ความคิดเห็นที่ 14
ครับ จะยกตัวอย่างให้ดูนะครับในการ revise essay
(ดูรูปด้านล่างที่ความเห็นที่ 16 ประกอบครับ)
อย่างที่เขียนไว้ในความเห็นที่ 2 นะครับ ที่ให้การบ้านไป คือดูไปทีละย่อหน้าว่าแต่ละย่อหน้าเขียนเรื่องอะไร จะเห็นว่า ย่อหน้า 1 มีเรื่อง school, work, inspiration, family business เห็นไหมครับว่าย่อหน้าเดียวมีหลายเรื่อง ทั้งๆ ที่ควรจะมีแค่ 1 เรื่อง หรือว่าถ้าจะมีหลายเรื่อง แต่ละเรื่องต้องมีความสัมพันธ์กัน
ทีนี้มาดูย่อหน้าที่ 2 จะเห็นว่ามีเรื่อง family business, inspiration, long-term vs short-term plans ย่อหน้านี้มี 3 เรื่อง แต่เรื่องที่ 1 และ 2 เกี่ยวเนื่องกัน เกี่ยวกันในแง่ที่ว่าเพราะว่าคุณเห็นปัญหาใน family biz คุณจึงเกิด inspir. (เหตุ และ ผล) ดังนั้นจับมันอยู่ด้วยกันได้
แต่ทีนี้เราต้องดูอีก 2 เรื่อง
1. โจทย์ต้องการเรื่องราวในชีวิตที่จะช่วย support candidacy ไม่ใช่เรื่องอะไรก็ได้ (ไม่อย่างนั้นเขียนหนังสือชีวิตก็ไม่จบ ถูกไหมครับ) เลยต้องมาดูว่าตรงไหนเป็นน้ำ ตรงไหนเป็นเนื้อ ดูย่อหน้าสองเป็นตัวอย่างนะครับ ตอนที่พูดถึงธุรกิจที่บ้าน คุณดูเหมือนจะอธิบายมากเกินไป น่าจะบอกแค่ว่าบริษัทที่บ้านทำอะไรสั้นๆ แล้วไปลงรายละเอียดตรงมีปัญหาอะไร จะแก้ยังไงมากกว่า ที่ต้องลงรายละเอียดตรงนี้เพราะว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่แสดงให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่า (1) เราวิเคราห์ปัญหาเป็น และ (2) เราคิดว่าเราอยากเรียนต่อเพราะว่ามีแรงจูงใจตรงนี้ ไม่ใช่เพราะว่าอยากเรียนสนุกๆ
ในทางตรงข้าม ถ้าคุณไปอธิบายตรงธุรกิจที่บ้าน ถามว่าทางมหาวิทยาลัยจะรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับ "ตัวคุณ" -- คำถามนี้แหละครับสำคัญ ทุกอย่างที่เราเลือกใส่ลงไป ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ "ทางมหาวิทยาลัยจะรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับ "ตัวคุณ" และสิ่งที่เค้ารู้จะช่วยตัดสินเลือกคุณเข้าเรียนต่อหรือไม่" เช่นเดียวกันลองดูย่อหน้าที่ 6 นะครับ ตรงที่บอกว่า "I like reading moral book[s] and also pray before going to bed." ถามคำถามเดิมว่า "ข้อมูลนี้ทำให้ทางมหาวิทยาลัยจะรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับ "ตัวคุณ" และสิ่งที่เค้ารู้จะช่วยตัดสินเลือกคุณเข้าเรียนต่อหรือไม่"
ลองถามคำถามนี้กับทุกอย่างที่คุณบอกเล่าใน essay ครับ แล้วจะได้คำตอบว่าอะไรคือเนื้อ อะไรคือน้ำครับ
2. เรื่องเดียวกัน ต้องเอาไว้ใกล้กัน เช่นย่อหน้า 1 และ 2 มีเรื่องเดียวกันอยู่คือ inspir. ดังนั้นอย่าแยกมันออกจากกันครับ เก็บมันไว้ด้วยกัน ทำเป็น anchor ถ้าจะให้ผม revise "แค่" สองย่อหน้านี้ ผมจะ revise แบบนี้
Two driving forces that have propelled me to want to continue my graduate studies are the problems I have seen from my family business and the desire to learn more about administration. Growing up, I have also been interested in my family small snack business. Recently I have realized that our business faces two problems. First its trading parameter is too narrow; that is, our factory has for many years focued its target only domestically. I think in today's world it needs to trade with other countries. Also, its revenue is unstable -- which, I suspect, is a result of insufficient marketing effort. (อธิบายว่าทำไมเราคิดว่า marketing ถึงเป็นตัวการสำคัญของปัญหานี้). I want to step in and take responsibilities for these two problems and in order to that I have realized that a xxx degree would be of much help.
In addition, after I graduated from Assumption University with a BBA degree (Advertising Management), I held a position as a sales executive and marketing officer at two companies: first at xxx and later at xxx. In general, I was responsible for the hiring processes and marketing. At xxx company in particular, my responsibity included xxx. Working as a sales executive and marketing officer I not only grew fond of it but also realized that there is so much more that needs to be learned. Along with the family biz, these also are the reasons why I wish to go to graduate school.
อันนี้เป็นตัวอย่างการ revision นะครับ สังเกตว่า
1. มันเปลี่ยนไปเลย อย่างที่บอกครับ มันจะต้องตัดๆ ทิ้งๆ เกลาๆ ไม่ใช่ที่เขียนมาใน draft ใช้ไม่ได้หรือไม่สำคัญ จริงๆ สำคัญมากๆ เพราะว่ามันคือวัตถุดิบที่เราต้องมีเพื่อมาเกลา
2. ใช้เวลาในการ revise เพราะว่ามันไม่ใช่แค่การแก้แกรมม่าร์ หรือเครื่องหมาย มันคือการแต่งความคิดใหม่
3. ตรงนี้ลอกไปไม่ได้นะครับ (1) ผมเขียนพอให้เห็นภาพคร่าวๆ ไม่ได้ตั้งใจเขียนลงรายละเอียดมาก (2) เพราะว่ามันเป็นแค่ 2 ย่อหน้า thesis/anchor มันเลยไม่ครอบคลุมทั้ง essay คุณต้องหา thesis/anchor ให้เจอ แล้วเขียนทุกย่อหน้าให้ตรงไปตาม thesis/anchor (อย่างสองย่อหน้านี้มี thesis/anchor = ทำไมถึงอยากเรียนต่อ -- Two driving forces that have propelled me to want to continue my graduate studies are the problems I have seen from my family business and the desire to learn more about administration.)
การหา anchor นั้นต้องทำตามอย่างที่บอกครับ คือ ดูแต่ละย่อหน้าว่าเขียนอะไรไป แล้วเอาที่เหมือนกันมารวมกัน หรือใกล้ๆ กัน จากนั้นลองดูว่าอะไรเป็น thesis/anchor ใหญ่ เหมือนทำแผนผังต้นไม้หนะครับ
4. สังเกตไหมครับว่าทำไมผมไม่แก้ grammar ให้ เพราะว่า -- ถ้ายึดวิธีเขียนตามผม -- สิ่งที่เขียนมายังไม่พร้อมที่จะแก้ grammar ครับ แก้ไปแล้วก็ต้องเปลี่ยนใหม่ หรือลบทิ้ง ทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ครับ
5. อีกอย่างจะเห็นว่าสองย่อหน้าไม่ใช่ลิสต์ว่า ย่อหน้า 1 พูดเรื่องงาน ย่อหน้า 2 พูดเรื่องธุรกิจที่บ้าน แต่ทั้ง 2 ย่อหน้ามี "relationship" ต่อกันโดยมี thesis/anchor ตรึงไว้นะครับ
น่าจะพอได้นะครับ เหนื่อยและ เขียนเยอะมั่กๆ >"< เอาอันนี้เป็นตัวอย่างแล้วกันนะครับ วันหลังคงไม่มีเวลาอธิบายยาวๆ แบบนี้นะคับ ฮ่าๆๆ คือถ้านั่งอธิบายตัวต่อตัวมันจะง่ายกว่านี้อ่า แต่เขียนอธิบายมันกินเวลายาวเกิน -*-
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 10:56:59
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 10:52:36
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 10:43:47
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 10:36:13
จากคุณ :
เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง
- [
2 มิ.ย. 51 10:35:21
]
|
|
|