สามก๊กฉบับลายคราม
มหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่
ตอนที่ ๔ พ่ายศึกใหญ่ เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อโจโฉดึงเอาตัวชีซีหรือตันฮกที่ปรึกษาของเล่าปี่มาไว้ใกล้ตัวได้แล้ว ก็เตรียมจะทำสงครามกับเล่าปี่ให้แตกหักไป พอดีได้สุมาอี้มาเป็นที่ปรึกษาคนล่าสุด และได้ข่าวว่าเล่าเปียวให้เล่าปี่อยู่รักษาเมืองซินเอี๋ย ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองเกงจิ๋ว จึงให้แฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทหารสิบหมื่นยกไปตีเมืองซินเอี๋ยก่อน ชีซีก็บอกกับแฮหัวตุ้นว่า เล่าปี่ได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษาคนใหม่แล้ว อย่าประมาทจงเร่งระวังตัวให้ดี
โจโฉจึงถามว่าขงเบ้งนี้คือผู้ใดมีความสามารถอย่างไร ชีซีก็บอกว่าขงเบ้งนั้น คือ จูกัดเหลียง เป็นคนมีสติปัญญา การในอากาศแลแผ่นดินก็รู้ดูชำนาญสิ้น โจโฉก็ถามต่อว่าเทียบกับชีซีแล้วใครจะดีกว่ากัน ชีซีก็บอกว่าตนนั้นเหมือนหิ่งห้อย แต่ขงเบ้งนั้นเหมือนรัศมีพระจันทร์ แฮหัวตุ้นก็ไม่เชื่อบอกว่าตนจะไปจับเอาตัวเล่าปี่กับขงเบ้งมาให้ได้ ถ้าไม่จริงก็ให้ตัดศรีษะของตนแทน โจโฉกำชับว่าไปได้ท่าเสียทีประการใด ให้แจ้งข่าวกลับมาอย่าได้ขาด
แฮหัวตุ้นยกกองทัพไปถึงทุ่งพกบ๋องนอกเมืองซินเอี๋ย ก็เจอกับกองทหารของจูล่ง เข้ารบกันได้เพียงห้าเพลงจูล่งก็ถอย แฮหัวตุ้นก็ตามไปประมาณห้าสิบเส้น แม้นายทหารรองจะห้ามปรามก็ไม่เชื่อ รีบตามไปจนพบกับกองทหารของเล่าปี่เมื่อเวลายามเศษ แต่ทั้งเล่าปี่และจูล่งก็ไม่ได้ต้านทาน เท่าไรนัก คงถอยต่อไปอีก
นายทหารที่คุมกองเสบียงตามหลังมา ก็เอะใจว่าเป็นเวลาค่ำมืดแล้วยกทหารฝ่าเข้าไปในระหว่างแนวเขากับดงแขม น่าจะเป็นอันตราย จึงให้นายรองหยุดกองเสบียงไว้ ตนเองรีบตามไปห้ามปรามแฮหัวตุ้นให้ถอยกลับ คราวนี้แฮหัวตุ้นก็ได้สติเห็นด้วย จึงหยุดไพร่พลไว้ แต่สายไปเสียแล้ว ทหารเอกของเล่าปี่ซึ่งซุ่มอยู่สองข้างทางได้จุดไฟขึ้นพร้อมกัน แสงเพลิงสว่างทั้งสี่ทิศ และทหารของเล่าปี่ก็ล้อมตีเข้ามา ทหารของแฮหัวตุ้นก็แตกกระเจิง บ้างก็ตายในเพลิง บ้างก็เหยียบกันตาย บ้างก็ถูกข้าศึกฆ่าตาย ศพเกลื่อนไปทั้งทุ่ง แฮหัวตุ้นไม่สามารถรับมือข้าศึกมากมาย ต้องขับม้าฝ่าเพลิงเอาตัวรอดออกมาได้ นายทหารรองก็สู้อย่างจนตรอก ถูกฆ่าตายไปคนหนึ่ง อีกสามนายติดตามแฮหัวตุ้นกลับมาได้อย่างสบักสบอม
เมื่อแฮหัวตุ้นกลับมาถึงเมืองฮูโต๋ ก็ให้ทหารมัดตัวเข้าไปหาโจโฉ คำนับยอมรับโทษตามที่ให้สัญญาไว้ แต่โจโฉเอ็นดูว่าเป็นญาติและเคยมีความชอบมามาก จึงให้แก้มัดออกและไม่เอาโทษ แล้วก็ให้เกณฑ์ทหารห้าสิบหมื่น แบ่งทหารเอกเป็นสี่คู่ ให้กองหนึ่งสองคนคุมทหารไปกองละสิบหมื่น ตนเองเป็นทัพหลวง เคลื่อนพลมุ่งไปตีเมืองซินเอี๋ยและเมืองเกงจิ๋ว
กองทหารทั้งสี่ของโจโฉยกเข้าตีเมืองซินเอี๋ย ซึ่งฝ่ายเล่าปี่ที่มีกำลังพลน้อยกว่า แต่ได้ขงเบ้งวางอุบายทดน้ำให้ท่วมบ้าง วางเพลิงเผาบ้าง ต้องเสียทหารไปมาก แต่ฝ่ายเล่าปี่ก็ต้องถอยออกจากเมืองซินเอี๋ย ผ่านเมืองซงหยง ไปถึงเมืองอ้วนเซีย
เมื่อโจโฉเคลื่อนกองทัพใหญ่มานั้น เล่าเปียวได้ป่วยและถึงแก่ความตายไปแล้ว เล่าจ๋องบุตรคนเล็กได้เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วแทนบิดา รู้ว่าโจโฉยกทัพใหญ่มาจะถึงเมืองอ้วนเซีย ก็เขียนหนังสือมาขออ่อนน้อมต่อโจโฉ และต้อนรับโจโฉเข้าไปในเมืองซงหยง ชัวมอน้องชายของภรรยาเล่าเปียวซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็มอบทหารทั้งยี่สิบแปดหมื่น เรือรบใหญ่น้อยเจ็ดพันเศษ กับเสบียงอาหารอีกมากมายให้กับโจโฉ จนหมดสิ้น โจโฉจึงตั้งให้เป็นแม่ทัพเรือ เพราะเมืองเกงจิ๋วอยู่ใกล้ทะเล ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นเมืองกังตั๋งของซุนกวน ที่โจโฉจะต้องข้ามไปปราบปรามเป็นอันดับต่อไป
แล้วโจโฉก็ตั้งให้เล่าจ๋องเป็นเจ้าเมืองเฉงจิ๋ว แม้เล่าจ๋องจะไม่ยินดีรับตำแหน่ง และอ้อนวอนขออยู่ดูแลรักษาที่ฝังศพบิดาในเมืองนี้ โจโฉก็ไม่ยอมเล่าจ๋องกับมารดาจึงจำใจเดินทางไปเมืองเฉงจิ๋วตามคำสั่ง
เมื่อสองแม่ลูกออกจากเมืองไปได้ไม่นาน โจโฉก็ให้นายทหารคนสนิท คุมทหารตามไปฆ่าเสียทั้งแม่ทั้งลูก ให้หมดเวรหมดกรรมเสีย ไม่ต้องอยู่เป็นเสี้ยนหนามอีกต่อไป
เมื่อโจโฉจัดการกับเล่าจ๋องและมารดาเรียบร้อยแล้ว ก็ยกทหารออกจากเมืองซงหยงมุ่งไปเมืองกังเหลง เมื่อผ่านเมืองตงหยงถึงเขาเกงสันเวลาประมาณสามยาม ก็ทันกับกองคาราวานของเล่าปี่ ซึ่งอพยพผู้คนมานับหมื่นจากเมืองซินเอี๋ยจะไปเมืองกังแฮ เล่าปี่กับเตียวหุยมีทหารอยู่ประมาณสองพันจึงไม่สามารถต้านทานกองทัพของโจโฉได้ ต้องแตกกระจัดกระจายไปทั้งทหารและชาวบ้าน
จนรุ่งสว่างโจโฉพักอยู่บนเนินเขาเกงสัน ก็เห็นจูล่งห่ออาเต๊าบุตรชายตัวน้อยของเล่าปี่ไว้ในเสื้อเกราะ ควบม้าฝ่าทหารของโจโฉมาแต่ผู้เดียว ไม่มีผู้ใดจะขัดขวางได้ โจโฉก็นิยมในความกล้าหาญของจูล่ง จึงสั่งทหารไม่ให้ยิงเกาทัณฑ์ฆ่าจูล่งเสีย ให้ล้อมจับเป็นมาให้ได้ แต่ไม่ว่าผู้ใดที่เข้าไปต่อกรด้วย ก็ถูกสังหารล้มตายไปสิ้น เป็นนายกองใหญ่สองคน ทหารเอกห้าสิบคน และทหารเลวอีกนับไม่ถ้วน เห็นโลหิตติดเสื้อเกราะและตัวม้าแดงเถือกประดุจรดด้วยน้ำครั่ง จูล่งจึงหนีรอดไปได้ในที่สุด ต่อมานายทหารเอกของโจโฉแปดนาย ที่ติดตามจูล่งไป ถึงสะพานเตียงปันเกี้ยว ก็เจอ เตียวหุยยืนม้าอยู่ฝั่งตรงข้าม ร้องท้าทายว่าผู้ใดมีฝีมือเข้มแข็งก็ข้ามมาลองกำลังดูได้ ทหารฝ่ายโจโฉเห็นมีผงคลีฟุ้งอยู่ข้างหลังเตียวหุย ก็คิดว่ามีทหารเป็นอันมาก ต่างก็ลังเลอยู่ เตียวหุยจึงให้ทหารชักกระดานทอดสะพานเสีย แล้วก็พากันหนีไป
เมื่อมีทหารมารายงานโจโฉว่าเตียวหุยหนีไปแล้ว โจโฉก็ว่าทหารของตนกลัวเตียวหุยไปเอง จึงให้ทหารซ่อมสะพานขึ้นใหม่แล้วก็ยกพลตามไปอีก ก็ไปเจอกองทหารของกวนอูที่มาทางเรือจากเมืองกังแฮ ก็คิดว่าเป็นกลลวงของขงเบ้ง จึงให้ทหารถอยกลับ กวนอูก็ไล่ติดตามมาประมาณร้อยเส้นก็หันหลังกลับไป
ฝ่ายโจโฉก็ยกทหารไปตั้งอยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว ตระเตรียมกองทัพบกกองทัพเรือ ให้พร้อมที่จะข้ามน้ำไปตีเมืองกังตั๋งของซุนกวน ซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งทะเลต่อไป และได้มีหนังสือไปชักชวน ซุนกวนให้ร่วมมือกำจัดเล่าปี่ แล้วจะแบ่งเมืองขึ้นของเกงจิ๋วให้กึ่งหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าขงเบ้งได้ไปเกลี้ยกล่อมซุนกวนและจิวยี่แม่ทัพใหญ่ของกังตั๋ง จนตกลงเป็นพันธมิตรกันแล้ว คนถือหนังสือของโจโฉจึงถูกตัดศรีษะส่งคืนมาแทนคำตอบ .
จากคุณ :
เจ้าแว่นน้อย
- [
10 ก.พ. 51 22:45:52
]