PANTIP.COM : K6510122 ม.4 ได้แผนก ศิลป์-คำนวณ มีทางออกอย่างไร [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 5

จริงๆ แล้ว ม.ปลาย มีความสำคัญต่อเลือกการศึกษาชั้นสูง ซึ่งเป็นวิชาเฉพาะมากเลยนะครับ

เด็กอาจยังไม่รู้ตนเองว่าชอบเรียนอะไร หรือคิดว่าชอบแต่จริงๆ ถนัดด้านอื่นมากกว่า เมื่อไปเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จะทำให้ความชอบหรือความถนัดนั้นเด่นชัดออกมา ทำให้เลือกเรียนในสาขาชั้นสูงที่เหมาะสมและประสบความสำเร็จในการเรียน

แต่ถ้าใน ม.ปลาย ไม่สามารถค้นพบความชอบหรือความถนัดที่แท้จริงของตนเองได้ อาจทำให้เลือกเรียนต่อผิดสาขา ทำให้ขณะเรียนไม่มีแรงจูงใจที่จะเรียนให้ดี มีความรู้ความสามารถด้านนั้นอย่างแท้จริง จบออกมาอาจทำงานในสาขาที่จบออกมาได้ไม่ดีนัก หลายๆ คนต้องหันไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับที่เรียนมาเลยก็มี

(ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับระบบการเรียนในม.ปลายด้วยว่าจะช่วยให้เด็กค้นพบความถนัดที่แท้จริงได้อย่างไร ความรู้ที่เด็กต้องเรียนเดี๋ยวนี้มีมากเหลือเกิน การแข่งขันก็สูง บีบให้เด็กต้องเรียนทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง เลยกลายเป็นรู้กว้าง แต่อาจจะไม่รู้จริงในอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ)

การเรียนสายวิทย์เอื้อต่อเด็กมากในระบบการสอบ...
นักเรียนสายวิทย์มีสิทธิ์จะเรียนต่อได้ทุกอย่าง จะเรียนต่อชั้นสูงสายศิลป์ก็ได้ถ้ามีความสามารถเพียงพอ
แต่เป็นนักเรียนสายศิลป์จะเรียนต่อสายวิทย์ไม่ได้ สอบก็ไม่ได้ด้วยครับ

ปัจจุบันนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ในสายวิทยาศาสตร์ พบว่าพอเรียนไปได้
แต่ในใจอยากเรียนด้านภาษาศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์เหมือนกันครับ
...เรียนๆ อยู่เคยเหนื่อยท้อจนอยากไปเอ็นท์ใหม่ก็มีมาแล้ว หากแต่ถูกทัดทานและได้รับกำลังใจจนผ่านเวลาที่เหนื่อยยากมาได้ ตอนนี้จะให้กลับไปจุดที่จะเริ่มใหม่ได้ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว

หลานคุณแม่อยากเรียนทันตแพทย์ ทราบว่าต้องเรียนสายวิทยาศาสตร์ ตอนม.ปลายเท่านั้น ถ้าจะเรียนสายศิลป์-คำนวณ จำต้องตัดความคิดที่จะเข้าเรียนชั้นสูงสายวิทยาศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัยไป

มีคำแนะนำให้เลือก 2 ทาง คือ

1. สอบระดับ ม.4 ใหม่ (ปีนี้ก็ให้เรียนไปก่อน)
...นี่จะทำให้เสียเวลาไป 1 ปีเต็ม ผมไม่ทราบว่าหลานคุณแม่สอบเข้าได้ที่ไหน ถ้าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างเตรียมอุดมศึกษา พอเข้าใจได้ว่าสอบเข้าสายวิทยาศาสตร์ยาก
...แต่ถ้าเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ไม่ได้มีการแข่งขันสูงเท่า ต้องดูว่าเรียนวิทยาศาสตร์ไหวหรือเปล่า เพราะเนื้อหาวิทยาศาสตร์ใน ม.ปลาย หนักกว่า ม.ต้นมาก คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา เรียนลึกลงไปทั้งนั้น ถ้าน้องและคุณแม่คิดว่าโอเคเรียนไหว เสียเวลา 1 ปีสำหรับน้องอาจคุ้มค่า เพราะบางคนเรียนม.4 2 ปี ท้ายที่สุดก็เข้าเรียนต่อ และจบออกมาทางวิทยาศาสตร์ มีหน้าที่การงานที่ดีได้

2. เรียนม.ปลาย สายศิลป์-คำนวณอย่างที่สอบได้ และสุดท้ายเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาที่เหมาะสมกับความถนัด และความพอใจทีหลัง
...ถ้าโรงเรียนที่สอบเข้านี้คือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หรือเป็นโรงเรียนที่การแข่งขันใกล้เคียงกัน และตัวหลานเองคิดว่าคงเรียนสายวิทย์ไม่ไหวแน่แล้ว แนะนำเรียนสายศิลป์-คำนวณเถอะครับ มีสาขาวิชาชั้นสูงอีกมากไว้ให้เรียนต่อ ไม่ว่าจะด้านมนุษยศาสตร์ (อักษรศาสตร์ ครุศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ฯลฯ) หรือด้านสังคมศาสตร์ (เศรษฐศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์และสื่อมวลชน ฯลฯ)
...หลานคุณแม่จึงมีเวลาถึง 1 ปีที่จะตัดสินใจว่าจะเรียนม.ปลาย สายวิทย์โดยสอบใหม่ หรือโอเค สายศิลป์-คำนวณ พอเหมาะกับความสามารถเราแล้ว และพอเห็นความถนัดของตนเองจริงๆ ก็ให้เรียน ม. 5 สายศิลป์คำนวณต่อไปได้

ค่านิยมในการเรียนต่อมีผลต่อการค้นอัตลักษณ์ของตนเองครับ เพราะบางคนไม่ได้เก่งหรือวิทยาศาสตร์มากมาย แต่ฝันอยากเรียนเป็นหมอ เป็นวิศวะ ตามความนิยมของสังคมและความนิยมของผู้ใหญ่ เลยทำให้
1. มีความทุกข์ยากใจตั้งแต่เรียนม.ปลาย สายวิทยาศาสตร์ สุดท้ายก็หันไปเรียนสายสังคม หรืออื่นๆ
2. ม.ปลายไม่ค่อยเป็นทุกข์ เพราะหัวดีเรียนได้ แต่พอมาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วเกิดไม่ชอบ เรียนไม่ไหว เกิดเป็น "เด็กซิ่ว" อยู่จำนวนมาก
...ตอนผมเข้าปฐมนิเทศปี 1 เจอเพื่อนปี 1 ด้วยกันมาจากต่างคณะ บอกว่าซิ่วมา 3-4 ปีแล้ว เลยเข้าใจว่าคนเราหาจุดที่ชอบของตัวเองขณะเรียนม.ปลายไปไม่ได้ทุกคน

ลองถามน้องเถอะครับว่าอยากเรียนทันตแพทย์จริงหรือเปล่า เพราะเรียนหนักพอควร และงานที่ทำก็มีความลำบาก ไม่ได้นั่งสบายๆ แล้วเงิน ได้ชื่อเสียงนะครับ ...ดูแลแต่สุขภาพคนอื่น สุขภาพตนเองเสื่อมโทรมเนี่ย

อีกอย่างงานการทางด้านวิทยศาสตร์สุขภาพเดี๋ยวนี้ความเสียงมากขึ้น ทำงานหนักขึ้น ได้เงินเท่าเดิม ผิดกับงานหลายๆ อย่างด้านการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ กฏหมาย หรือแม้กระทั่งด้านสื่อหรือศิลปบันเทิง ที่งานไม่หนัก (กายและใจ) เท่า มีเวลาเป็นของตนเองมากกว่า รายได้ก็ดีถึงดีมาก
...เหตุผลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กเลือกเรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพน้อยลง อย่างที่เป็นข่าวอยู่ 2-3 วันที่ผ่านมานี้

ผู้ใหญ่ออกมาบอกว่าเหตุผลที่เด็กไม่เลือกเรียนสายแพทย์เพราะว่ากลัวโดนฟ้องหนึ่ง และงานหนักหนึ่ง แต่ไม่มีใครพูดถึงว่าระบบการเรียนม.ปลายที่ปรับปรุงแล้วปรุงเล่านั้น ไม่เหมาะสมต่อการส่งเสริมและขับเน้นการเรียนต่อด้านวิทยาศาตร์หรือเปล่า?
...เลยพลอยทำให้เด็กส่วนใหญ่เห็นว่าสายสังคม สายมนุษยศาสตร์น่าเรียนกว่าสายวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบัน
น่าคิดนะครับ
แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 51 22:31:24
แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 51 22:25:14

จากคุณ : รังสีไอฟ่า - [ 12 เม.ย. 51 22:12:51 ]