ความคิดเห็นที่ 1 ปริญญาดุษฎีบัณฑิต จะแจกแก่บุคคลที่ทำชื่อเสียงในนั้นๆ ซึ่งทางสถาบันจะเป็นผู้คัดเลือกพิจารณา แต่จะไม่มี ดร. นำหน้าชื่อ ซึ่งจะให้ ดร. นำหน้าชื่อ เฉพาะผู้ที่ร่ำเรียนในปริญญาเอกจริงๆ ครับ จากคุณ : silvania00 - [ 27 ก.พ. 51 17:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คห 1 ครับ มันกิติมศักดิ์ เป็นการให้เกียรติที่ทำประโยชน์แก่สังคม หรือมีผลงานดีเด่นในการทำงานสาขาใดสาขาหนึ่ง ส่วน ดร. คือคนที่เรียนเก่งทางวิชาการ ไม่เหมือนกันครับ จากคุณ : K.Senior - [ 27 ก.พ. 51 18:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องทำดุษฎีนิพนธ์จนจบรึเปล่าครับ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น ด็อกเตอร์ จากคุณ : AIRBUS GALLERY - [ 27 ก.พ. 51 22:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คำว่า "ด็อกเตอร์" จะใช้สำหรับผู้ที่เรียนจบปริญญาเอกจริง ๆ เท่านั้นครับ ส่วนปริญญากิตติมศักดิ์เป็นการให้เพื่อยกย่องว่าผู้ที่ได้รับได้ทำคุณประโยชน์ในสาขานั้น ๆ อย่างมาก จนเป็นที่ยอมรับครับ จากคุณ : ตอบ - [ 27 ก.พ. 51 22:51:01 A:219.60.119.106 X: TicketID:148450 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าอย่างนั้นทำไมที ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ถึงก็ใช้คำนำหน้านามว่า ศาสตราจารย์ หรือ ศ. ล่ะครับ? ในเมื่อก็ไม่ได้ทำยศวิชาการ ไม่ได้ทำวิจัย อาจจะไปสอนบ้างน้อยๆ ครั้งคราวไป แต่ก็เห็นเป็น ศาสตราจารย์ แถมไม่บอกด้วยว่า ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ไรเงี้ยอะครับ สงสัยมานานแล้ว จากคุณ : ohmygodness (ohmygodness) - [ 27 ก.พ. 51 23:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ เค้าต้องวงเล็บด้วยทุกครั้งครับว่า ศ (พิเศษ) อะไรก็ว่าไป ถ้าไม่บอก อาจจะมีเหตุจำเป็นอะไรบางอย่าง (นอกเหนือจากจงใจจะให้ผู้ฟังเข้าใจผิด) เช่น อาจจะพูด(เขียน) ย่อๆ ฯลฯ ส่วน ดร. ผมก็เห็นคนเอามาใช้หลายคนนะ เช่น ดร. ยิ่งศักดิ์ ที่ทำกับข้าวไง เค้าได้กิติมศักดิ์จากราชภัฎ(ไม่เเน่ใจชื่อมหาลัยร้อยเปอร์เซ็น) แต่เค้าก็ claim ว่าได้ ดร. นะครับ ปล คุณ K.Senior ครับ คนจบปริญญาเอกไม่ได้เก่งหรอกครับ เเค่อยาก/ชอบทำวิจัยเชิงลึกเท่านั้นเองครับ จากคุณ : texasprofessor (krisdauw) - [ 28 ก.พ. 51 00:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไม่ค่อยเห็นวงเล็บนะครับ อย่างตำราที่ผมเคยอ่านอยู่ก็...ศาสตราจารย์จี๊ด เศรษฐบุตร ศาสตราจารย์ จิตติ ติงศภัทิย์ ศาสตราจารย์ หยุด แสงอุทัย ก็ไม่เห็นใช้ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เอาอย่างที่มีชีวิตอยู่ก็...ศาสตราจารย์ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ศาสตราจารย์ โสภณ รัตนากร ศาสตราจารย์ ไพจิตร ปุญญพันธุ์ ศ่าสตราจารย์ วิชา มหาคุณ ศาสตราจารย์ เกษมสันต์ วิลาวรรณ ศาสตราจารย์ จรัญ ภักดีธนากุล ฯลฯ ก็ไม่เห็นมีคนไหนใช้ว่า ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เลยอะครับ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นี่ตกลงใช้ ดร. ได้หรือไม่ได้กันแน่ครับ งงแล้ว? รบกวนท่านผู้รู้โปรดชี้แจงด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 02:59:17 จากคุณ : ohmygodness (ohmygodness) - [ 28 ก.พ. 51 02:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นี่ตกลงใช้ ดร. ได้หรือไม่ได้กันแน่ครับ งงแล้ว? ไม่ต้องงง ฝรั่งไม่ใช้ เขาเริ่มพิธีนี้ก่อน แล้วไทยกล้าใช้หรือครับ ถ้ากล้าก็หน้าด้านครับ อ้อ คนได้ ดร. อย่างไรก็เรียนเก่งครับ ถ้าไม่เก่ง คงค้นคว้าลึกไม่ได้หรอกครับ ตื้นๆ ก็อาจจะไปไม่รอดแล้ว ยกเว้น ดร.ห้องแถว ไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ มีเงินพอซื้อใบได้ครับ ดังนั้น ปริญญาเอกกิติมศักดิ์ ใช้ ดร. แต่เรียนไม่เก่ง คนจะหัวเราะเยาะเอานะครับ เพราะคุยทางวิชาการไม่รู้เรื่อง เก่งทางด้านบริหารและจัดการมากกว่า มันเก่งคนละอย่างนะครับ อย่าง ดร. ก็คงไม่เก่งทางด้านการจัดการหรอกครับ ไม่จำเป็นที่คนได้กิติมศักดิ์ใช้ ดร. นำหน้า เพราะท่านก็เก่งอยู่แล้ว ใครๆ ก็รู้ ไม่งั้นไม่รวย ไม่ดัง จนเขาเชิญมารับหรอกครับ 555 จากคุณ : K.Senior - [ 28 ก.พ. 51 03:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ ก็แล้วแต่ว่าจะ define ว่า "(เรียน)เก่ง" คืออะไรใช่ป่ะครับ ถ้า"เก่ง"คือ รู้เชิงลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง (หรือสองสามเรื่อง) นั่นคือ อธิบายว่าทฤษฎีมาได้อย่างไร และคิดค้นทฤษฎีใหม่โดยต่อยอดจากของเก่าที่ไม่สมบูรณ์ ตามระเบียบวิธีที่พิสูจน์ได้ ก็คงพูดว่า"เก่ง" ได้ หรือถ้า define "เก่ง" เทียบกับคนที่ไม่ได้เรียน อาจจะได้ครับ แต่ว่าถ้า define ว่า "เก่ง" คือ รู้เชิงกว้างนั้นคงไม่ได้อ่ะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วผมว่าตอนเรียนปริญญาตรี รู้เชิงกว้างมากกว่าอีก เมื่อพอตอนปริญญาเอก แล้วมัน focus ไปเรื่องๆเดียวอ่ะครับ (เรื่องอื่นๆที่เรียนมาตอนตรีบางทีลืมไปด้วยซ้ำ...) และผมคิดว่า ถึงแม้ว่าเรียน ดร.จบ มันเหมือนเด็กเพิ่งจบตรีใหม่ด้วยซ้ำ ไม่ได้เก่งอะไรเลย เมื่อเวลามาทำงานวิชาการจริงๆ ไม่มีใครที่เขียนเปเปอร์ส่งไปตีพิมพ์โดยไม่โดน revise and resubmit ทุกคนต้องโดนและเกือบทุกครั้ง ส่วน dissertation (ดุษฏีนิพนธ์?) ที่ทำไปก็ไม่ได้มีคุณภาพมากถึงขนาดเอามาตีพิมพ์เป็นหนังสือได้โดยที่ไม่ผ่าน substantial revision (ทั้งๆที่กว่าจะเขียนเสร็จ โดนอาจารย์ที่ปรึกษาให้ revise มาไม่รู้กี่สิบครั้ง จนนึกว่าแน่นแล้ว ดีแล้ว เสียอีก) ส่วน comments ที่ anonymous reviewers ในการ revise แต่ละอันก็บาดตา บาดใจเหลือเกิน เช่น "คุณตีความทฤษฎีนี้ผิด" "จุดนี้ไม่ได้ support argument คุณเลยนะ" "ทฤษฏีที่คุณใช้อ้างอิงมีปัญหา และฟังดูปลอมๆ (artificial)," "ผมอ่านเปเปอร์คุณหลายรอบ แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคุณจะสื่ออะไร", "เปเปอร์คุณน่าสนใจ แต่ว่าไม่เห็นให้อะไรใหม่กับสายวิชาการนี้" etc นี่คือ คำ comments จริงๆนะครับ อ่านแล้วบางอัน จี๊ดขึ้นสมองเลย บางอันเหมือนว่าด่าว่าเราโง่จัง  ไม่ประสาอะไรเลย สรุปง่ายๆคือ จบเอกแล้ว ถึงได้ทำ dissertation แล้ว แต่ก็เหมือนเป็นแค่งานวิจัยระดับต้น เป็นตัววัดว่าผู้ทำวิจัยมีพื้นฐานการทำวิจัย(เบื้องต้น)พอเพียง แต่จริงๆ ไม่มีใครรับที่จะตีพิมพ์ ถ้าจะทำให้มันออกมาเป็นหนังสือได้ หรือ "เก่ง"จริงๆ ต้องค้นคว้าและวิจัยต่ออีกเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นผมว่าแค่จบ ดร.เฉยๆ ไม่ได้เก่งอะไรเลยอ่ะครับ  (อย่างน้อยๆผมว่าต้องอายุ 35 ขึ้นไปและทำวิจัยต่อเนื่องหลังจากจบ ถึงน่าจะ "เก่ง" ครับ) แก้ไขสะกดผิด แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 06:35:11 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 05:12:08 จากคุณ : texasprofessor (krisdauw) - [ 28 ก.พ. 51 05:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บางคนที่ได้รับ เขาก็เห่อใช้เหมือนกันนะ พวกชเลียร์นั่นแหละนำให้ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 14:14:44 จากคุณ : satitp - [ 28 ก.พ. 51 09:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แหม ได้ข้อคิดดีๆจริงเลย จากคุณ : cybrarian - [ 28 ก.พ. 51 09:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 texasprofessor (krisdauw) คิดเหมือนผมเลย ฟังแล้วค่อยมีกำลังใจหน่อย (ในความคิด รู้สึกเหมือนกัน ว่าด้อกเตอร์ไม่ใช่คนรู้ลึกทุกเรื่อง) ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองถนัดเป็น Generalist อยู่ดี แถมเรื่องที่ทำ Thesis ก็เป็นเรื่อง Integrated Risk ที่เป็นเรื่องภาพรวมอยู่ดี ตอนแรกคิดว่า ตัวเองแย่แล้ว พอมาฟังคนจบด๊อกแล้วพูดงี้ค่อยสบายใจหน่อย จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 28 ก.พ. 51 09:39:33 A:58.181.152.146 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หลายคนที่คุณ Oh my godness กล่าวมา หลายคน เป็นศาสตราจารย์แต่เดิมอยู่แล้ว เคยสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากคุณ : natthaset - [ 28 ก.พ. 51 10:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คำว่า "ด็อกเตอร์" ใช้กับผู้ที่มุ่งมั่นอุตส่าห์เรียนจนจบชั้นสูงสุดของสาขานั้น ๆ ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จะใช้คำว่า "ด็อกเตอร์" ไม่ได้ เพราะไม่ได้เรียนจบมา กรณีว่าเก่งไม่เก่ง มันบอกยาก แต่โยทั่วไปแล้ว คนที่เรียนสูงขึ้นไปได้ ก็แสดงว่าเค้าเรียนได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว และโดยทั่วไปก็จะเป็นคนที่เรียนดีโดดเด่นในแต่ละรุ่นจึงจะเรียนต่อขึ้นไปสูง ๆ ถ้าจะเปรียบเทียบความเก่งมันก็บอกยากนะครับ เพราะคนทุกคนมันรู้ต่างกันครับ แต่สำหรับคนที่เรียนสูงขึ้นไป เค้าได้ผ่านการบ่มเพาะให้คิดเป็น ทำเป็น และริเริ่มอะไรเองเป็น และเป็นการศึกษาอย่างมีระบบระเบียบ ถ้าจะเทียบกับคนที่ไม่ได้เรียน ก็อาจจะบรรลุเป้าหมายเดียวกันได้ เพียงแต่วิธีคิดอาจจะต่างกัน และเรามั่นใจกับการคิดแบบมีแบบแผนมีเหตุผลรองรับของคนที่จบเอกได้มากกว่า เพราะมันผ่านการทดสอบมาเนิ่นนานแล้ว มีที่มาที่ไป และอ้างอิงได้เสมอ มาถึงกรณีตำแหน่งวิชาการ อันนี้เป็นตำแหน่งที่บ่งบอกให้ทราบว่า บุคคลผู้นั้นมีความเชี่ยวชาญในด้านใดเป็นพิเศษ และเชี่ยวชาญระดับใด คนที่ได้เป็นศาสตราจารย์ ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเอก แต่ต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ จนเป็นที่ยอมรับจริง ๆ คนที่จบเอกก็ใช่ว่าจะเก่งกว่าคนที่ไม่จบเอกเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากเรียนจบแล้ว เค้านำความรู้ความสามารถไปต่อยอด ทำอะไรเพิ่มเติม หรือเพิ่มความเชี่ยวชาญให้ตัวเองหรือไม่ ด็อกเตอร์ ไม่ได้รู้ทุกเรื่องนะครับ เพียงแต่เค้าได้ผ่านการทดสอบก่อนที่จะจบมาอย่างยากลำบากกว่าระดับการเรียนโทก็เท่านั้น ผมเรียนโทอยู่ เคยเห็นคนที่เรียนเอกมามากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่งมาก ๆ ครับ เค้าคิดอะไรได้อีกระดับหนึ่งที่เราคิดได้ แต่ใช่ว่าเค้าจะรู้ไปหมดทุกอย่างนะครับ เพียงแต่ว่าเค้าคิดแล้วมีเหตุมีผล และดูเหมือนจะทำแล้วได้ประโยชน์เป็นเรื่องเป็นราวกว่า หรือไม่ก็มีเทคนิคการคิดที่แปลก และนาสนใจกว่า จากคุณ : เรียนแค่โท - [ 28 ก.พ. 51 10:09:30 A:172.18.206.235 X:133.62.137.100 TicketID:148450 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ศ.(พิเศษ) จะแต่งตั้งจากบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่เป็นอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ  ถ้าสมมติสอนที่ มธ แล้ว คงไม่ได้เป็น ศ.(พิเศษ) ที่ มธ ครับ แต่อาจจะเป็น ศ.(พิเศษ) ที่มหาวิทยาลัยอื่นมากกว่า แต่ที่ มธ อาจารย์ท่านนั้น ๆ ก็เป็น ศ. ด้วย ดังนั้น จึงเห็นใช้แค่ ศ. นำหน้าชื่อ จากคุณ : Antares Kung - [ 28 ก.พ. 51 12:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทุกท่านที่ผมกล่าวนามมา มิได้เป็นศาสตราจารย์ ประจำในมหาวิทยาลัยนะครับ ทุกท่านล้วนแล้วแต่เป็นข้าราชการตุลาการ (ยกเว้นศาสตราจารย์หยุด เป็นคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาสตราจารย์จี๊ด เป็นเอกอัครราชทูต) ไม่มีท่านใดเลยที่รับราชการเป็นอาจารย์ประจำในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังนั้นที่คุณณัฐเศรษฐ์ กล่าวว่าท่านเป็นศาสตราจารย์อยู่แต่เดิมแล้ว แล้วจึงไปสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น น่าจะไม่ใช่กระมังครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ ศาสตราจารย์พิเศษ จะแต่งตั้งจากบุคคลภายนอก ซึ่งหมายความว่ามิได้เป็นอาจารย์ประจำอยู่ในมหาวิทยาลัย ส่วนศาสตราจารย์ จะแต่งตั้งจากอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัย ที่ทำผลงานวิชาการ งานวิจัย และมีความเชี่ยวชาญในการสอน ดังนั้นในเมื่อทุกท่านที่ผมกล่าวนามมาท่านมิได้เป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัย คงเป็นไปไม่ได้กระมังครับที่ท่านจะเป็นศาสตราจารย์ประจำ สำหรับศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ นั้น ท่านเป็นศาสตราจารย์อยู่แต่ก่อนที่จะโอนย้ายไปรับราชการในตำแหน่งคณะบดี คณะนิติศาสตร์ และอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้ว ดังนั้นผมก็จึงเข้าใจว่าท่านก็เป็นศาสตราจารย์ พิเศษ เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 13:22:23 จากคุณ : ohmygodness (ohmygodness) - [ 28 ก.พ. 51 13:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเป็นแบบคุณ Ohmygodness กล่าวก็แปลกครับ เพราะการใช้อักษรย่อตำแหน่งทางวิชาการนำหน้านามนั้นได้บัญญัติลงในราชกิจจานุเบกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยว่าให้ใช้อย่างไร เช่น ศาสตราจารย์พิเศษ ของจุฬาฯ ใช้ว่า ศ.(พิเศษ) นะครับ ถ้าหากใช้แค่ ศ. อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่าท่านเป็น ศาสตราจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ จากคุณ : Antares Kung - [ 28 ก.พ. 51 15:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 http://law.tu.ac.th/hall_of_fame/jid/index.html ประวัติท่านศาสตราจารย์จี๊ด ช่วงท้ายๆ เขียนไว้ชัดเจนเลยว่าท่านเป็นศาสตราจารย์พิเศษ http://www.museum.judiciary.go.th/SpPerson/jitti.html ท่านอาจารย์จิตติ ก็เป็นศาสตราจารย์ (พิเศษ) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ดร. จากเว็บไซต์ราชบัณฑิต "ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ คำแสดงวุฒิการศึกษาไม่ใช้เป็นคำนำหน้านาม หรือนำหน้าชื่อ ทำนองเดียวกับคำแสดงวิชาชีพ เช่น นายแพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ ฯลฯ จะมีใช้เป็นคำนำหน้านามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณได้ ก็คือ ตำแหน่งทางวิชาการ เช่น ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ศาสตราจารย์กิตติคุณ คำว่า ดร. เป็นคำแสดงวุฒิการศึกษา ซึ่งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ ไม่ใช้เป็นคำนำหน้านามตามแบบแผนของทางราชการ จึงไม่ใช้ ดร. เป็นคำนำหน้านามที่มีการใช้กันมักเป็นการใช้อยู่ในแวดวงวิชาชีพทางด้านการศึกษา ซึ่งหากเป็นหนังสือราชการแล้วไม่ใช้ ดร. เป็นคำนำหน้านามหรือนำหน้าชื่อ (ผู้ตอบ : สุปัญญา ชมจินดา) " อันนี้ตอบเหมือนประมาณว่าปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ ใช้ ดร. นำหน้านามได้ "มีคำถามว่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้รับปริญญาดุษฎี บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบัญชี จากมหาวิทยาลัยรังสิต ดังนั้น ควรเรียกว่า ดร. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา หรือ คุณหญิง ดร. จารุวรรณ เมณฑกา ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ตำแหน่งทางวิชาการ พ.ศ. ๒๕๓๖ ระบุให้ผู้มีตำแหน่งทางวิชาการในสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนในระดับปริญญา ที่ยังคงดำรงตำแหน่ง มีสิทธิใช้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นคำนำนาม เช่น ศ. รศ. ผศ. แต่คำแสดงตำแหน่ง (เช่น รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ฯลฯ) คำแสดงวิชาชีพ (เช่น แพทย์ วิศวกร ทนาย ครูอาจารย์ ฯลฯ) คำแสดงคุณวุฒิการศึกษาชั้นปริญญาเอกไม่ได้กำหนดให้ใช้เป็นคำนำนามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ ดังนั้นหากใช้คำนามให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๕๒๖ ก็ใช้ว่า "คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา" แต่หากจะใช้เรียกเป็นภาษาปากไม่ทางการ โดยไม่คำนึงถึงระเบียบทางราชการ จะเรียกกันเป็นภาษาปากว่า ดร.คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ก็ได้ แต่ไม่ถือเป็นการใช้ในภาษาเขียนทางราชการ (ผู้ตอบ : สุปัญญา ชมจินดา) " แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 17:27:00 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 17:25:18 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 51 17:12:05 จากคุณ : ohmygodness - [ 28 ก.พ. 51 17:06:51 ]