ความคิดเห็นที่ 15
ขออนุญาตอธิบายๆๆๆละกันค่ะ สระในภาษาอังกฤษมี 5 ตัวใช่มั๊ยคะ a-e-i-o-u
ทีนี้เอาสั้นๆง่ายๆตัดมาที่ e ซึ่งจะมีความพิเศษขึ้นมาอีกนิด เพราะมันจะสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสระตัวอื่นได้อีกด้วย โดยถ้าเอามันไปวางไว้หลังตัวสะกดของที่ตามสระตัวนั้นๆ มันจะเปลี่ยนการอ่านของสระตัวนั้นๆได้ แถมยังทำให้คำนั้นมีเสียงยาวด้วยนะคะ ว่ากันทีละตัวเลยละกัน
a ถ้าอยู่เดี่ยวๆ จะอ่าน แอ แต่ถ้ามี e จะอ่าน เป็น เอ ยาวๆ mat (แม๊ท) > mate (เมท), rat (แร๊ท) > rate (เรท)
e เอง อยู่เดี่ยวๆ อ่าน เอ มี e มาช่วยข้างท้าย กลับอ่านเป็นตัวมันเอง เช่น pet (เพ๊ท) > Pete (พีท) / met > mete, หรือ concrete เป็นต้น ยกเว้นก็ fete ซึ้งอ่านว่า เฟท ค่ะ
i อยู่เดี่ยวๆ เป็น อิ เติม e ไป กลับเป็นตัวเองทันที เช่น kit (คิท) > kite (ไคท์) ยกเว้นบางคำที่ยังอ่าน อิ เช่น prejudice, office อ่ะค่ะ
o เดี๋ยวๆไป เอาะ เช่น not (ท๊อท) เติม e เป็น โอซะงั้น > note (โน๊ต)
u อยู่ตัวเดียว เป็น ไม้หันอากาศ เติม e ก็อ่านต่างไป cut (คัท) > cute (คิวท์)
อยากจะบอกตรงๆว่า เราว่าคุณเข้าใจผิดเรื่องการสะกดคำอย่างแรงแล้วค่ะ เราไม่อยากให้เข้าใจผิดๆต่อไปนะคะการอ่านคำที่มี e สะกด อย่าง Sarode เป็น สา โร เด มันดูเป็นญี่ปุ่นมากกว่าอังกฤษอ่ะค่ะ ไม่มีคำภาษาอังกฤษคำไหนที่อ่านคำที่ลงท้ายด้วยอีเป็นอีกพยางค์เลยนะคะ fade (เฟด), age (เอจ), hate (เฮท), nite (ไนท์), fine (ไฟน์), promote (โพรโมท) ถ้ามี ช่วยยกตัวอย่างได้มั๊ยคะ เพราะถ้าจะอ่านแบบนั้น คงต้องมี i หรือ y เข้ามายุ่งด้วยอ่ะค่ะ เช่น Kate > Katie, Charles> Charlie เป็นต้นค่ะ
ลองศึกษาดูนะคะ
จากคุณ :
GiRLGeNiuS
- [
23 เม.ย. 51 11:24:05
]
|
|
|