เรื่องนี้แต่งกับพี่สาว (คุณลวิตร์) ไว้นานแล้ว ไปเจอไฟล์ อ่านแล้วยังขำอยู่ เลยเอามาลงให้อ่านครับ
... ... ...
ตอนที่ ๑
"ยุทธจักรกว้างใหญ่มักแบ่งเป็นธรรมะ อธรรม
เข่นฆ่าชิงดีกันมิได้สิ้นสุดก็หาไม่
ธรรมะอ้างตัวว่าเป็นผู้ดี มีเงิน และมีชัย
แต่ไฉนโลกนี้มีธรรมะและอธรรม"
นิรนาม
... ...
แผ่นดินต้าหมง รัชกาลพระเจ้าหมงจ๋งฮ่องเต้ ศกที่ ๑๒๓๔
กล่าวถึงพรรคกระยาจก
นับจากปรมาจารย์นั่งชิดกงแห่งพรรคกระยาจกได้เผ่นโผนยุทธจักรมาเป็นเวลา ห้าร้อยปีด้วยพลังสิบแปดท่าพิชิตสุนัข ( และไม้เท้าตีมังกร ) ของท่าน ก็ล่วงเลยมาถึงรุ่นของนั่งชิดใน ประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่ ๕๓ นั่งปังจู้มีบุตรโทนชื่อนั่งชิดชิด เป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา มิได้มีอันใดพิเศษ เว้นแต่
บิดา ข้าอยากไปสอบจอหงวนในเมือง! นั่งชิดชิดกล่าวแก่นั่งชิดในซึ่งกำลังนั่งโซ้ยบะหมี่ไส้เดือนอยู่ในเพิงอย่างเอร็ดอร่อย
นั่งชิดในทำท่าขึงขังสมแก่เป็นประมุขพรรค กล่าวอย่างไม่พอใจว่า ข้าบอกเจ้ากี่ทีแล้วว่าให้พากเพียรฝึกวิชาขอทานอย่างบรรพชน ภายหน้าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ซึ่งเจ้าจะไปเรียนนั้นหามีประโยชน์ไม่
นะโซ้ยตี๋เอ้ย
แต่
แต่ บิดา หากข้าได้เป็นจอหงวนแล้ว ข้าจะสามารถได้ยศเป็นขุนนาง ไม่ต้องมาขอเขากินเป็นที่น่าทุเรศทุรังเช่นนี้ ทำไมเราถึงรู้จักแต่ขอเขากิน ไม่รู้จักเป็นใหญ่เป็นโตกับเขาบ้างล่ะ บิดา
อาโซ้ยตี๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! นั่งชิดในลุกขึ้นตบฝ่ามือสิบแปดท่าพิชิตสุนัขในท่า อิ้กด้อกโซกุ้ก ( กินสุนัขอร่อยจังเลย ) จนกระทั่งไส้เดือนในชามบะหมี่ขาดใจตายไปห้าตัว แล้วจึงกล่าวต่อว่า
บรรพชนตระกูลเราไม่เคยมีบุตรหลานนอกคอกเช่นนี้ ตลอดห้าสิบสามรุ่นที่ผ่านมา บรรพชนเรายังชีพด้วยการขอทานอย่างองอาจ ถึงแก่ฝึกวิชา ภิกขาสรณะ สำเร็จกันคนละหลาย ๆ ขั้น ผู้ใดบังอาจคิดไปถึงทางเจริญ ไม่ใช่ลูกหลานสกุลนั่ง !
บิดาแต่
ไม่ต้องมีแต่ วิชาภิกขาสรณะมีสิบขั้น ขั้นที่ ๑ ขอได้ขอเป็น ขั้นที่ ๒ ขอดิบขอดี ขั้นที่ ๓ ขอเย้ยคนให้ ขั้นที่ ๔ ขอเย้ยฟ้าดิน ขั้นที่ ๕ ขู่เข็ญขอ ขั้นที่ ๖ กรรโชกขอ ขั้นที่ ๗ ขอทานจากลิง ขั้นที่ ๘ ขอทานจากชะนี ขั้นที่ ๙ ยอดพลังขอพิสุทธิ์ ขั้นที่ ๑๐ สูงสุดคืนสู่สามัญ การขอที่ดีที่สุดคือการไม่ขอ หันไปประกอบสัมมาชีพทำกินเอง แต่ผู้ที่ฝึกได้ถึงขั้นนี้มีเพียงปรมาจารย์นั่งชิดกงผู้เดียวที่เลิกขอ หันไปเกาะก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกินแทน นอกนั้นแล้วประมุขรุ่นก่อน ๆ ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกได้ถึงแม้แต่คนเดียว เจ้าฝึกไปถึงขั้นไหนแล้ว!!!
แต่ บิดาแต่
ไม่มีคำว่าแต่ อีกอย่างข้าบอกเจ้ากี่ทีแล้วว่าให้เจ้าเรียกข้าด้วยภาษาจีนว่าอาเตี่ย ไปพูดภาษาแขกอยู่ได้
แต่ข้าเห็นภาษาแขกว่ามันสุภาพดีนี่ บิดา
ไม่ต้องพูดเลี้ยว!!!!!!!!!!!!!!!!
ตั้งคืนวันนั้นนั่งชิดชิดจึงรวบรวมข้าวของ หนีออกจากบ้านเพื่อไปสอบจอหงวนยังฮูโต๋อัน หรือเมืองหลวงของประเทศจีน(?)ทันที
... ...
ณ เมืองฮูโต๋อัน
นั่งชิดชิดสวมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดที่เขาขโมยมาได้จากพรรคกระยาจก มีรอยปะเพียงสี่ห้าร้อยรู ส่วนกลิ่นเหม็นก็เพียงทำให้สุนัขสลบเท่านั้น ไม่ถึงกับตาย ก่อนเดินทางถึงสนามสอบ เขาก็ได้ยินเสียงดัง ปัง! ปัง! ปัง!
"ผู้สับสียงนี้ช่างสมเป็นลูกผู้ชายชาตรี" นั่งชิดชิดคิดในใจ
เบื้องหน้าของเขาปรากฏผู้ชายร่างใหญ่ มีกล้ามมาก หนวดเครารุงรัง ขนก็ดก กำลังสับเต้าหู้อย่างห้าวหาญดัง
"ปัง! ปัง! ปัง!"
พร้อม ๆ กันนั้นก็ตะโกนโหวกเหวกเป็นเสียงอันดังน่าเกรงขามว่า
เต้าหู้โลละสิบบาทครับ! ชิมก่อนซื้อได้ครับ เต้าหู้ยี้ก็มี ( ออกเสียงแบบเหี้ยม ๆ )
นั่งชิดชิดตรงเข้าประสานมือคารวะชายผู้นั้นพลางกล่าวว่า
ผู้พี่ช่างห้าวหาญสง่างามสมชายชาตรีเป็นที่เลื่อมใสยิ่งนัก มิทราบมีนามยิ่งใหญ่ว่าอะไร
ชายคนนั้นหัวเราะ ข้าแซ่ก้อน ชื่อถั่วเหลือง หรือเรียกติด ๆ กันว่า ก้อนถั่วเหลือง เป็นคนขายเต้าหู้อยู่ ณ เมืองฮูโต๋อันนี้ ไม่ทราบผู้น้องมีนามว่าอันใด
ข้าแซ่นั่ง ชื่อชิดชิด ชิดตัวที่แปลว่าชิดๆ ขอรับ
โอ ที่แท้คือท่านนั่งชิดชิด กงจื้อพรรคกระยาจกรุ่นที่ห้าสิบสี่นี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานาน ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบตัวจริง
พี่ถั่วเหลืองก็กล่าวเกินไป ข้าเสียอีกที่ไม่เคยได้ยินชื่อท่านเลย แต่วันนี้ถูกชะตายิ่งนัก เรามานั่งคุยกันเถอะ
มีคำกล่าวว่าลูกผู้ชายร่ำสุราพันจอกไม่เมา นั่นเป็นความจริง อย่าว่าแต่เหล้า นั่งชิดชิดและก้อนถั่วเหลือง ร่ำน้ำเต้าหู้กันพันจอกก็ไม่เมาจริง ๆ แต่ก่อนที่จะร่ำจอกที่พันหนึ่ง นั่งชิดชิดก็กล่าวขึ้นว่า
ผู้พี่ พอเถิด ท่านช่างคอทองแดงจริง ๆ ข้าพเจ้ามีความสามารถเชิงน้ำเต้าหู้สู้ท่านไม่ได้ แม้แต่น้อย หากดื่มมากกว่านี้ข้าพเจ้าต้องท้องอืดตายแน่ ๆ
ฮ่าฮ่า ก็ได้ ว่าแต่ผู้น้องทำอะไร ณ เมืองหลวงแห่งนี้ เราเอาแต่ดื่มน้ำเต้าหู้ยังไม่ได้คุยกันเลย
ข้าพเจ้ามาสอบจอหงวน พอดีพบกับท่านพี่ นับเป็นโชควาสนาของชีวิตยิ่งนัก ( ที่ได้น้ำเต้าหู้ฟรี ไม่อดตาย )
ฮ่าฮ่า ข้าถูกใจเจ้ายิ่งนัก ก้อนถั่วเหลืองพูดอย่างเหี้ยมหาญ เรามาสาบานเป็นพี่น้องกันเถิด
ณ วันนั้น นั่งชิดชิดและก้อนถั่วเหลืองจึงสาบานเป็นพี่น้องกันที่หลังร้านของก้อนถั่วเหลืองเอง เป็นแบบอย่างให้ลูกผู้ชายทั่วแผ่นดินรวมทั้ง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเลียนแบบต่อมา
หลังจากไหว้ฟ้าดินเสร็จ นั่งชิดชิดก็กล่าวว่า พี่ใหญ่ ข้าสังเกตมานานแล้วว่าทำไมเมืองหลวงจึงมีคนพลุกพล่านมากมายนัก หรือว่าเป็นคู่แข่งของข้ามาสอบจอหงวน
นั่นมิใช่หรอก น้องรอง แต่เป็นเพราะมีข่าวลือว่ามีคัมภีร์สุดยอดของยุทธภพมาปรากฏที่เมืองหลวงเท่านั้น ผู้คนจึงได้มากมายเช่นนี้
มิทราบคือคัมภีร์ใด
น้องรองคงผาดโผนยุทธภพไม่นาน จึงไม่เคยได้ยินชื่อ คัมภีร์อัสนีสีสวย ช่วยชีวิตพิชิตมาร ผลาญศัตรู ดูหมอก็ได้ ปลากรายติดสมอ โอละหนอเอิงเงย นั่งเฉยตกปลา หมูหมาไม่กัด เป็นหัดไม่ออกอาการ สมานสามัคคี ปรีดาอารมณ์ สมสมร กลอนประตู ดูต้นมะม่วง ห่วงผูกเท้า ลาวครวญเพลง
หรือเรียกสั้นว่า ๆ คัมภีร์อัสนีสีสวย ( ชุกติ้งสะตาบุ๊ก ) ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เมื่อครั้งกระโน้น ผู้อาวุโสที่จำชื่อไม่ได้แล้วบัญญัติขึ้น นับว่าไร้เทียมทานที่สุดในยุทธภพ เป็นที่แย่งชิงกันมาจนกระทั่งบัดนี้
นั่งชิดชิดฟังคำก็มิได้ว่ากระไร เพราะไม่สนใจด้านวรยุทธ เขาร่ำสุรา เอ๊ย น้ำเต้าหู้ อยู่กับก้อนถั่วเหลืองอีกสามชั่วยาม พอให้ท้องอิ่มไม่ต้องกินข้าวเย็น ก็พักอยู่คืนหนึ่ง รุ่งเช้าจึงออกเดินทางไปสอบจอหงวน
... ...
วันต่อมานั่งชิดชิดเดินทางไปยังจวนที่ใช้สอบจอหงวนขณะเดินก็อ่านตำราไปด้วยเพื่อเพิมภูมิความรู้
แต่เพื่อสอนเด็กๆไม่ให้อ่านหนังสือขณะเดิน นั่งชิดชิดอ่านหนังสือไม่ทันระวังตัว ก็ตกเหวที่บังเอิญมีอยู่ที่กลางสนามสอบนั่นเอง
มีระเบียบประเพณีของหนังจีนอย่างหนึ่งกล่าวว่า การจะได้คัมภีร์จะต้องได้มาจากการตกเหวเท่านั้น หลังจากนั่งชิดชิดตกเหวไป เขาก็คลำไปรอบ ๆ ด้วยความเคล็ดขัดยอก หลังจากนั้นเขาก็พบกับ
...ก้อนหิน...
และรออยู่สามชั่วโมงก็ไม่คนมาช่วย เขาจึงกระเสือกกระสนปีนขึ้นมาเอง จึงทราบภายหลังว่า สนามสอบที่เข้ามานั้นเป็นสนามสอบจอหงวนบู๊ เอาไว้ให้ผู้สอบแข่งกระโดดขึ้นลง ส่วนการสอบจอหงวนบุ๋นนั้นได้ผ่านไปแล้ว ในระหว่างที่เขาตกเหวอยู่
นั่งชิดชิดเสียใจมากที่พลาดการสอบไป ทำให้ต้องไปสอบปีหน้า เขาจึงต้องรอคอยอยู่ที่เมืองหลวงอีกหนึ่งปี ระหว่างนั้นนั่งชิดชิดไม่มีอะไรทำนอกจากท้องหิว จะออกไปหาก้อนถั่วเหลืองก็กลับพบว่าพี่ร่วมสาบานผู้นั้นได้ย้ายกิจการไป เมืองอื่นแล้ว นั่งชิดชิดจึงฝึกวิชาของบรรพชนที่สืบต่อกันมา จนกระทั่งในที่สุดก็บรรลุวิชาภิกขาสรณะ ขั้นขอเย้ยฟ้าดิน สามารถบุกไปขอทานในเหลาได้โดยไม่อายฟ้าดิน พอประทังชีวิตอยู่ได้ตามอรรถภาพ
... ... ...
ต่อมาวันหนึ่งนั่งชิดชิดฝ่าเข้าไปขอทานในเหลา กลับพบว่าเหลาที่เขาบุกไปขอนั้นกลาดเกลื่อนด้วยซากศพตัวประกอบนอนตายอยู่ เหลือแต่เถ้าแก่กับเสี่ยวเอ้อนั่งหลบตัวสั่นงันงกอยู่มุมห้อง ตรงกลางห้องมีชาวยุทธห้าคนนั่งจ้องคัมภีร์เก่าคร่ำคร่าเล่มหนึ่งด้วยสายตา ดุเดือด หน้าปกคัมภีร์นั้นเขียนว่า คัมภีร์อัสนีสีสวย ช่วยชีวิตพิชิตมาร ผลาญศัตรูฯ ( ที่เหลือไปอ่านข้างบน ขี้เกียจพิมพ์ )
!!!
โปรดติดตามชมตอนต่อไปขอรับ
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 51 00:15:57
จากคุณ :
เชษฐา
- [
24 เม.ย. 51 00:14:29
]