ความคิดเห็นที่ 1 คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผิด คงไม่ค้องตอบว่าถูกหรือผิด เมื่อผิดแล้วคนอยากใช้เอาไปใช้ก็เป็นเรื่องของเขา แสดงว่าเขาตั้งใจร้องทั้งผิดๆ จะเพื่ออะไรผมตอบไม่ได้เพราะผมไม่ใช่คนแต่งเพลงและคนร้อง คุณอยากรู้จริงๆก็ต้องถามเขา ตอนนี้ได้แต่เดาว่าเขาเลียนแบบการพูดผิดๆบางอย่างที่คนบางกลุ่มใช้กัน อาจเพื่อให้เข้ากับตลาดหรือแสดงความเป็นลูกทุ่งติดดิน อะไรเทือกนั้น ซึ่งการแสดงออกด้วยภาษาตลาดหรือการแสดงไวยากรณ์ที่คลาดเคลื่อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า poetic license คืออนูโลมให้ศิลปินใช้ได้ ไม่บังควรที่จะจำนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันวิสาขบูชา 11:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีเยอะค่ะในภาษาเพลงที่ใช้คำผิดไวยากรณ์ในลักษณะนี้ เหตุผลน่าจะเป็นเรื่องการออกเสียงเวลาร้องเพลง ซึ่งบางคำจะร้องให้เพราะได้ยาก อย่างที่ จขกท. ยกตัวอย่าง ระหว่าง doesn't กับ don't ไม่ค่อยมีเพลงใช้ doesn't หรอกค่ะ เพราะเวลาร้องแล้วมันฟังไม่ลื่น ขัดหู การเรียนภาษาจากเพลง จึงต้องระวังหน่อยค่ะ แต่ก็จะได้ประโยชน์มากอยู่ดีนะคะ จากคุณ : แม่ส้ม - [ วันวิสาขบูชา 12:09:08 A:118.172.139.173 X: TicketID:166707 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในบางภาษาถิ่น (dialect) ใช้ don't กับทุกประธาน ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติในภาษาถิ่นนั้นๆ (ย้ำ ในภาษาถิ่นนั้นๆ) เช่น ภาษาของคนภาคใต้ในสหรัฐอเมริกา หรือ แม้กระทั่งของคนผิวดำในอเมริกา ซึ่งกฎเกณฑ์ของภาษาถิ่นเหล่านี้อาจจะแตกต่างจากภาษาถิ่นที่เราเคยเรียนมา ต้องระลึกไว้เสมอว่าภาษาอังกฤษแบบที่เราเรียนมาก็เป็น "แค่" ภาษาถ่ินหนึ่ง ในบรรดาหลายๆอันเท่านั้น ยังมีภาษาถิ่น(ของภาษาอังกฤษ)ที่คุณยังไม่รู้จักอีกมาก เพราะฉะนั้น ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้เรียนรู้ไว้... ภาษาถิ่นหลายๆที่ก็ไม่ได้เติม -s ในบุรุษที่สามเอกพจน์ present tense เช่น He go, He eat เป็นต้น หรือภาษาถิ่นหลายๆอันก็มีการใช้ รูปอดีตที่ต่างไป เช่น He has writ (he has written) หรือ แม้กระทั่งภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน หรือ แบบอังกฤษ ก็ใช้ต่างกัน (แต่ละอันก็เป็นภาษาถิ่นของภาษาอังกฤษ) เช่น He learnt VS he learned. The team wins VS The team win. เป็นต้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราเรียกว่า "ภาษาอังกฤษ" (เฉยๆ) จึงเป็นนามธรรม (abstract) ที่ไม่มีจริง สิ่งที่มีจริงๆ คือ ภาษาถิ่นย่อยต่างๆ เท่านั้นเอง... อาจจะแบ่งภาษาถิ่นกว้างๆออกเป็น ประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้  etc แต่ในประเทศเหล่านี้ ก็มีถิ่นย่อยๆ อีก เช่น อเมริกาภาคกลาง ภาคเหนือ ฯลฯ และยังมีภาษาถิ่นแบบชนชั้น อีก เช่น ภาษาถิ่นชนชั้นสุง ภาษาถิ่นชนชั้นต่ำ กรรมกร  ฯลฯ แต่ที่สำคัญคือ ถึงแม้ภาษาถิ่นเหล่านี้จะต่างกัน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่า หรือถูกกว่าอันอื่นๆ ทุกๆอัน "มีระบบ" เป็นของตัวเองที่ consistent ที่เป็นระบบ systematic ทำนายได้ (predictable) และมีกฎไวยากรณ์ของตัวเอง (rule-governed) ไม่มั่ว (not random) ทั้งสิ้นครับ... ลองคิดว่า ถ้าภาษาถิ่นเหล่านี้ไม่มี "กฏ" ไวยากรณ์ที่ตายตัว  คนที่ใช้ภาษาถิ่นเหล่านั้นจะสื่อสารกันรู้เรื่องได้อย่างไร "ภาษาอังกฤษ" แบบที่เราเรียน ในความเป็นจริงมันก็แค่ ภาษาถิ่นของภาษาอังกฤษแบบหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกว่าเอามาเป็นแบบอย่างในการเขียน การพูด (สำหรับนักศึกษาต่างชาติ) เท่านั้น เป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเวลาคนเรียนภาษาอังกฤษจากเมืองไทย (หรือจากที่อื่นๆ) เวลามาพูด มาใช้จริงๆ มันดูเป็นภาษาเขียนไปซะหมด... แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 51 13:18:04 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ วันวิสาขบูชา 13:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก๊ากกก ฟังอาจารย์กฤษฎาอธิบายแล้ว เจ้าของกระทู้กำลังฟังหมอลำฝรั่งน่ะเอง คงอีหรอบเดียวกันกับฝรั่งได้ยินหมอลำบานเย็น รากแก่น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันวิสาขบูชา 15:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ===> หลักใหญ่ใจความ คือ ความ กลมกลืน ระรื่น หู ยามได้ฟัง หนะครับ เพราะ "เพลง" เค้าเกิดมาเพื่อการนี้ ไม่เหมือนบทความทางวิชาการ ที่ต้องถูกทั้งไวยกรณ์ และ ย่อหน้า ย่อหลัง .... หลายๆ ครั้ง ที่เราจะได้ยิน ว่าฝรั่งใช้คำว่า ain't ซึ่ง หมายถึง am not , are not , is not .... ซึ่งลองไปเขียนคำนี้ ส่งคุณครู คงโดนตีก้นลาย เลยแหละครับ เพลงไทยเอง สมัยก่อนก็มีนะครับ ( บอกไปก็รู้อายุผมหมด ) พี่ต่อ พี่ต๋อง ........ She's a China girl , I love you , She 's a China girl ... oh I love you. ผมอยู่ ม. 2 ครับ ให้ได้ สงสัย ลองถามคุณครู ครูก็บอกว่า เค้าอนุโลม สำหรับ เพลง เพื่อจุดประสงค์ ที่ผมว่า ครูบอกว่า ไหนลอง ร้องว่า She's a Chinese girl กับ She's a China girl อะไรรื่นกว่า ไอ้เรา ก็ อืมมมม......เน๊อะ อีกความหมายนึง จะแปลว่า สาวเจ้า ที่มาจาก เมือง จีนก็ได้ ครับ Girl ที่มาจาก China ครับ ไม่ได้แปลว่า สาวหมวย หรือ สาวที่มีเชื้อสายจีน เพียงความหมายเดียว .......... ตามนั้น จากคุณ : Along the restless sea - [ วันวิสาขบูชา 16:12:50 A:58.136.206.6 X: TicketID:133565 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่มเติมคุณAlong the restless sea ค่ะ คำว่า"China" จะแปลว่าถ้วยกระเบื้องก็ได้นะคะ เช่นในเพลงของ Roxette กับเพลงที่ประทับใจค่ะ ...She's so vulnerable, like china in my hands. She's so vulnerable, and I don't understand. I could never hurt someone I love, she's all I've got... ดังนั้น ถ้าจะพลิกแพลงแปลเพลงคุณต่อ คุณต๋องเป็น เธอผู้เปราะบางเช่นถ้วยกระเบื้องก็คงได้มังคะ คิดเล่นๆ ค่ะ เพราะเค้าคงไม่ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นหรอกค่ะ เป็นสาวหมวยน่ะถูกแล้วค่ะ จากคุณ : ผ่านมา - [ วันวิสาขบูชา 17:01:05 A:119.11.43.174 X: TicketID:166806 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โอววว ได้ความรู้เยอะจริงๆ ขอบพระคุณทุกท่านครับ จากคุณ : เด็กม.ปลาย - [ วันวิสาขบูชา 19:58:42 A:58.9.107.8 X: TicketID:092232 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แหม มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณแอ๊ด ถ้าภาษาถิ่นเอามาใชักับคนในกลุ่ม(ที่พูดภาษาถิ่นนั้น) นอกจากจะเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ยังสร้างความเป็นพวกเดียวกัน (solidarity or camaraderie) มันเหมือนอุ่นใจว่าเออ มีคนมาจากที่เดียวกัน มีพื้นฐานเดียวกัน แต่ถ้าภาษาถิ่นเอาไปใช้กับคนนอกกลุ่ม (ที่พูดภาษาถิ่นอื่น)  มันอาจจะเกิด 1) ความรังเกียจเดียดฉันท์ หรือความเป็น "เขา" เป็น "เรา" (อีนี่บ้านนอก อีนี่ไพร่)  อย่างละครโทรทัศน์หลายๆเรื่องที่ให้คนใช้ พูดภาษาอีสาน  หรือให้นางเอก(ที่ก่อนจะมาเป็นนางเอก) เป็นเด็กบ้านนอกมาก่อนพูดหรือแต่งตัวแบบอีสาน ก่อนที่จะมาเป็นแบบภาคกลาง... 2) ความใหม่สด  ความเท่ห์ ความ cool เพราะมันเป็นอะไรที่ "แปลก" เป็นอะไรที่ exotic เช่น ในกรณีของเพลงแร็พต่างๆ ที่จริงๆดั้งเดิมเป็นของคนดำ  พอเอามาใช้ในหมู่คนขาว (หรือในเอเชีย) ก็กลายเป็นเท่ห์ไปซะ (โจอี้ บอย หรือ เจ เจตจรินสมัยยังเด็กๆ)   หรือแม้กระทั่งในกรณีพี่เบิร์ด (ชุดห้องรับแขกป่ะครับ ที่มาร้องกับจินตลา พูนลาภ) มันก็เพราะขึ้นมาทันที...นอกจากจะว่ามีแปะป้ายพี่เบิร์ดแล้ว ก็ยังมี contrast กันว่าพี่เบิร์ดเคยร้องแต่เพลงลูกกรุง พอมาเอาหมอลำมาก็ดูเท่ห์ ทั้งนี้ทั้งนั้น สังเกตว่าปรากฎการณ์เท่ห์ หรือ "cool" ที่เกิดขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียว (unidirectional)  นั่นคือ คนที่อยู่ในสังคมมาตรฐาน เมื่อ adopt เอาสิ่งที่ไม่มาตรฐาน (ที่เคยเป็นที่ดูถูก) ก็จะเท่ห์  แปลกแยก(แบบดี) ไป...เพราะว่า status เค้าดีอยู่แล้วไงครับ แต่ถ้าคนที่อยู่ในสิ่งที่ไม่มาตรฐาน หรือโดนสังคมดูถูกอยู่แล้ว  เมื่อมาใช้ของที่มาตรฐาน ก็จะโดยดูถูกอยู่ดี หาว่า ใฝ่สูงบ้าง ลืมกำพืชบ้าง ฯลฯ&  (เหมือนๆปรากฎการณ์ผู้หญิงไทยดำๆเดินกับฝรั่ง..ก็จะโดนดูถูกอยู่เรื่อยไป  แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่ดูดีหน่อย ก็ไม่แปลก...) ที่เล่ามายาวก็เพื่อจะพูดว่า ภาษามันเกี่ยวข้องกับสังคมอย่างแยกไม่ออก และภาษาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของสังคม ที่นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าสังคมเป็นอย่างไรแล้ว ยังมีส่วนผลักดันทำให้สังคมหนึ่งๆเป็นไปในทางใดทางหนึ่งอีกด้วย แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 02:59:12 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 20 พ.ค. 51 02:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาเก็บความรู้ นึกว่าอาจารย์จะไม่มาเติมเรื่องความ cool ซะแล้ว ในเพลงนี่ เราว่ามันน่าจะไปแนวนั้นมากกว่า แต่สงสัยว่า ฝรั่งเขาห่วงเรื่องภาษาวิบัติเหมือนคนไทยมั้ย จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 20 พ.ค. 51 12:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แหม คนฝรั่งก็คนเหมือนกันครับ ก็ต้องมีความคิดเกี่ยวกับภาษาคล้ายๆคนไทย  นั่นคือ มีความคิดว่าถ้าใช้ภาษา(ถิ่น)ที่ต่างไปจากภาษา(ถิ่น)ที่ได้รับการยอมรับ  ก็จะถือว่าทำลายภาษา ฯลฯ ทั้งๆที่หารู้ไม่ว่า ภาษา(ถิ่น)เหล่านั้น มันมีไวยากรณ์เป็นของตัวเอง  มีระบบที่แน่นอน  เพียงแต่ว่า ไวยากรณ์และระบบมัน "ต่างไป" จากภาษา(ถิ่น)ที่ได้รับการยอมรับเท่านั้นเอง  พูดง่ายๆ  ต่างอย่างมีระบบ ไม่ใช่นึกจะต่างแบบตามใจข้า...เดี๋ยวๆพูด don't ประโยคถัดมาพูด doesn't มันไม่ใช่เลย... จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 20 พ.ค. 51 12:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Ali G มั่งมั้ยอ่ะคะ ฮี่ฮี่ http://www.whoohoo.co.uk/ali-g-translator.asp จากคุณ : I iz ta (ta/'o-o/') - [ 20 พ.ค. 51 13:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพลงนี้ถึงช่วงกลาง กลับร้องว่า ... "Everything unless I'm with you It doesn't matter to me, no" ทำให้เข้าใจว่าตั้งใจจะร้องให้ผิดครับ จากคุณ : Just My Opinion - [ 20 พ.ค. 51 23:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันเป็นประโยคที่เป็นเงื่อนไข เลยต้องใช้ v. แบบนั้นหรือเปล่า ไม่ค่อยแม่นแกรมม่าเท่าไหร่  แต่ว่าเพื่อนเคยสอนมาหน่ะ เช่นประโยคนี้ If I were you, I would...... ปกติ I จะใช้กับ was แต่พอเป็นประโยคที่เป็นเงื่อนไข ตัวกริยาก็จะเปลี่ยนไปหนิ รอคนข้างล่างมาช่วยต่อละกัน จากคุณ : jI@ng jIng zhEn - [ 25 พ.ค. 51 15:42:42 ]