ความคิดเห็นที่ 5
มีที่มาของคำว่า "บางกอก" มาให้พิจารณาเพิ่มเติม
จากบทความเรื่องเปิดพจนานุกรมมอญ : หาความหมายของเมืองบางกอก โดย องค์ บรรจุน นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๒๖ ฉบับที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๘
เปิดพจนานุกรมมอญ : หาความหมายของเมืองบางกอก
ในขณะที่คนกรุงเทพฯ และคนไทยเกือบทั้งประเทศ เริ่มจะลืมเลือนไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเมืองกรุงเทพฯ เคยมีชื่อว่า "บางกอก" แต่กระนั้นนักวิชาการนับแต่อดีตจวบจนปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาที่มาของคำว่าบางกอกได้ชัดเจน แต่พจนานุกรมมอญ-ไทย ฉบับมอญสยาม ที่ชำระจากต้นฉบับของมหาพวน รามัญวงศ์ ที่ออกสู่สายตาหรืออาจมีอยู่ในมือของผู้อ่านในขณะนี้แล้ว สามารถฟันธงแบบสุดลิ่มทิ่มประตูลงไปได้เลยว่า ความหมายของเมือง "บางกอก" มีที่มาจาก "ภาษามอญ"
ว่ากันตั้งแต่พื้นฐานรากหญ้าระดับพื้นบ้านร้านตลาด หากต้องการทราบว่าเพราะเหตุใดพื้นที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่าบางกอก ผู้เขียนเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เพราะเมื่อก่อนที่นี่มีต้นมะกอกมาก" แน่นอนมันอาจจะดูง่ายไปหน่อย แต่ใช่ว่าจะผิด หรือไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความจริงแต่อย่างใด และจะยิ่งง่ายมากขึ้นหากว่า "บางกอก" มีที่มาจาก "มะกอก"
เพราะในภาษามอญนั้นมีคำๆ นี้ใช้กันมานานนับพันปีแล้ว โดยเรียกเจ้าลูกไม้ผลสีเขียว ขนาดหัวแม่มือเขื่องๆ ทรงรีๆ และมีรสเปรี้ยวนั้นว่า "มักกอก"
[มักกอก] น. มะกอกดังจะเห็นแล้วว่าเพียงเกริ่นกันแบบพื้นๆ ความหมายของคำว่าบางกอกก็ยังเป็นภาษามอญ ฉะนั้นการที่มีผู้สันนิษฐานว่าชื่อของเมืองธนบุรีในอดีต คือบางกอกนั้นมาจากผลมะกอก ก็ยังเหลือร่องรอยสนับสนุนอยู่ กล่าวคือวัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) ในอดีตมีชื่อเรียกว่า "วัดมะกอก" ซึ่งน่าจะสร้างภายหลังการขุดคลองลัดจากปากคลองบางกอกน้อยตัดตรงมายังปากคลองบางกอกใหญ่ (ช่วงที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ. ๒๐๘๕ สมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช
ในขณะเดียวกันก็มีนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่ง นำโดยอาจารย์ขจร สุขพานิช ได้ตั้งข้อสังเกตว่า "บางกอก" หรือ Bangkok ในเอกสารชาวต่างชาติที่หมายถึงกรุงธนบุรีนั้น บางครั้งก็เขียนเป็น Bangkoh หรือ "บางเกาะ" ซึ่งมีความหมายสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ คือย่านหรือบางที่เป็นเกาะ เพราะเป็นบริเวณที่มีน้ำล้อมรอบซึ่งคำว่า "เกาะ" นั้นก็มีใช้ในภาษามอญมานานแล้ว ทุกวันนี้ในเมืองมะละแหม่งของมอญ (ประเทศพม่า) มีชื่อหมู่บ้านมากมายที่ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่าเกาะ เช่น เกาะซ่าก (เกาะรวย) เกาะเกริก (เกาะมะม่วง) เกาะซั่ว (เกาะโพ) เป็นต้น โดยใช้ในความหมายเดียวกันกับภาษาไทย[ตเกาะ] น. เกาะ, แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ
สำหรับคำว่า "บาง" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายความหมายว่าหมายถึงย่านหรือบริเวณที่มีคลองเข้าไปตัน ส่วนพจนานุกรม ฉบับมติชนให้ความหมายว่า ทางน้ำเล็กๆ, บริเวณที่ลุ่มน้ำท่วมถึง; ตำบลที่อยู่ริมบางหรือในบริเวณที่เคยเป็นบางมาก่อน และคำๆ นี้ก็มีในภาษามอญเช่นกันครับ[บัง] น. เรือ
ภาษาไทยที่เราเรียนกันมาแต่เด็กๆ นั้น ทุกท่านทราบอยู่แล้วว่ามีอิทธิพลของภาษาอื่นมาปะปนอยู่มากมายอย่าง บาลี สันสกฤต มอญ เขมร ลาว จีน อินโดนีเซีย อังกฤษ เป็นต้น เพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราทราบหรือไม่ และเรายอมรับมันหรือไม่ต่างหากเรื่องเมืองบางกอก ที่ทำท่าว่าจะเกี่ยวพันกับภาษามอญ หลายท่านอาจแปลกใจ จึงขอยกคำพูดของท่านอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่ได้ปาฐกถานำเรื่องคนไทยหลายเผ่าพันธุ์ในสุวรรณภูมิ ๓,๐๐๐ ปี จากงานภูมิสังคมเสวนาสาธารณะ ณ ท้องพระโรงวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันพุธที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ ส่วนหนึ่งดังนี้ คือ"...คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ เป็นพี่น้องกับมอญ เขมร ยิ่งกว่าเป็นพี่น้องกับไทอาหม ไทคำตี่ ไต หรือไท เป็นต้น ห่างไกลจากเราทั้งสิ้น ถ้าเราลองใช้ชีวิตร่วมกับไทอาหม ไทคำตี่ เราจะรู้ว่าการใช้ชีวิตแตกต่างกันมาก..."
ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเห็นได้ว่าภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ได้รับอิทธิพลของต่างชาติต่างภาษาไว้มาก ด้วยเหตุผล ๒ ประการ คือ ๑. เพราะภาษาไทยมีศัพท์ไม่พอใช้ และ ๒. เพราะความต้องการสื่อความหมายทั้งกับเผ่าพันธุ์เดียวกันและเผ่าพันธุ์ที่เราต้องการสัมพันธ์ด้วยได้ง่าย กล่าวคือเราจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาของเพื่อนบ้านเพื่อความเข้าใจในการติดต่อสื่อสาร หรือบางครั้งกลายเป็นความเคยชินจนกระทั่งนำมาเชื่อมต่อกันเป็นคำซ้อน โดยที่มีความหมายเหมือนกัน เช่นทองคำ "ทอง" นั้นมาจาก "ทอ" ในภาษามอญ และ "คำ" เป็นภาษาตระกูลไทย-ลาว ซึ่งแปลว่าทอง ฝาละมี "ฝา" เป็นภาษาไทยแน่นอน แต่คำว่า "ละมี" โดดๆ ไม่มีความหมายในภาษาไทย เพราะมาจากภาษามอญว่า "แหละมี" ที่แปลว่าฝาหม้อ
ศัพท์ภาษามอญข้างต้นที่ยกมานั้น เป็นเพียงแต่อธิบายความตามข้อสันนิษฐานของนักวิชาการที่พยายามหาความหมายของเมืองบางกอก แต่แท้ที่จริงแล้วในภาษามอญยังมีศัพท์แสงที่น่าสนใจ มีหลายคำที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นภาษามอญ ทีนี้เราลองลากศัพท์สันนิษฐานกันดูบ้างไหม ในเมื่อจารึกต่างๆ ในยุคทวารวดีที่ขุดขึ้นมาได้ล้วนเป็นภาษามอญ แล้วจู่ๆ มอญในยุคทวารวดีหายไปไหนหมด มีโอกาสที่มอญกลุ่มนี้ได้ผสมกลมกลืนไปกับชนพื้นเมืองอื่นๆ แล้วกลายเป็น "สยาม" หรือ "ไทย" ปัจจุบันไป หากเป็นเช่นนั้นภาษาที่คน "ทวารวดี" ใช้กันน่าจะมีหลงเหลือตกทอดมาบ้าง
ต่อไปนี้ก็ถึงคราวที่ผู้เขียนจะอธิบายความหมายของเมือง "บางกอก" ในแบบที่ไม่เคยมีใครกล่าวถึงมาก่อน"บาง" ตามความหมายที่ได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้น ว่าเป็นย่านหรือบริเวณที่มีคลองเข้าไปตัน ทางน้ำเล็กๆ บริเวณที่ลุ่มน้ำท่วมถึง ตำบลที่อยู่ริมบางหรือในบริเวณที่เคยเป็นบางมาก่อน เหล่านี้เป็นความหมายในภาษาไทยปัจจุบัน เมื่อนำมาเทียบกับ "บัง" ในภาษามอญ ( ) ที่แปลว่า "เรือ" จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะที่เป็นพาหนะใช้สัญจรทางน้ำ ในภาษามอญยังมีศัพท์ที่เกี่ยวกับเรือและสถานที่ คือ "เสน่ะห์บัง ( )" แปลว่าท่าเรือ ไม่แตกต่างจากคำว่า "คลอง" ในภาษาไทย ซึ่งสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๐๕ ระบุว่า คำนี้มีปรากฏอยู่ในภาษามอญ ยังไม่พบในคำไทยเดิม ที่มาของ "คลอง" คือ "กล่อง ( )" ในภาษามอญ มอญใช้ในความหมายว่า "ทาง" ทุกชนิดแต่ไทยเรารับมาใช้ในความหมายว่าทางน้ำเป็นหลัก แต่บางครั้งก็ใช้ในความหมายทั่วๆ ไปที่ใช้ในภาษามอญ เช่น คลองเลื่อย คลองธรรม
"บัง" ได้กลายเป็น "บาง" ถูกนำมาใช้ในความหมายว่าย่าน หรือสถานที่จอด และขึ้นลงเรือ รวมไปถึงชุมชนที่อยู่โดยรอบ อย่างบางโพ บางปลา และ "บางกอก" เป็นต้น"กอก" ในพื้นสำเนียงภาษามอญมีด้วยกันหลายคำ อย่าง โกก (หนาว เย็น สะท้าน) โก่ก (เรียก) ก่อก (ล้วง, ภาษี) เมื่อได้บางเป็นตัวตั้งแล้ว ต่อด้วยหนาวเป็น "บางหนาว" ก็คงไม่เข้าที เพราะเมืองเราอยู่เขตร้อน "บางเรียก" ได้ไหม เรียกเรือ เรือเรียก หรือท่าเรียกเรือ (เรือ) คงไม่เข้าท่าเหมือนกัน หากเป็น "บางภาษี" ดูจะสอดคล้องมากกว่า[ก่อก] ๑. น. ภาษี ๒. ก. ล้วง เอามาสอดคล้องกับหน้าที่ของเมือง "บางกอก" ในอดีตที่เป็นบาง ย่าน มีป้อมปราการสำหรับป้องกันข้าศึกศัตรูทางทะเลที่จะเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา อีกทั้งเป็นเมืองท่าหน้าด่านที่มีความสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา สำหรับเก็บภาษีจากเรือสินค้าต่างชาติทั้งขาเข้าและขาออก เมื่อพ่อค้าหรือทูตต่างชาติต้องการจะเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา จะต้องจอดเรือใหญ่ไว้ที่ปากน้ำเจ้าพระยา แล้วลงเรือเล็กมาติดต่อกับเจ้าเมืองธนบุรีหรือที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดีว่า "บางกอก" เพื่อแจ้งให้ทางกรุงศรีอยุธยาทราบเสียก่อน จึงจะเดินทางเข้าไปในพระนครศรีอยุธยาได้
ข้อเขียนนี้มิอาจเป็นบรรทัดฐานได้ว่าที่มาของชื่อเมือง "บางกอก" นั้นมาจากสิ่งใดแน่ชัด เพียงแต่นำเสนอทางเลือกและเปิดทรรศนะของผู้สนใจใคร่รู้ให้กว้างขึ้น มองหน้ามองหลังและใคร่ครวญ กระทั่งอาจเกิดคำถามและคำตอบในใจขึ้นพร้อมกันว่า "คิดได้ไง" และ "เป็นไปได้"
หนังสืออ้างอิง
จรูญ ญาณจารี, พระมหา. แบบเรียนภาษามอญ. กรุงเทพฯ : เท็คโปรโมชั่น, ๒๕๔๑. ราชบัณฑิตยสถาน. สารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม ๕. กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองธรรม, ๒๕๐๕. วัฒนา บุรกสิกร. รายงานการวิจัยเรื่องลักษณะคำไทยที่มาจากภาษามอญ. กรุงเทพฯ : เท็คโปรโมชั่น, ๒๕๔๑. สุจิตต์ วงษ์เทศ. กรุงเทพฯ มาจากไหน. กรุงเทพฯ : พิมพ์ดี จำกัด, ๒๕๔๘. __________. เวียงวังฝั่งธนฯ : ชุมชนชาวสยาม. กรุงเทพฯ : พิฆเณศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด
จากคุณ :
เพ็ญชมพู
- [
30 เม.ย. 51 09:28:00
]
|
|
|