ผมอ่านเจอในเน็ทครับ
เกี่ยวกับ ปริศนาพระโอรสของพระนเรศวร และความเกี่ยวข้องระหว่าง พระทรงธรรม กับพระนเรศวร หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
(ยาวหน่อยนะครับ แต่ข้อมูลดีจริงๆ)
สมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระเจ้าลูกเธอ ผู้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ปริศนา "ลูกเธอที่หายไป" ของสมเด็จพระนเรศวร (เขียนโดยออกหลวงมงคล)
ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้ามีความสนใจในการศึกษาประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยามากเป็นพิเศษ ทำให้ข้าพเจ้ามักจะหาเวลาศึกษา ค้นคว้าเรื่องราวในพงศาวดาร ตำนานกรุงเก่าต่างๆ ทั้งในหลักฐานชั้นต้นก็ดี หลักฐานที่มีผู้คัดกลอกกันต่อๆ มาก็ดี หรือจากท่านครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงกรุณาค้นคว้าและตีพิมพ์เรื่องราวพร้อมบทวิเคราะห์ต่างๆ มากมายให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาอย่างละเอียด
และเหตุที่ยิ่งข้าพเจ้าอ่านมาก ก็ยิ่งรู้มาก พอรู้มากเข้าก็เลยคิดที่จะวิเคราะห์เอง ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ อันไหนคือตำนาน นิทาน หรือความเป็นจริง โชคดีนะครับที่หลักฐานของคนไทยเรานั้นมิได้ผูกขาดแต่พระราชพงศาวดารฉบับต่างๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีบันทึกมากมายของชาวต่างประเทศ ที่จดเอาไว้ด้วยความเป็นการ จากการได้รู้ ได้เห็น และได้อยู่ร่วมสมัยนั้นๆ
พระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา
พงศาวดารช่วงที่ลี้ลับ
เหตุการณ์ในพงศาวดารที่ข้าพเจ้าคิดว่าลี้ลับ และจดไว้ค่อนข้างน้อยมาก คงจะอยู่ในช่วงของปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มาจนถึงช่วงปลายแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม หลักฐานของไทยเราค่อนข้างที่จะจดไว้ไม่ละเอียด ทั้งยังคลุมเครือเสียเยอะ จึงทำให้ข้าพเจ้าเกิดข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่สุดที่ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงนั่นก็คือ....
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระราชโอรสหรือไม่...?
ตามความเชื่อดั้งเดิมนั้น ทั้งจากบทความของท่านอาจารย์สำนักต่างๆ รวมถึงนิยาย ภาพยนตร์ทั้งหลายแหล่นั้น มักจะพยายามให้ข้อมูลกันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของเรานั้น ตลอดรัชกาลของพระองค์ต้องวิ่งวุ่นทำศึกสงครามแทบไม่เว้นแต่ล่ะวัน ทำให้พระองค์ไม่มีมเหสี และพระราชโอรส ธิดาเลย
แม้แต่พระนิพนธ์ของท่านกรมพระยาดำรงราชานุภาพก็ทรงเชื่อเช่นนั้น จากคำบอกเล่าหลายกระแสของผู้รู้ทั้งหลาย ทำให้ข้าพเจ้าเองก็เคยคิดว่าคงจะเป็นเรื่องจริง
แต่วันหนึ่งข้าพเจ้ากลับต้องมาสะดุดข้อความในพงศาวดารฉบับพระราชหัตเลขาอยู่ตอนหนึ่งที่ว่า ลุศักราช ๙๕๓ ปีเถาะตรีศก พระศรีสุพรรณมาธิราช ผู้เป็นพระยาละแวก ก็ให้พระยากลาโหมผู้เป็นลูกเขยมากราบทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ว่า พระยาอ่อนอันหนีไปอยู่ด้วยซองพรรค์ในตำบลแสงสโทงนั้น ประมูลซองพรรค์ทั้งปวงได้มากแล้ว ว่าจะยกมารบพระยาละแวก พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ก็มีพระราชโองการให้แต่งทัพ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระมหาธรรมราชา และช้างเครื่อง ๕๐ ช้าง ม้า ๑๐๐ พล ๑๐,๐๐๐ และเจ้าพระยาธรรมาธิบดี เจ้าพระยาสวรรคโลก พระยากำแพงเพชร พระยาสุโขทัย พระยาพันธารา ยกไปทางโพธิสัตว์ และยกให้ไปตีทัพพระยาอ่อนในตำบลแสงสโทงนั้น ครั้งตีทัพพระยาอ่อนแตกฉานแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ก็ยกทัพคืนมาโดยทางพระนครหลวงมาถวายบังคม พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์
พระบาทสมเด็จพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า คงจะเป็นสมเด็จพระนเรศวร กับสมเด็จพระเอกาทศรถอย่างแน่นอน แต่ติดใจอยู่นิดหนึ่งว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา นี่สิ พระองค์ทรงเป็นลูกเธอของใคร...?
มาดูอีกฉบับหนึ่งของพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ ก็มีข้อความที่ว่านี้ด้วย แต่เขียนสั้นกว่า ศักราช ๙๖๕ เถาะศก ทัพพระเจ้าฝ่ายหน้า เสด็จไปเอาเมืองขอมได้
ที่รู้ๆ กันอยู่ก็คือตำแหน่ง พระเจ้าฝ่ายหน้า นั้นเป็นตำแหน่งที่พระมหากษัตริย์ทรงมอบให้กับองค์อุปราชเสมอ แต่ตำแหน่ง พระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา นี้เมื่อบวกลบคูณหารออกมาแล้วก็น่าเชื่อว่าเป็นคนๆ เดียวกัน
คำถามที่ว่าพระองค์ทรงเป็นลูกเธอของใครนั้น เป็นคำตอบที่หาไม่ยากครับ พระราชโอรสของสมเด็จพระนเรศวรนั้น ในพงศาวดารไม่เคยระบุชื่อ ส่วนลูกเธอของพระเอกาทศรถนั้น พงศาวดารยืนยันชัดเจนว่าทรงมีอยู่ ๒ พระองค์คือ เจ้าฟ้าสุทัศน์ และเจ้าฟ้าศรีเสาวภาค ฉะนั้นคำตอบที่ถูกต้องก็คือ พระมหาธรรมราชา ทรงเป็นลูกเธอของสมเด็จพระนเรศวรอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนพระชายาของพระนเรศวรนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าน่าจะเป็นคนๆ เดียวกับที่วัน วลิต ระบุนามเอาไว้ว่า เจ้าขรัว มณีจันทน์ ผู้เป็นชายาหม้ายของพระนริศ พระองค์ดำ สอดคล้องกับคำให้การขุนหลวงหาวัดที่ว่าพระนเรศวรทรงมีพระมเหสีพระนามว่า มณีรัตนา ใกล้เคียงกับข้อมูลของวัน วลิต (หรืออาจเป็นไปได้ว่าพระนเรศวรมีทั้งพระอัครมเหสีและพระชายา ด้วยเหตุที่จะอธิบายต่อไปข้างหน้า)
พระองค์คงจะต้องสถาปนาลูกเธอให้เป็นพระมหาธรรมราชา ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือ เช่นเดียวกับที่เคยเป็นตำแหน่งของพระราชบิดาของพระองค์เมื่อคราวมาครองเมืองพิษณุโลกมาก่อน ดูได้จากแม่ทัพที่ยกไปตีพระยาอ่อนด้วยนั้น ฟังดูชื่อก็น่าจะเป็นแม่ทัพที่อยู่แถวเมืองเหนือแทบทั้งหมด
เหตุการณ์สงครามครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๑๔๖ ก่อนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชสวรรคต ๒ ปี เมื่อพระองค์สวรรคตนั้น ทรงมีพระชนม์ได้ประมาณ ๕๐ พรรษา พระเจ้าลูกเธอของพระองค์ก็น่าจะมีพระชนม์ราว ๒๐ ๒๒ พรรษา และที่ลูกเธอพระองค์นี้ทรงได้เป็นแม่ทัพไปปราบพระยาอ่อนนั้น คงเห็นว่าจะเป็นเพียงสงครามเล็กๆ เพราะใช้พลเพียงหมื่นคน แต่เน้นแม่ทัพนายกองใหญ่โตทั้งสิ้น ทำให้น่าเชื่อว่าคงจะเป็นการเสริมพระบารมีของลูกเธอ เป็นการประเดิมศึกของพระองค์โดยมีแม่ทัพผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยงให้เท่านั้น
พระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชานั้นจะทรงมีพระอนุชา กี่องค์ไม่ทราบได้ เพราะหลักฐานเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ช่างน้อยนัก แต่ปรากฏว่าเมื่อเสร็จศึกพระยาอ่อนแล้ว พระองค์ก็หายเงียบไปเฉยๆ ไม่รู้ว่าทรงเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ปริศนา คนออก ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสุทัศน์
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรสวรรคตแล้ว พระอนุชาก็คือสมเด็จพระเอกาทศรถทรงขึ้นครองราชย์ต่อ ตรงนี้นี่เองที่ทำให้เรื่องราวของพระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชาได้หายไป พระองค์ทรงหายไปไหน..? อย่างไร..เรามาลองหาร่องรอยกันสักหน่อยดีกว่า...!!
เริ่มด้วยร่องรอยแรกก็คือ ในพงศาวดารฉบับพระราชหัตเลขากล่าวถึงช่วงที่สมเด็จพระเอกาทศรถเบิกทูตจากตองอูและล้านช้างเข้ามาถวายบังคมว่า จึงให้ตั้งเรื่อแห่และให้เทียบเรือต้น เรือแข่งทั้งปวงตามกระบวน จึงให้เบิกพระราชกุมารและพระราชนัดดา และท้าวพระยาสามนตราชมหาเสนาบดีทั้งปวง มาประชุมกันในหน้าพระที่นั่งอรรณพ และให้เบิกทูตานุทูตอันมาแต่เมืองตองอูและล้านช้างเข้าถวายบังคม พระราชนัดดาที่ว่านั้น ข้าพเจ้าว่ามิน่าจะใช่โอรสของเจ้าฟ้าสุทัศน์อย่างแน่นอน เพราะดูแล้วการใช้คำว่า พระราชกุมาร ทำให้คิดว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์น่าจะทรงพระเยาว์อยู่ ยังคงไม่มีพระมเหสี โอรส ธิดาแน่นอน ทำให้น่าเชื่อว่าพระราชนัดดาของพระเอกาทศรถนี้อาจจะเป็นลูกเธอของพระนเรศวร ประกอบกับในเวลานั้นพระเอกาทศรถยังมิได้ตั้งเจ้าฟ้าสุทัศน์เป็นที่พระมหาอุปราช จึงยังปรากฏพระราชนัดดาอยู่
จนเมื่อพระเอกาทศรถทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าสุทัศน์เป็นที่พระมหาอุปราชเมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๐ (หลังจากที่พระเจ้าตองอูและพระเจ้าล้านช้างกลับไปแล้ว) ก็ไม่ปรากฏพระราชนัดดาของสมเด็จพระเอกาทศรถอีกเลย ในช่วงนี้จึงมีความเป็นไปได้ว่า ลูกเธอของพระนเรศวรคงจะอยู่ในภาวะ เสี้ยนหนาม ของอุปราชพระองค์ใหม่ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พระเอกาทศรถได้ทำไว้กับลูกเธอพระองค์นี้เป็นแน่
แต่เจ้าฟ้าสุทัศน์เป็นพระมหาอุปราชอยู่ได้ ๔ เดือนเศษ พระองค์ก็ถูกพระราชบิดากล่าวหาว่าเป็นกบฏ จึงเสวยยาพิษจนถึงแก่พิราลัย เหตุการณ์ครั้งนี้พงศาวดารจดไว้คลุมเครือเป็นอย่างมาก
อยู่มา ๔ เดือนเศษพระมหาอุปราชกราบทูลพระกรุณาว่าจะขอพิจารณาคนออก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าจะเป็นกบฏหรือ พระมหาอุปราชความกลัวพระราชบิดาเป็นกำลัง ออกจากที่เฝ้าเสด็จมาพระราชวังบวรสถานมงคล เพลาค่ำเสวยยาพิษสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระโทมนัสโศกาอาดูรภาพถึงพระราชโอรสเป็นอันมาก
สงสัยเหลือเกินว่าพิจารณาคนออกนั้น คำว่า คน นั้นคือใคร...?
นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเชื่อว่าน่าจะเป็นขุนนางข้าราชการรุ่นเก่าๆ ที่รับใช้มาตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรจนแก่ชรากันหมดแล้ว พระมหาอุปราชจึงทูลขอให้ปลดออกเสียบ้าง เรื่องนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่น่าจะจริง เรื่องทูลขอเอาข้าราชการออกนี้ ไม่น่าจะทำให้พระราชบิดาพิโรธถึงขนาดบริภาษพระโอรสว่าเป็นกบฏนั้นข้าพเจ้าว่าน่าจะเหลือวิสัย
คน ผู้นั้นน่าจะเป็นคนที่สำคัญมากๆ คนหนึ่งอย่างแน่นอน...
ถ้าข้าพเจ้าคิดไปไกลอีกว่า คน ผู้นี้นั้นจะเป็นพระญาติที่เกี่ยวข้องกับ พระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา ใช่หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปในช่วงปลายแผ่นดินของพระเอกาทศรถ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง...
พระญาติที่พระมหาอุปราชทูลขอให้ออกนี้ อาจจะเป็นครอบครัวของพระเจ้าลูกเธอพระมหาธรรมราชา คนที่พระเอกาทศรถคิดว่าเป็นเสี้ยนหนามเมื่อครั้งที่ตั้งเจ้าฟ้าสุทัศน์ขึ้นเป็นมหาอุปราชนั่นเอง
อาจจะเป็นด้วยพระทัยอันสูงส่ง และมีเมตตากรุณาอย่างสูงของเจ้าฟ้าสุทัศน์ก็เป็นได้ ที่พระองค์คงจะสงสารครอบครัวนี้ จึงเสี่ยงที่จะทูลขอให้พระราชบิดาปล่อยครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ออกมา จนพระราชบิดาไม่พอพระทัยอย่างแรง คงจะได้ดุด่าบริภาษพระโอรสต่างๆ นานา ด้วยความที่เจ้าฟ้าสุทัศน์มีพระทัยอ่อนโยน จึงอาจจะมีความน้อยพระทัยอย่างมากจนถึงกับเสวยยาพิษสวรรคตในคืนนั้น...
หลังจากเจ้าฟ้าสุทัศน์ถึงแก่พิราลัยแล้ว พระเอกาทศรถก็ยังมิได้ตั้งเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคเป็นที่พระมหาอุปราช จะเป็นเพราะเหตุใดนั้น ข้าพเจ้าจะทำการวิเคราะห์ต่อไป
จากคุณ :
deawy
- [
วันวิสาขบูชา 08:30:25
]