ตอนที่ผมเรียนระดับประถมหรือมัธยม ผมไม่เคยได้ยินเรื่องสงครามอินโดจีนที่ประเทศไทย(ตอนนั้นเป็นประเทืศไทยหรือยัง ไม่ทราบ)เกิดพิพาทกับฝรั่งเศสผู้ปกครองอินโดจีนในสมัยนั้น เพราะไม่มีครูผู้สอนหรือหนังสือบทเรียนเล่มใดบอกเอาใว้เลย และดูเหมือนกับว่าเราพยายามจะหลีกเลี่ยงหรือไม่แตะต้องประวัติศาสตร์ในช่วงนี้เลย ทำไมหรือครับ? มีใครทราบมั้ยครับ ผมเพิ่งมาได้ยินเรื่องนี้ก็เพราะได้อ่านในหนังสือที่เกี่ยวกับทหารเล่มหนึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าใช่ สมรภูมิหรือเปล่า เพราะนานพอสมควรแล้ว ถือเป็นความบกพร่องของการศึกษาไทยหรือเปล่าครับ จากที่สักเกตุดูนะครับ ไม่เคยมีภาพยนต์ไทยเรื่องใดที่หยิบยกประเด็นประวัติศาสตร์ช่วงนี้มาทำหนังเลยซักเรื่อง และหาข้อมูลในหนังสือตามห้องสมุดหรือตามเว็บไซต์ยากมาก และน้อยมากที่จะให้รายละเอียด มีแต่แบบคร่าวๆเอาแค่ให้พอเข้าใจเท่านั้นเอง ที่ผมหยิบยกประเด็นนี้มาเพราะผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับบวันที่ 23 พ.ค ของคุณนิติภูมิ ที่เจ้านโรดมสีหนุ ลงบทความโจมตีไทย ดังนี้ครับ
จัดการออนไลน์ -- ก่อนที่ประเทศไทยจะส่งมอบดินแดนพระตะบองในปัจจุบันผ่านฝรั่งเศสไปให้แก่กัมพูชาในปี 2490 นั้น ไทยได้ทำลายดินแดนแห่งนี้เสียหายอย่างหนัก การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายไทยไม่ได้ยินดีให้ดินแดนเหล่านี้แก่กัมพูชา
สมเด็จนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทรงบันทึกเรื่องราวข้างต้นในบันทึกประวัติศาสตร์ส่วนพระองค์ และตีพิมพ์เผยแพร่บนเว็บไซต์ส่วนพระองค์เมื่อเร็วๆ นี้
อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทรงระบุว่า พระตะบองนั้นเปรียบเสมือนแคว้นอัลสาซ-ลอร์เรน (Alsace-Lorraine) ดินแดนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติของฝรั่งเศสที่ถูกนาซีเยอรมันผนวกเอาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งสงครามสงบลงและเยอรมนีแพ้สงคราม ฝรั่งเศสจึงได้ดินแดนดังกล่าวคืน
สมเด็จสีหนุ ยังได้ทรงบันทึกเรื่องราวจากความทรงจำอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองจากฝรั่งเศส ดินแดนในประเทศเพื่อนบ้านและการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจการเมืองภายในกัมพูชาของกลุ่มต่างๆ ในช่วงทศวรรษช่วงต่อระหว่างยุคอาณานิคมกับยุคที่กัมพูชาเป็นเอกราช
“ปี 2490 เป็นปีที่ก่อประโยชน์อย่างยิ่งต่อราชอาณาจักร (กัมพูชา) ฝรั่งเศสจะได้รับดินแดนพระตะบองกับดินแดนอื่นๆ จากไทย ซึ่งพวกเขาฉกฉวยเอาไปในปี 2484 (ก่อนที่ฉันจะขึ้นครองราชย์) และคืนให้แก่ฉัน..”
“พวกไทยไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้ด้วยหัวใจที่มีความสุขคืน..(ก่อนหน้านั้น) ฝรั่งเศสต้องมอบดินแดนเหล่านี้ให้แก่ไทยโดนการบีบบังคับของญี่ปุ่น..” สมเด็จสีหนุทรงบันทึกในตอนหนึ่ง
บันทึกระบุว่า ได้มีการเจรจาและเซ็นสัญญาเรื่องการส่งมอบดินแดนพระตะบอง (รวมทั้งเสียมราฐ กับ ศรีโสภณ) กับดินแดนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ฝ่ายกัมพูชา มี นายซอนซานน์ (Son Sann) เป็นผู้แทนอาวุโสของราชอาณาจักรกัมพูชาในการเจรจา
เวลาต่อมา พลเรือเอก จอร์จ เทียร์รี อาร์คจองเลียว (Georges Thierry dArgenlieu) ข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสแห่งอินโดจีน และผู้บัญชาการกองกำลังอินโดจีนฝรั่งเศส ได้เป็นผู้ไปร่วมพิธีเซ็นสัญญารับมอบดินแดนต่างๆ ในกรุงเทพฯ
“น่าอนาถ.. เมื่อเรื่องนี้ (การส่งมอบดินแดน) จะเริ่มขึ้น กองทัพไทยได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพาน พวกกรุงเทพฯ จะไม่ยอมให้อภัยฉันเป็นอันขาด ในการที่ฉันได้ดินแดนเขมรเหล่านั้นคืน” สมเด็จสีหนุ ทรงระบุในส่วนหนึ่งในบันทึกความทรงจำเรื่องนี้
กรณีเขาพระวิหารก็เช่นเดียวกัน.. หลังจากเกิดกรณีพิพาทเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรุงเฮก (เนเธอร์แลนด์) ก็ได้มีคำพิพากษาให้ตกเป็นของ “เจ้าของที่ชอบธรรม” คือ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในปี 2505 ในรัชสมัยของพระองค์
สมเด็จนโรดมสีหนุ เปิดเผยในบันทึกอีกฉบับหนึ่งในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า อดีตกษัตริย์กัมพูชาพระองค์หนึ่งทรงตรอมพระราชหฤทัยจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา เนื่องจากการสูญเสียเขาพระวิหารให้แก่ไทย
อย่างไรก็ตาม บันทึกของสมเด็จสีหนุ มิได้กล่าวถึงความเป็นมาของดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และ ศรีโสภณ ที่ราชอาณาจักรสยาม เคยครอบครองมานานหลายศตวรรษก่อนที่จะถูกฝรั่งเศสบีบบังคับเอาไปผนวกเป็นดินแดนอินโดจีนในยุคล่าอาณานิคม
ในช่วงเวลาเพียง 40 ปีระหว่างปี 2410-2450 ราชอาณาจักรสยาม ได้สูญเสียดินแดนในปกครองให้ฝรั่งเศสอย่างมหาศาล โดยเริ่มจากดินแดนโพธิสัตว์ในกัมพูชา ดินแดนที่เรียกว่า “หัวพันทั้งห้าทั้งหก” และ ดินแดนที่เป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับ ราชอาณาจักรกัมพูชาเกือบทั้งหมดในปัจจุบัน ยกเว้นดินแดนที่เป็นประเทศเวียดนามเท่านั้น.
ผมว่านะครับ ทางผู้สร้างภาพยนต์ในประเทศไทย น่าที่จะสร้างภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงนี้บ้าง เพื่อให้ลูกให้หลานของเราได้รับรู้บ้าง ไม่ไช่เอาแต่ห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน แต่หารู้ไม่ว่า ไอ้ประเทศเพื่อนบ้านตัวดี หาได้ห่วงความสัมพันธ์กับเราไม่ กลับโจมตีประเทศเราตลอดเวลา ได้โอกาสเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น มีเรื่องตลกอีกเรื่องหนึ่งนะครับ ที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราประเทศหนึ่ง ที่มีคนกุข่าวว่าดาราสาวประเทศเราไปด่า หาว่าประชาชนของเค้าเป็นหมา และจะทวงประสาทคืน จนทำให้เกิดจราจลเผาทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นของคนไทย ไม่เว้นแม้กระทั่งสถานทูต แต่ที่ผมแทบจะทนไม่ได้ก็คือมีการ นำสิ่งของบางอย่างที่เราคนไทยกราบทูลเหนือหัว มาทำ....... ช่างมันผ่านมาแล้ว! แต่ทุกอย่างกลับเงียบหายไป คนที่เคยออกมาโวยวาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีของเค้าเอง เงียบครับ ไม่เคยเห็นมีการออกแถลงการณ์ขอโทษ ไม่มีการนำตัวผู้ปล่อยข่าวมาลงโทษ นอกจากเสียว่า ตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้ กลายเป็นว่า แค่เอามือเกาหัว หันมายิ้มแก้เขิน "แฮ่ แฮ่ สงสัยเข้าใจผิดหน่ะ"หัวเราะออกมั้ยครับ ใช่เราหัวเราะไม่ออก แต่พวกเค้าหัวเราะ แก้เขินกันทั้งประเทศ ที่หยิบยกเรื่องนี่้ขึ้นมา ไม่ได้ต้องการที่จะปลุกระดมอะไรหรอกนะครับ เพียงแต่แค่อยากจะกระตุ้นเตือนให้ผู้มีอำนาจ(แต่ไร้ปัญญา)ทั้งหลายอย่าทิ้งประวัติศาสตร์ของชาติ บ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม เพราะประวัติศาสตร์ทุกช่วงเวลาแม้มันจะทำให้เรามีความสุขหรือความทุกข์ ่มันก็สามารถที่จะหล่อหลอมให้ลูกหลานของเรารู้สึกถึงความเป็นไทย เพราะกว่าจะมีประเทศไทยเฉกเช่นทุกวันนี้ได้ ก็ผ่านอะไรมามากมาย และมีคนไทยหลายคนที่ต้องสูญสิ้นชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินนี้ไว้ และผมก็จะเป้น คนนึงหล่ะ ที่จะสู้ตายอยู่แถวหน้าๆ ถ้าใครหรือมันผู้ใด คิดอาจหาญทำลายชาติบ้านเมืองที่บรรพบุรุษสร้างมาเพื่อผม สร้างมาเพื่อคุณ
จากคุณ :
imong
- [
22 พ.ค. 51 19:44:46
]