Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    *** เดชคัมภีร์อัสนีสีสวยช่วยชีวิตพิชิตมาร ( เปนนิยายจีนที่สนุกที่สุดยอด แลอ่านแล้วจะสุขภาพแข็งแรง) ตอนที่ ๑ ***

    เรื่องนี้แต่งกับพี่สาว (คุณลวิตร์) ไว้นานแล้ว ไปเจอไฟล์ อ่านแล้วยังขำอยู่ เลยเอามาลงให้อ่านครับ smile

    ...  ...  ...

    ตอนที่ ๑

    "ยุทธจักรกว้างใหญ่มักแบ่งเป็นธรรมะ อธรรม
    เข่นฆ่าชิงดีกันมิได้สิ้นสุดก็หาไม่
    ธรรมะอ้างตัวว่าเป็นผู้ดี มีเงิน และมีชัย
    แต่ไฉนโลกนี้มีธรรมะและอธรรม"

    นิรนาม


    …  ...  ...

    แผ่นดินต้าหมง รัชกาลพระเจ้าหมงจ๋งฮ่องเต้ ศกที่ ๑๒๓๔

    กล่าวถึงพรรคกระยาจก

    นับจากปรมาจารย์นั่งชิดกงแห่งพรรคกระยาจกได้เผ่นโผนยุทธจักรมาเป็นเวลา ห้าร้อยปีด้วยพลังสิบแปดท่าพิชิตสุนัข ( และไม้เท้าตีมังกร ) ของท่าน ก็ล่วงเลยมาถึงรุ่นของนั่งชิดใน ประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่ ๕๓ นั่งปังจู้มีบุตรโทนชื่อนั่งชิดชิด เป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา มิได้มีอันใดพิเศษ เว้นแต่…

    “บิดา ข้าอยากไปสอบจอหงวนในเมือง!” นั่งชิดชิดกล่าวแก่นั่งชิดในซึ่งกำลังนั่งโซ้ยบะหมี่ไส้เดือนอยู่ในเพิงอย่างเอร็ดอร่อย

    นั่งชิดในทำท่าขึงขังสมแก่เป็นประมุขพรรค กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้าบอกเจ้ากี่ทีแล้วว่าให้พากเพียรฝึกวิชาขอทานอย่างบรรพชน ภายหน้าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ซึ่งเจ้าจะไปเรียนนั้นหามีประโยชน์ไม่…นะโซ้ยตี๋เอ้ย”

    “แต่…แต่ บิดา หากข้าได้เป็นจอหงวนแล้ว ข้าจะสามารถได้ยศเป็นขุนนาง ไม่ต้องมาขอเขากินเป็นที่น่าทุเรศทุรังเช่นนี้ ทำไมเราถึงรู้จักแต่ขอเขากิน ไม่รู้จักเป็นใหญ่เป็นโตกับเขาบ้างล่ะ บิดา”

    “อาโซ้ยตี๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” นั่งชิดในลุกขึ้นตบฝ่ามือสิบแปดท่าพิชิตสุนัขในท่า ‘อิ้กด้อกโซกุ้ก’ ( กินสุนัขอร่อยจังเลย ) จนกระทั่งไส้เดือนในชามบะหมี่ขาดใจตายไปห้าตัว แล้วจึงกล่าวต่อว่า

    “บรรพชนตระกูลเราไม่เคยมีบุตรหลานนอกคอกเช่นนี้ ตลอดห้าสิบสามรุ่นที่ผ่านมา บรรพชนเรายังชีพด้วยการขอทานอย่างองอาจ ถึงแก่ฝึกวิชา ‘ภิกขาสรณะ’ สำเร็จกันคนละหลาย ๆ ขั้น ผู้ใดบังอาจคิดไปถึงทางเจริญ ไม่ใช่ลูกหลานสกุลนั่ง !”

    “บิดาแต่…”

    “ไม่ต้องมีแต่ วิชาภิกขาสรณะมีสิบขั้น ขั้นที่ ๑ ขอได้ขอเป็น ขั้นที่ ๒ ขอดิบขอดี ขั้นที่ ๓ ขอเย้ยคนให้ ขั้นที่ ๔ ขอเย้ยฟ้าดิน ขั้นที่ ๕ ขู่เข็ญขอ ขั้นที่ ๖ กรรโชกขอ ขั้นที่ ๗ ขอทานจากลิง ขั้นที่ ๘ ขอทานจากชะนี ขั้นที่ ๙ ยอดพลังขอพิสุทธิ์ ขั้นที่ ๑๐ สูงสุดคืนสู่สามัญ การขอที่ดีที่สุดคือการไม่ขอ หันไปประกอบสัมมาชีพทำกินเอง แต่ผู้ที่ฝึกได้ถึงขั้นนี้มีเพียงปรมาจารย์นั่งชิดกงผู้เดียวที่เลิกขอ หันไปเกาะก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกินแทน นอกนั้นแล้วประมุขรุ่นก่อน ๆ ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกได้ถึงแม้แต่คนเดียว เจ้าฝึกไปถึงขั้นไหนแล้ว!!!”

    “แต่ บิดาแต่…”

    “ไม่มีคำว่าแต่ อีกอย่างข้าบอกเจ้ากี่ทีแล้วว่าให้เจ้าเรียกข้าด้วยภาษาจีนว่าอาเตี่ย ไปพูดภาษาแขกอยู่ได้”

    “แต่ข้าเห็นภาษาแขกว่ามันสุภาพดีนี่ บิดา”

    “ไม่ต้องพูดเลี้ยว!!!!!!!!!!!!!!!!”

    ตั้งคืนวันนั้นนั่งชิดชิดจึงรวบรวมข้าวของ หนีออกจากบ้านเพื่อไปสอบจอหงวนยังฮูโต๋อัน หรือเมืองหลวงของประเทศจีน(?)ทันที…


    …  ...  ...

    ณ เมืองฮูโต๋อัน

    นั่งชิดชิดสวมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดที่เขาขโมยมาได้จากพรรคกระยาจก มีรอยปะเพียงสี่ห้าร้อยรู ส่วนกลิ่นเหม็นก็เพียงทำให้สุนัขสลบเท่านั้น ไม่ถึงกับตาย ก่อนเดินทางถึงสนามสอบ เขาก็ได้ยินเสียงดัง ปัง! ปัง! ปัง!

    "ผู้สับสียงนี้ช่างสมเป็นลูกผู้ชายชาตรี" นั่งชิดชิดคิดในใจ

    เบื้องหน้าของเขาปรากฏผู้ชายร่างใหญ่ มีกล้ามมาก หนวดเครารุงรัง ขนก็ดก กำลังสับเต้าหู้อย่างห้าวหาญดัง

    "ปัง! ปัง! ปัง!"

    พร้อม ๆ กันนั้นก็ตะโกนโหวกเหวกเป็นเสียงอันดังน่าเกรงขามว่า…
    “เต้าหู้โลละสิบบาทครับ! ชิมก่อนซื้อได้ครับ เต้าหู้ยี้ก็มี” ( ออกเสียงแบบเหี้ยม ๆ )
    นั่งชิดชิดตรงเข้าประสานมือคารวะชายผู้นั้นพลางกล่าวว่า
    “ผู้พี่ช่างห้าวหาญสง่างามสมชายชาตรีเป็นที่เลื่อมใสยิ่งนัก มิทราบมีนามยิ่งใหญ่ว่าอะไร”

    ชายคนนั้นหัวเราะ “ข้าแซ่ก้อน ชื่อถั่วเหลือง หรือเรียกติด ๆ กันว่า ก้อนถั่วเหลือง เป็นคนขายเต้าหู้อยู่ ณ เมืองฮูโต๋อันนี้ ไม่ทราบผู้น้องมีนามว่าอันใด”

    “ข้าแซ่นั่ง ชื่อชิดชิด ชิดตัวที่แปลว่าชิดๆ ขอรับ”

    “โอ ที่แท้คือท่านนั่งชิดชิด กงจื้อพรรคกระยาจกรุ่นที่ห้าสิบสี่นี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานาน ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบตัวจริง”

    “พี่ถั่วเหลืองก็กล่าวเกินไป ข้าเสียอีกที่ไม่เคยได้ยินชื่อท่านเลย แต่วันนี้ถูกชะตายิ่งนัก เรามานั่งคุยกันเถอะ”

    มีคำกล่าวว่าลูกผู้ชายร่ำสุราพันจอกไม่เมา นั่นเป็นความจริง อย่าว่าแต่เหล้า นั่งชิดชิดและก้อนถั่วเหลือง ร่ำน้ำเต้าหู้กันพันจอกก็ไม่เมาจริง ๆ แต่ก่อนที่จะร่ำจอกที่พันหนึ่ง นั่งชิดชิดก็กล่าวขึ้นว่า

    “ผู้พี่ พอเถิด ท่านช่างคอทองแดงจริง ๆ ข้าพเจ้ามีความสามารถเชิงน้ำเต้าหู้สู้ท่านไม่ได้ แม้แต่น้อย หากดื่มมากกว่านี้ข้าพเจ้าต้องท้องอืดตายแน่ ๆ “

    “ฮ่าฮ่า ก็ได้ ว่าแต่ผู้น้องทำอะไร ณ เมืองหลวงแห่งนี้ เราเอาแต่ดื่มน้ำเต้าหู้ยังไม่ได้คุยกันเลย”

    “ข้าพเจ้ามาสอบจอหงวน พอดีพบกับท่านพี่ นับเป็นโชควาสนาของชีวิตยิ่งนัก ( ที่ได้น้ำเต้าหู้ฟรี ไม่อดตาย ) “

    “ฮ่าฮ่า ข้าถูกใจเจ้ายิ่งนัก” ก้อนถั่วเหลืองพูดอย่างเหี้ยมหาญ “เรามาสาบานเป็นพี่น้องกันเถิด”

    ณ วันนั้น นั่งชิดชิดและก้อนถั่วเหลืองจึงสาบานเป็นพี่น้องกันที่หลังร้านของก้อนถั่วเหลืองเอง เป็นแบบอย่างให้ลูกผู้ชายทั่วแผ่นดินรวมทั้ง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเลียนแบบต่อมา

    หลังจากไหว้ฟ้าดินเสร็จ นั่งชิดชิดก็กล่าวว่า “พี่ใหญ่ ข้าสังเกตมานานแล้วว่าทำไมเมืองหลวงจึงมีคนพลุกพล่านมากมายนัก หรือว่าเป็นคู่แข่งของข้ามาสอบจอหงวน”

    “นั่นมิใช่หรอก น้องรอง แต่เป็นเพราะมีข่าวลือว่ามีคัมภีร์สุดยอดของยุทธภพมาปรากฏที่เมืองหลวงเท่านั้น ผู้คนจึงได้มากมายเช่นนี้”

    “มิทราบคือคัมภีร์ใด”

    “น้องรองคงผาดโผนยุทธภพไม่นาน จึงไม่เคยได้ยินชื่อ คัมภีร์อัสนีสีสวย ช่วยชีวิตพิชิตมาร ผลาญศัตรู ดูหมอก็ได้ ปลากรายติดสมอ โอละหนอเอิงเงย นั่งเฉยตกปลา หมูหมาไม่กัด เป็นหัดไม่ออกอาการ สมานสามัคคี ปรีดาอารมณ์ สมสมร กลอนประตู ดูต้นมะม่วง ห่วงผูกเท้า ลาวครวญเพลง …หรือเรียกสั้นว่า ๆ คัมภีร์อัสนีสีสวย ( ชุกติ้งสะตาบุ๊ก ) ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เมื่อครั้งกระโน้น ผู้อาวุโสที่จำชื่อไม่ได้แล้วบัญญัติขึ้น นับว่าไร้เทียมทานที่สุดในยุทธภพ เป็นที่แย่งชิงกันมาจนกระทั่งบัดนี้”

    นั่งชิดชิดฟังคำก็มิได้ว่ากระไร เพราะไม่สนใจด้านวรยุทธ เขาร่ำสุรา เอ๊ย น้ำเต้าหู้ อยู่กับก้อนถั่วเหลืองอีกสามชั่วยาม พอให้ท้องอิ่มไม่ต้องกินข้าวเย็น ก็พักอยู่คืนหนึ่ง รุ่งเช้าจึงออกเดินทางไปสอบจอหงวน

    …  ...  ...

    วันต่อมานั่งชิดชิดเดินทางไปยังจวนที่ใช้สอบจอหงวนขณะเดินก็อ่านตำราไปด้วยเพื่อเพิมภูมิความรู้

    แต่เพื่อสอนเด็กๆไม่ให้อ่านหนังสือขณะเดิน นั่งชิดชิดอ่านหนังสือไม่ทันระวังตัว ก็ตกเหวที่บังเอิญมีอยู่ที่กลางสนามสอบนั่นเอง

    มีระเบียบประเพณีของหนังจีนอย่างหนึ่งกล่าวว่า การจะได้คัมภีร์จะต้องได้มาจากการตกเหวเท่านั้น หลังจากนั่งชิดชิดตกเหวไป เขาก็คลำไปรอบ ๆ ด้วยความเคล็ดขัดยอก หลังจากนั้นเขาก็พบกับ…

    ...ก้อนหิน...

    และรออยู่สามชั่วโมงก็ไม่คนมาช่วย เขาจึงกระเสือกกระสนปีนขึ้นมาเอง จึงทราบภายหลังว่า สนามสอบที่เข้ามานั้นเป็นสนามสอบจอหงวนบู๊ เอาไว้ให้ผู้สอบแข่งกระโดดขึ้นลง ส่วนการสอบจอหงวนบุ๋นนั้นได้ผ่านไปแล้ว ในระหว่างที่เขาตกเหวอยู่

    นั่งชิดชิดเสียใจมากที่พลาดการสอบไป ทำให้ต้องไปสอบปีหน้า เขาจึงต้องรอคอยอยู่ที่เมืองหลวงอีกหนึ่งปี ระหว่างนั้นนั่งชิดชิดไม่มีอะไรทำนอกจากท้องหิว จะออกไปหาก้อนถั่วเหลืองก็กลับพบว่าพี่ร่วมสาบานผู้นั้นได้ย้ายกิจการไป เมืองอื่นแล้ว นั่งชิดชิดจึงฝึกวิชาของบรรพชนที่สืบต่อกันมา จนกระทั่งในที่สุดก็บรรลุวิชาภิกขาสรณะ ขั้นขอเย้ยฟ้าดิน สามารถบุกไปขอทานในเหลาได้โดยไม่อายฟ้าดิน พอประทังชีวิตอยู่ได้ตามอรรถภาพ

    ...  ...  ...

    ต่อมาวันหนึ่งนั่งชิดชิดฝ่าเข้าไปขอทานในเหลา กลับพบว่าเหลาที่เขาบุกไปขอนั้นกลาดเกลื่อนด้วยซากศพตัวประกอบนอนตายอยู่ เหลือแต่เถ้าแก่กับเสี่ยวเอ้อนั่งหลบตัวสั่นงันงกอยู่มุมห้อง ตรงกลางห้องมีชาวยุทธห้าคนนั่งจ้องคัมภีร์เก่าคร่ำคร่าเล่มหนึ่งด้วยสายตา ดุเดือด หน้าปกคัมภีร์นั้นเขียนว่า “คัมภีร์อัสนีสีสวย ช่วยชีวิตพิชิตมาร ผลาญศัตรูฯ ( ที่เหลือไปอ่านข้างบน ขี้เกียจพิมพ์ )

    !!!

    โปรดติดตามชมตอนต่อไปขอรับ

    smile

    แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 51 00:15:57

    จากคุณ : เชษฐา - [ 24 เม.ย. 51 00:14:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom