PANTIP.COM : K6523930 รู้จักเอธิโอเปีย....แผ่นดินเขียวชอุ่มเหนือที่ราบสูง กับฝูงบาบูนมังสวิรัสาแห่งไซเมียน [หน้าต่างโลก]

ความคิดเห็นที่ 2

ภูมิหลัง...แผ่นดินอบิสซิเนียสู่เอธิโอเปีย

......ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ดินแดนเอธิโอเปียก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ เรียกว่าอบิสสิเนีย เป็นประเทศที่มีเอกราชมาแต่โบราณ ปกครองโดยราชวงศ์เอธิโอเปีย ซึ่งได้รับการสถาปนาโดยพระเจ้าเมเนลิก พระราชโอรสของพระเจ้าโซโลมอนและพระนางชีบา เมื่อประมาณ ๑,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาลวัฒนธรรมได้รับอิทธิพลมาจากอียิปต์และกรีก อิตาลีได้เข้ายึดครองแคว้นเอริเทรียของเอธิโอเปียเมื่อปี ๒๔๑๒ และประกาศให้แคว้นเอริเทรียเป็นอาณานิคมของตนเมื่อ ๒๔๓๓ แต่ในสนธิสัญญาสันติภาพอิตาลียังคงยอมรับเอกราชของเอธิโอเปียต่อไป......

............เอธิโอเปียอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตรยิ์ไฮเล เซลัซซี เป็นเวลากว่า ๕๐ ปี นับตั้งแต่ปี ๒๔๕๙ โดยเซลาสซี เข้ารับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการและในปี ๒๔๗๑ เซลัสซีได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ จากนั้นในปี ๒๔๗๓ เอธิโอเปียจึงมีฐานะเป็นจักรวรรดิ์ ต่อมาในปี ๒๔๗๙ อิตาลีได้รุกรานเอธิโอเปีย และยึดเอธิโอเปีย เอริเทรีย และโซมาลีแลนด์ และประกาศรวมกันเป็นแอฟริกาตะวันออกของอิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี ๒๔๘๔ และในปีเดียวกันนั้นภายใต้ความช่วยเหลือของ South African Troops และอังกฤษ ทำให้จักรพรรดิเซลัสซี สามารถยึดครองเอธิโอเปียคืนจากอิตาลีได้เป็นผลสำเร็จ แต่อิตาลียังคงยึดแคว้นเอริเทรียไว้ หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เอธิโอเปียได้เรียกร้องดินแดนเอริเทรียคืน และสหประชาชาติได้มีข้อมติที่ ๓๘๐ A (V) ปี ๒๔๙๒ โดยให้เอริเทรียเป็นดินแดนปกครองของตนเองภายใต้จักรวรรดิเอธิโอเปีย แต่ต่อมาในปี 2505 เอธิโอเปียได้ทำการผนวกเอริเทรียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในฐานะจังหวัดที่ 14 และได้กลายเป็นชนวนการสู้รบระหว่างชาวเอริเทรียที่ต้องการเอกราชกับฝ่ายเอธิโอเปียเรื่อยมา (กระทั่งปี 2536 ที่รัฐบาลเอธิโอเปียยอมให้มีการลงประชามติเกี่ยวกับอนาคตการปกครองของประชาชนเอริเทรีย ซึ่งปรากฏว่า ประชามติเป็นเอกฉันท์ให้เอริเทรียแยกตัวออกจากเอธิโอเปีย)......................

.............ในเดือนกันยายน ๒๕๑๗ คณะทหารได้ทำการปฏิวัติล้มระบอบและประกาศจัดตั้งรัฐสังคมนิยม ทำการกำจัดฝ่ายค้านและชนเผ่าต่าง ๆ ที่ต้องการจะแยกตัวเป็นอิสระอย่างรุนแรง มีการจัดตั้งกลุ่มกองโจรต่อสู้กับรัฐบาล จากนั้นในปี ๒๕๒๐ เอธิโอเปียได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับสหภาพโซเวียต เนื่องจากความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเคยให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธและอื่น ๆ ได้เสื่อมโทรมลง โดยในปีต่อมา ที่ปรึกษาชาวโซเวียตและทหารคิวบาได้ถูกส่งเข้ามาช่วยสู้รบกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในช่วงแรกหลังการปฏิวัติ......................

............ภายหลังการปฏิวัติ เอธิโอเปียปกครองโดยสภาบริหารแห่งทหารชั่วคราว (Provisional Military Administrative Council PMAC) โดยมีพลโทอามาน แอนดอมเป็นประธาน PMAC และประมุขแห่งรัฐ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ พลโทเมนกิสตู เฮเล-มาเรียม ได้ขึ้นเป็นประธาน PMAC และเป็นประมุขของรัฐคนต่อมา จากนั้น ในปี ๒๕๒๗ พรรคกรรมกรแห่งเอธิโอเปีย (Workers’ Party of Ethiopia WPE ) ถูกจัดตั้งขึ้นและเลือกพลโทเมนกิสตู เป็นเลขาธิการพรรค และในปี ๒๕๓๐ (หลังจาก ๑๒ ปี ของการปกครองโดยสภาบริหารของทหาร) มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งใช้แนวทางของมาร์กซิสต์และเลนิน ต่อมาในเดือนมิถุนายนมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา (National Assembly หรือ Shengo) และในเดือนกันยายนปีเดียวกันพลโทเมนกิสตูได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี............

...........จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2534 กลุ่มกบฏ Ethiopian People’s Revolutionary Democratic Front (EPRDF) ร่วมกับกลุ่ม Eritrean People’s Libration Front (EPLF) ได้ทำการรัฐประหารและจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น ทำให้ พลโทเมนกิสตู ต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศซิมบับเว ทั้งนี้ นายเมเลส เซนาวี หัวหน้ากลุ่ม EPRDF ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการ ต่อมามีการจัดตั้งสภาแห่งชาติ ซึ่งมีผู้แทนจากกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในเอธิโอเปีย ๒๕ กลุ่ม ที่ประชุมสภาแห่งชาติได้ออกเสียงเอกฉันท์เลือกนายเมเลส เซนาวี เป็นประธานาธิบดีต่อไป และจัดตั้งรัฐบาลรักษาการ โดยมีนายตามิรัต เลย์เนเป็นนายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี ๒๕๓๘.......

ในภาพจักรพรรดิ ไฮเล เซลัสซีที่ ๑ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเอธิโอเปีย

จากคุณ : นกสุโขทัย - [ 17 เม.ย. 51 19:55:28 ]