ความคิดเห็นที่ 1 เป็นธรรมดาการศึกษาต่ำ รายได้น้อย มักจะมีลูกเยอะ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร คงจะหวังพึ่งลูกหลายๆ คนเสียกระมัง จากคุณ : Atomic Secret - [ 13 มิ.ย. 51 01:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เขาไม่ได้วัตถุนิยมหนิครับ  แต่เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ มองโลก และรู้จักโลกอย่างผู้ใช้ชีวิต  จำเป็นด้วยหรือที่เด็กโตมา ต้องเพียบพร้อม ในทุกด้าน  ต้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด  แทบจะไม่ต้องกระดิกตัว ทำอะไร..? บางคน บางครอบครัว เขาคิดเพียงว่า เมื่อมีลูก ก็ทะนุถนอม กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู  พอให้แค่โต เรียนจบครบเกณฑ์  ลูกๆ ก็ออกไป หาเลี้ยงชีพได้ด้วยตัวเอง   ข้างบ้านผม เขามีลูกสิบสี่คน ได้ดีแทบทุกคน เพราะคนพี่ทำงานได้เงิน ก็ส่งเสียน้องๆ เรียนต่อๆ กันไป  ส่วนอีกข้างบ้าน มีลูกชายคนเดียว  อุตส่าห์ได้เรียนมหาวิทยาลัยก็ลุ่มๆ ดอนๆ เกือบได้บ้าง เกือบตกบ้าง  สุดท้ายลาออกไปเรียนต่อเมืองนอก ผลาญเงินพ่อแม่ ทำความหนักใจให้เท่าไร  เทียบกับได้ไหมกับครอบครัวที่มีลูกหลายคนน่ะ ปัจจุบันนี้  เราถูกแนวคิดวัตถุนิยมเข้ามาครอบงำจนกระดิกกระเดี้ยตัว ทำอะไรไม่ได้  จะทำอะไร ก็ต้องคิดโน่น คิดนี่  แต่สุดท้ายก็ต้องตกเป็นหนี้ อยู่ดี ไม่มีทางรอดพ้นเพราะวัฎจักรชั่วร้ายถูกวางแผนและปฎิบัติมาเป็นเวลา ช้านานแล้วที่จะสูบเลือดสูบเนื้อคนไทยอย่าให้ได้เงยหัว  ค่าใช้จ่ายรายชีวิต ของคนไทยแต่ละคน  ต้องเผื่อเฉลี่ยแบ่งให้กับหนี้สินของประเทศชาติ ต้อง หักไปให้กับต่างชาติที่เข้ามาลงทุน  ต้องจ่ายให้กับความลมๆ แล้งๆ ที่เราถูก ปลูกฝังจนเป็นค่านิยมว่าเราต้องมีต้องใช้  ด้วยเหตุนี้การมีลูกขึ้นมาคน ก็เท่า กับการเพิ่มโสหุ้ย เพิ่มภาระให้ครอบครัวอย่างมาก  เมื่อเทียบกับสมัยอดีต แต่ละครอบครัวมีลูกมาก แต่ค่าใช้จ่ายมันไม่สูงเหมือนอย่างสมัยนี้  รุ่นผม โตมา ได้เล่นเกมส์เครื่องแฟมิลี่  ตลับเกมส์คอนทร้า  ตลับเดียวก็ตะบี้ตะบัน เล่นอยู่ได้จนจบมหาวิทยาลัย  ลองดูเด็กสมัยนี้  เกมส์ออกใหม่ เล่นได้ไม่ ถึงสองเดือนก็ทิ้งแล้ว --เฮ่อๆ จากคุณ : highlander - [ 13 มิ.ย. 51 06:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 "...รุ่นผมโตมา ได้เล่นเกมส์เครื่องแฟมิลี่  ตลับเกมส์คอนทร้า  ตลับเดียวก็ตะบี้ตะบันเล่นอยู่ได้จนจบมหาวิทยาลัย  ลองดูเด็กสมัยนี้  เกมส์ออกใหม่ เล่นได้ไม่ถึงสองเดือนก็ทิ้งแล้ว.." >> แหม ไม่อยากบอกเลยว่ารุ่นผมเล่นอะไร ความจำเป็นของการวางแผนครอบครัวเกิดจากสังคมที่เปลี่ยนไป มันอยู่ที่มุมมอง สำหรับคนที่ยังอยุ่ในสังคมกสิกรรม การมีแรงคนเยอะๆเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเป็นปัจจัยเพิ่มผลผลิต ในขณะที่สังคมคนเมือง การเน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณเป็นสิ่งจำเป็น สังคมเปลี่ยน กติกาก็เปลี่ยน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 13 มิ.ย. 51 08:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเล่น Atari ^^ แต่ตอนเด็กกว่านั้นขี่รถไถ ย่ำฟาง(ปลูกเห็ด) เอาก้านกล้วยมาทำเลียนแบบปืน เอาเป่าไม้ซางยิงตุ๊กแก จริงๆบริบททางสังคมมันเปลี่ยนไปครับ จะเอาบรรทัดฐานเก่ามาใช้ย่อมไม่เหมาะสม การมีลูกมากๆโดยไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเลี้ยงดูเนี่ย มันเป็นปัญหาสังคมนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเสียด้วย จากคุณ : Nexus - [ 13 มิ.ย. 51 08:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อุปนิสัยการละเล่นของเด็กหญิงกับเด็กชายแตกต่างกันนะคะ เด็กผู้ชาย ชอบยิงนก  ตกปลา   ปั่นจิ้งหรีด  ..เป่าตุ๊กแก....??? เข้าข่ายชอบรังแกสัตว์หรือเปล่า   ส่วนเด็กผู้หญิงชอบเล่นอะไรก็รู้ๆกันอยู่   แต่ไม่ว่าจะเล่นอะไร  ก็มักจะโดนกลั่นแกล้งโดยเพศที่แข็งแรงกว่าเสมอ เรียกว่าเล่นของเราอยู่ดีๆ  พอเด็กผู้ชายเข้ามา  ก็วงแตกทุกทีสิ  ไม่รู้ทำไม เห็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณการศึกษาของเยาชนเข้ามาอุทรณ์เช่นนี้แล้ว   สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมบางอย่างของสังคมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเดียว       แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปจนเข้สู่ยุคดาวอังคารกันแล้ว ความเหลื่อมล้ำในระดับชั้นในสังคมค่ะ   ที่ทำให้ต้องเป็นเช่นนี้   ลองช่วยกันขยับความเหลื่อมตรงนั้น  ให้เข้าใกล้กันอีกนิดดีไหมคะ อะไรๆจะได้ดีขึ้น จากคุณ : Gasalong - [ 13 มิ.ย. 51 09:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่า เจ้าของกระทู้ก็พูดถูกนะ ไม่ต้องถึงกับเกิดมาสบายหรอก ขอแค่ให้ พอดำรงชีวิตได้แบบไม่ลำบากถึงขนาด อดอยากเลย บางครอบครัวลำบากจริงๆ มีลูกเยอะแล้วจะเกิดปัญหาสังคมได้ถ้าไม่มีเวลาอบรมนะครับ จากคุณ : พด - [ 13 มิ.ย. 51 09:42:55 A:203.156.87.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นปัญหาของการวางแผนครอบครับ... จากคุณ : K-phone - [ 13 มิ.ย. 51 10:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปัญหาของการไม่วางแผนครอบครัวค่ะ แต่ก็เข้าใจว่า คนฐานะยากจน เป้าหมายของชีวิตแต่ละวันคือ หาเงินมาเลี้ยงปากท้อง เลี้ยงครอบครัว โอกาสที่จะมาคิดวางแผนครอบครัวมันเป็นเรื่องยากพอสมควร ถ้าเค้าสามารถให้การอบรมดูแลลูกที่เกิดมาได้โดยไม่เป็นปัญหาสังคมก็นับว่าน่ายินดี แต่ถ้ามีเวลาผลิตแต่ไม่มีเวลาดูแล อันนี้แย่ค่ะ ไม่ได้จำกัดแค่คนฐานะยากจนเท่านั้น คนมีฐานะดีหลายๆคนที่ผลิตลูกออกมาแต่ไม่ให้การอบรมสั่งสอน ให้แต่เงินอย่างเดียวจนเด็กโตมาเป็นภาระสังคม อันนี้ก็เยอะค่ะ จากคุณ : สาวกคอมแบท - [ 13 มิ.ย. 51 11:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บนรถแท็กซี่... คุยกับคนขับแท็กซี่ เขาบอกว่าอยากมีลูกเยอะๆ เอาไว้เลี้ยงดูเขาตอนแก่ตัวลง เราถามว่า แล้วรายได้จะพอเลี้ยงลูกเหรอ ไหนจะของกิน ไหนจะค่าเทอม จำคำตอบเขาได้ขึ้นใจเลย เขาบอกว่า ก็ไม่เห็นต้องใช้เงินมากมายเลย ก็ส่งไปให้พ่อแม่ที่บ้านนอกช่วยเลี้ยง เดี๋ยวมันก็โตเอง ข้าพเจ้า : (ฮ่วย!) ที่ทำงาน... ผู้บริหารคนหนึ่งถามเจ้าหน้าที่คุมสต็อก : เมียเพิ่งคลอดลูกเหรอ คิดจะมีกันซักกี่คนน่ะ พนักงาน : มีคนเดียวก็พอแล้วครับ จะได้ดูแลให้ดีๆ ผู้บริหาร : ทำไมล่ะ มีเยอะๆ ไปเลยดีกว่า พนักงาน : ไม่ละครับ กลัวอุ้มไม่ไหว ผู้บริหาร : เฮ่ย ไม่เห็นไปไรเลย เดี๋ยวสังคมก็ช่วยอุ้มเอง ข้าพเจ้า : (ฮ่วย!) ความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม? จากคุณ : Guga - [ 13 มิ.ย. 51 11:15:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเห็นด้วยกับ จขกท  แ ละ คห ที่ ครับ ที่ผมเห็นนี้ คือประเภทที่ว่า พ่อ แม่ ไป คิดเอาเองว่า การมี ลูกมาก จะทำให้มี แรงงานมาก เมื่อมีแรงงานมากก็ จะมีรายได้มาก คือพูดง่ายว่า เค้าคิดแต่เรื่องทำมาหากิน เฉพาะตัวของเค้า โดยไม่คำนึง  ถึง ว่าเด็กจะ กินอยู่อย่างไร เลี้ยงอย่างไร ให้การศึกษาอย่างไร เพื่อให้เค้าเกิดมา เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม และประเทศ แต่ไปคิด เห้นแก่ตัวซะก่อน ของคนที่เป็นพ่อแม่ ผมก็เห็นมาแล้วครับ คนที่รู้จักกันครอบครัวมี ลูก 5  คน ชาย 3 หญิง 2 คนที่ได้เรียน คือน้อง คนสุดท้อง 2 คนครับ นอกนั้น ต้อง ออกมาทำงาน ช่วย พ่อ แม่ทำ มาหากิน โดยไป ขาย นำแข็งใส่ นำอัดลม  หน้าตลาดสดที่ผมอยู่นี้ละครับ เห็นแล้วก็สงสาร เค้า จบแค่ ป.6 ก็ต้องออกมาทำงาน อีก 2 คนไปอยู่โรงงาน ผลิต รองเท้า แตะ แถวชานเมือง นี้ละครับ คนไทย ทำอะไรไม่ค่อยจะคำนึงผลที่ตามมา แล้วมานั่ง ปวดหัวที่หลัง จากคุณ : okb - [ 13 มิ.ย. 51 11:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับ จขกท อย่างมากค่ะ และคิดว่า รัฐบาล ควรใส่ใจกับเรื่องนี้ด้วย - ทำการวิจัยว่า จำนวนบุตร มีผลต่อการเกิดปัญหาครอบครัวหรือไม่ ดิฉันคิดว่า รัฐบาลอาจมีการศึกษาข้อมูลกันอยู่แล้ว แต่ดิฉันก็อยากเห็นอะไรที่มันรวดเร็ว และชัดเจนกว่านี้ ไม่ได้ตำหนิ แต่ขอส่งแรงใจให้ดีกว่านะคะ เพื่อผลการทำงานที่ชัดเจนมากกว่านี้ ปัญหาของครอบครัวหน่วยเล็ก ๆ แต่หลายครอบครัวมันก็คือปัญหาสังคมนี่แหละค่ะ จากคุณ : รัตน์ - [ 13 มิ.ย. 51 12:59:26 A:203.121.167.241 X: TicketID:169779 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โห....เพิ่งถามคำถามนี้กับคนรอบข้างไปเมื่อวานนี้เองนะเนี่ย เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อย่าว่าแต่คนจนเลย คนที่มีฐานะปานกลาง ก็ไม่ควรมีลูกมาก ต้นทุนการเลี้ยงลูกในปัจจุบัน มันสูงมากเลยนะ แล้วไม่สงสารเด็กที่เกิดมาเหรอ คุณคิดว่า โลกนี้มันน่าอยู่มั๊ยล่ะ จริงๆแล้ว พอเด็กเกิดมา แล้วเจอสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างในปัจจุบัน เค้าอาจจะย้อนถามกลับมาว่า .ให้เค้าเกิดมาทำไม. จากคุณ : ComeWhatMay - [ 13 มิ.ย. 51 13:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผ่านไปหลายความคิดเห็นแล้ว  ค่อนข้างคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งผมเองก็ไม่แปลกใจ  เพราะโดยพื้นฐานแล้วคนที่มีอินเตอร์เน็ต ใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์เป็น และมีเวลามาเล่นเว็บบอร์ด ก็คงจะไม่ใช่คนชั้นล่างๆ ที่หาเช้ากินค่ำ  มีลูกดกเป็นผลไม้  อย่างแน่นอน  และเป็นที่เชื่อได้ว่า พื้นฐานความคิดเกี่ยวกับการมีครอบครัว ความรับผิดชอบต่อตนเองและ สังคม ก็ย่อมแตกต่างไปจากคนที่มีการศึกษาน้อย มีรายได้น้อย ผมเองเป็นคนระดับล่างแทบจะเรียกได้ว่าใต้ถุนสังคม  ใช้ชีวิตคลุกคลีกับคนชั้นล่าง ระดับจับกัง ทำโรงน้ำแข็ง เป็นลูกเรือประมง ทำงานก่อสร้าง ขับแท็กซี่ ทำร้านเสริมสวย หาบส้มตำขาย เปิดร้านข้าวแกง ขายกาแฟขนมปังอบไอน้ำ รับจ้างแรงงานทั่วไป ฯลฯ แนวความคิดของคนในกลุ่มนี้  จะมีพื้นฐานคล้ายคลึงกันในเรื่องครอบครัว  กล่าวคือ ถึงแม้เขาจะจน แต่เขาไม่ได้รู้สึกตัวว่าความจนนั้นเป็นเครื่องจำกัด ไม่ให้เขาทำอะไรๆ อย่างที่คนในสังคมระดับอื่นจะทำได้  พูดถึงเรื่องการมีลูก เขาไม่ได้รู้สึกว่าการจะมีลูก เป็นภาระอะไรหนาหนักไปกว่าชีวิตที่เขาดำรงอยู่ น้อยรายที่จะคำนึงถึงอนาคตอีกห้าปี สิบปีข้างหน้า ยี่สิบปีข้างหน้า ความสุขของเขามีในระดับวันต่อวัน มีลูกก็เลี้ยงไป บางบ้าน ขอประทานโทษ ใช้คำว่าตายก็ฝัง หากยัง(มีชีวิตอยู่)ก็เลี้ยงกันต่อ  จนกว่าลูกจะเติบโต ออกไปจากอ้อมอกพ่อแม่  แม้สังคมจะเปลี่ยนไป กติกาของสังคมจะเปลี่ยนไป แต่คน ในกลุ่มนี้  ยังคงมีความคิดเห็นในแนวระนาบเดิม ไม่เพิ่มไม่ลด  และเท่าที่เห็น พวกเขา ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากไปกว่าเรื่องปากท้อง  จะปวดหัวก็เรื่องทำมาหากิน เขาไม่เข้าใจ หรอกครับ ว่าการมีลูกมาก  จะทำให้การเลี้ยงดูไม่เต็มที่  เติบโตมาเป็นคนที่ไม่มีคุณภาพ ระดับมาตรฐานไอเอสโอเก้าพันสอง  จะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่บ้านเมือง  เขาถือว่า สมัยก่อนรัฐบาลไม่เห็นจะยื่นมือมาช่วยเหลือ  พ่อแม่เขาก็ยังเลี้ยงลูกเติบโตขึ้นมาได้ สมัยนี้ยิ่งดีไปกว่า จะมีลูกสักกี่คน ก็มีสวัสดิการสังคมรองรับ หากเลี้ยงไม่ได้ก็คงอาย ผีปู่ย่าตายาย  ว่าลูกไม่กี่คน เลี้ยงไม่ไหว จะไปทำอะไรกิน พูดในแง่ว่าสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเลวร้าย  เราพูดโดยเอาความรู้สึกของเราเข้าไปวัด นะครับ ใครเลยจะไปรู้ ว่าเด็กที่เกิดมา  จะพอใจหรือไม่กับโลกใบนี้  บางทีความวิตก กังวลห่วงอะไรมากไป  ก็กลายเป็นข้อจำกัดให้เราหมดโอกาสที่จะทำในสิ่งดีๆ ได้เหมือนกัน ลองนึกใน macro scale หากสังคมเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ  คือคนรายได้น้อย มีลูกมาก ส่วนคนรายได้มาก มีลูกน้อย  ในอีกห้าสิบปีร้อยปีข้างหน้า  หากไม่มีการแก้ไขให้เกิด ความสมดุล ก็อาจจะเกิดการปฏิวัติสังคมขึ้นมาใหม่อีกรอบก็ได้ใครจะไปรู้  เพราะต่อไป คนจนจะล้นประเทศในขณะที่คนรวย มีอยู่แค่หย่อมเดียวหยิบมือเดียว หากเป็นดังว่า เมื่อถึงวันนั้น ผมอาจจะนึกหัวเราะในใจจนฟันปลอมหลุดก็ว่าได้  (ถึงตอนนั้นก็เป็นทวดทวด อายุร้อยกว่าปีแล้วล่ะครับ) จากคุณ : highlander - [ 13 มิ.ย. 51 14:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านความเห็นของคุณ highlander แล้ว ไม่เชื่อว่าเป็นคนระดับล่างของสังคมอย่างที่คุณถล่มตัวค่ะ จากความเห็น คำพูด การใช้ภาษาน่านับถือจริงๆ ข้าน้อยขอคารวะ จากคุณ : สาวกคอมแบท - [ 13 มิ.ย. 51 16:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับ จขกท. คิดแบบนี้มานานแล้ว คิดและตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่มีลูก เราก็เป็นคนระดับล่างของสังคมอีกคน ที่คิดแบบนี้ก็เพราะเห็นมาเยอะ เห็นสภาพของคนที่มีลูกโดยไม่ได้คำนึงถึงความพร้อม เห็นแล้วเครียด เครียดอย่างมาก จากคุณ : reJoyce - [ 13 มิ.ย. 51 23:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยคิดแบบคุณhighlanderเหมือนกัน และเคยลามไปคิดถึงเรื่องจำนวนคนดีและไม่ดีในสังคม อารมณ์ว่าพวกที่นิสัยไม่ดีมีโอกาสขยายพันธุ์มากกว่าคนนิสัยดี(จากการข่มขืน? เสเพล?มั่ว?) ฟังดูอาจดูมีอคติแต่ก็มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่ากรรมพันธุ์มีส่วนต่อลักษณะนิสัยของคนๆนั้น เดี๋ยวอีกหน่อยคนกลุ่มแรกอาจกลายเป็นคนหมู่มากในสังคมก็เป็นได้แต่คงเป็นอีกร้อยๆปี เหอๆ เค้าคุยกันอีกเรื่องนึงกลายเป็นอันนี้ได้ไงเนี่ย งง ^^ จากคุณ : cheng (aristocrat) - [ 14 มิ.ย. 51 01:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับ จขกท จากคุณ : maxijojo123 - [ 14 มิ.ย. 51 16:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ค่อนข้างเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ เห็นมาเยอะ มีลูก 5 คน จนอีกต่างหาก สุดท้าย เละเทะครับ แม่ทำงานหนักเรียนน้อย สุขภาพทรุดโทรม ลูกก็เรียนมั่งไม่เรียนมั่ง (ไม่มีคนคุม) พี่เลี้ยงน้อง ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม อดมื้อกินมื้อ เด็กก็แกรน ๆ สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย ถ้าลองคิดว่า มีลูกสักสองคน ก็โอเคแล้ว ถึงเป็น สาวโรงงานเงินเดือน 7500 ก็ยังอยู่ได้ ไม่ใช่เงินไม่ถึงหมื่นมีลูกห้าคน แย่มาก ๆ จากคุณ : Fah Lan - [ 15 มิ.ย. 51 16:51:15 A:125.24.134.34 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ก็นั่นสิเนอะ ทำไมคนที่ยากจนถึงมักจะมีลูกเยอะล่ะ หรือเค้าจะว่าง?? แต่คนที่รวยกลับมีลูกน้อย น่าแปลกดี บางทีเราเห็นเด็กๆนอนขอทานอยู่กับแม่ตามสะพานลอย หรือไม่ก็พาลูกมาขอเงินตามโต๊ะเนี่ย ถ้าไม่ใช่ลูกเค้าเป็นเด็กที่ถูกขโมยมาก็น่าสงสาร แต่ถ้าเป็นลูกเค้าจริงๆ สงสารเด็กมากๆ ขนาดตัวพ่อแม่เองยังลำบากต้อง มาขอทาน แล้วยังให้ลูกเกิดมาอีก มันไม่รู้จะพูดว่าอะไรอะ จากคุณ : ชอง อึน - [ 17 มิ.ย. 51 00:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แนวคิดของคุณ highlander น่าสนใจมากครับ จากคุณ : Tailogy - [ 22 มิ.ย. 51 18:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าเราเปลี่ยนความคิด การศึกษาไม่ได้ยึดกรอบอยู่กับโรงเรียน ไม่ต้องเรียน 7 โมงเช้า ถึง 3 โมงเย็น เปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ ให้เข้าถึงคนกลุ่มรากหญ้าได้มากขึ้น เน้นสอนสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต ไอ้ประวัติศาสตร์โลก หรือไอ้วิทยาศาสตร์ควอตัม ก็ไม่ต้องสอน เน้นสอนง่ายๆ ใช้งานได้จริง ปรับให้เข้ากับสังคม ความต้องการของคนเหล่านี้ ผมเชื่อว่าอะไร ก็จะดีกว่านี้มาก แต่ต้องมีคนที่เข้าถึงพวกเค้าได้จริง คนกลุ่มนี้ จะต้องทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไม่สามารถเรียนในเวลาได้ แต่ผมเชื่อว่าถ้าได้เรียนรู้ โดยไม่ลำบาก ทุกคนก็ต้องการจะเรียน เพราะสังคมไทย เป็นสังคมที่ยกย่อง คนที่มีความรู้ เราต้องไม่เอารองเท้าเบอร์เดียวให้ทุกคนใส่ เหมือนที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ สังคมไทย มีนิสัียเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่ค่อยยอมรับความแตกต่าง อาจจะเป็นเพราะอะไร ก็ไม่ทราบได้ เราเลยพยายามเอารองเท้าเบอร์เดียวใส่ให้ทุกคน ซึ่งไม่ถูกต้อง ระบบสังคม และการพัฒนาประเทศของเรามีอะไรที่ต้องเปลี่ยนอีกมาก แต่ถ้าเราไม่ทำ สักวัน ประเทศเราจะกลายเป็นเมืองขึ้น (ตอนนี้ก็คล้ายๆ เกือบๆ แล้ว) ของการล่าอาณานิคมรูปแบบใหม่ รัฐในรูปแบบใหม่ ในภูมิศาสตร์คู่ขนาน จากคุณ : master_zo - [ 23 มิ.ย. 51 01:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในฐานะที่เคยเกี่ยวข้องกับทุนการศึกษาเหมือนกัน ิยอมรับว่าคิดเหมือนเจ้าของกระทู้ค่ะ บ้านนี้มีลูก 12 คน คนโตเป็นหญิง แต่งงานแล้ว อายุ 18 ย่าง 19 ก็หมดปัญหาไป คนที่ 2 หญิง อายุ 17 เรียน กศน ปีสุดท้าย อยากได้ทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัย คนถัดมาก็ห่างกันคนละปีสองปีตามลำดับ หญิง 5 ชาย 7 คนสุดท้ายเด็กผู้ชาย อายุยังไม่เต็มสองขวบดี แม่มีอาชีพร้อยพวงมาลัย รับดอกกุหลาบมาห่อพลาสติก แล้วก็พาลูกๆ ที่อายุ 10 ขวบขึ้นไป นั่งรถสามล้อรับจ้างเอาพวงมาลัยไปขายที่ป่าตอง ให้ลูกเล็กๆ เอาดอกไม้ใส่ตะกร้าไปขายตามโต๊ะอาหารที่ฝรั่งนั่งกับสาวบาร์บ้าง บางคนก็ขายพวงมาลัยให้นักท่องเที่ยวบ้าง กลางถนนบางลาที่เต็มไปด้วยบาร์อะโกโก้ และอื่นๆ ที่ไม่อยากจะสาธยาย จากบ้านที่อยู่ไปป่าตอง ต้องขึ้นเขาป่าตองที่ทางชันและรถมาก เราเคยไปเจอ เกือบเที่ยงคืนแล้วก็ยังเห็นขายมาลัยอยู่ เด็กๆ ที่ง่วงก็นอนหลับพับอยู่ข้างถนนใกล้ๆ กับลังโฟมที่ใส่มาลัย ส่วนเด็กเล็กๆ อยู่กับพ่อที่บ้าน พ่อเป็นโรคเรื้อน มือหงิกงอ ทำงานไม่ได้ ตาข้างหนึ่งก็เกือบบอด เด็กๆ ทุกคนผอมแห้งแรงน้อย ผิวหนังพุพอง เพราะอาศัยอยู่ในสลัมในดงน้ำครำ ถ้าเป็นตัวคุณ คุณจะคิดไหมว่า ทำไมผู้ชายพิการ ไม่มีอาชีพ กับผู้หญิงที่ร้อยมาลัยขาย จึงไม่รู้จักคุมกำเนิด อีกครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ติดเชื้อ HIV ทั้งคู่ แล้วรู้ตัวว่าติดเชื้อตั้งแต่ท้องลูกคนแรก คลอดออกมาก็รับเชื้อไปเรียบร้อย ตอนนี้มีลูกอีก 2 คน ติดเชื้อ HIV ทุกคน เพราะอะไร คนที่ติดเชื้อ HIV คู่นี้ ซึ่งไปหาหมอเป็นประจำเพื่อรับยาต้านไวรัส จึงไม่รู้จักคุมกำเนิด เคยถามทั้งสองครอบครัว ครอบครัวแรก ตอบว่า ไม่ได้คิด พอรู้ตัวก็ท้องแล้ว ครอบครัวที่สอง ตอบว่า ก็ไม่ได้อยากให้ท้อง มันเกิดเอง เราก็ อืม.... นะ พูดไม่ออก ปัจจุบันนี้เรายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมคนเหล่านี้จึงไม่คิดว่าจะคุมกำเนิด จากคุณ : kate_rocks - [ 23 มิ.ย. 51 13:56:52 ]