ความคิดเห็นที่ 1 กลับมาแล้วครับ หนังเรื่องนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กะวีรเวรในการไล่ตัดคอเมียตัวเอง ฉากสุดท้ายเป็นตอนที่แอน โบลีน ถูกฟันคอ แล้วฉายให้เห็นอลิซาเบธ ตอนเด็กกำลังเดินอยู่ และมีบทบรรยายว่า อีกไม่กี่ปีต่อมา เธอก็ได้เป็นพระราชินีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึงของอังกฤษ ก็คงหมายถึงคู่กะวิคตอเรีย นั่นแหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 เม.ย. 51 15:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลงชื่อตามอ่านต่อ จากคุณ : Nexus - [ 18 เม.ย. 51 16:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาแล้วหรือจ๊ะ..พ่อตัวดี..อย่ามาเฉไฉเล่าเรื่องแอน โบลีน.. กลับมาต่อเสียดีๆเชียว จากคุณ : WIWANDA - [ 18 เม.ย. 51 22:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อเรื่องไหนละพี่ ทั้งธิเบต ทั้งไซออนนิสต์ ทั้งแอน โบลีน เอาไซออนนิสตก่อนแล้วกันเยอะ จับความเอาตามเมื่อสหประชาชาติไฟเขียวให้ตั้งรัฐอิสราเอลแล้ว  ทางฝั่งอาหรับก็เริ่มกดดันทันที แต่ทางอิสราเอลที่เตรียมความพร้อมมาดีกว่า เพราะแม้ว่าจะพึ่งได้รับการรับรองจากยูเอ็น แต่จริง ๆ แล้วรัฐบาลอิสราเอลทำงานโดยพฤตินัยมาก่อนหน้านั้นหลายเดือน ยังไม่ต้องนับถึงความพร้อมของกองทัพที่พร้อมจะเข้าทำการรบทุกเมื่อ เมื่อแรกตั้งรัฐบาลนั้น ได้ ดร.ไวซ์แมน ซึ่งเคยเป็นประธานองค์การยิวแห่งโลก มาเป็นประธานาธิบดีคนแรก ส่วนนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดิวิด เบนกูเรียน ซึ่งเคยเป็นประธานองค์การยิวเหมือนกัน เรื่องสหประชาชาติรับรองรัฐอิสราเอลนี่ ขอวกไปที่ธิเบตหน่อย เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เราทราบดีว่ามีการจัดระเบียบโลกใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของประเทศราชทั้งหลาย เพราะตอนนั้น อเมริกา เริ่มเถลิงอำนาจขึ้นมาเป็นเลก ชนิดสั่งซ้ายเป็นซ้าย เพราะดันมีปรมาณูในมือ ส่วนมหาอำนาจเก่าเลาเหย่ยังฝรั่งเศสกะอังกฤษ ต่างสิ้นท่า เพราะขาดทั้งตังส์ ขาดทั้งคน และวิธีเดียวที่อเมริกา จะลดแต้มต่อของสองมหาอำนาจเดิม คือ ปลดปล่อยประเทศราช อาณานิคมทั้งหลายให้เป็นอิสระ เพื่อที่จะให้พ่อค้าอเมริกัน เข้าไปเสียบแทนบริษัทจักวรรดิ์ทั้งหลาย อันนี้ในบ้านเราก็ชัดเจน เพราะก่อนหน้าสงครามโลก บริษัทห้างร้านส่วนใหญ่ของเราเป็นของอังกษ แต่พอหลังสงคราม กลายเป็นอเมริกันไปเกือบหมด การจัดระเบียบโลกที่ชัดเจนมากอย่างหนึ่งคือ ประเทศต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ผู้แพ้สงคราม ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เพื่อให้ได้รับการรับรองความเป็น "ชาติ" ซึ่งการสมัครนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหมือนไปสมัครเข้าบ้านเอเอฟ แฟนตาเซีย อะไรประมาณนั้น เพราะถ้า 5 ชาติมหาอำนาจไม่รับรองก็เข้าไม่ได้ ตอนนั้นไทยต้องแก้ถึง 3 ประเด็นใหญ่จึงจะเข้าเป็นสมาชิกได้ คือ เรื่องฝรั่งเศสขอพระแก้วมรกตคืนให้เวียงจันทร์ สอง เอาข้าวให้อังกฤษฟรี ๆ ล้านห้าแสนตัน และสาม ยกเลิก พ.ร.บ.การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ตามคำเรียกร้องของพี่โซเวียต ประเทศไทย จัดการได้ทั้งสามเรื่อง ทำให้เราสมัครเป็นสมาชิกได้ และได้รับรองความเป็นชาติตามกฎหมายสากล แล้วถ้าไม่ได้ละ จะเกิดอะไรขึ้น กรณีธิเบตนี่ไง เมื่อหลังสงคราม ธิเบตไม่ได้สนใจต่อสหประชาชาติเลย ดังนั้น เมื่อจีนแดงบุกธิเบต  สหประชาชาติจึงเข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้ และแม้จะมีความพยายามของซีไอเอบ้างเล็กน้อย แต่เพราะผลประโยชน์ในธิเบตมันน้อยเกินกว่าที่ซีไอเอจะทุ่มเทอะไรมากไปกว่านี้ได้ ผิดกับกรณีเกาหลีใต้ ที่สหประชาชาติ (ตอนนั้นเป็นเสือจริง ไม่ใช่เสือกระดาษยังวันนี้) ทุ่มกำลังเข้ายันทัพแดงจนสำเร็จ เพราะฉนั้นกรณี ฟรีธิเบต จึงเป็นเรื่องที่เลื่อนลอยเหลือเกิน และเทียบไม่ได้กับกรณีติมอร์ เพราะที่นั่นโปตุเกส เขาสละความเป็นอาณานิคมแล้ว แต่อินโดฯไปฮุบเอาภายหลัง ดีไม่ดี กรณีธิเบตในการเมืองโลก จะเป็นได้ก็แค่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ของเรา ที่ยากจะกลายเป็นกรณีระหว่างประเทศไปได้ จะมีได้กรณีเดียว ก็คือให้เหมือนกับเหตุการณ์ในบอสเนียที่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ฆ่าเพราะความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน หรือเชื้อชาติต่างกัน นั่นแหละครับ พอมีทางที่นานาขาติจะเข้ามาแทรกแซงและปลดปล่อยธิเบตได้ แต่ดูหน้าตักจีน พ.ศ.นี้แล้ว คงยากครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 21 เม.ย. 51 14:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 3 ข้อที่ไทยต้องทำก่อนเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ข้อแรกน่ะ ที่ต้องคืนพระแก้วมรกตให้ลาวน่ะ จำได้ว่าทูตไทยที่ไปประชุม บอกว่าถ้ารัฐบาลตกลง รัฐบาลชุดนั้นจะอยู่ไม่พ้นเย็นนั้นเลย ข้อนี้จริงหรือเปล่าครับ เคยอ่านที่ไหนมาไม่รู้เหมือนกัน ปล ขอตัวกลับไปอ่านกระทู้ที่แล้วก่อน ยุ่งๆ นิดเดียว ขึ้นกระทุ้ใหม่กันเลย จากคุณ : กริชครับผม - [ 21 เม.ย. 51 17:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กลับมาเมืองไทยแล้วไม่ค่อยได้เข้าห้องนี้เล้ยยยย อิอิ เดินทางปลอดภัยกันบ้างหรือเปล่าครับช่วงสงกรานต์? จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 21 เม.ย. 51 22:41:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อแรก ไทยตอบไปประมาณนั้นครับ  ฝรั่งเศสก็ไม่ได้ติดใจอะไรนักหนา ไม่ได้ก็ไม่ได้ เพราะฝรั่งเศสไม่ได้เห็นค่าตรงนั้นเท่าไร เขาคิดแต่ว่าจะสร้างภาพทางการเมือง เอาใจคนลาวเพื่อจะได้กลับไปปกครองลาวต่อเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่วนเรื่องข้าว ก็เจรจายืดเยื้อไปมา จนกระทั่งกลายเป็นว่าอังกฤษต้องจ่ายเงินซื้อข้าวเราทั้งล้านห้าแสนตันนั้นเอง เรื่อง พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ไม่มีปัญหา เลิกไปก่อนได้ เดี๋ยวค่อยเอามาใช้ใหม่ สุดท้ายเราก็ได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่เท่าไร จำไม่ได้ ใครช่วยหาทีแล้วกันครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 21 เม.ย. 51 23:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาลงชื่อครับ ส่วนประเทศไทยนี่ได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่เท่าไร ตอบไม่ได้ รู้แต่ date of admission ครับ 16-12-1946 จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 21 เม.ย. 51 23:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เก่งเนาะ พูดจากต้องให้ข้าวฟรีจนกลายเป็นเค้าต้องมาซื้อข้าวเรา จากคุณ : h - [ 22 เม.ย. 51 02:40:07 A:81.152.202.46 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติลำดับที่ 55 ครับเลขสวยเชียว จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 22 เม.ย. 51 09:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาอ่านคัรบผม จากคุณ : joblovenuk - [ 22 เม.ย. 51 13:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พักนี้น้ำมันแพงหรือไงก็ไม่รู้ค่ะ เห็นทีจะต้องหาสารหล่อลื่นชนิดอื่นมาหยอดคนเขียน แทนน้ำมันเสียหน่อยแล้วละคะ คนเขียนของเราเป็นประเภทเครื่องดีเซลค่ะ ติด (โครต) ยาก   แต่ถ้าติดแล้ว  มักจะไม่ยอมดับซะด้วยสิ ก็อย่างว่าละนะคะ  หนุ่มหล่อล่ำออกขนาดนั้น จะให้ดับง่ายๆได้ยังไง ถ้าน้ำมันแพงนัก   ก็ให้ดับไฟคุยกับแฟนสิคะ ประหยัดสองต่อนะ จากคุณ : Gasalong - [ 22 เม.ย. 51 20:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณศราวุธ  กับคุณหนูหล่อ  มีอะไรกันเหรอ  ดูลับลมคมจังเลย เล่าเรื่องชีวิตที่มเองไทยให้ฟังหน่อยสิค่ะ   มันลำบากแสนเข็ญกว่าอยู่คูเวตหรือเปล่า เมื่อปีที่ผ่านมา  มีลูกค้าเป็นป๋า  ชาวคูเวต น่ารักเชียวค่ะ ที่ว่าน่ารัก หมายถึงว่าคุณลุงเขาสะอาดมากกกกก ค่ะ ไม่มีกลิ่นในจินตนาการให้ได้รกจมูกเลย แต่สิ่งที่สร้างความลำบากใจให้เรามากก็คือว่าคุณลุงมีความพยายามอย่างมากที่จะชง "ชาเฮ"  ให้เราชิมค่ะ    ซึ่งคุณลุงจะบรรจงลงมืองชงด้วยตนเอง  ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจลย   แต่สุดท้าย คุณลุงก็ทำสำเร็จค่ะ   ถามหาแก้วชากันจ้าละหวั่น     และคุณลุงก็ทำหน้าอธิบายยากพอควรค่ะ   เมื่อเรายื่นแก้วมักให้     โอเค  มักก็มัก  คุณลุงบรรจงรินชาใส่แก้วมัก  พร้อมทั้งสาธิตวิธีเสริฟ  วิธีริน   และวิธีดื่ม  (เหมือนการดื่มไวน์ไหม)   แล้วคุณลุงก็ยื่นอินผลม ชนิดพิเศษให้ด้วยค่ะ อร่อยตรงอินผลัมนี่แหละค่ะ   จิบชาหนึ่งจิบ  ก็แทะอินผลัมไปหนึ่งที   กว่าชาจะหมด  ก็ได้กินอิทผลัมไปหลายลูก   ซึ่งคุณลุงบอกว่ากินเปลืองมาก    เขาให้แทะแค่ทีเดียว  แต่เราเล่นอมทั้งเม็ด   เพราะมันหวานอร่อยค่ะ อินทผลัมนี่ก็มีของอร่อยกับของธรรมดาด้วยนะ   กล่องแรก  ที่คุณลุงแกะให้ชิมนั้น  เป็นแบบลูกใหญ่ อบแห้ง   แต่หลังจากที่คุณลุง ยื่นแก้วชาเฮให้แล้ว   คุณลุงก็ยื่มกล่องใสที่บรรจุอิทผลัมอีกแบบมาให้     แบบนี้เป็นลูกเล็กกว่าแบบแรก   แต่สีออกสีน้ำผึ้ง  ชุ่มฉ่ำเชียวค่ะ คุณลุงบอกว่า  ของยูต้องลองอันนี้  เราก็เคืองคุณลุงเล็กน้อย  หาว่าเอาของไม่ดีให้เรากิน   แต่แบบลูกเล็กนี้  มันฉ่ำ   และหอมกว่านะคะ สรุปแล้ววันนี้คุณลุงเสียอิทผลัมไป 1 กล่องค่ะ   แต่ชาเฮ  ขายไม่ออก เพราะมันไม่อร่อยค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 22 เม.ย. 51 20:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอไม่พูดถึงคูเวตสักปีเถอะครับ เบื่อเต็มที ไว้อะไรๆลงตัวแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ ที่เมืองไทยชีวิตแฮปปี้บ้าง ทุกข์บ้างตามประสา แต่สบายใจครับ จะอย่างไรก็บ้านเรา คนไทยด้วยกันทั้งนั้น มีไรเราคุยกันรู้เรื่อง เรื่องข้าวกับอังกฤษนี่อาจานสื่อเคยร่ายไว้อย่างละเอียด ไว้ในกระทู้สัก70-80 กระมังครับถ้าจำไม่ผิด (หรือจำผิดก็ไม่รู้ หากันเอาเองนะครับ) แต่ผมความจำสั้นก็จำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้แร้ว อิอิ กับคุณหนูหล่อผมไม่มีฟามลับอะไรหรอกครับ โธ่ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 22 เม.ย. 51 22:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่เป็นต้นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างมุสลิมกับตะวันตก ก็จบแค่นี้แหละครับ เพราะต่อจากนี้ก็คือเรื่องของสงคราม 3 ครั้งที่เคยเล่าเอาไว้แล้ว ทีนี้จะไปต่อด้วยเรื่องผู้ก่อการร้าย ก็ไม่แน่ใจซะแล้วว่า มันจะเป็นเรื่องการกระทบกระทั่งศาสนาหรือเปล่า เพราะยังไงเราก็ต้องใช้คำว่าผู้ก่อการร้ายซ้อนกับมุสลิม ซึ่งไม่น่าจะถูกต้องนัก หรือยังไงดีครับ เอาเรื่องอื่นดีไหม ประเภทเก๋ากึ๊กโบราณบานบุรีของอังกฤษยังงี้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 23 เม.ย. 51 00:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดีค่า..เห็นด้วยค่า.. จากคุณ : WIWANDA - [ 23 เม.ย. 51 00:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อกลางวันนี้ไปดูหนัง The Kingdom ที่มี เฉินหลง กับเจ๊ท ลี มา  สนุกพอใช้ ที่ตื่นเต้นก็คือ ได้ดูหนังตัวอย่างเรื่อง Bangkok Dangerous ที่มาถ่ายทำในเมืองไทย เห็นชาคริต แย้มนาม ด้วย ตื่นเต้นจนขนลุก ที่ได้เห็นดาราไทยได้รับบทบาทในการดำเนินเรื่อง ไม่ใช่ออกมาสองสามแว๊บ ตอนนี้ก็นั่งนับวันรอว่าเมื่อไหร่จะเข้าฉาย..ซัมเมอร์นี้หนังดีๆเข้ามาจมเลย อย่าง อินเดียน่า โจนส์ เงี้ยย..ที่รอจนเหงือกแห้ง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 23 เม.ย. 51 11:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สวยดีนะครับ แต่เดี๋ยวนี้ดูหนังแล้วแยกไม่ค่อยออกว่าดูหนังคนหรือหนังการ์ตูน ฉากสีซะสวยเชียว เนื้อเรื่องแปลกดี แต่ยังเขียนบทไม่เข้มข้นเท่าไร ก็สนุกแหละ Bagkoko นี่ฉบับรีเทกหรือเปล่า เพราะเคยเป็นหนังไทยของออกไซด์ แปง มาแล้วนี่นา ตกลง เอาเรื่องอังกฤษแล้วกันนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 23 เม.ย. 51 17:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอาเรื่อง บารอนเนสมากาเรตดีมั้ยค่ะ อยากรู้ตั้งแต่เป็นนายก ถึง เป็นเพื่อนรักกับ ปธน รีแกน ช่วยกันทำสงครามเย็นจนชนะแล้ว ทำไมต้องไปทำสงครามโฟลคแลนด์ แล้วก็ทำไมตอนจากบ้านเลขที่สิบ น้ำตาคลอเบ้า ขนาดนั้น แล้วที่ว่าควีนไม่รักจริงรึเปล่า อยากรู้ค่ะ จากคุณ : h - [ 23 เม.ย. 51 18:13:00 A:81.152.202.46 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องยิวรบกับปาเลสไตน์  กลายเป็นสงครามคลาสสิคที่เล่าอย่างไรก็ไม่มันส์ไปแล้ว เพราะที่ไหนๆก็มีให้อ่าน   อ่านยังไงก็เทใจไปว่ายิวนั้นแสนจะฉลาดปราดเปรื่อง  รบเก่ง  วางแผนดี  รบกี่ทีกี่ทีก็ชนะ ส่วนอาหรับนั้น ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ในเมื่อการประกบคู่มวยเป็นไปแบบไม่สมศักดิ์ศรีเช่นนี้แล้วว   ก็ไม่รูจะชกกันทำไมนะคะ   คนดูก็เซ็งๆอ่ะ ส่วนเรื่องอักกฤษนี่นะคะ  ขอยกสองแขนชูเห็นอย่างยิ่งเลยค่ะ ตอนเด็กๆ เรียนหนังสือในโรงเรียน  ก็ถูกปลูกฝังเรื่องความอลังการของอังกฤษอยู่ทุกวัน ภาษาต่างประเทศที่ต้องเรียน  ก็คือภาษาอังกฤษ ฝรั่งที่เราเจอมาทั้งหมด  เราก็เหมาว่าต้องเป็นคนอังกฤษ (แน่ๆ) พอมาทำงานก็ต้องทำกับคนอังกฤษ ตอนนี้ทุกข์หนักเข้าไปใหญ่  เพราะต้องนั่งอดตาหลับขับตานอน  ถ่างตานั่งทำงานเวลาเดียวกับคนที่อังกฤษ เพราะเจ้นายเขาเลือกที่จะทำงานตามเวลาอังกฤษ  ส่วนเวลากลางวันที่มเองไทย   อนุญาตให้นอนได้ จึงเอาเป็นว่า  เห็นด้วยอย่างแรงค่ะที่อาจารย์สื่อจะย่างก้าวขึ้นแผ่นดินบริเทนในครั้งนี้ ว่าแต่จะเริ่มจากตรงไหนดีละคะ คืนนี้  ช่วงหยุดพักจากลูกค้าที่อังกฤษ  จะเข้ามาแจมเป็นระยะๆค่ะ เพราะอย่างไรเสีย  ก็คงไม่ปิดเครื่องเข้านอนเร็วแน่ ก็อย่างที่บอกไงคะ  ต้องนั่งทำงานเวลาเดียวกับคนอังกฤษ  ตอนนี้ ของเขาเพิ่งจะบ่ายโมงเองค่ะ   อีกตั้ง 4 ชั่วโมงแนะ  พวกเขาถึงจะเลิกงาน ก็ประมาณ 5 ทุ่มบ้านเรา  ว่าแต่อาจารย์สื่ออย่าทะลุกลางปล้องเล่าเรื่องการเมืองการมุ้งของที่นั่นนะคะ เอาเรื่องแบบโบราณๆหน่อยก็ได้ค่ะ   เพราะเรื่องเล่าสุดคลาสสิคที่ว่าสุดยอดของความคลาสสิคก็น่าจะเป็นเรื่องของยุโรปตั้งแต่โรมัน    มาถึงยุคกลาง   และถึงยุคที่เมืองต่างๆรวมตัวกันเป็นชาติรัฐ พัฒนาการแต่ละขั้นตอน  มีที่มาที่ไป  และมีเหตุมีผลน่าศึกษาทั้งสิ้นค่ะ   ตอนนี้  มีหนังอยู่สองเรื่องค่ะ  ที่ต้องรีบดูเป็นการด่วน เรื่องแรก   คิงอาร์เธอร์ค่ะ  ดูไปแล้วหนึ่งรอบ   แต่เดี๋ยวต้องดูอีก   จะได้เข้ากับบรรยากาศของช่วงกษัริย์ริชาร์ด ใจสิง ส่วนอีกเรื่องคือ  300ค่ะ   เรื่องนี้ยังไม่ได้ดู  แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับวีรบุรุษโรมันมั้งค่ะ   ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับอังกฤษอีกนั่นแหละค่ะ  ที่โรมันล่มสลาย เพราะถูกรุกรานโดยพวกบาบาเรียนไง   และบาบาเรียนที่ว่านี้   ก็มีแองโกล แซกซอนด้วยใช่เปล่า   เอาเป็นว่าเดี๋ยวเข้ามาแจมเรื่อง แก๊งค์ปล้มโรมที่เกี่ยวเนื่องกับอังกฤษค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 23 เม.ย. 51 19:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อีกเรื่องนึงที่ต้องดูในคาบวิชานี้ค่ะ   เอลิซาเบทค่ะ   ดูทั้ง 1  และ  2 เลยก็ได้ค่ะ เพิ่งดูมาเร็วๆนี้เองค่ะ      ยังสงสัยว่า  เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ   ที่เดินตาม กษัตริย์  ฟิลิปที่ 2 แห่ง สเปน ในฉากแรกนั้น  คือใคร  เห็นเขาเรียก เอลิซาเบทกันด้วย เรื่องนี้   สยองสุดๆ  ก็ตอนที่เขาบั่นเศียร  พระนางแมรี่ แห่งสก๊อตค่ะ ลำคอขาวๆ  อวบๆ   โดนสับด้วยขวานฉับเดียว ขาดกระเด็น แต่ไม่ได้ดูหรอกค่ะ ว่ากระเด็นจริงหรือเปล่า เพราะตอนฉากนี้   เอามือปิดตาค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 23 เม.ย. 51 19:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เกาะบริเทนแห่งนี้   เคยผ่านมือผ่านเท้าใครต่อใครมานับไม่ถ้วน   แต่ที่แน่ๆก็คือ   จูเลียส ซีซาร์  ได้เข้าไปเบิกทางใว้ตั้งแต่ก่อน ค.ศ  ห้าสิบกว่าปี ที่ว่าเบิกทางหมายความว่า  เดิมที บริเทนเป็นเกาะค่ะ  ไม่ค่อยได้สุงสิงกะใคร  แต่ซีซาร์   ได้โจมตีเบิกทางให้อังกฤษได้สัมผัสกับโลกภายนอกคือแผ่นดินใหญ่     และโลกภายนอก  ก็ได้สัมผัสอังกฤษด้วยเช่นกัน ตอนแรก  ซีซาร์  เขาก็หวังว่า  จะเข้าไดทองในอังกฤษนั่นแหละ   แต่ก็ต้องผิดหวังอย่างแรง   เพราะอังกฤษ  ไม่มีทองให้ขุดแต่อย่างใด   เขาจึงละทิ้งอังกฤษไปประดุจเป็นของเล่นชั่วคราวที่ได้ง่ายๆ   แล้วก็ทิ้ง (นี่แหละหนอผู้ชาย!) แต่กองคาราวานของซีซาร์ที่ตามขบวนเข้ามา  เขาไม่ได้เป็นประเภทรักง่ายหน่ายเร็วเหมือนแม่ทัพใหญ่ไม่     บางส่วนก็ไม่ได้กลับไปค่ะ   เพราะคงเป็นห่วงหวานใจ (พวกนี้คบได้)   ก็เลยบอกขอร้องการว่า  ขอจอม เสียม อย่างละอันเถอะครับ   แล้วพวกเขาก็แผ้วถางป่าอังกฤษซะราบเป็นหน้ากลอง แล้วก็ลงหลักปักฐานอยู่เป็นชาวบริเทนร่วมกับชาวอนารยะแถวนั้น  จนในที่สุดก็กลืนเป็นเนื้อเดียวกับพวกที่มากกว่า  คือแองโกล แซกซอน   ถ้าสังเกตดู  คนที่เป็น อังกฤษแท้ๆนั้น   มักจะไม่ค่อยหล่อนะ  เพราะ ชาวแองโกล แซกซอน จะมีบุคลิคแบบว่า ผมเป็นสีทองกระด้าง  ผิวหนังก็เป็นสีขาวเผือก     สรุปรวมแล้ว  ดูไม่หล่อว่างั้นเถอะ   ส่วนพวกที่หล่อๆอย่าง เบคแฮม   น่าจะสืบเชือสายยมาจากสายอื่นที่ไม่ใช่แซกซอนแท้ๆ แล้วเจ้าชาย วิลเลี่ยยมล่ะ   ทำไมถึงหล่อลากใส้ขนาดนั้น   เรื่องนี้ต้องถามป้าวิเนาะ   เพราะป้าวิท่านสามารถร่ายยาวถึงแปดสาแหรก  ของตระกูลราชวงศ์อังกฤษได้เป็นฉากๆเชียวค่ะ หลังจากที่ซีซาร์กลับไปแล้ว  จักรพรรดิ์โรมันองค์ต่อมา  ก็ยังคงส่งกองทัพเข้ามาโจมตีอังกฤษอีกนะค   ไม่รู้ติดอกติดใจอะไร     และการเข้ามาครั้งนี้   โรมันได้เข้ามาสร้างบ้านแปงเมืองให้อังกฤษทันสมัยขึ้นกว่าเก่าก่อนเยอะด้วยค่ะ และสิ่งสำคัญก็คือ  ศาสนาคริสติ์โรมันคาทอลิค  ก็ถูกนำมาเผยแพร่ด้วย อังกฤษถูกปกครองอยู่โดยโรมันเป็นระยะเวลา ร่วม 400 ปี  ช่วงเวลาดังกล่าว  ทำให้คนอังกฤษได้มีโอกาสเรียนรู้วิทยาการต่างๆจากชาวโรมันหลายอย่าง  เช่น  ภาษาละติน  ซึ่งจำเป็นต้องรู้เพื่ออ่านพระคัมภีร์ การเรียนรู้ภาษาละติน  เป็นเหมือนกับการเปิดโลกแห่งความรู้ในแขนงวิชาต่างๆที่ชาวกรีก  และโรมันมีอยู่   และโรมันก็ได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตแบบโรมัน ให้ชาวบริตันด้วย   แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้   ก็เสื่อมถอยลง  เมื่อโรมันถอยกลับไป  ..อ้าว หลังจากนี้ไป    บรรพบุรุษของชาวอังกฤษ  ก็ปรากฏขึ้นแล้วค่ะ   คือถึงช่วงเวลาของการเข้ามตั้งถิ่นฐานของพวก แองโกล แซกซอน จากคุณ : Gasalong - [ 23 เม.ย. 51 22:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แกงค์จู่โจมโรมเหล่านี้  ชาวโรมันเรียกว่า คนเถื่อนค่ะ   เพราะว่าล้าหลังกว่าชาวโรมัน คนเถื่อนเหล่านี้  รวมแล้วเรียกว่า เยอร์มานิค  หรือเยอรมัน  มีหลายเผ่าค่ะ แตกแขนงแยกย้ายอยู่ไปทั่วยุโรป   ส่วนที่แยกไปเป็นบรรพบุรุษของชาวฝรั่งเศส   เยอรมัน  อิตาลี นั่นก็กลุ่มนึง อยู่ในสเปน  ก็อีกกลุ่มนึง และอยู่ในอังกฤษก็คือกลุ่มนี้แหละค่ะ   แองโกล แซกซอน  เข้ามาตั้งแต่ คศ. ที่ 5 มั้ง  เข้ามาแล้วก็ต่อสู้กับชาวพื้นเมืองบริตันอยู่นานกว่าจะเอาชนะได้   เมื่อชนะชาวพื้นเมืองได้แล้ว  ก็หันมากัดกันเองตามฟร์อม  จึงทำให้ ดินแดนที่ยึดครองนี้ แตกออกเป็นเสี่ยงๆถึง 7 แคว้น ในแต่ละแคว้น  ก็มีกษัติริย์ปกครองที่ลืมนามหลายพระองค์  ต่างก็แย่งชิงกันเพื่อครอบครองแคว้นอื่น ในที่สุด   ความสามัคคีที่ว่าคือพลังก็ประจักษ์ให้เห็นผล   เพราะชาวแซกซอน  แตกคงวามสามัคคีกันี่เอง  จึงทำให้ถูกรุกรานอีกครั้ง คราวนี้  ผู้รุกราน  เป็นชาวเหนือเจ๊า   เรียกว่า พวกเดน  หรือ ไวกิ้งค่ะ โดนรุกหลายระรอกแบบนี้  ชาวแซกวอนเอง  ก็เลยเพิ่งจะคิดได้  หันมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อต่อต้าน ไวกิ้ง   ในการรวมกับแบบหลวมๆครั้งนี้  เป็นผลให้อังกฤษมีสภาพของการรวมตัวกันของรัฐ  รวมเรียกว่า ราชอาณาจักรอังกฤษ ภายใต้การนำของ กษัตริย์ เอ็ดเวร์ด  ผู้สารภาพ   สงสัยมานานว่าทำไมกษัตริย์ในยุโรปยุคตั้งไข่   จึงต้องมี สร้อยพระนามแบบนี้ด้วย   และจะเจออีกเยอะค่ะ   บางที  สร้อมพระนามก็บ่งบอกถึงรูปร่างหน้าตา ของ คิงส์ได้เหมือนกันนะ  เช่น   ชารล์   (หัวล้าน)  อุ๊ย.... เมื่อ กษัตริย์ เอ็ดเวร์ด   สินพระชนโดยไม่มีทายาท   ศึกแย่งบัลลังก์ก็เกิด  (เห็นมะ   เรื่องแบบนี้  มีมาตั้งแต่ดีกดำบรรพ์เชียวละ)   ในการนี้  มีผู้อ้างสิทธฺ 2 รายคือ  วิลเลี่ยม  ดุ๊คแห่ง นอร์มังดี   และ ฮาโร  ก๊อดวินซัน  ผู้มียศเป็น เอิร์ล แห่ง เวสเซก   ตำแหน่งเหล่านี้  เรียงลำดับอย่างไร  ให้ถามป้าวินะคะ   เขียนเองก็มึนเองแล้วค่ะ ผลของการสู้รบคู่นี้  ปรากฏว่า  ดยุ๊ค วิลเลี่ยม  มีชัยชนะ  ได้ครองอังกฤษ  และมีนามว่า   แต่น แตน แต๊นนนนนนน  มาแล้ว วิลเลี่ยม   ผู้พิชิต ค่ะ เป็นต้นตระกูลของราชวงศ์ นอร์แมน จากคุณ : Gasalong - [ 23 เม.ย. 51 23:16:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อังกฤษ  สมัยรวมตัวกันเป็นชาติรัฐแล้ว  มีราชวงศ์ปกครองหลายราชวงศ์ค่ะ อย่างเช่น ราชวงศ์ นอร์แมน  ก็มี  วิลเลี่ยม  ผู้พิชิต                                              วิลเลี่ยม ที่  2                                                 ต่อด้วย  เฮนรี่ ที่ ราชวงศ์นอร์แมน  สิ้นสุดลง  ในช่วงของการแย่งชิงราชย์  ระหว่าง สตีเฟน  และมาธิลดา  ในปี   คศ.    1154 ราชวงศ์ที่มีอำนาจต่อจาก ราชวงศ์ นอแมน  คือ  ราชวงศ์  แพลนตาเจอเน็ตค่ะ   (ออกเสียงยากค่ะ    ไม่รู้ถูกเปล่า) มีเฮนรี่ ที่  2 กษัตริย์  ริชาร์ด  ใจสิงห์   (เป็นญาติฝ่ายไหน กับไพโรจน์  ใจสิงห์หรือเปล่า) ต่อมา ก็ กษัตริย์  จอห์น ที่  1   เฮนรี่ ที่ 3   (แล้ว เฮนรี่ ที่  2  หายไปไหน) เอ็ดร์เวิร์ด ที่   1   เอ็ดเวริด   ที่   2 ริชาร์ด   ที่  2  สิ้นสุดที่ปี   คศ .  1399 ชื่อเริ่ม จะซ้ำๆกัน   แต่จะแยกตรงเลขที่ข้างหลังค่ะ ต่อมาเป็น   ราชวงศ์ แลงคาสเตอร์ เฮนรี่ 4 เฮนรี่ 5 เฮนรี่ 6 และราชวงศ์ ยอรค์  มี 3 พระองค์  สิ้นสุดเมื่อ ปี   1485 หลังจากนั้น  เป็นใครต่อน้อ  ยังหาข้อมูไม่เจอค่ะ แต่สองราชวงศ์สุดท้าย  ได้ก่อสงครามอมตะในเรื่องของกุหลาบแดง  และกุหลาบขาว  ซึ่งคิดว่า  ใครๆก็รู้กันแล้วว่าน้ำเน่าแค่ไหน จากคุณ : Gasalong - [ 23 เม.ย. 51 23:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แต่มันคลาสสิกนะค่ะ เพราะจากนั้น กุหลาบแดงก็มาซ้อนกับกุหลาบขาว กลายเป็นราชวงษ์ทูดอร์ แสนจะอมตะ ตอนนี้ กุหลาบขาวซ้อนแดงนี้ก็กลายมาเป็นสัญญลักษ์ การท่องเที่ยวอังกฤษ เฮ.. เห็นทุกที่มีทุกซอก จริง ๆ เรื่องพระเจ้าริชาร์ดที่สาม มีคนบอกว่าท่านโหดร้าย แต่คนอังกฤษบางคนบอกว่า เชคเปียร์ เขียนนิยายป้ายสี ท่านซะร้ายยังกะปีศาจกระหายเลือด ความจริงเป็นยังไงก้ไม่รู้ ว่ากันว่า นิยายที่เชคเปียร์แต่งบางเรื่องก็เป็นปรอบปากอนด้าสมัยนั้น จากคุณ : h - [ 24 เม.ย. 51 07:59:40 A:81.152.202.46 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 26 300 นี่เป็นเรื่องของวีรบุรุษกรีกครับ กษัตริย์ลีโอไนดาสของสปาร์ตานำทัพสปาร์ตา 300 คนไปยันทัพเปอร์เซียหลักแสน หนังสร้างจากการ์ตูนครับ แทบจะเลียนแบบ shot by shot แต่สะใจมากเลือดกระฉูด เสียอย่างเดียวมันเซนเซอร์ไปฉากนึง ฉากสำคัญเสียด้วย ไม่ได้เข้ามาวันเดียวกระทู้วิ่งฉิว ที่ไม่ได้เข้าเพราะนั่งทำแล็บทั้งวันเลยครัย อากาศมันร้อนเลยยกอุปกรณ์เข้ามานั่งทำในห้องทำงาน (ที่ออกตังค์ติดแอร์เอง) จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 24 เม.ย. 51 09:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ยินดีด้วยค่ะ  ที่ห้องทำงานอาจารย์ รณชัย มีแอร์กะเขาแล้ว และน่าภูมิใจมากที่สุดค่ะ  ที่ได้ควักกะตังส์จ่ายด้วยตัวเอง ตอนนี้งานิวิจัยทางวิชากการที่ ม. ภาคเหนือ   เขาให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรมากเป็นพิเศษเหรอคะอาจารย์ เห็นช่วงก่อนหน้านี้   อาจารย์พูดถึง การผลิตเอทานอลจากผลลำใย   อาจเป็นเพราะลำใยมีมากทางภาคเหนือ  จึงทำให้นักศึกษาที่ มช  ต้องทำงานเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ถ้าเป็น นักศึกษา  ที่ มอ  สงขลา  ก็คงต้องทำการวิจัยเรื่อง ผลผลิตจากน้ำมันปลาม์มั้งคะ เรียกว่า  เป็นการศึกษาเพื่อหาความชำนาญเฉพาะท้องถิ่น  และผลงานทางวิชาการเหล่านี้  ก็มุ่งหวังตอบสนองความต้องการของชุมชนด้วยใช่ไหมคะ ฉากในหนัง  300  ที่ว่ามานั้นคือฉากอะไรคะ  ที่เขาเซนเซฮร์   และเขาจะเซนเซอร์   ใน DVD  ด้วยหรือเปล่าคะ ที่ถาม  เพราะอยากรู้ก่อนค่ะ  ว่ามันอยู่ช่วงไหนของเรื่อง  จะได้หลับตามัน   ไม่ใช่ว่ากำลังจ้องตาเขม็งอยู่อย่างตั้งใจ   มาเจอฉากอย่างที่ว่า  สงสัยได้กรี๊ดสลบคาเตียงนอนแน่ๆ เอ้า  ใครดูแล้ว  ช่วยบอกหน่อยค่ะ  ว่าฉากไหน  เกี่ยวกับอะไร   ถือว่าเอาบุญนะจ๊ะ จากคุณ : Gasalong - [ 24 เม.ย. 51 11:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามากดโหวตก่อนอ่านเลย นานแล้วที่กระทู้แบบนี้ไม่ได้ขึ้นแนะนำ ^^ จากคุณ : Balleno - [ 24 เม.ย. 51 13:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ... สนุกจังเลยครับ กระทู้ยังเติร์กนี่แรกๆผมอ่านไม่ค่อยไหว ยาวมาก บางตอนก็สนุก บางตอนก็ไม่สนุก หลายตอนก็อ่านผ่านๆ ( ผิดกับกระทู้ซีรี่ย์อื่นๆของคุณป้าวิ ที่ผมมักจะอ่านอย่างละเอียดจนจบ ) รู้สึกตอนหลังๆจะสนุกขึ้นเรื่อยๆครับ จริงๆ สงคราม ยิว - อาหรับ ที่พี่ๆอาจารย์หลายๆท่านว่า ไม่คลาสสิก เล่ายังไงก็น่าเบื่อแล้วเพราะมีให้อ่านหลายทาง แต่ผมกลับคิดว่าอ่านกี่ทีก็ยังสนุกครับ เพราะผมรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์แบบนี้น้อยมาก และผมก็เชื่อว่าบรรดาประชาชนคนทั่วไปที่รู้ลึกซึ้งจากพี่ๆป้าๆน้าๆอา ก็คงจะมีไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ อยากให้เขียนแซมเรื่อยๆน่ะครับ ส่วนเรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษอดีตก็น่าสนใจดีครับ ชอบที่ท่านอาจารย์ทั้งหลายยกภาพยนตร์มาอ้างอิงด้วย ทำให้ผมมีแนวทางไปหยิบหนังน่าสนใจมาชม ... Bangkok Dangerous เวอร์ชั่นฮอลลีวู๊ด ผมล่ะอยากดูมากเลย ไม่รู้จะได้เข้าฉายเมืองไทยเมื่อไหร่ เรื่องนี้เดิมทีเป็นหนังไทย ซึ่งกำกับโดยพี่น้องแปงน่ะแหละครับ อ.สื่อ ผมดูไปสองรอบในโรง ส่วนตัวเห็นว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซของพี่น้องแปงเลย แปลกใจที่คนไทยไม่ค่อยดูกัน ( ทำเงินน้อยมาก ) หนังเรื่องนี้ทั้งสนุกและเล่าเรื่องแบบภาษาภาพได้สุดยอด พระเอกเป็นใบ้ ทั้งเรื่องแทบจะไม่มีบทพูด แต่รับรองว่าคนดูเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เพราะพี่น้องแปงเขาถ่ายทอดเป็นภาพได้ดีจริงๆ ตัดต่อสุดยอด โดยเฉพาะซีนคลาสสิกที่โรงเรียนสอนยิงปืนนั้นผมชอบมากๆ ฉากสั้นๆนั้นอธิบายความสัมพันธ์ของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบ ... เวอร์ชั่นนี้ นิค เคจ มาแสดงคู่กับดาราไทยหลายคน น่าดีใจแทนชาคริตที่ได้เล่นหนังฮอลลีวู๊ดเต็มตัว อ้อ หนังกำกับโดย พี่น้องแปง เจ้าเก่าครับ รีเมคงานตัวเอง ไม่รู้ว่าจะดัดแปลงเยอะหรือเปล่า เพราะได้ยินว่าพระเอก เคจ ไม่ยอมเป็นใบ้เหมือนต้นฉบับแน่ๆ  // Elizabeth 2 ได้ยินว่าตัวหนังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยไม่ได้ไปดูโรงครับ ถ้าจำไม่ผิดตะละแม่ เคท บังเชทได้ชิงออสการ์นำหญิง ทั้งภาคแรกภาคสองเลยนะครับ รอแผ่นอยู่ ไม่รู้ว่าออกวางให้เช่าหรือยังน่ะครับ ? จากคุณ : joblovenuk - [ 24 เม.ย. 51 14:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แถมภาพจากหนัง Bkk Love story เอ๊ย Bkk Dangerous เวอร์ชั่นใหม่สักหน่อยนะครับ ( ไม่รู้ภาพจะใหญ่เกินไปหรือเปล่า ) จากคุณ : joblovenuk - [ 24 เม.ย. 51 14:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นั่งเฝ้ากระทู้อยู่ สองวัน   กลายเป็นกระทู้ติดลนบนไปซะแล้ว ดีเหมือนกันค่ะ  คนแก่ๆอย่างอาจานสื่อ  จะได้หาทางเข้าบ้านได้ง่ายหน่อย อย่างนี้น่าจะตบรางวัลสักหน่อยเนาะ เอลซาเบท 2  ไม่ต้องไปรอเช่าหรอกค่ะ  ซื้อเลย มีขายเยอะแยะ   เป็น DVD  ภาพคมชัด  เสียงแจ๋ว  มีเสียงซาวด์แทรค  ซับไทย  หรือไม่เอาซับก็ได้   ถ้าฟังเข้าใจ ตัวหนังก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ    เป็นไปอย่างที่รู้ๆกันอยู่แล้ว  โชว์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายมากกว่า   แต่เรื่องนี้มีดีที่พระเอกค่ะ หล่อมากกกก  ขอบอก   แต่ภาคนี้  พระเอกใส่เสื้อผ้ามิดชิดนะไม่เหมือนภาคที่ 1   มีฉากให้ลุ้นด้วย ฉากที่กองเรือ อมาดาของสเปนบุกอังกฤษ  ยังไม่หนุกเหมือนสามก๊ก  ตอนทัพโจโฉแตกเลย     อันนั้นดูแล้วอลังการดี   หรือเป็นเพราะเรารู้แล้วก็เป็นไปได้นะคะว่าผลมันจะลงเอยอย่างไร  ก็เลยดูแบบไม่ได้ลุ้น ดูหนังพีเรียดแบบนี้ ก็ดีไปอย่างค่ะ  ได้จินตนาการตามไปด้วย   อย่างฉากที่พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน  จะประกาศสงครามกับอังกฤษนั้น  เราจะเห็นว่า  ศานาคริสต์ ในสเปนมีพลังและอำนาจมากจริงๆ   คือพระทั้งหลาย  เป็นผู้ชี้ชะตาว่า  กษัตริย์ จะต้องรบ  หรือไม่รบ    การร่วมกันเปล่งเสียงที่เหมือนสวดมนต์  ก็เป็นเหมือนเป็นการปลุกใจให้ฮึกเหิมและในที่สุด  สเปนก็นำพาประเทศเข้สู่สงคราม หลังจากที่พระนางแมรี่ โดยบั่นเศียร   เพียงเพราะว่า  พระในสเปนทั้งหลาย  เกรงว่านิกายโปรแตสแตนท์  จะเข้ามามีบทบาทแทนที่ นิกายคาทอลิค ศาสนาคริสต์   นิกายโรมันคาทอลิค  ตั้งมั่น เติบโต  และเข้มแข็งได้แต่เฉพาะในสเปนและในอาณานิคมเท่านั้น   แต่สำหรับที่อื่นๆ  ในยุโรปแล้ว  อย่ในสภาพที่ไม่มั่นคงเทาไหร่   โดยเฉพาะในอังกฤษ   ถ้าสืบสาวเรื่องราวย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่ยุโรปรวมกันแบบหลวมๆ  ตอนนั้น  ศาสนาในยุโรป  มีแค่นิกายเดียวคือ คาทอลิคนี่แหละค่ะ   เอากันตั้งแต่เริ่มเลยคือ  ราวๆ  คศ.   ที่  5  ตอนที่โรมันกำลังจะแตกดังโพละ เนื่องจากถูกแก๊งค์คนป่าเข้ามาปล้นอย่างที่ทราบกัน จะวว่าคนป่าเข้าปล้นโรม  จนล่มสลาย  ก็ไม่ใช่เสียทีเดียวนะคะ    ยังมีส่วนประกอบอื่นๆอีกหลายอย่างค่ะ  ที่ผลักดันให้โรมันล่มสลายเร็วขึ้น   อาจเป็นเพราะความกว้างใหญ่ของดินแดนในครอบครองก็ได้  เพราะยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่  ก็ต้องกระจายกำลังพลออกไปดูแลมากเท่านั้น อีกย่างที่กล่าวกันมากที่สุดก็คือ   เรื่องของจริยธรรม  และศีลธรรมของชาวโรมันค่ะ  ที่มันวิ่งสวนทางกับความยิ่งใหญ่   ศีลธรรมที่เสื่อทรามลงของผู้ปกครอง  เป็นตัวเร่งปฏิกริยาทำให้เกิดการต่อต้านขึ้นในกลุ่มชนระดับล่าง เมื่อเมื่อรากหญ้าเกิดคำถามขึ้นในใจแล้ว  อะไรๆก็เกิดขึ้นได้   ช่วงปลายของอาณาจักรโรมันตะวันตก  จะอยู่ประมาณ คศ ที่  4 ในตอนนั้น  ตามแนวตะเข็บชายแดนโรมันจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนป่าเหล่านี้แหละค่ะ   เข้ามตั้งถิ่นฐานหากินกับรอบๆโรม   โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำดานูบ  และแม่น้ำไรน์   เผ่าพันธ์ของคนป่าเหล่านี้   ก็แยกเป็นหลายกลุ่มนะคะ  และแต่ละกลุ่ม  ก็เข้าไปจับจองพื้นที่ในอาณาจักรโรมันสืบต่อถึงปัจจุบัน กลุ่มแรกที่ชาวโรมันเรียกว่า คนป่าเถื่อนก็คือ  เผ่าที่มาจากสแกนดิเนเวีย  พวกนี้  ก็จะเป็นพวกไวกิ้ง  หรือ  เดน   ที่อาศัยอยู่บริเวณแหลมจัตต์แลน์ เผ่าที่ 2  ที่เข้าปล้นโรม  ก็คนป่ามาจากตะวันตก   กลุ่มนี้จะเข้ามาทางแม่น้ำไรน์  และแม่น้ำ เอลบี   กลุ่มคนป่าตะวันตกกลุ่มนี้   มีบทบาทสำคัญในการบุกรุกเข้ามาตั้งถิ่นฐานในโรมันมากกว่ากลุ่มอื่น   ที่เราคุ้นๆกันก็คือ  เผ่า แฟรงค์   ซึ่งมีแฟรค์ตะวันออก  และแฟรงค์ตะวันตก   เมื่อผู้นำของเผ่านี้  ได้รวบรวมกำลังคนเข้ารุกรานอาณาจักรโรมันได้   ก็ตั้งอาณาจักรใหญ่เข้ามาแทนที่       และเผ่าแฟรงค์นี้   ก็คือบรรพบุรุษของฝรั่งเศสนั่นเอง   นอกจากเผ่าแฟรงค์แล้ว   คนป่าที่ที่ร่วมด้วยช่วยกันเข้าปล้มโรมทางตะวันตก  ยังมีกลุ่มที่เรียกว่า   ฟริสเซน  กลุ่มนี้  ปัจจุบันจะอยู่ทางฮอลแลนด์ค่ะ อีกกลุ่มที่ไม่กล่าวไม่ได้เลย  ก็คือ  แซกซอนค่ะ  ชนเผ่าแซกซอนมีความสามารถในการเดินทะเลเป็นอย่างมาก   จึงไม่แปลกใจว่า   ทำไม   อังกฤษ  จึงกลายเป็นจ้าวทะเลในเวลาต่อมา   แต่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นจ้าวทะเลเท่านั้นนะคะ   เนื่องจากบรพบุรุษของอังกฤษเป็นนักเดินเรือตัวกลั่น    ทำให้อังกฤษขึ้นชื่อในเรื่องของโจรสลัดด้วยค่ะ ก็ดูอย่าง เซอร์  ฟรานซิส เดค นั่นปะไร   เป็นโจรจนได้ดี  อย่างนี้  ต้องยกเครดิต ให้บรรพบุรุษนะ กลุ่มที่ 3   ที่ช่วยทำให้โรมล่มลายได้รเวขึ้น  ก็คือคนป่าทางตะวันออก  กลุ่มนี้  จะอยู่แถวทะเลบอลติค  ได้แก่พวก โกธ   ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหฐ่ที่สุด  และถือว่าเป็นบรพบุรุษของเสปนเขา อีกกลุ่มนึง  คือ แวนดัล  พวกนี้ว่ากันว่า ดุร้าย  ป่าเถื่อน   จะอยู่แถวๆตอนบนของแอฟริกา   แต่ทุกกลุ่มที่เข้ารุมกินโต๊ะโรมันในครั้งนั้น   มันเหมือนกับเงื่อนเวลาที่ลงล๊อคของมันพอดีแล้ว คือว่าผู้รุกราน  ก็ต้องการเข้าไปในโรมให้ได้  เพียงเพราะว่าต้องการหาแหล่งอาการที่อุดมสมบูรณ์กว่า   อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า   พวกทางเหนือ   ก็หนีหนาวมาหาความอบอุ่นและแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์   ส่วนพวกที่อยู่ทางตะวันออก  และตะวันตก    ต่างก็อยากเข้ามาชมความศิวิไลย์ของรมันสักครั้งเพื่อเป็นบุญตา ความงดงามอลังการของอาณาจักรโรมัน  จึงกลายเป็นดาบสองคมที่ผู้ครอบครองก็ย่อมหวงของของตน     ส่วนคนอื่นๆ  ก็อยากได้ยลโฉมงามบ้างสักครั้งจะเป็นไรไป จึงเกิดกรณีฉุกคร่ากันเกิดขึ้น สุดที่ผู้เป็นเจ้าของจะปกป้องรักษาไว้ได้ เรื่องนี้  จึงเป็นคติสอนใจน้องๆผู้ชายทั้งหลายว่า   ถ้าคิดจะมีแฟน  อย่าหาแฟนสวยมาก เพราะมันทุกข์ลาภนะจ๊ะ เอาประเภทพาเดินควงไปวัดตอนโพล้เพล้ แล้วหมาไม่เห่าก็พอแล้ว เพราะถ้าหาสวยเกิน   ก็ต้องนั่งเฝ้า นอนเฝ้า  ไม่เป็นอันทำมาหากินกันแต่อย่างใด จากคุณ : Gasalong - [ 24 เม.ย. 51 15:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ของผมพาควงไปวัดตอนโพล้เพล้  หมาหอนเลยล่ะครับ  เฮ้อ.... จากคุณ : โบร๋วววววว (Dearance) - [ 24 เม.ย. 51 17:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาลงชื่อว่าได้อ่านค่ะ ถึงแม้จะหา young turk ในนี้ไม่รู้อยู่ตรงไหน 55 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 24 เม.ย. 51 23:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อะไรคุณเดียแรนซ์ เห็นตอนจีบใหม่ๆเห็นว่าเป็นตอนเช้าตรู่ผู้คนเดินมากันให้ขวักไขว่ตั้งแต่ตลาดยังไม่วายเลยไม่ใช่หรือ? จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 25 เม.ย. 51 08:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอสวัสดีคุณทิกิแทนพี่วินะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้กลายพันธ์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสแห่งสัจจะธรรมค่ะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่มีสิ่งใดที่จีรังแน่นอน   เปรียบไปก็เหมือนกับชีวิตคนเรานะคะ  ที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิต แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คือมิตรภาพค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 25 เม.ย. 51 09:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ที่เมื่อก่อนหมามันเห่าน้อง  ทำไมพี่ถึงไล่เตะหมาล่ะ????? มาตอนนี้  จะมาโทษน้องไม่ได้นะ  ว่าน้องเดินอย่างไรให้หมามันเห่า!!!! ฮ่วย! พ่อจาย  เป็นกันอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า จากคุณ : Gasalong - [ 25 เม.ย. 51 09:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คิงส์  อาร์เธอร์ เขามีหลายเวอร์ชั่นด้วยเหรอคะ จำได้ว่าที่เคยดู  ไม่ใช่พระเอกคนนี้นะ   ดูเรื่องนี้แล้ว ก็มองเห็นภาพของโรมันยุคปลายไดชัดเจนพอสมควรค่ะ   อย่างที่ว่าไว้นะคะ    ตอนปลายโรมันคือประมาณคริสต์วรรษที่    4    ตามชายขอบโรมัน  จะมีพวกคนป่ามาอาศัยอยู่กันให้ยุบยับไปหมด หนึ่งในกลุ่มนั้นก็คือชนเผ่าที่เป็นพ่อแม่ พี่น้อง อาร์เธอร์นี่แหละค่ะ  (จำไม่ได้แล้วว่าชื่อเผ่าอะไร) ตอนนั้น  ทหารโรมันเขาเจอศึกหลายด้านค่ะ   เขาจึงต้องใช้นโยบายเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร ทหารโรมัน  ใช้วิธีการว่าจ้างคนป่าเหล่านั้นในบางกลุ่ม  ให้ปราบปรามกันเอง   หรือไม่ก็ใช้วิธีผูกมิตรกับบางกลุ่มที่มองเห็นว่ามีกำลังเข้มแข็งกว่า เช่นกลุ่มของ อาร์เธอร์นั้น  ก็ได้รับการไว้ชีวิต เนื่องจากแม่ทัพโรมเห็นว่า  ยังเก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์ได้ในภายภาคหน้า แต่มีข้อแม้ว่า  ชนกลุ่มน้อย ที่ได้รับการไว้ชีวิตนี้   จะต้องจงรักภักดีกับจักรพรรดิโรมัน   และแน่นอนว่า   จะต้องมอบลูกชาย  ให้เป็นอัศวินของกองทัพโรมด้วย อาร์เธอร์สุดหล่อ   ก็เลยถูกรับตัวเข้าประจำกองทัพโรมตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยวัยละอ่อน   และเขาก็ถูกหล่อหลอมให้เติบโตท่ามกลางวีรคติแห่งอัศวินในเรื่องของความซื่อสัตย์  และจงรักภักดี ในเรื่องนี้   เราจะได้เห็นคนป่าชาว แซกซอนด้วยค่ะ   ที่โรมยืมมืออาร์เธอร์ให้ปราบปราม   ในหนังถ่ายทอดให้เห็นลักษณะสีผม  สีนัยตา  และรูปร่างหน้าตา  ของชาวแซกซอนพร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายต่างๆนานาด้วยค่ะ แต่จะว่าไปแล้ว  ความโหดร้ายของมนุษย์ยุคโบราณ  ก็ไม่ได้แตกต่งกันเลยนะคะ   ที่ว่ากลุ่มโน้นโหด  กลุ่มนี้โหด  สรุปแล้วก็คือโหดๆกันทั้งนั้นแหละค่ะ   เห็นบอกว่า   ในยุคโบราณ  ผู้คนยังไม่มีการศึกษาและยังไม่มีวัฒนธรรม   การลงโทษด้วยวิธีที่รุนแรงและเฉียบขาดเท่านั้น  ถึงจะเป็นการจัดระเบียบให้กับสังคมได้ เฮ้อ  โชคดีที่ไม่เกิดมาในยุคนั้น อาจารย์สื่อหายไปไหนคะ จะเข้ามาดีๆ หรือจะให้โทรตาม! จากคุณ : Gasalong - [ 25 เม.ย. 51 09:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ความโหดร้ายของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันมีทุกยุคสมัยแหละครับ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการไปเท่านั้น ส่วนเรื่องหมาเห่านั่น  ตอนที่เห่าครั้งนั้นมันยังเป็นลูกหมาครับ  เลยไล่เตะได้  แต่ตอนนี้มันโตเต็มวัยแล้ว  แถมเป็นจ่าฝูงอีก  เลยต้องหันไปเตะ เอ๊ย.. ต่อว่าคนเดินข้าง ๆ แทน คุณสราวุธครับ  นั่นมันเป็นเรื่อง "ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว" ครับ จากคุณ : Dearance - [ 25 เม.ย. 51 13:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอคาราวะท่านผู้อ่านงานเขียนของคุณพี่เจ๊ ฯ วิวันดา อย่างละเอียดครับ สุดยอดจริง ๆ เพราะเรื่องแต่ละเรื่อง เรียงรายไปด้วยข้อมูลหลากหลาย ยังไม่นับสำบัดสำนวนพลิ้วพรายกระจายเต็มไปหมด แค่นั่นจำศัพท์แสงที่ยกมาก็แทบแย่แล้ว นี่ยังอ่านละเอียดทุกอักษร นั่นหมายถึงว่า ต้องพินิจพิจารณาข้อมูลตัวเลขประมาณว่า ไวน์เป็นหมื่น ๆ ขวดที่เกอริ่งสะสมนะ มียี่ห้อเด็ด ๆ อะไรบ้าง อยากรู้เป็นได้ต้องอ่านภาษาฝรั่งเศสยาวเหยียดเป็นกิโล คาราวะครับ คาราวะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 เม.ย. 51 15:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 40 bookmark จากคุณ : h - [ 25 เม.ย. 51 16:45:28 A:86.129.146.34 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พอขู่ว่าจะโทรตามหน่อยเดียว รีบเข้ามาปรากฏกายเชียวนะคะ พี่วิเห็นไหมคะ!!!  เห็นไหมคะ คืนนี้รีบเข้ามาต่อนะคะ  ก่อนที่กระทู้จะโดนลากลงเหวจนกู่ไม่กลับ เพราะยังมีเรื่อง คิงส์ อารเธอร์ ให้โม้ต่ออีกหน่อยค่ะ ถ้าไม่กลัวว่ากระทู้จะโดนปู้ยี่ปู้ยำไปกว่านี้   จะหายไปอีกสัก สามสี่วันก็ได้นะคะ จากคุณ : Gasalong - [ 25 เม.ย. 51 18:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สงครามกุหลาบ  ระหว่าง Yorkshire กับ Lancashire   เกิดขึ้นประมาณ  ปี  คศ  1455   เป็นศึกชิงอำนาจระหว่าง  ราชวงศ์   ยอร์ค  ซึ่งใช้สัญลักษณ์  ดอกกุหลาบสีขาว  และ ราชวงศ์ แลงคาสเตอร์   ซึ่งใช้ สัญลักษณ์  ดอกกุหลาบสีแดง โดยในยกแรก     ฝ่ายยอร์ค  สีขาว  เป็นฝ่ายได้ชัยชนะ และต่อมาอีกประมาณ  30 ปี  กษัตริย์ริชาร์ดที่  3  พ่ายแพ้สงครามในศึกบอสเวิร์ธ   กษัตริย์ เฮนรี่ ทิวดอร์  แห่งราชวงศ์ แลงคาสเตอร์    จึงกลับมาชำระหนี้แค้นได้สำเร็จ    และนั่งบัลลังค์ อังกฤษเป็นพระเจ้าเฮนรี่ ที่ 7  ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์  ทิวดอร์   ส่วนสงครามกุหลาบ  ระหว่าง แมนฯยู กับลีดส์  จะเป็นด้วยเพราะเดียวกันนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ แต่ในหลักทางเศรษฐกิจเห็นเขาบอกว่า  แมนเชสเตอร์ ทำลายระบบเศรษฐกิจของลีดส์ซะยอ่ยยับ แต่เดิมทีนั้น  ลีดส์  เขาทอผ้าขนสัตว์เป็นอุตสาหรรมในครัวเรือนกันค่ะ   เรียกว่าอยู่อย่างพอเพียงมาแต่ไหนแต่ไร แต่จู่ๆ   แมนเชสเตอร์  ก็หันมาเอาดีทางด้านอุตสาหรรมสิ่งทอกะเขามั่ง     โดยแมนเชสเตอร์  ใช้เครื่องจักรในอุตสาหรรมการผลิตผ้า Cotton  ทำให้สามารถผลิตได้จำนวนที่มาก  และเร็ว   จึงแย่งตลาดผ้าขนสัตว์ของลีดส์ไปอย่างรวดเร็ว การระทำเช่นนี้  เท่ากับเป็นการเหยียบให้อุตสาหกรรมในครัวเรือนของลีดส์ต้องพังพินาศลงไป อย่างนี้ก็ยอมไม่ได้ แล้วยิ่งมาเขม่นกันหนักขึ้น   เมื่อฮีโร่ ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด  อีริก   คันโตน่า  ย้ายมาสังกัดทีม ผีแดง  แมนฯยู     ทำให้แมนฯยู  คว้าแชมป์ พรีเมียลีก  ในปีต่อมา จากคุณ : Gasalong - [ 25 เม.ย. 51 20:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หาตั้งนานกว่าจะเจอพระเอกสุดหล่อ ดูเขาเล่นเรื่อง คิง อาร์เธอร์  ต่อเนื่องกันไปเลย ชุ่มฉ่ำหัวใจดีแท้ จากคุณ : Gasalong - [ 25 เม.ย. 51 22:21:25 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กลับมาเยี่ยมอ่านครับ ปล. แปลกใจครับว่ากระทู้รกๆ อยากให้อาจารย์สื่อฯเขียนมากหน่อยจะได้รกน้อยลงครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 25 เม.ย. 51 23:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หวัดดีค่ะ  น้องแนท  (เรียกถูกหรือเปล่า) จะบอกว่าให้พี่เลิกยุ่งกับกระทู้นี้ก็ได้นะคะ  บอกตรงๆ  ไม่ต้องตีความ เพราะพี่คงไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนักหรอก   เพราะแถวบ้านพี่  ไอ้สี่ขามันก็เห่าแบบนี้ประจำ ตอนนี้ นอ้งแนททำได้สองวิธีค่ะคือ 1  ให้อาจารย์สื่อเข้ามาเขียนมากๆอย่างที่ว่า หรือ  2  น้องแนทก็เข้ามาเขียนซะเอง มันคงจะสร้างสรรค์กว่านี้ นะจ๊ะ จากคุณ : Gasalong - [ 26 เม.ย. 51 00:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ท่านหัวหน้าห้องใจเย็นๆนะครับ อย่าไปสนใจเขาเล้ยยย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 26 เม.ย. 51 10:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ดับเครื่องชนจนได้ เอางี้ละกัน ผมขอโทษละกันครับ ผมมันคิดกับพิมพ์ตรงกันไปหน่อย นิ้วมันไวกว่าปากอยู่เสมอ ไหนๆ พี่อยากให้ผมเขียน ผมก็ขอพูดเรื่องทิเบตนิดหน่อยละกันครับ ทิเบตในเชิงประวัติศาสตร์ ผมเองเชื่อว่ามีคนรู้ดีกว่าผมอยู่ในบอร์ด เป็นพัน รวมทั้งอาจารย์สื่อท่านก็ข้อมูลเยอะกว่าผมมากมายผมเลยรู้สึกว่าเขียนไปก็มะพร้าวห้าว ขายสวนชัดๆ แต่จริงๆที่อยากจะพูดถึงก็คือเรื่องความคิดมุมมองของคนจีน ธรรมดาเดินดิน(หลังจากอยู่มาซะนาน) ที่มีต่อประวัติศาสตร์ในช่วงปัจจุบันและความพัฒนาการของประวัติศาสตร์ครับ ***ข้อมูลพวกนี้ได้มาจากอาจารย์ ภาษาจีนของผมกับเพื่อนสนิทที่มหาลัยครับ ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุน้อยแล้วไม่เคยลำบากช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม เขาอาจจะมีมุมมองที่แตกต่าง จากคนรุ่นอายุมากหน่อยที่เห็นอะไรแปลกกว่าไปเยอะครับ และ ทั้งนี้ เป็นคนมีเงิน และ คนที่อยู่เซี่ยงไฮ้มานานทั้งนั้นครับ***** เรื่องของทิเบต ต้องเกริ่นเรื่องประวัติศาสตร์นิดหน่อยครับ ทิเบตเองก่อนยุคสุ่ย-ถัง ในคริสตศรรตวรรษ ที่7 ไม่เคยถูกจีนพิจรณาว่าเป็นจักรวรรดิเพื่อนบ้านที่มีประโยชน์ครับ จนกระทั่ง การที่ทิเบตพยายามให้จีนรองรับใน อธิปไตยชายแดนของตนโดย ส่งหนังสือร้องและบรรณาการไปยังจักรพรรดิถัง ในเรื่องการขอผู้เกี่ยวสืบสกุล และ ในการรองรับอำนาจรัฐของตนต่อพื้นที่อธิปไตยของตน   ในยุคแรกของความสัมพันธ์ ทิเบตไม่เคยมีปัญหาและอยู่ในสายตาจีนว่าเป็นจำต้องไปปกครองเพราะ จักรวรรดิ ถังเองก็มะรุมะตุ้มกับการไปเล่นเกมส์กับอาณาจักรโบราณของเกาหลี รวมทั้งหลัง ยุคพระนางอู่เจ๋อเทียนเป็นต้นมา ถังไม่เคยแข็งแรงเหมือนแต่ก่อนอีกเลย จนกระทั่ง เกิดกีฬาสีภายใน(สงครามแย่งบัลลังค์) ในสมัยซ่งใต้ จนมองโกลต้องยื่น มือเข้ามายุ่งกับเรื่องในทิเบต รวมทั้งเป็นยุทธศาสตร์ในการล้อมดินแดนจงหนาน ของราชวงศ์ซ่งใต้ จนกระทั้งซ่งแตกและกุ๊บไลข่านได้ตั้งราชวงศ์หยวนขึ้นมา ก็ รองรับทิเบตในฐานะประเทศราชซะเลย ถือเป็น จีนมีอธิปไตยเต็มที่ต่อการปกครอง ในทิเบต เพราะ จริงๆเรื่องในวังทิเบต ตอนนั้น มองโกล ก็มีเชื้อสายแถมยึดการปกครองไปซะเหี้ยนแล้วครับ ฐานะของทิเบตเลยเป็นประเทศราชของ จักรวรรดิจีน ตั้งแต่ยุค หยวน มาถึงหมิง และชิงตามลำดับ (เหมือนไทยในสมัย ร.ห้า นับลาวขเมร)จนกระทั่งล้มในสมัย ปฏิวัติชิงไห่ 1911 ซึ่งตอนนั้น จีนมีกีฬาสีใหญ่มากระหว่างขุนพลต่างๆ ทำให้ไม่มีอำนาจมากพอที่จะไปยุ่งกับ เมืองขึ้นเก่าๆอย่าง ทิเบตและมองโกล จนมองโกลหลุดรีบปฏิวัติหนีไปครับ ซึ่งตอนหลัง เหมา พาพรรคมายึดจีนจากกว๋อหมิ่นทานปี 1949 ก็พา กองทัพประชาชน เดินเล่นในเขตประเทศราชเก่า ซินเกียง - ซีจ้าง - หยุนหนาน ตามที่อาจารย์ สื่อกล่าวถึงเรื่องทิเบตครับ ในมุมมองของคนจีนที่มีต่อปัญหาทิเบต ในช่วงเวลาสั้นๆนี้นะครับ คือหลายๆคนไม่ค่อยสนใจ เพราะ ไม่มีข่าวจากทางรัฐมากมายเท่าใด รวมทั้ง คนรุ่นใหม่ของจีน ถึงมีตัง ก็ไม่สนใจการเมืองครับ (จะอธิบายต่ออีกทีหลังครับ) ซึ่งผมมาคิดเองว่า ถึงเขาทราบเรื่องอย่างละเอียด เขาก็คงไม่ค่อยมีอารมณ์ที่ จะเรียกร้องอะไรให้คนทิเบต เพราะในเมื่อ ตัวเขาเองก็ ฮั่นเหริน คือ คนฮั่น รัฐบาลจีนเองก็คือ รัฐบาลของคนฮั่น สิ่งที่รัฐบาลทำก็ เพื่อนคนฮั่น ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศอีก มันไม่มีเรื่องอะไรที่จะสงสารคนทิเบตครับ จากการที่คุยกับเพื่อนผมถึงที่มาที่ไป การที่คนจีนพิจรณาคนทิเบตในฐานะ คนที่อยู่ในอาณัติ ของรัฐบาลเดียวกัน ก็ถือเป็นเรื่องปรกติ รวมทั้ง ตอนที่ผมไปทิเบต ที่พิพิธพัณฑ์ ก็มีหลายอย่างที่เป็นหลักฐานถึงการมีอาณัติของจีน ต่อการปกครองของทิเบตโดยตรง อย่างเช่น มีแผ่นป้ายแต่งตั้ง ทองคำจากปักกิ่งถึงลาซาทุกปี และ ทางลาซาเองก็ยอมรับและตอบกลับตลอด ซึ่งสามารถเป็นหลักฐานในอำนาจการปกครองของจีน ต่อดินแดนทิเบตมายาวนาน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น คนจีนเองก็ไม่คิดว่า การที่รัฐบาลยึดทิเบตมาเป็นของตนเป็นสิ่งผิด เพราะ ทิเบตเป็นของจีนมาเนิ่นนานแล้วครับ ยิ่งสำคัญกว่าคือ (ยึด) โดยฮั่น (ยึด) เพื่อ ฮั่น เลยกลายเป็น เรื่อง ธรรมดาที่สมควรจะเป้นในความคิดของคนจีนพื้นฐานซะงั้น ยิ่งในเชิงรัฐภูมิศาสตร์ จีนเองก็ไม่ต่างอะไรจากประเทศใหญ่ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนานอย่างรัสเซียหรอกครับ เพื่อนผมบอกว่า ลองทิเบตแยกตัวได้สิ เดี๋ยวซินเกียงก็ตามมา และ อื่นๆอีก สำหรับคนจีนแล้ว การมีจีนเดียวที่มีฮั่นปกครองถือเป็นเรื่องใหญ่มากครับ (จะอธิบายอีกทีหลังครับ) เพราะถือเป็นความภาคภูมิในสูงสุดเพราะเขาเป็นคนฮั่น รวมทั้งมีความเกี่ยวดองทางประวัติศาสตร์ด้วยครับ มีเรื่องที่ผมคิดเองอีกคือ ทางการทหารครับ จีนคงไม่ยอมปล่อยให้ทิเบตเป้นของใครไป ได้นอกจากเขาหรอกครับ สมมุติว่า ธิเบต เป็นเอกราช ภายใต้อานัติของประเทศตะวันตกหรือ อินเดีย หมายถึง มีทหารต่างพวกมาจ่อในที่ราบชิงไห่ ซึ่งติด ทั้ง ซินเจียง ชิงไฮ่ ยุนนาน เสฉวน และ อีกนิดเดียวก็ถึง จงหยวนอย่าง ซานสี่ สานซี กานสู หูหนาน เหอเป่ย เหอหนาน แล้วครับ ซึ่งจะทำให้จีนอาจจะต้องมีการ เสียเงินเสียทองกับการเตรียมทหารในเขตชายแดนดังกล่าวครับ เพราะทิเบตเป้นรับกันชนทางภูมิศาสตร์ที่ดีมากๆ ถ้าเสียไป ก็เหมือนถูกจ่อคอหอยเอาง่ายๆ รวมทั้งจะทำให้ซินเกียงและเผ่าอื่นๆ ถูกปลดปล่อยได้ง่ายจากกองกำลังชาติอื่นครับ ส่วนในความเห็นส่วนตัว ถ้าจะพูดถึงทิเบต เชิงเห็นใจ ผมก็เกรงว่า มันจะเกลียดปลาไหล กินน้ำแกงไปหน่อย เพราะ เราเองก็มีภาคใต้ที่มีปัญหาอยู่ ซึ่งเราก็ไม่ได้นับเขาเป็นคนภาคกลาง ที่มี พื้นฐานเหมือนเรา แต่ เราเพียงนับเขาว่า เคย และ ยังอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลไทยและ อดีตรัฐบาลเจ้าสยาม รวมทั้ง ส่วนตัวผมเองคิดว่า ความมั่นคงของจีน หมายถึงความมั่นคงและมั่งคั่งของประเทศเอเชียโดยรอบทั้งหมดครับ **** เดี๋ยวมาต่อเรื่อง aspect ของคนจีนต่อประวัติศาสตร์ตนโพสต์หน้าครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 26 เม.ย. 51 11:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีค่ะ  คุณศราวุธ จะไม่ให้สนใจได้ไงละคะ น้องเขาติติงมาทั้งที  พี่ก็ต้องรับฟังไว้บ้าง เดี๋ยวน้องเขาจะมาถอนหงอกเอาได้ว่าเป็นพวกแก่กะโหลกกะลา ว่าแต่คุณศราวุธเถอะค่ะ   กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว  แต่รู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน โลกกำลังเป็นสีชมพูสิท่า หวัดดีน้องแนทอีกทีค่ะ   พี่อ่านสไตล์การเล่าเรื่องของน้องแนทแล้ว   ก็ต้องยอมรับละค่ะว่า  เด็กๆรุ่นใหม่นี้  เขาจัดระเบียบความคิดของเขาได้ดีเยี่ยมจริงๆ นอกจากการจัดระบบความคิดที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว   การจัดการกับภาษาไทยของน้องเขา  ก็ไม่ได้ขายขี้หน้าคุณครูภาษาไทยเลยนะนี่    มีจังหวะจะโคน วรรคตอน ชัดเจนเชียวค่ะ อย่างนี้สิ   ถึงจะเรียกว่า  Young Turk ของแท้ ส่วนอย่างพี่นั้น  เขาเรียกว่าของเทียมค่ะ น้องงแนทรู้อะไรอย่างหนึ่งไหมคะ  ถ้าน้องแนท  เข้ามาเล่าเรื่องจีนกับทิเบต ก่อนหน้านี้สักหน่อยนะคะ     กระทู้ก็คงไม่รก  จนน้องทนไม่ได้ถึงขนาดต้องเอ่ยปากหรอกนะจ๊ะ แต่ดีค่ะ ลูกผู้ชายตัวจริงๆ   กล้าพูดก็ต้องกล้ารับ   อาจารย์สื่อเคยบอกว่า  ......ให้คิดทุกอย่างที่พูด แต่ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่คิด....... เวลาดูหนังจีน   มักจะได้ยินคำพูดอยู่คำหนึ่งเสมอๆ จากเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ  ที่เขาบอกว่า  "ถ้าเจ้าไม่พูด   ก็คงไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ" ไม่รู้หมายความว่าไง จากคุณ : Gasalong - [ 26 เม.ย. 51 15:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เรื่องทิเบต  กำลัง อินเทรนด์เลยค่ะ กลับเข้ามาเล่าต่อด้วยนะคะ จะมีใครเล่าเรื่องราวต่างๆเหล่านี้  ได้ดีไปกว่าคนที่มีโอกาสได้สัมผัสทั้งกลิ่นอายอารยธรรม วัฒนธรรม  และวิถีชีวิตของสังคมที่เราเข้าไปอาศัยอยู่จนกลายเป็นเนื้อเดียวกันได้อีกละคะ การที่เราได้มีโอกาสสนธนาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน  หาใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆนคะ ใครจะไปนึกภาพออกละคะว่า จีนช่วงก่อนปฏิวัติฯ  ในระหว่างการปฏิวัติฯ  และหลังการปฏิวัติฯ  สภาพสังคมและชีวิตความเป็นอยู่มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง  นอกจากเราอ่านในหนังสือ  ที่ถูกถ่ายทอดโยผู้ที่มีประสบการณ์จริง น้องแนทเป็นคนที่โชคดีมากค่ะ  ที่ได้เข้าไปสัมผัสในช่วงของประวัติศาสตร์ที่มีพยานหลักฐานที่ยังมีชีวิต แต่ถ้าหลังจากนี้ไปอีกสักหน่อย  หลักฐานทางประวัติศาตร์เหล่านั้น  ก็จะเป็นเพียงแค่รอยจารึกที่คนรุ่นใหม่ต้องตีความหมายกันเพื่อศึกษาถึงสาเหตุที่เกิด  และผลของเหตุการณ์ จากคุณ : Gasalong - [ 26 เม.ย. 51 15:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่เคยอ่านกระทู้นี้ อยากอ่านบ้าง จะเริ่มตรงไหน เมื่อใดคะ ท่านหัวหน้า เรียกตามคห.46 จากคุณ : แม่ของObst (obst) - [ 26 เม.ย. 51 16:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณแม่ของObst  ลองคลิกตามลิงค์นี้นะครับ http://www.geocities.com/drsak/ จากคุณ : Dearance - [ 26 เม.ย. 51 17:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณคุณ Dearance ค่ะ  ที่ช่วยชี้เบาะแส นี่แหละค่ะ  ความน่ารักของแฟนๆกระทู้นี้ ใครถามอะไรมาถ้าตอบได้  รับรองว่าไม่มีกั๊ก ไม่มีแบน ยกไปเลยทั้งกลม คุณแม่น้อง Obst คะ   สวัสดีและยินดีต้อนรับเข้าสู่กระทู้มหากาพย์  Young Turk ค่ะ ลองไปตามเป้าที่คุณข้างบนชี้แนะไปก่อนดีไหมคะ  แล้วค่อยมาบอกว่าเจออะไรบ้าง หลังจากนั้นเมื่อลูกหลับแล้ว  ส่งเสียงเข้ามาทักทายกันบ้างนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 26 เม.ย. 51 18:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่ได้เข้ามาแป๊บเดียว วิ่งไวมาก จากคุณ : กริชครับผม - [ 26 เม.ย. 51 21:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณคห.51มากค่ะ อ่านตาแฉะแน่ อิๆ สวัสดีค่ะคุณกาสะลอง ชื่อดอกไม้ใช่ไหมคะ? จะค่อยๆอ่านไป ไม่นึกมาก่อนว่ากระทู้นี้ดี เพราะชื่อเหมือนเป็นกบฏ จะพาเราลำบากไปด้วย ลูกโตแล้วค่ะไม่ต้องห่วง เหลือแต่ลูกชายคนโตยังไม่โต ต้องกล่อมทุกคืน แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 51 02:00:26 จากคุณ : แม่ของObst (obst) - [ 27 เม.ย. 51 01:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องปัญหาทิเบต ก็คิดตรงกันว่าปัญหาคล้านคลึงกับปัญหา 4 จังหวัดชายแดนของไทยค่ะ แต่ขอขัดกับความเห็นที่ว่า".....ซึ่งเราก็ไม่ได้นับเขาเป็นคนภาคกลาง ที่มี พื้นฐานเหมือนเรา แต่ เราเพียงนับเขาว่า เคย และ ยังอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลไทยและ อดีตรัฐบาลเจ้าสยาม.... " "เรา" ในที่นี่ไม่น่าแทนความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่นะคะ สำหรับมุมมองของดิฉันนั้น คิดว่า เรา-คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้สึกแบ่งแยก เที่ยวไปนับว่าคนภาคใหนใครเคยอยู่หรือไม่อยู่ใต้อานาจใครหรอกคะ ปัจจุบันนี้ก็คนไทยเหมือนกัน มีบัตรประชาชน มีสิทธิเลือกผู้แทนเหมือนกันไม่เคยคิดว่าตรงไหนเป็นดินแดนปกครองอะไรทั้งนั้น สำหรับดิฉันนั้นก็ชอบซะอีกที่แต่ละภาคก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และชื่นชมรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนไว้ เป็นสีสรรให้ไปเที่ยว หุหุ จากคุณ : มาลัย - [ 27 เม.ย. 51 15:42:05 A:124.121.211.183 X: TicketID:108292 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณพี่กาสะลองครับ นักเรียนท้ายห้องมาแล้วครับ เอาโอเลี้ยงมาฝากด้วยครับ แต่จับเลี้ยงฝากคุณศราวุธแก้ไข้ใจ แล้วน้ำใบบัวบกฝากใครก็ได้ที่กำลังฟกช้ำดำเขียว ฮิฮิ กระทู้กำลังวิ่งจี๋เลยครับ หนูหล่อมัวไปก้มหน้าก้มตาทำมา หากินแป๊บเดียว กลับมาไล่ตามซ้า... สารพัดเรื่องจุดประกาย ให้ไปค้นหาอะไรๆมาอ่านเพิ่ม มันส์มากครับ... แล้วหนูหล่อมา ทวงรางวัลเฝ้าห้องเรียนตอนสงกรานต์ด้วยนะคร้าบบ สะใจจริงๆที่ได้ยินว่าอาจารย์รณชัยออกตังค์ติดแอร์ห้องทำงาน ที่มหา'ลัยให้ตัวเอง เนี่ย หนูหล่อก็ได้แต่เข้ามาหาความรู้แล้วก็ชวนคุยแก้เหงา ไม่เคย มีความรู้มาแบ่งปันเลย จะถูกว่าเข้ามาทำรกมั้ยก็ไม่รู้นะครับ คุณพี่หัวหน้าห้อง จากคุณ : หนูหล่อ - [ 27 เม.ย. 51 16:15:23 A:124.120.218.54 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ลูกชายคนโตยังอ้อนไม่หยุดใช่ไหมคะ อย่างนี้ต้องตัดหางปล่อยวัดดีไหมคะ??? กาสะลองเป็นชื่อดอกไม้ค่ะ   ทางภาคเหนือเรียกว่ากาสะลอง   ภาคกลางเรียกดอกปีบค่ะ ออกดอกตอนช่วงปลายฝนต้นหนาวค่ะ  ดอกสีขาวกลีบเล็กๆ  กลิ่นหอมชื่นใจค่ะ อ่านกระทู้กบฏ  แต่ถ้าใจเราไม่กบฏ  ก็ไม่เดือดร้อนค่ะ อ่านไปเรื่อยๆนะคะ    ชอบใจตอนไหนก็เขียนบอกมาได้ค่ะ  อาจารย์อาจจะใจอ่อนเข้ามาขยายผลในเรื่องนั้นๆให้ฟังต่อก็ได้ ช่วงนี้เห็นท่านหายไป  คิดว่าคงไม่อยู่    หรือว่าอยู่แต่แอบฟังอยู่ก็ได้ว่ามีใครนินทาบ้างหรือเปล่า จริงไหมคะ  คุณหนูหล่อ จากคุณ : Gasalong - [ 27 เม.ย. 51 18:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เจงครับ... แถวนี้เป็นซีไอเอกะเอฟบีไอกันทู้กคน รวมทั้งหนูหล่อไม่มีเว้นก๊าบบบ อย่าเผลอละกันนะ คุณพี่นะ ฮิฮิ ไม่เข้าข้างคุณพี่คนจ๋วยจาปายเข้า ข้างคราย แต่ว่ากระทู้นี้มีไว้ลับสมองลองฝีปากไม่ใช่เหรอครับ เราก็ลับๆลองๆกันตามประสามาตั้งนานแระ ก็มีความสุข กันดี ใครไม่ชอบก็ไม่น่ามาสนเราเล้ยยย คุณพี่ก็เมินๆ เสียเถอะนะครับ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 27 เม.ย. 51 19:10:11 A:124.121.212.133 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ใครก็ไม่รู้บอกว่าอ่านกระทู้แล้วสมองไม่ฝ่อ แต่อย่างอื่นจะฝ่อหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้  ห้ามเขียนแขวะกันนะคะ ป้าวิไม่ชอบค่ะ ถ้าจะแขวะก็อนุญาตให้แขวะได้คนเดียว คือแขวะอาจารย์สื่อค่ะ คืนนี้นั่งทำงานดึกค่ะ รอน้องแนทเข้าเล่าเรื่องทิเบตต่อค่ะ ถ้าน้องแนทยังไม่เข้ามา   เดี๋ยวพี่มาเล่านะ  เออ จากคุณ : Gasalong - [ 27 เม.ย. 51 20:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 เม.ย. 51 21:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ก้อผลัดกันเล่าไปทีละตอนสิครับ รับรองทั้งจีน ธิเบต และอังกฤษ ได้มาเจอกันแน่ ๆ รวมถึงฝรั่งเศสด้วย เรื่อง ฟรี ทิเบต มันพูดยากครับ เพราะอย่างที่ว่า จีนคงไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่ ๆ แถมยังมีประวัติศาสตร์ที่แตกต่างออกไปจากประเทศอาณานิคมอื่น ๆ คงไม่ง่ายที่จะแยกตัวเองออกไป ทำไม ไม่มีใครไปตั้งคำถามกับสหรัฐฯบ้างนะ ว่า เมื่อไรจะปล่อย ฮาวาย ให้เป็นอิสระ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 เม.ย. 51 22:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อย่าไปเรียกว่า กระทู้รก เลยครับ เอกลักษณ์ของกระทู้นี้ ก็คือ มัน "จับฉ่าย" นั้นแหละ ถ้าเป็นกระทู้ที่เสนอแต่ความคิดเห็นหรือมุมมองของคนเพียงคนเดียว ป่านนี้ มันคงจบไปนานแล้ว ที่ยังอยู่ยั้งยืนยงมาได้ เพราะมันเปิดกว้างให้ทุกคนมาแลกเปลี่ยนความรู้ครับ เพราะเราเชื่อว่า ไม่มีใครรู้ลึก รู้จริงไปเสียหมดทุกเรื่อง บางเรื่องบางมุมที่เรารู้ อาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ก็ได้ น่าสนใจไหมละ ถ้าจะเอามาแลกเปลี่ยนกัน ความรู้ ไม่จำกัดหรอกครับว่าต้องเป็นเรื่องอะไร เวลาไหน ความรู้ไม่ใช่ของหวาน ของคาว ที่ต้องเรียงลำดับกินก่อนกินหลัง ที่สำคัญ ถ้าเราไม่ไป "ฆ่าความคิด" ของกันและกันแล้ว ความคิดที่เดินทางได้โดยอิสระนี่แหละ คือ ขุมทรัพย์ทางปัญญาที่แท้จริง และมีแต่ผู้ปลดปล่อยความคิดตัวเองให้อิสระไปจากกรอบเท่านั้น ที่จะพึงค้นพบมันได้ ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้   ลองมาแสวงหาความรวยทางปัญญากันดูบ้างก็แล้วกันนะ ส่วนความรวยทางทรัพย์สินก็ให้คนอื่นเขามีกันต่อไปแล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 เม.ย. 51 22:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 63 นึกแล้วเชียวว่าอาจารย์สื่อต้องอยู่แถวๆนี้ ปล่อยให้พวกเรา "แย่ง" กันเขียนอยู่ได้ตั้งนานสองนาน จะออกมาห้ามทัพสักนิดก็ไม่อ่ะ ใจร้ายชะมัด! นี่ดีนะที่ว่าน้องแนทเขาน่ารัก ช่วยมาขัดตาทัพด้วยการเล่าเรื่องทิเบตอันสร้างสรรค์ให้ฟังแทน ถ้าคุณสื่อว่างแล้ว  ก็มาเล่าอะไรต่อมิอะไรให้พวกเราฟังต่อสิคะ วันไหนไม่ได้อ่านสำนวนคุณสื่อแล้วนอนไม่หลับค่ะ เอ้า น้องๆที่คอยส่งข้าวส่งโอเลี้ยง  ว่างัยค่ะ?????? ส่งเสียงหน่อยเร๊วววววว!!!! สำหรับพี่เห็นทีต้องหลบเลียแผลใจสักพักแล้วล่ะ มันเสีย  Self  ไปแระ จากคุณ : Gasalong - [ 27 เม.ย. 51 23:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อยากจะเขียนอยู่ครับ แต่มันแพ้อากาศ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ตอนนี้เลยมีสภาพเป็นคนป่วยเรื้อรังอยู่ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 01:28:07 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 เม.ย. 51 00:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ้าว   อาจารย์สื่อป่วยซะแล้ว น่าสงสารจริงๆ อยากทานอะไรบอกนะคะ เดี๋ยวจะให้อาหมวยหน้าปากซอยไปส่งปิ่นโตให้ค่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 28 เม.ย. 51 09:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โหยยย... คุณพี่ก็.. ศึกหนักๆก็ผ่านมานักต่อนักแล้ว จะมาเสีย self อะไรกันแค่เนี้ยครับ หนูหล่อถนัดส่งแต่เครื่องดื่มไม่เมาครับ ของอาจารย์เป็น โอวัลตินละกันนะครับ ของคุณพี่เล่นยกล้อซะหน่อยดีป่ะ ให้อาหมวยปากซอยไปส่งปิ่นโตอาจารย์ก็ดีครับ อาจารย์ จะได้ไม่ต้องออกไปหิ้วเอง แล้วคนที่เพิ่งกลับมาจากคูเวตก็ ป่วยเหมือนกันครับคุณพี่ จะเมตตาสั่งเกี๊ยวน้ำจากเซเว่น ให้เขาหน่อยได้มั้ยครับ หนูหล่อจะส่งให้กลัวเขาระแวงโล่ติ๊น อะครับ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 28 เม.ย. 51 16:46:12 A:124.120.226.15 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เห็นชื่อน้องแนท ตั้งแต่กระทู้ ฮิตเลอร์ จากคุณ : h - [ 28 เม.ย. 51 20:14:46 A:86.129.146.34 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 68 โล่ติ้น = ใช้เบื่อปลา.. ใช่หรือเปล่าครับ  คุณหนูหล่อ จากคุณ : รกอีกแล้ว อิอ (Dearance) - [ 28 เม.ย. 51 21:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ใช่แล้วครับ คุณ Dearance... เบื่อคนก็โอครับ อิอิ ช่วยกันทำรก แต่หนูหล่อไม่เบื่อเพื่อนหรอกคร้าบบ แค่กลัวเค้าระแวง จากคุณ : หนูหล่อ - [ 28 เม.ย. 51 23:08:09 A:124.120.226.55 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณหนูหล่ออะไรเนี่ย กลับมาที่ห้องเรียนซะงั้น ไหนบอกคุณแอปเปิ้ลว่าจะไป เราก็นึกว่าไปนอนแล้วเสียอีก อาจานสื่อป่วยเหมือนผมเลย หายหรือยังไม่รู้นะครับ แต่ผมหายแล้วล่ะ(ต้องบอกว่าดีขึ้นมากกว่านิ) ขอให้อาจานสื่อหายไวๆ กลับมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกศิษย์ลูกหาในเร็ววันนะครับ กลับมาแล้วก็ห่างไกลมากกว่าเดิม เพราะมันไม่ว่างเหมือนเดิมน่ะสิครับ 555 ผมเองก็ยอมรับเลยว่ากลับมาแล้ว อาการติดเน็ทมันน้อยลง ไปทำอย่างอื่นเยอะขึ้น เรื่องความรู้ผมขอเป็นคนนั่งอ่านดีฝ่า เพราะฟามรู้มีแค่หางอึ่ง ให้มานั่งเล่าเป็นฉากๆแบบนี้ม่ายหวาย ก็รออ่านจากอาจานสื่อบ้าง ทั่นหัวหน้าห้องบ้าง ทั่นอื่นๆบ้าง แล้วไว้ว่างๆก็จะรวบรวมไว้ให้เป็นหมวดเป็นหมู่ไม่จับฉ่ายอีกต่อไปครับ คุณDearance ครับ เว็บที่ลงเรื่องของคุณสยุมภูไว้น่ะ ผมนึกว่ามีครบทุกตอนเสียอีก น่าเสียดายจังครับ ขาดช่วงสำคัญๆตอนสำคัญๆไปเยอะทีเดียว แต่เท่าที่เขาเอามาลงให้อ่านนั้นก็สุดยอดมากเลย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 28 เม.ย. 51 23:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อ๊ะ.. มีความรู้แค่หางอึ่งยังดีกว่าหนูหล่อไม่มีเลยน้า มาคอยส่งโอเลี้ยงแล้วแอบเก็บความรู้ไป ประเภท ครูพักลักจำน่ะครับ คุณศราวุธก็หายป่วยแล้ว อาจารย์สื่อก็รีบๆหายนะครับ เดี๋ยวจะถูกใครๆเพ่งเล็งว่า คนแก่ป่วยแล้วหายช้า... ขอประทานโทษนะก๊าบบบ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 29 เม.ย. 51 14:14:48 A:124.120.227.251 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณหนูหล่อก็รุ่นๆอาจานสื่อมิใช่รึ ทำมาเนียน จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 29 เม.ย. 51 19:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 74 โอ้แม่เจ้า... ท่านอาวุโสไปหมดขนาดน้าน อย่าเอาหนูหล่อไปเปรียบน่า งัยๆก็ไม่เนียน อาจารย์หายหรือยังครับ หนูหล่อโดนต้อน อีกแล้วน้า จะกลับไปนั่งหลังห้องแล้วคร้าบบบ จะได้เลิกทำรกด้วย จากคุณ : หนูหล่อ - [ 29 เม.ย. 51 20:29:51 A:124.120.231.34 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สองคนนี่คุยกันสนุกสนานใหญ่เลยนะ ป่านนี้แล้วทำไมไม่รู้จักหลับจักนอน ฮึ! รู้ไหม  คราวนี้อาจารย์เขาป่วยจริงนะ  ไม่ได้โม้ พี่พยายามตามตัวแล้ว  แต่ก็ยังไร้วี่แวว คอยดูข่าวหน้าหนึ่งไทยรัฐพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้ายังไม่เป็นข่าวพาดหัวตัวโตๆ แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่ค่ะ  ไม่ต้องห่วง จากคุณ : Gasalong - [ 29 เม.ย. 51 20:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 76 โห.. คุณพี่ เรียนจบตั้งนานแล้ว จะให้นอนสามทุ่มเนี่ยนะครับ ราตรียังไม่เริ่มเร้ยยย งานก็ยังกองสุมมะรุมมะตุ้มอยู่เต็มไป หมด กว่าจะได้นอนอย่างเก่งก็โน่นหลังเที่ยงคืน น่าสงสารซ้า... อาจารย์สื่อครับ หายเร็วๆนะครับ หนูหล่อทำรกมากๆ คนกันเองก็ว่า คนกันท่าก็เยอะ... แต่ตอนนี้อะ ถ้าเป็น ไข้หวัดก็น่าจะต้องหาหมอนะครับ อากาศสะบัดร้อนสะบัด หนาวอย่างนี้ เป็นหวัดแล้วหายยาก พรุ่งนี้จะรีบไปซื้อไทยรัฐสามฉบับครับ คุณพี่ จากคุณ : หนูหล่อ - [ 29 เม.ย. 51 21:11:29 A:124.120.231.34 X: TicketID:163925 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านไทยรัฐตอนนี้เฉพาะหน้าของคุณชัยราชวัตรล่ะครับ อ่อ ถ้าเป็นฉบับวันอาทิตย์ก็พ่วงหน้าบันเทิงที่ลงรูปนางแบบจากหน้าปกไว้อีกชอตนึงด้วยครับ ของเขาแจ๋วจริง ระดับอาจานสื่อต้องลงพวกนิวยอร์คไทมส์ กระมังครับ ไม่งั้นก็พวกอาชญกรรม ฮิฮิ หายไวๆนะครับอาจาน ลูกศิษย์ลูกหารอการสั่งสอนอบรมอยู่ (แม้หลังๆจะเงียบไปเยอะแล้วก็ตาม เพราะไม่ค่อยว่าง) ตอนนี้ถ้าคุณหนูหล่อจะให้ผมเอาความรู้เท่าหางอึ่งมาร่ายในนี้ ก็คงมีแต่ประวัติศาสตร์จีนยุคชุนชิว ล่ะครับเพราะกำลังอ่านอยู่ ฮิฮิ อ่านจบแล้วก็จบเลยล่ะครับ จบแล้วก็ลืมหมด อิอิ ดังนั้นรอท่านผู้เชียวชาญทั้งหลายมาร่ายเรื่องที่ค้างอยู่ต่อปายให้จบด้วยเด้อ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 29 เม.ย. 51 22:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 78 มาลงชื่อด้วยคนครับ ช่วงนี้โดดเรียนบ่อย งานท่วมหู แต่ก็ยังแอบมาอ่านอยู่เด้อ จากคุณ : ทองเบิ้ม (ทองเบิ้ม) - [ 30 เม.ย. 51 11:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อาจารย์สื่อไม่สบายเหรอครับ ขอให้หายป่วยไวๆนะครับ พักผ่อนเยอะๆครับ แล้วรีบมาเขียนให้น้องๆหลานๆอ่านกันต่อนะครับ ฮาวาย ต้องการเป็นรัฐอิสระจากสหรัฐหรือครับ ? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนี้ อยากให้ท่านอาจารย์ชี้แจงแถลงไขด้วยนะครับ จากคุณ : joblovenuk - [ 30 เม.ย. 51 16:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ก็ป่วยด้วยหวัดธรรมดานี่แหละครับ แต่ที่ไม่ธรรมดา คือ อาการเจ็บคอ ชนิดกลืนอะไรไม่ได้ อ้าปากจะพูดยังเจ็บเลย เรื่องกินยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เลยกำลังแอบหวังลึก ๆ ว่า วิกฤติครั้งนี้จะแปรเป็นโอกาส เผื่อจะผอมลงบ้าง แต่กลัวว่าหายเมื่อไรนะสิ ผัดไท หอยทอด ขาหมู มันไก่ เกาเหลาเนื้อ เส้นเล็กต้มยำ ฯลฯ มันจะกลับมาทำหน้าที่สะสมไขมันในพุงอีกนะสิ ฮาวาย ไม่ได้เรียกร้องหรอกครับ ประชดอเมริกาไปงั้นแหละ เพราะพ่อตัวดี ชอบไปยุ่งเรื่องคนอื่นจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ขยะใต้พรมตัวเองก็บานเบอะ ฮาวายนี่ ถ้าย้อนไปดู  เขาเคยปกครองด้วยระบบ King เลยนะ ถ้าทุกอย่างย้อนกลับไปอย่างไม่มีหลักเกณฑ์ เห็นทีเราคงต้องคืนอยุธยาให้หงสาวดีเขาไปแหละครับ เกณฑ์เรื่องแบ่งชาติเนี่ย ฝรั่งมันเป็นคนกำหนดครับ เมื่อฝรั่งกำหนด มันก็เอาที่มันรู้ นั่นคือเอาเฉพาะช่วงอาณานิคม กะช่วงหลังสงครามโลก พวกยุโรปนี่เขาคุ้นเคยกับการแบ่งดินแดนในแผนที่ อย่างเมื่อล้มนโปเลียนได้  ยุโรปก็มานั่งแบ่งประเทศกันใหม่ แต่ทางเอเชียเราไม่คุ้นครับ เพราะเมื่อก่อนเราไม่ค่อยสนใจดินแดน เราอยากได้คนไปเป็นแรงงานในการเพาะปลูกมากกว่า วิธีการแบ่งประเทศเลยไม่ค่อยตรงกันครับ ช่วงนี้ใครมีเวลาก็ช่วยเขียนหน่อยเถอะครับ เอาไว้ให้อาการเจ็บคอมันทุเลาก่อน แล้วอย่าพึ่งแย้งว่า ไม่ได้ใช้คอพิมพ์ละ ถึงมันใช้นิ้ว แต่มันเจ็บคอก็ไม่ค่อยอยากพิมพ์เหมือนกันนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันแรงงาน 00:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เพื่อนๆได้เวลาโชว์แร้ววค้าบบบ ใครพร้อมลุยเรยย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ วันแรงงาน 02:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 82 โห หายไว ๆ นะค่ะ กดพิมพ์ดีดกระเทือนถึงคอ... นึกถึงเพลงเด็ดดอกไม้กระเทือนถึงดวงจันทร์ ผีเสื้อกระพือปีกที่บางกอก ฝนตกที่ปักกิ่ง ปานนั้น ล้อเล่งนะ จากคุณ : h - [ วันแรงงาน 05:15:57 A:86.129.141.63 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 83 หายไวๆ นะครับอาจารย์ใหญ่ ผมก็ยังจมอยู่ในกองงาน หาทางออกลำบากเหมือนกัน จากคุณ : ha ha yee - [ 2 พ.ค. 51 08:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 555 เอาดินแดนของเราคืนมา จากคุณ : Zhang Fei - [ 3 พ.ค. 51 08:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เงียบกันไปหมดเล้ยยย จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 4 พ.ค. 51 08:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทีแรกว่าจะข้ามไปเกาะอังกฤษ แต่นึกไปนึกมา เรื่องของเอเชียยังไม่หมดเลยนี่หว่า ก็เลยขอวนอยู่แถวแถบนี้สักนิด ทีนี้ด้านพม่า เขมร ลาว ญวณ ก็ว่ากันมาหมดแล้ว จีนก็ข้ามไปหลายหน ธิเบตก็วน ๆ จิ้ม ๆ อยู่หน่อย เดี๋ยวก็วกกลับมาเอง ดู ๆ ไปก็เหลือแต่ทางใต้ประเภทมาลายู สิงคโปร์ กะอินโดนิเซีย อินโดฯนี่เคยว่าไปทีแล้ว รวมติมอร์ที่กำลังฮอตตอนนั้นด้วย มาลายู ก็เคยวกไปแบรัฐโบราณที  ชื่อจำกันยากจริง ๆ คงมีแต่สิงคโปรที่ไม่ค่อยได้เขียนถึง เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเขียนถึงอะไร เพราะเขาไม่ค่อยมีอะไรดุเดือด มีแต่เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจแบบรุดหน้า กับการออกกฎหมายห้ามฉี่ในลิฟท์ น่าสนใจทั้งสองเรื่อง เลยไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไรก่อนดี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 03:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 87 จริง ๆ ถ้าก้าวออกไปไกลหน่อย ก็ยังมีญี่ปุ่นกับเกาหลีที่ไม่เคยข้องแวะเลย เรื่องญี่ปุ่นนี่ เห็นเขาว่า เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปหาหนังสือประวัติศาสตร์ที่ไหนหรอก อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นนั่นแหละ รายละเอียดยิบทีเดียว ผมมันพ้นรุ่นการ์ตูนญี่ปุ่นเสียแล้วสิ  เลยไม่รู้เหมือนกัน หันไปหันมา ก็เลยกะว่าเอาเกาหลีนี่แหละวะ ไหน ๆ เขาก็กำลังฮิตในบ้านเราอยู่แล้ว แต่ขอเอาแบบย่อ ๆ หน่อยแล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 03:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เกาหลีนี่เขานับประวัติศาตร์ชาติเขามาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล แรกเริ่มเดิมทีก็มาจากการเป็นแว่นแคว้นชายขอบของจีนที่เป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร ขณะเดียวกันก็รวบรวมเป็นอาณาจักรมั่นคงอะไรไม่ได้ ทีนับว่าเริ่มต้นไปอย่างจริงจัง ก็คือ แคว้นโชชอง (Choson) ที่มีอำนาจมากกว่าแว่นแคว้นอื่น ๆ ในยุคเดียวกัน แต่ชะตากรรมเกาหลี ก็ไม่เคยหนีพ้นอิทธิพลของจีน เพราะเพียงชั่วไม่นาน ราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเป็นจีนยุคแรก ๆ ก็เข้ามาพิชิตแคว้นเกาหลีรุ่นตั้งไข่นี้ได้ เกาหลีเลยเริ่มประวัติศาสตร์ของตัวเองด้วยการเป็นเมืองขึ้นของจีนซะ 400 กว่าปีรวด กว่าจะได้เอกราชก็เปลี่ยนคนไป 4-5 รุ่นนั่นแล้วละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 03:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 89 แต่ภายใต้การเป็นเมืองขึ้นของจีน ก็ทำให้เกาหลีได้สะสมความมั่งคั่งในเรื่องการค้าขายไว้ได้ระดับหนึ่ง เพราะภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้งของเกาหลีที่ประชิดทั้งจีนและญี่ปุ่น ทำให้เป็นทางผ่านของการค้าขายระหว่างสามอาณาจักรนี้ หลังจากการล่มสลายของโชชอง และตกอยู่ใต้กรปกครองของราชวงศ์ฮั่นของจีนมาสี่ร้อยกว่าปี  เกาหลีก็สามารถรวบรวมแว่นแคว้นขึ้นมาเป็นอาณาจักได้ถึง 3 อาณาจักร อาณาจักรแรกทางทิศเหนือ คือ อาณาจักรโคกุเรียว Koguryo อาณาจักรที่สอง ตั้งเด่นอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ คือ อาณาจักรปักซี Paekche และอาณาจักรที่สาม ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือ อาณาจักรสิลา Silla ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสามแห่งมีภารกิจร่วมกัน คือ พยายามขับไล่อิทธิพลจีนออกไปจากเกาหลี เพื่อปลดแอกตัวเอง และแน่นอนว่า เมื่อสิ้นศัตรูต่างชาติ ก็หันมาฟัดกันเอง ตามสัจธรรม โคกุเรียวเป็นอาณาจักรแรกที่ล่มสลาย เพราะพ่ายแพ้ต่ออาณาจักรสิลา ว่ากันว่า ที่สิลา มีอำนาจกล้าแข็งจนพิชิตอาณาจักรอื่นได้ เพราะบ้านเมืองนี้เป็นประเภทเกลียดตัวกินไข่ เพราะแม้จะพยายามต่อสู้เพื่อหนีจีน แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้ซึมซับเอาวัฒนธรรมและองค์ความรู้ในการทหาร การปกครองจากจีน ซึ่งตรงกับช่วงของราชวงศ์ถัง เข้ามาใช้ในการบริหารอาณาจักร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 03:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 90 อาณาจักรสิลา ล่มสลายลงเพราะมีการสังหารบุคคลสำคัญ ข้อความตรงนี้เขียนชัด ๆ ไม่ได้ครับ เคยลองแล้วหลายหน เป็นคำต้องห้ามคำนึงในนี้  แต่เข้าใจว่า เรื่องจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีช่วงนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว คงเข้าใจ หรือถ้าไม่เข้าใจก็เดาไม่ยากหรอกครับ  บุคคลสำคัญในยุคก่อน เขามีตำแหน่งอะไรกันในอาณาจักร ก็น่าจะรู้ รับรองว่า ไม่ใช่ ผู้ว่า ฯซีอีโอ แน่ ๆ การลบสังหารบุคคลสำคัญของอาณาจักร ทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจกันอย่างวุ่นวาย และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาณาจักรอ่อนแอ แถมยังมีกบฎชาวนาเข้ามาซ้ำเติมอีกเป็นระลอก ๆ จนกระทั่งได้คนดีมีบุญที่ชื่อ "วังกง Wang Kon เข้ามากู้บ้านกู้เมือง และตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา เรียกว่า โคเรียว Koryo โดยมีเมืองเคชอง เป็นเมืองหลวง เริ่มเข้าเค้า ประเทศเกาหลีแล้วไหม เขียนถึงตรงนี้แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ที่บอกว่าไม่เคยเขียนถึงเกาหลีเลยนั้น จริง ๆ ไม่ใช่ เพราะเคยเขียนเรื่องของสงครามเกาหลีมาแล้วทีนึงนี่นา อาการลืม ๆ หลง ๆ นี่ เขาว่าเป็นอาการปกติของวัยรุ่นครับ อย่ากังวล จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 03:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อาณาจักร โคเรียว ทำท่าจะไปได้สวย แต่ด้วยความที่เขาไปลอกแบบการเมืองการปกครองแบบจีนมาใช้ ทำให้เกิดพัฒนาการคล้าย ๆ กัน นั่นคือ เมื่อตั้งบ้านเมืองได้ปกติสุขแล้ว ก็จะเกิดปัญหา บรรดาท่านนายพล ขุนศึก ที่ว่างทัพทั้งหลาย เริ่มจะอึดอัด ก็เลยแตกกันเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้ง เพราะเหล่าขุนศึกแบ่งแยกแย่งอำนาจกันเอง  ทำให้แคว้นต้องแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ มีขุนศึกปกครองเขตของตัว ส่วนระบบเศรษฐกิจก็พัฒนาเป็นแบบฟิวดัลเต็มตัว นั่นคือเกิดระบบทาสติดที่ดิน และขุนศึกที่หากินกับแรงงานไพร่ติดที่ดินเหล่านั้นเอง อาณาจักรโคเรียว ก็ไม่ต่างจากชุมชนอื่น ๆ ของเกาหลีที่หนีไม่พ้นอำนาจของจีน  ซึ่งเมื่อไรที่จีนเปลี่ยนราชวงศ์ และกำลังวุ่น ๆ อยู่กับการจัดอำนาจในบ้านตัวเอง เกาหลี ก็มีโอกาสหายใจหายคอ ตั้งบ้านเมืองที่เป็นอิสระได้ แต่เมื่อไรที่จีนจัดการบ้านตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาเขมือบเกาหลีทุกทีไป โคเรียวก็เช่นกัน เป็นอีกอาณาจักรหนึ่งที่ไม่อาจต้านทานจีนยุคมงโกลได้ อาณาจักรยุคแรกเริ่มของเกาหลีก็ล่มสลายอีกครั้ง  หลังจากต้องปะมือกับมงโกลด้วยศึกเลือดที่ยาวนานกว่า 50 ปี บ้านเมืองที่ถูกล้างผลาญด้วยสงครามต่อเนื่องยาวนานถึง 50 ปี แถมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อีกต่างหาก คงไม่ต้องบรรยายเลยว่า อาณาจักรโคเรียวจะล่มสลายแบบย่อยยับเพียงใด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 03:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 92 กำลังเป็นห่วงอยู่เชียว..กำลังจะบอกว่า ไปหาซื้อไวน์บอร์คโดซ์ของปีเก่าๆมาเก็บไว้นะ ถ้าไปเจอที่ไหนที่ราคายังโออยู่.. เพราะปี ๒๐๐๗ นี่..คุณภาพไม่ประทับใจ แถม ราคาของยูโรที่ทะยานขึ้นอีก มันขาดความสมดุลย์ เดี๋ยวจะจิบไป ด่าตัวเองไปอีก จากคุณ : WIWANDA - [ วันฉัตรมงคล 03:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ของดีก็กินไม่เป็นอีกแหละพี่ เดี๋ยวของเขาดี ผมไปกินบอกว่าไม่ดี เสียของเขาเปล่า ๆ แต่เท่าทีด้อม ๆ มอง ๆ ดู ไวน์พันธ์นี้ ราคาไม่ค่อยโอเท่าไรเลย เพราะเห็นมีแต่เฉียดครึ่งหมื่นขึ้นไปทั้งนั้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันฉัตรมงคล 22:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 94 งั้นเหรอ..งั้นก็รอของฝากแล้วกัน มีแปลกๆเยอะที่ตัวเองจะชอบ..เตรียมไว้เพียบบบบ.. เวลาเดิมนะ จากคุณ : WIWANDA - [ 7 พ.ค. 51 00:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 95 นัดยังกะวัยรุ่น เวลาเดิม นี่คือ ปีหน้าใช่ไหมครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 พ.ค. 51 18:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 96 หลังจากอาณาจักรโคเรียวล่มไปแล้ว เกหลีก็เริ่มต้นราชวงศ์ใหม่ เรียกง่ายมาก เพราะมีชื่อตัวเดียว คือ ราชวงศ ยิ  เพราะต้นวงศ์เป็นขุนศึกที่มีนามว่า ยิ ชอง เย ราชวงศ์นี้ได้ย้ายเมืองหลวงมาเป็นกรุงโซล แต่แม้ว่าจะเป็นรัฐอิสระ แต่ด้วยความที่ใกล้ชิดกับจีน และจีนก็มีอิทธิพลมาก ทำให้เกาหลีแทบจะถอดแบบมาจากจีนเลยทีเดียว โดยเฉพาะการรับเอาลัทธิขงจื๊อเข้ามาใช้ในระบบราชการ ทำให้ลัทธินี้มผลต่อการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชกาเช่นเดียวกับราชสำนักจีน แต่อำนาจของผู้นำเกาหลี ไม่อาจเทียบได้กับฮ่องเต้ของจีน เพราะยังมีปัญหาในเรื่องของอำนาจของขุนนางที่ล้นฟ้าอยู่ แถมมีปัญหากระด้างกระเดื่องกันเองระหว่างกลุ่มขุนนางอยู่ตลอดเวลา จนถึงปี1592 ญี่ปุ่น ประเทศเพื่อนบ้านแสนรักแสนชังของเกาหลีก็ยกทัพบุกขึ้นบก ซึ่งจีนเองก็ออกโรงปกป้องเกาหลีสุดจิตสุดใจ เพราะถือเป็นรัฐชายขอบที่ปกป้องจีนทางใต้เอาไว้ จีนถือยุทธศาสตร์นี้อยู่จนกระทั่งวันนี้ ซึ่งจะเป็นคำตอบว่า เกาหลีเหนือจะมีสิทธิรวมประเทศและเปลี่ยนแปลงไปภักดีตะวันตกเหมือนกับเกาหลีใต้ได้หรือไม่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 พ.ค. 51 18:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 97 การทำศึกเพื่อป้องกันเกาหลีจากทัพญี่ปุ่น เป็นปรากฎการณ์ใหญ่ในยุคนั้น และเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพัฒาการทางการเมืองของทั้ง 3 ประเทศคู่สงครามนี้อย่างรุนแรง อย่างแรกคือ เหตการณนี้เกิดขึ้นในยุคปลายราชวงศ์หมิง ซึ่งการต้องทำศึกกับญี่ปุ่นเป็นเวลานาน ทำให้ฐานกำลังของราชสำนักหมิงอ่อนแอ และเมื่อถูกแมนจูโจมตี  หมิงก็ล่มสลาย ญี่ปุ่นเองก็ใช่จะมีชะตากรรมดีไปกว่านี้ เกาหลีก็ไม่ได้ เพราะนอกจากจะต้องต้านทัพจีนแล้ว ยังต้องเผชิญกับกองโจรเกาหลีด้วย ญี่ปุ่นสูญเสียไปไม่ใช่น้อย และทำให้เกิดการเปลี่ยนฐานอำนาจครั้งสำคัญ หลังศึกเกาหลี  ตระกูลโตกูกาวา ก็ได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ในญี่ปุ่น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 พ.ค. 51 18:36:23 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เสนอหน้ามาลงชื่อครับ ทักอาจารย์สื่อฯ พี่สาวกาสะลองฯ และ สหายทุกท่านครับ ตามประกบเหมือนเดิมครับ คงไม่ว่ากันนะพี่สาวฯ เมื่อกี้เห็นเรื่องทิเบตขอแจมนิดนึงละกันครับ ก่อนราชวงศ์หยวนทิเบตเป็นรัฐที่ทรงอิทธิพลรัฐหนึ่งที่คอยคุกคามจีนตามพรมแดนด้านตะวันตก ธิเบตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจีนตอนราชวงศ์หยวน ที่ข่านผู้ยิ่งใหญ่ของมองโกล(กุบไลข่าน)ที่เมืองต้าตู(ปักกิ่ง) เข้าแทรกแซงการแต่งตั้งดาไลลามะของทิเบต ทำให้ทิเบตเป็นรัฐศาสนาใต้อิทธิพลของจีนตั้งแต่นั้น มาลืมตาอ้าปากได้ตอนช่วงจีนเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะบรรดาขุนศึกต่างๆในภาคกลางต่างทำสงครามกันเอง ไม่มีใครสนใจทิเบต จนกระทั้งพรรคคอมมิวนิสต์ครองจีนทั้งประเทศได้ในปี 1949 จึงส่งทหารเข้าปลดปล่อย(ยึด) ทิเบต ทิเบตตอนก่อนที่คอมมิวนิสต์เข้านั้นเป็นรัฐศักดินา ดาไลลามะและพระชั้นผู้ใหญ่มีอำนาจปกครองเนือกรุงลาซาและรอบๆ ส่วนท้องถิ่นไกลออกไปนั้นอยู่ขุนนางต่างๆเป็นผู้ดูแล รูปแบบกฎหมายการลงโทษยังเป็นแบบยุคกลาง โทษสูงสุดตอนก่อนคอมมิวนิสต์เข้าคือการตัดหัวซึ่งยังมีการลงโทษในศตวรรตที่ 20 ก่อนคอมมิวนิสต์ไม่นาน เมื่อเป็นอย่างนี้ตอนคอมมิวนิสต์เข้าการต่อต้านจากประชาชนชาวทิเบตจึงเป็นไปอย่างเบาบาง เพราะจะอยุ่ใต้ใครชีวิตก็ไม่ต่างจากเดิมยังไม่รวมเทคโนโลยีและกำลังพลทางทหารที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ที่ดูในหนัง "Seven Year in Tibet" ที่ตอนท้ายๆเรื่องทหารจีนบุกปล้นสดมภ์เมืองต่างๆในทิเบต ความเห็นส่วนตัวผมว่าตรงนี้น่าจะใส่ไข่มากไปหน่อยนะครับ ถ้าเทียบกับตอนที่รบกับก๊กมินตั๋งในช่วงสงครามกลางเมือง ตอนสงครามเกาหลี และสงครามสั่งสอนเวียดนาม ทหารจีนคอมมิวนิสต์จะมีระเบียบวินัยสูงมาก แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 16:05:41 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 16:04:09 จากคุณ : ryzon - [ 9 พ.ค. 51 13:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตามประกบอาจารย์สื่อฯต่อครับ ขอเอาผลงานเก่ามาหากินนะครับ ประวัตศาสตร์ของเกาหลีถูกเริ่มต้นขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นก็ปรากฎว่าเกาหลีเป็นส่วนนึงของจีนแล้ว(เฉพาะภาคเหนือ) มีบันทึกของราชวงศ์ง่อของซุนกวนในช่วงสามก๊กว่าก๊กง่อของซุนกวนมีการค้าขายกับเกาหลีและนำเครื่องยศสำหรับกษัตริย์ไปให้กษัตริย์เกาหลี เกาหลีเคยถูกจีนรุกราน ภายใต้การนำของจักรพรรดิหยางในสมัยราชวงศ์สุย ด้วยการยกพล 305,000 คนเข้าโจมตีค็อกเรียว(เกาหลี) ผลแพ้ยับเยินมีทหารเหลือรอดกลับมาเพียง 2,700 คน การพ่ายแพ้ในการรบครั้งนี้เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้ราชวงศ์สุยล่มสลายลงในเวลาต่อมา รางวัลแห่งชัยชนะของเกาหลีก็เป็นเพียงสิทธิและการผูกมัดในการที่จะต้องส่งเครื่องบรรณาการให้กับจีน(ถ้าแพ้นี่โดนกลืนชาติเลย) จีนรุกรานเกาหลีอีกครั้งในสมัยราชวงศ์ถัง ก็ได้ผลลัพท์เหมือนการบุกในสมัยราชวงศ์สุย แต่จากผลที่เกาหลีต้องอยู่ภายใต้ระบบที่จีนเป็นจ้าว ทำให้เกาหลีศึกษาเรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรมแบบจีน โดยเฉพาะแนวความคิดตามลัทธิขงจื้อ และรับมาใช้เป็นของตนเองแบบไม่คะเขิน(เผลอๆจะเคร่งกว่าจีนที่เป็นเจ้าของซะอีก) แต่ไม่โดนกลืนเพราะภาษาเกาหลีจัดอยู่ในตระกูลอูรัล อัลเทอิค ซึ่งเป็นภาษาตระกูลเดียวกับพวกชนนกลุ่มน้อยของจีนทางเหนือ พวกมองโกล แมนจู และญี่ปุ่น ซึ่งภาษาตระกูลนี้จะไม่ค่อยมีเสียงสูงต่ำ(ดูจากชาวญี่ปุ่นจะมีปัญหาในการพูดภาที่มีเสียงสูงต่ำมากอย่างภาษาอังกฤษ) ผิดกับชนชาติใต้แม่น้ำแยงซีเกียงที่ภาษาของพวกเขามีเสียงสูงต่ำจึงโดนจีนกลืนชาติได้ เกาหลีถูกบุรุกอีกครั้งโดยกองทัพม้ามองโกลในสมัยราชวงศ์หยวน คราวนี้กองทัพเกาหลีไม่อาจต้านกองทัพม้าของมองโกลได้ ชาวเกาหลีโดนจับเป็นเชลยส่งไปเป็นทาส 206,800 คน ตายนับไม่ถ้วน รัฐบาลเกาหลีหนีไปอยู่บนเกาะคังหวา และตั้งอยู่ได้อีก 30 ปี จากเหตุการณ์นี้เป็นที่เป็นรากเหง้า ว่าทำไมชาวเกาหลีถึงไม่ค่อยศรัทธารัฐบาลตนเอง เพราะพวกตนโดนรัฐบาลทอดทิ้งเป็นเวลา 30 ปี ภายใต้การปกครองของมองโกลกองทัพเรือเกาหลีผสมกับกองทัพเรือของจีนถูกใช้ตีญี่ปุ่น 2 ครั้ง ในสมัยกุบไลข่านซึ่งก็ล้มเหลว..... แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 13:21:29 จากคุณ : ryzon - [ 9 พ.ค. 51 13:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ต่อครับ เกาหลีเป็นอิสระอีกครั้งในสมัยราชวงศ์หมิงแต่ก็ต้องส่งบรรณาการให้กับราชวงศ์หมิงเหมือนเดิม คราวนี้มีศัตรูใหม่มาจากทางทิศตะวันออกนั่นก็คือญี่ปุ่น ญี่ปุ่นภายใต้การนำของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิซึ่งเป็นขุนศึกที่เข้มแข็งที่สุดสามารถยุติสงครามกลางเมืองอันยาวนานในญี่ปุ่นได้ก็เริ่มที่จะฝันสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่นขึ้นมา โดยขั้นแรกชายตาไปยังคาบสมุทรเกาหลี จริงๆฮิเดโยชิต้องการรบกับกองทัพของราชวงศ์หมิงเลยแต่ยังไงก็แล้วแต่ต้องเดินทัพผ่านเกาหลีก่อนจึงถือโอกาสตีเกาหลีเป็นการซ้อมมือไปก่อน ก่อนรบกับจีน ฮิเดโยชิยกพล 150,000 คน ที่มีประสบการณ์จากการรบในสงครามกลางเมืองเพียบแถมมีปืนไฟเมดอินเจแปนใช้แล้ว ขึ้นฝั่งที่เกาหลี ปะทะกับกองทัพเกาหลี ผลกองทัพเกาหลีแตกพ่ายแบบชนิดที่ไม่ต้องลุ้น ร้อนถึงราชวงศ์หมิงซึ่งตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง(มันก็ใกล้เกาหลีนิดเดียว) ถ้าปล่อยให้ญี่ปุ่นบุกตะลุยเข้ามาได้ถึงปักกิ่งแน่จึงส่งกองทัพเข้าไปสกัดในเกาหลี กองทัพราชวงศ์หมิงสู้ไม่ได้ถอยร่นมา แต่กองทัพญี่ปุ่นก็มีอัตราการสูญเสียสูงดูได้จากบันทึกจากสายลับของราชวงศ์หมิงว่า"ทหารญี่ปุ่นนั้นทั้งเข้มแข็งและกล้าหาญ แต่บุกเข้ามาแบบไม่มียุทธวิธี ตัวทหารยินดีที่จะตายต่อหน้าผู้เป็นนาย" และที่สำคัญกองทัพเรือญี่ปุ่นโดนกองทัพเรือเกาหลีตีแตกกระเจิง การส่งบำรุงอะไรเลยไม่สะดวก สุดท้ายต้องถอนทัพกลับ (ที่ตอนนี้เกาหลีจะมีวีรบุรุษขึ้นมาผมจำไม่ได้ครับขออภัยครับ)..... แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 13:23:05 จากคุณ : ryzon - [ 9 พ.ค. 51 13:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เมื้อกี้ดู อ้าว ผมเอาความเห็นที่ 100 ไป(อีก)แล้ว ข้าน้อยสมควรตาย อาจารย์สื่อฯโปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย ต่อนะครับ ก็มาร่ายต่อนะครับแต่ก่อนจะร่ายต้องมีการเกริ่นนำคร่าวๆเกี่ยวกับเกาหลีในยุคโบราณก่อนเพื่อที่จะได้เข้าใจเกี่ยวกับเกาหลีมากขึ้น เกาหลีจัดเป็นชาติที่น่าสงสารครับ อยู่ใกล้แต่เพื่อนบ้านที่เข้มแข็งตลอดไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น แมนจู มองโกล นี่ยังไม่รวมรัสเซียในสมัยหลังอีกนะครับ ทำให้เกาหลีไม่สามารถขยายตัวเกินแม่น้ำยาลูขึ้นไปได้ ต้องอยู่แต่ในคาบสมุทรเกาหลี เมื่อจีนปกครองเกาหลีก็ได้นำเอารูปแบบการปกครองและแนวความคิดแบบขงจื้อเข้ามาแทนความเชื่อเรื่องชนชั้นเรื่องชาติตระกูลในเกาหลี(เกาหลีโบราณเชื่อว่าคนทุกคนถูกแบ่งหน้าที่ตามชาติตระกูลโดยกำเนิดแล้ว คล้ายๆระบบวรรณะของอินเดีย) เกาหลีในสมัยโบราณนั้นแบ่งชนชั้นออกเป็น 4 ชนชั้น คือ 1.ชนชั้นข้าราชการทหารและพลเรือนคือผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมือง เป็นเจ้าของที่ดิน มีอำนาจอย่างแท้จริงในการปกครองเกาหลี 2.ชนชั้นกลาง คือข้าราชการชั้นผู้น้อยและพวกผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆ 3.สามัญชนเป็นชนกลุ่มใหญ่ทีสุด ส่วนมากเป็นชาวนา มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตลอดปีตลอดชาติ 4.ไพร่(ทาส) กรรมกร ทาส พวกเต้นกินรำกิน เกาหลียึดมั่นในระบบชนชั้นเคร่งครัดมาก(ดูจากในหนังเกาหลีเรื่อง"มูซา"ที่ตัวเอกที่เป็นทาสไม่ได้รับการยอมรับจากขุนนางถึงแม้ตัวเอกจะได้รับการปลดปล่อยแล้ว) ส่วนชนชั้นกษัตริย์ของเกาหลีเป็นแค่เงาจางๆในประวัติศาสตร์เกาหลีไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียงอะไร แต่ยังคงถูกทิ้งไว้ให้เป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนยึดถือ เมื่อรูปแบบของลัทธิขงจื้อเข้ามาในเกาหลีได้มาผสมผสานกับความเชื่อเดิมของเกาหลีเพราะความเชื่อในเรื่องที่ผู้น้อยต้องเคารพนบนอบผู้ใหญ่ ยึดหลักจริยธรรม จารีตประเพณีในการปกครองบ้านเมือง สามารถถูกชนชั้นขุนนางนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสังคมเกาหลี อย่างเช่นการสอบคัดเลือกข้าราชการจีนจัดสอบทั่วประเทศ เลือกมาจากทุกชนชั้นแต่ของเกาหลีนั้นมีจัดสอบเหมือนกันแต่เลือกมาจากชนชั้นขุนนางเท่านั้น เพราะความเข้มแข็งของชนชั้นขุนนางระบบสอบคัดเลือกอันแสนยุติธรรมนี้จึงยืนยาวมาแค่ 500 ปีเอง และเป็นเพราะว่าส่วนกลาง(กษัตริย์)ไม่เข้มแข็งทำให้เหล่าขุนนางตั้งตัวเป็นขุนศึกท้องถิ่นมีอำนาจในท้องถิ่นของตนไม่สนใจอำนาจของราชสำนักป็นการปกครองแบบศักดินาเต็มรูปแบบ ซึ่งในแง่ของการรักษาความสงบเรียบร้อย และสายการปกครองถือว่ามีประสิทธิภาพ เพราะการควบคุมอย่างเข้มงวดของเหล่าขุนนาง แต่การที่ส่วนกลางไม่มีอำนาจเข้าแทรกแซงทำให้การขูดรีด เป็นไปอย่างไร้ขีดจำกัด ขึ้นอยู่กับความพอใจของขุนนาง.... แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 51 11:20:13 จากคุณ : ryzon - [ 9 พ.ค. 51 13:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ต่อครับ... ในด้านเศรษฐกิจเกาหลีก็มีการเก็บภาษีเหมือนรัฐศักดินาทั่วไปที่เน้นภาษีจากผลผลิตทางการเกษตรเป็นหลัก ไม่ใช่การค้า เมื่อเก็บภาษีที่ดินพวกขุนนางและเจ้าที่ดินรายใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีอยู่แล้ว ภาระจึงตกหนักแก่ชาวนาที่ต้องเสียภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้รายได้จากภาษีมีแต่น้อยลง ร้อนถึงข้าราชการที่มีรายได้เป็นเงินเดือนพลอยได้รับเงินเดือนน้อยลง ก็ต้องมีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ยิ่งปีไหนเกิดภัยธรรมชาติ เกิดโรคระบาด ชาวนายิ่งเดือดร้อนหนัก ทำให้ชาวนาที่ทนไม่ได้ก่อการจลาจลวุ่นวายอีก สภาวะอย่างนี้เมืองใหญ่ๆที่ขุนนางอาศัยอยู่นั้นต่างรุ่งเรืองจึงทำให้ขุนนางศรัทธาในความเชื่อลัทธิขงจื้ออย่างฝังหัวว่าดีเลิศอยู่แล้ว แต่ชนบทกับแร้นแค้น แล้วทำไมสังคมเกาหลีถึงยังอยู่รอดได้ อาจพอตอบได้ว่าเพราะ 1.เกาหลีเป็นประเทศเล็กการควบคุมของชนชั้นปกครองทำได้ทั่วถึง 2.ความเชื่อแบบขงจื้อทำให้สังคมเกาหลีไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงผูกพันกับราชวงศ์และการปกครองรูปแบบเดิมๆของขุนนาง 3.เป็นเพราะในช่วงหลังไม่มีกษัตริย์ต่างด้าวหมายในราชบัลลังค์และอาณาจักรเกาหลี จึงทำให้สังคมเกาหลีอยู่ค่อนข้างสงบสุข... จากคุณ : ryzon - [ 9 พ.ค. 51 13:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ต่อ... ตอนนี้ว่างขอเขียนต่อเลยละกันนะครับ จริงๆเกาหลีก็ไม่ได้จะซื่อสัตย์หรือภักดีกับจีนซักเท่าไหร่หรอกครับ แต่เป็นผลมาจากการที่เกาหลียอมรับนับถือลัทธิขงจื้อ ที่มีคตินิยมที่"ประเทศที่ใหญ่กว้าเข้มแข็งกว่าย่อมรักใคร่ประเทศที่เล็กกว่า และประเทศที่เล็กกว่าต้องนอบน้อมถ่อมตนรับใช้ประเทศที่ใหญ่กว่า"หรือให้เข้าใจง่ายๆก็คือ "ผู้ใหญ่ต้องรักและเอ็นดูผู้น้อย และผู้น้อยควรจะเคารพนบน้อมผู้ใหญ่ ยิ่งเมื่อศตวรรตที่ 15 จีนในสมัยราชวงศ์หมิงได้ทุ่มสุดตัวในการขับไล่ญี่ปุ่นออกจากเกาหลี ทำให้เกาหลีหวาดกลัวในการที่จะติดต่อกับชาติต่างๆ และจีนสามารถเป็นที่พึ่ง สามารถปกป้องเกาหลีได้ จึงทำให้เกาหลีปิดตัวเองอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่ติดต่อใครติดต่อกับจีนเพียงชาติเดียว การโดดเดี่ยวของเกาหลีนี้ทำอย่างจริงจังและทำยิ่งกว่าญี่ปุ่นซะอีก ญี่ปุ่นยังมีติดต่อกับชาติตะวันตกอย่างฮอลแลนด์บ้าง เพื่อรับรู้ข่าวสาร แต่เกาหลีติดต่อกับจีนชาติเดียว รับข่าวสารจากจีนอย่างเดียว ส่งบรรณาการให้กับจีนทั้งในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เป็นประจำทุกปี(มากกว่าที่จีนร้องขอซะอีก) ทำให้เหมือนวิทยาการต่างๆหยุดอยู่กับที่ ใช้ชีวิตเงียบๆของตนไปวันๆ จากคุณ : ryzon - [ 9 พ.ค. 51 13:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 104 Thanks หลาย ๆ เลยครับ ช่วยสงเคราะห์เกาหลีไปเรื่อย ๆ อีกสักพักนะครับ เอาให้ถึงช่วงสงครามเกาหลีเลยยิ่งดี เราจะได้ครบถ้วนสมบูรณ์ภาคเอเชียสักที จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 พ.ค. 51 14:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไม่มีใครมาเลย ผมต่อไปเรื่อยๆละกัน ในต้นศตวรรตที่ 19 ชาวตะวันตกหลายกลุ่มร้องขอความสัมพันธทางการทูตและการค้าขายแต่ไร้ผล เกาหลีวางนโยบายการติดต่อกับต่างชาติชัดเจนว่า จะให้การช่วยเหลือเรืออัปปาง แต่เมื่อช่วยเหลือเสร็จก็จะผลักดันให้กลับไป การติดต่อจะมีเท่านี้ จะไม่มากไปกว่านี้ เกาหลีจะไม่ยอมเจรจาใดๆกับชาติอื่นๆทั้งสิ้นยกเว้นจีน ถ้าจะให้เกาหลีทำอะไรก็ต้องไปขอพระบรมราชานุญาตจากจักรพรรดิจีน ครั้นถามไปทางราชวงศ์ชิง ก็ได้คำตอบในทำนองว่า จริงอยู่เกาหลีเป็นประเทศราชของจีน แต่เกาหลีมีอิสระเต็มที่ในการปกครองตนเอง และจีนจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของเกาหลี เจอไม้นี้ก็มึนตึบเลยครับแล้วจะเอายังไงกันเนี่ย.... เมื่อทั้งจีนและเกาหลีให้คำตอบแบบข้างๆคูๆ มาออกจะกวนๆนิดๆ ญี่ปุ่นจึงเป็นชาติแรก ขอเป็นสมิงพระรามอาสา ส่งคณะฑูตเข้าไปในเกาหลี ผลโดนตะเพิดออกมา เกาหลีกล่าวหาว่าญี่ปุ่นไม่รู้จักเบื้องต่ำเบื้องสูง จักรพรรดิของญี่ปุ่นบังอาจยกตนเสมอกับจักรพรรดิจีน(ดูจากที่ถ้อยคำที่ญี่ปุ่นใช้ในพระราชสาสน์ที่ส่งถึงกษัตริย์เกาหลี)... จากคุณ : ryzon - [ 12 พ.ค. 51 14:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ต่อนะครับ คำตอบเยี่ยงนี้ทำให้เหล่าซามูไรในยุคปฎิรูปเมจิโกรธแค้น พร้อมที่จะยกทัพไปตีเกาหลีเพื่อเป็นก้าวแรกในการสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่น แต่โดนพวกสายพิราบขัดขวางไว้ก่อนโดยพูดทำนองว่า "จะบุกนะไม่ว่าแต่ควรพัฒนาประเทศก่อน" แผนการบุกก็เลยผับไป เมื่อปี ค.ศ.1874 ญี่ปุ่นเข้ายึดเกาะไต้หวันจากจีน (โดยที่จีนไม่ยอมรับแต่ไม่มีปัญญาเอาคืน) ญี่ปุ่นจึงลองเข้าไปในเกาหลีในปี 1875 เมื่อเรือรบญี่ปุ่นเข้าใกล้ปืนใหญ่ตามแนวชายฝั่งของเกาหลีก็ยิงสกัดกั้น ญี่ปุ่นถือเป็นข้ออ้างใช้กำลังเปิดประเทศเกาหลีโดยปิดล้อมเมืองท่าสำคัญคือเมืองอินซอง แต่การที่จะให้เกาหลีเปิดประเทศได้นั้นต้องให้จีนยอมรับด้วย จีน-ญี่ปุ่นตกลงกันได้ในสนธิสัญญากังหวา ในปี 1876 มีสาระสำคัญว่าเกาหลีเปิดเมืองท่าให้ญี่ปุ่นค้าขายได้โดยที่จีนไม่ขัดขวางเพราะถือว่าเกาหลีเป็นเอกราช จากคุณ : ryzon - [ 12 พ.ค. 51 15:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ต่อ เมื่อเกาหลีเปิดประเทศก็ยังเคยชินกับรูปแบบเดิมๆเข้าใจว่าญี่ปุ่นจะเข้ามาค้าขายแบบจีน(เพราะก่อนทำสัญญาเกาหลีทำการค้ากับจีนชาติเดียว) ญี่ปุ่นต้องการให้เกาหลีแสดงความอ่อนน้อม เกาหลีจึงส่งเครื่องบรรณาการให้กับทั้งจีนและญี่ปุ่น สร้างความไม่พอใจให้กับทั้ง 2 ฝ่าย จีนไม่ต้องการให้เกาหลีนอบน้อมญี่ปุ่น ยังต้องการความสัมพันธ์ฉันท์ประเทศราชเหมือนเดิม ส่วนญี่ปุ่นก็ต้องการให้เกาหลีพ้นจากอ้อมอกของจีนซะที(เพื่อที่จะได้ฮุบเกาหลีได้สะดวกๆ) เมื่อเกาหลีเริ่มเปิดประเทศก็มีมหาอำนาจตะวันตกชาติต่างๆต่างหลั่งไหลเข้าไปทำการค้ากับเกาหลี ซึ่งเกาหลีก็ย้ำกับทุกประเทศว่าตนเป็นเมืองขึ้นของจีนแต่ตนมีอิสระในการติดต่อกับต่างประเทศ... จากคุณ : ryzon - [ 12 พ.ค. 51 15:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เมื่ออาจารย์สื่อฯมีบัญชา ข้าน้อยขอปฏิบัติตาม ต่อนะครับ หลังจากเปิดประเทศแล้วบรรดาศิลปวิทยาการสมัยใหม่ทั้งหลายเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่เกาหลีทำให้กลุ่มการเมืองในเกาหลีในเวลานั้นแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1.กลุ่มผู้สำเร็จราชการ ซึ่งมาจากชนชั้นขุนนาง ซึ่งนิยมจีน 2.กลุ่มสมเด็จพระราชินี และตระกูลมิน กลุ่มนี้มีอิทธิพลเหนือยุวกษัตริย์(พระเจ้าโคจง หรือแบบจีน เกาจง) กลุ่มนี้นิยมญี่ปุ่น ในปี 1882 ความขัดแย้งของทั้ง 2 กลุ่มขึ้นในเกาหลี โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมทำรัฐประหารขึ้น เข้าจับกุมพระเจ้าโคจองและราชินีมิน และเข้าจู่โจมสถานทูตญี่ปุ่น จีนและญี่ปุ่นร่วมกันส่งทหารเข้าระงับเหตุ ฝ่ายจีนรีบจับกุมตัวผู้สำเร็จราชการที่คิด กบฎจับไปขังที่เทียนจิน (เพื่อไว้ใช้ประโยชน์คราวหน้า) หลังจากปราบกบฎราบคาบจีนเล็งเห็นแล้วว่า ตนเองต้องแสดงความเป็นใหญ่เหนือเกาหลี จึงส่งนายพลยวนซือไข ไปกำกับราชการที่เกาหลี และตามนโยบายของหลี หุงจาง ได้นำกฎหมายจีนไปใช้ในเกาหลีพร้อมทั้งส่งเสริมให้มหาอำนาจตะวันตกเข้าไปลงทุนในในเกาหลีเพื่อให้เกาหลีพ้นจากอิทธิพลของญี่ปุ่น ถึงขั้ยยอมลงทุนร่วมมือกับพระราชินีมิน เอาผู้สำเร็จราชการที่นิยมจีนส่ง(เนรเทศ)ไปอยู่ในจีน 3 ปี เพื่อให้ราชินีมินร่วมมือกับจีน ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นก็สนับสนุนฝ่ายหัวก้าวหน้าของเกาหลีให้มีอำนาจ นั่นคือ คิม ออกคยุน, ปัก ยองเฮียว ,ซอ ควางบอม และฮง ยองซิก ทั้งสี่เป็นยางบานหัวปฏิรูป(ขอบคุณคุณผู้วังเวง ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลครับ) พวกฝ่ายปฏิรูปเห็นจีนพยายามครอบงำเกาหลี จึงก่อรัฐประหารขึ้นในปี 1884 โดยการสนับสนุนของญี่ปุ่น ... จากคุณ : ryzon - [ 12 พ.ค. 51 15:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ในช่วงแรกของการก่อการฝ่ายก่อการเข้ายึดสถานที่สำคัญๆได้ ทหารญี่ปุ่นเข้าอารักขาพระเจ้าโคจง การก่อการเกือบจะสำเร็จ แต่นายพลยวนซือไข ได้ใช้ทหารจีนที่ประจำในเกาหลีของตนเข้าขัดขวาง และปราบปรามจนพวกผู้ก่อการหลายคนโดยเฉพาะ คิม ออกคยุนต้องหนีไปญี่ปุ่น ทั้งจีน-ญี่ปุ่นจึงเจรจากัน มีสาระว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะถอนทหารภายใน 4 เดือน และถ้าเกิดเหตุไม่สงบในเกาหลีอีกให้ทั้ง 2 ฝ่าย ส่งทหารเข้าระงับเหตุ โดยฝ่ายที่ส่งทหารเข้าไปก่อนต้องแจ้งให้อีกฝ่ายนึงทราบ และทั้ง 2 ฝ่ายไม่แทรกแซงกิจการภายในของเกาหลี จากข้อตกลงนี้เป็นการยุติปัญหาชั่วครา;เพราะไม่มีฝ่ายใดพร้อมรบแต่ในสถานการณ์ปัจจุบันจีนได้แสดงให้เห็นว่าจีนเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือเกาหลี หลังความวุ่นวายนี้นายพลยวนซือไขได้เร่งรัดให้เกาหลีเริ่มปฏิรูปประเทศ เพื่อที่จะรักษาอิทธิพลของจีนเหนือเกาหลีให้คงอยู่ตลอดไป แต่จะสำเร็จหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับว่าจีนมีแสนยานุภาพเข้มแข็งขนาดไหน ส่วนญี่ปุ่นนั้นถือว่าเสียหน้ามากที่ปล่อยให้กลุ่มก้าวหน้าที่ตนสนับสนุนโดนจันปราบปรามจนหมด ซ้ำ คิม ออกคยุน ที่ลี้ภัยอยู่ในญี่ปุ่น โดนฆ่าตายในเขตนานาชาติในเซี่ยงไฮ้ และศพโดนขโมยไปเสียบประจานตามประเพณีโบราณที่เกาหลีซะอีก ญี่ปุ่นยิ่งเสียหน้าหนัก เล็งเห็นแล้วว่าการจะล้างอายนั้นต้องใช้กำลังอย่างเดียวแล้วญี่ปุ่นจึงต้องรอโอกาสจนกระทั่ง.... ขอต่อพรุ่งนี้ครับ ข้างล่างรูปนายพล ยวน ซือ ไข จากคุณ : ryzon - [ 12 พ.ค. 51 15:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอบคุณ คุณ ryzon มากค่ะ อ่านกำลังมันส์ ขอขึ้นกระทู้ใหม่นะคะ จากคุณ : WIWANDA - [ 13 พ.ค. 51 08:53:56 ]