ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่ได้ยินมา น่าจะเป็น หม่อมแม้น จากคุณ : yodying_jung - [ 18 พ.ค. 51 08:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พิมพ์ไปตั้งเยอะแยะ เกิดผิดพลาด ต้องเริ่มพิมพ์ใหม่ จขกท มีความสงสัยเหมือนข้าพเจ้า ตั้งแต่อ่านพระราชประวัติของพระองค์ท่านมา ก็เคยคิดเช่นนั้น ตามความคิดของข้าพเจ้า พระองค์ท่านคงเป็นช่วงระยะเวลา เมื่อตอนทรงเริ่มเป็นหนุ่ม มีพระภรรยาพระองค์แรก เป็นเจ้าคุณพระประยูร จำยศขณะนั้นไม่ได้ ท่านก็คงรักกันตามประสาหนุ่มสาว ต่อเมื่อทรงครองราชย์ มีพระภรรยาเจ้า สามพระองค์ คือ พระนางเจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์ พระนางเจ้า สว่างวัฒนา  พระนางเจ้า เสาวภาผ่องศรี และตามด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี ทรงสนิทเสน่าหาในพระนางเจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์ มากกว่าท่านใด จะเห็นได้จากเมื่อพระนางทรงสิ้นพระชนม์ ทรงเศร้าเสียพระทัยมาก ทรงเก็บพระองค์ไม่พบปะผู้ใดอยู่เป็นเวลานาน จนได้พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ทรงมีอุตสาหะ วิริยะ เข้าไปเฝ้าปลอบพระทัยมิได้ห่าง จนทรงหายจากพระอาการตรอมพระทัย หลังจากนั้น ทรงสนิทเสน่าหาในพระนางเจ้าเสาวภาเป็นอันมาก จะเห็นได้จากทรงมีพระราชโอรส พระราชธิดา จากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีถึง ๑๔ พระองค์ เป็นพระราชโอรส ๗ พระองค์ พระราชธิดา ๒ พระองค์ ตกเสีย ๕ พระองค์ ถ้าจะดูตามจำนวนพระราชโอรส พระราชธิดา พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ท่านมีมากกว่าพระภรรยาเจ้าทั้งหมด และอีกข้อหนึ่งที่จะนำมายืนยันได้ว่า ท่านทรงโปรดและสนิทเสน่าหาสมเด็จพระนางเจ้าฯมากกว่าผู้ใด ก็จะเห็นได้จาก พระราชหัตถเลขา ที่ทรงมีมายังสมเด็จพระนางเจ้าฯ ยามที่ท่านทรงเสด็จประพาสต่างประเทศ ท่านจะทรงทีพระราชหัตถเลขาที่อ่อนหวาน ประหนึ่งสามีภรรยาทั่วไป จะเห็นได้จากเรียกสมเด็จพระนางเจ้าว่า แม่เล็ก และลงท้ายพระราชหัตถเลขาด้วยคำว่าที่หมายถึงสามีที่เป็นที่รัก ท่านใดมีข้อความนั้่น กรุณายืนยัน เพราะพิมพ์มาเท่าความจำที่มี เนื่องจากความจงรักภักดีที่สมเด็จพระนางเจ้า ถวายแด่พระพุทธเจ้าหลวงอย่างเต็มพระราชหฤทัย ทั้งยามที่พระองค์ท่าน ทรงโทมนัสจากการเสียดินแดนส่วนหนึ่งไป ทรงรู้พระทัยพระบรมราชสวามี ทรงเฝ้าปรนนิบัติ ถวายงานโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จนพระสวามีทรงคลายความโทมนัส ในยามที่พระองค์ทรงพระประชวรในช่วงใกล้สวรรคต สมเด็จพระนางเจ้าทรงเฝ้าอยู่ใกล้พระที่ไม่ได้ห่าง นับว่าพระองค์เป็นพระภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่างแท้จริง แต่จากการอ่านหลายๆที่ยังมีพระมเหษีเทวี และเจ้าจอมท่านอื่นที่ทรงสนิทเสน่หาไม่น้อย ก็มีสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรี  เจ้าจอมก๊ก ออ ทั้งห้าท่าน ที่จัดได้ว่า เป็นเจ้าจอมที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าผู้ใด และสุดท้ายย่อมจะลืมไม่ได้ สำหรับ เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย์ เจ้าจอมที่ทรงพระสิริโฉม ที่สุด จากคุณ : พนอจัน - [ 18 พ.ค. 51 08:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สรุปว่าตามความคิดเห็นของคุณพนอจัน ก็ตอบไม่ได้ว่าคือใคร เหตุผลที่คุณพนอจันให้คือ เป็นช่วงๆ ความเห็นผมก็คล้ายๆ คุณพนอจัน  คือ คำถามชนิดนี้ตอบไม่ได้อ่ะครับ ยกเว้นจะให้เจ้าตัวมาบอกเอง... ถึงแม้จะเอาเอกสาร เช่น จดหมายเก่าๆมาดู  ก็ต้องระลึกไว้ว่า จดหมายนั้นมันเป็น private correspondence เป็นการคุยกันของคนสองคน  ดังนั้นคนเขียนก็ต้องเขียนอะไรที่คนอ่านคิดว่าจะพอใจอยู่แล้ว  ถ้ายิ่งเป็น "นักรักผู้ยิ่งใหญ่" คงจะไม่เขียนไปหาคนหนึ่งว่ารักคนอื่นมากกว่ามั้งครับ เหมือนกับดูหนังจีน...อ่านจดหมายรักของฮ่องเต้เจ้าชู้ หลายใจ ก็จะเขียนในแนวๆเดียวกันหมด หรือขุนแผน หรือแม้กระทั่งละครนางทาสก็ตาม...การใช้คำของพระเอ ก็จะเป็นทำนอง ขาดจากเธอไม่ได้  ขาดเธอเหมือนขาดใจ และรักเธอมากๆ (เมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆหนึ่ง) ฯลฯ    (ถึงแม้ในหนังจีนหรือละคร จะมีนางเอกตัวเด่นๆอยู่ตัวนึง ที่พอเวลาฮ่องเต้โกรธ ก็ไปค้างกับสนมอีกคน แต่นั่นก็เป็นเพียงขนบของเรื่องที่จะต้องทำให้มีสีสัน มีการแก่งแย่งชิงดี ฯลฯ)​   ย้อนกลับมาเรื่องนี้  ก็คงจะยากที่จะตัดสินว่าพระองค์รักใครมากกว่าใคร...ยกเว้นต้องไปถามพระองค์เอง... แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 51 09:46:32 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 18 พ.ค. 51 09:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณพนอจันอาจจะรีบพิมพ์รีบโพสต์ รีบหาข้อมูลจากเล่มนั้นเล่มนี้ เลยทำเอ่ยพระอิสริยยศของพระมเหสีแต่ละพระองค์ สับสนและไม่รัดกุมเท่าที่ควรจะถูกต้อง แม้กระทั่งคำที่ใช้กับเจ้าจอมฯ ท่านเจ้าของกระทู้ครับ ถามแบบนี้ท่านก็จะได้ทราบแต่ความคิดของ "ท่านผู้รู้ในบรรดาท่านผู้นั้น"  (ของท่านเจ้าของกระทู้ ) เราๆท่านๆไม่มีใครทราบหรอกครับว่าท่านโปรดพระองค์ใด หรือท่านใด   เรื่องแบบนี้มันค่อนข้างเซนซิทิฟน่ะ แม้กระทั่งสมเด็จพระเทพฯ พระองค์ท่านยังหลีกเลี่ยง ที่จะมาให้คนรุ่นหลังศึกษาหรือเรียนรู้เรื่องใครขึ้นใครลง โปรดใครไม่โปรดใคร โดยผมได้รับข้อมูลนี้จากเจ้าหน้าที่นำชมบนพระที่นั่งวิมานเมฆ เมื่อนานมาแล้วน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 51 10:16:51 จากคุณ : sivanont - [ 18 พ.ค. 51 10:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความรักเป็นไฉนใจอยากรู้ โคลงกลอนพระราชทานของรัชกาลที่ ๕ แด่ “เมียรัก” http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/04/K4299194/K4299194.html จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 18 พ.ค. 51 10:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ช่วยคุณพนอจันแก้ไขนะครับ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี" แก้เป็น "พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุขมาลมารศรี" หรือ "พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี" เลือกเอาพระนามใดพระนามหนึ่ง โดยดูเรื่องของ "เวลา" เป็นสำคัญ "มีพระภรรยาพระองค์แรก เป็นเจ้าคุณพระประยูร" คำว่า "พระภรรยา" และ "พระองค์" ไม่น่าจะใช้กับเจ้าจอมมารดาแพ หรือ "เจ้าคุณพระประยุรวงศ์" ได้นะครับ "ทรงสนิทเสน่หาไม่น้อย ก็มีสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรี" ตรงนี้ก็น่าจะแก้ไขเป็น "พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี" หรือ "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" โดยดูตามเงื่อนไขของ "เวลา" อีกเช่นกัน จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 18 พ.ค. 51 10:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณ คุณเพ็ญชมพู นะคะ ที่นำเอากระทู้เก่า มีประโยชน์มาให้อ่านค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้มากมายจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : กังหันลู่ลม - [ 18 พ.ค. 51 11:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความเห็นที่ 1 ครับ หม่อมแม้น ไม่ได้เป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 5 นะครับ ท่านเป็นหม่อมในสมเด็จวังบูรพา จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 18 พ.ค. 51 11:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความรักนั้นมีหลาย แต่ ความรักครั้งสุดท้าย  ตรึงใจ ยิ่งนา ในงานวันเฉลิมพระที่นั่ง ทรงโปรดเกล้าฯให้มีละครเรื่อง "เงาะป่า" เจ้าจอมสดับมีหน้าที่นั่งร้องประจำโรงจนละครเลิกก็ได้ตามเสด็จขึ้นไปบนพระที่นั่ง ท่านได้รับพระราชทานของมีค่าอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่เลื่องลือกันต่อมา สิ่งนั้นคือกำไลทองเนื้อเก้าหรือเนื้อนพคุณ เป็นทองบริสุทธิ์ เนื้ออ่อนสามารถบิดได้ด้วยมือ ทรงสวมให้ที่ข้อมือเจ้าจอมสดับและบีบให้ชิดกันด้วยพระหัตถ์เอง รุ่งขึ้นจึงรับสั่งให้กรมหลวงสรรพศาสตร์ พาช่างทองเยอรมันชื่อนายแกรเลิตนำเครื่องมือมาบีบให้เรียบร้อย กำไลทองแท้นั้นรูปร่างเป็นตะปูโบราณสองตัวกอดไขว้กันอยู่ ถ้ามองตรงๆเป็นอักษร S (มาจากชื่อย่อของเจ้าจอมสดับ) หากพลิกข้อมือเพียงเล็กน้อยมองอีกด้านหนึ่งจะกลับเป็นอักษร C (จุฬาลงกรณ์) สิ่งที่ทำให้กำไลทองวงนี้มีชื่อมากที่สุดในบรรดาเครื่องประดับสูงค่าของรัตนโกสินทร์ ไม่ใช่ราคาหรือการออกแบบ แต่เป็นตัวอักษรพระราชนิพนธ์จารึกไว้ที่ด้านบนของกำไล เป็นกลอนมีเนื้อความว่า กำไลมาศชาตินพคุณแท้       ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นย่อมยืนสี เหมือนใจตรงคงคำร่ำพาที     จะร้ายดีขอให้เห็นเป็นเสี่ยงทาย ตาปูทองสองดอกตอกสลัก    ตรึงความรักรัดไว้อย่าให้หาย แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย     เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย เจ้าจอม ม.ร.ว. สดับมีอายุยาวนานจนชรา สละทางโลกเข้าบวชชี ติดขัดอยู่เรื่องเดียวคือกำไลทองพระราชทานซึ่งท่านไม่เคยถอดออกจากข้อมือเลย บัดนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะที่จะสวมเครื่องประดับเมื่อบวช เมื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๕ เสด็จพระองค์หญิงก็รับสั่งตัดสินให้ว่า "ไม่น่าจะถือเป็นเครื่องประดับ เพราะเป็นของเก่าได้รับพระราชทาน อันเป็นนิมิตที่ดียิ่ง ถ้าจะนับว่าเป็นตะกรุดก็ไม่ต่างกัน" เจ้าจอมสดับจึง"สวมใส่ไว้ติดกาย" ดังคำกลอนพระราชทาน จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุยืนยาวถึง ๙๓ ปี ทายาทได้ถวายคืนสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เก็บรักษาไว้ ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ จนทุกวันนี้ http://vcharkarn.com/reurnthai/jao_jom.php แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 51 13:23:52 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 18 พ.ค. 51 13:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องขอบคุณ คุณชาวจีนศึกษา ณ T U ที่กรุณาแก้ไขให้ถูกต้อง เป็นดั่งที่คุณ Sivanont กล่าว เมื่อเช้ากดเข้ามาเจอกระทู้นี้ อยากพิมพ์อยากคุย แต่ด้วยว่ากดส่งผิดพลาดสองหน ทำให้เสียเวลาไปเกือบยี่สิบนาที จึงพยายามใหม่ ตอนนี้ก็เกิดการสับสนรวบรัด เพราะพิมพ์มาหลายรอบ จากที่พิมพ์ไว้ถูกต้อง ก็กลายเป็นผิด เพราะได้เวลาต้องออกไปทำธุระ ไม่ได้มีโอกาสค้นหา พิมพ์ไปตามที่จำได้ การเรียกขานพระยศ พระนาม หรือนามของท่านต่างๆจึงสับสน ต้องขอโทษแด่ทุกท่านด้วย ด้วยความรู้ที่น้อยนิด (สำเร็จชั้นมัธยมปีที่สามเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว)แต่ใจที่รักการอ่านเรื่องราวแต่หนหลัง ทำให้อยากร่วมสนทนากับท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ ข้าพเจ้ามักปล่อยไก่ออกมาจากเล้าบ่อยๆ อายนะอายอยู่ แต่ด้วยวัยที่ความจำเสื่อมถอย จึงขอน้อมรับความผิดพลาดที่ได้เผลอไผลไม่ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน ได้มีผู้ช่วยแก้ไขให้ ต้องนับเป็นกุศลแด่คนเฒ่าคนแก่ยิ่งนัก ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง ยังอยากฟังการสนทนาต่อ จากคุณ : พนอจัน - [ 18 พ.ค. 51 17:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาร่วมแจมด้วยคน ภาพถ่ายของสตรีผู้นี้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉายด้วยพระองค์เองและ ตั้งอยู่ในห้องพระบรรทมตราบจนวันเสด็จสวรรคต เธอเป็นสตรีที่กล้าปฏิเสธความรักของสมเด็จพระปิยมหาราช และตลอดชีวิตของเธอก็มิได้รับราชการเป็นเจ้าจอมของพระองค์แต่ประการใด เจ้าศรีพรหมา หรือภายหลังคือ หม่อมศรีพรหมา กฤดากร จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 18 พ.ค. 51 19:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆ ไม่มีใครอาจหาญไปเดาพระราชหฤทัยส่วนพระองค์ได้หรอกว่า ว่าพระิองค์พระราชทานความรักแก่ใครมากที่สุด ไม่ต้องเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีเจ้าจอมหลายคนอย่างพระองค์หรอกค่ะ ไปอ่านกระทู้ห้องสวนลุมก็พบรายการชายหนุ่มจิตใจว้าวุ่น ร้องเพลงรักไม่รู้จบออกบ่อยไป จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 18 พ.ค. 51 19:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระองค์ท่านก็ทรงพระเมตตาแก่พระมเหสีเทวี และเจ้าจอมมารดา เจ้าจอมทุกท่านไปนะครับ ก่อนอื่นเลย "ภรรยา" คนแรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือเจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์แข พึ่งบุญ พระมารดาพระองค์เจ้าหญิงผ่องฯ ซึ่งท่านได้เป็นหม่อมมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าหลวงทรงเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ นะครับ เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ เป็นภรรยาคนที่สองนะครับ มิใช่คนแรก พระภรรยาเจ้าที่เป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ ๔ ที่ถวายตัวพระองค์แรก คือพระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าทักษิณชานราธิราชบุตรี พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี ทรงถวายตัวพร้อมกัน พระเจ้าน้องนางเธอ พะองค์เจ้าสว่างวัฒนา และพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ไม่ปรากฎหลักฐานครับ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ เสด็จ "ทิวงคต" เป็นเหตุให้ทรงพระราชอาลัยมาก โปรดฯ ให้เป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรก สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีฯ เป็นพระมเหสีพระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชูปโภคลงยาราชาวดี เป็พรมเหสีพระองค์แรก ในคราวที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตนสุขุมขัติยกัลยาวดี (กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร) ประสูติ ทั้งยังได้ทรงรับราชการในแผนกนมัสการ และทรงเป็นราชเลขานุการิณี ส่วนพระองค์อีกด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ เป็นพระอัครมเหสีพระองค์ที่สอง สืบจากสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ทรงเอาพระทัยเก่ง เช่นในคราว รศ. 112 ทรงเป็นพระองค์เดียวที่ถวายป้อนพระกระยาหารพระพุทธเจ้าหลวงได้ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ เป็นพระอัครมเหสีพระองค์สุดท้ายในรัชกาล ได้รับพระราชทานพระราชอิสริยยศสูงยิ่งกว่าพระมเหสีพระองค์อื่นใด เป็น "พระบรมราชินีนาถ" ได้ทรงสำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นฝ่ายในคนแรกทีเดียวที่ได้มีบทบาทสูงเช่นนี้ (ถ้าไม่นับพระเจ้าแม่อยู่หัวศรัสุดาจัน ทน์นะครีบ) พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ เป็นพระมเหสีที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูรทรงโปรดปรานมาก ตั้งพระราชหฤทัยให้เป็นพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เลยทีเดียว พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหาราชปดิวรัดดา ก็ได้ทรงว่าราชการต้นเครื่องอยู่ตลอดรัชกาล เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ก็ทรงรักใคร่นับถือมาก ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้เปลี่ยนเครื่องยศเป็นทองคำลงยาราชาวดีทั้งสิ้น ทั้งบรรดาพระราชโอรสธิดาในรัชกาลที่ ๕ จะต้องกล่าวเรียกท่านเจ้าจอมมารดานี้ว่า "คุณแม่ป๊ะ" ทุกพระองค์ไป ขออนุญาตอธิบายเสริมว่า เรื่องเครื่องยศ กล่าวคือเจ้านายหรือผู้มีบรรดาศักดิ์นั้น หากมิได้เป็น "เจ้าฟ้า" หรือ "พระมเหสี" ถึงจะเป็นต่างกรมชั้นสูงถึงกรมสมเด็จพระ หรือโปรดปรานมากเป็นเจ้าคุณจอมมารดาพระสนมเอกอย่างไร ก็จะใช้เครื่องทองคำลงยาราชวดีมิได้ ต้องใช้ทองคำล้วน ส่วนธรรมเนียมที่พระเจ้าลูกเธอทั้งหลายจะทรงเรียกผู้ใดว่า "แม่" นั้น จะต้องเป็นพระอัครมเหสี หรือพระมเหสี เช่นพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๔ ก็ทรงเรียกหม่อมเจ้าหญิงพรรณรายว่า "ท่านแม่" ดังนั้นการโปรดฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ ทั้งปวงทรงเรียกขานเจ้าคุณจอมมารดาว่า "คุณแม่" ก็ดี การพระราชทานเครื่องยศทองคำลงยาราชาวดีให้ก็ดี ก็ล่วนแล้วแต่เป็นการแสดงถึงการพระราชทานเกียรติยศอย่างสูง เจ้าจอมมารดาผู้นี้ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าคุณจอมมารดาในรัชกาลที่ ๕ เนื่องจากทรงพระราชประสงค์จะยกย่องให้มีเกียรติยศยิ่งกว่าเจ้าจอมมารดาใดๆ และต่อมาในรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ได้เป็นผู้ถวายเบิกพระโอษฐ์สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ทั้งยังเป็นผู้นำสตรีให้ทันสมัยในสมัยจอมพล ป. อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ได้พิมพ์ตอบมายืดยาวขนาดนี้ มิได้จะบ่งชี้เฉพาะเลยนะครับว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดปรานท่านพระองค์ใด ท่านใดเป็นพิเศษหรือไม่ เพียงแต่ได้นำเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ทีเกี่ยวกับฝ่ายในในรัชกาลที่ ๕ มาเล่าสู่กันฟัง ก็เท่านั้นเอง และขอเรียนย้ำว่าเป็นแต่เพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ถ้าหากว่ามีข้อความตอนใดผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป ก็ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แจงแถลงไขเป็นวิทยาทานให้แก่ผู้น้อยด้วยเถิดครับ จักเป็นพระคุณยิ่ง แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 51 21:34:27 จากคุณ : ohmygodness - [ 18 พ.ค. 51 21:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นอกจากสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๖ แล้ว เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ยังได้เป็นผู้เบิกพระโอษฐ์ถวายพระราชโอรสธิดาในรัชกาลที่ ๕ ด้วยครับ แม้แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เอง เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ก็เป็นผู้เบิกพระโอษฐ์ จากคุณ : นาย UP - [ วันวิสาขบูชา 02:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มารับฟังความรู้ค่ะ.. ขอบคุณนะคะ จากคุณ : บินไปในฟ้ากว้าง - [ วันวิสาขบูชา 02:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เบิกพระโอษฐ์คืออะไรคะ จากคุณ : คุณอ่อง - [ วันวิสาขบูชา 09:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การสิ้นพระชนม์ ของพระมเหสี ( สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ) ทำให้ รัชกาลที่๕ ทรงโศกเศร้าพระทัยอย่างมาก บางโอกาสที่ทรงคิดถึงขนาดเปิดพระโกศทอดพระเนตรพระศพ ของพระมเหสีอยู่บ่อยครั้ง นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความรักและความอาลัยต่อ พระมเหสีอย่างชัดเจน จนทำให้เจ้าจอมมารดาแพ เห็นเป็นที่ขัดตาจึงจัดให้มีการเล่นละครเรื่องลักษณ์วงศ์ในตำหนัก โดยเฉพาะเจาะจงเลือกตอนที่พระลักษณ์วงศ?หลบเข้าไปในม่านเปิดพระโกศพระนางทิพเกษรปรากฎเป็นบทละครดังนี้ " ส่วนพระจอมหลักโลกยิ่งโศกเศร้า เสด็จเข้าเคียงโกศไม่วายหวัง ชักวิสูตรรูดรายพระฉายบัง พิลาบหลังชลเนตรลงเนืองนอง เปิดพระโกศมิ่งมิตรพิศพักตร์ โศกสลักทรงไหม้ฤทัยหมอง สะอื้นอ้อนกรกอดพระโกศทอง ชลเนตรตกต้องพระปรางนาง เอาผ้าทรงลงเช็ดชลเนตร ภูวเรศมิได้คิดอางขนาง สะอื้นโหยโรยแรงกันแสงพลาง โอ้ว่าปรางแม่ยังอุ่นละมุนมือ พระน้องแก้วอยู่ใยในพระโกศ ................................ฯลฯ บทร้องนี้ทำให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วเจ้าจอมมารดาแพยิ่งนัก และทรงห้ามมิได้ร้องอีกเป็นอันขาด ถึงแม้ว่า งานพระราชทานเพลิงพระศพ ส่งเสด็จดวงพระวิญญานสมเด็จพระนางเจ้าสุนันกุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สู่สวรรคาลัยแล้ว ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของรัชกาลที่๕ และพระปิยมเหสีพระองค์นี้ ปรากฎ เป็นอนุสรณ์แสดงความรักและอาลัยตามสถานที่ทั้งสองพระองค์เคยเสด็จประพาสร่วมกัน หลายแห่งด้วยกัน และในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ของทุกปี พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบรอบปีที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ เสด็จทิวงคต เป็นประจำทุกปีตราบจนสิ้นรัชกาลของพระองค์   แม้ความวิปโยคโศกสลดจะคลายจางไปในเวลาที่ล่วงผ่าน แต่ความรักและคิดถึงนั้นยังคงตรึงอยู่ในดวงพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างลึกซึ้งยิ่งนัก แต่กระนั้นตลอดช่วงเวลาทุกข์โทมนัสกลับทรงอดทนสมเป็นพระมหาบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน.. จากคุณ : ฟ้าสีคราม (wenxuan1983) - [ วันวิสาขบูชา 19:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โดยส่วนตัวแล้ววการที่ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็ได้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก เราๆท่านๆที่เป็นไหร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่ำต้อยเพียงละอองดินที่อยุ่ใต้ฝุ่นผงภายใต้ฝ่าพระบาท ไม่สมควรที่จะบังอาจไปหยั่งรู้พระราชหฤทัยของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าคิดเสอมมาว่าถึงแม้นว่า ร.5 ท่านจะมีบาทบทจาริกามากมาย แม้ว่าท่านจะโปรดปรานใครมากเป็นพิเศษ ตามธรรมชาติของนักปกครองที่ดี ท่านคงไม่สามารถที่จะออกพระโอษฐ์ของมาได้ เพราะผลที่ตามมา คือความร้าวฉานของข้าราชสำนักฝ่ายใน แต่เราอาจจะพออนุมานได้จาก การที่ทรงปฏิบัติพระองค์ การถวายพระเกียรติ แก่พระมเหสีและเจ้าจอม พระองค์/ท่านต่างๆ ต่างกรรมต่างวาระกันไป แต่โดยทั่วไปแล้วก็จะเห็นว่าท่านทรงยุติธรรมดี ในคราวที่เสด็จพระราชดำเนินพระพาส ยุโรปทั้งครั้งที่ 1และครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านคงจะไม่ได้ทรงลืมของฝากของกำนัลแก่ ข้าบาทบทจาริกาในพระองค์ทุกพระองค์/ทุกท่าน เป็นแน่ คงไม่ได้มีแต่สมเด็จพระพันปีฯ และเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ที่ได้รับพระราชท่านเครือ่งเพชรของกำนัลเป็นพิเศษ เพระนอกจากเรือ่งที่เล่าๆมานั้น เราๆท่านๆก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพระองค์ท่านได้มอบของกำนัลล้ำค่าแก่พระมเหสีเจ้าจอมท่านใดเป็นการส่วนตัวทั้งก่อนหน้านั้นหรือหลังเหตุการ์นั้นหรือไม่ (จากหลักฐานที่บรรทึก ก่อนหน้านั้นนานนัก เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อัครมเหสี มีพระประสูติกาล สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี ทรงพระราชทานของกำนัลของแก่พระรางเจ้าฯ เป็นสายนาฬิกาเพชร 1สาย ราคา15ชั่ง และพระธรรมรงค์เพชร สององค์ ราคาองค์ละ19 ชั่ง ซึ่งเป็นของกำนัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่เคยพระราชทานให้แก่ผู้ใด ในยุคนั้น (ถ้าจำนวนตัวเลขผิดขออภัย ณ โอกาสนี้ เพราะเลือนลางเต็มที) )      ส่วนสำหรับอีกเหตุผลสำหรับการตั้งกระทู้นี้ คือข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือ ศิลปวัฒนธรรม ปีที29 ฉบับที่ 6 เม.ย. 2551 เรื่อง "แปลกแต่จริง พระราชินีองค์แรกในรัชกาลที่5 ที่ไม่ได้เป็นพระชนนีของมกุฎราชกุมาร" หน้าที่108 เลยเกิดข้อกังขา อยากทราบถึง ความคิดเห็นของท่านผู้รู้อท่านอื่นๆบ้างเพื่อเป็นการเปิดโลกทรรศน์เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำจากสารใดสารหนึ่ง ขอแสดงความนับถือและรับฟังต่อทุกความเห็นต่อๆไป จากคุณ : พลอยนพเก้า (พลอยนพเก้า) - [ 20 พ.ค. 51 01:30:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เบิกปาก หรือเบิกพระโอษฐ์คือการจัดให้ทารกผู้เกิดใหม่ได้ประเดิมดูดนมของสตรีผู้มีศักดิ์ มีความมั่นคงในชีวิต เป็นที่เคารพนับถือ ในพิธีสมโภช ๓ วัน เชื่อกันว่าเป็นปฐมแห่งความเจริญของทารกผู้นั้น ธรรมเนียมนี้ในรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเป็นการใช้ฉลองพระหัตถ์ช้อนตักน้ำพระมหาสังข์ให้พระราชกุมารหรือพระราชกุมารีเสวยแทน จากคุณ : นาย UP - [ 20 พ.ค. 51 04:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า สุนันทากุมารีรัตน์ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 07:21:54 จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 07:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ด้านบน เป็นภาพที่วาดขึ้นจากจินจนาการครับ ขอบพระคุณคุณ Up ที่ได้กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ ขออนุญาตเรียนถามต่อไปด้วยว่า วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ นั้น เป็นวันที่เสด็จ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์หนึ่งสิ้นพระชนม์เช่นกัน (ประมาณสองหรือสามปีต่อมากระมังครับ) เรียนถามคุณ Up ครับว่า พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์นั้น คือท่านใดหรือครับ เห็นว่าทรงพระราชอาลัยมาก ถึงขนาดว่ารับสั่งว่าเป็นวันไม่ดีของท่าน จากคุณ : ohmygodness - [ 20 พ.ค. 51 16:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้าใจผิดอยู่นาน ขอบคุณความคิดเห็นที่ 8 จากคุณ : yodying_jung - [ 20 พ.ค. 51 17:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรียนคุณพนอจัน พระบรมสาทิสลักษณ์ ใน # ๒๐  มาจากพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ ๒ องค์นี้ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 20 พ.ค. 51 17:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 20 พ.ค. 51 17:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณค้ะ คุณเพ็ญชมพู ทราบว่าพระบรมสาทิศลักษณ์นี้ เป็นภาพที่เขียนขึ้น โดยนำสองภาพข้างบนมารวมกัน แต่เห็นว่า เป็นภาพสีสวยงาม จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 18:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ และสมเด็จพระเจ้าเจมส์ องค์นี้ องค์นี้ก็วาดขึ้นโดยการนำเอาพระสาทิสลักษณ์สององค์มาวาดรวมกันเหมือนกันครับ จากคุณ : ohmygodness - [ 20 พ.ค. 51 18:46:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พระสาทิสลักษณ์องค์นี้ก็ด้วย เรียนคุณพนอจันครับ การที่กล่าวออกไปว่าเป็นการนำพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์สององค์มาวาดรวมกันเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์นั้น มิได้ตั้งใจจะล่วงละเมิดคุณพนอจันเลยนะครับ ถ้าหากว่าทำให้คุณพนอจันไม่พอใจ ก็ต้องขออภันมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : ohmygodness - [ 20 พ.ค. 51 18:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรียน คุณ ohmygodness หามิได้ขุ่นเคืองแต่ประการใด เพราะพระบรมสาทิศลักษณ์ดังกล่าวได้มีการโพสขึ้นหลายครั้งแล้ว และได้มีการชี้แจงให้เข้าใจสำหรับผู้ข้องใจมาตลอด ผู้ที่ได้เข้ามาหาความรู้ในห้องสมุดแห่งนี้ส่วนมากก็มีความชอบเหมือนกัน พระฉายาลักษณ์ พระมเหสีเทวี เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม ในรัชกาลที่๕ จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 19:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพเจ้าจอมก๊กออ จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 19:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ทักษิณชา นราธิราชบุตรี จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 20:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 05:00:08 จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 20:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 20:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาช่วยแก้ไขให้คุณพนอจันครับ "สมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" แก้เป็น "สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" และ "พระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ทักษิณชา นราธิราชบุตรี" แก้เป็น "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรี" และ "สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" แก้เป็น "พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี" หรือ " สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" ครับ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 20:30:39 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 20:29:48 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 20 พ.ค. 51 20:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหารปดิวรัดดา จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 20:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สงสัยจะต้องยุติดีกว่า เพราะยิ่งพิมพ์ยิ่งผิด ยิ่งวนเวียน ขนาดแกะมาอย่างดี แต่ถ้าจะต้องโดนตำหนิแก้ไขทุกอัน ก็คงงดเว้นดีกว่า เพราะคงโดนทุกคนในห้องแก้ให้หมดทุกความเห็น เกรงใจค้ะ ขอลาแล้วกัน เข้าไปดูในเวปต่างๆเขาก็พิมพ์สลับสับสน เดี๋ยวสมเด็จ เดี๋ยวไม่สมเด็จ ก็เลยจับไม่ถูกเสี่ยทีว่าเป็นเช่นไร งั้นก็เป็นอันยุติ เพราะคงต้องมีท่านผู้รู้แจ้งเห็นจริงตามแก้ให้ เกรงใจจริงๆ จากคุณ : พนอจัน - [ 20 พ.ค. 51 20:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อย่าคิดเช่นนั้นเลยครับคุณพนอจัน การใฝ่หาความรู้และเอาความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดีครับ ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรหรือจ้องจะจับผิดคุณพนอจันเลย ที่มาแก้ไขให้ก็แก้ไขด้วยความเต็มใจครับ ถ้าผมล่วงเกินไปโดยไม่ตั้งใจ ผมก็กราบขออภัยคุณพนอจันด้วยครับ การเข้าใจผิด เขียนผิด เป็นเรื่องปกติครับ เกิดขึ้นกับทุกคนครับ ศาสตราจารย์ หรือ ราชบัณฑิต ก็ยังผิดได้ครับ ไม่มีใครรู้อะไรสมบูรณ์ไปหมดหรอกครับ ส่วนเรื่องพระนามเจ้านายนั้น คุณพนอจันอาจจะต้องมีคู่มือที่เชื่อถือได้ติดตัวไว้ก็ดีครับ เช่น มหามกุฎราชสันตติวงศ์ และ มหาจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าฯกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงรวมรวมเอาไว้ หนังสือดังกล่าวมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างดี เชื่อถือได้ครับ จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 20 พ.ค. 51 20:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีฯ นั้น ผมคิดว่าจะใช้ "สมเด็จพระนางเจ้า" ก็ได้นะครับคุณชาวจีนศึกษา การใช้คำนำพระนามว่า "สมเด็จพระนางเจ้า" ก็มิได้เป็นการเกินกว่าพระเกียรติยศมากมายอะไร ทั้งเป็นการเทิดพระเกียรติด้วย อนึ่ง ในจุฬาลงกรณ์บรมราชสันตติวงศ์ พระบรมวงศ์แห่งประเทศ คุณเจฟรีย์ ไฟน์สโตนได้บันทึกไว้ว่ารัชกาลที่ ๘ ท่านได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า เป็นสมเด็จพระนางเจ้าแล้ว รายละเอียดผมได้เขียนไว้ในพระประวัติสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีฯ โดยละเอียดในเว็บวิกิพีเดียแล้ว ขอเชิญไปอ่านเถิดครับ ท่านอาจารย์คิดเห็นเป็นประการใด ก็ได้โปรดกรุณาสั่งสอนด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง จากคุณ : ohmygodness - [ 20 พ.ค. 51 21:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 น้อง ohmygodness ครับ พี่ไปอ่านใน wikipedia แล้วครับ "สมเด็จพระนางเจ้า" อาจพอจะอนุโลมใช้กับสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯได้ เพราะพระองค์ท่านได้รับการออกพระนามในภาษาอังกฤษว่า Queen แล้ว แต่ที่พี่สงสัยเพิ่มเติมก็คือ ทำไมถึงใช้คำว่า "สวรรคต" "พระบรมศพ" และ "ถวายพระเพลิง" กับสมเด็จฯท่าน เพราะเมื่อไปดูในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เอกสารในสมัยนั้นใช้แต่ว่า "สิ้นพระชนม์" " พระศพ" และ "พระราชทานเพลิง" จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 20 พ.ค. 51 23:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขออนุญาตตอบ คุณ ohmygodness แทน คุณอัพใน คคห.ที่ ๒๑ นะครับ วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ นั้น เป็นวันที่เสด็จ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าหญิงกรรณิกาแก้ว ภายหลังสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สถาปนาเป็น กรมขุนขัตติยกัลยา ประสูติเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๓๙๘ สิ้นพระชนม์ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๕ ภายหลังจากที่ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ เสด็จสวรรคต ได้ ๒ปี เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓ นอกจากนี้ในหนังสือบันทึกความทรงจำ โดย ม.จ. จงจิตรถนอม  ดิศกุล ท่านได้ทรงบันทึกไว้ว่า  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถือว่าเป็นวันพระเคราะร้าย  เหราะได้มีเหตุเกิดขึ้นกับพระองค์อย่างไม่สู้ดีนักหลายคราว   เช่น สุนัขตัวโปรดของพระองค์ท่าน ชื่อ  ปรินซ์  ก็ต้องมีเหตุอันเป็นไปโดยถูกรถไฟทับตาย และแม้ นายปาวี  ชาวฝรั่งเศสที่ก่อเรื่องยุ่งยาก ใน ร.ศ. ๑๑๒ ก็เกิดในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม.." * ม.ปาวี (Auguste Pavie) เป็น ไวซ์กงสุล( Vice Consul)ประจำเมืองหลวงพระบางเพื่อทำหน้าที่ดูแลความเคลื่อนไหวของไทยในดินแดนลาวและสำรวจการสร้างทางระหว่างตังเกี๋ยกับแม่น้ำโขง..บ.ก.เล่ม แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 00:39:06 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 23:36:54 จากคุณ : sivanont - [ 20 พ.ค. 51 23:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เปลี่ยนใจแล้วครับ มาคิดดูอีกทีพระนาม "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" ได้รับการจารึกในพระสุพรรณบัตรแล้วมิใช่หรือครับ ถ้าใช่เราก็ควรยึดตามนั้น แม้ว่าจะเปลี่ยนรัชกาลมาแล้วก็ตาม อนึ่ง ที่น้อง ohmygodness บอกว่าเจฟรีย์ ไฟน์สโตนได้บันทึกไว้ว่ารัชกาลที่ ๘ ท่านได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า เป็นสมเด็จพระนางเจ้าแล้ว แต่ไม่ได้ออกเป็นพระบรมราชโองการ บอกตามตรงนะครับว่าผมยังไม่เชื่อ เพราะการเฉลิมพระนามเจ้านายต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าไม่ใช่ในรูปพระบรมราชโองการ ก็ต้องเป็นเอกสารเป็นทางการและน่าเชื่อถือพอสมควร ถ้ายังหาเอกสารดังกล่าวไม่ได้ ผมก็คงยังคิดว่าควรออกพระนามว่า "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" อยู่ต่อไปครับ จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 20 พ.ค. 51 23:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบพระคุณคุณ sivanont มากครับ ที่แท้เป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนขัติยกัลยา นี่เอง การออกพระนามในปัจจุบันก็ยังเป็นที่สับสนครับ บางท่านออกว่า "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า" บางท่านก็ว่า "สมเด็จพระนางเจ้า" มีกระทู้โต้เถียงกันมาหลายกระทู้แล้ว http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/08/K5739829/K5739829.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/08/K5739829/K5739829.html สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงพระวินิจฉัยว่าพระอิสริยยศสุดท้ายคือ "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" อย่างไรก็ตาม ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ทางปฏิบัติ การออกพระนามว่า สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า อาจจะทำให้สับสนกับ สมเด็จพระราชปิตุจฉาเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร ได้นะครับ ถ้าอย่าง สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าทั้งสองพระองค์ ในรัชกาลที่ ๖ และสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข และพระวิมาดาเธอในรัชกาลที่ ๗ นั้น การจะกลับไปออกพระนามท่านว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ จะเป็นการลดพระเกียรติยศลง จึงมิควรกระทำ ทั้งสมเด็จพระอนุชาธิราช สมเด็จพระราชปิตุลา และพระวิมาดาเธอ นั้น มิได้มีปรากฎอีก แต่สมเด็จพระปิตุจฉา มีการสถาปนาสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ ซ้ำ จึงอาจสับสนกันได้ อนึ่ง การออกพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้า นั้น ไม่ได้เป็นการลดพระเกียรติยศลง ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าหากว่าผู้น้อยจะผิดพลาดไปประการใด ก็ได้โปรดชี้แนะด้วยเถิดครับ จากคุณ : ohmygodness - [ 21 พ.ค. 51 00:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ด้วยความชอบเรื่องเกี่ยวกับพระภรรยาเจ้า และเจ้าจอม ในรัชกาลที่๕ เป็นการส่วนตัว ตัดใจจากกระทู้นี้ไปไม่ได้ เพราะชอบอ่านชอบดูเกี่ยวกับเรื่องราวรักในราชสำนัก การพิมพ์ผิด เกิดขึ้นได้เสมอ ขนาดตรวจทานไปมา แต่ก็พลาดโน่นนิดนี่หน่อย อาจสร้างความรำคาญให้แก่ท่านผู้คอยตรวจแก้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นการตอบข้อสอบ ผิดที่ใดต้องโดนตัดคะแนน ทำให้การถามตอบกระทู้เกิดความเกร็ง ไม่ผ่อนคลายเท่าที่ควร ข้าพเจ้าอาจจะอ่อนด้อยเรื่องความรู้ อย่างที่ได้เคยกล่าว ได้มีโอกาสมีค้นหาศึกษาหาความรู้เมื่ออายุเกือบหกสิบปี นับว่ายังไม่สายเกินไป ที่จะได้มีโอกาสร่วมสนทนากับผู้อ่อนวัยกว่า ได้รับความรู้เพิ่มพูนขึ้นก่อนจะลาโลก ผิดพลาดพลั้งเผลอด้วยหูตาพร่ามัว ก็ต้องขออภัยมิได้เจตนา แต่จะให้ถึงกับไปหาคู่มือหนังสือมหาราชสันติวงศ์ มาประกอบการสนทนา ก็คงเป็นเรื่องขัดข้อง เนื่องจากพำนักอยู่ประเทศที่ไม่ใช่เดินออกจากบ้านไปสามารถหาซื้อหนังสือคู่มือเล่มนั้นได้ จากคุณ : พนอจัน - [ 21 พ.ค. 51 05:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นหลายกระทู้แล้ว ชาวจีนศึกษา ณ ทียู มักจะยกตนข่มท่าน แต่ปากก็บอกว่าไม่มีเจตนาที่ไม่ดี แต่การกระทำที่แสดงออกมาทำให้หลายๆคนเสียความรู้สึกมาก เจอหลายกระทู้แล้วเลยต้องมาพูด แค่พูดให้ทราบเท่านั้นเอง เพราะอิฉันก็แค่คนไร้การศึกษา มิบังอาจจะให้คนมีการศึกษาสูงอย่างคุณชาวจีนศึกษามายอมรับความเห็นของดิฉันหรอกค่ะ จากคุณ : คนบ้านไร่ - [ 21 พ.ค. 51 10:07:49 A:122.116.146.140 X: TicketID:176899 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คิดว่าคุณคนบ้านไร่อาจจะพูดจารุนแรงเกินไปนะคะ ดิฉันก็เป็นแฟนประจำห้องประวัติศาสตร์ ได้รับความรู้จากคุณชาวจีนศึกษา ณ TU มามากมาย ก็ยังนึกชื่นชมและนิยมชมชอบในความรู้ที่นำมามอบให้กับพวกเราอยู่เสมอ ไม่เคยคิดว่า เป็นการยกตนข่มท่าน แต่อย่างใด เพียงแต่โดยธรรมชาติของผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ เห็นบางสิ่งที่ไม่ถูกก็มักจะชอบแก้ไขให้ถูกต้องอยู่เสมอ ส่วนตัวก็เข้าใจคุณพนอจันนะคะ เพราะดิฉันเองก็อ่านเรื่องราวเหล่านี้มามากตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ ถ้าพูดคุยเรื่องประวัติศาสตร์กับคนทั่วไปก็ถือว่าเรารู้มากพอสมควร แต่พอจะให้มาเขียนพระนามของพระองค์ต่างๆ ในที่นี้ (ซึ่งมีแต่คนเก่งๆ หาตัวจับยาก) บางทีเราก็จำไม่ได้ทุกตัวอักษรหรอกค่ะ ก็คงมีผิดพลาดได้ จากคุณ : Happy to be Me - [ 21 พ.ค. 51 11:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณคนบ้านไร่ ขอบคุณครับที่แจ้งให้ทราบ ที่คุณบอกว่าผม "ยกตนข่มท่าน" นั้น ผมยอมรับว่ามีอยู่กระทู้หนึ่งที่ผมผิดพลาดไปจริงๆ นั่นคือ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6590375/K6590375.html แต่ในกระทู้อื่นๆ ผมอยากให้คุณคนบ้านไร่ลองอ่านดูอีกครั้งนะครับว่า มีประโยคใดประโยคหนึ่งหรือไม่ที่ผมบอกว่า "คุณจะต้องเชื่อผม เพราะผมเรียนมาสูงกว่า" ข้อมูลจะน่าเชื่อถือหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับว่าคนโพสต์จะเป็นศาสตราจารย์หรือจบชั้นประถมหรอกครับ สำคัญที่ว่าข้อมูลดังกล่าวมี "หลักฐานเชิงประจักษ์" รองรับหรือไม่เท่านั้นเองครับ ในหลายๆกระทู้ผมก็ยอมรับความเห็นของผู้อื่นนะครับ เช่น กรณีของเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ที่ตอนแรกผมบอกว่าไม่อยู่ในสายการสืบราชสมบัติอีกต่อไปแล้ว แต่พอมีคนที่รู้เรื่องหลักนิติศาสตร์มาอธิบายเรื่อง Salic Law, Semi-Salic Law อะไรนี่ผมก็จำนนด้วยหลักฐานและต้องยอมรับครับ ต่อไปผมคงจะต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ ใครที่โพสต์ผิดผมคงจะต้องส่งข้อความหลังไมค์ให้เจ้าตัวแก้ไขเอาเองก็แล้วกันครับ จะได้เป็นการรักษาน้ำใจกัน ส่วนใครที่เป็นบัตรผ่านแล้วข้อมูลผิด อันนี้ผมคงต้องขออนุญาตลงมือแก้ไขเองนะครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 15:07:53 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 11:16:50 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 21 พ.ค. 51 11:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ง่า กระทู้กลายพันธุ์เสียแล้ว เข้าใจว่า ฝ่านท่านอาจารย์ชาวจีนฯ เอง ก็คงมิได้มีเจตนายกตนข่มท่านหรอกกระมังครับ เพียงแต่เป็นวิสัยของอาจารย์ พบเห็นสิ่งใดก็ย่อมจะต้องแก้ไขให้ถูกต้องเป็นธรรมดา สำหรับกรณีของคุณป้าพนอจัน (เอ่อะ ต้องขออนุญาตเรียกว่าคุณป้านะครับ) ผู้น้อยอย่างพวกกระผม คงไม่ได้มีผู้ใดเจตนาจะดูหมิ่นถิ่นแคลนคุณป้าดอกครับ เพียงแต่ว่าก็ขออนุญาต "แชร์" ความรู้กัน สิ่งใดเห็นผิดพลาดไป ก็ต้องแก้ไข แม้แต่ท่านผู้ทรงความรู้ในห้องประวัติศาสตร์นี้หลายๆ ท่าน ผมเองก็เคยขออนุญาตแย้ง และท่านเหล่านั้นก็กรุณาใจกว้างพอที่จะรับฟัง "เด็กน้อย" อย่างผมเหมือนกัน อยากจะขอให้ทั้งท่านอาจารย์ชาวจีนศึกษา กับคุณป้าพนอจันยังคงอยู่ในห้องสมุดต่อไปนะครับ เพราะว่าระยะนี้ห้องประวัติศาสตร์ได้ครื้นเครงขึ้นมาได้ ก็เพราะทั้งสองท่านนี้มีส่วนด้วย เห็นด้วยกับคุณ happy to be me ครับ อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่าการที่คนเราจะคิดเห็นแตกต่างมีได้อยู่เสมอ ทั้งการที่ตอบผิดก็มิได้เป็นเรื่องน่าอายอะไร คุณพระนายไวยได้เคยให้ข้อคิดผมไว้ว่าการตอบผิดแล้วเราได้เรียนรู้ว่าผิดอย่างไร ดีกว่าไม่ตอบนะครับ ท่านผู้ทรงความรู้ในห้องนี้มีหลายท่าน แตละท่านทรงภูมิชนิดหาตัวจับยากก็จริง แต่ทุกท่านก็ใจกว้างพอที่จะเตือนเมื่อเราผิด ทั้งยังยอมรับเมื่อเราแสดงความเห็นต่างๆ เคยมีนักเขียนนวนิยายนามอุโฆษท่านหนึ่งกล่าวว่า...การเขียนนิยายเป็นการหาคำตอบให้กับตัวเองด้วย ขอยกตัวอย่างเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดนะครับ ผมเองเคยทราบแต่ว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงอยู่ในสายที่จะสืบราชสันตติวงศ์ได้ แต่ทั้งนี้ไม่เคยคิดหาหรือใส่ใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น จนกระทั่งหลายๆ ท่าน (รวมทั้งท่านอาจารย์ชาวจีนศึกษา) ได้ทักท้วงและแสดงความสงสัยมา จึงต้องไปขบคิดใคร่ครวญ กลับไปอ่านรัฐธรรมนูญ กฎมณเทียรบาลเพิ่มเติม ตลอดจนทั้งอ่าน Act of Sattlement ซึ่งเป็นแบบต้นร่างของกฎมณเทียรบาลที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ตลอดจนกระทั่งกฎมณเทียรบาลของประเทศอื่นๆ และจนหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งพบคำตอบที่น่า "พอใจ" และท่านอื่น "ยอมรับ" ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็อาจจะยังผิดอยู่ ซึ่งผมเองก็จะได้ค้นคว้าต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าไม่มีท่านชาวจีนศึกษา คุณบ้านไร่ชายน้ำ คุณ Netstar หรือแม้แต่คนดังของห้องอย่างคุณณัฐเศรษฐแย้งเข้ามา ผมเองก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสอ่านค้นคว้าเพิ่มเติม และก็จะยังคงเข้าใจอยู่แต่ว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงอยู่ในสายที่จะสืบราชสันตติวงศ์ โดยไม่ทราบเหตุผลตามหลักกฎหมายเลย ตั้งใจจะตอบนิดเดียว ในที่สุดก็ยาวโคตรอีกแล้วครับท่านผู้ชม จากคุณ : ohmygodness - [ 21 พ.ค. 51 11:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่าเรื่องแบบนี้ผิดพลาดกันได้ ครับ อย่างหนังสือหลายเล่มก็ยังเห็นผิดพลาดกัน เพราะกฎเกณฑ์เกี่ยวกับเจ้านาย นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดซับซ้อน และมีข้อยกเว้นมากมาย อย่างผมก็เคยออกพระนาม "สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์" เป็น "สมเด็จเจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์" ต้องขอบคุณ คุณชาวจีนศึกษาที่กรุณาชี้แนะ ถึงกรณีดังกล่าว นับว่าเป็นความรู้ใหม่ ที่ผมจำแม่นได้ขึ้นใจทีเดียว ส่วนกรณี "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" ทั้งรัชกาลที่๖ และ ๗ ได้แปลพระนามพระองค์ท่านว่า Queen ซึ่งตามบรรทัดฐานเดิม หาก Queen ต้องใช้ว่า " สวรรคต , พระบรมศพ , ถวายพระเพลิง ,พระเมรุมาศ " หากแต่ยังเป็นข้อกังขาในราชกิจจานุเบกษา ใช้ว่า " สิ้นพระชนม์,พระศพ,พระราชทานเพลิง,พระเมรุ " ส่วนนี้หากท่านใดทราบกรุณาเป็นวิทยาทานด้วยครับ ส่วน สมเด็จพระนางสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้แปลพระนามเป็นภาษาอังกฤษ ว่า "Queen" พร้อมทั้งใช้ว่า " เสด็จทิวงคต " ดั่งปรากฎตามอนุสรณ์ ต่างๆ แต่ในราชกิจจานุเบกษา ยังคงใช้ วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี   ส่วน " พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหารปดิวรัดดา " หนังสือบางเล่ม หรือเวปไซค์วิชาการบางเวป ออกพระนามว่า " สมเด็จพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหารปดิวรัดดา " สิบตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไม่มีคนไหนไม่เคยผิดพลาดนะครับ ผิดหนึ่งเรื่องก็รู้เพิ่มหนึ่งเรื่อง แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 19:34:36 จากคุณ : ฟ้าสีคราม (wenxuan1983) - [ 21 พ.ค. 51 13:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สนับสนุนให้คุณชาวจีนศึกษา ณ TU ติเพื่อก่อหน้าไมค์  คุยกันเพื่อหาความรู้ เมื่อมีครูมาช่วยแก้ไข ควรจะดีใจยิ่งแล ป.ล. หลังไมล์ของคุณชาวจีนฯ อาจจะไกลไปหน่อยเอาแค่หลังไมค์ก็พอ เรื่องที่คุณฟ้าสีครามพูดถึง เพชรพระมหามงกุฎ - สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (นายช่างใหญ่กรุงรัตนโกสินทร์) ความคิดเห็นที่ ๒๒ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6518376/K6518376.html#22 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 14:29:23 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 21 พ.ค. 51 14:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แก้ไข "หลังไมล์" เป็น "หลังไมค์" เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับคุณเพ็ญชมพู จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 21 พ.ค. 51 15:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ช่างตั้งกระทู้นะคะพลอยนพเก้า ขอเก็บเข้าคลังแล้วกัน แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 15:26:40 จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 21 พ.ค. 51 15:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เอ......กระทู้มันเข้ารกเข้าพง ไปทุกทีหรือเปล่าครับนี่ จากคุณ : ไพร่สู่รู้เรื่องเจ้านาย (พลอยนพเก้า) - [ 21 พ.ค. 51 16:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ^ ^ ขำชื่อจังเลยครับ ฮ่า ๆๆ จากคุณ : ธันวาธาวิน - [ 21 พ.ค. 51 18:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เขาจะเถียงจะยกตนข่มกันเยี่ยงไรก็อย่างไปสนใจเลยค่ะ ถือเสียว่านั่งอยู่บนภูดูเสือมันกัดกันก็แล้วกัน.....เสร็จแล้วเราก็คอยเก็บซากเสือที่มันตายเอาหนังมันมาทำพรมเอาเนื้อมันมากิน สบายใจกว่าเยอะค่ะ จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 22 พ.ค. 51 09:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ู^ ^ หุหุ  คมมั่กๆ จากคุณ : นอกราชการ - [ 22 พ.ค. 51 11:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาอ่านค่ะ ได้ความรู้มากมาย ขอบคุณทุก ความคิดเห็น จากคุณ : งุงิเงาะแงะ(คุณแม่) (งุงิเงาะแงะ) - [ 5 มิ.ย. 51 19:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ได้ความรู้มากมายเหมือนกันครับ ขอบคุณทุกๆ ท่านมากๆครับ จากคุณ : ไทยไทย - [ 24 มิ.ย. 51 01:02:57 A:202.91.18.205 X: TicketID:179779 ]