ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากคนทั่วไปมองกันว่าชาวอเมริกันไม่ค่อยรู้เรื่องราวนอกประเทศ ผู้สื่อข่าวจึงลองไปตั้งคำถามกับประชาชนทั่วไปตามท้องถนน ได้คำตอบแบบฮาๆดีครับ ^o^ เช่น ผู้สื่อข่าวถามว่า Who is Fidel Castro? ได้รับคำตอบว่า A singer. ผู้สื่อข่าวถามว่า What is the currency used in the United Kingdom? ได้รับคำตอบว่า Possibly American Money. ผู้สื่อข่าวถามว่า Kofi Anan is a drink, true or false? ได้รับคำตอบว่า Coffee is a drink. ผู้สื่อข่าวถามว่า Who is Tony Blair? ได้รับคำตอบว่า  Tony Blair is an actor. และผู้สื่อข่าวได้ถามถึง ประเทศถัดไปที่อาจโดนบุกจากสงคราม โดยให้ปักที่แผนที่โลก ลองดูว่าเขาปักประเทศอิหร่านและเกาหลีเหนือที่ประเทศอะไรครับ จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ก.พ. 51 13:21:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คิดอย่างไรกันครับ ผมมองว่าประเด็นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงสังคมอเมริกันเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับสังคมโลกโดยรวม แม้ปัจจุบันการเข้าถึงสื่อต่างๆ การเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ง่ายขึ้น สะดวกมากขึ้น แต่ดูเหมือนผู้คนปัจจุบันจะมุ่งแต่เรื่องที่เป็น narrow specialization ของตนเองเท่านั้น จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 24 ก.พ. 51 13:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันก็จริงอย่างคุณว่านะครับ คือความจริงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆในโลกมันเยอะมากเลยนะครับ คงจะไม่มีใครรู้ไปหมด รู้เฉพาะที่ได้เรียนและใช้ในชีวิตประจำวันกับการงาน แต่บทสัมภาษณ์ข้างบนนี่ถือว่าเป็นคนมีความรู้รอบตัวที่แย่มากๆ  เลย ไม่รู้แม้แต่ว่าฟีเดล คาสโตรหรือโทนี่ แบร์เป็นใคร แต่ก็อย่างว่าอีกว่าคนอเมริกันนั้นมีความหลากหลายทางระดับเศรษฐกิจ รวมไปถึงการศึกษา แม้ข้างนอกจะดูเป็นชนชั้นกลางเกือบทั้งหมด จากคุณ : Johann sebastian Bach - [ 24 ก.พ. 51 19:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สงสัยมาจากระแสของรายการ "ถ้าคุณแน่ อย่าแพ้ ป.4" ครับ จากคุณ : รู้บ้างไม่รู้บ้าง - [ 24 ก.พ. 51 20:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ดิฉันว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะอเมริกามองเห็นว่าตนเองสำคัญที่สุดในโลกอยู่แล้ว จึงไม่สนใจในประเทศอื่นๆ จากคุณ : DeDee - [ 24 ก.พ. 51 20:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขำความเห็นด้านบนคะ สัมภาษณ์อันนั้นได้ดูเหมือนกัน ที่แย่กว่านั้นมีเยอะแยะคะ อย่างถามว่า คุณรู้ไหมว่า หอไอเฟลมีกี่อัน พี่แกตอบ 12 อัน ประเทศอะไรขึ้นต้นด้วย U ตอบไม่ได้คะ บางคนตอบ Utah ฮามาก จากคุณ : นานา - [ 25 ก.พ. 51 03:41:25 A:80.223.189.195 X: TicketID:159640 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นธรรมดาของการเขียนหนังสือโดยมี premise อะไรก็แล้วแต่ ตั้งข้อสังเกตอะไรขึ้นมาสักอย่าง แล้วแสวงหาคนที่จะใช้สัมภาษณ์และหาข้อมูลเพื่อสนองตอบข้อสังเกตนั้นเพียงด้านเดียว เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมนี้ ประเทศนี้ (อเมริกา) มีตลาดหนังสือที่ใหญ่มาก มีหนังสือตีพิมพ์ออกมาเยอะมาก การจะสร้างจุดเด่นให้หนังสือของตัวขายได้ ทางหนึ่งคือตั้งหัวข้อให้มัน provocative เข้าไว้ก่อน ผู้คนจะได้สนใจ แล้วแสวงหาแต่ข้อมูลที่มาสนับสนุนความคิดนั้น โดยละเว้นกลุ่มซึ่งมีลักษณะตรงข้าม การเขียนหนังสือหรือการเลือกเฟ้นคนสัมภาษณ์เพื่อส่งเสริมความคิดเฉพาะตัวลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาค่ะ เหมือนอย่างเมื่อ 15-16 ปีก่อนมีนักมานุษยวิทยาคู่หนึ่งเขียนหนังสือเล่มหนึ่งเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ชายทุกคนมียีนส์เฉพาะที่ทำให้มีความสำส่อนเป็นนิสัย เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะต้องมี mate หลายๆคนเพื่อสืบพันธุ์ ก็กลายเป็นเรื่องฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง จะจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ผู้เขียนยกทฤษฎี ยกตัวอย่างเยอะแยะไปหมดเพื่อสนับสนุนทฤษฎีนั้น โดยเลี่ยงที่จะพูดถึงอะไรก็ตามที่จะชี้ไปในทางตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ในแวดวงวิชาการเรามองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาค่ะ ลักษณะงานแบบนี้จะสร้างข้อสรุปว่าอย่างไรก็ได้ ตั้งสมมุติฐานว่าโลกแบน แล้วแสวงหาแต่ข้อสนับสนุนไปในทางนั้นเพียงอย่างเดียวก็ยังได้ ที่สำคัญคือผู้เสพหรือผู้อ่านจะเห็นแล้วเชื่อตามทันทีหรือไม่ จะมีวิจารณญานเพียงพอที่จะมองเห็นว่านี่เป็นเพียงความคิดเพียงด้านเดียวเท่านั้นหรือไม่ และในประเทศที่ใหญ่ขนาดนี้ มีประชากรมากขนาดนี้ ควรสรุปว่าอย่างนั้นไปเลยทีเดียวหรือไม่ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 25 ก.พ. 51 04:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับคุณกุลธิดา (kdunagin) ครับว่ามันก็เป็นเรื่องของการตลาด แต่ว่าแง่ความเป็นจริงก็เป็นเรื่องที่น่าใจหายเหมือนกัน เคยดูรายการญี่ปุ่นไปสัมภาษณ์วัยรุ่น ถามว่าฝนตกได้ยังไง ก็ตอบว่า "รัฐบาลทำ..." มีอยู่วันนึง ตอนจ่ายตังค์ซื้อของ หยิบแบงค์ห้าสิบขึ้นมา เพื่อนผมก็ถามว่า รูปใครอยู่หลังแบงค์ห้าสิบอ่ะ??? ผมก็ตอบว่ารูปร. 4 ไง มันก็ทำหน้างง ๆ แล้วบอกว่า "แกรู้ได้ไงเนี่ย...." (นี่คือเพื่อนที่เรียนป.โทด้วยกันนะครับ เหอะ ๆ) เรื่องของปรากฏการณ์การไม่รู้ความรู้รอบตัวนี่พอเข้าใจครับ เพราะยุคนี้เรารับข่าวสารข้อมูลและความบันเทิงมาก และความรู้เหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวิถีการดำเนินชีวิตของเขา แต่ผมว่าที่น่ากลัวคือ การรับรู้ข้อมูล (ที่ถูกผูกขาด) ด้านเดียวจากสื่อและรัฐมากกว่า แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 51 15:50:53 จากคุณ : นัท305 - [ 25 ก.พ. 51 15:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นคนอเมริกาก็เป็นแบบนี้หลายคนนี่ครับ ประมาณว่า ประเทศตัวเองก็ใหญ่อยู่แล้ว แค่เรื่องในประเทศตัวเองยังรู้ไม่หมดเลย มีคนแบบนี้ตั้งมากประเภทที่ไม่รู้วาไทยตั้งอยู่ที่ไหนและคิดว่ายังมีแต่ขี่ช้างกันอยู่ จากคุณ : ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง - [ 26 ก.พ. 51 07:59:36 ]