ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีค่ะ คุณ tonmelb และแล้วคุณ tonmelb ก็มา จะรออ่านนะคะ จากคุณ : Flowery - [ 24 มี.ค. 51 08:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดี มา รอติดตามชมเช่นกัน งับ จากคุณ : kengCAD - [ 24 มี.ค. 51 23:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 March 24, 2008 tonmelb talk คุยไปทั่ว สวัสดีครับ กลับมาแล้วครับ ช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ยุ่งมาก ๆๆๆ ครับ เพราะไหนงานที่โรงเรียน ที่ช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นช่วงสอบ ตรวจข้อสอบ สอบซ่อม คิดคะแนน ฯลฯ ไหนจะ Studio เล็ก ๆ ที่เพิ่งจะเปิดใหม่ สรุปว่า I do live by a very tight schedule. tonmelb talk: คอลัมน์ภาษาอังกฤษสำหรับคนคุณภาพเช่นคุณ คอลัมน์นี้จะปูพื้นฐานคนที่มีพื้นฐานภาษาไม่แข็งแรงนัก คอลัมน์นี้จะเติมเต็มและต่อยอดคนที่มีพอจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง คอลัมน์นี้ไว้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และเป็นครั้งแรกครับ เป็นครั้งแรก ที่จะUpdate วันเว้นวัน (ยกเว้นป่วยหรือติดภาระไปต่างจังหวัดหรือยุ่งมาก ๆๆ ครับ) คุณได้อ่านแบบวันเว้นวันแน่นอน ถึงจะมาก-น้อยบรรทัด แต่จะอัดแน่นไปด้วย idea ที่อาจจะทำให้คุณสามารถ Think in English ได้ ขอบคุณครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 25 มี.ค. 51 00:49:11 A:61.91.194.134 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 4 tonmelb talk คิดเป็น/ผ่านภาษาอังกฤษได้อย่างไร? ผมมีแบบฝึกหัดง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้านนะครับ สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานไม่แข็งแรง ลองคิดจินตนาการสถานการณ์อะไรก็ได้ที่จะพูดกับฝรั่ง โดยตั้งคำถาม-คำตอบเป็นไทยเลย คิดไดอะล็อกสั้น ๆ ก็พอครับ คิดเป็นไทยเลยนะครับ แล้วค่อย ๆ ใช้ Taking dictionary/ dictionary แกะไปทีละตัว ทีละนิด แล้วลองซื้อหาหนังสือ Conversation นี่คือการบริหารและเตรียมสมองให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ นี่คือการเก็บตักตุน Quality Input เพื่อ Quality Outputในอนาคต ทำแบบนี้แล้วค่อยขยับมาคิดว่า Think In English ครับ นั่นคือ เริ่มขยับ Switch กลับไปกลับมา ไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย (ตรวจสอบความถูกต้อง โดยการส่งมาที่----ห้องรวมพลนักแปลนะครับ ห้องนั้นมีคนเก่งมากมาย และท่านเหล่านั้นชอบคนขวนขวายทำการบ้านมาก่อน) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 25 มี.ค. 51 00:52:59 A:61.91.194.134 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ามีพื้นฐานอยู่บ้าง เช่นเคยมีประสบการณ์ใช้ภาษาที่ต่างแดน ใช้ภาษาที่ทำงาน เอกอังกฤษ ชอบศึกษาภาษา กำลังเรียนภาษาอยู่ฯลฯ ผมก็มีแบบฝึกหัดง่าย ๆ ที่จะสามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษ ดังนี้ ด่านแรก: ทำแบบฝึกหัดที่ผมแนะไว้ก่อนหน้านี้ควบคู่ด้วยก็ได้ แต่ควรทำมากกว่านั้น คือเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เรื่องสั้นภาษาอังกฤษมากและมากขึ้น + ใช้ Dictionary แบบทั่วไปและแบบสำนวนวลีภาษาอังกฤษด้วยยิ่งดี เหมือน 2 in 1 ถ้า Reading Comprehension ยังไม่ดีนัก หรือรับข้อมูลช้าที่ไม่ผ่านไทยช้าเกินไป ให้กลับไปเริ่มใหม่ตามคำแนะนำที่เขียนไว้ข้างต้นของผมนะครับ ไม่ใช่คิดเป็นไทยนะ มันไม่ต้องคิด ประโยคไทยๆ ก็ออกมาอยู่แล้ว เพียงแต่นำมาตั้งเป็นตุ๊กตาModel เท่านั้น ใช้ภาษาแรกของคุณ ช่วยคุณเรียนภาษาอังกฤษ ช่วยคุณให้คิดเป็นภาษาในอนาคตต่อไปเท่านั้นเองครับ ลองทำดี ชิล ๆ ครับ แต่ภาษานั้น ขอให้ทำน้อย ๆ แต่สม่ำเสมอ จะดีที่สุดในกาลต่อมาครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 25 มี.ค. 51 00:54:14 A:61.91.194.134 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 6 tonmelb สังเกตว่า 1. ประโยคที่คนไทย/นักเรียนไทยคุ้นเคยใช้มันเป็นแต่ Noun ใน Part of Speech นั้น ฝรั่งเขาใช้มันเป็น Verb ด้วยนะครับ ถ้าอยากจะให้ภาษา (ประโยค) ของคุณเป็นฝรั่งมากขึ้น ให้ใช้ Verb ให้เข้าใจความหมายด้วย จะใช้แต่จินตนาการ รูป รส กลิ่น สี มันจะ work ไหมเนี่ยพ่อแม่พี่น้อง เช่น Name เราก็รู้แต่ว่ามันเป็น Noun = ชื่อ ฝรั่งเขาใช้มันเป็น Verb = ตั้งชื่อ เช่น I named my cat Bob. ผม/ฉันตั้งชื่อแมวผม-ฉันว่า Bob หรือ address = ที่อยู่ แต่ฝรั่งเขาใช้เป็น Verb อยู่มาก มันหมายความว่า พูดจากัน เรียกขานว่า หรือพยายามทำความเข้าใจกับปัญหาหรือแก้ปัญหา เรื่องนี้ถ้าพื้นฐานไม่ดีนัก อาจงง มันเป็นเช่นนั้นได้ไง? Noun แปลอย่าง Verb อีกอย่าง เพราะนี่คือคือข้อเท็จจริง ว่า English มันไม่ fix คุณ ๆ ติ๊ต่างสถานการณ์อะไรก็ได้และตั้งประโยคเป็นไทย และใช้ Talking Dict. เปิดทางก่อนเลย( มันประหยัดเวลา ทำให้ไม่ท้อไงครับ) เช่น แก้ปัญหา Talking Dict. ที่ดี ก็ต้อง Include this word ( address ) ก็ต้องออกมา แล้วคุณค่อยมา Post ไว้ที่ห้องรวมพล มาถามว่า address a/the problem ได้ไหม อะไรทำนองนี้ เจ้า address the problem ทางภาษาเขาเรียกว่า English Collocation 2. ใช้เป็น Noun ไม่เป็น Verb เช่น drive เป็น your drive ( ambition) , talk เป็น Peace talks Good night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 25 มี.ค. 51 00:55:46 A:61.91.194.134 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ tonmelb สำหรับ column ครับ ผมขออนุญาตถาม/แสดงความเห็นนะครับ ผมเห็นว่าการใช้ talking dict จะเป็นอุปสรรคในการคิดเป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่าครับ ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับ แค่อยากแชร์ความเห็น :o) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 26 มี.ค. 51 04:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 March 26, 2008 ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ tonmelb สำหรับ column ครับ ผมขออนุญาตถาม/แสดงความเห็นนะครับ ผมเห็นว่าการใช้ talking dict จะเป็นอุปสรรคในการคิดเป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่าครับ ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับ แค่อยากแชร์ความเห็น :o) จากคุณเมื่อลมแรง ใบไม้ก็ร่วง @@@ น้องลมแรง พี่ tonmelb ขอตอบตามประสบการณ์ของตัวเองนะ นี่คือ---ความเห็นส่วนตัวนะครับ--- ไม่ใช่งานวิจัย (อาจต้องรอท่านอื่นมาช่วยแต่งเติม) ขอตอบแบบนี้ว่า การใช้ Talking Dictionary จะช่วยในเรื่องเวลา มันจะประหยัดเวลามาก และพี่ว่ามันมีผลดีทางด้านกำลังใจนะ โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นเรียน เพราะมันสะดวก ความท้อมันจะไม่ถั่งโถมมาจนมากเกินไป แต่แน่นอนว่า เมื่อผู้เรียนอ่านภาษาอังกฤษแล้วรีบกดหาคำแปลไทย มันก็เหมือนไม่ได้เรียนภาษา---ผ่าน---ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาต้นแบบ ซึ่งมันควรจะเรียนเเบบผ่าน English ไปเลย เเต่เพราะว่า ส่วนใหญ่ผู้เรียนไทยที่กลับมาเรียนใหม่ มักจะเป็นผู้ใหญ่เเล้ว+เวลาน้อย ภาระเยอะ พื้นฐานอ่อน ดังนั้น การใช้เทคโนโลยี เข้าช่วยในระยะหนึ่ง จะดีกว่า เพราะการจะหักดิบโดยกระโดดไป Think In English โดยอ่าน English ยาก ๆ เลย ถ้ารอด ก้ดี ส่วนใหญ่จะท้อไปเองครับ และขอเรียนให้ทราบเลยว่า การเรียน English Grammar โดยผ่านภาษาไทยอย่างเดียว ซึ่งผู้เรียนได้แต่เฝ้าอ่านๆๆๆๆๆ แต่ไม่เคยคิดจะนำไปใช้ และไม่เคยแตะ English-English Dictionary เลยหรือไม่เคยคิดจะพัฒนา ขยับไปอ่านตำราอังกฤษ หรือไม่อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ไม่พูด ไม่ฟัง หรือพูด/ฟังน้อยมาก คือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับ native speakers เลย --------------------- จะไปไม่รอดครับ ยิ่งเรียน ยิ่งงง----------------------- @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 27 มี.ค. 51 01:00:44 A:61.91.163.143 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอยกตัวอย่างผมเรียนที่จะ Think in English สมัยนั้นไม่มี Talking Dictionary ผมก็ลุยอ่านมาเรื่อย จนปี 2536 ถ้าจำไม่ผิด talking dict. รุ่นแรกออกตลาดมา ผมไม่ได้ซื้อมาใช้นะ ไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะใช้ Printed Dictionaries แบบ English- English จนเคยชินแล้ว และจากการที่ลุยอ่านมาเกือบ 4 ปี (ผมไป Melbourne กลางปี 2532) ทำให้ภาษาอังกฤษมันซึมซับ เริ่มฝันเป็นภาษา เริ่มคิดเป็นภาษา เพราะตลอดเวลา 4 ปี ผมอ่านชน อ่านผ่าน English ซึ่งเป็นภาษาทีต้องการใช้ให้ได้ตรง ๆ มาตลอด จึงเป็นสูตรว่า Reading = through English = in English นำไปใช้ดูนะครับ นั่นคือ ถึงช่วงแรก คุณจะต้องหาคำแปล-ความหมายไทย ก็ทำไปก่อน แล้วค่อย Switch กลับไปกลับมา ซึ่งน่าจะหลัง 9- 18 เดือน + แล้วค่อยขยับขยายโดยการอ่านผ่าน English ให้มาก ๆๆๆ ขึ้นมาแทน @@@@ tonmelb talk คุยไปทั่ว ผมคิดเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร?... ทุกวันนี้ เมื่อผมอ่าน/ฟัง/พูด/เขียน (ตอนนี้ผมแบ่งความถี่มาลงที่นิ้วกลาง โดยไม่พิมพ์ที่นิ้วชี้อย่างเดียวนะครับ) ผมจะเข้าใจเป็นภาษาไทยตามทันทีนะครับ เมื่อ: อ่านหรือฟังผ่านตัวอังกฤษ ตัวศัพท์/วลีอังกฤษ ส่งเข้าสมองผม ในสมองจะ Decode มันออกมาเป็นความหมายไทยทันที และไม่ใช่แบบแปลตรงตัว หรือตัวอักษรต่อตัวอักษร แต่เป็นความเข้าใจแบบเข้าใจว่าฝรั่งเขาหมายความว่าอะไร เพียงแต่ความหมายที่ฝรั่งหมายถึงนั้น มันเข้าถึงผมเป็นภาษาไทยในสมองผมเท่านั้นเอง เมื่อ: ผมตอบใน Conversation หรือเขียน/แปล ผมจะไม่คิดผ่านไทยเลย ในสมองผมมีคลังคำและวลีที่ได้จากอ่านที่เพียงพอ ที่จะ Respond กลับไป โดยที่สื่อออกไป โดยไม่ผ่านภาษาไทย สื่อตามใจต้องการให้ฝรั่งเขาเข้าใจ เพียงแต่มันจะออกไปในรูปแบบประโยค/วลีภาษาอังกฤษที่ออกจากปากไป พอพูดไปแล้วหมดแล้วนี่แหละ ความหมาย ความเข้าใจที่เกิดในใจเรา ในสมองม จะออกมาในภาษาไทยทันที เพียงแต่ที่พูดจากปากออกไป เป็น English expressions ที่ฝรั่งเขาเข้าใจ จากคุณ : tonmelb - [ 27 มี.ค. 51 01:05:18 A:61.91.163.143 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สรุปว่า เมื่ออ่าน/ฟังผ่าน English บ่อย ๆ (หาความหมายจาก Eng- Eng Dict. ด้วยอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ใช่ท่อง หรือเปิดหาทุกคำ) ภาษา English มันจะผ่านเข้าสมอง เมื่อมันเข้าบ่อย ๆ มากพอ หลากหลายพอ สม่ำเสมอพอ ในระยะเวลาที่ Intensive พอ ข้อมูลเหล่านี่มันจะเป็น Input ครับ สมองมันจะสร้างระบบ Decode ภาษาอังกฤษมาเป็นไทยมันเองครับ โดยไม่ผ่ายภาษาไทย มันจะไปจับคู English กับ English กันเองในสมองเรา ถ้าเรามี English Input เมื่อ: พูด/เขียน สมองคุณมีคลังคำ/วลี มีระบบ Decode ที่แข็งแรงแล้ว เวลาพูด/เขียน มันจะไม่ใช้ภาษาไทยเป็นทางผ่านไปภาษาอังกฤษมากนักหรือบ่อยครั้ง สมองมันจะวิ่งไปหา English expressions ที่คุณเก็บ/สร้างมันไว้ในคลังสมอง สร้างมาก ก็คล่องมาก สมองมันจะวิ่งไปประโยค วลี ศัพท์ English ที่คุ้นเคย เพื่อตอบกลับไป (นั่นคือพูดออกจากปาก) -------------- ถ้าคุณไม่ได้อ่านอย่างสม่ำเสมอ ระบบตอบกลับ มันก็วิ่งหาประโยค วลี ศัพท์ English ที่คุ้นเคยอยู่นั่นแลหะ จนฝรั่งเดินจากไปแล้ว คุณยังตัดสินไม่ได้เลยว่า จะใช้คำอะไร tense อะไร ------------- @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 27 มี.ค. 51 01:06:56 A:61.91.163.143 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อแนะในการอ่าน เพื่อจะให้รูปแบบเป็น English expressions เป็นฝรั่งมากขึ้น แต่ก่อนอื่น แนะนำ แนะนำ !!! อย่าลืมเรื่องฝึก Pronunciation ทำควบคู่ไปด้วยนะ อ่านอย่างเดียวไม่ได้ ต้องกล้าพูด พูดออกไป ไม่ชัด มันจะ work ได้ไงครับ ++++ กลับมาที่อ่าน: 1. หาหนังสือง่าย ๆ มาอ่าน หนังสือสำหรับเด็กประถม-มัธยมเขาอ่านกันตามห้องสมุด หามาอ่าน เมื่อเปิดอ่าน ให้หา วลีที่ขึ้นต้นด้วย prepositions READ AND MEMORIZE บ่อย ๆ จดเก็บไว้ ไม่ได้ให้ท่อง ไม่ใช่จะเอาไปแข่ง Spelling Bee 2. นอกจากหา Prepositions แล้ว ดู ๆ เรื่อง a, an, the and 0 article ด้วย อย่าดูถูกไป articles เหล่านี้ ตั้งแต่พูดจนถึงเขียน ถ้าความรู้นี้แม่น ใกล้ฝรั่งแล้วครับ Need to go now. นอนแล้วครับ I am sleepy แล้ว กลับมาพบกันใหม่ 28 Mar. นี้ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 27 มี.ค. 51 01:08:45 A:61.91.163.143 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Post ถาม Comment ได้หมด ดีเสียอีกครับ ไม่เหงา เเละมีคนช่วยคิดหัวข้อในการที่จะ Update ต่อไปครับ จากคุณ : tonmelb - [ 27 มี.ค. 51 01:11:53 A:61.91.163.143 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 11: "อย่าลืมเรื่องฝึก Pronunciation ทำควบคู่ไปด้วยนะ อ่านอย่างเดียวไม่ได้ ต้องกล้าพูด พูดออกไป ไม่ชัด มันจะ work ได้ไงครับ ++++ " ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับพี่ต้น คือเราจะมีวิธีสอน pronunciation ยังไงครับ -*- ผมว่าเรื่อง "หูดี" นี่สำคัญมากที่จะแยกแยะเสียงได้ แต่สำหรับนักเรียนใหม่ๆ ที่ยังแยกไม่ได้ ทำยังไงดีครับ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 27 มี.ค. 51 07:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มารอตอนต่อไปฮับ จากคุณ : kengcad (kengCAD) - [ 28 มี.ค. 51 13:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ March 28, 2008 สวัสดีครับ มีประเด็นต่อจากคุณเมื่อลมแรงฯ เกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนเกี่ยวกับ Pronunciation ว่าฝึกอย่างไร? Ear Training and sound discrimination, stress and intonation, sound, stress and tune Drill สำคัญนะครับ สิ่งเหล่านี้ต้องฝึกอย่าง 1. ถูกต้องและ 2. สม่ำเสมอ tonmelb ว่าเรามีโรงเรียนและสถาบันภาษามากมายที่มีอาจารย์ฝรั่งสอนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ถ้าจะแนะง่าย ๆ ดังนี้เลย 1. ให้อาจารย์ฝรั่งสอนสิ่งเหล่านี้ด้วย Ear Training, sound discrimination and stress and intonation สอนให้เรารู้วิธีที่จะทำอย่างไรให้คุณออกเสียงให้เป็นฝรั่งมากที่สุด มากกว่าที่คุณ ๆ จะนั่งฟังฝรั่งพูดและพูดตามอย่างเดียว เขาต้องอธิบายให้คุณเข้าใจให้ได้ว่า เสียงแตกต่างระหว่าง pray and play, friend, fish, thin, they, Tuesday, chance etc ครูฝรั่งควรสอนถึงการออกเสียงเหล่านี้ pr, pl, fr, ...sh, th, th, Tues(z), (ch)an(ce) ต้องสอนให้ชัดเลย และห้ามปล่อย ถ้าคุณไม่ได้ 2. เสียงสระสั้น/ยาวและผสม ต้องรู้ ต้องถูกสอน ต้องฟังว่ามันออกเสียงอย่างไร เสียงแท้ของคำเหล่านี้มันเสียงอย่างไร 3. พยัญชนะ A – Z and many more ที่อยู่ เสียงต้น เสียงกลาง เสียงท้าย 4. เรื่อง word and sentence stress ก็สำคัญ เพราะ Pronunciation เสียงโดด ๆ กับวลีหรือประโยค มันมีทำนองเสียงต่างกัน คำไหนเน้น คำไหนไม่เน้น ครูฝรั่งต้องสอน และต้องมีเอกสารไว้ให้อ่าน มาฟังเสียงอย่างเดียวไม่ได้ กลับบ้านและยิ่งไม่ฝึก คืนครูหมดครับ 5. แนะให้ศึกษา Phonics and Phonetics ด้วยนะครับ 6. Ear Training โดยการฟังควบคู่ไปกับการฝึกทฤษฏี @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 29 มี.ค. 51 00:55:02 A:61.91.162.48 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Think In English คุณเลือกได้ครับ แนะง่าย ๆ ดังนี้ 1. English Synonym จะได้มาจากการอ่านมาก ๆ อ่านแบบเรื่อยเปื่อยไปก่อนเป็นอันดับแรก มากกว่าที่จะกระโดดไปซื้อ Dictionary of Synonyms and Antonyms (แต่หาซื้อเก็บไว้ก่อนได้ ไว้ใช้ทีหลัง) แต่เวลานี้ คุณต้องหาอะไร (Input) ก่อนโดยการอ่าน ถ้ากระโดดมาอ่านหนังสือที่ผมกล่าว มันจะงง มันจะไม่ Clear คุณจะงง หาความแตกต่างของ 2 คำนี้/คำนั้น ไม่เจอ 2. คำเดียวมีหลากหลาย meaning sense ครับ คำ ๆ เดียวไม่ได้แตกต่างแค่ Parts of Speech เท่านั้น แต่ต่างที่ situations หรือ circumstances ด้วยครับ 3. เรื่อง English Synonym เข้าใจไม่เข้าใจ ทดสอบวิธีนี้ รู้เลย เช่น ถ้าคุณไม่รู้ว่า humble กับ modest หรือ sincere กับ honest หรือ earnestly กับ seriously หรือ important, significant กับ important หรือ main กับ major หรือ use กับ utilize etc มันแตกต่างกันอย่างไร นั่นแหละ คือคุณไม่เข้าใจ เพียงพอแล้วที่จะรักการอ่าน 4. ใช้เป็นแต่คำเดียว เช่น good หรือ happy ไม่ได้แล้วครับ 5. English-English Dictionary รอก่อน อ่านศึกษา English-Thai Dictionary ไปพลาง ๆ คล้าย ๆ กับซ้อมเอากำลังแรงขาก่อน จากคุณ : tonmelb - [ 29 มี.ค. 51 00:57:03 A:61.91.162.48 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมมี Top secrets ของผมมาฝาก ถ้าจะเรียนรู้อะไร ต้องเรียนที่จะรู้ดังนี้ 1. ต้องรู้เรื่อง differences ต้องพยายามรู้ให้ได้ ว่า 2 สิ่งมันต่างกันอย่างไร เช่น Present Simple และ Present Perfect ต่างกันอย่างไร และต้องตอบแบบเข้าใจจริง ๆ มากกว่าท่องออกมาจากหนังสือ 2. ไม่ท่องโครงสร้าง Tense มาให้ฟัง หรือ เขียนแต่ละประโยค (ที่จำตอนเรียน/จากหนังสือ) ควรเรียน Tense ต่าง ๆ เพื่อเล่าเรื่อง เพื่อสื่อสาร ไว้คุย ไว้เรื่องงานกัน แบบผูกเป็นเรื่อง หรืออิงสถานการณ์จริงที่เกิดในชีวิตคนใดคนหนึ่ง ชีวิตจริงนะ เช่น ผมสอนเรื่อง Past Tense, Present Simple, Present Perfect ผมจะไม่ให้ น ร แต่งประโยค แต่ให้-----------เล่าเรื่อง ติต่างก็ได้ แต่ต้องเป็นเรื่องเดียวกัน ผมเขียนให้เด็กดูก่อน 3. เช่น I bought this car 12 months ago. Now I have my car. I have had this car for a year now. อะไรทำนองนี้ 4. ต้องเรียนรู้ Know how และต้องทำให้เป็นด้วย 5. ถาม why บ่อย ๆ ว่าทำไม ไม่ใช้อย่างนั้น อย่างนี้ 6. แล้วจด แล้วถาม 7. และที่สำคัญ ต้องเอาใจใส่ และอ่านหนังสือทุกวัน โดยอ่านหนังสือของเด็กประถมและมัธยมต้นเลย เอาง่าย ๆ แบบจับต้องได้ 8. การเริ่มที่ Grammar คุณไปไม่รอดหรอก จะท้อไปก่อน ผมรู้ดีว่า คุณบางคนกะลุย Grammar แบบละเอียดเลย แล้วหวังว่า มันจะดีขึ้น ไม่ใช่ มันเยอะเกินไป ให้ดูโฆษณาของโออิชิว่า ผู้ ญ: ทีหลัง สั่งมา รับผิดชอบเองนะ คุณเองก็เหมือนผู้ชายคนนั้น ที่คาดหวังว่า ต้องเก่งขึ้น เพราะถาม Grammar บ่อย ๆ ไม่ใช่ คุณเหมือนผู้ชายคนนั้น สั่ง Grammar Dish แล้วงง มึน 9. การหักดิบ การที่จะก้าวข้ามกระโดด อยากเก่ง แต่ไม่ได้อ่าน tonmelb เปรียบว่า เหมือนกระเพาะอักเสบแล้ว ย่อยอาหารไม่ได้ เหมือนกับการอ่าน(ถ้าได้อ่าน) ก็จะงง มันไม่เข้าสมอง แนะแล้ว แนะอีก ให้อ่านหนังสือเด็กนักเรียนก่อน การอ่าน คือการรักษาโรคกระเพาะก่อน ให้มันดีก่อน มันจะได้ย่อยอาหารที่เรากินได้ ทุกวันนี้สื่อเยอะนะ แต่คุณไม่ได้เอง งง แก้ที่ต้นเหตุก่อน ปูพื้นฐานด้วยการฟัง อ่านก่อน Good night ครับ ใกล้ตี 1 แล้ว จากคุณ : tonmelb - [ 29 มี.ค. 51 00:59:11 A:61.91.162.48 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 15 ผมเห็นด้วยนะครับ แต่ว่าบางทีสอนยากเหลือเกิน เพราะว่านักเรียนอาจจะไม่สามารถ discriminate เสียงได้ หรือว่าเป็นเพราะว่าผมไม่มีพื้นฐานการสอนดีพอ เอิ๊กๆ (ก็อาศัยอ่านเองอ่า ไม่ได้เรียนด้าน TESOL) ความคิดเห็นที่ 17 ผมชอบหลักข้อ 2 กับ ข้อ 3 ครับ พยายามจะทำหลายๆ ครั้งในการสอน/ติว แต่รู้สึกว่าบางทีคนเรียนไปแล้ว ยังไม่สามารถจดจำสิ่งที่เรียนไปใช้นอกห้องเรียนได้ นี่แหละน้า เป็นครู(สอนภาษา)เหนื่อยตรงนี้ ผมว่าวิธีการสอนถือเป็นศาสตร์ที่ยากจริงๆ ไม่ใช่แค่เดินเข้าห้องแล้วพูดๆๆ แต่ว่าเราจะพูดยังไงให้เค้าเข้าใจ และนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ >"< จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 29 มี.ค. 51 13:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ได้รับ email เเล้ว ด้วยความยินดีครับน้องเมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง ต้องทำอะไรบ้าง? mail มาบอกด้วยครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ March 30, 2008 ผมว่างวันอาทิตย์ช่วงเช้า-บ่าย อีกประมาณ 2 อาทิตย์ tonmelb ตั้งใจว่าจะใช้ช่วงบ่าย-เย็น พักผ่อนซ่อมร่างกาย วันนี้มี Special scoop มาให้ครับ ๑๑๑๑๑๑๑ คุณ Kafak ที่เวปคุณ Andrew ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวลของคนไทยว่า ทุกครั้งที่จะคุยกับฝรั่ง จะกังวลเรื่อง grammar เรื่อง tense เรื่อง accent และฯลฯ เห็นด้วย เลิกกังวล แล้วหันมาสู้ดีไหม? ๑๑๑๑๑ ถ้าถามว่า ทำไมถึงกังวลล่ะครับ เกี่ยวกับ Grammar, tenses, accent etc ถ้าเราอ่านหนังสือทุกวันหรืออย่างสม่ำเสมอ และที่ผ่านมาก่อนวันนี้ เราเรียนอย่างถูกต้องและขวนขวายที่จะใช้ตลอดเวลา ที่จะถามเพื่อให้รู้ให้ได้ ก่อนถึงวันนี้ คุณสะสมความรู้+ฝึกฝนมามากน้อยแค่ไหน? และถ้าไม่มีเลย นั่นหมายถึง การนับ1 ใหม่ คุณจะทำ หรือจะบ่นต่อไปครับ ถามแบบนี้ อาจจะรู้สึก ไม่ปลอบกันเลย อยากให้กำลังใจดีกว่า ส่วนอะไรที่เป็นปัญหาจริง ๆ อยากให้ผู้อ่านแก้ไขดีกว่าเน้อ ๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 30 มี.ค. 51 17:22:41 A:61.91.163.27 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 20 นี่จริงใจนะ ผมอยู่ใน Net มา 8 ปีแล้วนะ ผมรอคุณตั้งใจจริง ๆ อยู่นะ ทุกวันนี้ tonmelb เห็นว่า เราหลาย ๆ คน 1. ไม่อ่านหนังสือมากเท่าที่ควร หรือน้อยเกินไป หรือไม่ค่อยจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน 2. หรือเมื่อครั้นหยิบมา ก็จะเลือกแต่เรื่องยาก ๆ หรือเป็นที่นิยมในท้องตลาด คุณครับ ขอแนะว่า ถ้าระดับภาษาของคุณยังไม่ไปถึงไหน เพิ่งเริ่มต้น และอยากจะสื่อสารได้จริง ๆ ให้อ่านหนังสือเด็ก(ประถมต้น-มัธยมต้น) tonmelb ทุกวันนี้ยังอ่านหนังสือเด็กอยู่เลย ( ไม่รวมหนังสือ Self-help ต่าง ๆ ด้วย) ถ้าคิดจะ Check your conversational English คุย English กับเด็กฝรั่งนี่เจ๋งสุดครับ เพราะคุณต้องพูดชัดมาก ๆ เพราะเด็ก ไม่ว่าจะเด็กไทยหรือฝรั่ง จะฟังเสียงชัด ๆ จากครูผู้สอน สมองแก ยังไม่พัฒนามาก ดังนั้นเสียงที่ได้ฟัง ความชัดถ้อยชัดคำต้อง 100% หรือใกล้ 100% ไม่มีประสบการณ์ในชีวิตมาก จึงตีความไม่ค่อยได้มากนัก ให้คุณสังเกตได้เลย เด็กนานาชาติอยู่ ป. 1-5 พูดภาษาอังกฤษชัดและน่าฟังมาก อาจบอกว่า คุณไม่มีโอกาสได้พบ ได้คุยกับเด็กนานาชาติ อ่านงานผมก็ได้ครับ เพราะมาจากข้อมูลจริง แต่อย่าท้อหรือบ่นอย่างเดียว เพราะมันไม่ช่วยให้คุณเก่งขึ้นมาได้ 3. เรื่องศัพท์ ไม่ท่อง ให้ Read and memorize ไม่ท่อง ให้นำไปใช้บ่อย ๆ มันจะซึมวับไปเอง ใช่ครับ ต้องออกแรง ต้องคิด ต้องขวนขวายแล้ว 4. เคยเขียนไดอะรี่หรือเปล่าครับ หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้เรามีโอกาสคิดเป็นภาษาอังกฤษ และได้ใช้ภาษาจริง ๆ ผิด/ถูกอย่างไร ลอง Post มาที่ห้องเรียนภาษาอังกฤษหรือห้องรวมพลนักแปลก็ได้ ต้องเริ่มเก็บเกี่ยวแล้วครับ ภาษาเหมือนเงิน เริ่มสะสม เริ่มเก็บเกี่ยววันนี้และตลอดไป แต่ไม่เหมือนตรงที่ว่า เงินยิ่งใช้ ยิ่งหมด ยิ่งลำบาก จะคิดว่า ฝรั่งเขาโชคดีจัง ที่ไม่ต้องเรียนไทย ผมว่าเราโชคดีกว่า ที่เรารู้ 2 ภาษา @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 30 มี.ค. 51 17:39:02 A:61.91.163.27 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงตรงนี้ เป็นไงครับ tonmelb พูดตรงดีไหม? คุณหรือใครก็ตามสังคมไทยแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก ถ้ายังไม่ยอมรับความจริง และลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง ภาษามันเกี่ยวกับทักษะ ที่ต้องฝึกบ่อย ๆ ฝึกอย่างสม่ำเสมอ ลงทุนลงแรง เรื่องเงินบ้าง แต่เรื่องเวลานี้มากมายเลย มันจึงต้องใช้วินัยที่เข้มข้น @@@@ เมื่อ Update ครั้งก่อน ๆ tonmelb เขียนถึง----------การทำงานของสมองของ tonmelb ว่ารับ ว่าส่งข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร? และทำไมถึงทำได้ ( เขียนว่า ที่ทำได้ เพราะเลิกเหล้า เอ๊ย ไม่ใช่ เพราะอ่านทุกวัน เพราะบ้า เพราะรักภาษาอังกฤษ เพราะขวนขวาย เพราะขยัน อยากให้คนไทยเก่งภาษาจริง ๆ) จึงขอสรุป ปัญหาและมี SOLUTIONS ให้ครับ 1. Input น้อย เพราะอ่านน้อย ทำให้สมองคุณไม่มีข้อมูลเพียงพอ เช่น เรื่องศัพท์ เรื่องสำนวน ที่จะตอบกลับในภาษาอังกฤษได้ดีและได้เร็วทันเวลาสนทนาครับ --------------------เพราะอ่านน้อย 2. SOLUTION: READ READ READ ครับ Start today!!!!!! มากน้อยขอให้อ่าน 3. ที่คิด ๆ ๆๆๆๆ ถึง Grammar/ Tense ที่เรียนมาเป็น 10 ปี+ กว่าจะพูด-ตอบไปเป็นภาษาอังกฤษ ช้านั้น ไม่ใช่ประเด็นนั้นมากนัก ประเด็นคือ คิดไม่ออก หรือใช้ผิด เพราะอะไร? เพราะคุณไม่เคยเข้าใจอะไรที่แท้จริงมากกว่าครับ ที่เรียน ๆ มา ในบ้านเรานี้ ส่วนใหญ่ ไม่เคยได้สัมผัส----- ความเข้าใจที่แท้จริงเลย-- และแน่นอนครูหลายคนก็ยังไม่เก่งพอ ซึ่งต้องเห็นใจ การพัฒนาตัวเองก็ใช้กำลัง-เวลาและเงินมากมาย ผมหมดไป 6-7 ล้านมั้งตลอดเวลา 14-15 ปีที่อยู่ใน Australia แต่บ้า อยากสอน ทุกวันนี้รายได้ดี ใช้ได้ทีเดียว แต่ขอโทษเถอะครับ จะมีสักกี่คนที่บ้าอย่างผม นี่เงินแม่ด้วย ใช้ยังไม่หมดเลย ทุกวันนี้เลยต้องทำงานหนัก เพราะเงินเราหมดไปเยอะ เพราะมีลูกบ้าอย่างผม อยากเก่งภาษา อยากอยู่จนเก่ง เก่งแล้วค่อยกลับไทย ดีที่ช่วงหลังก่อนกลับไทยทำงานไปด้วย และวงการนี้คุณดูได้เลย มันสมองเยี่ยม ๆสักกี่ % ที่อยู่ในสาขาการสอนจริง ๆ (ไม่ใช่คนวางแผน) น้อยมาก --------------ไม่เข้าใจ และ[ทำให้ยังคิดผ่านภาษาไทยอยู่] จากคุณ : tonmelb - [ 30 มี.ค. 51 17:43:24 A:61.91.163.27 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 22 4. SOLUTION: ไม่ต้องทุ่มทุนสร้าง(เรียน)ขาดนั้น เรื่อง ลาออกมาเรียนหรือไปเมืองนอก ไปฝึกภาษา ถ้าลำบาก เรียนไทยก็ได้ เข้ามาอ่านคอลัมน์ อย่างน้อยผมพูดตรงและจริง ความเข้าใจของคุณจะดีขึ้น 5. เรื่อง Pronunciation ไม่เคยถูกสอนอย่างถูกต้องและจริงจัง เหมือนกับนานาชาติ อาจารย์ฝรั่งที่มีอยู่ในโรงเรียนไทยทั่ว ๆ ไป ต่างปวดหัวกับการฟังภาษาของนักเรียนไทย แต่ต้องพยายามเข้าใจหรือไม่พูดอะไรตรง ๆ เพราะไม่อยากมีปัญหา Playing safe is the best policy. และถ้าบางโรงเรียนยังไม่รู้จัก Phonics ก็เศร้าง่ะ 6. SOLUTION: หาหนังสือ CD ที่ผมเคยแนะนำ เช่น เรื่อง Phonics มาฝึกฟังบ่อย ๆๆๆๆๆ ทุก Lunch time คุณต้องไปคุยกับอาจารย์ฝรั่งทุกวัน หาเรื่องไปคุย เตรียมศัพท์ไปพูด Warning ดูแลตัวเองด้วย คุยเวลาที่มีคนอยู่ จะดีกว่า และการที่คุณใส่ใจภาษามากขึ้น ผลการเรียนวิชาอื่นอาจจะกระทบ คุณรับได้ไหม? 7. ที่ช้า พูดไม่ทันเวลา หรือฟังไม่ออก เพราะไม่ได้ฟังบ่อย ไม่ได้พูดบ่อย หนึ่งอาจเกิดจาก ตัวเองก็แค่เรียนไปวัน ๆ เท่านั้น ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน ไม่เคยคิดจะทำด้วยมั้งครับ ไม่อยากจะขวนขวายที่จะไปใช้ สองตัวเองก็ไม่ชอบภาษา ขี้อาย ไม่เชื่อมั่นอยู่แล้วที่จะพูดภาษาที่ไม่ใช่ภาษาไทย หรือใส่ใจไม่มากพอ 8. SOLUTION: ใส่ใจ จบสั้น ๆ ครับ อนาคตคุณไม่ใช่หรือ? ไม่ใส่ใจ ไม่ได้แล้ว 9. สอบ สอบ สอบ ครับ มีแต่สอบ ภาษาเขาไว้ใช้ ไว้สื่อสาร ส่วนสอบไว้เรียนต่อ ธุรกิจเรื่องติวสอบ เยอะแล้ว ควรสนับสนุน ติวสอนไว้ใช้จริง ๆ ( ตรงนี้ tonmelb ไม่รู้จริง ๆนะว่า ขอถามเถอะว่า ประเทศเรา ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันจริง ๆ หรือครับสำหรับคนส่วนใหญ่นะครับ ผมเนี่ย! นอกที่ทำงาน พูดไทยตลอด ------------ ตรงนี้น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญนะ ว่าทำไมสอบถึงเยอะกว่าการเรียนไปใช้จริง เพราะงานจะสักกี่งานที่จะต้องใช้ภาษาทำงานตลอดเวลา อ่ะ มีงานสถานทูต flight attendants, TA at international schools, multi-national companies, business people, translators and interpreters, working at 4-5 Star hotels, new age engineers, tourist police เท่าที่คิดได้) 10. SOLUTION: แก้ไม่ได้หรอก Time management วินัย etc เท่านั้นที่จะช่วยได้ แบ่งสมอง แบ่งเวลามาแล้วกัน จากคุณ : tonmelb - [ 30 มี.ค. 51 17:48:28 A:61.91.163.27 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 23 11. สอบตอบโจทย์ ชีวิตคนไทยครับ 12. SOLUTION: แก้ไม่ได้ครับ ใช้ solution ข้อ 10 ได้ 13. และอื่น ๆ ปลีกย่อย เช่น ผู้ปกครอง Ok กับครู เห็นสถานที่สอน โรงเรียนเป็นที่ฝากเด็ก ก็มี เยอะด้วย ไม่เคยตรวจการบ้านเด็กเลย tonmelb จะคุยถึงพัฒนาการของเด็ก ก็ไม่มาบ้าง ติดงาน ประเด็นไม่ใช่ ประเด็นคือ: เด็กต้องการความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เช่นกัน 14. Solution: ผู้ปกครองต้องดูแล เงินหาน้อยลงได้ อนาคตลูกถ้าเสียไป แก้ไขไม่ได้ อย่ารักอย่างเดียว ให้เวลากับเขาด้วยครับ 15. สุดท้ายครับ ผมแนะนักเรียน-นักศึกษาว่า เรื่อง Tense, Vocabulary and expressions + Pronunciation ให้ศึกษาตรงแก่นมัน ประโยชน์จากการที่เราเข้าใจธรรมชาติมันจริง ๆ เช่น มันจะดีมากว่า ถ้าเราสามารถบรรยายความจริงใจของเราให้กับคนที่เรารักที่เป็นคนต่างชาติได้ หรือสามารถอธิบายงานเราเป็นภาษาอังกฤษได้ หรือช่วยชีวิตคนต่างชาติได้ หรือทำธุรกิจกับคนต่างชาติได้ ฝรั่งเขาจะดูสนิทกับคนที่พูดจาภาษาเขาได้ นี่ยังไม่รวมความสำคัญของจีนและญี่ปุ่นนะคุณ 16. น่าสนใจ จะเรียน Tense, Vocabulary and expressions + Pronunciation จะเรียนอย่างไร? ขอให้ติดตามคอลัมน์ต่อไปแล้วกันครับ เพราะผม Update ค่อนข้างบ่อยอยู่แล้ว แต่ขอพูดข้อเสียของคอลัมน์นี้หน่อยว่า มันจะไม่ค่อยเป็นหมวดหมู่นัก เพราะมันเอื้อผมในเรื่องการเขียน เพราะเวลาผมมีน้อยมากครับ อ่านแล้วงง ๆ บ้าง อย่าถือกัน อนาคตได้ดีมีฐานะ จะขอให้คนที่มีความสามารถมาเรียบเรียงให้แทน ภาษาช่วยเราและเกี่ยวกับชีวิตคนนะครับ ขอฝากไว้พิจารณาครับ See you, ครับ tonmelb จากคุณ : tonmelb - [ 30 มี.ค. 51 17:51:01 A:61.91.163.27 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับพี่ต้น :o) ข้อ 13 ผมว่าสำคัญนะ ผู้ปกครองต้องสนใจลูกหลานตัวเองด้วย -*- จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 2 เม.ย. 51 05:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 April 3, 2008 ยุทธศาสตร์การเรียน-การสอนภาษาอังกฤษ-เรียนให้เข้าใจและสอนให้สนุก- -ของผมนะ สวัสดีครับ หายไป 2 วัน ไม่ค่อยสบายนัก แค่รู้สึกอ่อนเพลียครับ ตัวรุม ๆ ไม่ถึงกับไม่สบาย ก็มีเวลานี้ล่ะครับ ที่ผมจะหายบ้างานไปสักระยะหนึ่ง ช่วงนี้อากาศไม่แน่นอนเลยครับ เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน คุณผู้อ่านต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองหน่อย สำหรับผม ผมคิดว่า มันคล้ายกับเราจะคิดค้นสูตรการทำอาหาร, อาหารว่าง, เครื่องดื่ม, cakes and etc ทำอย่างไร ที่จะทำให้สิ่งที่เราทำ อร่อยที่สุด (ในโลก) แต่จะอาศัยสูตรอย่างเดียว ไม่ได้หรอก มันต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และพอเชี่ยวชาญ Menu นี้ ก็ไป menu ต่อไป ไม่สิ้นสุดครับ ที่ผมเลือกเปรียบเทียบการเรียน English เหมือนกับการทำอาหาร ไม่เปรียบเทียบเหมือนกับการเล่นกีฬา เพราะนักกีฬา จะ Peak อยู่ช่วงหนึ่งเท่านั้น พอผ่านช่วงนั้นไปแล้ว Form จะไม่ Peak เช่นนั้นอีก ไม่เหมือนกับการเป็น Chef ที่ยิ่งทำงานด้านนี้ นานเท่าไหร่ ยิ่งชำนาญ เชี่ยวชาญครับ การเรียนภาษา มันต้องใช้พลังของการจินตนาการมาก ๆ ด้วยนะครับ ไม่ใช่เรียนตามหนังสือ หรือเรียนอย่างที่เราเรียน ๆ กันอยู่ ออกนอกกรอบครับ คิดออกนอกกรอบได้แล้ว ล้างสมองครับ สิ่งที่คุณเรียนมา อาจจะเหลือในสมองไม่ถึง 20% ก็ได้ ผมแนะให้ล้างสมองได้เลย @@@@ ที่เป็นอยู่ ไม่ใช่แล้ว เหมือนแกะมากกว่า ที่คิดไม่เป็น Etc โอบอ้อมอารี จิตใจดี มันคนละเรื่องนะ ในสังคมนี้ มันมีการแข่งขัน Questioning นี่จำเป็นนะครับ แต่ไม่ได้ลุยถามแบบนี้ คุณไม่ผิดหรอก แต่มันจะสื่อสารไม่ได้ ผมบอกแบบนี้เลย ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาและอื่น ๆ ให้รู้ว่า ซึ่งคุณก็รู้ว่า ทุกคนอยากจะประสบความสำเร็จ ทุกคนครับ แต่เป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นคุณก็ต้องมีพื้นฐานที่คนประสบความสำเร็จเขามี เริ่มด้วย Imagine/dream and believe and just do it. Believe มี Passion>>> Conviction ครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 เม.ย. 51 23:34:27 A:61.91.162.79 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมยังสนับสนุนการอ่านอยู่นะครับ ถึงแม้ส่วนใหญ่ ไม่อ่าน จะทำให้ภาษาคุณ อาจจะยังเป็น Broken English เพราะว่าคำว่า Broken English ไม่ใช่เกี่ยวกับ Pronunciation นะครับ @@@ Pronunciation นั้นมันเกี่ยวกับว่า คำหรือวลีหรือประโยคที่พูดออกไป เราพูดชัด จนฝรั่งเขาเข้าใจไหม? แต่มัน ไม่เกี่ยวกับว่า เราเข้าใจมากน้อยเพียงไหนนะครับ? ไม่ใช่เกี่ยวกับความเข้าใจนะครับ นี่ก็อีกปัญหาหนึ่ง ที่เมืองไทยเน้นพูดกันมากไป มันเร็วไง มันจับต้องได้ มัน Real Time แต่ถ้าไม่มีการต่อยอดเลย เฮ้ย มันตันง่ายและเร็วมานะครับ เหมือนท่อระบายอุดตัน tonmelb ขอนำประสบการณ์มาขยายความที่เขียนเล่าใหฟัง ว่ามันตันง่ายมาก เมื่อครั้งอยู่ที่ Melbourne เห็นมามากต่อมากแล้ว พอผ่านช่วงแนะนำตัวไป (ซึ่งพูดเพราะนะครับ) แต่พอจะเข้าสู่บทสนทนา Discourse / Meaningful, long discussion พูดไม่ได้นะครับ ไม่มีคำศัพท์จะเล่น หรือใช้คำผิดน่ะบ่อยมาก แต่ที่เขียนมานี่ ไม่ใช่ว่า มันน่าอายนะ ผม Concern แค่ว่า เมื่อคุณรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณจะเริ่มต้นใหม่ไหม? @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 3 เม.ย. 51 23:39:33 A:61.91.162.79 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทำไมผมถึงรู้ว่าเขาบ่นมาก เพราะเขา/เธอไม่คิดว่าเราเป็นไทย เพราะบางครั้ง ยังไม่ทันจะอธิบายอะไร เพื่อนฝรั่งของ tonmelb ที่มันคิดว่าเราเป็น Malaysian มันก็ไปแนะนำว่า เขาพูดไทยได้บ้าง แต่เขาเป็นคน Malaysian คนไทยหลายคน ก็เลยไม่รู้สึกเกร็ง จะทำผิด หรือแสดงออกมาจริง ๆ ว่าเขา/เธอไม่รู้ผ่านสีหน้าหรือคำพูด ผมว่าถ้าเขารู้ว่ามีผมเป็นคนไทยหรือมีคนไทย อาจจะออกมาอีกแบบ แต่ก็แล้วแต่คน @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 3 เม.ย. 51 23:41:35 A:61.91.162.79 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ย้อนเรื่อง Malaysian or Thai หน่อยนะครับ เพื่อนที่ไม่สนิท หรือได้แต่เจอกันบ้าง และมักจะชอบนินทาคนไทย จะเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนจีน ที่จริงเขาทึกทักไปเอง ว่าผมมาจาก Malaysia หรือ Taiwan และยังไม่ทันจะพูดอะไร เขานินทาคนไทยแล้ว ผมเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไรเกี่ยวกับคนไทยบ้าง จะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง และอยากรักษาหน้าเขา และป้องกันคนไทยไปด้วย ก็เลยไม่ได้ไปแก้อะไร เลยตามเลย แต่แก้ต่างให้คนไทยทุกครั้ง คนที่รู้จักผม รู้ว่าผมเป็นคนไทย ก็ Ok 2 กลุ่มนี้ ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ แต่กระนั้นเลย ผมว่า ถ้าไม่อ่าน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ผมจะนำ---------ประโยคที่ได้มาจากการอ่านมาฝากถึงห้องนอนคุณเลยครับ--------------- นั่นคือ ผมจะคิดรูปแบบประโยค ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผมใช้พูด-สื่อสารอยู่ประจำกับอาจารย์ฝรั่งหรือคิดติต่างขึ้นมาเอง+ ประโยคพร้อมคำแปล ที่ผมอ่านมาจากหนังสือ แต่ขอแนะแบบนี้เลย ถ้าอยากเก่ง ต้องอ่านเอง เรื่อง การอ่านออกเสียง อยากให้คุณหาวิธีไปฝึกเอง เรื่องหนังสือ เรื่องเทคนิคการอ่านออกเสียง ผมได้เคยเขียนไว้หมดแล้วนะครับ ลองพิมพ์ tonmelb ดูนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 เม.ย. 51 23:44:23 A:61.91.162.79 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มีอีก 1 ข่าวมาฝาก ผมเพิ่งเปิดเวปเดือนที่แล้ว ยังไม่มีอะไรมาก ตอนนี้นะครับ แต่ผมและทีมงาน Web master จะพัฒนาไปเรื่อย ๆแวะไปเยี่ยมชมได้ นะครับ แต่อยากพูดนิดหนึ่งว่า ธุรกิจเล็ก ๆ ที่ผมทำ ผมก็ทำไป ตามประสา คนทำมาหากิน ส่วน English Column นี้ ผมตั้งใจเขียนเพื่อให้อ่านคุณ ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นใครก็ได้ คือถ้าอยากเก่ง ก็เข้ามาอ่านฟรี ๆ ผมก็อยากจะสบายใจที่จะทำต่อไปนะครับ อยากให้ท่านผู้อ่านแยกแยะ ผมจะได้สบายใจในการเขียนนะครับ มีอะไรจะแนะ จะให้กำลังใจ เชิญนะครับ http://www.tonmelb.com/ @@@ 1. ถ้าคุณเป็นคนช่างกังวลมาก กังวลทุกอย่าง คุณคือ A worrier. You worry about everything and anything. 2. The calendar over the wall phone ปฏิทินที่ติดอยู่โทรศัพท์ที่ติดอยู่บนกำแพง นำไปใช้กัน คาดว่า มีหลายบ้านที่มี 3. ถ้าจะพูดว่า อย่างแรง โคตร ๆ ใช้ Fiercely เช่น fiercely clean สะอาดโคตร ๆ เช่น พื้นบ้าน 4. You don’t know how much you have inside you ใช้เป็นประโยคให้กำลังใจกับคนที่ท้อถอยได้ คน ๆนั้น ต้องมีศักยภาพนะ มี Potential, to have what it takes to be 5. He is a gentleman inside/ deep down. ไว้พูดว่า ลึก ๆ ข้างใน คนนี้เป็นสุภาพบุรุษนะโว้ย 6. เวลามีคนมาพูดว่า Can you be more conversational? ตรง Conversational เนี่ยแปลว่า พูดให้มันเข้าใจง่าย ๆ เป็นภาษามนุษย์ เข้าใจง่าย ๆ หน่อยจะได้ไหม? 7. I am glad to have met and worked with you. ผมใช้ประโยคนี้กล่าวลาเพื่อนครูฝรั่งผม ที่เขาลาออกเทอมนี้ 8. I feel really hurt that you never write me back. But I guess I keep hoping. / can’t help hoping. Keep hoping คือ ก็คงต้องหวังกันต่อไปนะ นำไปใช้กันได้นะครับ 9. You know you are driving me crazy. ประโยคนี้คุ้น ๆ ใช่ไหมครับ = รู้ใช่ไหม? เธอ/นายกำลังทำให้ฉันบ้านะ 10. Ton always finds himself helplessly, hopelessly loving her. อ่านแล้ว ไม่ยากใช่ไหมครับ นำไปใช้ นำไปอ้อนแฟนคุณได้เลย = ต้นเสมอเลยนะที่พบว่า เขาตกหลุมรักเธอคนนั้นอย่างช่วยไม่ได้ อย่างหัวปักหัวปรำ (อีกแล้ว) P.S. เรื่องแปล ผมแปลโดยการเติมแต่งบ้าง เพื่อให้คุณอ่านได้อารมณ์ประมาณนั้น ต้องรู้ก่อนนะครับ ว่าจะพูดอะไรออกไป ไม่ใช่แค่---------ชัด-------------------อย่างเดียว ขอเนื้อหาด้วยครับ ครั้งต่อ ๆ ไป ผมจะนำตัวอย่างจดหมายสมัครงาน จดหมายการตอบรับ Etc เป็น English หรือเป็นแนว Business English นะครับ Have a great night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 เม.ย. 51 23:50:04 A:61.91.162.79 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 30 April 5, 2008 สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ วันนี้ถ้าไม่ถามว่า ได้อ่านหนังสือ หรือรู้จักหนังสือ The Secret by Rhonda Byrne ชื่อ Rhonda ผมชอบนะ แปลกดีครับ เช่นเดียวกับ Nathan or Jonas วันนี้ถ้าซื้อเขาแถม Diary ด้วยนะครับ ที่เกริ่นหนังสือเรื่องนี้ tonmelb มีจุดประสงค์ที่จะบอกเพื่อน ๆ พี่ ๆ ว่า หนังสือลักษณะนี้ เรียกว่า Self-help or self-improvement or self-enrichment books นะครับ และเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าหนังสือจะดีเพียงใด ก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานของคุณด้วยนะครับ พร้อมที่จะพัฒนาตัวเองแค่ไหน @@@ วันนี้ tonmelb มีตัวอย่างคำแนะนำการเขียนจดหมายสมัครงานมาฝากครับ มาจากหนังสือ Adams Cover Letter Almanac Cover/ Covering letters General Model for a Cover Letter Your Address/ Phone อยู่ด้านมุมขวาของจดหมาย April 5, 2008 อยู่ด้านมุมขวาของจดหมาย อยู่มุมซ้ายของจดหมาย Contact Person Name ชื่อที่คุณจะติดต่อไป Title Company Address Dear Mr./Ms.___________: Immediately explain why your background makes you the best candidate for the position you are applying for. Keep the first paragraph short and hard-hitting. Detail what you could contribute to this company. Show how your qualifications will benefit this firm. Remember to keep this letter short; few employers will read a cover letter over one page. Describe your interest in the corporation. Subtly emphasize your knowledge about this firm (the result of your research effort) and your familiarity with the industry. You should present yourself as eager to work for any company which you interview with. In the closing paragraph, you should specifically request an interview. Include your phone number and the hours when you can be reached. Alternatively, you might prefer to mention that you will follow up with a phone call (to arrange an interview at a mutually convenient time within several days). Sincerely, Your full name (typed) Enc. Resume @@@@ จากคุณ : นืทำสิ - [ วันจักรี 00:23:13 A:61.91.162.212 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ้าวชื่อผม ลืมเปลี่ยนภาษาครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑ General Model for a Follow-Up Letter ขอยกเฉพาะเนื้อความมาใส่นะครับ เพราะทั้งที่อยู่และคนที่คุณจะติดต่อ ใส่เหมือนกับ Cover letter Dear Mr./Ms.____________: Remind the interviewer of the position for which you were interviewed, as well as the date. Thank him or her for the interview. Confirm your interest in the opening and the organization. Use specifics to emphasize both that you have researched the firm in detail and considered how you would fit into the company and the position. Like in your cover letter, emphasize one or two of your strongest qualifications and slant them toward the various points that the interviewer considered the most important for the position. Keep the letter brief; a half-page is plenty. If appropriate, close with a suggestion for further action, such as a desire to have additional interviews. Mention your phone number and the hours you can be reached. Alternatively, you may prefer to mention that you will follow up with a phone call in several days. จบเหมือนกับ Cover letter นะครับ @@@ เพิ่มเติม A cover letter: Your aim is to demonstrate why your skills and your background make you a perfect match for the specific position you seek. Choosing the best writing style will help your cover letter stand out from other job seekers in a positive way. Good night จากคุณ : tonmelb - [ วันจักรี 00:25:31 A:61.91.162.212 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 32 April 7, 2008 วันนี้ผมจั่วหัวข้อ: The Open Secret on English Success พร้อมรบภาษาอังกฤษ ผมเคยเขียนข้อเขียน การเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้สำเร็จในแนว tonmelb หลายปีก่อน ไปได้ดีนะครับ แต่เขียนอยู่ได้ไม่นาน (2-3 เดือนมั้ง) ก็พักไป โดนคนเวปอื่นแขวะบ้าง เวลาที่เหลือ ผมรับงานสอนข้างนอกหมด มันไม่ค่อยมีเวลาจะคิดเลยนะครับ จริง ๆ นะครับ ถ้าผมทำงานน้อยกว่านี้ซะหน่อย ผมเขียนได้ดีกว่านี้ แน่นอน และเขียนเรื่องเดียว แนวเดียวได้อย่างสม่ำเสมอ กว่านี้แน่นอน --------------------------ไม่ใช่ หัวข้อที่กระโดดไปมา แบบนี้ ------------------------ ----------------------- เพราะตอนนี้ อาจเหมือนอาจารย์ Christ เมื่อก่อน คือสอน 7 วัน (อ. Christ สอน 6 วัน) ทั้งที่โรงเรียน+ตอนเย็นข้างนอก กลับบ้าน 4 ทุ่มกว่าทุกวัน แต่ผมมาคิดอีกครั้งว่า ผมจะพยายามอีกครั้ง เพราะผมอาจจะดึงดูดอาจารย์ท่านอื่น ๆ ให้เข้ามา Share ปสก ด้วยว่าอาจารย์หรือคนที่คล่องภาษาแล้ว ------------------------------เรียนภาษาอย่างไร? หนทางกว่าที่จะมาถึงวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง แล้วผ่านมันมาได้อย่างไร? ผมเชื่อว่า งานเขียนในแนวนี้ คนอยากอ่าน ผมยังอยากอ่านเลย ผมอยากรู้จริง ๆ เลยว่า คนอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ ในเรื่องภาษา -----------------------เขาเรียนกันอย่างไร?----------------------- Coming zoon ครับ อิ อิ @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:22:26 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณชาวบ้านไทยแนะให้ Provide examples ได้ครับ วันนี้ ผมจะนำตัวอย่าง Resume & Cover letter ของผมมาเป็นตัวอย่างให้ดูเลยนะครับ แต่ก่อนอื่น วันนี้คุณไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมาหรือยังครับ วันนี้วันสุดท้าย ผมเพิ่งได้มีโอกาสได้ไปงาน ไปซื้อหนังสือมาเยอะเหมือนกัน ได้อ่านงานของอาจารย์ Christ ใน Me, Myself and the Movies อ่าน Ch. 9 ชีวิตต้องสู้ คุณ Christ ก็สู้มามากมายนะ ก่อนดัง สถาบันภาษาใกล้จะเจ๊ง หรือไปสมัครสอนที่ไหน ก็ถูกปฏิเสธเกือบหมด +หน้าไม่ฝรั่งจ๋า เขียนหนังสือก็ขายไม่ค่อยออก (แล้ว tonmelb จะไปเหลืออะไร ไทยมีจีนปนนิดหน่อย หน้าตาก็ออกมาทาง Bruce Lee + ชอบเขียนตามใจตัวเอง ไม่เน้นตามใจตลาด ยังไม่รวมชอบประชดประชัน ปากจัดกัดเจ็บอีก) มันจะเหลือหรือ ชอบขัดคอคน ผลักไสมวลชนด้วยคำพูดตัวเอง แต่วันนี้ซิ วันนี้ของคุณคริส คนรอเข้าคิวให้เซ็นเลยครับ ดีใจแทนจริง ๆ ครับ อีกไม่นาน อยากมีผลงานบ้างนะ ช่วยอุดหนุน ซื้อไปอ่านตอนคุณ ๆท้องผูก ก็จักขอบคุณมากครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:24:57 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 34 My cover letter Date: Address: Tel: Email: _______________________________ Dear The Principal/Headmaster I would like to apply for a Teaching Assistant/ Thai Teacher (Elementary/Secondary) at your school. I firmly believe that my qualifications will fulfill your requirements. I would like to make an inquiry concerning the teaching position at your school. My name is tonmelb. I graduated from Monash University, Melbourne, Australia, with a Bachelor of Arts in History, English In Use and Politics. I also once studied a Graduate Diploma in Education at University of Melbourne in 2001; however, I discontinued from the course due to work commitments. I am utmost confident I can make a significant difference in helping students at your school learn and appreciate Thai and its culture to the fullest, realize their full potential and deepen their understanding and knowledge of Thai language and culture. I am passionately convinced that my outstanding qualities, education, work-related experience and a 14 and a half year stay in Melbourne, Australia, have prepared me ideally for a position as a teacher at your school. During my 14 years in Melbourne I had involved myself in countless multi-cultural festivals and activities (Thais and Australians). I have enclosed my resume to give you a comprehensive account of my qualifications. I am passionately interested in the position and in bringing my skills, talents and experience to your school. I wish to be called for an interview to provide you further detail of my accomplishments and what I can offer your school. Thank you for your time and consideration. I certainly look forward to meeting you. Respectfully yours, _____________________ (Name) @@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:26:31 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Resume Name: Address: Date of birth: Marital status: Single Health: Excellent, non-smoker, non-drinker Years in Australia: 14 years and a half Teaching experience: 13 years ( since May 1995 and one year and a half teaching Thai to foreigners at Sunday School in Melbourne) Professional Objective A position as a Thai teacher who will effectively utilize acquired experience, teaching and commitment to teaching excellence. Summary of Qualifications (Profile) - Patient and highly skilled in student and parent care - Enthusiastic and highly motivated - Energetic, highly ambitious, goal-oriented and an efficient team player - Well-organized, resourceful and commitment to excellence - Exceptional attention to detail - Quick study with ability to easily grasp and implement new ideas - Excellent communication skills - Bilingual. Possesses fluent command of spoken and written Thai and English - Possesses personal integrity Work experience Volunteer experience Education Mar. 1994 – Oct. 1997 Bachelor of Arts (History and English In Use) Monash University (Go8 – Group of 8 Australia’s leading research universities) Mar. 1998 – Sep. 1999 Masters Qualifying Program (Graduate Diploma Degree) in Asian Studies (Part time) Deferred from the course due to work commitments Mar. – Aug. 2001 Graduate Diploma in Education (Secondary) at University of Melbourne (Go8 – Group of 8 Australia’s leading research universities) Discontinued from the course due to work commitments Personal interests - Reading, walking and writing จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:28:29 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 36 @@@@@ More suggestions 1. Your cover letter should adopt a polite, formal style that balances your confidence in yourself with a sense of respect for the potential employer 2. Keep the style clear, objective, and persuasive rather than narrative. In other words, don’t waste precious space boasting personal information instead of presenting relevant qualifications. 3. Think of how you would sell your qualifications in a job interview. 4. Above all, you would want to sound polite, confident, and professional. 5. Your letter should immediately communicate your eagerness to join the firm and confidence in your abilities. The trick, however, is to sound enthusiastic without becoming melodramatic. 6. Do not make the employer guess your purpose for writing. Immediately explain the purpose of your letter, whether it is to request a company bulletin or to respond to an advertisement for an opening. 7. The hiring manager doesn’t need to know the entire journey of your career; what matters is your pertinent experience. จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:29:53 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 37 8. You can sell yourself as an industry insider and a desirable employee. Indicate the industry knowledge you gathered during your preliminary research and cite some of the company’s recent achievements or goings-on. 9. Your cover letter should highlight your most significant accomplishments. 10. List tangible, relevant skills rather than personal attributes. A sentence such as “I am fluent in C+, Pascal, and COBOL programming languages” is a good substitute for a vague statement like “I am a goal-oriented, highly skilled Computer Programmer.” 11. Use powerful language 12. Make your letters interesting by using action verbs such as “designed,” “implemented,” and “increased,” rather than passive verbs like “was” and “did.” 13. Use simple, common language and avoid abbreviation and slang. 14. Mention work preferences only if you are confident they match the description your potential employer offers. 15. Also, refrain from offering salary information unless the advertisement you are responding to requires it. If you must include salary requirements, give a salary range rather a number. Another option is to simply indicate that salary concerns are negotiable. 16. Don’t forget to proofread. List of adjectives that you may use Thoughtful, sporty, warm-hearted, trustworthy, kind, even-tempered, adventurous, considerate, cheerful, honest, responsible, co-operative, sensitive, sensible, hardworking, likeable, confident, generous, reliable, sociable, tolerant, loyal, careful, friendly, affectionate @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:31:31 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คำไหน ไม่แน่ใจในความหมาย ใช้ Dictionary คุณ ๆ ต้องเริ่มใช้ Dictionary tonmelb อยากบอกว่าการที่จะเก่งภาษาอังกฤษในบ้านเรา มันยากอยู่ แต่ไม่ยากจนเกินความสามารถ แต่ที่ยากจริง ๆ คือ สิ่งแวดล้อม และตัวคนสอนและคนเรียนครับ คือเราพูดว่า เราอยากเก่งภาษานะ แต่ทำตรงกันข้าม คือเราไม่ได้มองว่า ถ้าเราอยากเก่งภาษา เราต้องรับผิดชอบความคิดนี้เลยนะ นั่นคือ ต้องเข้าใจทันทีว่า มันต้องใช้ภาษาทุกวัน หรือบ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ ต้องขวนขวายที่จะหาโอกาสใช้ ต้องให้ภาษามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ ถ้ามีแนวความคิดนี้ในตัวคุณ ในใจคุณ ทุกอย่างมันจะง่ายทันทีครับ คือไม่ต้องไปนั่งถามว่า เมื่อไหร่จะเก่ง หรือมาเฝ้ารอ หรือเพียรหาสำนักวิทยายุทธ์ และเหมือนจะต้องเร่งตัวเองว่าต้องเก่งวันนั้น วันนี้ ประเด็นนี้ จะไม่เป็นประเด็นต่อไปเลย เพราะคุณ ๆ จะพูดได้ ถ้าหาโอกาสพูดมันบ่อย ๆ + เริ่มวันนี้ ๑๑๑๑๑ คนที่จะจ้างคุณ เขาเห็นใจ เข้าใจนะ ว่าอุปสรรคมันมีอยู่ แต่เขาคงจะหา ------------------------------คนที่พร้อมที่จะทำงานกับเขามากกว่าครับ ไม่มีที่ทำงานไหนหรือบริษัทไหน เสียเงินจ้างคนที่เขามองว่าเป็นภาระ Burden ของบริษัท ใช่ไหมครับ? -------------- ผมอยากให้คุณสู้ เพราะอุปสรรคมันรอเล่นงานคุณอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษนะ ผมว่าหลาย ๆ อย่างในชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลุก เรื่องครอบครัว เรื่องงาน ฯลฯ ผมอยากให้คุณพร้อม จริงใจครับ Best wishes จากคุณ : tonmelb - [ 7 เม.ย. 51 23:33:34 A:61.91.160.223 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 39 April 9, 2008 จากคุณชาวบ้านไทย ขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่กรุณาให้เกียรติในการยกตัวอย่างการเขียน Cover letter และ Resume หวังว่าเพื่อน ๆ หลาย คน จะนำไปใช้ประโยชน์ แต่ติดอยู่นิดเดียว ตรงที่ว่าการเขียน Cover Letter ของคุณ tonmelb ดูจะไหลลื่น คล่องตัว paragraph ต่อ paragraph ถ้าให้เขียนเอง โดยไม่มีตัวอย่าง คงต้องใช้เวลาหลายวัน กว่าจะนึกออก ไม่ทราบว่าตอนแรก ๆ ที่เขียน มีวิธีการเลือกคำศัพท์ อย่างไร หรือว่า มี pattern ของ sentence ในการเขียนอยู่แล้ว (ไม่นับรวมถึง Outline ของ Cover Letter ที่คุณ tonmelb ได้อธิบายไปในตอนที่แล้ว) @@@@@@ !!!!!!!!!!! นอกเรื่องครับ แอร์มีน้ำหยดไหลลงพื้น ผมต้องใช้ผ้าซับ เป็นมา 1 วันแล้ว พรุ่งนี้จะโทรไปหาช่าง ไม่ทราบว่า พี่ ๆเพื่อน ๆ พอจะทราบไหมครับว่า มันเกิดจากสาเหตุใด ผมใช้มา 4 ปีแล้ว และก็ล้างแอร์ตามเวลาที่กำหนด ขอบคุณครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:36:03 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณครับ Cover letter and resume ที่ท่าน ๆ อ่านอยู่นี้ เขียนเมื่อตอนต้นปี 2546 ครับ ก่อนผมกลับเมืองไทยประมาณ 10 เดือนครับ ก่อนหน้าที่จะมาเป็นอย่างที่เห็น ที่ได้อ่าน มาจากที่ผมอ่านและใช้และจดมาตลอดเกิน 10 ปีครับ เ เฉพาะ Cover letter and resume นี้ ผมได้เขียนหลาย draft และนำไปให้อาจารย์ที่คณะตรวจสอบให้ อยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ละครั้งที่ตรวจสอบ เราก็จะพูดคุยประเด็นต่าง ๆ เพราะผมผ่านขั้นการเขียนประโยคที่ Effective แต่ในระบบของความคิดและอยากให้งานเขียนมันดีขึ้น ก็ต้องมาคุยกัน ถาม ว่าตอนแรก ๆ ที่เขียน มีวิธีการเลือกคำศัพท์ อย่างไร หรือว่า มี Pattern ของ sentence ตอบ มาจากการอ่าน จึงมีความเข้าใจมาทีละนิด ๆ ก่อนหน้าที่จะเขียน Cover letter ครับ ผมคิดเป็นภาษาไทยได้ (แต่ไม่คิดผ่านไทย ทุกครั้งที่จะเขียนอะไร ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าคิดไทย มักจะสะดุด แต่กระนั้น ถ้าผมไม่ฝึกฝนภาษาอังกฤษ โดยทะนงว่า ได้แล้ว จะเกิดปัญหาแน่ครับ ผลคือ ถ้าไม่ฝึก มันจะฝืดจะเป็น A rusty English) แต่เขียนไทยได้ไม่ดีนัก เพราะไม่ได้เขียนบ่อย @@@@ ถาม มีไหมว่า การเขียนแบบนี้เป็นคนเอเชียเขียน หรือฝรั่งเขียนไหม? คำตอบ (ความเห็นฝั่งผมนะ) ผมถามอาจารย์เขาที่ศูนย์ภาษาที่ Melbourne and Monash University มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ตอนนั้น (ตามมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ จะมีบริการฟรีการ Proofread ให้นะครับ และผมก็เป็น 1 นักศึกษาที่ใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ) อาจารย์บอกว่า ไม่เชิง แต่ถ้าเป็นนักศึกษาเอเชียมักจะมีลักษณะที่เห็นชัด ๆ คือมักจะเขียน Beat around the bush หรือ off the point หรือ in circle กว่าจะวกเข้าประเด็น ก็อารัมบทซะมากมาย หรือจะมีผิดเรื่อง Article หรือเรื่อง Tense หรือเรื่องสำนวนมากครับ งานเขียนผม อาจารย์บอกว่า ผมเขียนได้ดีกว่าฝรั่งบางคนอีก เพราะผมรู้หลักภาษา + ผมอ่านเยอะ เขียนจดเยอะ แล[เพราะเขียน Essays มากมายเมื่อครั้งที่เรียนในคณะอักษรฯที่ Monash และต่อมาก็คุรุศาสตร์ Melbourne] แต่กว่าที่จะเขียนให้ดี ก็ต้องอ่านบ่อย ๆ + จด English expressions บ่อย ๆ แล้ว แล้วมันจะซึมซับไปเอง แต่จะเป็นในลักษณะซึมซับไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ ปีอย่างต่อเนื่อง @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:37:00 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ยกตัวอย่าง ประโยค+คำศัพท์และสำนวนในประโยคที่ยกมา ------------------------ I firmly believe that my qualifications will fulfill your requirements. I would like to make an inquiry concerning the teaching position at your school. ----------------------------------- I am utmost confident I can make a significant difference in helping students at your school learn and appreciate Thai and its culture to the fullest, realize their full potential and deepen their understanding and knowledge of Thai language and culture. I am passionately convinced that คำ 1. firmly believe 2. fulfill your requirements 3. make an inquiry 4. teaching position 5. I am utmost confident 6. make a difference in + Ving 7. realize their full potential and deepen their understanding @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:38:28 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คำเหล่านี้ วลีสำนวนเหล่านี้ ผมคุ้นเคยมาก่อนหน้านี้แล้วครับ เมื่อครั้งแรกที่ผมเขียน ผมเขียนลงกระดาษทันทีเลย โดยไม่ต้องไปหาความหมายจาก Dictionary ที่เลือกคำเหล่านี้ เพราะ Meaning sense มันตรงใจเรา มัน make sense กับงานเขียนของผม หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ผมก็อยากรู้ความหมายให้ลึกขึ้น ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น ทุกครั้งที่มีเวลา ผมจะใช้ English-English Dictionaries เพื่อศึกษาอีกครั้ง และถ้ามีเวลาก็จะเปิดศึกษา Thai-English / English-Thai Dictionaries ด้วยครับ แล้วถึงจะไปพบอาจารย์ฝรั่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาตรวจให้ครับ สรุปว่า: กว่าจะออกมาสวยงาม เตะตาเตะใจคนอ่าน ก็ต้องผ่านหลาย ๆขั้นตอนครับ @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:40:13 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Note: การนัดคุยกับอาจารย์ที่สอนคุณ ในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มีหลายขั้นตอนก่อนที่จะไปพบอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งเป็นเรื่องปกติในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศนะครับ ว่าถ้าคุณจะเข้าพบอาจารย์คุณ คุณต้องศึกษาบทเรียนนั้น ๆ มาก่อน ต้องเตรียมคำถามมาก่อน เพราะคุณ ๆ จะได้พบอาจารย์ประมาณ 15-30 นาทีเอง (ที่อื่นและคนอื่นไม่ทราบนะครับ) tonmelb คิดว่า การเขียน Cover letter and resume ทางโรงเรียนควรฝึกฝนตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่มาฝึกเมื่อใกล้จบ หรือจบแล้ว เพราะ Writing skills มันยากกว่า skills อื่นนะครับ ผู้เรียนที่เรียน writing ต้องมีพื้นฐานทางภาษามากพอสมควร ที่จะเขียนให้อ่านรู้เรื่อง @@@ ลองคิดดูว่า ถ้าไม่ได้เป็นคนอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมาสักระยะหรืออย่างสม่ำเสมอมาก่อน ก็จะยาก จะติดขัด จะคิดจากไทยก่อน เพราะคำศัพท์ที่อยากจะบรรยายไปเลยเป็นภาษาอังกฤษ เราไม่มี ไม่รู้ เพราะเคยแต่ถูกบอก ถูกป้อน พอต้องหาเอง คิดเอง และจะเขียนเอง ไม่ได้แล้ว และพอได้คำไทย ก็ไปหาคำภาษาอังกฤษ มันก็กลับมีมากกว่า 1 choice ไม่รู้ว่าจะเลือกคำไหน (ยังไม่รวมถึงเรื่องนำคำศัพท์เดี่ยว ๆ ไปประกอบเป็นประโยคอีก และการประกอบประโยค จะเลือกแต่ประโยคความเดียว ก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นภาษาแบบเด็กประถมเกินไปและไหนจะเรื่อง Tense ว่า Tense ไหนนะถึงจะถ่ายทอดความดีที่สุด) และไหนจะเรื่องสำนวนอีก เจ้าศัพท์เดี่ยว ๆ น่ะไม่เท่าไหร่ หรอก แต่เรื่องสำนวน หรือ English Collocation ?????????????????????? จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:41:52 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อาจมีคำถามแบบกำปั้นทุบดินเลยว่า จบแล้วหรือใกล้จบ จะต้องเขียนทำอย่างไร? อ่านไม่ทันแล้ว อย่าว่าจะสะสมศัพท์แบบอ่านไปเรื่อย ๆ แบบที่ tonmelb ทำมา หรือแนะว่า อ่านไม่ทันแล้ว (ยังไม่รวมถึงถ้าเขาเรียกสัมภาษณ์ ลำบากอีก) ผมขอแนะว่า หนังสือ English for a Job Interview ไปหาซื้อมา โดยเร็วด่วนครับ หาซื้อมาหลาย ๆ เล่ม จะได้เห็นตัวอย่างการเขียน Cover letters and resumes ในหลากหลายอาชีพ เริ่มศึกษาวันนี้เลยครับ และถ้ายังอยู่ปี 1-3 ก็เข้ามาหาอ่านได้ tonmelb จะหาตัวอย่าง+เขียนเองมาให้อ่าน โดยจะสลับกับเรื่องประสบการณ์การเรียนภาษาของผม ฯลฯ ถึงมันจะเป็น Quick fix ก็ตาม แต่อยากแนะให้ไปซื้อ ส่วนจะกดกูเกิ้ล ผมบอกตามตรงว่า มันเยอะ จนคุณจะท้อมากกว่า หาซื้อที่เขาขายที่ตลาดดีกว่าครับ แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ใช้ข้อมูลทาง Net มันแค่เยอะ และขอเรียนว่า คนอ่าน คนที่เขารู้ภาษา ไม่ว่าจะเป็นคนไทย+ฝรั่ง เขาจะรู้นะว่า คุณลอกมาทั้งดุ้น โดยก๊อบจากฉบับต่าง ๆ มารวมที่ฉบับของคุณ มันจะเกิดปัญหา เพราะมันงง มันไม่ตรงกับอาชีพที่คุณสมัคร หรือตัวคุณ มันไม่ Make a statement หรือ too good to be true หรือ not in your own words etc พยายามอ่านและศึกษาหนังสือที่ซื้อมาก่อน แล้วค่อยนำมันมาประกอบเป็นประโยค มันเป็น Your cover letter/assume มันต้อง reflect your true and unique abilities, personalities and experiences. Your cover letter/ Resume are YOU. You are what you write. ถ้าคุณเลือกให้คนอื่นเขียน แล้วเขาเรียกคุณ คุณจะให้เขาไปสัมภาษณ์แทนคุณไม่ได้หรอก @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:44:20 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตัวอย่าง Cover letter ด้านการเงิน RE: Chief Financial Officer Dear : With reference to the above-advertised position, the attached resume is submitted for your evaluation. I have a record of outstanding success in the management of corporate financial operations for fast-paced manufacturing companies and associated commercial operations in multilocation, multistate, and international environments. My sixteen years of progressively responsible experience encompassed management of all aspects of the financial and treasury functions, in a range from Cost Accounting Manager to Chief Financial Officer and Vice-President, Finance. This experience has encompassed the successful management of corporate real estate, human resources, and general operations. In addition to holding a M.B.A. in Finance and a Bachelor of Arts degree in Accounting, I have been a Certified Public Account since 1978. My resume is a good summary of my background and general experience. Please contact me at the above address or cal ( ) .., as I would like to arrange a mutually convenient time for a meeting, during which we can further discuss your current or anticipated openings. May I hear from you? Yours sincerely, (NAME) Enc. Resume จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:46:58 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 46 @@@@ Quick fix ที่เราชอบเรียกใช้ มันจะช่วยเราได้เป็นครั้งคราว งานที่คุณได้ มันเป็นคนละเรื่องกับ ความก้าวหน้าในหน้าที่นะครับ ณ. ปัจจุบัน อาจยังเห็นไม่ชัด แต่รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ไม่แน่แล้วนะครับ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้แล้ว มีงาน แต่เงินไม่พอใช้ หรือมารู้สึกตัว เราสู้คนอื่นเขาไม่ได้ หรือก้าวหน้าไม่ทันเพื่อน เพราะภาษาเราไม่ได้ ผมกำลังพูดถึงอำนาจต่อรองนะครับ อย่าลืม คนที่รู้ภาษา เช่นผม (ผมไม่ได้มาโอ้อวดหรือมาบอกว่า ตัวเองดีจัง และคนอื่น ไร้น้ำใจ) ไม่ใช่นะครับ แต่อยากบอกว่า ผมชอบเขียน ผมก็เขียน คนอื่น ๆ ที่ผมรู้จักที่เก่งกว่าผม ส่วนใหญ่ พวกเขาจะอยู่ในส่วน The silent majority หรือ พลังเงียบ คือเขาอาจจะช่วยทุกครั้งที่ทำได้ แต่ไม่คุ้นเคยที่จะมาข้องเกี่ยวใน Net นัก เพราะบางครั้ง ถ้าคุณมองและสังเกตดี ๆ เลยว่า คนที่อ่อนภาษา แทนที่จะรู้ค่า ก็อาจจะรู้สึกงั้น ๆ นะครับ อาจารย์คริส ที่เขียนในหนังสือ ก็งงนะ ว่าคนที่มาเรียนกับเขา หลาย ๆคนไม่เคยอ่านหนังสือ หรือดูรายการที่อาจารย์คริสทำอยู่เลย หรือที่สอนไป ก็ลืม เพราะเรียนอย่างเดียว แต่ไม่เคยไปทบทวน อยากบอกว่า เหมือนผมเลย นักเรียนผม ผมบอก ถ้าอยากเก่งขึ้น ให้เข้าไปอ่านงานผม [ไม่รู้เป็นไรนะครับ คนไทย และคุณอาจจะเป็น 1 ในนั้น ด้วยใจจริง ที่เขียนตรงนี้ อยากให้เปลี่ยนแปลง แต่ถึงจะไม่เปลี่ยน ผมก็จะเขียนต่อไปนะ ไม่รู้คุณจะเลิกอ่านไปเอง หรือเปล่าก็ไม่รู้ พูดถึงตรงนี้ ขอนอกเรื่องว่า ผมเองก็ดีนะ นิสัยใช้ได้เลย แต่แฟนยังไม่เจอกับเขาเลย นึกถึงเพื่อนพูดว่า ผู้ ญ เขาไม่ชอบรักคนดี ผมล่ะกลุ้ม จะหยุดดี ก็ทำไม่เป็นอีก บ่นไปอย่างนั้นนะครับ ชิล ชิล อิ อิ] Best of luck and good night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 9 เม.ย. 51 23:49:31 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ว่าจะไปนอน ไปเห็นคำถามที่นึกอยากจะตอบที่เวปคุณ Andrew ก้เลยตอบ ;D Before going to bed, I may as well want to answer this question. Get over something means to recover from an illness, a hock or bad experiences or to overcome or master a problem or to appreciate fully Get over somebody/something = ลืมเลือน to start to forget someone and feel happy again afetr a relationship has ended เเล้วผมจะบอกเพิ่มว่า มันจะสื่อถึงการที่คุณถ้าไม่ get over จะหมายถึงการที่ไม่ให้อภัยหรือยกโทษให้ คือ จำไว้เลย ประมาณนี้ เพราะเจ็บมาก E.g. The news was a bad shock to her indeed, but i hope she'll soon get over it. ... ผมหวังว่า เธอจะคืนสู่สภาพปกติในเร็ววัน Sam ca't get over his/her laziness. ... เอาชนะความขี้เกียจของเขา/เธอไม่ได้ We have now got over all the problems. ... ชนะ/กำจัดปัญหาทุกอย่างหมดไปเเล้ว tonmelb never got over May, you know, she stayed/stays in his memory. tonไม่เคยลืม May เลยนะ นาย/เธอก็รู้ดี May อยู่ใน... Ken did not remarry; he never got over the shock of losing Anne. ... ไม่สามารถลืม/ลืมไม่ลง/ไม่ได้ความสะเทือนใจที่เสีย Anne ไปเลย Source: 1. วลีเเละสำนวนอังกฤษ ของอาจารย์ ชาญ ชินวรกิจกุล 2. Collins English Dict. @@@@@@@ ดังนั้น I''ll never get over you getting over me ? ก่อนจะเเปลให้ จะบอกว่า ชื่อเพลง(เเละใช้เเบบชิล ๆ นั้น อาจผืดกฏบ้าง นั่นคือ ตรง you getting over me ตามจริงต้องเป็น Your เพราะ getting เป็น Gerund นะครับ เเต่ใช้ you ก็อนุโลม) I''ll never get over you getting over me = ฉันจะไม่มีทาง(ทำใจ)ที่จะลืม/[คือไม่ลืมนั่นเอง]กับ(การ)ที่เธอลืม(เเละทำใจกับเรื่องนี้ได้) = ความจริงที่เธอสามารถลืมมันได้ ลืมรักของเราได้ มันเจ็บมาก เจ็บจนทำให้ฉันจะลืมไม่ลงจริง ๆ เเละบางทีคนๆนี้อาจจะเจ็บกับการที่อีกคนลืม มากกว่าการที่สัมพันธ์ทั้งคู่ที่จบลงไปเสียอีกนะครับ = เจ็บที่เธอลืมง่าย/ลืมเร็วจัง เพลงนี้ถ้า ญ ร้องน่าจะมาเเนวที่ว่า ผู้หญิงลืมยากครับ ถ้าเป็นผู้ชายร้อง ต้องมาเเนว ไท ธนาวุฒิ ... คนทั้งคน ลืมได้ไง ไม่เป็นไร... ส่วนจะหมดรักนั้นไหม? ถือว่าพอจะเข้าใจว่า คนไม่ลืม น่าจำไม่น่าจะหมดรักกันง่าย ๆ เเต่เช่นที่คุณ kafaak ตอบไว้ ให้ดุที่ความหมายที่ Get over ครับ นั่นคือ ความรู้สึกที่คุณเเปล ถือว่า feeling นั้นมันต่อไปได้ เเละเป็นจริงได้ เเต่จะเป็นการต่อเติมไปนิด เพราะเขาอาจจะรักหรือหมดรักเป็นอีกเรื่อง เรื่องที่เจ็บเเละลืมไม่ลง นั่นคือ ความจริงที่เธอลืมฉัน ๑๑๑๑๑๑ นาน ๆ จะตอบสักครั้งครับ Good night จริง ๆเเล้ว จากคุณ : tonmelb - [ 10 เม.ย. 51 01:13:50 A:61.91.160.124 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 48 April 12, 2008 Happy Songkarn Day ครับ Happy Thai New Year 2551 ครับผม Practical English Grammar: Teach Yourself English เรื่องแต่ง(ยาว): เสือน้อยแห่งวงการภาษาอังกฤษ (หลังสงกรานต์นี้ ได้อ่านแน่นอนครับ) เป็นเรื่องแต่ง ที่ Based on a true story อิ อิ ของ tonmelb ที่ตั้งแต่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ จนถึงมาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ในปัจจุบัน ชีวิตบางส่วนที่นำมาเล่า โดยจะมีการแต่งเติมตามความเหมาะสม เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความบันเทิง + ภาษาแบบ Teach Yourself English ผ่านเรื่องแต่ง เรื่องจำเป็นต้องเว่อร์ในระดับหนึ่ง เพื่อให้น่าติดตาม เช่น ก็ชื่อเรื่องครับ อยากให้ติดตาม Comment นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:10:08 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผู้เขียนมีเจนารมณ์แรงกล้าที่จะพยายามถ่ายทอดความรู้ด้านภาษาสู่คนไทย เพื่อป้อนคนมีความรู้ด้านภาษาเข้าตลาดแรงงานไทยในอนาคตข้างหน้า โดยไม่เขียนอิงตลาดที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ อยากที่จะเขียนให้สนุก แต่อยากให้ทุกคนให้เข้าใจว่า ชีวิตจริงไม่มีแค่ฮาอย่างเดียว ตั้งใจจะให้ความรู้ด้านภาษานี้ ช่วยคนไทย อยากเห็นคนไทยมีงาน เงินเดือนสูง ความภูมิใจในความเป็นไทย ในภาษาเรา ประกาศก้องให้รู้กันทั่วโลก ได้เลย แต่ความก้าวหน้า มันไม่มากับการใช้ภาษาไทย มันคนละเรื่องไง I am proud to be Thai. @@ เราเชื่อเสมอว่า คนไทยมีความสามารถ แต่ขาดโอกาสที่จะเข้าถึง การถ่ายทอดความรู้ทางภาษาจริง ๆ ผมคิดว่าสถาบันต่าง ๆ ในเมืองไทย ถึงเวลา(นานแล้ว)ที่จะเริ่มผลิตบุคลากรที่รู้ภาษาอังกฤษ ออกสู่ตลาดแรงงานซะที ไม่งั้น ไม่ทันนะครับ เด็ก ๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียน ควรได้รับโอกาสได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง ได้แล้ว เพราะวัยของเขา ยังมีเวลาที่จะเรียนภาษาจนชำนาญการไปใช้ได้จริง ๆ ให้คิดการเรียนภาษา คือ การฝากประจำ(บ่อยๆๆๆๆ) แต่เป็นไปแบบสะสมทรัพย์ คือสะสมความรู้ทางการอ่าน การใช้มันไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ต้องไม่ขี้เกียจและรักตัวเอง ดูซิ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ(จากง่าย ๆ ไปก่อน), ฟังเพลงฝรั่ง, หาโอกาสพูด โอกาสใช้ที่เรียนมาบ่อยๆๆๆๆ, จดๆๆๆๆๆๆๆ (ไม่ท่อง) ใช้ Printed dictionaries อย่างสม่ำเสมอ ให้มันรู้ไป ปีใหม่ฝรั่งที่จะถึง 2009/2552 ภาษาคุณจะไม่ดีขึ้น ขอให้โชคดีทุกคนครับ สู้ ๆๆๆ จะเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:11:43 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Expressions ที่คุณ ๆ สามารถนำไปใช้ได้ใน Cover letters resumes and job interviews มาฝากกันครับ (ต่อ) ประโยคใน Paragraph ต้น ๆ 1. I would like to present my qualifications for your consideration. 2. In my vast experience, I have gained valuable insight + N 3. I am currently searching for a position in 4. I would like to inquire about suitable opportunities at your company/corporation. @@ 5. As a member of your staff, I would offer fifteen years’ experience in 6. I would like to express my interest in applying for the part-time position advertised in The Bangkok Post. 7. I am responding to your advertisement published in The Nation on March 12 concerning the position of 8. If your company is looking for a self-motivated person who can work well with people, grasp and expand on new ideas, tackle and follow through on difficult projects, and achieve set objectives, then I feel we have good reason to meet. จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:13:18 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ประโยคท้าย ๆ หรือจบ 1. Thank you, ชื่อคน, for your consideration. I look forward to speaking with you. 2. If my qualifications interest you, please contact me. I will be glad to furnish any addition information you require. 3. I would appreciate the opportunity to further discuss my qualifications in and immediate and long-term contribution I could make to your company. 4. I appreciate your consideration. 5. I will follow up this inquiry with a phone call in several days. Thank you for your time. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ Expressions อื่น ๆ ที่คุณอาจนำไปใช้ (คำอาจซ้ำกับข้างบนบ้าง แต่ที่เขียนมา ที่อยากให้เห็นคือ สำนวนเดี่ยว ๆ+สำนวนเหล่านี้ที่ไปอยู่ในประโยคที่คุณจะต้องพูด+เขียน NOTE: แนะอีกครั้ง ประโยคและสำนวนเหล่านี้ เป็นแค่ Opening เท่านั้น เรื่องประสบการณ์ คุณสามารถทำอะไรให้กับบริษัทใหม่ได้บ้าง? คุณต้องเตรียมข้อมูลไปคุย 1. Highly motivated 2. Possesses excellent communication skills 3. Goal-oriented 4. Help students/people to realize their full potential 5. Result-oriented 6. Self-motivated with high energy @@ 7. Committed to excellence in English leaning and teaching 8. Able to motivate others to perform to their maximum /full potential 9. Experienced in working with children between 6-18 years of age 10. Looking for the opportunity to generate excitement and interest in the /students develop academically, socially, and personally 11. I am applying for I am interested in applying for an elementary/ high school teacher at your school. 12. I have completed my ปริญญา in วิชา 13. On a personal level, I am hard-working, and thorough and am committed to my chosen profession. 14. I can be reached/contacted on + เบอร์โทร จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:16:41 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 52 @@ 15. Dynamic, expressive, enthusiastic personality 16. Special qualities include perseverance, personal integrity, and consistent dedication to set goals 17. I can make myself available for an interview at your convenience. 18. For the last three years, I have worked on call as a private tutor. 19. I wish to be considered for the teaching position at your school. 20. I have enclosed my resume to give you a comprehensive account of my qualifications. 21. Job-related strengths จดหมายขอบคุณ a thank you letter Thank you for the job offer. I am pleased to accept your offer and will commence employment with your school on + Date. I look forward to working with your staff. Yours sincerely, (Name) Job offer refusal Thank you for the job offer. After careful consideration, I have decided to decline the position offer. I enjoyed meeting you and your staff and appreciated your time. I wish your company the very best. Yours sincerely, (Name) @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:18:56 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 53 Words and phrases you can use in writing your resume/CV. คำ/วลีที่คุณสามารถนำไปใช้ใน resume ได้ I am highly motivated. I possess excellent communicational skills. I am results-oriented/ goal-oriented. I am a skilled communicator. I am committed to excellence in English learning and teaching. I am able to motivate others to perform to their maximum/full potential. I am highly experienced in working with children between 6-15 years of age. I believe I have the necessary qualifications and experience to meet your requirements. @@@ I have completed a Bachelor of Arts in History and English at ABC University, M, Australia. I am interested in applying for an elementary/junior high school teacher at your school. On a personal level, I am hard-working and thorough and am committed to my chosen profession. I am self-motivated and a team-player. I have an excellent working knowledge of English. I look forward to meeting you to discuss how I can make a strong contribution to your company/school. I have substantial work-related experience. Special qualities: Dynamic, expressive, enthusiastic, perseverance, personal integrity and constant dedication to set goals. จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:21:58 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 54 I can make myself available for an interview at your convenience. My education and experience have prepared me well for this position. My extensive volunteer experience speaks volumes about my commitment to helping others. The attached resume provides further detail of my accomplishments and what I can offer your company. I have enclosed my resume to give you a comprehensive account of my qualifications. Thank you for your time and consideration. I look forward to meeting you. Highly detail-oriented. Exceptional attention to detail. I have exceptional communication skills. Summary of qualifications I have the ability to inspire a love of learning in students. I will encourage students to assert their independence, to use initiative, to make decisions and above all to believe in themselves. @@@@@@@ การเรียงลำดับของ Adverbs of Frequency ที่คุณอาจนำไปใช้ได้ในประโยค Always>> nearly/almost always>> usually/normally (most often)>> often (many times)/ frequently >> generally>> sometimes/occasionally>> (nowadays)>> rarely/ seldom/hardly ever>> never จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:23:52 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มีศัพท์และสำนวนที่จะอธิบายถึงความรู้ทางภาษาอังกฤษคุณมาฝากด้วย ไว้เลือกใช้ครับ เจ้าของภาษา A native speaker (of English), a first language speaker, an English-speaking person หรือ: a speaker of English/ the language tonmelb is crying in the rain ร้องกลางสายฝน เพราะเป็น a non- native speaker/ a non- English speaking person. เเต่มิย่อท้อ จะพยายามฝึกให้เป็น A near native speaker / an almost native speaker เเละถ้าใกล้ native like น่าดู อ้าว เเล้ว the owner of the language (เจ้าของภาษา) เขาใช้ กันไหม? พูดยังไงดี ขอเเนะว่า ใช้ศัพท์ข้างบนที่ผมเเนะมาดีกว่านะครับ เเล้วคําว่า เป็นเจ้าของ Own ใช้ไม่ได้หรือ มีใช้ครับ เช่น We hope that More Than Words Book 1 will help many students to [own] many many words. ภาษาไทยเป็นภาษาเเรกของหมู่เฮา ก็เขียนว่า A native language / tongue is Thai. My first language is Thai. หรือ My mother tongue is Thai. จะกลับโดย Thai นําหน้าก็ได้ ครับ To know the ins and outs of the language รู้อย่างลึกซึ้ง ทุกเเง่มุม อะไรทํานองนี้ จะใช้ to know English inside out ได้ (คน) ที่ภาษาดีมาก เเบบดีไม่มีที่ติด ก็มีหลายคําที่คุณ ๆ ผู้อ่านใช้ได้ เช่น His/her English is flawless/impeccable. หรือที่พูดออกไป เสียงชัด ฟังออกอย่างสบาย ๆ / เสียงดังฟังชัด Toomtarm speaks intelligible English. Toom speaks (English) clearly/ distinctly. Ham speaks (English) in a clear speaking voice. He/ she is a clear speaker. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ We can also say something like this: his command of English is/was excellent. More, krub Excellent command of spoken and written English Fluent command of spoken English Fair command of spoken and written English Must speak and write fluent English Good working knowledge of English Competent in English conversation Proficient in spoken and written English ( Proficient = ชํานาญ/เชี่ยวชาญ) --------------ไว้เขียนใส่ใน resume ก็ได้ครับ ถ้าพอได้ ไม่ดีนัก ถู ๆ ไถ ๆYour English is passable. Your passable English... เเบบงู ๆ ปลา ๆ กระท่อนกระเเท่น I have a (basic) smattering of English. I have only a smattering knowledge of English. My English is broken. Dara's broken English จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:25:18 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าคุณทำงานเป็น Flight attendants "- เรียนท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เครื่องบินเกิดขัดข้อง จำเป็นต้องนำเครื่องลงที่อินเดีย ขอให้ท่านผู้โดยสารโปรดรัดเข็มขัด" เครื่องบินเกิดขัดข้อง Engine trouble เเค่พูดว่า ----------May I have your attention, please? We need to make/have an emergency landing at India. (ในกรณีนี้ใช้ at). Please fasten your seatbelt. Please remain seated for your safety. ก็หนาวเเล้วครับFlight attendants เเทน Stewardess Steward บนเครื่อง น้องก็ต้อนรับ Welcome on board/aboard our Royal Orchid Service flight operated by Thai Airways International. หรือ Welcome to every passenger on board/aboard our Royal Orchid Service flight operated by Thai Airways International. May I have your attention, please? We are now ready for a take off. Please fasten your seatbelt. เวลาเครื่องจะลง น้องก็พูดไป We are about to land at M airport. Please remain seated and do not alight from the aircraft until you are requested to do so. @@@ เวลาคุณไปร้านตัดผม หรือคุณเป็นช่างตัดผม ### เล็มข้างหน้าออกนิดเดียว มี หลาย expressions ที่ใช้กันที่ร้านตัดผม 1. I like to have few centimetres/ one inch trimmed off in front. 2. I need only a trim in front, not too short, please. 3. Please don't cut it too short in front. Or, I have to have a bit more off in front. Not too short. ที่ต้องพูดเน้น Not too short บ่อย ๆ เพราะฝรั่งหลาย ๆ คนมือหนักเเละไร้เรดาห์มาก tonmelb เคยเเหว่งมาเเล้ว ### ซอย (ผม) I like to have my hair cut thinly by scissor. Or I like (you) to cut and curl/ set my hair. #### ขอเเนะนิดนึง ความหมายจากศัพท์เหล่านี้ จะว่ามันตรงเเบบเป๊ะ ๆ เลย ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เเต่ถ้าเวลาจะเล็ม จะซอยผม เขาใช้ประโยคเเบบนี้ละครับ @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:27:27 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าคุณเป็น Tutor สถานกวดวิชา ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Tutoring centre ติวเตอร์ ทับศัพท์ tutor อยู่เเล้ว เเต่จะเขียนเพิ่มก็ได้ว่า a freelance tutor, a home tutor, a private tutor (ได้คําเพิ่ม ครับ) ภาษาอังกฤษเเบบอังกฤษ ใช้คําว่า coach นะครับ เช่น an English coach เเทน tutor English coaching /tutoring คือ การติวอังกฤษ You are talent but you need extra English coaching. Coach & tutor ใช้เป็น V ได้ เป็น I want to coach/tutor ton in English. ใช้ว่า To receive private tuition in English ก็ได้ เเปลสั้น ๆ ว่า (เรียน) ติวอังกฤษ นะ ถ้าจะบอกว่า ติวเราเจ๋งนะ ไม่เเพงด้วย ราคากันเอง ก็โฆษณาว่า Professional English Tuition at an affordable price เติมหน่อยไหมว่า ทั่ว Bkk =all over Bangkok นะครับ วิชาอื่นก็เปลี่ยนนะครับ @@@ มารู้จักสำนวนแปลก ๆ สัก 1 สำนวนครับ Doom ตรงนี้ ใช้เเบบกริยาครับ เเบบ passive structure = be doomed to do sth/ to sth หมายถึง ใครคนใดคนหนึ่ง/สิ่งใดสิ่งหนึ่งถูกกำหนดให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้/ให้ประสบชะตากรรม (ซึ่งชะตากรรม/สิ่งที่เกิด ย่อมเป็นเรื่องร้ายหรือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้) เเบบนั้น/เเบบนี้ครับ ดังนั้น I would be doomed to career of writing. หมายความว่า อาชีพเขียนหนังสือน่ะหรือ ลืมไปเลย สำหรับฉันนะ ล้มเหลวเห็น ๆ เเปลตรง ๆ ว่า ฟ้าได้กำหนดเเล้วว่า(ถ้าฉันจะเอาดีทางด้านเป็นนักเขียน)ฉันล้มเหลวถ้าฉันจะเขียนหนังสือ เเปลเพิ่มความว่า ---------- ตัวคนพูดเนี่ย ไม่ใช่เขียนเก่ง เเละเกิดมาพูดว่า (ประกอบอาชีพ)เขียนหนังสือซิ รวยนะ ถ้ามีคนอ่านเยอะ สำนวนที่คุณให้มานั้น --------I would be doomed to career of writing. ------------ Doom ตรงนี้ ใช้เเบบกริยาครับ เเบบ passive structure = be doomed to do sth/ to sth หมายถึง ใครคนใดคนหนึ่ง/สิ่งใดสิ่งหนึ่งถูกกำหนดให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้/ให้ประสบชะตากรรมเเบบนั้น/เเบบนี้ครับ ดังนั้น I would be doomed to career of writing. ล้มเหลว/ไม่ประสบความสำเร็จหรอกถ้าจะเขียน มันรู้อยู่เเล้ว มันถูกกำหนดมาเเล้ว Be doomed to sth ว่าผม/หนูไม่ประสบความสำเร็จหรอกถ้าจะประกอบอาชีพเป็นนักเขียน (เพราะเขียนไม่ดี หรืออาจเขียนใช้ได้ เเต่ไม่ชอบ) @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:29:02 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มาดูอีกสำนวนครับ ## You are so matter-of-fact and so totally unromantic. Matter-of-fact----- ตรงข้อนี้หมาย ถึง ไร้ อารมณ์หรือเเบบว่า ไม่เเสดงอารมณ์-ความรู้สึกทั้งๆที่ควรเเสดงครับ ไม่ใช่เพราะใจดำ เเต่ เพราะบื้อ(ไม่รู้งาน) หรือต้องการปิดบังอารมณ์-ความรู้สึกตัวเองหรือเเบบไม่เเคร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เช่น You are so matter-of-fact and so totally unromantic. คือไร้ อารมณ์—ไม่รู้ งาน ไม่โรเเมนติก ยกตัวอย่างอีก ๑ เพื่อให้ความหมายชัดขึ้นนะครับ สมมุติ tonmelb มีเเฟนชื่อจิงโจ้ ปกติต้นมันก็ไม่โรเเมนติก ไม่ค่อยมาคิดว่าวันไหนพิเศษกว่าวันไหน วันวาเลนไทน์น้องจิงโจ้ ต้องงอนทุกปี เพราะ tonmelb ชอบลืมซื้อดอกไม้ พอซื้อมา ก็ให้เฉยๆหรือถ้าพูดก็พูดสุดเเสนจะเชยเลย วันวาเลนไทน์มาถึงอีกวาระในวันนี้ tonmelb ลืมซื้อดอกไม้ (เเละอาจรู้สึกโกรธ เพราะน้องจิงโจ้งอน) tonmelbบ่นเเละบอกวันวาเลนไทน์ก็เหมือนกับทุกวัน อย่าเว่อร์น้องจิงโจ้ น้องจิงโจ้บ่น You are so matter-of-fact (ไม่ได้รู้ใจผู้หญิง/ไม่สนใจ/ไม่ใส่ใจผู้หญิงเลย ขาดเสน่ห์ ขอบอกๆ) “I understand you,” tonmelb said, trying to seem matter-of-fact. ผมเข้าใจคุณ ต้นพูด-----พยายามว่าเขาไม่รู้สึกอะไร ( เเอบเจ็บซิก๊า) ---- Trying to seem matter-of-fact นี่คือความหมาย------ต้องการปิดบังอารมณ์-ความรู้สึกตัวเองหรือเเบบไม่เเคร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับหรือเเกล้งทำไม่สน @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:31:18 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ... .......................พักสายตาครับ...................... จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:34:09 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 60 @@ # A masters degree, a Masters degree, a Master’s degree, a Masters, a masters or A Master’s [informal] ปริญญาโท จะเลือกใช้ เเบบไหนก็ได้ครับ อักษรฯมหาบัณฑิต- A Master(s) of Arts (degree), วิศวะมหาบัณฑิต- a Master(s) of Engineering @ Khun Add's commitment and passion to (help) Thai people are unwavering. Unwavering หมายถึง หนักเเน่น-มั่นคง-เด็ดเดี่ยว-เเน่วเเน่-ไม่เฉไฉ - Tonmelb’s love to all Chinese and Thai women is unwavering. ความรักที่มีให้ มั่นคง ประเภทรักเดียวใจเดียว ------- เฮ้อ พูดถึงตัวเองเรื่อยเลย # Customer and tenant car park only, client car park at rear, residents and owners cars only, Visitors Car park, Car park/Car parking/Parking at rear, Private Car Park ทั้งหมดนี้ผมอยากเน้นตรงที่ความหลากหลายของศัพท์นะครับ เช่น Car park/Car parking/Parking at rear----- (ที่)จอดรถด้านหลังร้าน/ตึก Private Car Park----ที่จอดรถส่วนบุคคล----- residents and owners cars only----- (ที่จอดรถ) เฉพาะรถของคนที่อาศัยอยู่เเละเจ้าของเเฟท/อพ้าร์ทเม้นเท่านั้น @@@ ศัพท์งาย ๆ ตากผ้า เขาใช้คำภาษาอังกฤษ ว่าอย่างไร? - คำว่า (ตาก) เนี่ย ใช้คำไหนดีครับ... air ได้ป่ะครับ ได้ครับ to air the sheets (ผ้าปูที่นอน) well. Get your sweater out to air. ใช้ Hang out the washing. ก็ได้ ฝากไว้ในเทศกาลนี้ครับ drink-driving drivers --------พวกเมาเเล้วขับครับ --- ชนเเล้วหนี Hit and run drivers เมาอย่าขับนะครับ @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:36:33 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เคยสงสัยไหมครับ ความแตกต่างระหว่าง Honest & Sincere Honest v Sincere Honest = คําพูด- การกระทํา etc ว่าเป็นเเบบ --ตรงไปตรงมาทํานองปากกับใจตรงกัน ปากกับใจตรงกัน โกหกไม่เป็น เช่น สมมุติ คุณเป็นนักศึกษา คุณคิดว่า คงส่งงานไม่ทัน เลยไปขอผ่อนผันอาจารย์ อาจารย์ขอเหตุผล เพราะคุณเป็น คนทํานองปากกับใจตรงกัน เลยไม่อ้างอะไร ทั้งนั้น บอกตรง ๆ ไป อาจารย์ไม่ให้ เเต่บอกให้ทําดีที่สุด อาจารย์อาจ พูดว่า I appreciate your honesty but can’t give you one (an extension). หรือ เช่น เเฟน/ภรรยาคุณ ต้องการ Impress คุณ ก็เลยทําอาหารให้ทาน คุณเธอไม่เคยทํามาก่อน พอจะให้คุณชิมฝีมือ เธอบอกว่า Be honest. (บอก มาตรง ๆ ได้เลยค่ะ) ก่อนที่คุณจะทาน คุณเหลือบเห็นนัยตาพยัคฆ์ คุณตัดสินใจ ไม่ถูก ว่าควรจะ comment ตรง ๆ ดีไหม? กลัว (ฮา) หรือ คุณรักใครสักคน คําน้อยก็ไม่พูด พอถึงที่สุด คุณต้องพูด (เหมือนที่ใจคุณคิด) เริ่มต้นประโยคว่า Let me be honest with you... Sincere จะลึกกว่า Honest นะครับ Sincere = นํ้าใสใจจริง จิตใจดี มีความจริงใจ-ซื่อตรงในจิตในเป็นที่ตั้ง บางครั้งไมต้องพูด มองตา(สําหรับคนดู คนออก) ก็รู้ว่า คน ๆ นี้ Sincere หรือเปล่า? คือลึกไปถึงใจ I can see that she has a sincere desire to help you. You are my sincere friend. จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:38:49 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ศัพท์ 1. On the shelf : Where once a single person in their 30s เป็นสำนวน (ผู้หญิง)ขึ้นคาน- ครับ 2. Coffee colour สีกาเเฟ 3. Cheongsam ชุดที่ทำด้วยเเพรที่ผู้หญิงจีนใส่นะครับ นึกภาพออกไหมครับ ที่มันต้องรัดรูปนิดนึง เเบบเเขนสั้น- เเขนกุด จะทีรอยผ่าข้างๆเพื่อให้เดินสะดวก จะใส่ไว้ออกงาน มากกว่าจะใส่อยู่ บ้านครับ ------------ชุดฉ่งซ้าม ดูเหมือนเรียกชุดกี่เพ้าก็ได้ครับ เป็นภาษากวางตุ้งใช่ไหม? ผมไม่ถนัดกวางตุ้ง แต่เข้าใจว่าตรงกับที่จีนกลางเรียกชุด ฉีป้าว ---------from one reader 4. A people person หมายถึง คนที่มีอัธยาศัยดี สามารถ ร่วมงาน-ติดต่อ-ทำงานกับคนอื่นๆได้ดี ไม่เคอะเขิน @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:40:59 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แวะมาที่ Grammar หน่อยครับ tonmelb มีคำขวัญที่บอกกับนักเรียนว่า อาจารย์-ครูมีความตั้งใจที่จะให้เธอ-คุณ ฟังให้ออก บอกให้ถูก พูดให้ชัด เขียนให้ถูกต้อง Grammar สำหรับ Conversations ก็มีนะ มีประโยชน์มากๆๆๆๆ ด้วย ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง คุณก็ต้องพึ่ง grammar แต่ต้องเป็น Practical Grammar เป็น Grammar ไว้ตอบโจทย์การใช้คุณจริง ๆ หยุดได้แล้ว งู ๆ ปลา ๆ เพราะเจ้า Broken English ช่วงแรก ๆ มีคนให้กำลังใจคุณแน่นอน แต่ถ้า 3-4 ปีผ่านไป ยิ่งใช้ ยิ่งแย่ คุณจะไม่ไปไหนเลย สู้ ๆๆๆๆๆๆๆ เป็นกำลังใจให้ใช้ Proper English ครับ Adjectives Adjective การ add ทำให้ภาษามีความไพเราะมากขึ้น คำที่สามารถทำหน้าที่เป็น Adjective มีดังนี้ Noun/ noun adjuncts, adjective, adjective phrase/clause/ relative phrases, present participle (Ving), past participle (ทั้ง 2 เรียก Participial adjectives/ phrases / non-finite, verbless clause, noun in apposition (Appositions), prepositional phrases and adverb ขออธิบายนิดนะครับ อย่าพึ่งงงว่ามี Prepositional phrases and adverb มันอยู่ในกลุ่ม Adjectivals คือมันทำหน้าที่ขยายความ adjective, noun ได้ หาอ่านได้ Source: คำขยายในภาษาอังกฤษ ของอาจารย์เยาวภา พุกกะคุปต์ ของสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย A ten-year-old boy = a boy ten years old A ten-year-old-boy should not say such things. = A boy ten years old should not say such things. A boy who is ten should not say such things. A boy ten should not say such things. ที่มาที่ไปก่อนจะมาถึงประโยคสุดท้าย I like you to examine the close relationship between grammar and vocabulary in English. Tonmelb likes his readers to develop/look beyond the confines of simple grammar and sentence structure. สังเกตนะครับ ตรง Grammar and sentence structure ว่า sentence structure ไม่เติม S เพราะให้คง parallelism ในภาษาศาสตร์จริง ๆเขาจะถือว่า English does not have a future tense, but uses a variety of forms to talk about the future. (Prediction and decisions and intentions) For actions that have already been decided/ intention E.g. he is going to study English literature next year. @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:43:37 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Grammar# 2 As if/ As though เมื่อวานนี้เขียนถึง As if/as though ที่ต้องใช้ were ใช้ Was ก็ได้นะครับ BrE ถือว่าเป็นแบบformal ถ้าใช้ were แต่ AmE ถือว่าทั่ว ๆ ไปและถือว่าใช้ was ไม่ถูกหลักภาษาหรือ spoken version ครับ (Point นี้เหมือนกับ if I were you, ใช้ was ก็ได้ spoken ก็จริง ถึงอรรถรสของอารมณ์ที่จับต้องได้ ใช้ were เหมือนกับ It is I. เลย It is me.ครับ) ถ้าใช้ is ผู้พูดมีความเชื่อว่าน่าจะเป็นจริง เช่น ton talks/looks/acts/spend money as if/though he is rich. Ton น่ารวยจริง ถ้าใช้ was/were ไม่รวยจริง สร้างภาพ ใช้ Tense อื่นตามหลัง as if/ as though ได้ด้วยนะครับ E.g. Kat looked as if she had been crying. What is going on, Yim? You look as though you have seen a ghost. It looks as if it is going to rain. It seemed as if / (that) the work would never end. @@@@@ การเขียนวันที่ในจดหมาย September 1, 2005, September 1st, 2005, Sept. 1, 2005, 1 September, 2005, 1 Sept., 2005 and Sept. 1st, 2005 ประโยคนี้ถ้าเราให้คนรอนาน เราพูดโดยอัตโนมัติ Sorry to keep you waiting. ความผิดพลาดหรืออะไร ถ้ามี ถ้าผู้อ่านเห็น เข้ามาแก้ไขหรือจะ Comment อะไร เชิญได้เลยนะครับ ช่วย ๆ กันคนละไม้คนละมือครับ Good night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 12 เม.ย. 51 20:46:36 A:61.91.163.177 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 65 April 16, 2008 ภาษาอังกฤษกับเศรษฐกิจ ขอเริ่มต้นที่ผมตอบคำถามภาษาอังกฤษที่เวปคุณ Andrew เปรียบเสมือนอาหารสมอง Food For Thought ตอบน้อยครับ ช่วงหลัง ๆ ดี แต่ก็ตอบอยู่ เพราะชอบตอบนะ เพียงแต่เวลามันไม่ค่อยมี ก่อนตอบคำถามคุณ tonmelb ไป Check English-English Dictionaries ทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกา เพื่อจะได้ตอบให้ลึกและละเอียดขึ้น ให้คุณเข้าใจดังนี้ครับ 1. ให้ใช้ Program ถ้าเป็น Program ใน computer ทั้งคนอังกฤษและคนอเมริกันใช้คำนี้ ถ้าหมายถึงโปรแกรมในคอม แต่คนอเมริกันบางครั้งจะสะกดเป็น Programme นะครับ (the American spelling of Programme) ครับ 2. ถ้าเป็นความหมายอื่นที่ไม่ใช่ข้อ 1 นั่นคือ Plan, TV/Radio, Improvements actions, Play/Concert, List of events ให้ใช้ Programmae ถ้าเลือกฝั่งอังกฤษ และ Program ก็ฝั่งอเมริกาครับ 3. ข้อปลีกย่อยที่อยากให้รู้คือ ถ้าเป็น Education ให้ใช้ Program = a course of study เช่น MBA program, a research program 4. อีกข้อคือ ถ้าเป็นพวก machine เครื่องใช้ไฟฟ้า คนอังกฤษยังใช้ Programme แต่คนอเมริกันจะใช้ program ครับ @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:07:43 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ภาษาอังกฤษกับเศรษฐกิจ ช่วงนี้เรื่องที่ In trend มากที่สุดในหมู่วัยรุ่นและคนหนุ่มสาว คือ การประกวด AF 5 และ The Star [ขอบอกนิดหนึ่งว่า เผอิญมีคนรู้จักติดด้วย จะเข้าบ้าน AF แต่ V อะไรไม่บอก] ผู้อ่านทุกคนคงทราบกัน เรารู้ดีว่า อะไรเป็นพลังผลักดันให้หนุ่มสาวหลายหมื่น หลายแสนถึงได้หลั่งไหลไปแข่งขัน AF and The Star กันมากมาย และคนที่อยู่ในบ้าน ทุกครั้งที่ได้ดูบทสัมภาษณ์ทาง TV จะได้ยินถึง คนหนุ่มสาวเหล่านี้ พูดถึงความุม่งมั่น ความตั้งใจจริง และอื่น ๆ อีกมากมาย tonmelb คิดเล่น ๆ ว่า ถ้าความรู้สึกนี้ เกิดขึ้นกับ ---------------- การเรียนภาษาอังกฤษ----------------------- ผมว่า เขาหรือเธอคนนั้น ประสบความสำเร็จค่อนข้างจะแน่นอนนะครับ เพราะพลังแห่งความมุ่งมั่น มันมีพลังมหาศาล อะไรที่ทำให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นเช่นนี้ มันเป็น Norm ของสังคมไทยเรานะครับ this is one of the sure ways to achieve recognition, fame and prosperity @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:10:00 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ถ้าเราตั้งใจและมุ่งมั่นเรียนภาษาพอ ๆ กับความตั้งใจจะเข้าวงการบันเทิง การเรียนภาษาของเราจะได้ผล แน่นอน เพราะใคร ๆ ก็อยากเป็นเช่น AF หรือ The Star ก็ต้องมุ่งมั่น พยายาม หรือการส่งออก ถ้าภาษาอังกฤษเหมือนกับข้าวหมอมะลิ มังคุด ทุเรียนที่ขายได้ราคาในต่างแดน ในเมื่อราคามันสูงและจับต้องได้ ภาษาก็เช่นเดียวกัน ผมว่ามันก็ทำให้เป็นเงินเป็นทองหรือนำความมั่นคงแบบจับต้องได้ เหมือนกันนะครับ มันจะพัฒนาไปได้ไง ถ้าพวกเราเองยังไม่จริงจังกับการศึกษา ไม่เหมือนกับที่เราจริงจังกับเศรษฐกิจปากท้องเรา บันเทิง หรือส่งออก @@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:12:44 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 68 จึงขอฟันธงเลยว่า Education ไม่เจริญเหมือนธุรกิจการส่งออกอาหารและผลไม้ หรือวงการบันเทิง ผมอยู่ต่างประเทศมานานพอ ผมเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ภาษาไทยจะก้าวไกลเท่าอาหารไทย ยิ่งนาน ยิ่งแย่ครับ อาหารไทยดังจริง แต่ไม่ใช่ภาษาไทย ผมรู้นะว่า Nature ภาษากับอาหาร มันต่างกัน แต่สำหรับผม ไม่ ผมถือว่า ถ้าเราต้องการได้ภาษาหรืออะไร เราก็ต้องหายใจเป็นสิ่งนั้น ให้ใช้ภาษาเหมือนกินข้าว กินน้ำทุกวัน Nature มันก็เทียบเคียงกันได้ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เหมือนการพัฒนาตัวเอง ถ้าทำเหมือนเราหายใจ เหมือนกินข้าว Nature มันก็เทียบเคียงได้ว่า ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ได้แล้ว จะเหมือนไม่ได้กินข้าว กินผลไม้ หรือมี sex ก็ได้ (ว้าว! เรท R/Xเชียว) จริง ๆ ครับ ถ้าคุณ Train จิตใจคุณแบบนี้ว่า เฮ้ย! ไม่ได้ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา คิดบ่อย ๆ ส่งข้อมูลนี้เขาสู่จิตใจบ่อย ๆ ผลของมัน ก็คือ คุณจะเคยชินไปเอง ลองดูครับ ผมเองเนี่ย หยุดอ่านหนังสือนานไม่ได้ เหมือนจะขาด Oxygen ครับ ต้องหามาอ่านตลอด และ คิดดูซิว่า ถ้าเราเรียนภาษาในประเทศได้ เราจะประหยัดงบประมาณให้กับประเทศได้เท่าไร ไม่ต้องคิดไปในภาพใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ แค่ตัวคุณเอง มากมายนะ tonmelb แค่อยากเห็นว่า คุณไปที่ต่างประเทศแบบไปต่อยอดภาษา ไม่ใช่ไปเรียน ไปเริ่มเรียนพื้นฐานใหม่ แบบตายเอาดาบหน้า 10 ปี+ เราทำอะไรอยู่ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:14:10 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผมมองของผมแบบนี้นะว่า กระทรวง ศธ. ต้องจับมือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงการคลังและกระทรวงต่างประเทศ + เบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ CP PTT etc บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย เมืองไทย เราทำได้อยู่แล้ว จุดนี้ ไม่ใช่แค่การเรียนภาษาเท่านั้น แต่คือการศึกษาทั้งหมดที่ทำเป็น Commodity ส่งออกได้ จะ transfer Thailand’s society into a modern knowledge-based society ครับ ถึงต้องใช้หลาย ๆ กระทรวง เพราะมันทั้งประเทศ งานใหญ่ ถามว่า จะเป็นฝันหวานเกินไปหรือไม่? ไม่ครับ ตอบได้เลย มันแค่จะไม่เกิดในประเทศไทยเท่านั้นเอง คือเรา ๆ ท่าน ๆ รู้กันดีว่า ปัญหามันคืออะไร @@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:16:41 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 70 และก็อย่างที่รู้ว่า tonmelb คิดต่างกับครู/อาจารย์ทั่ว ๆ ไปเยอะ ผมศรัทธากับครูที่อยู่บนดอย ที่ห่างไกลความเจริญ + ครูที่ทำงานภาคใต้ ที่พยายามทำหน้าที่ของครูอย่างดีที่สุด เงียบ ๆ สุดยอดเลยครับ และครูท่านเหล่านี้ ควรได้รับการดูแลให้มากกว่านี้ แต่ผมก็ยังคิดว่า อาจารย์สายเลือดใหม่ ๆ หรืออาจารย์ที่มีประสบการณ์ยิ่งดี เร่งมีผลงานที่มันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อนักเรียน ครูต้องรู้ว่า ผมเสียดายความรู้+ผลงานนะ จะรู้สึกเหมือนเก่า ไม่ได้แล้วว่า ไม่สนใจก็เรื่องของเธอ tonmelb คิดว่า เด็กวัยรุ่นปัจจุบันก็ชอบครู/อาจารย์ที่ชิล ๆ นะครับ ไม่ว่าการแต่งตัว ไม่ว่าวิธีการสอนที่เข้าถึงตัวเด็ก อย่าปิดทองหลังพระอย่างเดียวครับ ผลิตผลงานออกมา การที่มีอาจารย์ที่นอกจากจะมีความรู้แล้ว เท่ เก่ง รอบรู้ อารมณ์ดี มีรายได้สูง ผมว่า คุณจะเป็นครู/อาจารย์ที่เด็ก ๆ ฟังนะครับ ผมเข้าใจ แต่เราก็ต้องเข้าใจ---------------ความต้องการของเด็กรุ่นใหม่ด้วย------------------------ ถ้าคุณเป็น Superhero ของเขา/เธอ แล้วเด็กเป็นคนดีในสังคมเพราะคุณ ดังนั้นการทำความเข้าใจกับวัยรุ่น ผมว่ามันไม่น่าจะผิดจรรยาบรรณ แต่ผมขอบอกว่า ผมเองก็ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นครูแบบครูสมัยก่อนนะครับ ผมไม่ได้เสียสละหรืออะไรขนาดนั้น เพราะผมอยากรวย อยากมีรายได้สูง ๆ แต่ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันก็ถือเป็น Major conflict ในชีวิตผมเหมือนกันนะ @@@@@ ผมรู้ว่าทุกคน โรงเรียนเอย ครูเอย ก็พยายามนะ แต่มันก็ดูเหมือนมันยากนะครับ [Bill Cosby: You people got to think. You know it’s wrong. We (ผู้ใหญ่) are not listening. Bill Cosby จะมาออกรายการ Oprah Winfrey] จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:18:22 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ผมมีคำศัพท์มาฝากใน Update ครั้งนี้นะครับ # Me- Generation: เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจตัวเองมาก สนใจสิ่งรอบข้าง-ชุมชน-สังคมน้อยมาก # Remember. There’s no “ I” in this team: หมายถึงไม่มีี ใครใหญ่หรือสําคัญกว่าใครในทีมนะครับ เป็นการบอกว่า ทุกคนสําคัญหมด ถ้าอยากจะได้ชัยชนะมาครอง ทุกคนต้อง ช่วยกัน # The Internet or internet : ใหม่ๆ Internet ( ต้องมี The ) ต้องเขียนตัวใหญ่ ตอนนี้คํานี้ Internet เป็นที่รู้จักเเล้ว Internet จึงเขียนด้วยตัวเล็กก็ได้นะครับ เเต่ The Net ต้องเป็นตัวใหญ่ เพราะจะไม่ได้ไม่ต้องซํ้ากับ net นะครับ # Generation Y : จากหนังสือพิมพ์ The Australian เขาว่า Generation Y คือคนที่เกิดตั้งเเต่ปี ค ศ ๑๙๘๓/ พ ศ ๒๕๒๖ # Forgotten people: คือกลุ่มคนที่ถูกลืม # Information เป็นนามนับไม่ได้ Dust เป็นนามนับไม่ได้ เเต่ an information centre / a dust ball ฝุ่นที่จับเป็นก้อนๆ # The powerful few : กลุ่มคนระดับท็อปของประเทศที่มี อํานาจ มีเงิน มีความรู้ ( the cream, the rich and famous ) มีความพร้อม --- Patience is needed when learning English or just anything. A learner should have a strong desire for learning constantly, na krub. There’s no quick fix. There are not any short cuts to learning the language. Practice makes perfect, almost always. Be an active receiver, not a passive one in class. Learning English should be fun and meaningful. @@@ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:21:31 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 72 The couple’s horoscopes were not “ cosmically synchronised”. ความหมายประมาณว่า ดวงชะตาของทั้งคู่นี้ ไม่สมพงศ์กัน There is really no substitute for hard work. Who says beauty and brains are mutually exclusive? ประมาณว่า ใครพูดนะว่า ความสวยเเละความฉลาดไปด้วยกันไม่ได้ / ไม่อยู่รวมกัน ต่างเป็นเอกเทศ (เพราะทั้ง ๒ เป็น ๒ ลักษณะที่เฉพาะตัวครับ คือ ถ้าสวยมักไม่ฉลาด ฉลาดมักไม่สวย หายากๆ ที่จะเห็นทั้งสวยเเละฉลาด) A true leader had the confidence to stand alone. Sweden’s sick leave laws are a malingerer’s paradise. อยากให้ดูคําว่า malingerer คือคนที่เเสร้งป่วย to malinger (v) Drink spiking or in short spiking คือการที่มี คนมาดีดยาใส่ในเครื่องดื่มของคุณ(ในเวลาที่คุณเผลอ)พอคุณดื่ม คุณก็งัวเงีย เเละคุณจะโดนจี้ etc You have your drink spiked I hope that you do not let your everyday frustration overcome your desire to learn. Find someone who can be your personal inspiration. @@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:23:04 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 73 # no silver-bullet policy อ้าวเเล้ว silver-bullet มาเกี่ยวได้ไงนี่ silver-bullet ก็คือกระสุนเงินที่สามารถฆ่า tonmelb ได้ กระสุนอื่นทําอะไร tonmelb ไม่ได้ เฮ้ย ไม่ใช่ ชอบล้อเล่น คือ silver-bullet ก็คือกระสุนเงินที่สามารถฆ่ามนุษย์หมาป่า silver-bullet policy---นโยบาย(ที่จะเเก้ไขปัญหาใดก็ตาม) วิเศษ นโยบายที่ได้ผลชงักนโยบายเด็ด(เหมือนกระสุนเงินที่ สามารถฆ่ามนุษย์หมาป่า กระสุนอื่นไม่ได้)no silver-bullet policy =นโยบายที่ได้ผลชงัก นโยบายเด็ด ไม่มีหรอก no silver-bullet policy =นโยบายที่ได้ผลชงัก นโยบายเด็ด ไม่มีหรอก ให้ประชาชนเห็นใจนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:25:48 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 74 # หวลให้คิดถึงคําว่า Equivocation. Equivocation คือ ความฉลาด (ลีลา)ในการพูดระดับสูง เป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยง ความรับผิดชอบเพราะถ้าฟังดีๆผู้พูดไม่ได้รับปากอะไร (เเบ่งรับเเบ่งสู้ก็ว่า) คือพูดหรือเรียงคําพูดระดับเซียนนะ พูดให้งง He just gave the reporters those standard answers. Standard answers (คําตอบที่เราๆท่านๆได้ยินจนชิน) ก็คือ ๑ ใน Equivocation Rhetorical question คือคําถามที่ไม่ต้องการคําตอบ เช่น คนที่ฉลาดที่รู้คุณค่าของผม ต้องเห็นด้วยว่าเเชมพูสระผมตรา tonmelb ดีจริงๆ Rhetorical question ถามเองตอบเอง Rhetorical question คือ ๑ ใน Equivocation ครับ # Politicians wanted to sway undecided voters by giving many empty promises. However, as we know many promises will be broken after either side has won the election. # Empty promises สัญญาหน้าฝนครับ ว่างเปล่า broken promises สัญญาที่ไม่เป็นสัญญา # tonmelb is true to his words. True to his words คําไหนคํานั้น เรามาพูดเรื่องอื่นๆบ้าง # A “ first-come-first-served “ basis. ตามคิวครับ ใครมาก่อนได้ก่อน ไปใช้ได้นะครับ ตอนผมเซิพอาหาร บางคนเร่งมาก # A photofit/ a Photofit/ photofit (picture) of a man the police want to question. A Photofit of her attacker Photofit = ๑ ภาพเสก็ตช์ของคนร้ายทีี่วาดเสร็จเเล้ว (จากคําบอก เล่าของพยาน/ผู้เสียหาย) จดมาจากละครอังกฤษเลย หรือ ๒ รูปถ่ายจากคนๆเดียวที่หน้าถูกถ่ายหลายๆมุม/ด้านข้าง A picture of someone wanted by the police, which is made up of several photographs or drawings of different parts of the face [Photofit เป็น BrE Trademark, composite photograph (AmE), Identikit (Aus)] จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:27:43 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สู้ ๆ นะครับ พลังแห่งความุม่งมั่นเป็นพลังมหาศาล นั่นคือ ถ้าคุณต้องการเก่งภาษาอังกฤษ คุณต้องมุ่งมั่น ต้องเอามันให้ได้ ต้องไม่หลอกตัวเอง ต้องฝึกฝนอย่างตั้งใจและสม่ำเสมอ ต้องขวยขวายเสาะหาพูดคุยกับผู้รู้จริง ๆ เพื่อการพูดคุยของคุณกับท่านผู้รู้เหล่านั้น ทำให้คุณนำไปพัฒนาภาษาของคุณให้ดี ๆ ยิ่งขึ้น ถ้ามีอะไรจะแนะนำได้ ก็เมลมาถามได้ ยินดีให้คำแนะนำครับ ขอให้คุณสู้จริง ๆ เถอะ ผมรออยู่ ความรู้สึกว่าอยากดี อยากเก่งขึ้น ผมถือว่า วิเศษสุด มันจะทำให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้ ไม่เฉพาะภาษานะครับ ทุกเรื่อง ผมเอง อยากเก่งขึ้นทุกวัน ทุกเดือน แน่นอนว่า หลาย ๆครั้งผมทำความลำบากใจให้กับองค์กรหรือเพื่อนฝูง เพราะชอบพูด ชอบถามว่า ทำไมปัญหานั้น ปัญหานี้ถึงยังไม่แก้ไขซะที ถ้ามันยาก ก็ยากไป แต่ถ้าเราพยายาม ปัญหามันต้องถูกแก้ไข ผมเองก็พยายามจะกลับไปเรียนโทนะ เรียนโทที่ Melbourne University แล้ว drop ไว้ กลับมาไทย 4 ปี ครึ่งแล้วก็ยังหาเวลาไปเรียนโทใหม่ ยังไม่ได้เลยครับ และผมเองก็เบื่อที่จะต้องไปฟัง Lecture ในห้องหรือ Discussion แบบเก่า ๆในห้อง 4 เหลี่ยม คิดว่าเสียเวลา แต่ผมก็ตั้งใจว่า อีกไม่นานจะกลับไปต่อโท ศึกษา Course ของจุฬา EIL หรือที่ มธ หรืออีกที่สนใจคือ มศว คุณเคยคิดไหมครับว่า ถ้าเราจะมองเห็นตัวเอง นอกจากระจกแล้วมีอะไรอีก และมองเห็นจิตใจเราล่ะ ตัวตนที่แท้จริงเราล่ะ? Good night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 16 เม.ย. 51 23:30:05 A:61.91.160.82 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 76 April 20, 2008 Maybe if I can control it, I can use it. From The Incredible Hulk coming up soon Gotham/Thailand needs you/tonmelb. From Batman coming up soon @@@@@@ He may have my soul, but he doesn’t have my spirit. Someone who has guts to sell his soul for love; he has a power to change the world. If you don’t make a choice, a choice makes you. She’s out looking for you. Don’t make me wait. From The Ghost Rider @@@ สวัสดีครับผู้อ่านที่ติดตาม+ผู้อ่านใหม่ที่อาจจะเพิ่งเข้ามา คอลัมน์ภาษานี้ เป็นมากกว่าคอลัมน์ภาษาอังกฤษ ความตั้งใจผม ต้องการให้มันเป็นมากกว่าการมาแนะ English tips ให้แก่ผู้อ่านเท่านั้น --------มันต้องเป็นคอลัมน์ที่อ่านแล้ว ได้กำลังใจ ได้ข้อคิดในการทำงาน+ชีวิตด้วยครับ------------- หวังเช่นนั้นจริง ๆ จึงยิ่ง Update ยิ่งเอาใจคุณมาใส่ใจผม @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:28:38 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านอย่างไร ถึงจะได้ผล? A: อ่านซ้ำแล้ว ซ้ำอีก (print เก็บไว้ในแฟ้มเลยครับ) B: ใช้เวลา สมาธิ ตั้งใจอ่าน ตั้งใจจริง ๆ C: นำสิ่งที่อ่านไปคิด ไปตั้งคำถาม ไปถามเพื่อน ๆ คนอื่นที่อ่านงานผม (คล้าย ๆ คุยกับแฟนคลับนะครับ) แล้วอาจจะจะนำมา Post ในนี้ ไปต่อยอด และต้องนำไปใช้ อย่าอ่านแล้วเก็บไว้ในแฟ้ม ผมเขียนเพื่อให้คุณนำไปใช้กันจริง .. แต่ก่อนที่จะได้ผล คุณก็ต้องดูว่า Situation/ Condition ของคุณอยู่กลุ่มไหน ถ้า A: คุณกำลังหางานอยู่ หรือกำลังจะตกงาน หรือใกล้จะจบแล้ว หรือคิดที่จะเปลี่ยนงาน B: นักเรียน/นักศึกษา/คนทำงานที่จะสอบเพื่อไปเรียนต่อ เพื่อ Promotion จะไม่ค่อยได้ผล ณ. เวลานี้นะครับ เน้นนะครับ ณ.เวลานี้ เพราะภาษาต้องใช้เวลา ความอดทน วินัยในการฝึกฝน นำไปใช้ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:34:09 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คำว่าใช้ภาษาได้ดีของผม ตรงกันข้ามกับคำจัดความ เก่งภาษาที่เมืองไทย โรงเรียนไทย ยึดถืออยู่ เช่น ได้เกรด 4 หรือได้คะแนนสอบ TOEFL TOEIC IELTS สูงอย่างเดียว คะแนนสูงเหล่านี้เป็น 1 ส่วนเท่านั้นที่แสดงว่า คน ๆ นั้นมีความรู้ภาษานะ แต่คำจัดความ A confident user (ที่ผมหวังให้เกิดเวลานี้ ส่วนจะระดับสูงขึ้น ผู้เรียนต้องต่อยอดเอง) ของผมคือ ฟัง พูด อ่าน เขียนได้ดี งานไม่สะดุด ฝรั่งฟังคุณพูด อ่านที่คุณเขียน แล้วเข้าใจตรงกัน Communication ไม่ break down คุณใช้ศัพท์+สำนวนที่ฝรั่งเขาใช้กัน ไม่ใช่ศัพท์+สำนวนที่คุณไปขุดออกมาใช้ แล้วใช้ไป คุณอาจภูมิใจหรือโล่งใจที่ได้พูด ๆ ออกไป แต่ฝรั่งเขางง ถ้ามันไม่ใช่ Deal งานกัน ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันเป็นงาน งานมันพลาดได้ @@@ ดังนั้นถ้าคุณอยู่กลุ่มนี้ ต้องให้เวลากับ Column นี้ ผมว่าอย่างน้อยที่สุด 6 เดือน+ ถ้าจะให้ดีอ่านไปเรื่อย ๆ 12 เดือนจากนี้ คุณกลับมา Check your progress ได้เลย ผมการันตีได้เลยว่า ภาษาคุณจะดีขึ้น .. ถ้าคุณทำตามที่ผมแนะ . จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:35:36 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 79 @@@@@ กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์[มากที่สุดจากคอลัมน์นี้] C: คือกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ผู้อ่านระหว่าง 8- 20 ปี ครับ เพราะภาษาต้องใช้เวลา ยังไม่รวมถึงวิธีฝึกที่ถูกต้องด้วย พูดง่าย ๆ ทั่ว ๆ ไป ใช้เวลา 10 ปีขึ้นไป ที่จะสร้างคน คนหนึ่ง 10 ปีขึ้นไป ผมถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ซึ่งเกิน 10 ปีครับ ถึงวันนี้ ผมก็อยากจะสร้างรุ่นใหม่ขึ้นมาด้วย ให้เขา/เธอดีขึ้นกว่าผม ดังนั้นผมพยายามเขียนให้มันเป็นคอลัมน์ที่คุณ ๆต้องอ่าน และอ่านตลอด @@@@@@@@@ ผมมองไม่ออกนะ ถ้าไม่ใช่ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น คอมพิวเตอร์ คุณจะแตกต่างกับคนที่จบมาเป็นหมื่น ๆ อย่างไร ในอนาคตข้างหน้า? หรือคุณได้งาน คุณมั่นใจหรือว่า 1 งานของคุณเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่ถ้า คุณมีฐานะดีอยู่แล้ว นามสกุล มีญาติพี่น้องเป็นใหญ่เป็นโตในเมืองไทย หน้าตาดี รูปร่างดี การศึกษาดี --------------------------------ข้อนี้ยกเว้น----------------------------------------------- ต้องอวยพรเขาและเธอให้เจริญรุ่งเรื่องต่อไป ผมคิดเช่นนี้นะ ถ้าคุณ(และผมก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน) ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ก็ต้องเตรียมตัวตัวเองให้พร้อม . @@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:38:55 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมคิดของผมอย่างนี้ว่า ไม่เกิน 10 ปีนี้ คุณและผมจะได้กินข้าวผัดตามร้านทั่ว ๆไป จานเกิน 50 บาทแน่ ยังไม่รวมถึงอย่างอื่น ต่อนี้ไป จะไม่มีอะไรที่ถูกอีกต่อไปแล้ว และแพงขึ้น ก็ใช่ว่าดีขึ้นนะ มันแค่ราคาขึ้นเท่านั้น ถ้าคุณต้องการผักคุณภาพดี ผลไม้ Grade A, ข้าวหอมมะลิคัดพิเศษ, บ้านดี ๆ สังคมดี ๆ ฯลฯ มันต้องใช้เงินนะ ง่าย ๆเลย เงินถึงจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มันสร้างโอกาสให้คุณและครอบครัวคุณได้ ..เป็นอะไร จับต้องได้ . ดีด้วย รวยด้วย อย่าดีอย่างเดียว เพราะถ้าคุณดีอย่างดี ครอบครัวก็ลำบาก แต่รวยอย่างดีอย่างเดียว ก็ทุกข์นะ เพราะหาเพื่อนแท้ไม่ได้ เพราะคุณเอง มุ่งหาเงินอย่างเดียว ผมตรง ๆ แบบนี้ล่ะ @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:47:11 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ถ้าคุณเชื่อว่า การกินดี อยู่ดีขึ้นอยู่กับภาษา เมื่อนั้น แรงจูงใจของคุณจะเกิดขึ้น มันอาจจะไม่จริงก็ได้ ในอนาคตมันอาจจะเหมือนวันนี้ก็ได้ ที่คุณใช้ภาษาไม่ค่อยดี แต่เงินเดือนก็ยังสูงกว่าผม กว่าคนสอนภาษาอังกฤษ ก็เป็นไปได้ครับ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ..และที่ผมพร้อมช่วยคือ เมื่อคุณเชื่อ อนาคตที่ดี มั่นคง การกินดี อยู่ดีขึ้นอยู่กับภาษา เมื่อนั้น แรงจูงใจของคุณจะเกิดขึ้น และไม่ต่อต้าน ไม่รู้สึกโกรธ มีอคติ ฯลฯ @@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:48:15 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เท่านี้เองครับ ผมไม่ได้มาบอกคุณว่า ได้ภาษา แล้วสบายไป 8 อย่าง คุณจะรวย หรือจะไม่ตกงาน แต่ประเด็นของผมคือ ผมสอนภาษาอังกฤษ ผมเชื่อว่า English success จะเกิดขึ้นได้ นอกจากผมแล้ว ก็คือจากตัวคุณ ถ้าคุณมีแรงจูงใจไม่พอ มุ่งมั่นและทุ่มเทไม่พอ หรือต่อต้านอยู่ จะไปไม่ไกล จาก Level ที่คนไทยส่วนใหญ่อยู่ เช่น คุณอยากเก่งเร็ว ๆ คุณตั้งงบ ตั้งเวลาไว้เท่านี้ แล้วก็มีสถาบันภาษาให้เรียน ซึ่งก็ Ok แต่อย่างที่ผมเขียนไว้ นอกจาก 3-6 เดือนที่คุณต้องตั้งใจมาก ๆ แล้ว หลังจากนั้นก็ต้องตั้งใจต่อไป เพื่อต่อยอด ถ้าไม่ฝึกต่อไป ทักษะคุณก็จะหยุดทันที และยิ่งไม่ใช้ มันก็ยิ่งคืนครู บางทีมันก็น่าปวดหัวแบบนี้ แต่จะไม่ปวดหัวเลย ถ้าคิดแบบนี้ว่า ภาษาก็ฝึกไปเรื่อย ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งเก่งขึ้น โชคดีครับ @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:49:27 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 83 วันนี้ผมมี A recommendation letter มาฝาก ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ในห้องสัมภาษณ์งานเพื่ออธิบายเกี่ยวกับตัวเองก็ได้ I, NAME . have known Mr. NAME . since May 1998. On a personal level, Mr NAME . I know of for over five years is a person who possesses a strong inner conviction that he can make a significant difference to Thai school and society. He always does his best to achieve his set goals. Mister can be a role model to students for his positive characteristics: cheerful enthusiasm and determined hard work, including his personal integrity. One valid example of his commitment to helping others is his extensive volunteer experience on his resume. More significant, he has an ability to establish trust and build healthy relationships with people around him. Above all his strong desire and passion for teaching and working with young people can be seen from the resume. On a professional level, Mister . has gained a solid foundation of English resulted from his 14- year-stay in Melbourne, Australia along with his substantial work-related and volunteer experience. I am convinced that such unique experiences make him a great asset to your school. He can and will make a positive contribution to students’ lives and to your school. I have every confidence in him. I passionately believe that his qualifications, skills and considerable work-related experience have made him an ideal person for the position. As far as English learning is concerned, he will inspire a love of English learning in his students. They will succeed. You can be certain that this new teacher will successfully encourage and help students to assert their independence, to build and increase their positive self-esteem, to develop self-confident, to use initiative, and above all to achieve their real potential. Additionally, I am sure that he will be eager to be actively involved in the extra-curricular program of the school. Should you require more information, I will be pleased to assist you. Thank you for your time and consideration. Sincerely yours, NAME .... @@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:50:58 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 84 The 36 Personal Foundations Learning 1. Practice perfectly to make perfect 2. Have an open mind 3. Be flexible 4. Focus on continuous self-improvement Direction 5. Dream big dreams 6. Have a clear sense of direction 7. Set goals and write them down Uniqueness 8. Be unique Help 9. Associate with the right people 10. Ask for help Focus 11. Master one thing 12. Do one thing at a time Optimism and belief 13. Be an optimist 14. Be a positive thinker 15. Believe in yourself จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:52:37 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 85 @@@@@@@ Personal values 16. Have strong personal values 17. Dedicate yourself to serving others 18. Be honest with yourself and others 19. Be the first to give Passion and commitment 20. Do what you love 21. Develop a workaholic mentally 22. Be persistent 23. Be committed 24. Be patient 25. Pay the price in advance 26. Develop self-disciplined Risk 27. Take risks Responsibility 28. Accept responsibility Failure 29. Don’t despair at failure 30. Know you are not perfect 31. Accept ups and downs 32. Develop resilience 33. Fall, but don’t stay down Urgency 34. Make decisions fast 35. Develop a reputation for urgency Employment 36. Be self-employed @@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:54:08 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 86 มีเพลงมาฝากครับ # 1 How deep is your love by Bee Gees I know your eyes in the morning sun ฉันรู้จักดวงตาของเธอในตะวันในยามรุ่งเช้า I feel your touch in the pouring rain ฉันรู้สึกได้เมื่อเธอสัมผัสฉัน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาปานฟ้ารั่ว And the moment that you wander far from me เเละในช่วงเวลาที่เธอจากจรฉันไป I wanna feel you in my arms again ฉันปรารถนาที่จะรู้สึกว่า มีเธอมาอยู่ในอ้อมกอดของฉันอีกสักครา And you come to me on a summer breeze เเละเเล้วเธอก็มา เธอกลับมาหาฉันเมื่อยามลมร้อนมาเยือน Keep me warm in your love ฉันรู้สึกอบอุ่นด้วยอนุภาพความรักของเธอ Then you softly leave me แต่เเล้วเธอก็จากฉันไปอีก จากไปอย่างนุ่มนวล And it's me you need to know ฉันอยากจะให้เธอพิสูจน์ให้ฉันเห็น How deep is your love ว่าลึกซึ้งเเค่ไหนความรักของเธอที่มี (How deep is your love, how deep is you love) (ลึกซึ้งเเค่ไหนความรักของเธอที่มี- ลึกซึ้งเเค่ไหนความรักของเธอที่มี) I really mean to learn ฉันมุ่งมั่นเหลือเกินที่จะเรียนรู้ 'Cause we're livin' in a world of fools เพราะว่าเราก็ต่างอยู่ในโลก ที่เต็มไปด้วยความโง่เง่าเบาปัญญา Breakin' us down ที่มักทําลายชีวิตคนเราให้พังลงไม่เป็นท่า When they should let us be ทั้งๆที่เราควรมีอิสระที่จะเป็นตัวเรา (พวกเขาควรปล่อยเราให้เราดำเนินชีวิต/ตัดสินใจเอง) We belong to you and me เธอเเละฉันคือกันเเละกัน (คนอื่นไม่เกี่ยว) I believe in you ฉันเชื่อ(ใจ)ในตัวเธอ You know the door to my very soul เธอรู้ทางที่จะเข้าสู่ประตูหัวใจฉัน You're the light my deepest darkest hour เธอคือเเสงสว่างในยามที่มืดมิดที่สุดในชีวิตฉัน You're my savior when I fall เธอคือผู้ที่มาช่วยฉัน ในยามที่ฉันพลั้งพลาด And you may not think I care for you เธอคงไม่คิดซินะ ว่าฉันนะเป็นห่วงเป็นใยเธอ When you know down inside I really do ในเมื่อเธอรู้ดี เเก่ใจว่าฉันรู้สึกกับเธออย่างนั้นจริงเเท้ And it's me you need to know เเละเธอ ใช่เธอที่ ต้องเเสดง/เปิดเผยให้ฉันรู้ว่า(ลึกซึ้งเเค่ไหนความรักของเธอที่มี เธอรักฉันจริงงะ เเสดงออกมาซิจ้ะ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:55:37 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 87 # 2 You've got a friend by James Taylor เธอยังมีเพื่อน When you're down and troubled เมื่อเธอหดหู่ ท้อเเท้เเละเป็นทุกข์ And you need some love and care เเละต้องการความรักเเละความเอื้ออาทรห่วงใยบ้าง And nothin', nothin' is goin' right เเละดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นไปอย่างใจเลย Close your eyes and think of me หลับตาลงเเล้วคนึงถึงฉัน And soon I will be there เเละฉันจะไปอยู่ตรงนั้นโดยพลัน To brighten up even your darkest night จะไปทำให้คืนอันหม่นหมองของเธอสดชื่นขึ้น You just call out my name ขอให้เเค่เรียกชื่อฉันก็พอ And you know wherever I am เเละเธอรู้ดีว่าไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ใด I'll come runnin' to see you again ฉันจะรีบรุดไปพบเธออีกจนได้ Winter, Spring, Summer or Fall ไม่ว่าจะฤดูหนาว-ใบไม้ผลิ-ร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง All you got to do is call ขอให้เธอเเค่เอ่ยวาจามา And I'll be there, you've got a friend เเละเเน่นอน-ฉันจะไปพบเธอ เธอยังมีเพื่อนนะ If the sky above you grows dark หากท้องฟ้ามันมืดมิด And full of clouds เเละปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก And that ol' north wind begins to blow เเละลมเหนือเริ่มโบกสบัด Keep your head together ใจดีๆ เเละตั้งสติให้มั่น And call my name out loud เเละเรียกชื่อฉันออกมาดังๆ Soon you'll hear me knockin' at your door ในไม่ช้าเธอจะได้ยินเสียงเคาะที่หน้าห้องเธอ(ประตู) (* Repeat) Now ain't it good to know that you've got a friend ในเวลานี้ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ากับการที่รู้ว่าเธอยังมีเพื่อน When people can be so cold ในเวลาที่ผู้คนอาจจะเย็นชา-เฉยเมยเสียเหลือเกิน They'll hurt you, yes and desert you เขาเหล่านั้นจะทำร้ายจิตใจเธอ (เเละใช่) จะทิ้งเธอไป(ให้เจ็บปวด) And take your soul if you let them เเละนำเอาจิตใจ เเละวิญญาณของเธอไปด้วย ถ้าเธอยอมให้พวกคนเหล่านั้น Oh, but you don't let them โอ-คงไม่นะ เธอคงไม่ยอมให้ พวกคนเหล่านั้น(ทำร้ายเธอเช่นนั้นนะ) (* Repeat) Yes, I will you've got a friend (ฉันจะไปหาเธอ) เธอยังมีเพื่อน You've got a friend เธอยังมีเพื่อนนะ Ain't it good to know you've got a friend ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ากับการที่รู้ว่าเธอยังมีเพื่อน @@@@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 20 เม.ย. 51 23:56:55 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คอลัมน์เก่าครับ นำมาให้ Bookmark นะครับ หรือสำหรับคุณผู้อ่านที่ยังไม่มี อาจจะ Print เก็บไว้เลยนะครับ คอลัมน์เหล่านี้มาจากคลังกระทู้เก่า บางกระทู้เกือบถึง 500 กระทู้นะครับ ( tonmelbประมาณ 90% พี่ ๆ เพื่อน ๆ เข้ามาเเจม เข้ามาติดตาม 10%) อ่านซ้ำไปซ้ำมา ตั้งคำถาม หาหนังสือที่ tonmelb หรือเซียนภาษาท่านอื่นเเนะ มาอ่าน อ่านเเล้วนำไปใช้ คุณจะเก่งขึ้นทุกวัน ขอบอก ขอบอก อยู่ที่วินัยล้วน ๆ ครับ ผมเชื่อมั่นอย่างมาก ถ้าคุณ Totally self-disciplined, totally committed คุณจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 1. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3443747/K3443747.html 2. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/07/K4518615/K4518615.html 3. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/11/K4868455/K4868455.html 4. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/03/K5190305/K5190305.html [ สูงสุดครับ 488 กระทู้] 5. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/01/K6216667/K6216667.html Mission Impossible: ไม่ใช่ Tom Cruise เเต่เป็น tonmelb ----------------------ยุทธการสยบภาษาอังกฤษ-------------------------- มันเหมือนผีหรือไร? มันเเพ้เป็นไหม? เราจะเอาชนะมันได้ไหม? จุดอ่อนมันอยู่ตรงไหน? ฉันจะคว่ำมันให้ได้ Have a great night จากคุณ : tonmelb - [ 21 เม.ย. 51 00:15:25 A:61.91.193.54 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 89 26 April 2008 ผมขอขอบคุณจากใจจริง สำหรับกำลังใจ+ ความเข้าใจ ผมต้องการทำความฝันของคุณ--------อยากเก่งภาษาอังกฤษจริง ๆ นำไปใช้งานได้จริง ๆ ไม่มากก็น้อย---------และความฝันของผม--------------ที่อยากเห็นคนไทยมีทางออกด้านภาษาอังกฤษ โดยเข้ามาอ่านงานผม ควบคู่ไปกับอ่านงานอาจารย์ท่านอื่นหรือเรียนภาษาอังกฤษตามสถาบัน---------------- ให้สำเร็จ . .และต่อไป ที่ฝันไว้ อาจารย์ติวเตอร์คนอื่น ๆ ที่พอจะมีเวลาว่าง มาเสนอผลงานของตัวเอง ผ่าน Pantip.com มากขึ้น เป็นคอลัมน์ที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริง ๆ และฟรี ของฟรี ก็ดีหรือยอดเยี่ยมได้ @@@@@@@@@ พยายาม Nice ในเรื่องที่เราไม่ Nice แต่สุดท้าย บอกกับตัวเอง ตัวเองเป็นคนทระนง + ถ้าไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่ได้คดโกงใคร ไม่ได้เอาเปรียบใคร ไม่ได้ไปด่าใคร และได้พยายามปรับตัวแล้ว ต้องยอมรับตัวเอง พยายามอยู่ ดูเหมือนว่า บางครั้งทำตัว ไม่น่ารักหรอก เช่น เวลาโกรธ ใครทำอะไร ไม่ถูกใจ ถึงจะจิตใจข้างในดี แต่ถ้าความโกรธครอบงำ เมื่อไหร่ แรงมาก แต่ปัจจุบัน ดีขึ้นมาก ๆๆๆ เพราะนั่งสมาธิ ทำบุญ ทำทาน บ่อยมาก + กับ คนรอบข้างเข้าใจและคอยแนะและตักเตือน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 20:58:11 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 90 อยากให้มองมุมผมบ้าง มันชิน ทำอะไร ต้องทำให้ดีที่สุด และคาดหวัง ซึ่งบางที ผมก็ไม่รู้ จะมาคาดหวังอะไรใน Internet เพราะในโลกแห่งความจริง ชีวิตผม Ok ไปได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว ไม่รู้เหมือนกัน ว่าอะไรกันมากมาย ก็อยากจะขอโทษ และอย่าถือสา เพราะผมก็ไม่ Perfect ตั้งใจนะครับว่า จะพยายามสนองความอยากของตัวเอง ความเป็นตัวตนของตัวเองให้น้อยลง (เขียนตามใจฉัน) และหันไปมองถึงความต้องการของผู้อ่านจริง ๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 20:59:33 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 91 Into the English language เรียนภาษาอังกฤษผ่านประโยคและสำนวนภาษาอังกฤษ Note: tonmelb ยังจะรวมเรื่องที่หลากหลาย แนวเกร็ดความรู้ นะครับ เพราะคนอ่านมีหลายกลุ่ม หลายระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษ และเพราะมันใช้เวลาเขียนไม่มาก ผมอยากแนะให้ดูสิ่งเหล่านี้ 1. Parts of Speech 2. Tenses 3. Vocabulary and expressions 4. Pronunciation- intonation and stress 5. Etc เช่น Structure/Pattern ต่างใน formal/informal writing/use , cultural and social dimensions @@@@ ประโยคสำเร็จรูปที่จะอธิบาย บรรยาย พูดคุย ให้ความคิดเห็นในมุมมองของผม ทั้งที่มาจากหนังสือ+ประสบการณ์ส่วนตัวครับ เช่น ยกมา 1 ประโยคหรือ Paragraph ก็จะยกมาอธิบายพอสังเขป เข่น อาจจะมาคุยเรื่อง Tense หรือเรื่องศัพท์ หรือ คุย parts of speech เป็นฉาก ๆ ไป เช่น เรื่อง gerund, to and without to infinitive or participle or modal verbs จะเขียนเป็นเรื่อง ๆ ให้จบแบบในตอน/พอสังเขป ยกเว้นข้อ 4 ครับ เรื่องการออกเสียง ผมเคยเรียนเสนอไปแล้ว+แนะนำหนังสือเกี่ยวกับ English pronunciation แล้วนะครับ @@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:03:28 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 92 มาดูตัวอย่างจดหมายถึงผู้ปกครอง(บางส่วน) ของโรงเรียนนานาชาติที่หนึ่งครับ Dear Parents, . We would therefore like to celebrate all the different Nationalities and Cultures of the children in Year Today, your children are bringing home a piece of card to fill with information about their home country. It would be wonderful if your children could make a simple display on the card to share with us in School. This may include photographs of members of the family, their flag, money and possibly stamps, a small map, places of interest and landmarks and anything else that they would like to include. It is not intended that many hours are spend on this project; it is an activity that we would like them to enjoy and get as much as possible as they are writing, drawing, cutting and sticking things that are special to them from home. We look forward to seeing them on Tuesday . August- it will be fantastic to share the displays the children have made. Please get in touch if you need any more information. Yours sincerely, The Year Team จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:05:17 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ผมละและเปลี่ยนข้อมูลนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ 1. การใช้ would, could and may VS is, are and will be อย่าไปติดว่า Would, could เป็นอดีต ถึงแม้ ในปัจจุบัน ผู้เรียนหลายคนเข้าใจว่า would and could ไม่ใช่ อดีต แต่ แต่ หลายคนก็ไม่ค่อยมั่นใจ ว่าจะใช้อย่างไร ผล: ก็เลยหลีกเลี่ยงที่จะใช้ would, could หรือแม้แต่ may จะใช้แต่ Verb ช่อง 1+ s, es หรือ Verb in the past ไปเลย ซึ่งในความจริงนั้น การใช้ Would or could ไม่ยาก Would and could มันเป็น Modal verbs นะครับ ใช้แบบ tentative = สุภาพ ไว้ร้องขอ Requesting ครับ เพราะ 2 คำนี้ เมื่อใช้ รูป Past form มันอ่อนลง สุภาพ น่าฟังขึ้นครับ ใน Dictionary เขาเขียนอย่างนี้ เช่น Could – Requesting: Spoken used to make a polite request: Could you help me with these boxes? Possibility อาจเกิดขึ้นได้ ไม่แน่ แค่มี % เกิดขึ้นได้ เช่น If you are not careful, you could get into even worse trouble. Suggesting ไว้แนะ เช่น Maybe we could get together sometime next week? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:06:47 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เช่น ในจดหมาย It would be wonderful if your children could make a simple display on the card to share with us in School. This may include จะดีมาก จะเยี่ยมเลย แนะ อาจจะรวม ต่างกับ Today, your children are bringing . It is not intended that many hours . We look forward to seeing them on Tuesday . August- it will be fantastic to share the displays the children have made. ใช้ Verb ตามสถานการณ์จริง ผมใช้คำว่า -------------------------สถานการณ์จริงและความรู้สึกนะครับ----------- ไม่ใช่ เรื่องเวลา Tense and time are two different things ครับ tonmelb ขอยกตัวอย่าง เช่น Today, your children are bringing . .ใช้ Present Continuous/ Progressive Tense ไม่ใช่หมายถึง สิ่งที่พูด กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะที่พูด (เขียน) แต่หมายถึงว่า สิ่งที่นักเรียนจะกำลังนำกลับบ้านวันนี้ = กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ที่ผู้เจียนมั่นใจว่าจะเกิด ใช้ Present Continuous/ Progressive Tense ครับ หรือ It is not intended that many hours . ใช้ Verb in the Present Tense เพราะประโยคไปในแนว คำสั่ง/ความตั้งใจจริง ๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ให้เป็นแบบนี้นะ และ Simple Future ใน it will be fantastic to share the displays the children have made. คาดหวังไว้เช่นนั้น ในอนาคต ไม่ใช้ Would ถึงไม่ผิด แต่เพราะไม่เหมาะสม ไม่ตรง ไม่ใช่ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:08:46 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ผมมีเรื่องสั้นภาษาอังกฤษแสนรักมาฝากครับ เคย Post ไว้เมื่อหลายปีก่อนครับ ผมเขียนเมื่อปี 1993 เมื่อครั้งเรียน High School ที่ Melbourne ครับ Love story นะครับ Before I begin my story, I would like to ask you how many of you believe in past lives. The answer could be “no one” or “some” or “many”. If you do not believe in past lives, then you may end up changing your mind after reading my story. The incidents in the story might convince you that people do have past lives that they can sometimes recall. This story takes place in my homeland, Thailand. It is about a young man who happened to recall his past life in a dream. Sakon Nakorn Province is in the Northeast of Thailand. This province is like other places in the country being rich in temples and customs. However, this area is different from other parts of Thailand because the people of Sakon Nakorn Province hold strong Buddhist beliefs; beliefs much stronger than other people from other parts of the country. The reason for this is that people up there have developed a strong relationship with those from the neighbouring countries of Laos and Cambodia. Consequently, they hold the same beliefs and have exchanged their customs for over a hundred years. Photizila was a remote village in the province. The people there were mostly farmers and poor but they were rich in soul. They were good-natured, generous and independent. They usually helped each other even when there were not any disasters. The village has a temple called Ban Tham Temple. Each Buddhist holy day the people went to temple to do good for the sake of their life. Nathavut had lived in that temple for most of his life. He was a young man of 20 years of age. He came to live there because he had no relatives. His parents had died when he was so young that he could not remember what his parents had died of. Nathavut was beloved by people both of the village and the temple because he had always helped people. At the temple, he worked hard. Each day he got up early to tend the garden. This man was very happy and peace of mind which came from living at the temple. After finishing his gardening, he liked to sit on a bench in an arbour he had himself erected. He often said to himself, “I like it here. I don’t know why. I think because the garden has a friendly atmosphere.” He vowed that he would never leave the temple to live somewhere else although he had earned a little from looking after the garden. Living here was more than enough because his mind and heart were at peace. @@@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:10:44 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 96 One day, after he had finished sweeping the ground, Nathavut lay on the bench to take a short nap. He had a dream. . He dreamt that while he was sitting on his bench one day, he heard people’s voices nearby. When he emerged from the arbour to investigate the noise, the garden had disappeared around him and all he could see was a beautiful young lady, a house and two girls who, he supposed, were the lady’s servants because they were dressed like peasants in dull coloured garments. The lady was dressed in a different coloured phaung (a Thai garment consisting of a wide strip of cloth with one end and twisted and hitched between the legs) and a different coloured shawl. Although Nathavut could see every minute detail of her garments, strangely enough, he could not see her face clearly. But she saw him and walked over to talk to him. “I have been waiting for you for a long time> Come and stay with me,” she pleaded. Nathavut was confused for he did not know who the lady was. “What is going on? Who are you? I don’t know you at all!” he admitted. “Yes, you do! Please come with me,” she insisted, with tears in her eyes. Nathavut felt indignation rise in him. “No, I do not want to come with you! I do not know you.” The lady’s voice became harsh and she spoke loudly. “You must come with me. I have been waiting for you for too long. I do not want to wait any more.” She moved towards him, arms outstretched, pleading. “No no!” shouted Nathavut. He turned away and began to run. Panic gripped his heart and he ran and ran @@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:12:55 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 97 “Nathavut Nathavut,” a monk who lived at the temple woke him. This monk had raised Nathavut. The monk was an abbot and his name was Piti. “Oh, One’s Father. Have you got something for me to do? ,” asked Nathavut relieved at the sight of the monk. (One’s Father is used as a “title” for an old priest. Thai people usually call a very old priest One’s Great-grandfather or Grandfather and a young priest One’s Elder or One’s Younger). “No, not at all. I saw you sleeping. Are you all right?” replied One’s Father. “I think so,” Nathavut answered. They passed the time in idle conversations but before the monk was about to leave him, Nathavut asked One’s Father about his dream. “One’s Father, while I was sleeping, I had a dream about a lady. She urged me to stay with her but I resisted. This was not the first time I keep dreaming about this lady. I thought it was not just a dream.” The monk understood more than Natavut could have hoped. One’s Father smiled and replied: “It was about your past life. Someone like you can recall it, but others cannot. It depends on one’s soul-power. If your soul in the powerful state, you can recall but your soul is weak, you cannot.” “I would like to access my past life. I just want to know about it. What should I do, One’s Father?” The monk advised Nathavut to make his soul pure and apart from the secular world. “How?” Nathavut was confused, although he had tired to understand what the monk meant. The monk smiled and replied, “Meditate, my boy, each night before you go to bed. Then your mind is pure. You will be able to know your past life. I have to go now. The villagers will be expecting me.” จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:15:27 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 98 Nathavut bowed low as the monk left. He thought to follow the monk’s advice from now on. From that day, he meditated each night before he went to bed. His first meditation lasted only five minutes. His mind was still agitated but he kept trying. After three months, Nathavut could meditate for about one hour. He now felt that his mind was at peace. In the meantime, he wondered why he did not dream about that during lady during the three-month period. Then he though to himself, “Perhaps, it was a dream.” One night, after meditating he had gone to bed and when he had fallen asleep, he dreamt about her again. This time she was dressed like an old woman. She had a blue shawl and a grey phaung. She had a small, shining, purple diamond ring on the third finger of her left hand. She had gold and diamond bracelets on her right wrist. Nathavut got up off the bed to face her. The lady walked towards him. She was beautiful, tall and slender, with milk-white skin and thick, long black hair that shone in the moonlight. Her hair was loose- no pin or ribbon tied it back. He was not afraid of her, but he was shaken by her great beauty. “Come with me, my daring. Here is not our house. Ours is not far from here,” she pleaded sadly with him. “Who are you? I do not know you madam. Besides, I do not have a house. I have lived here at the temple for most of my life.” “Yes, you do. You are my husband. Please come home with me!” She seemed about to cry again. Nathavut stared at her apprehensively at first then tried to calm down and to recall everything about his past life. His three-month meditation and his soul-power assisted him in remembering everything จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:17:05 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 99 This lady was his wife. His house was once located near this temple. The temple had not been built yet as it was two hundred years ago. Nathavut was a commander-in-chief. He was really skilled and the King and his men put their trust in Nathavut. One day, Nathavut had to go the border to drive the enemy off from his motherland. No one expected that Commander Nathavut could make a slip because every time he went to war, he would bring victory back home. He asked Ploy (his wife) to look after the house and their children while he was away. Ploy, with a sad smile, replied, “Yes, I will do this. Please Buddha be with you.” Nathavut kissed his wife before leaving and, as he did so, he was startled by the thought that he would never come back home again. However, he did not pay much attention to this at that time. So, Nathavut went to war. He led his troops into violent battle; many soldiers on both side died. Nathavut fought bravely but was stabbed from behind by an enemy solider and died before he even fell to the ground. Then the troops were routed. The news of his death was delivered within five days by one of Nathavut’s trusted men. The King and his people deeply regretted the news. Ploy grieved terribly. From that day on she isolated to speak to everyone, including her children. It was said that she could be heard crying day and night. She pined away to her death จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:18:35 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 100 After Nathavut came out of his mediation he looked at Ploy more sympathetically. “Ploy!” cried Nathavut in recognition. They hugged. The lady cried happily and attempted to convince him to stay with her. Somehow he had lost heart after seeing his past life. Although he now understood her pain, his answer remained “No”. “Sorry, my daring, I cannot come with you, although I still love you very much.” “But why?” asked Ploy, surprised. “I just cannot. We are now in different worlds. And you are a spirit, but I am alive. We just cannot live together,” Nathavut explained. More important, I am so happy now as I have peace of mind and heart.” The lady was now angry. Her voice became harsh again. “You must come with me. I love you. If you do not come, I will take you!” “No. Please don’t do that, Ploy. I still love you but I just cannot go back with you,” said Nathavut. Ploy moved towards him. Nathavut this time stood still; his legs just could not move. He thought he must do something or anything at all to stop this happen. จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:20:40 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ----------------------------พักสายตา--------------------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:22:15 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 102 But he was confused and indecisive. This woman was his faithful wife, after all. “What should I do now? I do not want to betray her. She loves me and has been waiting for me for a long time,” thought Nathavut. Nathavut knew deep down that he still loved her. Yet he believed that this was impossible. He must make her realise that living together was impossible. “Time to go, my dear,” smiled Ploy. She took him by the hand. “Wait, Ploy,” shouted he. “Listen to me, Ploy. I love to come with you but now is not my time yet. I love you and I do want to spend time with you. If you really love me, please wait for me,” explained Nathavut. “When will be your time?,” Ploy asked sadly. “I don’t know. In fact, nobody knows. If you still insist, you can take me now but please realise that you are committing a sin by taking one’s life.” “When it’s time, we will live together happily once again. Please trust me.” Ploy then let Nathavut’s hand go. “I will be waiting for you. Always.” “Goodbye,” Ploy said reluctantly. Tears just kept rolling her face. Before she turned her back and was about to leave, Nathavut moved towards her to hug her. “I love you. Please wait for me.” Both hugged for the last time จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:23:38 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 103 Nathavut woke up and looked around the room. She was not in the room any more. He was thinking about her. Nathavut thought that tomorrow he would talk to One’s Father about this. He closed his eyes again, but sleep refused to return easily. He got up at about six o’clock. Nathavut cleaned up the garden as usual. The monk came to him. “Up early today, Nathavut?” greeted the monk. “Yes, One’s Father,” he answered. Then he told the monk about what had happened the night before. “What can I do about her, One’s Father?” asked Nathavut anxiously. I very much sympathise with her. I do not want her spirit go around like this. I want her soul to find peace.” “You should do as much good as you can when you are alive. Share the wages of your good deeds with her. Her soul will find peace because of the power of your good deeds. Then she will be reborn in her next life,” explained One’s Father. “Will she come to visit me again?” “No, she will not,” continued One’s Father. “When you do a good deed, your mind will be strengthened. Therefore she cannot visit you because your mind has power over her spirit.” จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:24:57 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 104 Nathavut nodded and bowed to the monk. One’s Father left to receive food from the villagers (This is a custom where people will make merits by giving food to monks. Nether are not people forced nor the monk beg for the food). After the monk was of sight, Nathavut vowed to do good deeds for the rest of his life. Somehow he felt relief that he could now no longer worry about Ploy. His past life was well and truly in the past. He was quite satisfied with his present life. He walked towards his bench sat, and felt peaceful. “Goodbye my dear Ploy,” Nathavut whispered. “I would love to spend my next life with you again, but now I seek peace.” Nathavut then left the bench to resume his daily work. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:26:59 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 105 65 years later 1 January 2600 Nathavut is now an old man of 85 years of age. Nonetheless, he remains healthy for he has been always active for the rest of his life. He still lives alone at the same house. “Got to go to bed early tonight,” thinks he. He is rather spent as he has helped the monks and villagers at the temple during the day. Yes, today is New Year’s Day. Around 1:30 AM He dreams again. He dreams that he hears someone calling him outside the house. Nathavut then gets up and walks out of the room to investigate the noise. Down there he meets Ploy. Ploy gives him a complete artless smile. She says, “Time to go, dearest.” No resistance from Nathavut. He does not understand why. Nathavut walks towards her. On touching Ploy’s hand again, he turns a young man of 20 years of age again. Nathavut pulls Ploy into a hug. Both smile happily. “Yes, you are right. It’s time to go,” agrees he. Nathavut and Ploy then disappear @@@@@@@ THE END @@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:28:29 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 106 @@@@@@ A promise @@@@ Even if/even though the earth, ocean and I no longer Exist Love and harmony die not Under the heavens, under the waters I were Wishing/desiring to meet/see you always The ocean [if] you were A fish I wish I were Water-lily/lotus [if] you were A bee I wish I were Admiring you, my absolute treasure A magnificent cave [if] you were A hansa (swan) I wish I were Gliding (down) to the ground To be together Wherever you will be I follow after you Be your man Loving you In every life @@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:30:01 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 107 Come Mun Sun Yah Teung Muay Din Sin Fah Maha Samut Mai Sin Soot Kwarm Ruk Samuk Samarn Mae Yu Nai Tai Lah Sut Tah Tarn Kau Pob Parn Pitsaward Mai Klahd Klah Mae Neur Yen Penh Huang Mahunhnop Pi Kau Pob Sri Sawas Pen Mudcha Mae Pen Bua Tao Pi Pen Poom Mara Chur-ie Pha Ga Go Soom Mae Penh Tum Um Pai Krai Penh Hong Ja Ron Long Sing Su Pen Coo Song Kau Tid Tarm Sarm Sanguan Nuan Laong Penh Coo Krong Pitsaward Took Chat Pai @@@@@@@@ Good nite ครับ กลอนภาษาอังกฤษเพิ่งมาเเต่งเพิ่มเมื่อ 5 ปีที่เเล้ว อาจไม่ดีนัก เพราะเเต่งไป เเล้วหยุดไปเสริฟอาหาร ถ้าใครมี Version ใหม่ Post ได้เลยนะครับ จำได้ว่า พี่ลิลี่เมญืเเห่งรวมพลนักเเปล เคยเเต่งให้ใหม่ จากคุณ : tonmelb - [ 26 เม.ย. 51 21:33:38 A:61.91.193.154 X: TicketID:054700 ]