ความคิดเห็นที่ 1 แหม นึกว่าต้องเข้าองค์ทรงเจ้าเรียกประทับทรงเสียแล้ว เห็นหายไปเลย นึกว่าให้เครื่องแวะจอดกลางทาง ลงไปจกข้าวเหนียวกะปาร้าบอง ที่ไหนได้ เก็บเนื้อเก็บตัว มาเปิดเอาวันแห่งความรักนี่เอง วันนี้พี่อย่าหวังว่าจะมีใครเข้ามากระทู้เลย   คนอ่านนี่เขามีแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ป่านนี้ เขาไปนั่งจ้องตาสวีทหวานแหววกับขวัญใจกันหมดแล้ว เหลือแต่แก่ ๆ เทื้อ ๆ ยังพี่ยังผม มานั่งพิมพ์ก๊อกพิมพ์แก๊ก อยู่นี่แหละ จำได้เลา ๆ  ว่าวาเลนไทน์ปีที่แล้ว เอาเรื่องคิวปิดมาลงนี่นา ปีนี้ขี้เกียจค้น ขี้เกียจหา แต่เอามาย้ำเล่นแก้เซ็งแล้วกัน ประโยคสุดท้ายที่ เทพบุตรสุดหล่ออย่างคิวปิด กล่าว หลังจากสาวคนรักของเธอ จุดตะเกียงขึ้นส่องดูหน้า แม้ว่าจะห้ามเอาไว้แล้วก็ตาม ว่า "ความรักกับความไม่ไว้วางใจ ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้" ว่าแล้วคุณเธอก็หายไปชั่วนิจนิรันด์ ปล่อยให้หญิงสาวแสนสวยต้องเศร้าโศกโศกาอาดูรอยู่เดียวดาย เพียงเพราะปล่อยให้ความระแวงสงสัยอยู่เหนือความรักมั่นที่มีต่อกันเท่านั้นเอง นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า คุณสาว ๆ ทั้งหลาย ถ้าค่ำคืนนี้ ผู้ชายของคุณ บอกว่า มีประชุมนัดพิเศษ เพื่อเสนอแผนงานใหม่ให้ลูกค้าในวันพรุ่งนี้ เป็นโปรเจคร้อยล้าน อาจจะต้องกลับบ้านดึกหน่อย หรืออาจเช้าเลย ไม่ต้องรอ ก็ขอให้เชื่อคุณผู้ชายเขานะครับ รีบ ๆ กินข้าวเย็นที่เตรียมไว้สองทีให้เสร็จ กินไม่หมด อีกทีก็เอาเข้าตู้เย็นไว้ก่อน แล้วดับเทียน ไหว้พระ สวดมนต์เข้านอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ เขาก็ซมซานกลับมาเองแหละ เชื่อผมเหอะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.พ. 51 19:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ของจองที่สองไว้ก่อนเน้อ ทำธุระก่องไว้จะมาป่วนต่อ อิอิ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ทุกๆท่านเลยก๊าบบบบบบบ รักทุกคน จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 14 ก.พ. 51 20:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทำธุระอะไรครับ ดึกดื่นป่านนี้ ประชุมเสนอแผนงานละสิ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.พ. 51 20:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผู้หญิงพันธ์อย่างที่คุณว่ามาหน่ะ  เขาสูญพันธ์ไปหมดแล้วค่ะ คุณสื่อศิลปเจ้าขา ที่เหลืออยู่นี่ก็ประเภทที่ว่าชอบเขียนโน๊ตติดไว้หน้าตู้เย็นว่า ที่รักจ๋า  คืนนี้ ถ้าคุณกลับมาแล้ว  ช่วยเอากับข้าวในตู้เย็น เทให้ ห.....มามันกินด้วยนะคะ จากคุณ : Gasalong - [ 14 ก.พ. 51 20:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วันนี้ไม่เหงาหรอก ผมนั่งอยู่โต๊ะข้างๆแอบฟังคุณคุยกันอยู่นานแล้ว วันนี้เลยขอทักทายครับ สุขสันต์วันแห่งความรักครับ จากคุณ : reenbun - [ 14 ก.พ. 51 22:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่มีคนจริงๆด้วย ^^ จากคุณ : Nexus - [ 15 ก.พ. 51 09:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ สองคนข้างบนนั่น   เล่นย่องมาแอบฟังเงียบๆ ตกใจหมดเลย!!!!!!! จากคุณ : Gasalong - [ 15 ก.พ. 51 10:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณพี่หัวหน้าห้องครับ... ที่จริงคุณศราวุธฝาก มาลาต่อจนกว่าจะกลับไปฟื้นที่คูเวตนะครับ แต่สงสัยจะทนอิจฉาเสียงคุยจุ๋งๆจิ๋งๆ ม่ายหวาย ก็เลยเยี่ยมหน้าเซียวๆ เข้ามาแระ... ก็เห็นจายเขา นะครับ พักนี้กำลังกระสับกระส่ายกะเรื่องฟามร้าก คงต้องรอให้หมดกลิ่นกุหลาบวาเลนไทน์ซะก่อน เห็นได้มาช่อโต๊เลยละคร้าบ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 15 ก.พ. 51 19:14:57 A:124.120.221.191 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 51 20:24:07 จากคุณ : Dearance - [ 15 ก.พ. 51 20:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองกลิ่นดอกนี้ดีกว่าครับ  คุณสราวุธ  อาการน่าจะดีขึ้น จากคุณ : Dearance - [ 15 ก.พ. 51 20:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาลงชื่อฮับ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างครับ คอมเดี้ยงด้วยเลยไม่ค่อยเข้าบ่อยเท่าที่เคย และแวะมาทักทายคุณ nexus ด้วย วันนี้ไม่ได้เข้าไปดูกระทู้ ID เลยไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว ที่ไม่ได้เข้าไปเพราะ net ไม่ค่อยนิ่งครับ แล้วเดี๋ยวจะหาข้อมูลมาโต้ไม่ได้ ผมว่าแตกกระทู้นั้นเถอะ จะได้ยกมาข้างบนด้วยเพราะกระทู้เก่าตกจนไม่รู้จะตกยังไงแล้ว จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 15 ก.พ. 51 20:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอมีชื่ออยู่ในกระทู้ใหม่ด้วยคนครับ พี่วิฯ ครับ วันนั้นใครทำไวน์แดงหกเลอะผมไม่ทราบ หน้าเปื้อนไวน์แดงไปหมด ดีที่ขับรถพาน้อง sofatboy ไปส่งได้ถึงจุดหมาย... จากคุณ : ha ha yee - [ 15 ก.พ. 51 22:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ... อ่านคุณอาวิเล่าแล้ว แทบกลั้นใจตายหน้าคอม เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคนะครับ   เกือบพลาดนัดสำคัญซะแล้ว คุณอานัดร้านหนึ่ง ดันไปคอยอีกร้านหนึ่งซะอย่างงั้น จารย์สื่อครับ ... ปีนี้อาจารย์จดทะเบียนตีตราวันแห่งความรักไม่ทัน ขอให้ยกยอดไปปีหน้าก็แล้วกัน จากคุณ : sofatboy - [ 16 ก.พ. 51 19:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีค่ะ คุณหลานโซแฟ๊ตสุดหล่อของป้า..ไปคราวหน้า อาจะขอให้ช่วยซื้อของฝากจากแถวที่คุณทำงานอยู่ เพราะ ไปเดินมาบุญครองกับห้างอื่นๆสองวันเต็มๆยังได้ไม่ครบคนเลย และสวัสดีคุณหมอคนที่ชอบวับๆแวมๆนั่นด้วย..รออีกหน่อยละก๊านนน.เราจะพบกันอีกในเวลาเดิม ทีนี้จะให้หน้าแดงกว่าเดิมอีก ไม่ต้องเอารถมาด้วย จะมีสารถีไปส่งให้ถึงบ้านเชียว อีตาสื่อ..ไม่รู้ว่าหายไปตีตราจดทะเบียนอะไรที่ไหน..แต่ส่งอีเมล์ไปแล้วนะยะ เปิดอ่านซะมั่ง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ก.พ. 51 08:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตีตราอะไรละคุณพี่ขา ถ้าตีตรารูปพรรณงัวละก็พอได้ ที่หายไปนี่ เพราะตั้งแต่คุณพี่มาแวบเดียว แต่สารพันคุณน้องค้างไว้บาน ตั้งแต่ต่อบัตรประชาชน ต่อทะเบียนรถ เปิดบัญชีธนาคารที่งานเขาสั่งให้เปิด ตรวจสุขภาพต่อประกัน ที่ทำไม่ทัน เลยไม่ได้ลดภาษีปีนี้ไปเรียบร้อย ตัดผมที่ยาวเป็นทาร์ซานแล้ว ล้างรถ ที่ไม่ได้ล้างมาตลอดสามสัปดาห์ ทั้งฝุ่นทั้งโคลนจนจำรถตัวเองไม่ได้แล้ว หาซื้อแบตมือถือใหม่ที่มันเสื่อมจนแค่กดรับสายแบตก็หมดแล้ว ยังไม่ได้คุยสักคำน้อย ไหนจะไปไล่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรสับ กระทั่งลูกบิดปักกะตูห้องน้ำที่เจ๊งมาเปนเดือน ก็พึ่งได้ฤกษ์เปลี่ยนใหม่นี่แหละ อ้อ  หลอดไฟในห้องอีกสามหลอดด้วย เพราะฉะนั้น อย่าลืมค่าปรับ ค่าเสียหาย อาทิ รูปที่เห็นถ่ายเอาถ่ายเอา แต่ไม่เคยเห็นสักรูป นี่ถ้าเป็นสมัยก่อน คงต้องคิดว่า มีกล้องแต่ไม่มีฟิล์มแหง ๆ แต่สมัยดิจิตอลนี่ สงสัยการ์ดเต็ม แล้วลบทิ้งชัวร์ อ้อ อีกอย่างคุณพี่ขา ไอ้เบเชอร์วิวนะ วันนั้นไปห็นที่พระรามสาม มันขายอยู่ไม่ถึงสามใบ ปีก่อนสองพัน แต่ไม่กล้าซื้อแล้ว ส่วนเจ้าคนป่าเต้นรำคู่ ที่คุณพี่เอามาจากหนามบิน มันบอกขายหลังร้าน ปีเดียวกันเด๊ะ ไม่มีอากรอีกต่างหาก แต่แพงกว่าเท่าตัวแน่ะ เรื่องกระทู้ ขอจัดการเรื่องสารพันให้มันกลับมาเป็นประชาชนคนไทย ให้เรียบร้อยหน่อยครับ แล้วจะมาว่ากันต่อ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.พ. 51 13:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาช่วยแสดงหน้าแสดงตา แปะกระทู้ให้ชื่นใจว่าวาเลนไทน์ไม่เงียบเหงานะครับ สุขี ๆ แล้วกัน สาว ๆ ก็ขอให้ได้ดอกกุหลาบช่อโตกว่าคู่แข่งในออฟฟิศ ไม่งั้นก็ให้ได้ที่ดอกสวย ๆ แพง ๆ หน่อย หรือไม่ได้เลย เอาแค่ดอกไม้ธรรมดา ๆ แต่ว่าคนให้เขามีใจรักจริงก็แล้วกัน หนุ่ม ๆ ใครรอดปลอดภัยผ่านวาเลนไทน์ปีนี้ไปได้ก็อย่าพึ่งชะล่าใจ วันแบบนี้ ปีหน้าก็มีอีกครับ วางแผนล่วงหน้าเอาไว้หน่อยก็ดี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.พ. 51 13:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอแนะนำ 'จารย์สื่อหน่อยนะครับ อาศัยเคยมีประสบการณ์ ปัญหาเดือดร้อนที่สาธยายมาใน คคห.๑๕ นั้น แก้ง่ายครับ แต่งงานทีเดียวจบทุกเรื่อง ไม่เชื่อลองดูสิ once and for all... จากคุณ : ha ha yee - [ 17 ก.พ. 51 14:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขออนุญาตแย้งด้วยความเคารพสักกะตี๊ดดนะครับ กลัวว่าพอแต่งงานแล้ว อาจารย์สื่อจะมีงานทำมาก ขึ้นนะครับ.. แหม ก็ทำงานส่วนตัวให้อาจารย์หญิง ด้วยไงครับ เช่น ล้างรถให้ง่ะก๊าบบบ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 17 ก.พ. 51 15:05:51 A:124.121.210.30 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โอ้ พลาดกันไปได้ มัวยุ่งแต่เรื่องบ้านเรื่องช่อง มิได้เข้ามาดุกระทู้คุณ วิวันดา น่าเสียดายค่ะ อย่างน้อยจะได้ ฝากหนังสือให้หลายเล่ม เสียดายจริง จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 17 ก.พ. 51 18:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทำไมหนูไม่ได้เจอ น้อง  Sofat  ละคะพี่วิ??????? ดอกไม้เบอร์ 10 เนี่ยไปหามาจากไหนคะ     สวยจริงๆนะ  จะบอกให้ คุณสราวุธ  ก็มีงานอดิเรกรับจ้างเฝ้าสวนดอกไม้เหมือนกันเหรอ ค่อยโล่งใจหน่อย  นึกว่าหนุ่มๆแถวนี้ จะเป็นประเภท "ภูมรินท์ เมินกลิ่นผกา" กันไปเสียหมดแล้ว จากคุณ : Gasalong - [ 17 ก.พ. 51 20:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณหมอแนะนำยาดีค่ะ   แต่หนูว่าคงแสลงโรคน่าดู ด้วยว่าจอมยุทธผู้นี้  รักวิถีสันโดษเยี่ยงกระเรียนเดียวดายเป็นยิ่งนัก ต่อให้ผู้สำเร็จวิทยายุธสามารถพริ้วไหวร่างกายได้เบาดุจขนนก   ก็มิอาจฝ่าแผงกั้นกำแพงหมอกของท่านเข้าไปได้ ด้วยว่า ป้อมปราการที่ดูบอบบาง แต่ทว่าแข็งแกร่งนี้  ถูกหุ้มห่อด้วยรัศมีแห่งความไม่วางใจซึ่งกันและกันไปเสียแล้ว ความช่างสงสัยของผู้หญิง  กลับกลายเป็นที่มาของวลีที่ว่า     "ความรักกับความไม่ไว้วางใจ ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้" คิวปิดสุดหล่อ  จึงสั่งสอนไซคี  ด้วยการจากไปชั่วนิรันดร์ จากคุณ : Gasalong - [ 17 ก.พ. 51 20:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ฮันแน่  คุณหมอ การตลาดเยี่ยมเลยนะ พอแก้ปัญหาแบบนั้นปุ๊บ อีกเก้าเดือนก็ต้องไปเป็นลูกค้าคุณหมอปั๊บนะสิ ช่วงนี้ขออภัยครับ ไม่ได้ไปแก้ปัญหาวาเลนไทน์ที่ไหนหรอก แค่กำลังทำสารพัดเรื่องให้เป็นคนไทยต่อไปได้เท่านั้นแหละ เพราะแค่ไม่ต่อบัตร ปชช. มันเหมือนเป็นคนต่างด้าวไงก็ไม่รู้ ตอนนี้ต่อแล้ว เลยต้องเอาไปไล่ใช้สิทธิให้หมด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.พ. 51 10:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณสื่อเรายังรอข้อมูลที่ขออยู่นะ ส่วนที่คุณขอไว้ขึ้นอยู่กับข้อมูลทึ่ส่งให้ แล้วอย่าลืมซ้อมซ่อมประตูนะเอาให้รอด เพราะรดน้ำต้นไม้เป็น ล้างจานเป็นแค่นั้นมันไม่พอหรอก แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 51 14:23:49 จากคุณ : พิมลพัฒน์ (พิมลพัฒน์) - [ 18 ก.พ. 51 13:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จะว่าไปช่วงตรุษจีนผมก็หนีหนาวจากเซินเจิ้นไปเดินเล่นที่ศูนย์หนังสือฯ มาเหมือนกัน แต่บิลไม่ยาวเป็นหางว่าวนะครับ เพราะซื้อไปเกือบหมดที่ AA Book Tower แล้ว ได้มาหลายเรื่องครับ อย่าง คึกฤทธิ์กับประดิษฐกรรมความเป็นไทย โฉมหน้าศักดินาไทย โครงกระดูกในตู้ รวมเรื่องสั้นของกุหลาบ หนังสือเรื่องตอน 2475 อีกสอง-สามแล่ม เรื่อง 6 ตุลาอีก 2 เล่ม ความจริงมีอีกหลายเรื่องที่อยากได้แต่ถ้าซื้อหมดคงต้องกินแกลบกันพอดี อย่างเช่นรวบรวมเรื่องราวทางการเมืองไทยครบชุด ที่มีเอกสาร-รายนามคณะรัฐมนตรี ประวัติศาสต์จีนที่หนาหนักขนาดที่ว่าถ้าซื้อสองเล่มคง Carry on ขึ้นเครื่องไม่ได้ (เกิน 7 กิโล) Rise and fall of Roman Empire เรื่องของชุมชนในภาคอีสานยุคก่อนประวัติศาสตร์ ถ้าพี่ๆทั้งหลายไม่เคยไป ลองไปดูก็ได้นะครับ หนังสือเป็นคนละประเภทกับที่ศูนย์หนังสือฯ แต่ถ้าวัดกันที่ปริมาณแล้วผมว่ามากกว่าจม เพิ่มลิงค์ Double A Book Tower ป.ล. ผมว่าใหญ่กว่าตึกหนังสือที่เซินเจิ้นอีกนะ http://www.doubleabooktower.com/GenPage/index.aspx แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 51 09:16:15 จากคุณ : Nexus - [ 18 ก.พ. 51 16:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยู่ไหนครับ ประตูวานเพื่อนซ่อมเอาได้ เกิดเป็นผู้ชายชาตินึงนี่ กะจะให้ต้องทำเป็นทุกอย่างเลยหรือ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.พ. 51 16:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อุ๋ย มีชื่อเปิดกระทู้เลยเหรอเนี่ย แหะๆ ขออภัยค่ะ เพิ่งมาดู ไม่เคยมีวันวาเลนไทน์กะเขามาหลายปีแล้วค่ะอาจารย์สื่อ ปีนี้ก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนห้องกอล์ฟที่สนามไดร้ฟเสนาตามปกติทุกวันพฤหัส จริงๆ แล้ว ที่บ้านพยายามจะเลิกฉลองตรุษฝรั่งทั้งหมดค่ะ พยายามเน้นวันทางศาสนาพุทธเท่านั้นค่ะ ขอเรียนพี่หวานว่า นกสรุปว่า นกไม่มีคารมคมเฉือนคมพอจะมาแปะอะไรในกระทู้นี้ค่ะ บางทีอยู่ๆ โดนลูกหลงจนรุ่งริ่งเพราะคนเขาอยากจะจีบกันก็มี มันไม่ใช่บรรยากาศ หรือวิถีที่นกชอบค่ะ นกก็เลยตั้งใจว่า จะขอแค่มาแอบอ่านเงียบๆ ยามคิดถึงดีกว่านะคะ ใครอยากจะทำอะไรจะได้ทำได้อย่างสบาย ไม่ต้องมากังวลว่านกจะไปกีดขวางทางอะไรเขา ไม่ชอบถูกแอบถอง แอบกัด แอบจิก นกไม่สนุกด้วยค่ะ (ไม่ได้โกรธนะคะ แต่รำคาญมากกว่า ไปห่างๆ ดีกว่า ไม่อยากเข้าใกล้ให้เขาทำได้อีก) ผลที่พี่หวานอยากทราบ นกไปเล่าซะยาวเหยียดอยู่ในห้องกอล์ฟค่ะ เรียนเชิญไปอ่านได้นะคะ ด้วยความเคารพรักและคิดถึงพี่หวานเสมอ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 18 ก.พ. 51 22:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กลับมาถึงคูเวตแล้วเรียบร้อยกั๊บ เฮ้อ ชักรู้สึกสับสนในตัวเอง จะว่าจิตตกก็คงจะพอได้ ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกมั้ยที่เลือกจะกลับมาที่นี่ต่อ ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงตอนท้องเสียด้วยนะครับ ไม่เป็นไรมากหรอก คงเพราะไปกินไรผิดสำแดงไปเล็กน้อยครับ กลับมานี่แล้วก็ได้กลับมาประจำที่ห้องเรียนตามเดิมล่ะครับ ใจเย็นๆนะครับคุณทวีทตี้ ผมไม่อยากให้เพื่อนๆร่วมชั้นทะเลาะกันเลยน้า (แม้ตอนเด็กๆผมจะต่อยกับคนอื่นในห้องบ่อยก็ตาม) ยังงัยๆก็อยากให้แวะมาทักทายกันเหมือนเคยน่ะครับ เพราะผมจะรู้สึกเศร้าเสมอเวลาที่เห็นคนคุ้นเคยหายหน้าหายตาไป ว่าแต่เรียนถึงไหนกันแล้วครับนี่กลับมาตามอ่านแทบไม่ทันเลยทีเดียว คุณหนูหล่อ หายเครียดหรือยังครับ คุณเดียแรนซ์ ทำไมคิดจะให้ดอกไม้ผมหลังวาเลนไทน์ล่ะครับ ทำไมไม่ให้วันวาเลนไทน์เลยล่ะ ฮิฮิ (ไม่ไหวนา ช ให้ ช แบบนี้) จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 19 ก.พ. 51 15:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ้าว คุณนก อย่าเพิ่งไปไหนสิครับ เรื่องจิกตีกันนี่เป็นเรื่องธรรมดาของกระทู้นี้แล้วนา ใครเข้ามาแล้วไม่โดนสิแปลก วันไหนไม่โดนเข้าซักดอกสองดอกจะมีความรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกยังไงไม่รู้ จากคุณ : ha ha yee - [ 19 ก.พ. 51 18:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ดอกกุหลาบ ช ให้ ญ วันวาไลนไทน์ครับ  หลังจากนั้นก็เป็นดอกไม้ป่า (เดี่ยวกัน)  อิอิ..   ว่าแต่ว่าคุณสราวุธรู้หรือยังครับ  ว่าเป็นดอกอะไร  มีคนในนี้เค้ารู้แล้วอย่างน้อยก็คนนึง จากคุณ : Dearance - [ 19 ก.พ. 51 20:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โหย มาถามผมเรื่องดอกไม้ ถามสูตรคณิตศาสตร์การแก้สมการอะไรยากๆสักอย่างผมว่ายังง่ายกว่าเลย ผมไปภูเก็ตมาก็ลืมไปนะครับ น่าจะถามเจ้าถิ่นว่า หาดไหนน่าไปพักผ่อนที่สุด ที่มันไม่วุ่นวาย และดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีที่พักที่สะดวกสบายพอใช้และปลอดภัย แต่ก็สายไปเสียแล้วล่ะครับ ต้องรอโอกาสแก้ตัวปีหน้าดีกว่า จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 19 ก.พ. 51 21:30:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นั่นนะสิครับ  น่าจะบอกกันบ้าง  ผมจะได้ต้อนรับให้สาสม  เอ๊ย สมฐานะครับ ปีหน้าถ้าจะไปอีกก็ส่งอีแมวไปบอกกันได้ครับ  ชื่อผมนั่นแหละแล้วตามด้วยฮอดแมวหรือเยี๊ยกหู้ก็ถึงครับผม จากคุณ : Dearance - [ 19 ก.พ. 51 22:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่น่าเชื่อว่า ยังหาโรงแรมที่ภูเก็ตได้ เมื่อวานไป survey มา กว่าสิบโรงแรม เต็มเอี๊ยดเลยครับ จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 20 ก.พ. 51 01:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ได้แบบจวนเจียนเต็มทีครับ แล้วก็เป็นโรงแรมเล็กๆที่ไม่ได้ติดห่งติดหาดอะไรเลย อยู่บนเนินอีกตะหาก แถมว่างแค่สองคืน ผมก็เลยต้องรีบเดินทางไปก่อนกำหนดที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าครับ เห็นทางเอเย่นต์ทัวร์รายเล็กที่ผมไปซื้อตั๋วเรือไปเกาะพีพีเขาบอกว่า ช่วงนี้ทัวร์จากรัสเซียมาเยอะ (ช่วงที่ผมไป) ห้องพักเลยถูกจองเต็มไปหมด แต่น่าแปลกตอนกลางคืนผมไปเดินก็ดูเงียบมากๆ(ที่กะตะ) ไม่ค่อยจะมีคนสักเท่าไหร่ ก็เลยแปลกใจว่านักท่องเที่ยวเขาไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันหมดน้า ต้องรบกวนคุณเดียแรนซ์ว่า ถ้าอยากไปพักอย่างสงบๆ มีหาดทรายพอได้ไม่ต้องสวยมาก เอาถนนเข้าถึงไม่ต้องปีนเขาเข้าไป ไม่รู้ว่าที่ไหนพอจะมีที่พักบ้างหรือครับ หนหน้าผมว่าจะแก้ตัวไปอยู่สักสองอาทิตย์ ไม่ทราบว่าจะเจอสถานที่นั้นได้อย่างไร อย่าตอบว่าเกาะราชาเชียวนะครับ ที่นั่นคืนละหมื่นกว่า ผมจะเสียเงินขนาดนั้นได้ก็ต่อเมื่อไปกับสาวคนพิเศษเท่านั้นล่ะ แฮ่ม (มันยังลางเลือนอยู่ เลยเหมือนฝันไปซะล่ะมั้ง) แต่สวยจริงๆ ก็สมกับราคาล่ะครับ ว้า พูดถึงเรื่องเที่ยวอีกแล้ว เพิ่งจะกลับมาแท้ๆ บั่นทอนจิตใจการทำงานเสียนี่กระไร จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 20 ก.พ. 51 13:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ลืมตอบคำถามของท่านหัวหน้าห้องไปเลยครับ อาชีพเฝ้าสวนดอกไม้นี่หมายถึงยังงัยน้า เข้าห้องเรียนที่นี่ทีไรต้องมานั่งขบคิดในความหมายของแต่ละคำจริงๆ ผมล่ะไม่อยากเป็นแค่คนเฝ้าสวนดอกไม้หรอกครับ อยากเป็นเจ้าของสวนดอกไม้มากกว่า เวลาส่งดอกไม้จะได้ไม่เปลืองกะตังค์มากยังงัยล่ะ แล้วภูมรินท์เมินกลิ่นผกา เนี่ย หมายความว่าอิหยังเน่อ โอ้ยย ปวดเฮ้ด จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 20 ก.พ. 51 13:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คนเฝ้าสวนดอกไม้นี่น่าสงสารนะครับ นอกจากต้องคอยไล่พวกเหลือบริ้น แมลง ไม่ให้มาไต่ตอมแล้ว พอดอกไม้บานก็ยังต้องตัดเอาไปมอบให้คนอื่นอีกต่างหาก ถ้าผลตอบแทนไม่ดี งานนี้ไ่ม่น่าทำเอาซะเลย จากคุณ : Nexus - [ 20 ก.พ. 51 15:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เกาะรายาหรือราชาเนี่ย  เมื่อหลายปีก่อนผู้จัดการแบงค์พาผมไปเที่ยว  จ่ายเฉพาะค่าน้ำมันเรือสปีตโบ้ต  พักบังกะโลของลูกค้า  เป็นบังกะโลเล็ก ๆ บนเนินเขา  มองลงมาเห็นวิวทั้งเวิ้งอ่าว  (โดยเฉพาะญี่ปุ่นขาว ๆ  อิอิ)  ยามเย็นต่อถึงกลางคืนก็นั่งที่ระเบียงร้านจิบน้ำพรรณนั้น โอ๊ย..  มีความสุข  บังเจ้าของบอกว่าถ้าจะมาเมื่อไหร่โทรมา  เดี๋ยวบังจัดให้ฟรี  (เจ้าของที่บนเกาะ  หรือตามหน้าหาด  ส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิมครับ)   แต่ถ้ามีพรรคพวกเพื่อน ๆ จะมาเที่ยวก็บอกได้  บังขอค่าน้ำมันปั่นไฟหลังละเจ็ดร้อย แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าบังเลิกทำบังกะโลแล้ว  อยู่บ้านเฉย ๆ  ต้องคอยระวังไม่ให้เงินที่ได้จากการขายที่บนเกาะหล่นทับคอหักตาย หุหุ  คุณครูไม่มาสอน  เด็ก ๆ คุยกันเจี๊ยว (จ๊าว) ใหญ่แล้ว จากคุณ : Dearance - [ 20 ก.พ. 51 15:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 หนูหล่อป่าวเคียดน้า คุณศราวุธ แค่ยุ่งเรือหายง่ะ เข้ามาเรียนก็เป็นง้ง เป็นงง เปลี่ยนมาเรียนทำทัวร์กะ ปลูกดอกไม้ทำสวนกันแระ? ดีแฮะ หนูหล่อชำนาญ แล้วดอกที่คุณ Dearance ให้น่ะ คุณศราวุธจะกล้า เอาเร้อ ทำเป็นไม่รู้จัก ที่แท้... กลัวมั้ง คุณพี่ Tweety กลุ้มใจเรื่องอะไรเหรอก๊าบ เมื่อก่อน หนูหล่อมาอ่านเงียบๆ แต่เห็นที่นี่บรรยากาศดี แซวๆ กันเล่นไม่ถือสา หนูหล่อก็เลยมาสมัครเรียนบ้าง ยัง ไม่ทันไรเลยคุณพี่จะไปเสียหนึ่งท่านแล้วเหรอครับ หนูหล่อก็คิดเหมือนคุณศราวุธน่ะแหละน้า คุณพี่ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 20 ก.พ. 51 17:23:40 A:124.120.222.106 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่รู้จริงๆครับ เรื่องดอกไม้น่ะไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้จักเอาเลย รู้จักแต่กุหลาบ ลิลลี่ เฟื่องฟ้า ดอกเข็ม ดอกทานตะวัน มะลิ นอกนั้นใบ้กินหมดล่ะครับคุณหนูหล่อ ตอนนี้จะขึ้นเกาะราชา ต้องจ่ายเงินค่าขึ้นเกาะให้เจ้าของเกาะเหมือนเกาะไม้ท่อนด้วยใช่มั้ยครับคุณเดียแรนซ์ ผมล่ะเสียดายแทนบังคนนั้นเหมือนกันนะครับ มีที่บนสถานที่แบบนั้น บางทีมีเงินยังหาไม่ได้เลย แต่เห็นเงินเป็นล้านๆกองอยู่ตรงหน้า ขนาดเก้าอี้นายกฯยังเอามาได้ ประสาอะไรกับที่ดินแค่นั้น แต่น่าสนใจเหมือนกันนะครับว่า ถ้าเป็นหัวใจของคนๆนึง เงินขนาดนั้นจะซื้อใจเขาได้หรือเปล่า พูดไปงั้นล่ะครับ ไม่มีปัญญามีเงินขนาดนั้นหรอก ถึงมีผมก็ไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ถ้าทำได้จริงเพราะเราไม่รู้ว่าเขามาหาเราด้วยหัวใจ หรือเขามาหาเราด้วยเงินกันแน่ เกิดวันนึงเงินเราหมดเขามิจากเราไปไกลแสนไกลดอกหรือ ผมถึงอยากเป็นเจ้าของสวนดอกไม้ยังงัยล่ะครับ เพราะตัดดอกไม้ไปขาย ก็ยังได้เงิน แต่คนเฝ้า ได้ค่าเฝ้านิดหน่อยเท่านั้นเอง จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 20 ก.พ. 51 17:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หนีกลับมาเที่ยวเมืองไทย  ก็ไม่บอกสักคำเลยนะ นี่ถ้าคุณหนูหล่อไม่บอก  ก็คงไม่รู้หรอกว่ามีใครบางคนหนีไปนอนอาบลม ห่มแดด  ตามลำพัง (หรือเปล่า???) ใครรู้บ้างไหมคะว่าอาจารย์สื่อหายไปไหน ช่วงนี้ อากาศเปลี่ยน  รักษาสุขภาพด้วยนะคะ มาป่าวประกาศหาคนหายแบบนี้ (อีกแล้ว)   ไม่รู้มีใครแอบหมั่นใส้หรือเปล่าเนาะ หนูไม่รู้ว่า พี่หมอ ชอบประเภทอย่างว่านี้   ถึงจะเรียกว่าเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน ถ้างั้นหนูจะจัดให้ค่ะ หมอสูติหนุ่มหล่อท่านหนึ่ง รีบวิ่งลงมาที่รถแท็กซี่ ทันที หลังจากได้รับแจ้งว่า  มีคนไข้ใกล้คลอดมารอพบหมออยู่ในรถ เมื่อมาถึง ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรทั้งสิ้น   ตรงเข้าไปตรวจอาการของผู้ป่วยทันที (เขาตรวจคนใกล้คลอดกันอย่างไร  หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ) สักครู่  คุณหมอก็พูดว่า  อืม   ท้องเล็กนะครับ  ท้องแรกหรือเปล่าครับ นั่งนิ่งๆนะครับ หมอจะตรวจดูว่า  เด็กพร้อมคลอดหรือยัง   ไม่ต้องตื่นเต้นนะครับหมอยู่ใกล้ๆคุณนี่แล้ว  สบายใจได้ ทันทีทันใดนั้น  บรุษพยาบาลก็วิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากตึก   พร้อมทั้งร้องบอกคุณหมอว่า คุณหมอครัาบบบบบ  คนไข้ใกล้คลอด  อยู่ในรถคันที่สองครับ รถคันนั้น  เขามาพบทันตแพทย์ครับ จากคุณ : Gasalong - [ 20 ก.พ. 51 22:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คนไข้คนนั้นก็ช่างกระไรนะครับ ยินยอมอย่างยินดีที่ให้ตรวจอย่างพร้อมสรรพบนรถเลยทีเดียว เป็นคนหล่อก็ดียังงี้ล่ะครับ น่าอิจฉาชมัด เฮ้อ มาเมืองไทยแปปเดียวเองครับ ได้ทำอะไรอย่างที่ตั้งใจแต่ไม่จุใจสักอย่าง แบบเหมือนกับว่าแค่ได้ทำเท่านั้น อย่างไปเที่ยวก็ไปแปปๆ ไม่ได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งเท่าไหร่นัก คุณหนูหล่อถ้าได้มาอ่านที่นี่อย่าเอาไปบอกนางฟ้าเชียวนะครับ ผมอยากกลับบ้านครับ ฮือออออออๆๆๆๆ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 20 ก.พ. 51 22:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตะแล้น ๆ ๆ  5555 แจมอีกเรื่องครับ  หมอเหมือนกัน จิตรกรมีชื่อระดับโลกคนนึงเป็นโรคเกี่ยวกับตา (ดวงตา)  มารักษากับคุณหมอสมชาย (นามสมมุติ) จนหายเป็นปกติ  หลังจากจ่ายค่ารักษาพยาบาลกันเรียบร้อยแล้ว  จิตรกรได้ตอบแทนคุณหมอสมชายด้วยการวาดรูปคุณหมอลงในผืนผ้าใบ  ยืนอยู่หน้าดวงตาดวงใหญ่เต็มเฟรม  แล้วมอบให้คุณหมอเป็นที่ระทึก คุณหมอแขวนรูปนั้นไว้ที่ผนัง  แล้วถอยห่างออกมายืนพินิจพิจารณา  พลางบ่นกับตัวเอง "คิดถูกแล้วที่เรียนเป็นหมอตา  นี่ถ้าเชื่อยาย เรียนเป็นหมอสูติถ้าจะแย่" ..... จากคุณ : Dearance - [ 20 ก.พ. 51 22:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ้าว..  คุณสราวุธยังไม่นอนอีก  รอพบหมอเหรอครับ จากคุณ : Dearance - [ 20 ก.พ. 51 22:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนนั้นน่ะ เพิ่งจะหกโมงเวลาประเทศคูเวตเองนะครับ จะให้นอนเสียแล้ว พบหมอของผมน่ะ พบรอบดึกเหมือนกันครับ สักสามทุ่มกำลังดี แต่ถ้าให้ดีกว่าเจอหมอเก่งๆ สักสองทุ่มน่าจะได้ ไม่งั้นคิวหมอเต็มครับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ วันมาฆบูชา 13:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ้าววว ... เรียนหมอกันใหญ่ แล้วจะมีใครเป็น หมอนวดมั่งป่ะคร้าบบบ มาแพลมเรื่องนางฟ้าอีกแระ คุณศราวุธ เด๋วโดน รีดอีกไม่ช่วยแล้วนะ ตอนเนี้ยคุณนางฟ้าก็ตามมา แอบอ่านยังเติร์กมั่งแล้วด้วย ขอบอก จากคุณ : หนูหล่อ - [ วันมาฆบูชา 20:28:51 A:124.120.217.75 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เย้ยยยย เขาจะตามมาได้ไง    ถ้ามาจริงๆไม่มีอะไรจริงๆน้า  คุณหนูหล่อโม้มาขู่กันล่ะซี่ ไม่เห็นเขาเคยพูดเรย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 22 ก.พ. 51 15:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไซออนนิสต์ คำนี้เป็นที่แสลงหูสำหรับตะวันออกกลางอย่างยิ่ง หรือถ้าย้อนกลับไปไกลกว่านั้น อังกฤษ เจ้าอาณานิคมในแถบนั้นก่อนช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็ไม่ค่อยอยากได้ยินชื่อสักเท่าไร ประมาณได้กับกลุ่มปฎิบัติการพิเศษ (ไม่อยากเรียกว่า ก่อการร้ายเลย )ที่เด็ด ๆทั้งหลายในโลกนี้ที่เดียว กำเนิดของไซออนนิสต์ มาจากแรงบันดาลใจจากพระคัมภีร์เก่า ที่พูดถึงดินแดนพันธสัญญา  แต่ว่าการที่ชาวยิวแบบตัวเป็น ๆ เห็น ๆ กันอยู่ ไม่ใช่แค่คนในตำนานในนิยาย ที่เริ่มก่อร่างสร้างไซออนนิสต์ขึ้นมา คือ การได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์การปฎิบัติใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี 1789 การปฎิวัติครั้งนั้น สร้างแนวคิด ความเชื่อ และแรงบนดาลใจอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับมนุษยชาติ ไซออนนิสต์ก็เช่นกัน หลังจากเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยในยุโรป ที่ตั้งหลักแหล่งกระจายไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยได้รับการยอมรับ (หรืออีกนัยนึง คือ ไม่ยอมปรับตัว) ให้เข้ากับสังคมใดสังคมหนึ่งในนั้นเลย ยิวยังคงเป็นยิว ไม่ว่าจะไปอยู่ใดก็ตาม ปัญหาความแตกต่าง หรือการถูกจัดให้เป็น "คนนอก" ของยิว เกิดขึ้นมาหลายศตวรษเต็มที่ นับย้อนไปตั้งแต่ยุคไบแซนไทร์ที่ไม่มีชาติยิวอยู่แล้ว แต่ชาวยิวก็ไม่เคยได้รับสิทธิความเป็นพลเมืองเท่ากับชาวไบแซนไทร์กลุ่มอื่น ๆ เลย สิทธิที่ว่านี้กินความไปถึงการมีส่วนร่วมในชุมชนในรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการมีสิทธิในที่ดินทำกินด้วย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 22 ก.พ. 51 16:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กลุ่มยิวที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นไซออนนิสต์รุ่นแรก ๆ เริ่มมาจากในดินแดนรัสเซี่ย ที่ในขณะนั้น ยิว ถูกรังเกียจอย่างหนักหนาสาหัส ทารุณกรรมและสังหาร เพียงเพราะเป็นยิวอยู่เสมอ ๆ ด้วยแรงบันดาลจในเรื่องของความเสมอภาค (เสรีภาพ ภราดรภาพ คำขวัญของการปฎิวัติใหญ่ฝรั่งเศส) ทำให้ชาวยิวเริ่มตั้งกลุ่มไซออนขึ้นในปี 1880  โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับไปตั้งหลักแหล่งในปาเลสไตน์  ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เนื่งจากที่ผ่านมา เป็นเพียงเรื่องเล่า ตำนาน หรือการกล่าวถึงพระคัสภีร์แบบลอย ๆ เท่านั้นว่า สักวันยิวจะได้ไปยังดินแดนพันธสัญญา แต่คราวนี พวกเขาคิดว่าจะต้องทำอะไรให้มันจริง ๆ จัง ๆ มากกว่า รอคอยปาฎิหารณ์ กลุ่มไซออน์รุ่นแรกที่มีความตั้งใจจะให้ชาวยิวรวมตัวกันและต่อสู้เพื่อให้ได้กลับไปอยู่ยังดินแดนปาเลสไตน์  เริ่มออกรณรงค์ไปทั่วรัสเซีย เพื่อหาแนวร่วม ซึ่งในครั้งแรก พวกเขาทำได้เพียงระดมคนเข้าร่วมกลุ่มประมาณ 500 คน แต่การเริ่มต้นอุดมการณ์ในยุคแรกมีอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะจากตัวของชาวยิวเองที่แม้ว่าจะเห็นด้วยกับหลักการที่ว่าชาวยิวต้องมีแผ่นดินของตัวเอง มีประเทศชาติของตัวเอง  แต่ว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนนั้น การมองให้เห็นถึงปาเลสไตน์ และเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายนัก ชาวยิวจากรัสเซียที่เกิดปัญหาจึงมักจะอพยพเข้ามายังยุโรปตะวันตกและอเมริกามากกว่า มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ยอมไปลงแรงขุดดินถางไร่กันในปาเลสไตน์จริง ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นการจุดประกายให้ไฟแห่งไซออนนิสต์ลกลามในใจของชาวยิวทั้งมวล เพื่อร่วมสร้างสานอุดมการณ์เดียวกัน คือสร้างแผ่นดินแม่ของคนเองขึ้นมาให้ได้ ในดินแดนปาเลสไตน์ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 22 ก.พ. 51 16:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไซออนนิสต์เนี่ย ดูเหมือนจะเป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มของมนุษย์ที่ยังหลงเหลือจากการทำลายล้างของพวกหุ่นยนต์ในเรื่องเดอะเมททริกซ์ด้วยนี่ใช่มั้ยครับ ถ้าจำไม่ผิด เอ๊ะ ผมนี่ยังงัย จะโยงไปเข้าเรื่องหนังทุกทีสิน่า การปฏิวัติใหญ่ที่แสนจะคลาสสิคในฝรั่งเศสเนี่ย ถือเป็น"สัญลักษณ์" ในการเป็นแรงบันดาลใจ ในการแสดงออกถึงการต่อต้านการปกครองของชนชั้นกลางที่มีต่อพวกชนชั้นศักดินา และเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย ต่อมาจึงกลายเป็นการก่อเกิดลัทธิชาตินิยมขึ้นมา และส่งผลไปถึงการปลุกระดมให้ลุกขึ้นปฎิวัติตัวเองครั้งใหญ่ ให้แยกประเทศตัวเองออกจากจักรวรรดิต่างๆในยุโรป ที่เห็นๆก็มีการรวมชาติอิตาลี ที่ต้องการแยกตัวเองจากกการถูกครอบงำจากจักรวรรดิต่างๆที่เข้ามากินโต๊ะประเทศอิตาลีในยุคสมัยศรรษตวรรษที่18-19 ที่เห็นๆก็อณาจักรออสเตรีย-ฮังการี และสเปน นอกจากนั้นก็มีเนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม ที่พยายามแยกตัวออกมาจากสเปน และการรวมเยอรมัน แต่การปฏิวัติของชนชั้นกลางและลัทธิชาตินิยมในยุคนั้น ก็ยังต้องอาศัยการมีสัญลักษณ์ร่วมกันเพื่อเป็นศูนย์กลางของการรวมจิตใจ ก็คือต้องมีระบอบกษัตริย์ หนุนหลังในการปฏิวัติเพื่อสร้างชาติของตัวเองออกมานั่นเอง นี่ยังไม่รวมถึงการปฏิวัติในที่อื่นๆทั่วโลก อย่างในจีนทีโค่นล้มราชวงษ์ชิงนั่นก็ใช่ ดร.ซุนแกก็มีแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสนี่เหมือนกัน หรือการปฏิวัติของพวกบอลเชวิก ซึ่งทั้งสองแฟนในกระทู้กบฎคงทราบดีอยู่แล้ว เพราะอาจานสื่อเคยร่ายอย่างละเอียดมาแล้ว ...นอกเรื่องจากตะวันออกกลางไปไกลหน่อยนะครับ คงไม่ว่ากัน เห็นเรื่องการปฎิวัติในฝรั่งเศสยุคนี้แล้วขอเข้ามามีส่วนร่วมหน่อย เพราะผมติดใจกับการปฎิวัติครั้งนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะตอนเด็กๆมีการ์ตูนเรื่องนึงชื่อเรื่อง กุหลาบแวร์ซายส์ ไม่รู้มีใครได้ทันดูหรือเปล่า เนื้อเรื่องน่ะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยของพวกเจ้าขุนมูลนายในพระราชวังแวร์ซายส์ ท่ามกลางความยากจนค่นแค้นของชาวปารีสโดยรอบและชาวฝรั่งเศสในเมืองอื่นๆ จนก่อให้เกิดการปฎิวัติโค่นล้มรางวงษ์บูรบงส์โดยประชาชนและชนชั้นกลางในปารีสและเมืองอื่นๆ เห็นมั้ยครับ การ์ตูนน่ะใช่ว่าจะไร้สาระไปเสียทุกอย่างหรอก อย่างน้อยๆก็ทำให้เด็กหลายคนในยุคนั้น ได้รู้จักการปฏิวัติในฝรั่งเศส และเรื่องกิโยตินพระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารีอังตัวเนต เชียวนะครับ จำได้ไม่ผิดการ์ตูนเรื่องนี้น่าจะฉายทางช่อง3 นะ แต่มันก็นานมากแล้ว ตอนนั้นผมยังอยู่ ป.3 อยู่เลย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 23 ก.พ. 51 04:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 49 รุ่นนี้ไม่มีขู่คร้าบบบ ไม่มีอะไรน่ะหนูหล่อรู้ กลัวแต่คุณพี่หัวหน้าห้องจะอยากรู้ความ ประพฤติอ่ะ... นางฟ้ามีตั้งหลายคน ร้อนตัว ทำม้ายยย ตกใจมากขนาดต้องมาเรียนกะ อาจารย์สื่อซะละมั้งครับ ไม่เชื่อก็ไปถามเธอเอง เธอยังว่า field นี้ไม่ ค่อยมีความรู้ อยากให้หนูหล่อปูพื้นให้บ้าง หนูหล่อก็ใบ้กิน เพราะกะลังหาฟามรู้เหมือนกัน เลยบอกให้เธอถามพี่ Brett.. "เพราะรายนั้นเขา ระดับ "กูรู้""... เนี่ย ว่ากันไว้จะจะยังงี้ ไม่เชื่อ ไปตาม record เก่าได้เรยยย 5555+++ เอิ๊กกก กลางหน้าร้อนแล้วครับ อาจารย์ แดดเปรี้ยงเลย จากคุณ : หนูหล่อ - [ 23 ก.พ. 51 09:10:44 A:124.120.224.84 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณสราวุธครับ  (แอบคุยกันหลังห้องอีกแระ) เรื่องปฏิวัติฝรั่งเศสเนี่ย  ผมเคยอ่านเกร็ดจากหนังสือเล่มนึงนานมาแล้ว (ตอนนี้หาไม่เจอ)  เขียนไว้ว่าปืนใหญ่ที่พวกปฏิวัติเข็นออกมาจากพิพิธภัณฑ์มาใช้ยิงถล่มกำแพงคุกบาสตีย์เป็นกระบอกแรก  เป็นปืนของไทยที่ส่งไปเป็นบรรณาการแก่ฝรั่งเศสสมัย...  เอ้อ จำไม่ได้แล้วครับ  คุณสราวุธเคยอ่านเจอเรื่องนี้หรือเปล่าครับ อ้อ..  วันนี้วันเสาร์  'จารย์หยุดสอน  คุยกันได้ไม่เป็นไร จากคุณ : Dearance - [ 23 ก.พ. 51 10:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จำไม่ได้เหมือนกันว่าเคยว่ากันไว้อย่างไรบ้าง จะลองตามกลับไปอ่านก็ไม่รู้ไปหลุดอยู่บล๊อกไหนแล้วน่ะครับ โธ่คุณหนูหล่อ ผมน่ะมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์แค่หางอึ่งเท่านั้นเอง เพราะเป็นคนที่อ่านมากก็จริงแต่จำไม่ค่อยจะได้ อ่านแล้วก็ลืมหมด ไม่ต้องหาญกล้าไปเที่ยบกับอาจารน์สื่อ หรืออาจารย์วิวันดาเลย แค่ท่านหัวหน้ากาสะลอง หรือท่านริวซอน ผมยังไม่ได้แม้แต่กระพี้เสี้ยวของท่านทั้งสองเลยล่ะครับ แล้วไหนจะท่านอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอ ท่านป๋า ชช. แต่ละคนก็สุดยอดทั้งนั้นล่ะครับ อย่าใช้คำว่ากูรู หรือกูรู้เลย ต้องใช้ว่า กูแค่พอรู้ จะเหมาะสมกว่าครับ ปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกเป็นเครื่องราชบรรณาการที่พระนารายณ์มหาราชของเรา ส่งไปถวายให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่14 ครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าปี พ.ศ.อะไร จำได้แต่จำนวนปีว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส 103 ปี (ยังอุตส่าห์เอามายิงได้เนอะ) แต่ผมก็จำปีที่ปฏิวัติฝรั่งเศสไม่ได้อีกนั่นล่ะครับ ใครอยากรู้ก็ลองเปิดกุ๊กกู๋เอานะครับ สถานที่เก็บรู้สึกจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ชื่อ Les invalides นะครับ ถ้าจำไม่ผิด (ไม่รู้เป็นพิพธภัณฑ์หรืออะไรกันแน่เหมือนกัน) จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 23 ก.พ. 51 16:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ้าวๆ  มีพาดพิงๆ เดี๋ยวเหอะ!!!!! ได้ข่าวว่าน้องชายสุดที่เลิฟ ริวซอน  กะลังขมักเข้นกับการเรียนควบคู่กับการงานค่ะ   เห็นว่า จะรีบตั้งตัวเพื่อจะแต่งเมีย ขอให้สมความปราถนาแซงหน้าอาจารย์สื่อนะจ๊ะน้อง  สาธุ! เรื่องตะวันออกกลาง จำได้ได้ว่าเคยยำใหญ่ไปครั้งหนึ่งแล้วค่ะ    แต่ที่ชอบจริงจะเป็นช่วงของออตโตมานอ่ะค่ะ   อ่านแล้วอิ้น อิน  จำได้ว่าตอนนั้น  ไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับทะเลทราย อูฐ  โอเอซิส  อินทผลัม และเบดูอิน มาอ่าน อ่าน อ่าน จนเนื้อตัวเหมือนถูกแดดทะเลทรายแผดเผาจนไหม้เกรียมไปหมดเลยเชียว   เล่มแรกที่รีบซื้ออ่าน     ฟ้าจรดทรายค่ะ   ตกใจใช่มะ   นึกว่าจะอินจนอ่านเรื่องอะไร   แหม  มันก็ต้องหาเรื่องหวานๆอ่านก่อนสิ  จริงไหมล่ะจะได้บิ้วอารมณ์ ต่อยอดไปอ่านเรื่องโหดๆ  บู้ล้างผลาญแบบอิน ยกกำลังสองไง หลังจากสวมวิญญาน "มิเชล" หวานใจผู้พัน ชารีฟ" ได้แล้ว  ก็ถึงเวลาออกสำรวจทะเลทรายกับชาวเผ่า เบดูอิน ที่แส๊นจะอิสระเสรีค่ะ     ไปไหนมาไหนที่  พกเมียไปเป็นโขยง เรียงลำดับกันเป็นกองคาราวาน หนึ่ง สอง สาม สี่  น่าร๊ากกกก   ไม่เห็นตบเห็นตีกันเหมือนที่นี่  เอ้ย เหมือนที่อื่นๆเลย! หลังจากนั้น ก็ตามอ่าน Lawrence of Arabia  และอะไรที่เป็นแขกๆ   ก็จะสนใจเป็นพิเศษ  เพราะพิศวงในความเป็นอยู่ของเขาในยุคโบราณค่ะ   ทึ่งในแนวคิด  และความศรัทราในหลักศาสนาของพวกเขาค่ะ อ่านฟ้าจรดทราย  ได้รู้เรื่องกฏระเบียบของสตรีที่นั่นมากพอสมควรค่ะ   สตรีอาหรับแท้ๆ  ยังคงรักษาขนบประเพณีเช่นนั้นไว้ได้อย่างไร  ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน พวกเธอมีความสุขดีหรือไม่ และพอใจกับสภาพเช่นที่ว่านี้หรือเปล่า นี่ถ้าตอนนั้น  คุณสราวุธมาปรกฏตัวในกระทู้นั้แล้ว   เห็นทีอรรถรสในการติดตามเรื่องอาณาจักรทะเลทรายโบราณแห่งตะวันออกกลาง คงจะสนุกกว่านี้มาก จากคุณ : Gasalong - [ 23 ก.พ. 51 17:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จำได้ว่า คุณสารวุธ หลงเข้ามาในกระทู้นี้ และไปไหนไม่รอดจนบัดนี้ เพราะเข้ามาหาขออมูลของนักรบนิรนามในสงครามกองโจรที่ลาวหรือเปล่าคะ กลับมาเมืองไทยเที่ยวนี้ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้ติดไม้ติดมือไปอ่านหรือยัง เป็นเรื่องของ ทหารรับจ้างที่สมัครไปรบที่ลาว ในช่วงปี 2514ค่ะ พี่ชายคุณสารวุธ ไปรบที่ลาว ช่วงไหนค่ะ ได้ข่าวคราวบ้างหรือยัง จากคุณ : Gasalong - [ 23 ก.พ. 51 17:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 54 พระเจ้า ท่านหัวหน้าห้อง  ผมไม่เห็นหนังสือเล่มนี้เลยครับ ทั้งๆที่ไปสิงสู่ที่ร้านหนังสืออยู่หลายวัน คงเป็นเพราะมัวแต่หาเพชรพระอุมา กับหนังสืออื่นๆอยู่แน่เลย เลยมองข้ามไป ท่านกาสะลองยังจำได้ ขอบคุณมากๆเลยครับ พี่ชายผมหายไปช่วงนั้นล่ะครับ (ขอแก้เป็น2512 นะครับ) นี่ล่ะ  เป็นพี่ชายต่างมารดาน่ะครับ จะถามพ่อก็ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว ก็เลยถามแม่ผมเอา แต่แกเข้ากับแม่ผมไม่ค่อยได้น่ะครับ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าแกจะหายไปจริงๆ คิดว่าคงไปนอนบ้านเพื่อนตามปกติ แต่รู้สึกเอะใจตอนที่เพื่อนมาถามว่าแกหายไปไหนหลายเดือนแล้ว แกหายไปก่อนผมเกิดอีกนะครับ แต่ตอนนั้นแกอยู่กับแม่ผมแล้ว แม่ผมเขาเลี้ยงมาตอนแกเป้นเด็กโตมานิดเลยพอเล่าให้ฟังได้นิดหน่อย แต่ผมรู้สึกติดใจ เลยอยากทราบข่าวของแก เลยเข้ามาที่กระทู้นี้ จนถึงวันนี้เลยล่ะครับ รู้แต่ว่าแกไปในฐานะทหารเสือพราน คือไม่ได้เป็นทหารประจำการมาก่อน เห็นเขารับสมัครก็ไปกับเขา เพราะได้เงินเยอะ พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกถึงคุณลุงOtis ครับ ไม่รู้ตอนนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 51 21:30:45 จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 23 ก.พ. 51 17:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คิดถึงคุณลุงOtis เหมือนกันค่ะ   ครั้งสุดท้ายทราบว่า ท่านไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง  ขอภาวนาให้คุณลุงยังคงอยู่กับพวกเรา  และช่วยดลใจให้คุณลุงรับทราบถึงความห่วงใยจากพวกเราด้วยเถิดค่ะ คุณสราวุธคะ   คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ เขาก็เป็นทหารรับจ้างนะคะ   เรียกว่า ทหารพรานใช่ไหม   เขาบอกว่า  การไปรบคราวนั้น  ไปเป็นทหารรับจ้าง  ที่เรียกว่า เป็นนักรบนิรนาม   เพราะสงครามครั้งนั้น  เป็นสงครามที่ไม่เปิดเผย     ส่วนทำไมถึงไม่เปิดเผย  ก็จำไม่ได้แล้วค่ะ   เขาบอกว่า  ทหารที่ไปรับจ้างรบครั้งนี้    อเมริกันจ้างเดือนละหนึ่งพันห้าร้อยบาท     ได้เบี้ยเลี้ยง วันละ  5 บาท   เสียชีวิต  ครอบครัวได้ หนึ่งแสน  และถ้าฆ่าเวียดกงจะได้หัวละ หนึ่งหมื่นบาท   ทหารรับจ้างเหล่านี้   จึงต้องเดินหน้าทำเป้าลูกเดียวค่ะ    เพราะอยากได้เงินค่าจ้างเยอะๆ  เพื่อส่งกลับไปให้ครอบครัวค่ะ อ้อ ลืมบอกไป  หนังสือเล่มนี้  บันทึกโดย  สิบเอก  ประสิทธิ์  แก้วอินทร์    ท่านเกิดปี  2484  ขณะนี้ ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ   บันทึกข้อหนึ่งของทหารรับจ้าง ที่อ่านแล้วก็ให้ชื่นชมคติพจน์ ของนักรบผู้กล้าเสียจริง เป็นคำปฏิญาณตนของเสือพรานเขาค่ะ   เขาบอกว่า  "  คำว่าแพ้  จะไม่เคยมีอยู่ในสมองของนักรบเสือพราน " และอีกข้อนึง เขาบอกว่า  "จะไม่ยอมปล่อยให้เพื่อนทหารเสือพราน ตกอยู่ในความคุ้มครองของข้าศึกอย่างเด็ดขาด" คาดว่า คติพจน์เหล่านี้  ก็คงเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจของชาติชาตินักรบทุกคนอยู่แล้วใช่ไหมคะ   พอดีตัวเองเป็นผู้หญิง  ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจกับคำว่า "ตายเพื่อชาติ"  นั้นเป็นเช่นไร สิบเอก  ประสิทธิ์  แก้วอินทร์    ปัจจุบันอายุ  67 ปีค่ะ   แล้วคุณสราวุธ ห่างจากพี่ชายกี่ปีคะ จากคุณ : Gasalong - [ 23 ก.พ. 51 19:51:11 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อายุของพี่ชายผมที่หายไปตอนนั้นก็ประมาณ 19 ปีครับ ดังนั้นก็น่าจะห่างจากผมสัก 25 ปีได้ ผมจะเล่าจากความจำที่มีอยู่น้อยนิดนะครับ เพราะข้อมูลที่เคยรวบรวมไว้จากการไปถามคนโน้นคนนี้ กับที่คัดลอกจากในหนังสือ มันหายไปเกลี้ยงจากการโดนไวรัสเข้าทำลายเครื่องเมื่อสามปีก่อนแล้ว จริงๆแล้วตอนที่เขาประกาศรับสมัครทหารเสือพรานไปรบนั้น เป็นรอบหลัง คือหลังจากที่รอบแรกเขารับสมัครทหารประจำการไปรบก่อน แต่พอถึงเวลากลับมาแล้ว จากที่ไปสักหกร้อย เหลือกลับมาไม่ถึงสองร้อย แถมด้วยเสียงร่ำลือถึงความโหดร้ายของการรบ และพวกเวียดกงและพวกลาวแดง ทำให้พวกที่จะไปรอบหลังเลยแหยงๆ ตัวเลขของผู้อาสาจะไปรบก็เลยลดลงอย่างมากจนไม่พอทดแทนกับกำลังที่จะผลัดเปลี่ยน พอไม่พอ ทางซีไอเอกับทาง บก.สิงหะ เลยต้องประกาศรับสมัครทหารเสือพราน ซึ่งความหมายจริงๆแล้วก็คือ การรับสมัครทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการไปแล้วนั่นเอง แต่ในความเป็นจริง คนที่มาสมัครไม่จำเป็นต้องเป็นทหารเกณฑ์มาก่อนหรอกครับ เป็นใครก็ได้ ดังนั้นก็เลยเกิดการรวมดาวของเหล่าอาชญากร นักเลงหัวไม้ อันธพาล ดาวโจร ที่กำลังหลบหนีคดีของทางการ บางกลุ่มก็เป็นพวกไม่มีอาชีพจะทำกิน จะอดตายทั้งครอบครัว มีบ่อยๆที่คนมาสมัครเป็นพ่ออายุห้าสิบ ลูกอายุยี่สิบกว่าๆ มาพร้อมกันทั้งพ่อทั้งลูก แล้วก็ตายทั้งพ่อทั้งลูก  บ้างก็เป็นพวกผิดหวังในชีวิต ทั้งอกหัก หรือผิดหวังเรื่องอื่นๆ บ้างก็ประชดชีวิต ประเภทมีปัญหากับครอบครัว พวกหลังๆนี้อยากหาที่ตายเลยได้ตายสมใจก็มีไม่น้อยครับ คือขอให้มาสมัครเถอะ เขามีวิธี"สวม"ให้ถูก้องถูกกฎได้เข้าไปทำการฝึกแล้วถูกส่งไปรบสมใจแน่ๆ คราวนี้ก็เกิดช่องทางหาเงินจากคนกลุ่มหนึ่งอีกเหมือนกัน เพราะเงิน"ประกันชีวิต" ที่ไปรบที่ได้คนละแสนส่งให้ครอบครัวนั้น ทำให้เกิด "ลูกรัก" คือไม่ใช่ลูกแท้ๆหรอก แต่หลอกคนที่ไม่รู้เรื่องจากไหนไม่รู้ให้มาสมัคร แล้วให้ลงชื่อรับรองว่าถ้าตัวเองตายไป จะมอบเงินประกันชีวิตดังกล่าวให้คนที่พามาสมัครนั่นล่ะครับ คนรับสมัครเขาไม่สนใจหรอกว่าใครลูกใครพ่อ เขียนชื่อเซ็นต์ชื่อก็จบ ส่งตัวเข้าทำการฝึกเลย คนที่ถูกหลอกส่งเข้ามากว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็สายเสียแล้ว จะหนีก็ไม่ได้ เพราะลงชื่อมาแล้ว ถ้าคิดจะหนีก็ติดคุกสถานเดียว แล้วไปรบอย่างนี้โอกาสรอดมันไม่เยอะหรอกครับ สมรภูมิลาวเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่โหดร้ายที่สุดในโลกสมรภูมินึง เพราะเป็นสงครามที่ไม่มีการประกาศ ดังนั้นก็ไม่ต้องคำนึงถึงกฎเจนีวาอะไรทั้งนั้น ส่วนวิธีการ"สวม"ที่ว่า เขาก็จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายนิดหน่อย โดยหักจากเงินก้อนแรกที่ได้รับ ในวันก่อนที่จะถูกส่งตัวขึ้นเครื่องไปล่องแจ้งนั่นล่ะครับ ย้อนกลับมาเรื่องพี่ชายผม (พี่ผมชื่อพี่ป๊อดครับ ชื่อจริงชื่อสันทนัน ) จริงๆตอนแรกที่บ้านก็ไม่รู้หรอกครับว่าแกไปรบที่ลาว จนตอนที่ไปตามหาแกนั่นล่ะครับ มีเพื่อนแกคนนึงยืนยันว่าพี่ของผมไปรบในลาวจริงๆ เพราะเขาเป็นคนไปส่งเองที่ค่ายฝึกที่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนจะถูกส่งไปที่ค่ายที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นอีกต่อนึง ส่วนสาเหตุนั้นเพื่อนของพี่ชายผมเขาบอกว่าพี่ชายผมเขาไม่ได้พูดรายละเอียดอะไรเลย บอกแต่ว่า อยากไปรบเพื่อชาติ แต่ที่บ้านผมรู้ว่า จริงๆแล้วพี่ชายผมคนนี้ไม่ถูกกับที่บ้าน แล้วก็มีปัญหากับครอบครัวมาตลอดน่ะครับ แกก็อาจไปเพราะประชดชีวิต อะไรทำนองนั้นก็ได้ พอรู้อย่างนั้นทางคุณพ่อผมแกเป็นทหารอากาศมาก่อน ก็เลยไปตามหา แต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลย เพราะตอนไปสมัครก็ไม่ได้ใช้ชื่อของตัวเองจริงๆ ต้องไปใช้ชื่อของคนอื่น ก็เลยยิ่งยาก ไม่รู้จะไปตามหายังงัย ก็เลยได้แต่รอให้เขากลับมาเอง ก็รอกันอยู่ที่บ้านเก่าหลังนั้น จนปี 24 น่ะครับ พอดีที่บ้านมีเรื่องเกิดขึ้นอีก ก็เลยต้องขายบ้าน แต่ถึงตอนนั้นก็นานแล้ว ทุกคนก็ทำใจไปแล้วว่าแกคงเสียชีวิตไปแล้ว เพราะว่าถ้ายังอยู่ก็น่าจะกลับมาที่บ้านตั้งนานแล้ว ผมเองก็ไม่คิดจะตามหาแกหรอกนะครับว่าแกไปรบที่ไหนตายยังงัย  เพียงแต่ผมอยากให้ทางรัฐบาลยุคหลังๆ ได้ประกาศสดุดีวีรกรรมของทหารเหล่านี้บ้าง แม้เขาจะได้ชื่อว่าไปรบนอกประเทศ และเป็นทหารรับจ้าง แต่ก็อย่างที่ท่าน"เทพ"กล่าวไว้ว่า ข้ามแม่น้ำโขงไป ก็เป็นแผ่นดินไทยแล้ว แล้วเราจะไม่รำลึกถึงคุณงามความดีของวีรบุรุษทั้งมีนามและนิรนามเหล่านี้กันบ้างเลยหรือครับ ส่วนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นจริงๆนั้น มีนิยายมากมายหลากหลายร้อยแปด ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงๆมันเป็นยังงัย ขนาดเรื่องที่ท่านจำลองเล่า ผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเลย  จะว่าไปก็เลยคิดว่าป่วยการที่จะไปรับรู้ว่าจริงๆเป็นอย่างไร บางคนเล่าว่า พวกที่ไปรบไปรบอย่างกะกองโจร ไม่ได้มีระบงระเบียบอะไรในการรบเลย ครูฝึกหลายๆคนทั้งที่กาญ และที่น้ำพอง ก็โดนแทงตายจากทหารรับจ้างพวกนี้ก็ไม่ใช่น้อย ผมเองก็ไม่ได้สนใจว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่อยากไปทำที่สุดก็คือ อยากไปสมรภูมิจริงๆที่นักรบเหล่านั้นได้ทำการรบ อยากไปสัมผัส ไปดูว่าที่เขาไปรบนั้นเขาอยู่กันยังงัย สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร มันเหมือนมีเสียงเรียกอยู่ในหัวผมตลอดเวลานะครับ บางทีอาจเป็นเสียงเรียกจากวิญญาณพี่ชายผมก็ได้ ว่าอยากให้ผมไปเยี่ยมเยียนแกบ้าง ผมก็เลยมีความตั้งใจว่า อยากไปล่องแจ้ง ซำทอง สนามบินบ้านนา ทุ่งไหหิน ไปเนินต่างๆที่เป็นฐานของทหารรับจ้างชาวไทย ที่ประจำการอยู่  ไปนอนสักหลายๆคืนเผื่อจะมีวิญญาณของพี่ๆน้าๆลุงๆ มาเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง ไม่รุ้จะเป็นภาระกิจที่เป็นไปได้หรือเปล่าเหมือนกันครับ แต่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องลองไปดู ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แค่ได้ไปเหยียบล่องแจ้ง ก็ถือว่าโอเคแล้ว ถ้าเขาไม่อนุญาตให้ขึ้นไปที่เนินต่างๆ ที่คงจะยังมีกับระเบิดหลงเหลืออยู่เต็มไปหมด จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 23 ก.พ. 51 22:09:04 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หลายครั้งที่ผมดูรูปทหารที่เสียชีวิตในสงคราม  พาลนึกอยากรู้ไปถึงชีวิตที่ผ่านมาของเขา ชีวิตในวัยเด็ก วัยรุ่นที่สนุกสนาน คิดไปถึงว่าญาติพี่น้องคนที่รักของเขาคงจะไม่มีโอกาสรู้ว่าบุคคลที่พวกเขาเคยผูกพันกันมา ขณะนี้เหลือแต่ร่างทิ้งไว้ในดินแดนที่ห่างไกล  บางร่างก็ถูกทอดทิ้งอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวดายจนเน่าเปื่อยสลายหายไปเองโดยไม่มีใครรู้  เหมือนกับหลาย ๆ  เรื่องที่โลกไม่เคยได้รับรู้ คนที่ตาย สบายไปแล้ว  แต่คนที่ยังอยู่นี่สิ .......... จากคุณ : Dearance - [ 24 ก.พ. 51 10:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ปฏิวัติฝรั่งเศส ปี 1789 ครับ ที่จำได้ เพราะเป็นการพลิกโฉมของยุโรปเลยทีเดียว จากคุณ : กริชครับผม - [ 24 ก.พ. 51 14:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณคุณกริชมากเลยครับ ถ้าอย่างนั้นปืนใหญ่สองกระบอกที่พระนารายณ์ส่งมาเป็นเครื่องราชบรรณาการให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่14 ก็คงจะถูกส่งมาตอนปี 1686 นั่นล่ะครับ คิดเป็น พศ.ก็ 2229 ผมว่านะครับคุณเดียแรนซ์ คนที่ตายไปแล้วไม่ว่าจะตายเพราะอะไร สาเหตุอะไร ผมว่าเขาหมดเวรหมดกรรมกับชาตินี้แล้ว ใครยิ่งตายเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมดเวรหมดกรรมได้เร็ว แล้วยิ่งถ้าการตายนั้นเป็นการตายที่มีความหมาย ตายเพื่อปกป้องอะไรสักอย่าง ผมว่ายิ่งเป็นการตายที่มีค่ามากเชียวล่ะครับ คนที่ยังอยู่น่ะแหละครับ นอกจากต้องมาเศร้าโศกเสียใจกับการตายไปของคนที่จากไปแล้วอยู่ฝ่ายเดียว ยังต้องอยู่เพื่อรับกรรมที่ตนยังมีติดตัวอยู่ คงเหมือนอย่างที่ในแรมโบ้4 ที่พระเอกแรมโบ้ของเราพูดไว้ว่า Die for something or Live for nothing จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 24 ก.พ. 51 14:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สิบเอกประสิทธิ์เล่าว่า  ก่อนที่อาสาสมัคร จะได้รับบรรจุให้เป็นทหารเสือพราน เขาใช้เวลาฝึกอบรมหลักสูตรกองโจร  100 วันแนะค่ะ ฝึกที่เมืองกาญ์ เขาชนไก่  จะเป็นที่เดียวกับ นักเรียน  รด. ฝึกหรือเปล่า แต่ก่อนที่จะได้รับการฝึกอบรม  ก็ต้องผ่านการคัดสรรนะคะ  เห็นบอกว่าคนประเภทเสือ สิงห์ กระทิง แรด  อย่างที่คุณ สราวุธบอกมานั้น มากับเพียบอยู่แล้ว   แต่เขาคัดค่ะ    มีการทดสอบทางด้านจิตใจ ว่าพร้อมรบแค่ไหน  ถ้าใครไม่พร้อม  ประเภท เมาย้อมใจมา  เขาก็จับโยนออกไป เห็นบอกว่า  พวกนี้ถ้าได้ไป  ก็ไปตายฟรี  มิหนำซ้ำไปเป็นภาระให้เพื่อนเสียอีก   หลายคนที่มาสมัคร  และอยู่ในรหว่างการฝึก  ก็ไม่ได้บอกที่บ้านหรอกค่ะ  ว่าไปทำอะไรมา  จะบอกอีกที ก็วันที่จะบินแล้วจริงๆนั่นแหละ กองหนึ่ง มี 25 คน  ฝึก 100  วัน  อย่างที่ว่า  ระเบียบวินัยเคร่งครัด   ครูฝึกเข้มงวด เออ   พูดถึงครูฝึกแล้ว  อยากรู้เหมือนกัน  ครูฝึก เหล่านี้ เขาเป็นใครกันเหรอ  ยศชั้นอะไร  ทำไมเขาถึงได้เป็นครูฝึก   เขาเก่งหรืออย่างไร สิบเอกประสิทธิ์บอกว่า  ที่เขาฝึกหนักๆ  ก็ในด้านของระเบียบ วินัย  และความสามัคคีค่ะ  เรียกว่า ให้ทำงานเป็นทีมเวิรค์ให้เป็น   ฝึกแม้กระทั่งการทำความสะอาดอาวุธปืนประจำกาย  ซึ่งต้องเอี่ยมอยู่ตลอดเวลา เขาให้อาวุธปืนประจำกายคนละกระบอก  ซึ่งจะเป็นปืนที่ต้องใช้ในการออกรบ เพื่อปราบอริราชศัตรูในสงครามกองโจรที่ประเทศลาว ไม่เหมือนกับกองทัพแดง  ที่แจกปืนให้คนหนึ่ง  และแจกกระสุนให้อีกคนหนึ่ง   และมีการประกาศบอกด้วยว่า  ทหารคนไหนที่ไม่มีปืน  ให้หาเอาแถวนั้นแหละ เดี๋ยวพอเพื่อนที่มีปืน  ถูกยิงตาย  ปืนกันก็เป็นของเราเอง เพราะงั้น  จงเก็บรักษากระสุนที่แจกให้นี้ไว้ให้ดี  เพราะมันจะกลายเป็น  "กระสุนสังหาร" เออ  ก็ทำงานเป็นทีมเวิรค์ดีเหมือนกันนะ   ก่อนถึงกำหนดขึ้นเครื่องบิน เพื่อไปปล่อยที่ซำทอง   เขาจะให้ทหารรับจ้างเหล่านี้   กลับไปเยี่ยมยามบ้านได้ 5  วันค่ะ   โดยจ่ากองพัน จะนำเงินที่เหลือ  ในระหว่างฝึกซ้อม  ใส่ซอง และเงินค่าเดินทางอีกคนละ  200 บาท   แล้วทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่  ก็มลายหายวับไปในพริบตา 5 วันที่ว่านี้  ก็กลับไปรำลา พ่อ แม่ ลูกเมีย  พร้อมทั้งอัญเชิญหลวงพ่อ เกจิดังๆกันมาแทบหมดกรุเลยมั้ง เห็นท่านเล่าว่า  ปกติ  ในหอนอน  พอถึงเวลา สองทุ่มตรง  ทหารทุกคนต้องนอน  และต้องนอนให้ให้หลับ  ถ้าใครไม่หลับ  จะถูกทำโทษด้วยการให้ออกไปวิ่งรอบกองพัน       แต่พอทหารรับจ้างกลับมาพร้อมเพรียงกันที่ค่าย  เสียงที่ได้ยินก่อนนอน  คือเสียงของกรอบพลาสติกที่กระทบกันดังเสียงแปลกๆ   ซึ่งสิบเวรก็ไม่ว่าอะไร แต่ก่อนหน้านี้  ผู้คุมหอนอน จะไม่ยอมให้มีเสียอะไรดังทั้งนั้น นอกจากเสียงกรน ยังไงก็ขอให้มีที่พึ่งทางใจสักหน่อยก็ยังดี  บางคนขอแค่ชายผ้าถุงแม่ไปเป็นเครื่องลางของขลังก็ยังมี จากคุณ : Gasalong - [ 24 ก.พ. 51 17:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ผมถึงบอกยังงัยล่ะครับว่าข้อมูลนั้นมาจากหลายแหล่งจริงๆ แล้วก้อไม่เหมือนกันสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราอ่านแล้วฟังแล้วก็เก็บไว้เป็นข้อมูล แต่ไม่ไปเถียงคนเล่าดีกว่าน่ะครับ เพราะพวกคนเล่าคนเขียนต่างๆแกก็อายุ 60-70 แล้ว แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆจะเป็นยังงัยกันแน่ เราก็ไม่รู้น่ะครับ แค่ได้ฟังพวกแกมาเล่าให้ฟังผมว่านั่นก็เพียงพอแล้วล่ะ เพราะที่ผมฟังๆมาส่วนมากก็ฝึกหนักจริงๆครับ แต่เรื่องคัดเนี่ยไม่เห็นบอกกันเท่าไหร่ ก็อาจเป็นไปได้ว่ามาสมัครเกินกว่าจำนวนที่เขาจะรับ ทีนี้ก็เลยมีตัวเลือกมากขึ้น เลยคัดเลือกไปได้น่ะครับ ครูฝึกก็คือทหารประจำการ ซึ่งส่วนมากเป็นทหารยศชั้นประทวนล่ะมั้งครับ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดว่า เขาคัดเลือกทหารที่จะมาเป็นครูฝึกกันอย่างไร แต่ตอนผมเรียน ร.ด. ครูฝึกส่วนมากเป็นทหารยศสิบเอก มีจ่าบ้างประปราย โดยมีนายทหารยศร้อยตรีหรือร้อยโท เป็นหัวหน้าหมวดคุมกำลังฝึกอีกที ซึ่งก็คงใช้หลักการเดียวกันนี้กระมังครับกับการฝึกในสมัยโน้น จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 24 ก.พ. 51 18:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เรื่องเก่า ๆ ของคุณสยุมภู  มีคนเอามาพิมพ์ไว้ในเวบ  เอาไว้อ่านเวลาพักทานกาแฟก็ดีนะครับ http://www.thaiairsoftgun.com/board/index.php?topic=51.0 จากคุณ : Dearance - [ 24 ก.พ. 51 20:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ท่านเดียแรนซ์ ไปภูเก็ตหนหน้า ให้ผมไปเลี้ยงข้าวเลยนะครับ!!! ขอบคุณมากๆสำหรับลิงค์นี้ ผมน่ะหามานานแล้วล่ะครับ เคยหาหนังสือของคุณสยุมภูได้แค่ไม่กี่เล่มเอง หายากและราคาแพงมากๆเลยครับ ถ้ามีเพื่อนคนไหนได้บินกลับเมืองไทย ก็ว่าจะฝากเขาซื้อหนังสือที่ท่านกาสะลองแนะนำมาด้วยน่ะครับ ทีนี้ก็เอามานั่งอ่านกันสนุกไปเลย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 24 ก.พ. 51 20:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อยู่หน้าจอพร้อมกันเลยนะครับ เมืองวังเวียงที่คุณสยุมภูเขียนถึงในหนังสือ  ผมไปมาเมื่อปีที่แล้ว  ฝรั่งเต็มเมือง จากคุณ : Dearance - [ 24 ก.พ. 51 20:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 66 แล้วก็เช่ามอ'ไซค์ขับเที่ยว จากคุณ : Dearance - [ 24 ก.พ. 51 20:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ภูมิประเทศนอกเมือง  นั่งซดเบียร์ลาวริมน้ำเพลินไปเลย พอก่อนครับ  เดี๋ยวกลายเป็นบอร์ด BP ไป จากคุณ : Dearance - [ 24 ก.พ. 51 20:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ลาวตอนนี้ผมคิดว่า ถ้าจะไปต้องรีบไปล่ะครับ ก่อนที่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติจะถูกทำลายลงไปมากกว่านี้ วังเวียงน่ะได้ยินมานานแล้ว แต่ล่องแจ้งเนี่ยสิ ท่าทางจะไปลำบากอยู่ ก็คุณเดียแรนซ์ใช่มั้ยครับ ที่ให้ข้อมูลว่าถ้าจะไปล่องแจ้งต้องไปเริ่มที่เชียงขวางแล้วจะมีรถสองแถวไปที่ล่องแจ้งนั่นเลยทีเดียว ถ้ามีเวลาสักเดือน น่าจะเที่ยวได้ทั่วนะครับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 24 ก.พ. 51 20:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 69 Link นั้น เยี่ยมไปเลยค่ะ คุณ Dearance ขออ่านให้จบก่อนนะคะ   ฟังจากมุมมองของหลายๆท่านดีค่ะ ว่าแต่คุณ สยุมภู นี่เป็นใครเหรอคะ  จำไม่ได้แล้ว   ช่วยเล่าหน่อยค่ะว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร  เผื่อเวลาอ่าน  จะได้ นึกภาพตามคนเขียนไปด้วยไง  จะได้รู้ว่า คนเล่า เล่าจากมุมมองไหน จากคุณ : Gasalong - [ 24 ก.พ. 51 21:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ทหารรับจ้างของไทยที่ประกาศเชดชูอย่างเป็นทางการไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น แสดงว่า เราทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ  เนื่องจากตอนนั้นมัมีกาประชุมกันที่เจนีวา และมีข้อตกลงว่า ประเทศที่สาม ต้องเลิกสนับสนุนลาวฝ่ายต่าง ๆ ที่กำลังรบกันอยู่อย่างเด็ดขาด ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ปฎิบัติตาม คือ เลิกประกาศว่าสนับสนุน และไม่ยอมรับ ทั้ง ๆ ที่ก็แห่ขนอาวุธ ขนทหารเข้าไปช่วยกันเต็มอัตรา ทางสหรัฐฯนั้น ติดปัญหาว่าสภาคองเกรส ไม่อนุมัติให้รัฐบาลทำสงครามในลาว ทำให้ซีไอเอ ต้องมาเป็น:-)านเอง ด้วยการเอาเงินมาจ้างทหารรับจ้างจากไทยข้ามไปรบ ผสานกับพวกม้ง วังเปา ทางฝั่งไทย เรามีผลประโยชน์ร่วมกับซีไอเอ ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่เป็นการทำยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศแบบ รบนอกด่าน เหมือนที่เราใช้มาตั้งแต่ต้นกรุงฯ เพราะได้บทเรียนจากยุทธศาสตร์เดิมที่ปล่อยให้ข้าศึกเข้ามาล้อมกรุงได้ แล้วรอน้ำท่วม หลังจากเสียกรุง ฯ เราก็เปลี่ยนยุทธสาสตร์มาตลอด ไม่เคยปล่อยให้ข้าศึกเข้ามาถึงกรุงได้อีกเลย เราจึงเลือกทำสงครามเก้าทัพที่เมืองกาญจน์ สงครามกับญวณที่ชายแดนเขมร สงครามกับลาวที่โคราช และสงครามกับฮ่อที่เมืองแถน ครูฝึกทหาร เป็นเรื่องธรรมดาของกองทัพครับ นายร้อยจบใหม่ ๆ หน้าที่แรกในกองพัน คือ ฝึกทหารใหม่ ซึ่งก็เอาความรู้จากที่ฝึกมาจากโรงเรียนนายร้อยนั่นแหละ  โดยมีจ่ากองร้อยทำหน้าที่ผู้ช่วยอีกที  จากนั้นก็ลดหลั่นไปตามลำดับ  แล้วแต่ว่าฝึกอะไร เคยไปฝึก รด.แล้วมีครูฝึกเป็นนายสิบ นำแถววิ่ง  แกดันให้พวกเราร้องเพลงลูกทุ่ง  วิ่งผ่านผู้กอง ท่านสั่งหยุดแถวทันที  แล้วบอกว่าเป็นทหาร ร้องเพลงแบบนี้ได้ไง สั่งนายสิบที่คุมแถวยึดพื้นร้อยครั้ง  สบายไป ส่วนครูฝึกทหารที่ไปรบเวียดนาม และลาวบางส่วนนั้น มี พ.อ. ชวงลิต  ยงใจยุทธ รวมอยู่ด้วยครับ ท่านนี้แหละที่เปลี่ยนหลักสูตรการฝึกการรบใหม่ ทั้ง ๆ ที่กองทัพยังไม่เปลี่ยนหลักสูตร  เนื่องจากท่านยืนยันว่าการรบในเวียดนาม และลาว ไม่มีแนวรบ ดังนั้น จะมาตั้งแนวยิง แนวรบแบบสงครามปกติไม่ได้ ประเภท แนวทหารราบอยู่หน้า  แนวปืนใหญ่อยู่หลัง ตามปกติ ยังงี้ไม่ได้ ท่านเคยเขียนเล่าไว้ว่า ทีแรกที่สอน ถึงกับถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิ ว่าเอาหลักอะไรมาสอน ไม่เป็นไปตามหลักนิยมของกองทัพ คิดว่าท่านสอนไม่เป็น แต่เมื่อมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่า มายืนยันว่า ถูกต้องแล้ว เพราะที่นั่นไม่มีแนวรบ ทุกที่สามารถปะทะข้าศึกได้ตลอด จึงได้ยอมรับและเปลี่ยนวิธีสอนใหม่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 ก.พ. 51 10:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ที่อยากรู้ ไม่ใช่แค่ว่าทางการไทยจะยกย่องทหารพรานอย่างเป็นทางการไหม แต่อยากรู้ว่า เรามีโครงการหรือความร่วมมือกับลาวและเวียดนาม ในการหาซากศพทหารที่เสียสละชีวิตที่นั่นบ้างหรือเปล่า เหมือนที่สหรัฐฯทำอยู่ หรือร่วมมือกันอะไรอย่างนี้ เพราะในแต่สมรภูมิการรบ คงมีซากศพทหารจำนวนมากตกค้างอยู่แน่แท้  ทางอเมริกันนะไม่ต้องห่วง เพราะเขามีโปรแกรมค้นหาอยู่แล้วทั้งในเวียดนาม ลาว และเขมร ไม่รู้เราเข้าไปร่วมกับเขาบ้างไหม เรื่องความสามารถในการรบ  ผมว่า เรื่องนี้คงว่ากันไม่ได้ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลา มันก็ต้องกล้าแหละครับ แต่เท่าที่ฟัง ๆ มา เรื่องความกล้าในการรบแบบทหาร มันไม่ใช่กล้าแบบนักเลงปากซอย  เราะกล้าแบบทหารมันต้องมีวินัยด้วย  ไม่ใช่กล้าเฉพาะเวลาพวกมากกว่า หรือเจอกับพวกไม่มีทางสู้ เรื่องของทหารพราน ที่เป็นรอยด่าง มักจะพูดถึงพวกที่เข้ามาแล้ว เจอกับสถานการณ์กดดันมาก ๆ นักเลงทั้งหลายก็ถอดใจ เวลามาเจอความกล้าแบบทหาร ที่ไม่เหมือนเวลายกพวกตีกัน หลาย ๆ เรื่องจึงกลายเป็นเรื่องที่ว่า เวลาเวียดกงโจมตีฐาน นายร้อยกับจ่านั่นแหละ ตายก่อน เพราะโผล่ขึ้นมายิง ขณะที่ทหารรับจ้าง จะกลัวจนไม่กล้าขึ้นมายิงตอบโต้ จริง ๆ แล้ว ความกล้าแบบทหารนี่ แม้กระทั่งทหารประจำการจริง ๆ หรือระดับผู้บังคับบัญชาหน่วย เขาก็ไม่ได้ต้องการพวกที่กล้ามาก ๆ แบบบ้าบิ่นนะครับ  เพราะเขาถือว่าพวกนี้ มักจะกล้าเสี่ยงเกินเหตุ และอาจจะทำให้หน่วยละลายได้ เพราะเมื่ออยู่ในสนามรบ เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งแล้ว ต่อให้รู้ว่าต้องตาย ก็ต้องทำ ดังนั้น คนเป็นผู้บังคับบัญชา ต้องมีความกล้าแต่พอดี ไม่ใช่คิดแต่สั่งลูกน้องหรือนำลูกหมู่ไปตายเพื่อความกล้าแบบบ้าบิ่นเท่านั้น เวลาทหารเข้ารับการฝึกหลักสูตรระดับผู้นำหน่วย ครูฝึกจะมีการทดสอบความกล้าเอาไว้ด้วย ซึ่งปฎิกิริยาที่ทหารคนนั้นแสดงออกมาในขณะทำการฝึกจะถูกบันทึกไว้ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเวลาเลือกไปปฎิบัติหน้าที่ ว่าเหมาะสมต่อภารกิจหรือไม่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 ก.พ. 51 10:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อ้าว    อาจารย์สื่อ   มาแจมด้วยเนี่ย หายงอนแล้วเหรอ????? เดี๋ยวขอทำงานแป็บเดียวค่ะ    เด๋ยวจะมาเล่าต่อ อ่านหนังสือเล่มที่ว่านั้นอยู่ค่ะ  เพิ่งได้มาจากซีเอ็ดบุ๊ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง  และอ่าน link  ที่คุณ  Dearance แปะไว้จนจบแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่า  ตกลงแล้ว คุณสยุมภูนี่  เขาเป็นใคร อ่านจากมุมมองของหลายฝ่ายก็ดีนะคะ อ่านจากที่คุณสยุมภูเล่า  คิดว่าน่าจะเป็นมุมมองของคนที่ทำงานอีกระดับหนึงนะคะ     คาดว่าน่าจะเป็นระดับบนๆ  (เห็นบอกว่าเป็น ล่าม) เงินเดือน พันกว่าเหรียญ   และค่า over time  อีกชั่วโมงละ  10 เหรียญ   แต่สิบเอก ประสิทธิ์   ท่านเล่าจากระสบการณ์ตรงของทหารพรานรับจ้างค่ะ  ที่รับเงินเดือนแค่เดือนะละ  พันห้าร้อยบาท  ไม่เกิน  50 เหรียญ ฟังจากรากหญ้า  อาจจะได้อีกหนึ่งมุมมอง จากคุณ : Gasalong - [ 25 ก.พ. 51 11:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณสยุมภู ทศพล  เป็นนักเขียนคนแรกที่นำเอาเรื่องราวการรบในลาวมาเขียนเป็นหนังสือเมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อน (มั้ง) รู้สึกว่าจะเขียนครั้งแรกลงในนิตยสารสมรภูมิ ส่วนใหญ่จะเล่าในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์  แต่ไม่ใช่ผู้ทำการรบ  ต่อมาถ้าจำไม่ผิดก็มี ก้องหล้า สุรไกร  เขียนในมุมมองของนักบิน T-28  แล้วก็มีใครต่อใครเลียนแบบเขียนในแนวนี้ตามมาอีกหลายคน  แต่ก็ไม่โด่งดังเท่าคุณสยุมภู เขียนมาหลายปีจนดูเหมือนวัตถุดิบจะหมด  เลยเปลี่ยนแนวไปเขียนประเภทนวนิยายสงคราม  แล้วค่อย ๆ หายไปจากวงการหนังสือ คุณสยุมภู  ดูเหมือนจะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขียนจากความจำครับ  ผิดพลาดประการใดช่วยท้วงติงด้วยครับผม จากคุณ : Dearance - [ 25 ก.พ. 51 12:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คุณสยุมภูเสียชีวิตไปเมื่อปี 32 หรือ 31 นี่ล่ะครับ หวังว่าผมคงจำไม่ผิด ผมเคยได้ข้อมูลมาว่า เรื่องต่างๆที่แกเอามาเขียนนั้น เป็นเรื่องจริงเสีย70 - 80 เปอเซนต์ ทั้งๆที่บางเรื่องแกไม่น่ารู้แกก็รู้ ทั้งนี้เพราะข้อมูลหลายๆอย่าง คนที่ให้ข้อมูลมาเขียนกับแกนั้น ไม่ธรรมดาครับ เป็นระดับบนๆของกอง บก.สิงหะเลยทีเดียว พูดง่ายๆ เขียนจากประสบการณ์ตรงของแก บวกกับประสบการณ์ตรงของแหล่งข่าวก็ว่าได้ แต่ก็อย่างที่ผมว่าไว้นั่นล่ะครับ เรื่องจริงแท้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครยืนยันได้ นิยายน่ะ สุดท้ายแล้วมันก็ต้องใส่สีตีไข่ลงไปบ้าง ไม่งั้นมันก็ไม่สนุกไม่น่าสนใจน่ะสิ ไม่รู้จะมีใครสนใจเอาผลงานของแกมาตีพิมพ์ใหม่บ้างหรือเปล่านะครับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 25 ก.พ. 51 14:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 75 หายป่วยครับ ไม่ใช่หายงอน เพราะไม่รู้จะไปงอนเรื่องอะไร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 ก.พ. 51 16:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กลุ่มชาวยิวที่อพยพไปทำมาหากินที่ปาเลสไตน์ เพื่อสานฝันเอาดินแดนพันธสัญากลับคืนมา ดำเนินการอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ชุดแรกจากรัสเซียเดินทางไปถึงก่า 10 ปี ซึ่งแม้ว่าในระยะแรก ๆ จะประสบปัญหาในการทำการเกษตรในทะเลทราย แต่ชาวยิวก็ฝ่าฟันมาได้ จากนั้นการเคลื่อนไหวของขบวนการก็ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากนักข่าวชาวฮังการีคนหนึ่ง ชื่อ ธีโอดอร์ เฮอร์เซิล Theodor Herzl ซึ่งในหน้าที่นักข่าวอย่างเขาทำให้เขาได้รับรู้ข่าวสารทั่วโลกอยู่เสมอ  จนกระทั่งวันหนึ่ง ข่าวสารเกี่ยวกับคดีรายหนึ่งได้สร้างความสะเทือนใจให้เขาอย่างรุนแรง คดีนั้นเรียกว่า คดี อัลเฟรด เดรย์ฟุส Alfred Dreyfus ซึ่งเป็นชาวยิวในฝรั่งเศสที่ถูกจับในข้อหาขายความลับให้กับเยอรมัน ซึ่งเป็นคู่สงครามกับฝรั่งเศส ซึ่งเขาถูกพิพากษาให้จำคุก  และในระหว่างพิจารณาคดี มีประชาชนชาวปารีส มาตะโกนสาปแช่งอัลเฟรดจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คือ Death to the Jews ซึ่งทำให้เขาตระหนักว่า ชนปารีสเกลียดชาวยิว ไม่ใช่เฉพาะอัลเฟรด หรือผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ทุกคนที่เป็นยิว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 ก.พ. 51 16:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โอเคค่ะ หายป่วยก็หายป่วย ลืมไปว่ารุ่นนี้ ไม่มีงอนแล้ว เรื่องของ   Alfred Dreyfus  ดูเหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนค่ะ   แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว     เขาเป็นชาวฝรั่งเศส  เชื้อสายยิวหรือเปล่าค่ะ  ไม่ทราบว่าเขาไปทำอะไร  ให้คนเกลียดชังเขาได้มากมายขนาดนั้นเหรอคะ   เล่ารายละเอียดอีกหน่อยได้ไหมคะ จากคุณ : Gasalong - [ 25 ก.พ. 51 22:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เขาเป็นนายทหารฝรั่งเศส เชื้อสายยิว ที่ถูกกล่าวหาว่าขายความลับทางทหารให้กับเยอรมัน ทำให้ถูกตัดสินว่ามีความผิด ถูกส่งไปจำคุกอยู่ที่เกาะเดวิล ซึ่งภายหลังมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ปรากฎว่าเขาไม่ใช่ผู้กระทำผิด จึงถูกปล่อยตัวไป ในช่วงก่อนและสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ระบบสืบราชการลับของเยอรมันอยู่ในขั้นล้าหลังกว่าของอังกฤษ หรือฝรั่งเศส ซึ่งอาจจะมีผลมาจากการที่ทั้งคู่มีเมืองขึ้นอยู่ทั่วโลกนับร้อย ๆ ปี ทำให้ต้องมีกิจการในการสืบราชการลับจากคนพื้นเมืองที่มุ่งต่อต้านการปกครองแบบอาณานิคมอยู่ตลอดเวลา ทำให้กิจการด้านการสายลับของอังกฤษกับฝรั่งเศสได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เยอรมันพึ่งจะรวมชาติได้ไม่นาน และแทบไม่มีเมืองขึ้นเลย ทำให้อ่อนด้อยต่องานด้านนี้ ถนัดแต่รบกันตรง ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สายลับของเยอรมันถูกทางการอังกฤษจับได้จำนวนมาก เพราะอังกฤษนั้นขึ้นชั้นถึงขั้นมีสายลับสองหน้าอยู่ในโรงเรียนฝึกสอนงานราชการลับของเยอรมันเอง ดังนั้น ทันทีที่สายลับเยอรมันหัดใหม่ถูกส่งตัวข้ามมาเกาะอังกฤษ ก็จะถูกรวบแทบจะทันที  มีเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายเรื่องที่ทางการอังกฤษจำต้องสังหารสายลับหัดใหม่แบบถูกบังคับมาของเยอรมันหลายต่อหลายคน ตามกฎอัยการศึก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 26 ก.พ. 51 10:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เฮอเซิล จุดประกายความฝันให้กับชาวยิวทั้งโลกด้วยหนังสือชื่อว่า " Der Judenstaat หรือ The Jewish State ที่ฉายภาพรัฐยิวในจินตนาการให้คนยิวและชาวโลกได้เห็น สิ่งที่เขาเน้นในหนังสือเล่มนี้ คือ ชาวยิวจะต้องรับโทษประหัตประหารหรือตามเข่นฆ่าอยู่เสมอ  ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้มีประโยชน์ต่อประเทศชาติที่เขาอาศัยอยู่เพียงใดก็ตาม นอกเสียจากว่าชาวยิวจะมีประเทศเป็นของตนเอง ภาพร่างการก่อกำเนิดประเทศยิวของเฮอเซิล คือ รวบรวมและอพยพชาวยิวไปยังดินแดนหนึ่ง และทำสัญญากับมหาอำนาจในยุโรปเพื่อประกันสิทธิในดินแดนนั้น รวมทั้งต้องมีองค์กรสักอย่างหนึ่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการอพยพและตั้งถิ่นฐานใหม่นี้ด้วย ที่น่าสนใจคือ เฮอเซิล ไม่ใช่นักการศาสนา  ดังนั้น เขาจึงไม่ให้ความสำคัญกับดินแดนพันธสัญญาเท่าไร ดินแดนในฝัน หรือรัฐยิวของเฮอเซิลจึงไม่ใช่แค่ปาเลสไตน์เท่านั้น แต่เป็นที่ใดก็ได้ในโลกนี้ และที่เขามองไว้อย่างสนใจมากอีกทีคือ อาเจนติน่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 26 ก.พ. 51 10:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 80 แอบมาฟังพี่ๆทั้งหลายคุยกันเรื่องการรบในลาว สนุกดีครับ ไม่ได้เป็นนักรบรับจ้างอย่างเขาหรอกครับแต่ก็เคยอยู่ฐานบินอุดรมาโดน ร่างในถุงพลาสติคที่เครื่องนำกลับมาใส่ห้องเย็นส่วนใหญ่จะเป็นของนักรบหัวแดงครับ เหล่านักบินและช่างเครื่องแม้แต่ทหารทั่วไปพากันห้อยเหรียญห้อยพระกันเต็มคอแม้จะเป็นชาวคริสต์ ส่วนนักรบนิรนามที่หายสาบสูญก็คงทอดร่างกลางดินอยู่ ณ ดินแดนแห่งนั้นตลอดไป... อยากบอกว่านักเขียนดังที่ว่า บางส่วนบางตอนก็นั่งเทียนเขียนเป็นตุเป็นตะ ก็เป็นเรื่องคุยกันขำๆสำหรับคนที่เคยกินนอนอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ คิดถึงอาจารย์สื่อครับ อยากให้สอนลุงทีจิบไวน์อีกสักตั้ง... จากคุณ : Uncle Tee - [ 26 ก.พ. 51 14:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 81 จริงๆท่านคุณลุงที (หรือตี๋ครับ ขออภัยด้วยนะครับ) น่าจะมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ผมว่ามีคนรอฟังอยู่ไม่น้อยเลย เพราะหลังจากคุณลุง Otis ท่านหายไป ก็ไม่มีใครมาเล่าประสบการณ์ตรงในสมรภูมิลี้ลับ(แต่รู้กันแทบจะทุกคน) แห่งนี้มาเล่าให้ฟังกันบ้างเลย อาจารย์สื่อก็ช่วยหาข้อมูลมา ก็เป็นข้อมูลของทาง พคล. ก็แน่นอนว่าก็ต้องมีการใส่สีตีข่าวลงไปไม่น้อย ตามหลักโฆษณาชวนเชื่อของการดำเนินงานของพวกคอมมิวนิสต์อยู่แล้ว เล่าในมุมที่ทราบก็ได้นะครับ ขอบพระคุณมากๆเลยครับ แต่อาจานสื่อ อย่าโดดมาเล่นด้วยนะค้าบบบบ ใจเย็นๆๆๆ เพราะกำลังรอติดตามเรื่องก่อการร้ายอยู่เน้อ  ผมไม่ไขว้เขวไปไกลน้า ยังมีสมาธิกับบทเรียนบทนี้อยู่เช่นเดิมขอรับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 26 ก.พ. 51 16:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ท่านคือ คุณลุงที  ค่ะ คุณสาราวุธ ขอให้ท่านเล่าเรื่องฐานบินอุดรให้ฟังสิคะ   จะมารอฟังด้วยคนค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 26 ก.พ. 51 17:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คาราวะ คุณลุงทีครับ กระจอกบินต่ำอย่างผม คงไม่หาญกล้าไปแนะท่านพี่จิบไวน์หรอกครับ ระดับคุณลุงที เห็นจะมีแต่ซือเจ๊ แห่งสำนักง๊อไบ๊ สาขามอนทาเร เท่านั้นแหละ ที่พอจะปะมือได้ ส่วนผมคงได้ประมาณเสี่ยวเอ้อ รอเก็บกวาดร้านหลังจอมยุทธ์เขาปะทะฝีมือกันเสร็จเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องตามเก็บบิลค่าเสียหาย คงต้องให้เถ้าแก่ ช.ช.เขาไปไล่เบี้ยกันเอาเอง ตอนนี้ ขอรินน้ำชาคาราวะก่อนครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ก.พ. 51 08:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เรื่องก่อการร้าย คงได้สักวันครับ ที่ไหว้ครูยาวยืด เพราะอยากให้เห็นว่า ทำไมภูมิภาคนี้จึงมีเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง  และเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร เลยต้องฉายภาพเก่า ๆ ให้ดูว่า สิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ มันแค่ส่วนเสี้ยวทางประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง จริง ๆ แล้ว เขาซัดกันมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว ที่น่าสนใจ คือ อะไรที่ทำให้พวกเขาต่างสู้ไม่ถอยกันทั้งคู่ไงครับ ไซออนนิสต์กับลัทธิชาตินิยมอาหรับ คือ ขั้วต่างที่ทำให้ไม่มีใครยอมใครได้ เพราะกว่าแต่ละเผ่าพันธ์ แต่ละชนชาติ จะมาปักหลักลงถิ่นฐานที่นี้ได้ในฐานะประเทศชาติ ต่างเลือดตาแทบกระเด็นมาด้วยกันทั้งคู่ ที่สำคัญ คือ พวกมหาอำนาจทั้งหลาย ต่างเคยเข้ามาแทรกมาแซงหรือพูดตรง ๆ คือ มาเสือ ....ก ในภูมิภาคนี้กันทั้งนั้น ซึ่งล้วน ๆ คือ ผลประโยชน์ของคน ไม่เกี่ยวอะไรกับผลประโยชน์ของพวกเขาเลยสักนิด ที่จะมีกระเซ็นกระสายบ้าง ก็เป็นเพราะมันเอื้อต่อมหาอำนาจเท่านั้นเอง มันถึงเป็นประเด็นว่าทำไมต้องรุนแรงและก่อการร้ายกันด้วย ก็ของมันโกรธกันมาตั้งกะชาติที่แล้วนี่นา จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ก.พ. 51 08:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แนวคิดเรื่องการสร้างชาติยิว  เหมือนจะไม่ได้รับการตอบรับจากทางฝั่งยุโรปตะวันตกและอเมริกามากนัก  แถมยังถูกมองอย่างเคลือบแคลงหวาดระแวงจากกลุ่มศาสนาอีกด้วยว่านี่จะกลายเป็นปัญหาและชนวนความเดือดร้อนในอนาคต แต่ทางยุโรปตะวันออก กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม  มีผู้ให้ความสนใจกับแนวคิดนี้เป็นจำนวนมาก และตื่นตัวกันจนกระทั่งสามารถจัดการประชุมไซออนนิสต์โลกขึ้นมาได้ ที่เมืองเบเซิล  สวิสเซอร์แลนด์ เมื่อปี 1897 โดยมีผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมาร่วมกว่า 200 คน ผลการประชุมครั้งนี้เกิดผลสำคัญ คือ เกิดการจัดตั้งองค์การไซออนนิสต์ และแนการเบเซลขึ้น  ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ จะกลายเป็นแกนหลักหรือกำลังสำคัญในการก่อตั้งและดำเนินการของไซออนนิสต์ต่อไปในอนาคต เป้าหมายของไซออนนิสตที่มีการประกาศในงานนี้ คือ สร้างบ้านเกิดเมืองนอนให้กับชาวยิวในปาเลสไตน์ และได้รับการยอมรับและคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศด้วย เฮอเซิล ภุมิใจและมั่นใจในการประชุมครั้งนี้มาก ถึงขนาดเขียนบันทึกไว้ว่า รัฐยิวได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว และจะสำเร็จตามเป้าหมายได้ภายในปี 1947 อย่างแน่นอน น่าสนใจที่เขาเขียนคำทำนายว่าจะเกิดประเทศยิวภายในปี 1947 ภายหลังการประชุมที่เบเซลไม่นาน แต่นั่นก็ห่างจากปีเป้าหมายถึงเกือบ 50 ปี นั่นหมายถึงว่า เขากำหนดความฝัน และความมุ่งมั่นที่จะเดินตามและต่อสู้เพื่อความฝันนั้น ถึง 50 ปี  หรือเกือบชั่วอายุคนทีเดียว แถมยังใกล้เคียงความจริงอีกต่างหาก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ก.พ. 51 09:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ไปดูหนัง Charlie Wilson's War หรือยังคะ? จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ก.พ. 51 11:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ยังเลยครับท่าน มันเข้าโรงหรือยัง วันนั้นเห็นแผ่นก๊อป วางขายที่ตลาดนัดแล้ว แต่ถ้ายังไม่ออกโรง ก็ยังไม่ชัด เลยไม่อยากซื้อมาดู ดูโปรแกรมโรงหนังหน้าบ้านยังไม่เห็นนะ มีแต่หนังทอมกะตุ๊ดสลับร่างกัน กะแม่ผัวปะทะลูกสะใภ้ผี เลยไม่แน่ใจว่ายังไม่ฉายหรือออกโปรแกรมไปแล้วนะสิ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ก.พ. 51 11:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อาจารย์สื่อฯช่างถ่อมตัวอะไรขนาดน้านนนน.....? โบราณว่าได้อยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์แล้วจะทำให้เราฉลาดขึ้น ลุงทีก็อยากฉลาดมั่งไง เรื่องที่ถามไถ่ให้เล่าสู่กันฟังนั้นคงต้องขอตัวครับ ลุงทีแค่เบี้ยตัวเล็กๆไม่ค่อยรู้เห็นอะไรกับเขาหรอก ก่อนเข้าทำงานก็มีการสอบประวัติสอบความประพฤติกันพอสมควร ก็ได้แค่คุยกันในหมู่เพื่อนที่ยังเจอะเจอกันประปราย สาระและแก่นสารไม่ค่อยมีหรอกครับแค่คนแก่คุยกันแต่เรื่องในอดีต รอติดตามการบรรยายของอาจารย์สื่อดีกว่าครับกำลังสนุกทีเดียว อาจารย์สื่อฯกับซี้ติ่งจะออกรอบเมื่อใหร่ชวนกันบ้างนะครับ ขอบคุณ จากคุณ : Uncle Tee - [ 27 ก.พ. 51 14:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ดูจากหนังตัวอย่างแล้ว ก็ยังงงๆว่า อเมริกาเข้าไปมีส่วนร่วมในอาฟกานิสถาน ในสมัยสนับสนุนมูจาฮีดิน สู้กับโซเวียต โดยเริ่มจากคนแค่สามคนจริงเหรอ ต้องดูเหมือนกันเลยครับเรื่องนี้ ยังไม่เข้าโรงที่เมืองไทยหรอกครับจานสื่อ แต่ว่าจะได้เข้าหรือเปล่าก็ลุ้นกันหน่อยล่ะครับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 27 ก.พ. 51 15:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 90 หนูว่าฟังเรื่องที่คนแก่คุยกัน น่าสนุดีออกค่ะ เพราะเราจะได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ และได้เห็นมุมมองอันเฉียบคมของคนอีกวัยนึงน่ะคะ   แต่คามจริงลุงที  ไม่เห็นต้องกลัวแก่เลยนี่คะ  เพราะที่นี่  นอกจากน้อง sofat แล้ว  ที่เหลือ  ก็วัยใกล้เคียงลุงทีทั้งนันแหละค่ะ (ฟังจากพี่วิเล่าให้ฟังค่ะ) เรื่องลาวยังมีอีกเพียบค่ะ  แต่หนักไปทางโม้เสียมาก   ก็เลยยังสรุปหาเนื้อไมค่อยเจอ   ก็เลยไม่รู้จะเล่าเรื่องอะไร   เดี๋ยวถึงตอนที่เวียดกงเข้าตีฐานผักกูด  ถ้ามีอะไรหนุกๆ  จะเอามาเล่าให้ฟังค่ะ   ขอแจมเรื่อง Zionist สักหน่อย  จะมีใครว่าไหมเนี่ย ตั้งแต่ก่อตั้งรัฐ อิสราเอลเมื่อปี 1984  ปธน. คนแรกของเขา นายเดวิด   เบนกูเรียน   ก็เป็นฮีโร่ในดวงใจของประชาชนชาวยิวทั่วโลก คนระดับ ปธน.  หรือ นายกรับมนตรี ของอิสราเอล   จะมีแนวคิดที่มุ่งมั่นในการสร้างชาติให้แข็งแกร่ง เพื่อเป็นมหาอำนาจ  หรือ เพื่อความอยูรอดก็ไม่แน่ใจ อิสราเอล ไม่ได้รู้สึกผิด ที่ตัดสินใจไปสร้างชาติในดินแดนปาเลสไตน์เลยแม้แต่น้อย     ชาติตะวันตกเอง  ต่างก็เคยหาข้อสรุปว่า จะให้อิสราเอล สร้างบ้านแปงเมืองที่ไหนดี   บ้างก็เสนอในแอฟริกา   หรือ อาเจนติน่าอย่างที่อาจารย์สื่อเล่า   แต่สุดท้ายแล้ว  ไปไงมาไง ก็ไม่รู้  ตัดสินใจให้ยิวสร้างชาติในดินแดนปาเลสไตน์ได้   แต่ไม่ได้ถามอาหรับก่อนว่าเขาโอเคด้วยหรือเปล่า อยู่ๆก็พรวดพราดเข้าไป  เรื่องก็เลยเป็นอย่างที่เห็น แต่ว่าชนวนที่เป็นรอยร้าวลึกระหว่างขมิ้นกับปูนคู่นี้  ก็ใช่ว่าไม่มีที่มาที่ไปนะคะ   เหมือนกับต่างฝ่ายต่างโดนหลอกนั่นแหละค่ะ มาว่ากันถึงผู้นำของยิวกันบ้าง   แต่ละคนคุ้นชื่อกันทั้งนั้น   ผู้หญิงก็มีนะ  แต่ขอหารูปสักประเดี๋ยวถ้าใครหาเจอก่อน  เอาแปะได้  ไม่โกรธกันหรอกค่ะ ตอนที่นาง นั่งเป็นเจ้าเมืองยิวอยู่นั้น   หญิงเหล้กหัวใจสิงห์ คนนี้  ผู้ชายอกสามสี่ศอก  ก็ต้องนับถือน้ำใจใความเด็ดเดี่ยวของนาง เมื่อคราวที่ยิวรุกไล่อาหรับจนแทบตกทะลทุกครั้ง  ยิวก็มักจะถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมเสมอๆ   แต่นางก็สวนกลับมาประมาณว่า   การที่ชาวยิวตัดสินใจสร้างชาติในดินแดนปาเลสไตน์นี้ มันเป็นไปตามพัธสัญญาของพระเจ้านะว้อย   มันไม่ตลกไปหน่อยหรือ   ที่จะมาถามหาความชอบธรรมจากเรา ว่าแล้ว  กองทัพยิว  ก็ไล่อาหรับต่อ จากคุณ : Gasalong - [ 27 ก.พ. 51 22:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 91 แต่วัยรุ่นอย่างเรา ฮีโร่ในดวงใจ  หาใช่หญิงเหล็กผู้นี้ไม่   เป็นธรรมดา  ที่หญิงสาวจะหลงไหลคลั่งใคล้   และยกให้ใครเป็นฮีโร่ในดวงใจนั้น เขาผู้นั้นต้องมีเอกลักษณเฉพาะตัว   อย่างเช่น คุณลุงครุชชอฟเงี้ยะ  น่ารักจริงๆ ว่าแล้วก็แปะรูปขวัญใจสักหน่อย   นี่เลยดูดีๆ  (ทีแรกกะว่าจะแปะรูปอาจารย์สื่อ แต่ก็กลัวโดนเขาไล่ออกนอกห้อง  อิอิอิ  ก็เลยขอแปะขวัญใจเบอร์สองไปก่อนนะ) กองทัพยิว  ที่เป็นรูปเป็นร่างมาได้  ก็เขาผู้นี้แหละ   หล่อยังกับพระเอกหนัง จากคุณ : Gasalong - [ 27 ก.พ. 51 22:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สิงห์เหล็กที่ว่า คือ นางโกลดา แมร์ ครับ ที่ได้สมญานามนี้เพราะ เธอไม่อ่อนข้อให้กับขบวนการกันยายนทมิฬในเหตุการณ์จี้ตัวประกันที่มิวนิค โดยบอกว่า หากยอมสักครั้ง ก็ไม่มีแผ่นดินใดในโลกนี้ที่ชาวยิวจะปลอดภัย หลักการนี้ สหรัฐฯก็ใช้อยู่ในปัจจุบัน   โลกเลยเดือดมาจนทุกวันนี้ไง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 ก.พ. 51 10:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เหตุที่เขาเลือกดินแดนปาเลสไตน์ มีอ้างกันหลายสาเหตุ ที่ดูมีเหตุมีผลหน่อยก เรื่องของดินแดนพันธสัญญา เพราะนี่เป็นคัมภีร์ของทางคริสต์ที่หมายความว่าชาวยุโรปส่วนใหญ่จะเข้าใจดี ซึ่งหมายถึงการได้รับการสนับสนุนจากยุโรปในการประกันการเกิดขึ้นของรัฐชาติ  ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในขณะนั้น เพราะมหาอำนาจชี้เป็นชี้ตาย เมื่อก่อนอยู่ที่ยุโรป จริง ๆ มีเหตุผลอื่นอีกตั้งเยอะที่เขาเอามาอ้างว่าทำไมต้องปาเลสไตน์ เช่น สุภาษาษิตโบราณของยิวที่ว่า ดินแดนในสรวงสวรรค์ก็ไม่อาจสร้างสุขหฤหรรษ์ได้แม้เหมือนพำนักอาศัยอยู่ในทะเลทรายในดินแดนแห่งนี้ หรือกระทั่ง อากาศที่ปาเลสไตน์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ชาวยิวฉลาดกว่าใครในโลก แต่อย่างที่บอกว่า ผู้จุดประกายรัฐยิวจริง ๆ ไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็นปาเลสไตน์ เท่านั้น  กระทั่งอเมริกาใต้อย่างอาเจนติน่าก็เอา (เคยถามเจ้าของประเทศเขามั่งไหมเนี่ย) แต่สุดท้ายมายุติที่นี่ เพราะหลายเหตุผล เช่น มันมีข้ออ้างทางคัมภีร์เก่า ทำให้สามารถสร้างการรับรู้และการยอมรับร่วมกันได้ ทั้งชาวยิวเอง และชาวยุโรปที่จะค้ำประกันการกำเนิดรัฐชาติได้ ไม่งั้นคงยากที่จะอธิบายว่าทำไม ยิว ต้องไปตั้งประเทศกันที่อาเจนติน่า หรือมีความผูกพันกันในชาติใดหรือ ความรู้สึกร่วมของความเป็นชาติมันจะไม่แข็งแกร่งเท่า ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่ก่อตั้งประเทศจริง ๆ ดินแดนแถบนั้น เป็นช่วงสุญญากาศ หลังปลดออกจากการครอบครองของจักวรรดิอังกฤษ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง  ซึ่งทำให้สามารถจัดระเบียบโลกใหม่ ภายใต้การกำหนดของสหประชาชาติได้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 ก.พ. 51 10:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จริง ๆ อาเจนติน่ายังธรมดา  ในสมัยปลายศตวรรษนั้นจริง ๆ แล้ว อังกฤษ สุดยอดมหาอำนาจยุคนั้น เสนอประเทศอูกันดา ให้เป็นที่ตั้งรัฐยิวเสียด้วยซ้ำ  แต่ชาวยิวส่วนใหญ่ปฎิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันไม่ใช่ดินแดนในพันธะสัญญา ไม่งั้น คงมันส์น่าดู  หรืออย่างน้อย ยุทธการฟ้าผ่าที่เอมเทปเบ้ คงไม่เกิด หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไซออนนิสต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในโซเวียต  ที่กลุ่มปฎิวัติส่วนใหญ่เป็นชาวยิว  ทำให้ไซออนนิสต์ขยายมามีอิทธิพลทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย นอกจากนี้ การระดมทุนจากชาวยิวมาอย่างยาวนาน และมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถระดมทุนได้เป็นจำนวนมาก และเริ่มก่อตั้ง The Jewish Colonial Trust และ The Jewish National Fund ขึ้นเพื่อนำเงินไปกว้านซื้อที่ดินในปาเลสไตน์  ซึ่งขณะน้น อยู่ในการปกครองของออตโดมาน ที่แม้สุลต่านแห่งออตโตมาน จะไม่ยินดีอะไรกับการให้ชาวยิวมาตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรของพระองค์ แต่ปาเลสไตน์ สำหรับออตโตมานก็ไกลและสำคัญน้อยเกินไปที่สุลต่านจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 ก.พ. 51 10:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้าเขาเสนอไทยเป็นเจ้าภาพบ้างเนี่ย ไม่รู้ว่าพวกยิวจะบ้าจี้มากว้านซื้อที่ดินในประเทศไทยไปตั้งเป็นประเทศอิสราเองบ้างหรือเปล่านะครับ คือถ้าเราลองคิดในแง่มุมนี้ เราจะพอเข้าใจความรู้สึกของชาวปาเลสไตน์ขึ้นมาเลยทีเดียว แต่วัฒนธรรมของไทยเรา ก็เข้มแข็งใช่ย่อยนะครับ เชื่อผมสิว่า คงมีชาวยิวไม่น้อยโดนวัฒนธรรมไทยกลืนเอาได้เหมือนกัน จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 28 ก.พ. 51 16:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 29 ก.พ. 51 19:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เป็นครั้งแรกที่ mr fusion เข้ามาเจิมกระทู้ยังเติร์กหรือเปล่าเนี่ย อ้อ ปธน. คนแรกของอิสราเอลคือ Chaim Weizmann ครับ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ใช้เทคโนโลยีการหมัก ให้แบคทีเรียผลิตอซีโตน http://en.wikipedia.org/wiki/Chaim_Weizmann คุ้นๆเหมือนว่าเขาทำให้อังกฤษมีอซีโตนใช้ในการผลิตดินปืน และรางวัลก็คือสนับสนุนให้ตั้งประเทศอิสราเอล แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 21:26:35 จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 29 ก.พ. 51 21:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 98 แร้วห้องก็กลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง วิ้วๆๆๆ(เสียงลม) จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 3 มี.ค. 51 11:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อาจารย์สื่อหายไปไหนแล้วคะ จากคุณ : Gasalong - [ 3 มี.ค. 51 19:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เกริ่นไว้เรื่องผู้ก่อการร้าย  ก็นึกขึ้นมาได้ว่า  ขบวนการก่อการร้าย ที่เด่นๆดังๆ  คงหนีไม่พ้นขบวนการของอิสรามิค อย่างกลุ่มก่อการร้ายสากล   Al-Qaeda   ของ นาย อุซามะห์ บิน ลาดิน และนายอะไรอีกคนนึง จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ แล้วยังมีกลุ่มเจ ไอ กลุม  มูจาฮิดีน   อะไรอีกเยอะแยะ   แต่ที่เห็นว่าเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลางในระยะใกล้นี้ น่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้าย ฮามาส นะคะ   ฮามาสเป็นใคร มาจากไหนคะ  ทำไมถึงจงเกลียดจงชังอิสราเอลเข้ากระดูกดำเหลือเกิน ดูข่าวบอกว่า  สันติภาพในตะวันออกลางกำลังจะเป็นจริง  เมื่อ ประธานาธิบดี มาห์มูด อับบาส   ยินยอมตามข้อตกลงของ อิสราเอล ในเรื่องที่ว่า  ดินแดนปาเลสไตน์  จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน    โดยส่วนหนึ่งนั้น คือ ฉนวนกาซาซึ่งอยู่ทางใต้ติดกับอียิปต์    และเขต West Bank   จะถูกรวมกันโดยมีอิสราเอลอยุ่ตรงกลาง     แต่ขนวนการฮามาสเขาไม่ยอมค่ะ  เขายึดฉนวนกาซา ซึ่งเขาได้เคยครอบครองไว้ตั้งแต่ปี  07 กลับคืนไป คือ ไม่ยอมรวมกับ West Bank   ในลักษณะที่มีอิสราเอลเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลางอยู่อย่างนี้   นัยว่ามันแสลงใจ   เรื่องก็เลย  เกิดการก่อระเบิดลีชีพกันเป็นที่สุกสนาน   ที่ว่าแสลงใจนั้นเป็นเช่นไร  ก็คงต้องรบกวนท่านจอมยุทธกระบี่มือหนึ่ง ลองมาเกริ่นนำเป็นหัวเชื้อสักหน่อยก่อนดีหรือไม่ อันว่านิสัยที่ไม่ดีข้อหนึ่งที่เราเป็นอยู่ก็คือ   ชอบเชียร์ฝ่ายที่เสียเปรียบค่ะ   งานนี้   ฝ่ายเสียเปรียบคือ กลุ่มที่ถูกเรียกว่า เป็นกลุ่มก่อการร้าย  ก็เลยต้องเชียร์กันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ฮามาส เป็นใคร มาจากไหนคะ ทำไม  พวกเขาต้องเป็นผูก่อการร้ายด้วยละคะ เวลาที่เขาจะกดระเบิดพลีชีพเนี่ย  พวกเขารู้สึกอย่างไรคะ จากคุณ : Gasalong - [ 3 มี.ค. 51 20:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 101 กองกำลังก็หล่อล่ำได้ใจจริงๆ จากคุณ : Gasalong - [ 3 มี.ค. 51 20:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ผมมีประวัติบินลาเดน พอคร่าวๆอยู่เหมือนกัน ว่าจะรอให้อาจารย์สื่อพูดถึงเรื่องนี้ ค่อยเอามาเสริม แตไหนๆท่านหัวหน้าห้องก็เริ่มโหมโรงไปแระ แล้วจะสรุปเนื้อหาย่อๆมาเสริมทีหลังแล้วกันนะครับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 4 มี.ค. 51 12:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สักสองสามปีก่อน มันมีหนังที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการกลายเป็นผู้ก่อการร้าย แบบระเบิดพลีชีพนะ เป็นหนังนอกกระแสที่ได้รางวัล พยายามหาอยู่ แต่ยังหาไม่เจอ  เนื้อเรื่อง คือ พี่น้องหรือเพื่อนกันก็ลืมแล้ว เปิดอู่ซ่อมรถเล็ก ๆ แบบไม่มีอนาคต แล้วมีคนชวนไปปฎิบัติภารกิจระเบิดพลีชีพ ซึ่งต้องมขั้นตอนการเตรียมตัว เช่น ถ่ายวิดีโอ เพื่อกล่าวอะไรสักอย่างเกี่ยกับศรัทธาในการกระทำ เนื้อหาหลักของเรื่องจะเน้นถึงความไร้สาระของการทำเช่นนั้น เช่น ระหว่างการถ่ายทำ ไอ้คนร่วมขบวนการก็นั่งแทะอาหารกลางวันอยู่หน้ากล้อง ทั้ง ๆที่คนกำลังจะไปตาย ทำให้คนที่จะทำหน้าที่นี้เกิดการตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วภารกิจนี้มันศักดิ์สิทธิ์ สำคัญจริงหรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 มี.ค. 51 12:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ก็เอามาเขียนกันก่อนได้ครับ ไม่แปลก เดี๋ยวมันก็วนมาเจอกันเอง แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องฮามาส  ขอเอาเรื่องของปาเลสไตน์ก่อน ดินแดนที่เรียกกันว่าปาเลสไตน์ ที่เป็นชนวนความขัดแย้งที่รุนแรงและยาวนานนี้ สาเหตุหนึ่งมาจาก ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า ดินแดนปาเลสไตน์นั้น มีสถานะที่คลุมเครือมาตลอดว่าเป็นดินแดนของชนชาติใดกันแน่ แน่นอนว่า ในสมัยของโบราณมีพวกยิวเข้ามาอาศัยอยู่ แต่ก็ต้องกระจัดกระจายพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนแห่งนี้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจากการรุกรานของโรมัน หรือออตโดมาน เจ้าของหรือกลุ่มที่มีอำนาจในดินแดนแห่งนี้ที่ชัดเจนในยุคหลัง จริง ๆ แล้ว คือ สุลต่านแห่งอาณาจักรออตโตมาน  แต่ด้วยความก้างหญ่ไพศาลของอาณาจักร ประกอบกับดินแดนปาเลสไตน์ ก็ไม่ใช่พื้นที่อุดมสมบูรณ์อะไรเป็นพิเศษ ทำให้ไม่ค่อยได้รับความสนใจอะไรนักหนา แม้กระทั่งเขตการปกครองของปาเลสไตน์ในสมัยออตโดมันเอง ก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน  เมืองที่สำคัญอย่างเยรูซาเล็ม ก็พิเศษหน่อย เพราะเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งมานานระหว่างศาสนา แต่เมื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับอาณาจักรออตโตมานมากนัก หรือแม้กระทั่งกลุ่มประชากรที่อยู่ในปาเลสไตน์ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นชนชาติใดชนชาติหนึ่งโดยเฉพาะมาก่อน หากนับในช่วงของออตโตมานที่มีอำนาจรัฐเหนือดินแดนแถบนี้อย่างเต็มที่ เพราะมีทั้งอาหรับและยิวปะปนกัน และแม้ว่าอาหรับจะมีจำนวนมากกว่ายิว  แต่ก้ไม่มีอาการใด ๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยุคนั้น มาจากแรงผลักดันจากความเป็นชาตินิยม กลุ่มหัวรุนแรงชาวอาหรับในยุคนั้น ใช้ชื่อว่า ออสมันลี Osmanlis ที่แม้ว่าจะมีการการะทำที่รุนแรงต่อชุมชนชาวยิวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เพราะเหตุทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ ความแห้งแล้งที่ต้องเผชิญมากกว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 มี.ค. 51 12:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ค้ารางความขัดแย้งเริ่มต้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตร เริ่มจะเพลี้ยงพล้ำในช่วงแรกของสงคราม ทำให้มีแนวคิดที่จะดึเอากลุ่มยิวมาเป็นพวก ซึ่งไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การสนับสนุนการดำเนินงานของไซออนนิสต์ ตัวเร่งปฎิกริยของกรณีนี้ มีที่สำคัญฝั่งอังกฤษ คือ ดร.เชม ไวซ์แมน Dr.Chaim Weismann ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาเคมีอยู่ทีมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ และเป็นไซออนนิสต์ระดับผู้นำ   บทบาทของเขาในช่วงสงครามโลก คือ การช่วยกองทัพในการทำระเบิดใหม่ ๆ ด้วยสูตรเคมีของเขา ซึ่งทางกองทัพและผู้นำรัฐบาลตระหนักถึงคุณค่าและบุญุณของเขามาก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นช่องทางที่ทำให้ ดร.เชม เชิญชวนหว่านล้อมให้ผู้นำรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนไซออนนิสต์ ซึ่งก็สอดคล้องกับที่อังกฤษกำลังต้องการการสนับสนุนของชาวยิว เพื่อต่อสู้กับเยอรมัน ทางด้านสหรัฐฯ ผู้นำไซออนนิสต์ที่มีอิทธิพลในรัฐบาล ก็ชักชวนให้ประธานาธิบดีวิลสัน  สนับสนุนอังกฤษในกรณีไซออนนิสต ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคำประกาศที่สร้างปัญหาตามมามากมาย นั่นคือ คำประกาศบัลฟอร์  The Balfour Declaration ที่เป็นปัญหา เพราะในประกาศฉบับนี้ไม่ระบุให้ชัดว่า ดินแดนปาเลสไตน์เป็นของใคร หรือพูดง่าย ๆ คือ ไม่ชี้ชัดไปว่าจะสนับสนุนให้ตั้งรัฐยิวในปาเลสไตน์ และแน่นนอนว่ากลุ่มมหาอำนาจกลาง ที่มีเยอรมันและออตโตมาน เจ้าของพื้นที่ ย่อมไม่สนับสนุนประกาศนี้อย่างสิ้นเชิง และยังหาทางสร้างอุปสรรคเพื่อไม่ให้ประกาศนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ ทั้งนี้ เป้าหมายในสมัยนั้น เป็นไปเพื่อกันไม่ให้สัมพันธมิตรไดยิวไปเป็นพวกเท่านั้น  ไม่ได้ห่วงดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งนี้แต่อย่างใด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 มี.ค. 51 12:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ต่อเมื่อสัมพันธมิตรมีชัยในสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรออตโตมานล่มสลาย  ดินแดนปาเลสไตน์ตกอยู่ในมือของอังกฤษ  ไซออนนิสต์ก็เริ่มทวงสัญญากับอังกฤษตามข้อตกลงของประกาศบัลฟอร์ทันที การรุกอย่างรวดเร็วของไซออนนิสต์ เช่นการตั้งสภา หรือตั้งชุมชนชาวยิว เพื่อเปิดทางให้ชาวยิวจากทั่วโลกเริ่มอพยพเข้าไปในปาเลสไตน์ สร้างความอึดอัดกับอังกฤษไม่น้อย เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ระหว่างสงครามนั้น อังกฤษไม่ได้ให้สัญญาในเรื่องของดินแดนต่าง ๆ ในออตโตมานกับยิวฝ่ายเดียว แต่ยังเที่ยวไปให้สัญญากับผู้นำอาหรับเผ่าต่าง ๆ เพื่อแลกกับการสนับสนุนในการทำสงครามกับออตโตมานอีกมาก เลยไม่แน่ใจว่า จะสามารถยกดินแดนปาเลสไตน์ให้กับยิวได้ในทันทีอย่างที่เคยสัญญาไว้หรือไม่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 มี.ค. 51 13:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 107 อังกฤษพยายามยืดเวลาในการอนุญาตให้ชาวยิวตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญสำหรับยิวออกไปนาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็พยายามแก้ปัญหาความไม่พอใจของผู้ปกครองชาวอาหรับ ด้วยการจัดการเจรจาเพื่อสร้างความร่วมมือกันระหว่างอาหรับกับยิวต่อปญหาปาเลสไตน์   การเจรจาระหว่าง ดร.ไวซ์แมน กับเจ้าชายไฟซาลแห่งซีเรียจึงเกิดขึ้น และบรรลุข้อตกลงว่า ทั้งสองฝ่ายต่างต้องรับรองสิทธิของแต่ละฝ่ายในปาเลสไตน์ เช่น ยิวต้องไม่ไปรบกวนหรือทำอันตรายชาวอาหรับที่อยู่ก่อนแล้ว   พร้อมกับต้องให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจให้กับชาวอาหรับด้วย เพื่อแลกกับการรับรองประกาศบัลฟอร์ของซีเรีย แต่ข้อตกลงสมานฉันท์นี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อไฟซาล ไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้แทนของซีเรียที่จะไปตกลงความเมืองกับไซออนนิสต์ได้  ปัญหาปาเลสไตนก็เลยต้องยืดออกไปอีก  เพราะซีเรียเปลี่ยนข้อเจรจา โดยยืนยันว่าปาเลสไตน์เป็นของซีเรีย  ซึ่งหากยิวอยากได้ ต้องเข้ามาตั้งถิ่นฐานได้เฉพาะในส่วนที่ติดกับซีเรียเพื่อใหควบคุมได้ง่าย ๆ เท่านั้น แน่นอนว่าไซออนนิสต์ไม่ยินยอม และผลักดันเรื่องนี้ให้เข้าสู่การเจรจาที่ปารีสต่อ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 มี.ค. 51 13:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ใช่เรื่องนี้รึเปล่าคะอาจารย์สื่อ Paradise Now เป็นหนังที่เล่าถึงชีวิตของ 2 หนุ่มชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกเลือกไปปฏิบัติการการโจมตีกรุงเทล อาวีฟ โดยทำหน้าที่เป็น ?มือระเบิดพลีชีพ ?เป็นหนังของ ผู้กำกับชาวปาเลสไตน์ ที่ไม่ได้สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเรียกร้องให้คนเห็นใจชาติตนหรือเพื่อพวกพ้องของตนอย่างออกหน้า อีกทั้งก็ไม่ได้เป็นการกล่าวหาหรือต่อต้านคู่กรณีแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 51 15:31:37 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 51 15:31:29 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 51 15:19:38 จากคุณ : พิมลพัฒน์ (พิมลพัฒน์) - [ 7 มี.ค. 51 15:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 109 1 จากคุณ : พิมลพัฒน์ (พิมลพัฒน์) - [ 7 มี.ค. 51 15:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เรื่องนี้แหละ  จำชื่อไม่ได้ ขอบคุณหลายเด้อ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 มี.ค. 51 01:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คุณสราวุธครับ.. ผมมีลิงค์ของนายทหารปืนใหญ่ท่านนึงที่ไปรบที่ทุ่งไหหิน  มีรายละเอียดและรูปภาพเยอะดี  แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเวบนั้นกับพันทิบ  เอาลิงค์ใส่แล้วก็โพสมา 7-8 ครั้งแล้ว  เห็นอยู่ไม่เกิน 3 นาที  ก็หายจ้อย เลยทดลองเอาไปฝากไว้ที่เวบนี้ก่อน  คลิกเข้าไปแล้วคลิกต่อเลยครับ http://board.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&forum=2&No=118456 แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 51 19:28:47 จากคุณ : Dearance - [ 11 มี.ค. 51 19:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ผมจะไม่ได้โผล่ศีรษะมาแถวนี้ซักพักใหญ่ๆ นะครับ น่าจะมีปัญญาเข้ามาได้อีกทีประมาณต้นเดือน เมย. รวมทั้งจะไม่ได้อัพเดทเว็บไปจนถึงเดือน เมย. ด้วย ขอบคุณครับ ใครอยู่แถวนี้ช่วยเผาท่านอาจารย์ใหญ่แทนผมหน่อย ไม่ว่างจริงๆ อิ อิ อิ จากคุณ : ha ha yee - [ 12 มี.ค. 51 09:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ฮั่นแน่ จะหนีไปเที่ยวสงกรานต์ แล้วเอาผมมาอ้างเหรอ ชักเหมือนนักการเมืองเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย ผมยอมรับผิด แต่อีกคนก็ผิดเหมือนกัน ไม่มีทางหรอก ผมเนี่ยเป็นที่รักยิ่ง รักล้น รักเหลือ รับรองได้ ไม่มีใครรับอาสาหมอมาเผาผมแน่นอน เอ๊ะ สงสัยแอร์เสีย  ทำไม มันร้อน ๆ ยังไงไม่รู้ หรือว่าฝนจะตกหว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 มี.ค. 51 10:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เมื่อเที่ประชุมที่ปารีส  มหาอำนาจสองประเทศ คือ อังกฤษกับฝรั่งเศส ก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับความต้องการของทั้งไซออนนิสต์และชาตินิยมอาหรับ สิ่งที่อังกฤษทำในการประชุมที่ปารีส คือ แบ่งปาเลสไตน์ออกเป็นสองส่วน คือ ทรานส์จอร์แดน และปาเลสไตน์ตะวันตก ในส่วนของทรานส์จอร์แดนนั้น อีงกฤษมอบให้กับอับดุลลาห์ ซึ่งเป็นอนุชาของพระเจ้าไฟซาล เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนสำคัญในการรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กับเติร์ก แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองส่วนยังคงอยู่ใต้การปกครองของกระทรวงอาณานิคมอังกฤษ โดยมีเซอร์ เฮอร์เบิรต แซมวล เป็นข้าหลวงใหญ่ ซึ่งผู้นี้เป็นคนนึงที่ร่วมวางกรอบคำประกาศบัลฟอร์ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 มี.ค. 51 10:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 118 และแน่นอนว่า เมื่อข้อตกลงไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของทั้งสองฝ่าย คือ ไซออนนิสต์ และชาตินิยมอาหรับ  ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้งในส่วนของปาเลสไตน์ตะวันตก กาปะทะกันระหว่างเบดูอินเร่ร่อนกับนิคมชาวยิวเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องมาจากพื้นฐานความไม่ไว้วางใจระหว่างยิวกับอาหรับในการครอบครองดินแดนแห่งนี้ แนวทางการปกครองของอาณานิคมอังกฤษ ยิ่งซ้ำเตอมความขัดแย้งของสองกลุ่มนี้เข้าไปอีก เมื่อข้าหลวงใหญ่ เสนอรูปแบบการปกครองด้วยการคงรูปแบบที่ออตโดตมานเติร์กใช้กับชุมชนนี้ คือ แบ่งออกเป็นกลุ่มทางศาสนา ซึ่งอาจจะเหมาะสมหรือลดความขัดแย้งในระยะสั้นได้ แต่ระยะยาว กลับยิ่งเพิ่มปัญหา เพราะแต่ละกลุ่มจะไม่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตและความคิดใด ๆ เลย ทำให้มุ่งมั่นอยู่แต่การสร้างกลุ่มของตัวเองให้แข็งแกร่ง และมุ่งทำลายกลุ่มอื่นแทน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 มี.ค. 51 10:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ความหวดะแวง และความกลัวที่ผลักดันให้อาหรับลุกขึ้นมาต่อสู้กัชาวยิว คือ การตีความประกาศบัลฟอร์ที่ไซออนนิสต์เคลมว่ามหาอำนาจรับรองแล้วว่า ปาเลสไตน์ คือ บ้านเกิดเมืองนอนของชาวยิว ดังนั้น ทุกคนที่อยู่ในปาเลสไตน์ ต้องเป็นยิว สิ่งเหล่านี้ให้เบดูอิน หรือกลุ่มชาตินิยมอาหรับรับไม่ได้ เพราะมันหมายถึงการถูกกลืนชาตินั่นเอง หรือแม้กระทั่งวินสตัน เชอร์ชิลด์ เอง ก็ไม่ยอมรับในการตีความของไซออนนิสต์  โดยเขามีหนังสือไปถึงผู้นำกลุ่มไซออนนิสต์ให้ระวัดระวังการตีความคำประกาศของบัลฟอร์ว่าไม่มีการยินยอมให้ปาเลสไตน์เป็นของยิวแบบร้อยเปอร์เซนต์ แต่หมายถึงว่าอนุญทตให้ชาวยิวตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ได้ แบบสมานฉันต์ร่วมกับชนชาติอื่น ๆ แต่กระนั้นก็ตาม อังกฤก็ละเลยความสำคัญของชาวยิวที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก โดยเฉพาะในรัฐบาลของประเทศใหญ่ ๆ ไม่ได้ ทำให้ยังต้องยืนยันถึงสิทธิและการสนับสนุนของประเทศต่าง ๆ ที่จะให้ชาวยิวอพยพไปปาเลสไตน์เพื่อสร้างบ้านเกิดเมืองนอนของชาวยิวที่ได้รัยบการสนับสนุนจากชาวยิวทั่วโลก พร้อม ๆ กับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วย ปัญหาก็คือ ยิวไม่ยอมรับ และชาวอาหรับที่อยู่ในปาเลสไตนมาเก่าก่อน ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ยอมรับการนำของอังกฤษเช่นเดียวกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 มี.ค. 51 10:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 120 คุณ Dearance ครับ... Link นั้นคงต้องร้องเพลงรอ คุณศราวุธอีกน้านนนน... รวมทั้งประวัติบังบินลาเดน ด้วยครับ อาจารย์สื่อ ต้องยังเงี้ย... เผื่อจะเข้ามาแก้ตัว... ส่วนหนูหล่อมา โรงเรียนแบบไม่จ้อหลังห้องทุกวันแหละคร้าบ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 12 มี.ค. 51 12:09:17 A:124.121.212.128 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อ้าว..  แค่จะเผยประวัติบังบินลาเดนหน่อยเดียว  คุณสราวุธแกโดนเจี๋ยนไปแล้วเหรอครับ  คุณหนูหล่อ จากคุณ : Dearance - [ 12 มี.ค. 51 12:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 122 แหม.. คงต้องรอให้เจ้าตัวมาเผยเองละครับ หนูหล่อไม่อยากตัดหน้าเขา... อะแฮ้ม... จากคุณ : หนูหล่อ - [ 12 มี.ค. 51 12:35:26 A:124.121.212.128 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ไปต่อกันที่กระทู้นี้นะครับ ป้าวิไปตั้งกระทู้ใหม่ให้แล้ว http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6415937/K6415937.html คราวนี้สงสัยป้าวิลืมแตกกระทู้ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 12 มี.ค. 51 23:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ขออภัยค่ะ..จัดการแตกให้ใหม่แล้วค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 16 มี.ค. 51 06:30:14 ]