ความคิดเห็นที่ 1 ต้องสอน A - Z ก่อน แล้วสอนเรื่องสระในภาษาอังกฤษ จากนั้น สอนเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆ เช่น This is a book. เอาแค่นั้น Yes No คือไม่ยังต้องบอกว่าประธานประโยคต่างๆ มีอะไรบ้าง เน้นเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆและคำนามง่ายๆด้วย ค่อยๆไป ลองเอาหนังสือภาษาอังกฤษ ป.1 เป็นปฐมเลยดีกว่า จากคุณ : ไกด์ไม่เก่า - [ 5 มิ.ย. 51 12:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คู่มือภาษาอังกฤษของ Oxford หรือ Cambridge ค่ะ จะเริ่มจากพื้นฐาน beginner ไปจนถึง advance เลยค่ะ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ จากคุณ : รักเฌอ..ประเทศไทย - [ 5 มิ.ย. 51 13:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดิฉันเคยมีประสบการณ์(quite an experience, I might say.) ต้องสอนนักเรียน(อายุไม่น้อย)ที่ไม่มีพื้นฐานเลยค่ะ และไม่สามารถสอน grammar ได้เลย เพราะเค้าไม่สามารถอ่านออกได้เลย เค้ารู้แต่ท่อง A-Z ค่ะ พอสอนอะไรไป เค้าก็บอกว่าไม่ต้องการเรียนตรงนี้เพราะไม่รู้เรื่อง แต่เค้าต้องการจะอ่านออก สะกดคำได้ คือประมาณเค้าเห็นภาษาอังกฤษเค้าก็ไม่รู้จะอ่านยังไง สะกดไม่ออกค่ะ คือยิ่งกว่า beginner ตามสถาบันน่ะค่ะ(เพราะ beginner ยังมีพื้นฐานแกรมม่าบ้าง) และเค้าจะไม่กล้าไปเรียนตามสถาบันเนื่องจากรู้ตัวว่าเรียนไม่รุ้เรื่องแน่ๆ และคงอายด้วยค่ะ ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากแนะนำให้สอนเหมือนสอนเด็กน่ะค่ะ หัดด้วยการผสมคำก่อน ขออนุญาตกอปี้วิธีผสมคำที่ดิฉันโพสต์ไว้จากกระทู้ด้านล่างมาค่ะ ฝรั่งเค้าจะเทียบเสียงให้เด็กท่องเช่นนี้ค่ะ cat อ่านว่า เคอะ แอะ เทอะ แคท snake เซอะ เนอะ เอ(แอะ+เอะ, a+e) เคอะ(big) สเนค เฟอะ(จริงๆเค้าออกแค่ ฟ นิดหน่อยนะคะ ไม่ได้ออกชัดเป็นเฟอะ แต่เอาเข้าใจง่ายๆ ละกันค่ะ) อิ ชื่ อ่านว่า ฟิช (Fish) เคยมีเพื่อนฝรั่งมาเห็นวิธีการให้เด็กอ่านสะกดแบบ ซี เอ ที แคท แล้วเค้าก็คงว่าแล้วอย่างนี้จะสะกดคำเป็นได้อย่างไรน่ะค่ะ ลองดูด้านล่างเพิ่มเติมค่ะ แอะ(a) เบอะ(b) little เคอะ(c) เดอะ(d) เอะ(e) เฟอะ(f) เกอะ(g) เฮอะ(h) อิ(i) เจอะ(j) big เคอะ(k) เลอะ(l) เมอะ(m) เนอะ(n) โอะ(o) เพอะ(p) เควอะ(q) เรอะ(r) เซอะ(s) เทอะ(t) อุ, อะ(u) เฝอะ(v) เวอะ(w) ซี(x) เยอะ(y) ซี่(zก้องกว่าx) ดิฉันพยายามเทียบเสียงที่ใกล้เคียงเพื่อความเข้าใจง่ายที่สุดนะคะ ยกตัวอย่างเช่น but คำนี้ เสียง [u] ออกได้สองอย่าง คุณก็ต้องจำแล้วล่ะค่ะ ว่าจะออกเป็น อุ หรือ อะ ซึ่งที่ถูกคือ อะ เป็น เบอะ อะ เทอะ บัท อันนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์เฉยๆ นะคะ นักเรียนของคุณ tadaima อาจไม่ถึงขนาดนี้ก็ได้นะคะ แต่เห็นพูดเรื่องการผสมคำน่ะค่ะ จากคุณ : ผ่านมา - [ 5 มิ.ย. 51 15:52:00 A:119.11.41.176 X: TicketID:166806 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าจะมีรายละเอียดมากกว่านี้นะครับ  อาทิเช่น จะเรียนไปใช้ในโอกาสอะไร ศึกษาต่อ  ชีวิตประจำวัน หรือเพื่อประดับความรู้  ฯลฯ จากคุณ : พิรุณพฤจิก์ - [ 5 มิ.ย. 51 16:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากครับ ขอผมเรียนเพื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันครับ คือ(ไม่อยากบอกเลย)ประมาณว่าทำงานกลางคืนอะไรอย่างนั้น เดี๋ยววันนี้จะกลับไปดูหนังสือที่ร้านก่อน ถ้ามีอะไรแนะนำเพิ่มเตมก็ยินดีนะครับ จากคุณ : tadaima - [ 5 มิ.ย. 51 17:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 วิธีแบบใน คห.ที่ 3 นี่ผมเคยเห็นใน electronic dictionary ของ Franklin เลยนะครับ เขาเรียกว่าระบบ Dynamic Phonics Guide (DPG) โดยออกเสียงตามเสียงที่ออกจริง ๆ ไม่ใช่ตามตัวสะกดซึ่งคนไทยถนัด เช่น juice ก็ออกเป็น จุ๊ยซ์ vegetable ก็เป็น วีเก๊ทเทเบิ้ล ซะงั้น เพราะบ้านเรา เวลาเรียนภาษาอังกฤษ มาถึงก็ท่อง A B C เลย แล้วหัดผสมคำเลย โดยเอามาผูกกับเสียงในภาษาไทย แทนที่จะฝึกพูดก่อน พูดง่าย ๆ คือบ้านเรา ดันเรียนเขียนอ่านก่อน แล้วค่อยมาหัดฟังพูด ซึ่งมันสวนกับธรรมชาติน่ะครับ จากคุณ : นัท305 - [ 5 มิ.ย. 51 18:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอ่อ electronic dictionary ของ Franklin นี่ใช่ talking dic รึเปล่าคะ ยังไงก็ขอบคุณคุณ นัท305 ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ดิฉันไม่ได้เอามาจาก talking dic หรือหนังสือเล่มไหนหรอกค่ะ เพียงแต่มีโอกาสได้เห็นเด็กๆ อนุบาลฝรั่ง เค้าเรียนกันน่ะค่ะ และก็ทำให้การผสมคำง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะเด็กๆฝรั่งอนุบาลนี่อ่านหนังสือนิทานกันได้เป็นเล่มๆ แล้วค่ะ จากคุณ : ผ่านมา - [ 5 มิ.ย. 51 18:31:03 A:119.11.54.174 X: TicketID:166806 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าทำงานกลางคืน ก็สอนเป็นประโยคที่เค้าน่าจะได้ใช้ไปเลยก็ดีค่ะ จากคุณ : thaispicy - [ 6 มิ.ย. 51 10:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หากเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน  น่าจะสอนแบบให้ท่องจำรูปประโยคไปเลยนะครับ เน้นศัพท์เยอะๆ และเน้นวิธีการสนทนาตอบโต้โดยสมมติสถานการณ์ ในขณะเดียวกัน ก็สอนตัวอักษร สระ ภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย  วิธีที่ง่ายที่สุดคือสอนให้ร้องเป็นเพลง เอ่บี่ซีดีอี๊เอ๊ฟจี ฯลฯ และสอนสะกดคำเพื่ออ่านออกเสียงเริ่มจากคำง่ายๆ ประเภท cat rat bat  go no so etc. ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนเมื่อเขามีโอกาส ไปหาความรู้เพิ่มเติมต่อไป ในส่วนนี้อาจจะยกตัวอย่างให้เขาทำเป็นการบ้าน ก็คือ การอ่านป้ายชื่อถนน หรือบริษัทห้างร้านต่างๆ สำหรับหนังสือที่ผมว่าเข้าท่าที่สุด สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนเลย ก็จำพวกหนังสือเรียนรู้ภาษาอังกฤษในเวลาเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมง  ซึ่งจะมีประโยชน์มาก หากมีผู้คอยควบคุมและชี้แนะ วิธีการออกเสียง วิธีการใช้ประโยคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อาทิ กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ขึ้นรถ ขึ้นเครื่องบิน ขอยืมเงิน รับทอนเงิน ทวงเงินทอนจาก แม่ค้า ฯลฯ  และหนังสือแบบฝึกหัดเรียนของเด็กวัยเริ่มเรียน หรือเด็กป.1 ตามคคห. 1 ว่า นั่นแหละครับง่ายสุด จากคุณ : พิรุณพฤจิก์ - [ 6 มิ.ย. 51 10:45:04 ]