ความคิดเห็นที่ 1 อ๊ะ รูปไม่ึขึ้น... จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 20:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สถานที่สอบ ผมได้รับคำแนะนำจากพี่คนหนึ่งว่า ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า ดีมาก ๆ ห้าดาว ๆ เลยตัดสินใจว่าจะไปสอบที่นู่น และก็ลงทุนไป survey ก่อนหนึ่งวันกันหลง สถานที่หาไม่ยากครับ โดดเด้งมาก เสียอย่างเดียวตรงที่ไกลไปหน่อย แต่วันสอบจริงมีน้ำขนมกาแฟบริการเพียบ (แต่ตอนนั้นกินไม่ค่อยลงอ่ะ เครียด) ที่แปลกใจคือมีคนมาสอบเยอะมาก สามสิบกว่าคนได้ เต็มโควต้าเลย แถมมีคุณพ่อคุณแม่และคุณแฟนมาให้กำลังใจกันเพียบ บรรยากาศเลยคึกคักยังกะช่วงเลือกตั้ง อุปกรณ์ ดีมากมายครับ อุปกรณ์ค่อนข้างใหม่ มอนิเตอร์เป็นแบบจอแบน ไม่สะท้อนแสง อ่านง่ายสบายตา ที่สำคัญ คือมีพาร์ติชั่นกันระหว่างผู้สอบ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ตอน Speaking ก็ได้ยินเสียงคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้รำคาญ เจ้าหน้าที่ บริการดีครับ ขนาดผมมีปัญหาว่า id ในใบที่ print out กับในใบลงทะเบียนไม่ตรงกัน เขาก็ให้สอบ ผมก็ถามต่อว่าไม่มีปัญหาจริงอ่ะ เขาก็ยิ้ม ๆ บอกว่าไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ อ้อ วันสอบอย่าลืมเตรียมหลักฐาน คือ ใบ print out จากทาง ETS และพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนนะครับ และแล้วก็ถึงเวลาสอบจริง อย่างแรกก็ถ่ายรูปกันก่อน แชะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราไปนั่งที่โต๊ะสอบ และจัดการเปิดระบบให้ จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 20:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Reading ปกติวิธีที่ผมฝึกมาคือ อ่าน Reading ทั้งหมดก่อน เน้นว่าให้เข้าใจ+เห็นภาพ แล้วค่อยไปตอบคำถามโดยไม่ต้องอ่านซ้ำ ซึ่งตอนฝึกก็ค่อนข้างได้ผล แต่พอมาเจอของจริง passage แรก อ่านจบไปหนึ่งรอบ ก็เกิดอาการที่ว่า "ตรูอ่านอะไรไปฟะ..." เพราะความยากและความยาว น้อง ๆ GMAT เลยทีเดียว เรียกได้ว่าแทบอยากจะแกล้งเตะปลั๊กให้ไฟดับแล้วกลับไปเตรียมตัวใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป พอรวบรวมสติได้ (หลังจากเวลาผ่านไป 10 นาที) ก็นึกถึงคำแนะนำของคุณ "เมื่อลมแรงฯ" ที่ว่าไม่ต้องอ่านหมด เอาแค่บรรทัดแรกของแต่ละ paragraph แล้วไปตะลุยโจทย์เลย แต่เวลาที่เหลืออีกแค่ 10 นาที กับโจทย์ 14 ข้อ ก็ทำให้ล่กเอาการ ก็เลยข้ามไปทำข้อที่ง่าย ๆ ก่อน เช่น ข้อที่ถามว่า pronoun นี้ refer ถึงอะไร? หรือคำนี้ความหมายใกล้เคียงกับคำว่าอะไร? ซึ่งแทบไม่ต้องอ่านก็พอทำได้ โจทย์แบบนี้มีหลายข้อ ยิ่งทำเยอะ กำลังใจก็เริ่มมา ส่วนข้อถามที่ detail หรือต้อง imply นั้นก็ต้องออกแรงอ่านกันพอสมควร แต่จำไว้ว่า ทุกคำตอบมีอยู่ใน passage ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะหาเจอหรือเปล่า ด้วย strategy นี้ ขอสารภาพว่าผมไม่เข้าใจ passage เลย แต่พอทำโจทย์ได้ ก็เลยงง ๆ อยู่ว่าได้คะแนนมาได้ไง... อีกอย่างคือโชคดีที่เจอข้อสอบแบบแค่ 3 reading ไม่งั้นคงน้ำลายฟูมปากไปแล้ว สำหรับคนที่จะเตรียม part นี้ ขอแนะนำให้อ่านของ Cambridge ครับ เพราะความยากและความยาวใกล้เคียงของจริงมาก ทำบ่อย ๆ และพยายามจำลองสถานการณ์เหมือนสอบจริง คือทำติดกันเลยสามอัน ชั่วโมงหนึ่ง จะได้ชินกับความรู้สึกว่าอยากจะอ้วกเป็นภาษาอังกฤษนั้น มันเป็นยังไง... จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 20:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Listening ตอนนั้น ผมค่อนข้างเสียความมั่นใจตรง Reading ไปพอสมควร แต่พยายามคิดว่า ต้องไม่ให้มันมากระทบ part อื่นได้ ผมฝึกเรื่องการฟังมานานพอสมควรครับ ด้วยการฟัง audiobook และ VOA ซึ่งช่วยได้มาก เพราะฟังออกทุกคำ ที่เหลือก็คือสมาธิว่าจะหลุดหรือเปล่า สำหรับ part นี้ บางคนก็ take note ขณะฟัง ซึ่งผมทำแล้วพบว่า เวลาผมพยายามจดอะไร ก็จะทำให้หลุดอีกประเด็นไปเลย ไม่คุ้มกัน หลัง ๆ ผมใช้วิธีนั่งหลับตาฟังเลย (แต่ก็ชำเลืองมอนิเตอร์เป็นระยะ) ซึ่งได้ผลกับผมมาก เพราะไม่เสียสมาธิ และเวลาตอบ ผมก็ไม่ต้องและไม่ชอบอ่านโน้ตอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีทักษะในการสร้าง Mental Picture ด้วย ใน part Listening นั้น จะไม่สามารถย้อนกลับมาทำข้อก่อน ๆ ได้ ซึ่งผมชอบนะครับ เพราะว่ามันวัดใจดี คือถ้าเราอ่านโจทย์เนี่ย ถ้าเราตอบได้ มันก็คือตอบได้เลย คลิกได้ทันที เพราะคำตอบมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว แต่ข้อไหนที่หลุด ฟังไม่ทันเนี่ย คิดให้ตายก็คิดไม่ออก (เพราะลืมฟัง) อีกอย่างคือ ผมเคยทำงานเกี่ยวกับดนตรีในห้องอัด ซึ่งต้องฟังนาน ๆ ด้วยมั้งครับ เจอไป 8 listening passages ก็ยังโอเค ประมาณว่ายังได้อีก ๆ แต่ที่พลาดไปบางข้อคงเป็นเพราะใจลอยมากกว่า... จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 20:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 [ไม่ได้โพสต์นาน โพสต์ผิดโพสต์ถูก คห.ที่แล้วลืมใช้สีประจำตัวเรย] Speaking จริง ๆ ที่ช็อคก็ part นี้นี่แหละครับ เพราะเป็น part ที่ผมเตรียมตัวจริงจังที่สุด และค่อนข้างมั่นใจว่าพอทำได้ (คืออาจจะไม่ดีเท่าที่คิด แต่ก็คิดว่าพอทำได้) เห็นคะแนนก็เลยตกใจอยู่ แต่พอมานึกอีกทีก็รู้สึกว่าตอนนั้น พูดด้วย speed ที่เร็วไปหน่อย จนอาจจะฟังไม่ออก ที่สำคัญคือ "ตื่นเต้น" จนนึกคำไม่ออก ต้องอธิบายอ้อม ๆ เสียเวลาไปซะงั้น แต่จะว่าไป Speaking นี่เป็นทักษะที่คนไทย (รวมถึงผม) ค่อนข้างอ่อนเมื่อเทียบกับ skill อื่น เพราะเราเน้นอ่าน เขียน ฟัง เป็นหลักมานาน ขณะที่ speaking นึ่มาฝึกเอาทีหลัง กว่าจะขุนขื้นก็คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ ๆ น่ะครับ แต่ แต่ ไอ้การให้มาเตรียม 15 วิ และพูด 45 วิ หรือ 20 วิ และ 60 วิ นี่มันหนักหนาเอาการเลยนะครับ อย่างเวลาอ่านเขียน เราหลุดตรงไหนก็ยังพอแก้ได้ มีเวลาให้หายใจ ส่วน Speaking ใน TOEFL เนี่ย ถ้าหลุดแล้วโอกาสกลับตัวยาก แถมให้พูดกับคอมอีก พิลึกดีแท้ ถ้าพูดกับคนจริง ๆ ก็ยังดึงจังหวะได้ แต่ยังไงผมก็เห็นว่านี่เป็นทักษะที่ท้าทายและเป็นประโยชน์มาก ๆ ครับ จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 20:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Writing part นี้ผมเตรียม pattern สำเร็จรูปไปเลย คือกะเลยว่า ไม่ว่าจะถามอะไร ผมก็จะตอบเขียนว่า: There is an ongoing discussion wheter .... While some may ..., others prefer .... In my opinion, there are three important reasons why ... ส่วน integrated task ก็ประมาณว่า According to the lecture, the professor made several points about .... The professos states that ... However, the reading claims that ... The professor's lecture casts doubt on the reading by using a number of points as follow. ซึ่งการเตรียม pattern นี้เข้าไป ช่วยแก้ปัญหาเขียนไม่ออก (Writer's block) คือถ้าประโยคแรกไม่มา ประโยคอื่น ๆ ก็จะไม่ตามมาด้วย อีกอย่างที่สำคัญคือเรื่อง outline ครับ อย่าฟุ้งซ่าน เขียนไปเรื่อย เอา keyword มาก่อน แล้วคิดว่าจะเอาอะไรมา support เวลาเขียนต้องคำนึงเสมอว่า ไอ้ประโยคที่เราเขียนเนี่ย มันช่วย substantiate ประโยคหน้าหรือเปล่า ซึ่งทำให้เกิด coherence และที่สำคัญ อย่าให้คำยาก ๆ ครับ ถ้าไม่มั่นใจจริง ๆ การใช้คำหรู ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ได้คะแนนสูง ๆ เสมอไป เพราะถ้าใช้ผิด ก็จะถูกหักคะแนนทันที เทียบกับใช้คำง่าย ๆ แต่ถูกบริบทและสื่อสารได้ชัดเจน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการที่เราจำ collocation จึงมีส่วนช่วยได้มาก และที่สำคัญ ๆ อีกอย่าง กรุณาฝึกพิมพ์สัมผัส (ภาษาอังกฤษ) ให้เป็นด้วยนะครับ ผมขอ... จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 20:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ;] สุดยอดเลยยยย หนูจะทำให้ได้อย่างพี่บ้าง 555 อยากเก่งภาษา T_____________T จากคุณ : gloomie - [ 2 มิ.ย. 51 20:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อยากจะถามคุณนัท305 หน่อยน่ะคะว่าการเตรียมตัวเพื่อสอบ TOFEL ต้องทำอย่างไงบ้างเอ่ยมีการซื้อหนังสือหรือว่าเข้าคอร์สเรียนไหมค่ะ พอดีตอนนี้เรียนหนังสืออยู่อ่ะคะใกล้จบแล้วจึงอยากจะสอบ TOFEL แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน วานช่วยบอกหน่อยน่ะคะ จากคุณ : ต้มยำแซ่บ (ต้มยำแซ่บ) - [ 2 มิ.ย. 51 20:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ากลุ่มย่อยมาเห็นชื่อนัท305 นึกว่าตาฝาด และแล้วก็ได้ฤกษ์โพสต์ซะทีนะแก ฉันรออ่านมานานมากๆ แล้ว ขอแสดงความยินดีกับคุณเพื่อนอีกรอบนะ (^_^) จากคุณ : Flowery - [ 2 มิ.ย. 51 21:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณหลายคุณ Flowery  ฉันบอกหมดใส้หมดพุงแล้วนะ คุณต้มยำแซ่บ (เห็นชื่อแล้วเปรี้ยวปาก หุ ๆ...) ต้องลองถามตัวเองก่อนครับ ว่ามีพื้นฐานภาษาอังกฤษ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ระดับไหน ถ้าพอมี ก็ลองหาหนังสือมาอ่านเองดูก่อนก็ได้ ทำโจทย์ reading กับ listening เยอะ ๆ part writing แรก ๆ ลองฝึกเขียนตาม pattern ในหนังสือไปก่อน ส่วน speaking นี่ลองกำหนดเวลาเหมือนของจริง (45 หรือ 60 วินาที) แล้วอัดเสียงเวลาเราตอบดู ว่าพอฟังรู้เรื่องไหม เพราะว่า....... สำหรับผม ที่เรียนมาก็ได้ใช้บ้างน่ะครับ แต่ต่อให้ได้อาจารย์ระดับเทพ ก็ไม่สำคัญเท่ากับ การฝึกฝนด้วยตัวเองเยอะ ๆๆๆๆๆๆ หมั่นท่องศัพท์ จำ pattern ที่เขาใช้กัน จำ grammar ให้ได้ชนิดที่เวลาจะพูดหรือเขียนไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะใช้ tenseไหน ใส่ article อะไร ฯลฯ ดูหนัง ฟังเพลง คิด เขียน ให้เป็นภาษาอังกฤษ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนถึงระดับที่ว่าสามารถ communicate in English effortlessly ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ต้องฝึกเองอ่ะครับ... จากคุณ : นัท305 - [ 2 มิ.ย. 51 21:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาแสดงความยินดี อิอิ จากคุณ : ทอย (coyotybaby) - [ 2 มิ.ย. 51 22:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สุดยอดครับ ฝึกด้วยวิธีไหนถึงจะได้ระดับนี้ครับเนี่ย ... " จนถึงระดับที่ว่าสามารถ communicate in English effortlessly " ผมว่าคุณนัท305 คงต้องแม่น Grammar และรู้ศัพท์เยอะมากแน่ๆ ถึงได้ Writing 30 เต็ม .. สุดๆ จากคุณ : Klinsmann - [ 3 มิ.ย. 51 00:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยินดีด้วยงับๆๆๆ เก่งๆๆ :o) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 3 มิ.ย. 51 07:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยินดีด้วยครับ เก็บใส่คลังไว้เรียบร้อย เผื่อจะสอบบ้าง จากคุณ : ไข่ต้มกะนมอุ่น - [ 3 มิ.ย. 51 12:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาแสดงความยินดีกับคะแนนอันเยี่ยมยอดของคุณนัท305 ด้วยคนครับ ขอบคุณสำหรับ TOEFL Tips แบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว นะครับ จากคุณ : Power Tough Guy - [ 3 มิ.ย. 51 16:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อคืน อ่านไป 1 รอบ วันนี้มาอ่านอีกรอบ ดีมากๆ เลย เราว่าจะเอาไปใช้กับการสอบของเรานะ คุณ Klinsmann ตั้งข้อสังเกตว่าคุณนัทต้องแม่น Grammar และรู้ศัพท์เยอะมากแน่ๆ จริงค่ะ คุณนัทเตรียมตัวมานานและปึ้กมากๆ สงสัยอะไรถามเค้าจะได้คำตอบ บางอันที่ตอบไม่ได้ก็พยายามค้นให้ เคยอ่าน essay คุณนัท เห็นแล้วตะลึง การเลือกใช้คำ การดำเนินเรื่อง สไตล์การเขียน อ่านดูแล้วรู้เลยว่ามีพื้นฐานมาดี หรือเวลาพูดคุยแสดงความคิดเห็น เค้าพูดได้ลื่นมากๆ เพราะเค้าคิดเป็นภาษาอังกฤษจนคล่อง และมีคลังคำศัพท์ รูปแบบประโยคในสมอง พร้อมที่จะเรียกออกมาใช้ สรุป+เสริมจาก TOEFL Tips ที่คุณนัทแนะนำ - ต้องขยันทำแบบฝึกหัด แต่ไม่ใช่แค่ถึก ต้องมี strategies ด้วย - รู้จักบริหารเวลาทั้งตอนเตรียมตัว และตอนทำข้อสอบ - รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากเผลอใจลอย ดึงใจกลับมา อย่าไปเสียกำลังใจ ยังมีข้อสอบอีกหลายข้อรอเราอยู่ - รู้จักใช้จินตนาการ, สร้าง Mental Picture ไม่เพียงสอบ TOEFL หรอกค่ะ ตอนนั้นเล่าเรื่องให้คุณนัทฟัง คุณนัทยังหลับตาฟังเลยค่ะ เราก็งงว่าคุณนัทเป็นอะไรไป เราเล่าจนเพื่อนหลับเลยหรือนี่ - มีสมาธิ ข้อนี้สำคัญ นี่คือสาเหตุว่าทำไมบางที่แนะนำให้นักเรียนสวดมนต์ เป็นกุศโลบายที่ดีนะ สำหรับเรา เราไม่ได้เคร่งอะไรนะ แต่พยายามกำหนดรู้อยู่ทุกขณะจิต เช่น เผลอเล่น MSN อีกแล้ว log out ออกมาซะดีๆ, การบ้านยังไม่เสร็จ อย่าเพิ่งมาตอบกระทู้ เป็นต้น - Speaking ฝึกแบบสอบจริงเลย จับเวลา เราอัดเสียงเราด้วยนะ วิเคราะห์ว่าฟังรู้เรื่องมั้ง ตอบตรงประเด็นรึเปล่า จะว่าไปเสียงเรามันแปร๋นๆ ยังไงไม่รู้ แต่หัวเราะเยาะตัวเองก่อน ดีกว่าคะแนนออกมาไม่ดีแล้วแก้ไม่ทันนะ - หลายคนไม่อยากจำ แต่สำคัญนะคะ ไม่จำก็ไม่มี content ที่เราจะดึงออกมาเมื่อต้องการใช้ การจำมีเทคนิค ไม่ใช่จำดะ ไม่งั้นมันจะได้แค่ short memory - ที่สำคัญต้องมีวินัย ไม่ใช่ผลัดวันประกันพรุ่ง ทำตารางเวลาไว้เลย ว่าฝึกอะไรเมื่อไหร่ จะทำข้อสอบวันไหน ทบทวนเมื่อไหร่ แต่ยืดหยุ่นได้จ้ะ เราว่าความสำเร็จของคุณนัทเกิดจากหลายๆ ปัจจัยผสมผสานกัน ทั้งจากความขยันหมั่นเพียร + ความตั้งใจจริง + พลังแห่งความคิดเชิงบวก + บุญบารมีทีคุณนัทสั่งสมมา ทำให้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ว่าแต่อย่าลืมพาเราไปเลี้ยงนะจ๊ะ จากคุณ : Flowery - [ 3 มิ.ย. 51 16:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พี่มาอยู่อังกฤษได้ปีกว่าแล้ว แต่ฟังไม่ทันเลย ยิ่งแถวที่อยู่เป็นเมือง birmingham ด้วย ภาษานี่แปลกมากกกกก เร็ว ดูทีวีเข้าใจ เพราะในทีวีจะใช้ภาษาแบบอังกฤษจริงๆ แต่พอมาพูดกะคนแถวบ้าน คนท้องถิ่นนี่ หวิ่นหวือเลย คือเข้าป่าไปเลย จนป่านนี้ ก็ยังหางานไม่ได้ เพราะฟังไม่ออก...พูดก็แย่ แต่พี่ชอบคนเก่งนะคะ อย่างน้องพี่ก็เข้าไปอ่านบล๊อค ชื่นชมค่ะ ยังเด็กแต่ก็เก้งเก่ง....แก่อย่างพี่คงฟื้นยากแล้วค่ะ.........ชื่นชมนะคะ จากคุณ : กำลังฝึกหัดจ้า - [ 3 มิ.ย. 51 17:06:23 A:82.36.147.246 X: TicketID:171778 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขบคุณมากครับ ได้สาระและtipsต่างๆในการทำข้อสอบมากมาย เดี๋ยวจะลองเอาไปใช้ดูบ้างในการสอบครั้งต่อไปซึ่งหวังว่าผมคงจะได้คะแนนดีกว่านี้ จากคุณ : the great of me - [ 4 มิ.ย. 51 07:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยินดีด้วยค่ะ อ่านแล้วเป็นประโยชน์มากทีเดียว ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่าตัวเองจะขยันได้แค่ไหน สู้ๆด้วยคนค่ะ ^^ จากคุณ : PPTaro - [ 4 มิ.ย. 51 13:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ร่วมแสดงความยินดีกับคุณนัท ที่กระทู้หนึ่งแล้ว   งานนี้มาตามเก็บ Tips ดีๆ ของคนเก่งอีกค่ะ แปะมือแท็คทีมกับคุณ Flowery ก็ได้เนื้อหาและข้อแนะนำกันไปโขอยู่นะคะ ***แก้ไขคำผิดจ้ะ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 03:51:20 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 03:50:23 จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน - [ 5 มิ.ย. 51 03:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แหะๆ กลายเป็นแท็คทีมไปเลย ตอนแรกว่าจะเข้ามาโพสต์นิดเดียว ทำไปทำมายาวเชียว เพื่อนๆ ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์คุณนัท305 เพิ่มเติมได้ที่กระทู้ K6693470 นะคะ นัท305 Live Interview on pantip.com! by Flowery http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6693470/K6693470.html จากคุณ : Flowery - [ 11 มิ.ย. 51 20:24:38 ]