้าพันจะมาช่วย โจโฉก็ให้แฮหัวตุ้นคุมทหารไปตีสกัดไว้ แล้วตีกองทหารเมืองกิวกั๋งแตกพ่าย เจ้าเมืองก็ตายในที่รบ
ตันก๋งซึ่งหนีโจโฉไปอยู่ที่เมืองตองกุ๋น ก็ขึ้นม้ามาหาโจโฉแต่ผู้เดียว เพื่ออ้างเอาบุญคุณที่ช่วยชีวิตในคราวก่อน ขอร้องให้โจโฉงดการเข้าตีเมืองชีจิ๋ว เพราะโตเกี๋ยมไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับเตียวคี โจโฉนึกถึงคุณของตันก๋งอยู่ก็ไม่ทำอันตราย แต่ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ตันก๋งจึงต้องบ่ายหน้าไปอยู่ที่เมืองตันลิวแทนที่จะกลับเมืองตองกุ๋น
ฝ่ายลิโป้เมื่อออกจากเมืองลกเอี๋ยงแล้วก็ซัดเซพเนจรไปตามเมืองต่าง ๆ จนมาอยู่กับเตียวเมาที่เมืองตันลิว ตันก๋งก็แนะนำให้เตียวเมาเจ้าเมืองใช้ให้ลิโป้ยกทหารไปตีเมืองกุนจิ๋วเป็นการตัดกำลังโจโฉ ลิโป้มีฝีมือเข้มแข็งก็ตีได้เมืองกุนจิ๋วโดยไม่ยากนัก
ทางเล่าปี่นั้นแม้จะมีกำลังน้อย ก็ขอยืมทหารจากของกองซุนจ้านเจ้านายเก่าได้ห้าพัน แล้วก็ยกไปช่วยเมืองชีจิ๋ว และแต่งหนังสือเกลี้ยกล่อมโจโฉให้เลิกทำร้ายโตเกี๋ยม และราษฎรชาวเมืองชีจิ๋วเสีย พอดีโจโฉได้ข่าวว่าเมืองกุนจิ๋วของตน เสียแก่ลิโป้แล้ว จึงต้องถอยทัพกลับไปรบกับลิโป้เพื่อชิงเอาเมืองกุนจิ๋วคืน ลิโป้ก็ยกพลมาตั้งรับที่เมืองปักเอี๋ยง การทำศึกครั้งนี้โจโฉแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อถูกอุบายของ ลิโป้ให้โจโฉบุกเข้าไปในเมือง แล้วเผาเมืองล้อมทหารของโจโฉไว้ ตัวโจโฉนั้นถูกไฟคลอกหนวดเคราเผ้าผมไหม้เตียน ดีว่าลูกน้องมาช่วยไว้ทัน จึงรอดตายได้ แล้วก็ทำอุบายให้ทหารเป่าร้องว่าตนตายในกองไฟ ลิโป้หลงกลยกทหารไปให้โจโฉล้อมฆ่าเสียเป็นอันมาก ต้องแตกหนีไป โจโฉจึงได้เมืองกุนจิ๋วคืนมา แต่โจโฉก็ไม่ได้แก้แค้นแทนบิดาจนแล้วจนรอด
ต่อมาพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้รับความคับแค้นใจจาก ลิฉุยกับกุยกี จนทนไม่ไหวจึงหนีออกจากเมืองเตียงฮันกลับเมืองลกเอี๋ยง แล้วให้ขุนนางคนสนิทแต่งหนังสือมาถึงโจโฉ ให้ยกกองทัพไปช่วยกำจัดลิฉุยกับกุยกี เสีย โจโฉเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงยกกองทัพประมาณสามสิบหมื่น รีบไปเมืองลกเอี๋ยง ให้แฮหัวตุ้นกับนายทหารรองอีกสองคนเป็นทัพหน้า ต้านทานกองทัพของลิฉุยกุยกีไว้ก่อน เมื่อตนเองยกทัพใหญ่ไปถึง ก็ตีกองทัพของลิฉุยกุยกีแตกพ่ายยับเยิน ทั้งสองผู้ว่าราชการต้องหนีไปซุกซ่อนตัวอยู่ในป่าเขา
โจโฉก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ในเมือง และเชิญเสด็จไปอยู่เมืองฮูโต๋ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในเขตการปกครองของตน แล้วโจโฉก็ได้เป็นมหาอุปราช ว่าราชการทั้งทหารและพลเรือน เป็นใหญ่แต่ผู้เดียว แวดล้อมไปด้วยที่ปรึกษาชั้นดีหลายนาย ให้แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน โจหอง เป็นทหารเอก มีทหารโทห้าคน ทหารตรีตรีอีกสองคน พลทหารเลวหลายสิบหมื่น และราชการในเมืองฮูโต๋นั้น ถ้าผู้ใดจะมีข้อราชการสิ่งใด ต้องแจ้งแก่โจโฉก่อน เมื่อโจโฉเห็นชอบด้วยแล้ว จึงกราบทูลฮ่องเต้ได้
แต่วิบากกรรมของโจโฉนั้นมิได้สิ้นลงแต่เพียงนี้ ยังจะต้องผจญกับเหตุการณ์อีกมากมาย ตลอดเวลาสามสิบปีที่ดำรงตำแหน่งมหาอุปราชนี้
ซึ่งจะได้แคะคุ้ยเอามาเล่าในโอกาสต่อไป.
###########
แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 51 14:23:44
จากคุณ :
เจ้าแว่นน้อย
- [
4 ก.พ. 51 14:13:59
]