ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตรายงานตัวคนแรก....ครับ ตามมาตั้งนานนนนนม...และก็จะตามอีก.. ต่อไปจะกว่าจะเลิกเขียนนะขอรับ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเกาหลีเนี่ย เพิ่งจะเข้าใจบ้าง ประเภทพอดูหนังกำลังภายในเกาหลีแบบรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ส่วนถ้าใครพอมีข้อมูลก็อยากจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศไทยบ้างน่ะครับแบบว่าสมัยพระนเรศวรช่วยจีนไปรบกับเกาหลี หรือแบบว่าพระเจ้าตากขอความช่วยเหลือจีนส่งทหารกับเสบียงมากู้ชาติ   แล้วทำไมราชวงค์จักรกีไทยถึงใกล้ชิดกับประเทศจีนมากๆ หรอครับ จากคุณ : พันไมล์ไกลสุดขอบฟ้า (P_Punmile) - [ 15 มิ.ย. 51 17:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามไม่ทันแย้ววว จากคุณ : กริชครับผม - [ 15 มิ.ย. 51 23:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยพระนเรศ น่าจะอาสาจีนไปรบกับญี่ปุ่น ที่มาเจ๊าะแจ๊ะกะเกาหลีนะครับ ตอนนั้นเป็นการอาสาฮ่องเต้จีนไปรบ แต่ทางจีนปฎิเสธ เพราะเหตุการณ์โจรสลัดญี่ปุ่นสงบลงก่อน ทางญี่ปุ่นเอง ตอนนั้น โชกุนเรืองอำนาจ ถึงขนาดฝันที่จะยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ในมือให้หมด คลั่งถึงขนาดวาดรูปไว้ในพัดประจำตัว และในฉากหลังที่นั่งเลยทีเดียว เรื่องความสัมพันธ์กับจีน น่าจะอธิบายได้ด้วยระบบจิ้มก้อง ที่ประเทศแถบนี้ส่วนใหญ่ก็ต้องส่งของไปบรรณาการจีนทั้งนั้น การเรียกชื่ออาจเหมือนการบรรณาการ แต่จริง ๆ ไม่ได้เอาไปให้ฟรี ๆ นะครับ  เพราะจีนเขาถือว่าเขาคือศูนย์กลางจักวาล  ดังนั้น ประเทศชายขอบทั้งหลายต้องมาคาราวะ ขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ ในฐานะโอรสแห่งสวรรค์ ที่ฟ้าประทานลงมาปกครองให้มนุษย์ร่มเย็น ก็ต้องมีเมตตา  เขาเอาของมาถวาย ก็ต้องแจกเงินแจกทองหรือของมีค่าตอบแทนสินน้ำใจไปด้วย ที่สำคัญ คือ การที่เอาเรือเทียบท่าเมืองจีนได้ คือ การได้สิทธิขึ้นไปค้าขายของกับจีนนะครับ ในสมัยสุโขทัย อยุธยา เราค้าขายกับจีนมาตลอด ถายใต้ระบบอุปถัมภ์แบบนี้ เพราะกองเรือเจิ้งเหอก็เคยแวะเข้ามาจัดระเบียบการปกครองของไทยให้ รวมทั้งมลายูก็เคยร้องขอให้จีนช่วยสั่งให้สยามเลิกรุกรานมลายูเสียที ที่แน่ ๆ คือ ร.3 ของเรา พระองค์ทรงค้าขายกับจีนจนร่ำรวย มีเงินให้ประเทศชาติเอาไว้กู้เอกราชจากฝรั่งเศสได้เลยทีเดียว เรามาตัดความสัมพันธ์กับจีนในสมัย ร.4 ซึ่งตรงกับช่วงที่จีนอ่อนแอ และถูกฝรั่งรุกราน ซึ่งน่าจะเข้าใจว่า หากไทยยังทำตัวผูกพันกับจีนแบบรัฐบรรณาการ  แม้ว่าจะเป็นในนาม หรือในรูปแบบพิเศษก็ตาม เกรงว่าหากจีนพลาดพลั้งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรังเหมือนอินเดีย  ไทยจะโดนพ่วงไปด้วย เหมือนกรณีเมืองมณีปุระของอินเดีย ที่อังกฤษบอกว่า เป็นของอินเดียมาก่อน จึงต้องตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษตามไปด้วย แต่พม่าไม่เห็นด้วย เลยต้องแย่งชิงกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 มิ.ย. 51 14:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก็เลือกเฉพาะรูปที่มันแปลก ๆ มันส์ ๆ ก็ได้ครับ เพราะยังไงก็แปลไม่ออกอยู่แล้ว ส่วนที่ว่านายพลจีนสมัยนั้น หน้าตายังกะกุลี ต้องบอกยังงี้ครับว่า ตอนสงครามเกาหลี จีนพึ่งปลดแอกใหม่ ๆ เหล่านายพลพึ่งจะได้ออกจากป่า ลงจากเขา มาเข้าเมือง แถมหลายคน ภูมิหลังยังเป็นประเภทเด็กเหลือขอ  กรรมกร ชาวนาสิ้นเนื้อประดาตัว บางคนถึงขนาดเป็นพวก พ่อ แม่ตาย อยู่กับป้า กับยาย ที่โมโหที ก็จะจับถ่วงน้ำที  เลยต้องหนีมาผจญโชค ผจญชีวิต จนกระทั่งได้ร่วมรบกับพรรคคอมมิวนิสต์ และได้โปรโมตเป็นนายพลในที่สุด นายพลจีนรุ่นแรกเลย มีแค่ 10 คนเองนะครับ  และได้แต่งตั้งหลังได้ชัยชนะเหนือแผ่นดินจีนแล้ว ส่วนที่ดูดีมีชาติตระกูลหน่อย อย่างท่านโจว เอิน ไหล  พวกนี้เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาเก่าก่อนที่จะมาร่วมกับคอมมิวนิสต์นะครับ อย่างนายพลท่านนึง ก็เป็นถึง ดร.ด้านวิศกรน้ำจากเนเธอแลนด์  แต่ต้องมาปราบคอมมิวนิสต์ ซึ่งสุดท้ายก็ขอย้ายข้างมาอยู่กับคอมมิวนิสต์ไปเสียเลย เรื่องหนังสือขาด ก็ภาวนา อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยแล้วกัน ยังไงก็เอาว่า ไม่ต้องคำนึงถึงคุณภาพรูปที่สแกนนักก็พอมั๊งครับ เพราะยังไงก็อ่านภาษาจีนไม่รู้เรื่องอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 14:26:34 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 มิ.ย. 51 14:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลืมบรรยาย ภาพของนายพลริดเวย์  คนที่ ปธน.เฮนรี่ ทรูแมน ตั้งมาดูแลศึกเกาหลีแทนนายพลแมคอาเธอร์ ที่กำลังคลุ้มคลั่ง หลังจากถูกกองทัพแดงของจีนตีตะลุยจนถอยกรูด   เลยเล่นลูกหนัก ขออนุมัติทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในแนวหลังเขตประเทศจีนซะเลย ปธน.เฮนรี่ ฟังแล้วเห็นว่าท่าจะไม่ไหว เลยทิ้งบอบ์มใส่พ่อแมคซะแทน แล้วตั้งริดเวย์มาทำหน้าที่เจรจาสงบศึก ซึ่งในข้อเท็จจริง ก็เป็นได้แค่พักรบ แล้วถอนกำลังทั้งสองฝ่ายกลับไปหลังเส้นขนานที่ 38 เกาหลีเหนือและใต้ เลยยังเป็นประเทศที่ยังมีสถานะสงครามระหว่างกันอยู่จนบัดนี้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 มิ.ย. 51 15:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 51 17:21:50 จากคุณ : ขนมหัวผักกาด - [ 16 มิ.ย. 51 17:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วอีกรูปนึงล่ะ? จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 16 มิ.ย. 51 19:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รูปบนที่แบ่งเป็น 2 ภาพ ภาพบนน่าจะเป็นทหารจีนที่กำลังรุกไล่นะ เพราะเห็น "ไถ้" ที่พาดเฉียงบ่าอยู่ เจ้า"ไถ้" นี่ มันคือเป้สนามของทหารจีนยุคนั้น  เขาเอาไว้กรอกข้าวสาร อาหารแห้ง ที่หมู่หนึ่งจะต้องแบ่ง ๆ กันไป พอถึงเวลา ก็เอามารวมกัน หุงเป็นเสบียง ส่วนภาพล่าง เป็นทหารอเมริกันแหง ๆ เพราะมีบั้นท้ายรถจิ๊ปรุ่นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ใช้ต่อมาจนมาถึงสมัยสงครามเวียดนาม แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นรถฮัมวี่แทน เพราะสามารถป้องกันได้มากกว่า เรื่องระบบยานพาหนะขนส่งทหารราบเข้าแนวรบ ถ้าเป็นสมัยก่อน เราจะเห็นว่า เขาจะใช้รถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ ที่เรานิยมเรียกตามยี่ห้อว่า ยีเอ็มซี แต่มันมีข้อบกพร่อง คือ ง่ายต่อการถูกโจมตีด้วยอาวุธ และป้องกันตัวไม่ได้เลย ตอนหลังเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นรถหุ้มเกราะแทน  ซึ่งถ้าขนเยอะหน่อย ก็ใช้รถหุ้มเกราะล้อยาง น้อยหน่อยก็ใช้ฮัมวี่ เหมือนที่เราเห็นในหนังเรื่อง Black Hawk Down นั่นแหละ แต่รถจิ๊ป รุ่นนี้ก็กลายมาเป็นตำนานไปนะ เรื่องที่เกี่ยวกับรถจิ๊ปรุ่นนี้ก็เช่น ในเรื่อง บัญชีออมทรัพย์ส่วนตัวของไรอัน จะมีฉากที่เขาไปหาศพในซากเครื่องบินลำเลียง และพบว่า เครื่องบินตกเพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน  เนื่องจากท่านนายพลที่มาตรวจแนวรบ แล้วบรรทุกรถจิ๊ปมาด้วย ให้เสริมเกราะเหล็กข้างใต้รถโดยไม่แจ้งนักบิน ทำให้น้ำหนักเกิน ส่วนของไทย เล่ากันว่า บิ๊กตุ๋ย  เมื่อไปรบที่เวียดนาม เคยนั่งรถแบบนี้ตรวจแนวแล้งไปทับกับระเบิดเข้าให้  โชคดีที่ไม่ตาย เลยได้เป็น ผบ.ทบ. จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 มิ.ย. 51 17:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาลงชื่อตามธรรมเนียมครับ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 17 มิ.ย. 51 19:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลงชื่ออ่านครับ จากคุณ : Balleno - [ 18 มิ.ย. 51 12:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 รอดกลับมาแล้วครับ เกือบไม่ได้กลับมาแล้วครับ ขึ้นเครื่องในต่างประเทศ(แค่มาเลเซียเอง)ครั้งแรก เราอุตส่าห์จองตั๋วกลับจากในเนตรูดการ์ดปรื้ดๆ ปริ้นซ์วอชเชอร์ออกมา พี่ที่ทำง่านบอกว่าแค่เอาวอร์เชอร์นี่ไปยื่นที่เคาเตอร์แอร์เอเชียก็ได้แล้ว พอไปจริง อ้าวเคาเตอร์แอร์เอเชียมีครับ แต่มันทั้งสนามบินเลยนี่หว่า(สนามบิน LCCT ครับ) ให้ตูไปยื่นช่องไหนฟะ เลยไปถามประชาสัมพันธ์คุยกันจนเมื่อยมือได้ความว่าไปติดต่อช่องนี้ พอดูในบอร์ดแสดงตารางเที่ยวบิน มันดัน CLOSE อ้าวแล้วตูจะกลับยังไงเนี่ย โทรกลับมาถามพี่คนเดิมที่กรุงเทพ หมดไปหลายร้อยได้ความว่า "แกไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็เปิด เค้าไม่อยากจ้างคนมาเฝ้า" แล้วก็จริงพอกลับไปเคาเตอร์ก็เปิดเลยกลับมาได้ครับ ไม่มีอะไรครับอยากเล่า ประสบการณ์ครั้งแรกตื่นเต้นดีครับ เรื่องพระนเรศวรจะส่งทหารไปช่วยญี่ปุ่นผมเคยได้ยินมาอย่างนี้ครับ เป็นจังหวะที่ที่ประชุมชุนนางจีนกำลังประชุมเรื่องโจรสลัดญี่ปุ่นหรือเรื่องที่ญี่ปุ่นบุกเกาหลีอะไรนี่แหละ ตานี้ทูตจากอยูธยาอยู่ในที่เข้าเฝ้าจึงอาสาจะนำกองเรือไปตีตัดหลังลอบยกพลขึ้นบกที่ญี่ปุ่นให้(เดาว่าพระนเรศวรคงทราบเรื่องกาอนแล้วจึงให้ทูตไปทูลฮ่องเต้ของจีนอย่างนั้น) ข้าหลวงเมืองกว้างตุ้งซึ่งอยู่ใกล้อยูธยาจึงรีบทูลสนับสนุนว่า นักรบสยามนั้นรบพุ่งกล้าหาญ เหมาะที่จะให้ทำการตามที่ทูลขอ แต่ฮ่องเต้จีนตอบกลับมาว่า เมืองเสี้นมหลออยู่ไกลทางใต้ห่างจากญี่ปุ่น นับหมื่นเส้น ไกลขนาดนั้นคงยกมาไม่ได้ ขอให้รักษาความสงบในเขตตัวเองก็พอ ผมจำได้ประมาณนี้นะครับ ตามฟอร์มแปะรูปประกบอาจารย์สื่อครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 23:05:53 จากคุณ : ryzon - [ 18 มิ.ย. 51 21:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อันนี้ตลกดีครับ บทพากษ์โดยผมเอง 1.Stalin: Take these old guns. They are no longer any good. สตาลิน : (พูดกับประธานเหมา)นี่เป็นปืนเก่าของฉัน มันอาจไม่ดีนัก 2. Mao: Take this old gun and invade Korea. ประธานเหมา : เอาปืนนี่ไป และเข้าไปรบในเกาหลีซะ 3. Soldier: The gun is heavy! ทหารจีน : ท่านประธาน... ปืนมันหนัก 4. Soldier: It jams! It won't shoot! ทหารจีน : ลำกล้องขัด ยิงไม่ออก 5. Soldier: It misfires! ทหารจีน : โอ้...กระสุนพลาดไป 6. Don't die! Throw down your obsolete weapons! Surrender for UN protection! ทหารจีน : เรายังไม่ตาย ทิ้งอาวุธแล้วไปมอบตัวกับพวกยูเอ็นเถอะ จากคุณ : ryzon - [ 18 มิ.ย. 51 21:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รูปนี้ล้อว่า โซเวียต(สตาลิน)อยู่เบื้องหลังที่ให้จีนส่งทหารไปรบแทนตน "China's Subservience to Foreign Control" and is dated 7 May 1952. The target is the Chinese Army in Korea . The leaflet depicts a Russian official who looks like Stalin, pushing a Chinese leader who looks like Mao, who pushes a Chinese soldier toward the front and his death. Each figure is identified in Chinese characters. The text on the front is: The Chinese Army Soldier is Forced to Fight Soviet Russia's War จากคุณ : ryzon - [ 18 มิ.ย. 51 21:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพนี้ล้อว่า โซเวียตสนับสนุน(ดันหลัง)ทหารจีนเข้าไปรบในเกาหลี  ทหารจีนก็ดันหลังทหารเกาหลีเหนือเข้าไปรบต่อก็คือส่งไปตายนะแหละ (ไม่ก็ถูกจับ)ในการ์ตูนก็ตั้งคำถามว่า แล้งคุณจะสู้เพื่อให้เกาหลีเตกป็นของจีนหรือโซเวียต "Soldiers of North Korea! The Russian have sent in Chinese soldiers in a last effort to make Korea a puppet state. The Chinese have already taken command of all Communist military forces in Korea. The Chinese generals plan to use Korean soldiers to do the worst fighting. Then, after many Korean soldiers have been killed or wounded, the Chinese will be able to seize control of all North Korea. Is this what you are fighting for – to give Korea to the Chinese and the Russians?" จากคุณ : ryzon - [ 18 มิ.ย. 51 21:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สุดท้ายก่อนขอตัวไปนอนละครับ ดูตามรูปเลยครับ ดซเวียตผลักประธานเหมา ประธานเหมาผลักคิมอิลซุง คิมอิลซุงผลักทหารตัวเองเข้าสู่สงคราม เวรกรรม... "Soviet Russian Imperialist" pushing Mao Tse Tung who in turn is pushing Kim Il Sung who is pushing an unwilling North Korean soldier into the fire labeled "Communist Agression."  The leaflet was part of Plan Fraud, designed to discredit the leaders of North Korea because of its subservience to foreign control. The title of the leaflet is: The North Korean Soldier is Forced to Fight Soviet Russia’s War จากคุณ : ryzon - [ 18 มิ.ย. 51 22:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกผลักเข้าสู่สงคราม  กลายมาเป็นเชลยศึกครับ จากคุณ : Dearance - [ 18 มิ.ย. 51 22:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นางพยาบาลเกาหลีเหนือที่ถูกจับได้ จากคุณ : Dearance - [ 18 มิ.ย. 51 22:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนทหารจีไอที่ถูกเกาหลีเหนือจับได้เป็นเชลยศึก  ถูกยิงทิ้งครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 22:52:47 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 22:50:39 จากคุณ : Dearance - [ 18 มิ.ย. 51 22:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เปลี่ยนรูปใหม่ครับ  ตะกี้โหดไป จากคุณ : Dearance - [ 18 มิ.ย. 51 22:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ลงชื่อ จากคุณ : hs - [ 19 มิ.ย. 51 04:41:50 A:86.151.44.82 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รูปการ์ตูนชุดแรก  เป็นประธานเหมาหรือคิมอิลซุลครับ ดูแกหนุ่มไปนิด แถมหัวไม่ค่อยเถิกเหมือนภาพอื่น ๆ ด้วยสิ แต่ก็ดีครับ เป็นภาพโฆษณาชวนเชื่อที่น่าสนใจ เรียกว่าเป็นแนวรบอีกด้านของสงครามสมัยใหม่แล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มิ.ย. 51 11:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพประกอบหาได้เยอะดีครับ จากคุณ : Balleno - [ 19 มิ.ย. 51 11:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หน้าแรกสุด ก่อนสารบัญ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 มิ.ย. 51 01:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เล่มที่1 หน้า 3 ปี 1951 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 มิ.ย. 51 01:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เล่มที่ 1 หน้า 7 ปี 1950 เดือน 12 วันที่ 31 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 มิ.ย. 51 01:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เล่มที่ 1 หน้า 8 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 มิ.ย. 51 01:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่รู้จะบรรยายยังไงแฮะ สงสัยต้องลองย้อนกลับไปค้นหาประวัติสงครามเกาหลีแบบระบุช่วงเวลาดู เพราะจะได้รู้ว่าช่วงเวลานั้น เขาทำอะไรกันบ้าง เห็นแต่ชุดทหารจีนแบบฤดูหนาว น่าจะเป็นช่วงที่เขากำลังได้ชัย ตีโต้ทหารสหประชาชาติลงมาที่เส้นขนานที่ 38 อีกครั้ง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 มิ.ย. 51 17:25:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นแมะ  บอกแล้วววววว... แล้วยังจะ.. แปะมาเหอะ แปะมาเหอะ หนังสือภาพสองเล่มเกือบเจ็ดร้อยหน้า สงสัยอีกชาตินึงถึงจะแปะหมดนะท่าน อาทิตย์หน้าว่าจะพาลูกไปหัดดำนาที่บ้านนอกซักเดือนนึง มาเลือกรูปดีกว่าน่า  แล้วจะสแกนเซฟไว้ให้ค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 มิ.ย. 51 20:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เอ๊ะหน้านี้ยังไม่ได้รายงานตัวเลย อิอิ จากคุณ : BrettAnderson - [ 20 มิ.ย. 51 22:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ม่ายเป็นไรครับ  ดูรูปอย่างเดียวก็เพลินดี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 24 มิ.ย. 51 13:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีค่ะอาจารย์ เงียบจัง ช่วงนี้อาจารย์ต้องรอรูปหางานให้อาจารย์ทำแก้เหงา ฟังเรื่องเขาพระวิหารซ้ายว่าทีขวาว่าที อยากฟังคนกลางอย่างอาจารย์มั้งค่ะว่ามองเรื่องเขาพระวิหารที่กำลังโด่งดังในขณะนี้อย่างไร จากคุณ : ขนมหัวผักกาด - [ 25 มิ.ย. 51 08:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เอ่อผมว่าเรื่องเขาพระวิหาร เรารอซาๆแล้วมาพูดดีกว่าครับ เพราะตอนนี้ทั้งราชดำเนิน กำลังเดือด และลามมาห้องสมุดบางส่วนแล้วครับ เดี๋ยวกระทู้จะไปเร็วแบบติดจรวดแน่ เอาการ์ตูนมาฝากครับ จากคุณ : ryzon - [ 25 มิ.ย. 51 09:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ระหว่างรออาจารย์สื่อฯผมไหว้ครู(ไหว้นานจังวุ้ย) ผมเอารูปมาฝาก รูปท่านประธานคิมอิลซุง ผู้ยิ่งยงของเกาหลีเหนือ ในชุดทหารญี่ปุ่น!!! จากคุณ : ryzon - [ 25 มิ.ย. 51 09:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ่ายในช่วงปี 1940-45 ยังเป็นรูปที่ถกเถียงกันว่าช่วงนั้นท่านประธานคิมน่าจะต่อสู้กับญี่ปุ่นในแมนจูเรียของจีนแล้วไหงไปใส่ฟอร์มทหารญี่ปุ่น อีกรูป จากคุณ : ryzon - [ 25 มิ.ย. 51 09:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดูรูปท่านประธานคิมชัด ตอนเปิดประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือปี 1948 จากคุณ : ryzon - [ 25 มิ.ย. 51 10:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จากคำบรรยายข้างล่าง กองทัพเกาหลีเหนือสาบานตัวต่อท่านประธานคิมอิลซุง และบอกอีกว่ามีแม่ทัพโซเวียตมาช่วยบัญชาการกองทัพเกาหลีเหนือ the North Korean Army was inaugurated with Kim Il-Sung as the supreme commander. However, the true architect of the N.K. People's Army was Gen. Terentiy Stikov who came to Korea as the commander of the Red Army in North Korea, and later became the Soviet ambassador to N. Korea จากคุณ : ryzon - [ 25 มิ.ย. 51 11:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพทหารเกาหลีเหนือกำลังมุ่งสู่กรุงโซล เกาหลีใต้ ยังบอกอีกว่ารถถังT-34 กับมอเตอร์ไซด์ในภาพ เป็นของโซเวียตที่เคยใช้งานในเยอรมัน(ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)มาก่อนที่จะให้เกาหลีเหนือมาใช้งานต่อ On June 29, before the dawn, Soviet-built T34 tanks driven by North Korean troops moved into Seoul, four days after crossing the 38th parallel. The motor cycles in this photo were taken by Soviet troops from the Germans during World War II and then were given to the N.Korean Army. Photo from Hankook-Ilbo. จากคุณ : ryzon - [ 25 มิ.ย. 51 11:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องโซเวียตหนุนเกาหลีเหนือในช่วงแรกก็ชัดเจนอยู่แล้วครับ นิกิต้า ครุชชอฟ ก็เขียนไว้ในบันทึกของเขาอย่างชัดเจนว่า คิมอิลซุง มาขอให้โซเวียตสนับสนุนในการบุกเกาหลีใต้ เรื่องเขาพระวิเหียร  ถ้าเป็นส่วนของคดีเมื่อปี 1505 ก็น่าจะได้ครับ เพราะเรื่องมันจบไปแล้ว อย่างสิ้นเชิง อาจจะมาคุยอรรถาธิบายในเชิงของกฎหมายก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องของภาพเกาหลีที่น่าดูเหล่านี้ก็อย่าหายไปนะครับ เอามาลงสลับกันไปเรื่อย ๆ สนุกดี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มิ.ย. 51 11:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เขาพระวิหารเนี่ย  ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ไม่ต้องมานั่งอภิปรายให้เสียเวลา เพราะอาณาเขตของสยามก็มักจะเลยเถิดเข้าไปครึ่งค่อนเขมรอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ด้วยว่า ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเขมร ดันเป็นกันชนระหว่างรัฐสยามกะญวณเข้าให้พอดี ใครเป็นเจ้าเข้าครองเขมร อีกฝ่ายก็หนาว ๆ เพราะถ้าปักหลัก ตั้งสะสมกองทัพเสริมกำลังระดับอาณาจักรขนาดใหญ่ อย่างญวณหรือสยาม  เอาไว้ที่ดินแดนเขมรแล้วไซร้ การจะกรีฑาทัพบุกอีกอาณาจักรหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก็เป็นไปโดยง่าย แถมยังสะดวกต่อการส่งกำลังบำรุงอีกต่างหาก อย่างไม่ได้อะไร ก็ยังใช้เป็นสถานที่ประลองกำลังระหว่างสองอาณาจักรนี้ เอาแค่ พอรู้มือ ไม่ต้องถึงกับคอขาดบาดตาย เพราะซัดกันในดินแดนของเขมร  ใครแพ้ก็แค่ถอยกลับบ้าน เรื่องมาวุ่นก็เมื่อราชสำนักเขมรชักจูงให้ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองนี่แหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มิ.ย. 51 11:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เป็นที่ทราบกันดีว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา   ฝรั่งเศสเริ่มเข้ามายุ่มย่ามแถวนี้ เพราะอยากหาทางเข้าจีน แต่ถึงแม้จะผิดหวังกับเส้นทางเดินแม่น้ำโขงที่มาติดแก่งหลี่ผี  ออกทะเลไม่ได้ แต่สิ่งที่ฝรั่งเศสได้ไป พอชดเชยกับความอัปยสในความพ่ายแพ้ของพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ต่อปรัสเซีย คือ เมื่อขึ้นที่เดิมเป็นมหาอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ เทียบเท่าปิรามิดของอิยิปต์ และอินคา นั่นคือ ปราสาท นครวัด นครธม และอีกสารพัดปราสาท สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ ร.4 ของเรา พระองค์ก็เห็นถึงความสำคัญเชิงสัญลักษณ์แห่งความเป็นมหาอำนาจเช่นกัน จึงมีพระราชโองการให้ไปรื้อถอนปราสาทนครวัดกลับเข้าไทย แต่มีการต่อต้านจากชาวบ้าน รวมทั้งข้าราชการสยามในยุคนั้น ที่มองงานที่ได้รับมอบหมายแล้วก็ถอดใจ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สุดท้าย ก็ได้แค่จำลองมาไว้ในวัดพระแก้วเท่านั้น ส่วนฝรั่งเศสก็ภูมิใจนักหนา ขนาดจำลองขนาดเบ้อเร่อ เอาไปโชว์ในงานเอกซ์โปร์ซะ เสหน่ห์ของปราสาทหิน คงอยู่ที่ความยิ่งใหญ่ของขนาด  ความลึกลับซับซ้อนของเทคนิกการก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์ใจไม่น้อยไปกว่าปิรามิด รวมทั้งความเชื่อ ความขลัง ในความศักดิ์สิทธิ์ในสไตล์ของฮินดู ที่ครองใจคนแถบนี้มานานนับพันปีอยู่แล้ว เรื่องเขาพระวิหาร เลยกลายเป็นตำนานคลาสสิกของนักกฎหมายไทยและคนไทย คนเขมร มาจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มิ.ย. 51 12:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ้าว ตกลงจะให้ทำเป็นกระทู้รูปภาพเหรอคะ ตอนแรกอาสาสแกนหน้าปกหนังสือนะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะอาจารย์สื่อฯ ผู้คนจะรอกันแย่เลยนะ เพราะไม่ว่างจริงๆ สแกนแล้วก็ต้อง crop และต้องย่อรูป ตอนนี้คุณแจ๋วก็ไม่อยู่ ไปดำนา   วันๆกลับจากงานนอก เสร็จงานใน ก็หมดแรง สลบไปทุกวันเลย ต้องขอโทษแล้วละ ที่ทำให้อย่างนั้นไม่ไหว   ตอนแรกนึกว่าแปะรูปแล้วอาจารย์ก็ยังพากย์ไปได้หนึ่งยก จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 25 มิ.ย. 51 21:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาเยี่ยมคารวะป้าWIWANDA และพี่สื่อศิลป ครับ _/\_ นับถือมานานๆ จากคุณ : พระนักรบ - [ 27 มิ.ย. 51 13:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แปะต่อครับ ภาพโปรประกันดาครับว่า เกาหลีเป็นทาส จีนเป็นผุ้คุม โซเวียตเป็นนาย Korean Ox, Chinese Servant, Russian Master! [Korean] จากคุณ : ryzon - [ 27 มิ.ย. 51 16:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คำแปลตรงตัว Chinese-Soviet Friendship. This is how Mao supports it! (5 January 1953) จากคุณ : ryzon - [ 27 มิ.ย. 51 16:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ลืมรูป แต่สงสัยว่าสตาลินใช้ตะเกียบเป็นด้วยหรือ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 51 17:01:53 จากคุณ : ryzon - [ 27 มิ.ย. 51 16:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ม่ายเปนรายครับ ไม่สะดวก ก็เก็บหนังสือไว้เฉย ๆ ก็ได้ สะดวกเมื่อไร ค่อยไปเอาคืนครับ ส่วนตอนนี้ก็จะหาเรื่องเขียนไปสนุกสนานก่อน เขาพระวิหาร ยังไม่เริ่มสักที  ไหว้ครูไปแล้วด้วยสิ เอาว่า เดี๋ยวเขียนแน่นอนครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 51 10:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอ้า  เขาพระวิเหียร ผมละชอบจริง ๆ เวลาออกเสียงศัพท์บางคำเป็นภาษาเขมร มันฟังแปลก ๆ น่ารักดี เมื่อสมัยวัยสะรุ่น (หลังเหตุการณ์เขาพระวิหารนิ๊ดนึง) ไปปิ๊งกะสาวหมวยบุรีรัมน์เข้ารายนึง ประทับใจตรงที่เธอพูดเขมรเปรี๊ยะนี่แหละ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน เลยทึ่งว่า สำเนียงมันเพราะดี โดยเฉพาะเวลาออกมาจากปากของสาวน้อยน่ารักประมาณนั้น แต่ว่าไม่สมหวังหรอกครับ  เธอไม่แลเด็กเตพ แบบชานกรุงค่อนข้างเยอะอย่างผมหรอก ไม่รู้ว่าตอนนี้ ไปอยู่แห่งหนใดแล้วเหมือนกัน แต่น่าจะสุขสบายดีอยู่  คงจะมีขแมร์น้อยสัก 2 โหลแล้วมั๊ง นั่นเรื่องความประทับใจในภาษาเขมร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 51 10:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แต่เวลาที่เข้าไปในเขมรจริง ๆ กลับไม่มีอะไรน่าประทับใจ อาจจะเป็นเพราะเขามีสงครามกันอยู่ตลอดเวลา แม้ขณะที่ผมไป ที่พึ่งจะเสร็จศึกระหว่างฮุนเซน กับนโรดม ผู้ลูก บรรยากาศ มันดูแย่ ๆ ครับ เฉพาะแค่ไปเดินเล่นหน้าโรงแรม (ที่ถูกเผาไป) สิ่งที่เราเห็นเป็นปกติ คือ คนกัมพูชา แขนขาขาดไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง เดินผ่านหน้าเราไปตลอดเวลา แต่ว่า ถ้าเป็นน้องสาวที่ขายเหล้าอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้ามกับ รร.นั่นเป็นข้อยกเว้นนะครับ ถามไถ่แบบใช้สารพัดภาษามือ (เว้นแต่ไปแตะตัวเขาเท่านั้นแหละ ไม่งั้นคงไม่ได้กลับ) ได้ความสั้น ๆ ประมาณว่า เป็นลูกครึ่งเวียดนาม เลยงามแบบอาหมวยมากกว่าขแมร์ เรื่องของเขมร ดูแล้วมีแต่ช่วงเวลาแห่งความเศร้า มากกว่า สุข ครับ โดยเฉพาะยุคสมัยของเขมรแดง มีสารคดีเรื่อง s 21 ที่หมายถึงคุกตุงสเลง เขาไม่ได้แค่เอากล้องไปเดินถ่ายบรรยากาศในคุกมาเท่านั้น แต่เอาอดีตทหารเขมรแดงและญาติของเหยื่อ มาบรรยายสิ่งที่ได้กระทำลงไปด้วย หลายคนพูดไปน้ำตาไหลไป ก็น่าอนาถใจดี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 51 10:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ความสัมพันธระหว่างไทยกับเขมร ที่เราอยากจะซ่อนเร้น หรือไม่อยากจะกล่าวถึงเลยมีหลายเรื่อง โดยเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ ที่เราเคยสนับสนุนเขมรแดง เพื่อให้ต่อต้านทัพเวียดนามที่บุกเข้ามายึดพนมเปญไว้ได้ จริง ๆ เรากับเวียดนาม แย่งชิงกัมพูชามาหลายครั้ง แต่ไม่นึกว่า ในสมัยที่ทหารไม่ได้ถือดาบ ขี่ช้างลงเรือสำเภา ญวณจะเข้ามาประชิดชายแดนไทยได้อีก ทำให้ไทยขวัญผวา เพราะเข้าเขมร ก็หมายถึงเข้าไทยได้ ด้วยกองทัพญี่ปุ่นเคยทำให้ดูมาแล้วเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยเลยต้องกัดฟันร่วมสนับสนุนเขมรแดง รบกับเวียดนาม ซึ่งเจ้าสีหนุ ก็อยู่ร่วมศึกในครั้งนั้นด้วย เป็นอีกบาดแผลในใจที่ไทยไม่อยากบอกใคร ไม่อยากให้ใครพูดถึง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 51 10:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แต่เรื่องที่พูดถึงไม่ได้เลย ระหว่างไทยกับเขมร เพราะพูดทีไรเป็นเรื่องทุกทีไป ก็เขาพระวิหารนี่แหละ เป็นความสัมพันธ์ที่ขมขื่นที่สุดระห่างไทยกับเขมร ซึ่งต้องวงเล็บไว้ด้วยว่า เพราะฝีมือของฝรั่งเศสยุคล่าอาณานิคม เขาพระวิหาร อยู่ที่อำเภอกันทรลักษณ์  ศรีสะเกษ เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนหน้าผาบนยอดเขารูปทรงสวยงาม ที่ว่างาม เพราะเทือกเขาแถบนั้น ไม่ใช่รูปทรงแบบสามเหลี่ยม หรือตัว เอ แต่เป็นเนินข้างนึง กับเป็นหน้าผาชันข้างนึง นึกอะไรไม่ออก ก็ให้นึกถึงสำนวนภาษาข่าวเมื่อ 30 ปีก่อน เวลาเขาเขียนถึงดาวโป๊คลาสสิกอย่างปรียา  รุ่งเรืองนะครับ อกเขาพระวิหาร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 51 10:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ปราสาทของขอมนี่ จริง ๆ มีหลายแห่ง และสร้างกันหลายยุค หลายเหตุผล เป็นศาสนาสถานที่สลับไปมาระหว่างพุทธกับฮินดูก็มี เป็น "ศาลายา" ก็มี แต่ที่เขาให้สังเกตุรุ่นอายุของประสาทหินแบบง่าย  ๆ  คือ ถ้าหลังไหนไม่มีหลังคา แสดงว่า รุ่นเก่า ถ้ามีหลังคาอยู่ แสดงว่ารุ่นใหม่ ไม่ใช่ใหม่เพราะหลังคาไม่พังนะครับ แต่เป็นเพราะยุคแรก ความสามารถในการก่อสร้างยังน้อย หลังคาเลยต้องทำด้วยไม้ ซึ่งมันผุพังเร็วกว่าหิน แต่รุ่นหลัง ทำด้วยหินได้  เลยยังเหลือมาถึงทุกวันนี้ นักโบราณคดี เขาว่า แค่ดูหลังคาอย่างเดียว ก็พอแบ่งยุคได้คร่าว ๆ แล้วว่าใครสร้าง แต่เราไม่ใช่นักโบราณคดี อย่าไปจำเลยครับ ชื่อพระเจ้าของเขายาวเฟื้อย แถมมีที่ 1 ที่ 2 ที่ 7 อะไรยั้วเยี้ยไปหมด อย่างเขาพระวิหารนี่ เขาก็สันนิฐานว่า สร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ประมาณปี พ.ศ.ก็ได้ที่ 1455 - 1493 และหลังจากขอมล่มสลาย มันก็ถูกทิ้งร้างอยู่กลางป่ากลางเขา เหมือนกับปราสาทนครวัด นครธม และหลังอื่น ๆ เป็นเวลานับร้อย ๆ ปี จนกระทั่งนักสำรวจชาวฝรั่งเศส (จริง ๆ คนพื้นเมืองก็รู้ แต่เอาไปขยายความไม่ได้เหมือนพวกฝรั่ง) เริ่มเข้ามาในดินแดนแถบนี้ ในสมัย ร.5 เพื่อหาเส้นทางเข้าจีนจากทางตอนใต้ ตำนานเขาพระวิหาร และปราสาทขอมอื่น ๆ ก็เริ่มขึ้นจากตอนนั้น ตอนที่อินเดียนา โจนส์ ยังเป็นคนฝรั่งเศสอยู่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 51 10:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ก็มาเลือกรูปซิครับท่าน คือว่าให้เลือกเองน่ะ เลือกไม่เป็นจริงๆ เพราะไม่ใช่คนสนใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์เลยซักกะติ๊ดเดียว แค่ผะ เอิ๊นนนนน... มาโผล่แถวนี้ได้เพราะตอนแรกมาตามหาพี่หวานน่ะ จะไปเลือกถูกได้ไง  มีแต่รูปทหารรบ วิ่งไปมา มาไวๆ นะ จะได้เลือกรูปที่ตัวเองอยากบรรยายไง แล้วจะทยอยแปะให้ค่ะ (ขอโทษจริงๆ นะคะ ยุ่งมากๆ มีคนจะมาเช่าคอนโด ต้องไปสั่งเฟอร์นิเจอร์ ต้องไปคอยรับของ หาซื้อรีโมทแอร์ที่หายตอนช่างมาปูกระเบื้อง ต้องพิมพ์สัญญาเช่า ต้องไปจัดการบ้านเก่าที่ซ่อมอยู่ ต้องจัดการเอกสารราชการบางอย่าง ต้องไปทำพาสปอร์ตใหม่  ต้องไปประมูลอะไรบางอย่างที่อยากได้มาทำทุน  ต้องทำประกันรถที่ขาด ต้องเอารถคันใหม่ไปติดฟิล์ม ต้องซักผ้าถูบ้าน ต้องทำกับข้าว+เก็บล้าง ต้องหาเวลาเล่นกับลูกด้วย ไม่มีคนช่วยดูแลลูก (ปิดเทอมอยู่) ไม่มีเลขา ไม่มีคนทำงานบ้าน   ฮ่วย จะบ้าตายอยู่แล้ว อยากมีซัก 3 ร่าง   เอ้อ 4 ดีกว่า อีกร่างนึงจะได้ไปตีก๊อป) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 28 มิ.ย. 51 12:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ไหน คุณDEARANCE ว่าห้องเงียบเหงางาย ออกจะคึกคักขนาดนี้ อิอิ จากคุณ : BrettAnderson - [ 29 มิ.ย. 51 21:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณศราวุธมาลงทะเบียนเรียนวันที่ 20  แล้วมาเรียนอีกทีวันที่ 29  ก็คึกคักดิครับ ผมสิ  มานั่งรอทุกวัน  55555 จากคุณ : Dearance (Dearance) - [ 30 มิ.ย. 51 16:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เข้าใจแล้วครับว่ายุ่งจริง ๆ ผมขอว่าเรื่องเพียะ วิเหียร ไปก่อนนะ ส่วนภาพเกาหลี ญี่ปุ่น ก็เชิญตามอัธยาศรัย จับฉ่ายคือสไตล์กระทู้เราอยู่แล้ว อย่าคิดมาก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 51 21:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เขาพระวิหาร ที่ตั้งของปราสาทหลังงามหลังนี้  ปัญหามันอยู่ที่ ดั๊นไปอยู่ตรงเขตแนวชายแดนไทย กัมพูชา พอดี และอย่างที่บอกว่า ปัญหาเรื่องแนวเขตแดน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่หลัง สมัยที่สร้างปราสาท  ไม่มีใครคิดหรอกว่า ตรงไหนมันเป็นประเทศไหน ที่สำคัญ คือ มันไม่มีทั้งไทย ทั้งกัมพูชา นั่นแหละ แถม คำว่า ขอม นักโบราณคดี ส่วนใหญ่ยังเชื่อในแนวคิดที่ว่า มันไม่ใช่ชื่อของชนชาติใดชนชาตินึง แต่มันเป็นกลุ่มวัฒนธรรมร่วมกัน เหมือนอย่าง จีน ที่เราหมายถึงคนจีน หรือผู้ที่รวมอยู่ในกลุ่มวัฒนธรรมจีน ซึ่งถ้าเจาะลึกเขาไปจริง ๆ หน้าตายิ่งกว่าแขกก็มี เพียงแต่เราไม่คุ้นเท่านั้น ขอมก็เหมือนกัน อีกประเด็น คือ ขอม ที่ว่านี้มันสลายโต๋วไปหมดแล้ว เหมือนกับเวลาเราพูดถึงโรมันนั่นแหละ แม้ว่าวันนี้กรุงโรมจะตั้งอยู่ละติจูด ลองติจูดเดิม แต่คนที่เดินหล่อไปหล่อมาเวลานี้นะ มันไม่ใช่คนที่สืบเชื้อสายมาจากโรมันในสมัยนั้นแล้ว ดังนั้น ประเด็นว่าปราสาทนี้เป็นของคนชาติไหนมาแต่เดิม เลิกพูดกันไปเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 51 21:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ส่วนวัตถุประสงค์ในการสร้าง ก็ตามฟอร์ม ด้วยรูปทรงของภูเขาพนมดงรักที่มีลักษณะสวยงามเป็นพิเศษ ปราสาทที่สร้างอยู่บนยอดผา พร้อมกับบันไดลาดลงมายังเชิงเขา มองอย่างไร ก็ใช่วิมานที่เชื่อมต่อมายังโลกมนุษย์แท้ ๆ เพราะฉนั้น ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของภูเขา แม้ว่าตัวปราสาทจะไม่ได้งดงามมากไปกว่านครวัด นครธม หรือ ตาเมือน แต่คุณค่าที่มันตั้งอยู่บนภูเขา ก็ทำให้มันกลายเป็น "สุดยอด"ไปได้ไม่ยากนัก และที่ห้องโถงกลางของปราสาทก็แน่นอนว่า เป็นที่ตั้งของศิวลึงกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ เทพของศาสนาฮินดู ที่ขอมเอามาจากอินเดียอีกที อายุอานามของปราสาทนี้ก็ไม่ใช่น้อย เพราะถ้านับจากยุคประมาณการว่าสร้างสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 จนบัดเดี๋ยวนี้ก็ปาเข้าไปร่วม 1 พันปีแล้วครับ เวลานานขนาดนี้ ยังเหลือทรากเอาไว้ได้ ก็น่ากราบไหว้บูชาอนุรักษเอาไว้ต่อแหละครับ ปราสาทนี้ ในสมัยก่อน ก็คงใช้ในพิธีสำคัญทางศาสนาเป็นหลัก  แต่ช่วงที่เขมรแดงมารบกับทหารเวียดนามตามแนวชายแดนของเรา ปราสาทนี้ก็คือฐานปืนต่อสู้อากาศยานชั้นดี แถมยังเป็นฐานที่มั่นสูงข่มของเขมรแดงที่บุกเข้าตีไม่ได้ง่าย ๆ เสียด้วย จะยิงด้วยปืนใหญ่ หรอบอมบ์ด้วยระเบิดขนาดใหญ่ก็แสนจะเสียดายปราสาท เรื่องของเรื่องมันจึงผ่านสงครามกลางเมืองมาได้จนถึงทุกวันนี้ แถมยังจะกลายเป็นเงื่อนไขสร้างสงครามใหม่ให้อีก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 51 22:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตัวปราสาทนี้  ดูจากลักษณะก็จะเห็นได้ชัดว่าเจตนาของผู้สร้าง ต้องการให้ทางขึ้นอยู่ฝั่งไทย เพราะรูปทรงภูเขามันบังคับไว้ แต่อย่างว่า ตอนนั้นมันไม่มีประเทศไหนเลย   แต่หลังจากขอมล่มสลาย ปราสาทพระวิหาร รวมทั้งอีกหลาย ๆ ปราสาท ก็ถูกทิ้งให้จมรกร้างอยู่กลางป่าดงดิบ เพราะผู้คนอพยพไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อื่น พรอม ๆ กับหมดยุคของการสร้างปราสาท เพราะมันทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรและแรงงานมนุษย์มหาศาล ว่ากันว่า ปราสาทนครวัดที่ใช้เวลาสร้างกว่า 500 ปี ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เมืองพระนครล่มสลาย เพราะคนหนีการถูกเกณฑไปสร้างปราสาทกันหมด จนกระทั่งสมัย ร.5 ของไทย  ได้มีการค้นพบปราสาทวิหารนี้เป็นครั้งแรก ภายใต้การดูแลของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์  พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เมื่อปี 2442 ในฐานะที่พระองค์ดำรงตำแหน่งข้าหลวงมณฑลอีสาน ที่สมัยนั้นมีโคราชเป็นศูนย์กลาง   ศรีษะเกษ จึงถือว่าไกลสุดปลายเสียงปืนเที่ยงเอาเสียจริง ๆ ยังไม่ต้องคิดว่า สมัยน้น ตรงที่เขาพระวิหาร จะเป็นป่าดงดิบขนาดไหน ในยุคเดียวกันนั้นเองที่ฝรั่งเศส โดยนักสำรวจ องรี มูโอต์ และคณะเข้ามาพบนครวัด นครธม ที่น่าตื่นเต้นกว่าเขาพระวิหารเยอะ ปัญหาของไทยเรื่องแนวชายแดน มันก็เริ่มจากที่ฝรั่งเศสเข้าครอบครองกัมพูชาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ก็ใช้วิทยาการสมัยใหม่ในการจัดทำแผนที่แบ่งเขตประเทศ เรื่องแบบนี้ ไทยไม่คุ้นเคย  และอันที่จริง ไม่ใช่เฉพาะไทยหรอก  ประเทศแถบนี้ก็ทั้งนั้น  ไม่มีใครคิดจะทำแผนที่แบ่งเขตประเทศกันหรอก อย่างมากก็กำหนดกันคร่าว ๆ แบบแบ่งกันเป็นเมือง ๆ ไปเลย หรืออาศัยวัตถุอะไรสักอย่างเป็นเครื่องหมายแบบหยาบ ๆ อย่างเจดีย์ หรือที่จริงก็เป็นแค่กองหินในยุคแรกเริ่ม ที่เมืองกาญจน์นั่นไง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 51 22:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 59 แต่ทางฝั่งยุโรปนั้น เขาเริ่มแบ่งประเทศ แบ่งอาณาเขตกันเป็นกิจลักษณะกันแล้ว ตั้งแต่ประเทศสเปน ที่ถือว่าเป็นประเทศแรกที่มีการกำหนดอาณาเขตแบบ รัฐ ชาติ สมัยใหม่ เป็นประเทศแรกในโลก ส่วนฝรั่งเศส เมื่อเข้ามาครอครองกัมพูชาได้ ก็พยายามกำหนดเขตแดนกับประเทศไทยให้ชัดเจนตามหลักวิทยาการสมัยใหม่ ที่ขณะนั้นไทยยังไม่รู้จักกันเลย ปี ค.ศ.1904 ฝรั่งเศส ก็เริ่มทำแผนที่แบ่งอาณาเขตกัมพูชากับสยามเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนั้น ประสาทพระวิหารอยู่ในเขตไทยแบบเต็ม ๆ เพราะฝรั่งเศสคงยังคิดไม่ทัน  ได้แต่ดูไปตามเหตุตามผล ซึ่งก็ควรยิ่งที่จะอยู่ฝั่งไทย แต่แล้วเพียงแค่ 3 ปี ฝรั่งเศส ทำแผนที่ใหม่อีก  คราวนี้ขีดเอาเขาพระวิหารทั้งลูก เข้าไปในแดนกัมพูชาเฉย สยามก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เพราะตอนนั้น แค่ต้องฝ่าฟันกับปัญหาล่าอาณานิคม ชนิดกะกินรวบทั้งประเทศก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว จะมาอินังขังขอบอะไรกับปราสาทหินหลังเดียว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 51 23:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 60 รออ่านค่ะ จากคุณ : hs - [ 1 ก.ค. 51 04:49:12 A:86.129.130.247 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จริง ๆ ในช่วงที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเขมรในฐานะอาณานิคม  สยามก็ช้ำใจพออยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ต้นกรุง  ราชสำนักเขมรก็เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่กรุงเทพฯกันทั้งนั้น แต่เมื่อสยามต้องเผชิญกับโลกยุคล่าอาณานิคม  การที่เราฝืนกระแสมาได้ขนาดนี้ก็ต้องนับว่ายอดเยี่ยมแล้ว   การตรวจสอบรายละเอียดเรื่องเขตแดนในส่วนนั้น ในเวลาวิกฤต  จึงแทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  เพราะตอนนั้น เราเสียเมืองจันทร์ทั้งเมือง เมืองตราด แถมยังลาวและอีกหลายเมืองทางใต้  แปดเมืองทางฝั่งเชียงใหม่แม่ฮ่องสอนให้กับอังกฤษ ก็ต้องไม่ลืม ฉนั้น  เรื่องแผนที่สมัยใหม่ ที่สยามยังดูไม่ค่อยเข้าใจ จะล้ำแดนบนแผ่นกระดาษมาบ้าง จึงไม่มีใครสนใจ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 ก.ค. 51 10:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ที่มันมาเป็นเรื่อง ก็อย่างที่รู้กันว่า ก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ มหาเอเชียบูรพา สำรับฝั่งบ้านเราอย่างเต็มตัว  รัฐบาลไทยในขณะนั้น มีปัญหากับรัฐบาลอาณานิคมฝรั่งเศสในเขมร เรื่องของดินแดน   ซึ่งครั้งนั้น เราก็ไม่ได้มองแค่ปราสาทเขาพระวิหาร แต่เลยไกลไปถึงพระตะบอง  ที่เคยเป็นฐานที่มั่นกองทัพโบราณของไทยที่เข้าไปทำศึกกับกระเจ้ากรุงญวณอยู่ อาศัยช่วงที่รัฐบาลกลางที่ปารีส ล่มสลายจากการเข้ายึดครองของนาซี  และรัฐบาลวิชี่ ไม่มีเวลามาสนใจอาณานิคม  บวกกับความเชื่อมั่นของผู้นำไทยที่ต้องการจะเดินตามแนวทางฟาสซิสต์ สยามยามนั้นก็ก่อสงครามอินโดจีน เพื่อทวงคืนดินแดนที่ค้างคาใจกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และประสบความสำเร็จด้วยดี เนื่องจากรัฐบาลอาณานิคมฝรังเศสเพลี้ยงพล้ำอย่างง่ายดาย เพียงแต่ชิ้นปลามันชิ้นนี้ดันมีก้างญี่ปุ่นโผล่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เท่านั้นเอง และเป็นญี่ปุ่นนี่แหละที่ตอกย้ำให้ไทยเห็นถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของรอยต่อดินแดนเขมรกับไทยด้านอรัญประเทศ  เมื่อกองทัพลูกพระอาทิตย์กรีฑาทัพพรวดเดียวข้ามชายแดนมาแยกสายขึ้นเหนือที่นครนายก สระบุรี ไทยก็กลายเป็นกึ่งเมืองขึ้นของญี่ปุ่นไป จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 ก.ค. 51 10:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว  ทุกอย่างกับสภาพเดิม เพราะญี่ปุ่นและเยอรมันแพ้สงคราม ฝรั่งเศส ที่แอบเป็นผู้ชนะกับเขาบ้าง ทั้ง ๆ ที่แทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากวีรกรรมของฝรั่งเศสเสรีและนายพล ชาร์ล เดอ โกล  ก็พยายามจะกลับมารักษาอาณานิคม เพื่อสูบทรัพยากรกลับไปฟื้นฟูฝรั่งเศส แต่ยุคของอาณานิคมเริ่มอัสดงเสียแล้ว  ทั้งฝั่งฝรั่งเศสและอังกฤษ  ชคดีหน่อยตรงที่ฝั่งอินโดจีนนี้  ลุงโฮ เลือกแนวทางคอมมิวินสต์ในการกู้ชาติ  ทำให้ฝรั่งเศส ที่ถอดใจยอมแพ้แพคกระเป๋ากลับบ้านแล้ว   แต่อเมริกากลับมาแทนในฐานะผู้ปกป้องโลกเสรีให้พ้นจากการคุกคามของคอมมิวนิสต์ เขมรเริ่มได้รับการปลดปล่อย เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และไม่รู้ด้วยเวรกรรมอันใด  คนที่ฝรั่งเศสเล็งเอาไว้ให้ปกครองแทน หรือเป็นตัวแทนฝรั่งเศส) ก็คือ คิงส์หนุ่มท่าทางเพล์บอย นามว่าสีหนุ นั้นเอง สีหนุ ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสให้ขึ้นปกครองเขมรเมื่อปี 2484 ซึ่งเส้นทางทางการเมืองของพระองค์ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เบื่อ ๆ อยาก ๆ อยู่กับการขึ้นนั่งบัลลังก์บ้าง  สละสิทธิ์ลงมาเลือกตั้งบ้าง แล้วก็กลับขึ้นไปใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของการเมืองเขมรในยุคกลับมาตั้งไข่อีกครั้ง คือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง เพราะเขมรสิ้นรูปแบบการปกครองเก่าไปนานแล้ว  ความเชื่อความศรัทธาที่มีต่อราชวงศ์ ก็มีเพียงระดับชาวบ้านรุ่นเก่า ๆ เท่านั้น ส่วนปัญญาชน รวมทั้งนักการเมืองรุ่นใหม่ก็มองว่า เขมรน่าจะมีโอกาสทางการเมืองที่ดีกว่านั้น หือพูดง่าย ๆ คือ หากเปิดกว้างทางการเมืองเพิ่มอีกสักนิด ข้าพเจ้าก็น่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะเป็นผู้นำ รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่ทำให้การเมืองเขมรไม่มั่นคง เพราะสหรัฐฯต้องการให้เขมรมาซุกปีกพญาอินทรีให้เต็มที่หน่อย เนื่องจากการทำศึกในเวียดนามนั้น  กำลังมีปัญหา เนื่องจากแม้ทัพจีไอจะบล็อกเส้นทางเดินทัพของเวียดนามเหนือที่จะงมาทำศึกทางใต้ในดินแดนเวียนามเองได้แล้ว แต่เวียดกงก็ยังลัดเลาะไปตามเส้นทางโฮจิมินต์ที่ตัดเข้าลาว และเขมร ก่อนจะวกเข้าสู่พนมเปญเพื่อโจมตีอเมริกันได้อีก การเดินเกมทางการเมือง เพื่อเอาเขมรมาอยู่ใต้อาณัติ เหมือนโงดินเดียม จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่จะสั่งซ้ายหันขวาหันตามต้องการ เพราะสภาคองเกรสนั้นไม่อนุมัติให้รัฐบาลสหรัฐฯเข้าไปทำศึกสงครามในกัมพูชา  ทำให้ทหารจีไอ ตอบโต้เวียดกงไม่ถนัดมือนัก แต่นโยบายของสีหนุกลับต่างออกไป  พระองค์ไม่เลือกแบบที่ผู้นำไทยเลือก แต่กลับต้องการให้เขมรเป็นสวิสแห่งเอเชีย นั่นคือรักษาความเป็นกลางเอาไว้ให้ได้ ด้วยการบาลานซ์อำนายระหว่างโลกเสรีและคอมมิวนิสต์ ในดินแดนเขมร การจะทำเช่นนั้นได้  สถานภาพผู้นำของพระองค์ต้องปึ๊ก  ต้องได้รับศรัทธาและการยอมรับจากประชาชนเขมรและองค์การการเมืองทุกภาคส่วน เพราะต้องเอาฐานนี้ไปต่อกรกับการยื้อแย่งให้เขมรเป็นพวกทั้งจากสหรัฐฯ เวียดนามเหนือ รัสเซีย จีน  โดยมีไทยในฐานะลูกน้องสหรัฐฯแบบเต็มขัน คอยจ่ออยู่ตามแนวชายแดน สีหนุเลยต้องเลือกเล่นเกมการเมืองระดับชาติเพื่อสร้างศรัทธาทางการเมืองให้กับตนเอง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 ก.ค. 51 10:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 64 วันที่ 6 ตุลาคม 2502 รัฐบาลสีหนุ จึงเลือกที่จะเล่นเกมชาตินิยมกับไทย ด้วยการฟ้องต่อศาลโลก ให้ไทยคืนเขาพระวิหารให้เขมร โดยมีสหรัฐฯ แอบหนุนให้ ด้วยเหตุผลทางการเมือง เรื่องเครื่องบรรณาการที่ถูกใจผู้นำเขมร  แลกกับการสนับสนุนการทำสงครามเวียดนาม และรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคนี้ให้พ้นมือคอมมิวนิสต์ คุ้มด้วยกันทั้งสองฝ่าย เหมือนที่ฝรั่งเศส เคยคิดที่จะเอาใจคนลาวทั้งประเทศให้ยอมรับความเป็นฮีโร่ของฝรังเศส ด้วยการทวงคืนพระแก้วมรกตจากไทยไปให้ลาว  โดยหวังว่าจะได้รับคะแนนนิยมมากพอที่ลาวจะไม่ขัดขวางการกลับไปปกครองอาณานิคมนี้ต่อ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 ก.ค. 51 10:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เรื่องพระแก้วมรกตนี่..อย่าพูดเป็นเล่นไปนะ เพราะไปเยือนหลวงพระบางมากับหนุ่มมาดเซอร์คนหนึ่ง...จากการคุยกับไกด์ชาวเมืองหน้าหวาน..หล่อนพูดไทยด้วยสำเนียงลาวแบบน่ารักๆ ก็จริง..แต่สายตาของเธอยามที่พูดถึงพระแก้วมรกตนั้น มันช่างเด็ดเดี่ยว เข้มข้น มุ่งหมายผสมมุ่งมั่น ยังไงก็ไม่รู้นะ.. สื่อศิลปว่าม๊ะ? จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.ค. 51 11:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ก็เหมือนที่ภัณฑรักษ์ของลูฟภ์บอกแหละครับ ถ้าลูฟภ์ต้องคืนของที่โชว์อยู่ให้กับประเทศเจ้าของงานที่แท้จริง ลูฟภ์คงเหลือแต่ห้องเปล่า ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 ก.ค. 51 18:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 67 การฟ้องร้องของเขมรต่อศาลโลกนั้น  ประเด็นคำฟ้องของเขา ขึ้นต้นด้วยเรื่องว่า (เอาแบบสรุปย่อและอธิบายความนะครับ  คงไม่ต้องลอกมาแบบคำต่อคำ  คำฟ้องและคำพิพากษา ฉบับเต็มน่าจะหาได้ในโลกอินเตอร์เนตไม่ยากครับ) ตั้งแต่ปี 1949 เป็นต้นมา รัฐบาลกัมพูชาได้พยายามเจรจาทางการทูต (จริงป่ะ) มาแล้วหลายครังแล้ว เพื่อให้ไทยยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไทยกลับทำในสิ่งตรงข้าม คือ นับตั้งแต่ปี 1959 ทหารไทยได้ขึ้นไปยึดครองเขาพระวิหารเอาไว้ โดยมิด้นำพาต่อเสียงคัดค้านของกัมพูชาแต่อย่างใด และตลอดเวลาที่ไทยส่งกำลังทหารขึ้นไปยึดครองเขาพระวิหาร  ทางกัมพูชาก็ไม่เคยตอบโต้ด้วยกำลังทหารให้เป็นที่ขัดกฏบัตรของสหประชาชาติเลย (น่าสงสารไหม) แล้วตบท้าย บทแรกของสำนวนฟ้องร้องว่า ไทยนั่นแหละ ได้ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ ว่าด้วยการใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอื่น ฟังแบบนี้ในนาทีนี้ รู้สึกว่า ทำไมต้องแคร์สหประชาชาตินักใช่ไหมครับ ตั้งแต่โลกได้เห็นการฝืนมติประชาชาติเพื่อบุกอิรักของสหรัฐฯ  ทำให้สหประชาชาติที่เคยขลังราวกับมหาเทพที่สถิตอยู่ ณ แดนสรวง ร่วงลงมาในระดับเดียวกับจอมปลวกหลังหมู่บ้าน เอาซะดื๊อ ๆ แต่ในสมัยนั้น สหประชาชาติยังขลังอยู่ครับ  เพราะคนกำลังปวดร้าวจากสงครามโลกไม่หาย  ทำให้อยากจะรักษาองค์กรอะไรสักอย่างที่ทำหน้าที่ป้องกันการเกิดสงครามให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กัมพูชาก็ใช้ช่องนั้นแหละครับ  ฟ้องไทยด้วยข้อหาละเมิดกฎบัติสหประชาชาติเสียเลย ข้อหาหนักนะเนี่ย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 ก.ค. 51 19:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อาวอีกกกกก แต่ขอเซฟไว้ก่อนนะคะอาจารย์ เข้ามาสโครล์ปรู๊ดๆเฉยๆ ง่วงนอนแล้ว เพิ่งจะร่างสัญญาเสร็จ 8 หน้าภาษาปะกิด โชคดีที่พอจะทำเองได้ (ทำเองหมายถึง ตัดมาแปะมาปะหรอกนะ อิอิ) ไม่งั้นค่าเช่าคงไม่เหลือเลย (แถมเข้าเนื้ออีก) นั่งทำมาทั้งวันเลย วันนี้เจ้ามิคกี้และเจ้าจอห์นนี่(เด็กข้างบ้าน)จึงต้องกินพิซซ่า เสื้อผ้าก็ไม่ได้ซัก แต่พรุ่งนี้คุณแจ๋วจะกลับมาแล้ว ไชโย้! รักคุณแจ๋วที่ซู้ดดดดด ถ้าสองสามวันนี้รวมพลท่านปลัด ท่านผู้กำกับ ท่านผ.อ. กันก็อย่าลืมเรียกข้าพเจ้าด้วยนะ (แต่สงสัยฝนก็ตกอีก วันอาทิตย์นี้ต้องไปแข่งด้วย ขึ้นไม้ไม่ถูกแล้ว แต่ไม่เป็นไรขอแค้ปหมูเขาไว้ 26 ฮิๆๆ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 2 ก.ค. 51 01:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 69 สัปดาห์นี้คงแห้วครับ  เพราะฝนตกทุกวัน ต่ออีกนิดนะ  เดี๋ยวต้องแวบไปทำงานหาตังส์หน่อย ประเด็นแรกในสำนวนคำฟ้องของกัมพูชาที่ดำเนินการโดยทีมทนาจากสหรัฐฯที่มีดีกรีเป็นถึงที่ปรึกษาจอห์น เอฟ เคเนดี้  น่าสนใจมาก เพราะเขาอ้างเรื่องการยอมรับกรรมสิทธิเหนือดินแดนของกัมพูชา โดยยกเหตุการณ์ที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ซึ่งเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งเป็นราชวงศ์ชั้นสูงในขณะนั้น ได้เดินทางไปเยี่ยมเขาพระวิหาร กัมพูชาอ้างว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น ข้าราชการในรัฐบาลฝรั่งเศสที่บริหารกัมพูชาในฐานะอาณานิคม ได้มาต้อนรับกรมพระยาดำรงฯ  ซึ่งทางไทยก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืน ยังคงยินดีในการต้อนรับเช่นนั้นอยู่ ซึ่งหมายถึงว่า ผู้ใหญ่ในรัฐบาลไทยขณะนั้น ยอมรับถึงอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือเปรี๊ยะวิเหียรอยู่แล้ว ชื่อข้าราชการของฝรั่งเศสในรัฐบาลกัมพูชาที่ยกมาอ้างในสำนวนคนนึง  ไม่รู้ว่าทนายชุดนี้จงใจจะแทงใจดำฝ่ายไทยให้เจ็บจี๊ดหรือเปล่า เพราะประเด็นเรื่องรับเสด็จกระพระยากำรงนี้ คนอืน  เขาใช้ตำแหน่งหมด แต่นายคนนี้กลับระบุชื่อพร้อมตำแหน่งเลยว่า เป็นผู้มาต้องรับบนเปรี๊ยะวิเหียร ม.ปาวี มังติเอร์ ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ค. 51 13:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนประเด็นต่อมา ก็เข้าไลน์นักกฎหมายชั้นเซียนครับ  เพราะหลังจากบอกเล่าถึงเหตุการณ์สมัยยังเป็นรัฐบาลอาณานิคมแล้ว  พอพ้นจากอาณานิคม ก็เอ่ยอ้างถึงความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในฐานะรัฐอิสระต่อรัฐอิสระ กัมพูชา บอกว่า เมื่อปี 1953 ที่เขาพ้นจากอาณานิคมฝรั่งเศส เขาก็ทำพิธีแลกทูตกับทางไทย และทูตกัมพูชาได้เข้ามาดำเนินการในฐานะผู้แทนรัฐบาลกัมพูชาใหม่  ไม่ใช่อาณานิคมโคชินไช่นา และงานแรกที่ทูตกัมพูชาดำเนินการ ก็คือ ยื่นประท้วงต่อรัฐบาลไทยให้ถอนทหารออกจากเปรี๊ยะวิเหียร นี่แหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ค. 51 13:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ข้อมูลเป็นเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นดังเลยครับ น่าสนใจ ^^ จากคุณ : Balleno - [ 2 ก.ค. 51 16:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามาถามอย่างใสซื่อว่า ในรูปที่ความคิดเห็น 65นี่ คนไหนคุณสื่อศิลปครับ :) ประเด็นพระแก้วมรกตนี่ผมมองดูมันน่าจะยากนะครับ เพราะมันเกิดตั้งแต่ยุคก่อนล่าอาณานิคมด้วยซ้ำ แถมไล่ไปไล่มาก็ดูเหมือนว่าก่อนจะอยู่ที่ลาวน่ะ พระแก้วอยู่ที่เชียงใหม่ด้วยซ้ำไป เรื่องเขาพระวิหารนี่่ถ้ามองแต่แง่ภูมิศาสตร์อย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับว่าใครไปยึดนี่ควรจะอยู่กับไทยใช่หรือเปล่าครับ แต่บังเอิญเราพลาด จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้เราต้องเสียปราสาทพระวิหารไปในที่สุด แปลกนะครับประวัติศาสตร์นี่ซำ้รอยเดิมเสมอ ไม่ว่าจะที่เก่าหรือไปซ้ำรอยที่ใหม่ๆ เมื่อเร็วๆนี่เองอะไรๆที่คล้ายๆกันก็เกิดในที่ทำงานของผมนี่เอง บ่นไปก็เท่านั้นก้มหน้าก้มตาทำกันไป ว่ากันด้วยเรื่องโบราณวัตถุกันบ้าง ของที่อยู่ใน British museum นั่นก็เหมือนยกไอยคุปย์มาตั้งไว้ไม่ใช่หรือครับ ถ้าต้องคืนเจ้าของบ้างก็คงเหมือน Louvre กำปั้นคือความถูกต้องชอบธรรม ยิ่งกำปั้นใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกต้องมาก ยิ่งชอบธรรมมากขึ้นเท่านั้น ไม่ทราบว่าถ้าอาจารย์สื่อเล่าประวัติกรณีปราสาทพระวิหารจบแล้ว จะต่อเรื่องเราควรทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดในกรณีนี้หรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างเช่น ที่เขมรขอขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากไทยจริงหรือเปล่าครับ และเห็นชอบอะไรบ้าง ถ้าไม่ต้อง แล้วทำไมเขมรต้องมาหารือไทย ถ้าต้องได้รับความเห็นชอบ เราควรทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด ท้ายสุดไทยเรามีสิทธิไปยับยั้งการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารหรือเปล่าครับ ในกรณีที่เราจะแย้งว่า นอกจากปราสาทพระวิหารแล้วยังมีส่วนประกอบอื่นๆอีกที่ประกอบกัน และส่วนนั้นอยู่ในเขตไทย การขึ้นทะเบียนแต่ตัวปราสาทเพียงอย่างเดียวทำให้ความเป็นปราสาทพระวิหารไม่สมบูรณ์์ อะไรๆทำนองนี้น่ะครับ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 2 ก.ค. 51 17:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คนนั่งหันหน้าค่ะอาจารย์ จากคุณ : Gasalong - [ 2 ก.ค. 51 18:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คารวะเหล่าซือ _/|\_ จากคุณ : Dearance - [ 2 ก.ค. 51 19:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เอ้อ จริง ๆ แล้ว  ถ้าเราข้ามพ้นเส้นพรมแดนไปได้ เราก็สามารถที่จะหลุดจากปัญหาเหล่านี้ไปครับ แต่ว่าคงยากในโลกของความเป็นจริง อย่าลืมสิว่าเราพูดถึงโลกไร้พรมแดนกันมาตั้งหลายปีแล้ว การค้าการขายก็ไร้พรมแดนจนหาเส้นแบ่งไม่เจอแล้ว แต่ปราสาทหลังเดียวกลับต้องมาทะเลาะกันด้วยเส้นสมมุติในแผนที่อยู่ได้ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าจะยกเขาให้เขมรนะครับ แต่อยากให้มองมุมอื่น ๆ บ้างว่า กรณีเขาพระวิหาร มันมีนัยยะอะไรซ่อนเร้นอยู่บ้าง คงไม่ใช่แค่การแย่งชิงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั่นหรอก ที่แค่นี้ แค่เอาค่าตั๋วขึ้นไปชมพระวิหารสักปีนึงก็น่าจะเอามาซื้อที่ดินขนาดเท่ากันทั้งในฝั่งไทยฝั่งเขมรได้แล้ว หรือจะเอาแบบเก็บออมไว้ มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ก็ไปถึงขั้นถมทะเลแบบ UAE เขาเลยก็ได้ แต่เราก็รู้ว่ามันไม่ใช่ มันมีนัยะซ่อนเร้นมากกว่านั้น ลองค้นหาดูสิครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ค. 51 14:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ลองมาดูคำฟ้องของเขมรกันต่อ ประเด็นที่เขายกมาเรื่องการต้อนรับกรมพระยาดำรงราชานุภาพนี่น่าสนใจนะครับ  ผมยังไม่เคยเห็นใครเอาเรื่องนี้มาขยายความสักเท่าไรว่า พระองค์ท่านเสด็จไปเมื่อไร ไปทำไม และมีการต้อนรับดังว่านี้จริงไหม ใครศึกษางานของกรมพระยาดำรง ฯ ช่วยอนุเคราะห์ข้อมูลหน่อยเถอะ อีกท่อนนึงจของคำฟ้อง  บ่งบอกได้ว่า เริ่มมีการพิพาทก่อนที่จะมีการฟ้องตอศาลโลกแล้ว นั่นคือ เขมรบอกว่า เขาได้แจ้งกับฝ่ายไทยแล้วว่า ทางเขาจะส่งกองทหารขึ้นไปรักษาการบนเปรี๊ยะ วิเหียร แต่ไม่ทันจะได้ปีนหน้าผาขึ้นไป (อันนี้ผมพูดเอง  มันก็ตลก เพราะถ้าจะถึงขั้นส่งกองทหารขึ้นไป  จะไปยังไง  ถ้าไม่ผ่านเข้ามาในแดนเรา  ซึ่งเราคงไม่ยอมอยู่แล้ว)   ทางไทยก็ส่งกองทหารขึ้นไปรักษาการณ์เสียก่อน  (น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับกองทหรกองนี้บ้างนะ  ระดับนายทหารก็ยังดี) นอกจากนี้ ทางเขมรยังอ้างหลักฐานเป็นแผนที่ 2 ฉบับ คือ แผนที่ที่ทำจากไทย โดยกรมแผนที่ไทย พิมพ์เมื่อปี 2490 และแผนที่อินโดจีนของฝรั่งเศส ปี 2447 ต่างระบุว่า พระวิหาร อยู่ในดินแดนของเขมร จากคุณ : สื่อศลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ค. 51 14:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 77 นอกจากนี้เขมรยังอ้างอีกประเด็นด้วยว่า  เมื่อครั้งที่รัฐบาลอาณานิคมอินโดจีนของฝรั่งเศส ทำการปรับปรุงโบราณสถาน  ก็ได้รวมเอาเขาพระวิหารนี้อยู่ด้วย ก็ไม่เห็นว่าไทยจะคัดค้านอะไร (บ้าเหรอ  ตอนนั้น แค่เอาจันทบุรีคืนมาได้ก็หืดจับแล้ว) แล้วก็ปิดด้วยเหตุผลที่ตอกย้ำว่าไทยไม่เคยคัดค้านหรือประท้วงทางการทูตเกี่ยวกับเรื่องเขาพระวิหารเลย นับตั้งแต่ปี 1904 ถึง 1959 ข้อนี้ผมว่าไม่ค่อยแฟร์นะ ประมาณว่า คนไข้กำลังเข้าไอซียู โดนยิงแทงสิบกว่าแผล จะตายมิตายแหล่ หมอก็ต้องช่วยรักษาแผลสดให้รอดตายก่อน แต่พอคนไข้ฟื้นจากโคม่า ดั๊นมาตายเพราะไส้ติ่งอักเสบ ยังงี้จะไปโทษหมอ ว่าทำไมไม่ตรวจรักษาไส้ติ่งให้คนไข้ด้วยละ มันก็ไม่ถูกนะ ก็ตอนนั้นใครจะสนใจไส้ติ่งกัน แค่แคะหัวกระสุนออกจากก้านคอได้ก็บุญโขแล้ว เราก็เหมือนกันแหละ แค่กันไม่ให้ฝรั่งเศสกะอังกฤษมายึดเอาบ้านเราเป็นเมืองขึ้นไปทั้งประเทศก็หนักหนาสาหัสแล้ว ถ้าตอนนั้น เราบอกว่า ต้องให้ความสำคัญกับเขาพระวิหารก่อน ฝรั่งเศสคงบอกว่า ไม่ต้องสนใจหรอก เพราะกรุงเทพฯและประเทศสยามตกเป็นของไอแล้ว อย่าไปสนใจปราสาทเก่า ๆ บนภูเขาลูกเดียวเลย ฟังเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงโจ๊ก เรื่องซื้อฮอลิคอปเตอร์ของซีเอ็นเอ็น ที่เขาเล่าวว่า เมื่อครั้ง ซีเอ็นเอ็น ตั้งไข่ อยากได้ ฮ.สักลำเอาไว้ทำข่าวสด ๆ ก็เลยไปขอซื้อจากบริษัทสำนักข่าวใหญ่ ปรากฎว่า เขาไม่ขาย  แถมดูถูกเอาอีกว่า ซื้อไปจะมีปัญญาเติมน้ำมันเหรอ เจ้าพ่อซีเอ็นเอ็น ก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร เอาไว้วันหลัง เขาจะซื้อบริษัทนี้ทั้งบริษัท แล้วก็จะได้ ฮ.ลำนี้เอง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ซีเอ็นเอ็น ก็ผงาดเป็นเจ้าโลกข่าวสาร และรายชื่อของที่เขาช๊อปปิ้งในเวลาถัดมา ก็คือบริษัทสำนักข่าวจอมหยิ่งนั่นแหละ ซื้อบริษัทเพื่อเอา ฮ.เป็นของแถมจริง ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ค. 51 14:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สุดท้ายก็ตบด้วยคำร้องขอ ตามแบบฉบับคำฟ้องศาล นั่นคือ  ไทยจะยอมมาขึ้นศาลหรือไม่ก็ตาม แต่ขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ 1. ไทยต้องถอนกองทหารออกไปจากเปรี๊ยะวิเหียรให้หมด 2. กัมพูชาต้องมีอธิปไตยเหนือดินแดนปราสาทเปรี๊ยะวิเหียร สั้น ๆ ง่าย ๆ แค่ 2 ข้อนี่แหละครับ แต่บาดใจคนไทยมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว คราวหน้ามาดูข้อต่อสู้ของไทยบ้าง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ค. 51 14:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 79 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จเยี่ยมเขาพระวิหารเมือ ปี พ.ศ.2473 พระองค์ทรงเป็นอดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงเป็นนายกราชบัณฑิตยสถานแห่งประเทศสยาม ซึ่งรับหน้าที่เกี่ยวกับหอสมุดแห่งชาติและโบราณสถาน การเสด็จเยี่ยมในครั้งนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางไปสำรวจโบราณสถาน โดยพระบรมราชานุญาติ ของพระมหากษัตริย์ โดยมีลักษณะกึ่งราชการ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรง ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการจากข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสโดยมีธงชาติฝรั่งเศสชักไว้ ซึ่งพระองค์ไม่น่าที่จะไม่ทรงสังเกตเห็น เหตุการณ์นั้เป็นการยืนยันได้ดีว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของฝรั่งเศสหากฝ่ายไทยไม่ยอมรับ ก็ควรจะทักท้วง แต่ฝ่ายไทยไม่ได้กระทำอย่างไรเลย ซึ่งจากเหตุการดังกล่าว หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิสกุล ซึ่ง เสด็จปราสาทครั้งนั้นด้วยกล่าวว่า ชาวไทยในขณะนั้นเข้าใจดีว่าทำไมสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงมิได้ทรงทักท้วง  เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในขณะนั้นว่า การประท้วงมีแต่จะเป็นทางให้ฝรั่งเศสยกเป็น ข้อแก้ตัวที่จะยึดดินแดนไทยมากขึ้น จากคุณ : ขนมหัวผักกาด (ขนมหัวผักกาด) - [ 3 ก.ค. 51 14:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมก็เข้าใจตามที่คุณขนมหัวผักกาดนำมา post แล้วก็ที่อาจารย์สื่อเขียนไว้ครับ ตอนนั้นแค่จะเอาตัวให้รอดก็แย่แล้ว ขืนไปประท้วงเรื่องนี้ ดีไม่ดีจะได้เสียดินแดนมากกว่านี้ กลับกลายเป็นเราไปยอมรับเสียฉิบ แล้วศาลโลกก็พิจารณาแต่เอกสาร หลักฐานโดยไม่ดูเหตการณ์แวดล้อมเลยว่าตอนนั้เรากำลังอยู่ในช่วง deal กับนักล่าอาณานิคม อันนี้ผมว่าเป็นเพราะส่วนหนึ่งพวกที่นั่ง/มีอิทธิพลในตอนนั้นไม่อยากพูดก็เพราะเป็นพวกล่าอาณานิคมเก่าทั้งนั้น พูดไปก็เข้าตัว ส่วนของไทย ถ้ายกเรื่องนี้ไปพูดมากๆเข้า เดี๋ยวทางนู้นท่านก็จะเคื่อง แล้วตัดสินให้เขมรได้ประโยชน์ไปอีก เอ๊ะ ว่าไปว่ามานี่เราโดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนี่หว่า ส่วนเรื่องมีอะไรซ่อนเร้นในกรณีปราสาทพระวิหารนี่ ขอเรียนตามตรงว่าไม่ทราบครับนอกจากศักดิ์ศรีและผมประโยชน์ของชาติ ช่วงนี้คิดอะไรไม่ค่อยออกครับ เหมือนไซนัสอักเสบจะกลับมาหาอีกรอบแล้ว แล้วก็เรื่องที่ผมบ่นๆในที่ทำงานอีก วันนี้มาทำงานก็เจออีกดอก แต่ดอกนี้ไม่ได้ลงที่ผมคนเดียว เล่นเอาส่ายหัวกันเดี๊ยะ หลายหัวซะด้วย มึน เซ็ง จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 3 ก.ค. 51 16:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มาได้ทันใจ ใช้ได้เลยคุณหัวผักกาด เอ๊ะ หรือมีขนมด้วยนะ ยังงี้วันหลังจะให้ไปซื้อโอเลี้ยงปากซอยให้บ้าง เรื่องการตัดสิน ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ที่นั่งลงคะแนน ล้วนแต่เจ้าพ่อนักล่าอาณานิคมกันทั้งนั้น  ขืนเอาประเด็นนี้มาพูด ก็เท่ากับลากไว้ตัวเองออกมาประจานอีก ก็เลยเงียบ ๆ ไปซะ แถมยังหวังจะทำคะแนนกับเขมร เผื่อวันหลังจะได้กลับไปขูดเอาทรัพยากรอีก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 ก.ค. 51 13:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เดี๋ยวขอเอาเรื่องของสำนวนคำฟ้องมาลงให้ครบทั้งสองฝ่ายก่อนนะครับ แล้วค่อยไปว่าถึงบรรยากาศอื่น ๆ ของเหตุการณ์ช่วงนั้น เพราะสำนวนนี้จะทำให้เราชัดในแกนของเรื่อง ว่าเขาสู้กันเรื่องอะไรบ้าง และที่รอบข้างสร้างกระแสอะไรบ้าง ทางฝ่ายไทย ยื่นคำให้การแย้งสำนวนฟ้องของเขมร เอาไว้ดังนี้ครับ ประเด็นแรก คือ เราปฎิเสธเรื่องการกำหนดเขตแดนตามแผนที่ที่เขมรยกมาอ้าง จากนั้นเราก็ยืนยันหลักการการกำหนดเขตแดนแบบสากล  อย่างที่เราเคยได้ยินกันบ่อย ๆ นั่นคือหลักสันปันน้ำ ซึ่งหลักสันปันน้ำนี้เป็นไปตามสนธิสัญญาปี 1909 ที่มห้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเขตแดน  ซึ่งหากถือตามนี้แล้ว ตัวพระวิหารที่อยู่ตรงสันเขาจะเป็นจุดสันปันน้ำพอดี จึงทำให้เขาพระวิหารทั้งหมดอยู่ในดินแดนของไทย เรื่องนี้จากการสำรวจพ้นที่จริง ก็ยืนยันได้ว่า เส้นสันปัน้ำ หรือเส้นที่น้ำฝนไหลนั้น มันไหลเข้ามาในฝั่งไทยลงแม่น้ำมูล ซึ่งสายน้าไหลนั้นเดินตามแนวหน้าผา  ซึ่งหมายถึงว่า ตัวปราสาททั้งหลังอยู่ฝั่งไทยแน่นอนตามหลักสากล แต่ในแผนที่ที่ยกมาอ้างนั้น ลากเส้นผิดจากสันปันน้ำจริงร่วม 2 กม.  ซึ่งหมายความว่า หากยึดแผนที่นั้นจริง ไทยจะเสียดินแดนไปฟรี ๆ  2  กม. จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 ก.ค. 51 14:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ส่วนประเด็น เรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือพระวิหารนั้น  ทางไทยฟ้องแย้งว่า การที่กัมพูชายื่นฟ้องมานั้น ใช้การอ้างอำนาจอธิปไตยตามสนธิสัญญา  แทนที่จะอ้างหลักการครอบครองปรปักษ์  หรือที่หมายความว่า หากกัมพูชาเป็นผู้ยึดครองเขาพระวิหารมาอย่างเนิ่นนาจริงดังว่า  ก็ไม่ต้องฟ้องอ้างอำนาจอธิปไตยตามสนธิสัญญาหรอก อ้างการครอบครองปฎิปักษ์ไปเลย การครอบครองปฎิปักษ์ เป็นภาษากฎหมายครับ  เราคงเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้าง  ที่คุ้นเคยกันก็คือ หากเรามีที่ดินเปล่า ๆ ทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์  นนาน ๆ ไปดูที เพราะหญิงแม่มีฉโนดเยอะจนตาลาย  จำไม่ค่อยได้ว่าแปลงไหนเป็นแปลงไหน วันดีคืนดี หญิงแม่เกิดปลื้มใจไอ้ลูกเขยตัวดีที่อุตส่าห์สละเวลาเที่ยวผับ  ขับรถไปรับ ไปส่งหญิงแม่ที่สมาคมแม่บ้านคานหัก ติดต่อกันถึง 3 วันเต็ม ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หญิงแม่ปลื้มมาก เลยยอมปวดหลัง ก้มเก็บแผ่นโฉนดที่ดินเก่า ๆ ที่มันล้นเซฟปิดไม่ลง เอามาเซ็นมอบให้เล่น ๆ เย็นใจ 1 แผ่น แต่กำชับว่าให้ไปหาที่ตั้งกะรังวัดเอาเองนะ เพราะแม่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันอยู่ตรงไหน ถึงจะไม่ได้อยู่กลางสีลม ข้างถนนนราธิวาส  แต่ด้วยขนาดที่มากกว่า 100 ไร่อัพ  ทำให้เราตาลุกวาว  รีบขับรถไปเสาะแสวงหาขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ที่แม้ว่าจะเจอ  แต่ก็ดันไปติดว่า มีบ้านชาวไร่ชาวนา ตาสีตาสา มาปลูกกินอยู่รับนอน พร้อมมีทะเบียนบ้านไปขึ้นเงินกองทุนหมู่บ้านมาตั้งแต่รุ่นทักษิณ 1 กูสั่งให้มรึงรวย มาแล้ว สอบไปสอบมา  ตาสีกับตาสา ดั๊นมาอาศัยอยู่ในที่ดินเปล่า ๆ ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรของหญิงแม่มากว่า 10 ปีแล้ว โดยสงบ และปราศจากการโต้แย้งหรือขัดสิทธิ์ใด ๆ เลย ยังงี้ ที่ดินเราก็ปิ๋วครับ  เขาเอาไปครอบครองได้สบายแฮ  แม้ว่าเราจะมีฉโนดอยู่ในมือก็ตาม อย่างมากก็เอาพับถุงใส่กล้วยแขกเหมือนท่านอาจารย์พระพยอมเท่านั้นเอง อย่างนี้เรียกว่า ครอบครองปรปักษ์ ทางไทยยกประเด็นนี้กับเขมรว่า ถ้านายมีอำนาจอธิปไตย หรือมีความสามารถในการครอบครองเขาพระวิหารนี้จริง อย่างประจักษ์ชัดมานานแล้วละก็   ไม่เห็นต้องอ้างสนธิสัญญาอะไรเลย ก็อ้างสิทธิครอบครองไปซี่ การไม่อ้างสิทธิครอบครอง ก็เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หรือไม่เคยครอบครองแสดงอำนาจอธิปไตยอย่างจริงจังใช่ไหมละ มุกนี้ ผมว่าทางไทยสิ้นท่าไปนิดนะครับ เพราะคล้าย ๆ กับว่า ตัวเราก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับเรื่องสนธิสัญญา หรือการแสดงสิทธิครอบครองของฝรั่งเศสสมัยปกครองเขมรเหมือนกัน ก็เลยหักมุก ย้อนกลับไปถามเขาเอาดื๊อ ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 ก.ค. 51 14:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คคห 83 การครอบครอบยาวนานแบบนี้  เป็นการครอบรองแบบ  "ปฏิปักษ์" หรือเป็นการครอบครองแบบ "ปรปักษ์" คะอาจารย์ จากคุณ : Gasalong - [ 4 ก.ค. 51 15:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แหม่ คุยเรื่องกำลังอินเทรนด์อยู่ซะด้วยซี่ ห้องเรียนเราก็ยังครึกครื้นดีอยู่เน่อ ดีใจจังนิ ฮิฮิ เท่าที่ดูๆ(ยังไม่ได้อ่านเยย) ก็พอจะจับใจความกันได้กระมังครับว่า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพื่อนบ้าน(?) รอบๆบ้านเราดูเหมือนเขาไม่ชอบคนไทยเอาเสียเลย จริงๆเลยเน้อ จากคุณ : BrettAnderson - [ 4 ก.ค. 51 20:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 86 คุณแป๋ง........มาได้งัยคะเนี่ย???? ดีไจด้วยนะ  ที่เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที    ทำงานใน กทม  แหละค่ะดีแล้ว  เผื่อพวกเราจะนัดรวมพล ชมรมคนรักอาจารย์สื่อ  จะได้นัดแนะกันได้ง่ายๆหน่อย ห้ามเบี้ยวนะ ตะเอง รวมทั้งคนที่อยู่ภูเก็ตและปากช่องด้วยจ๊ะ ถ้าใครเบี้ยว มีเคืองจิงๆด้วย!!!! ที่คุณแป๋งว่ารอบบ้านเรา  เขาไม่ชอบเราด้วยเรื่องอันไดฤา ยังนึกไม่ออกว่า เขาจะไม่ชอบเราด้วยเรื่ออะไร  กะอีแค่เขาเปรี๊ยะวิเฮียร์เนี่ยะนะ     ถ้าแต่พูดถึงเรื่องการรุกรานซึ่งกันและกันในสมัยโบราณ   ก็ไม่น่าจะใช่อีกนั่นแหละค่ะ    ลำพังแค่ความรู้สึกของชาบ้านนั้นไม่เท่าไหร่หรอก   เพราะถ้าจะนับวงศาคณาญาติกันแล้ว   พี่น้องหมู่เฮาก็ยังอยู่ในแผ่นดินมาเลย์  พท่า  เขมร ลาวกันตั้งหลาย     แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือพวกที่ปั่นกระแสให้เกิดความแตกแยกนี่สิ  ไม่รู้คิดได้งัย จากคุณ : Gasalong - [ 4 ก.ค. 51 21:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 87 #84 ยืนยันว่าเป็นการ "ครอบครองปรปักษ์" ครับ จากคุณ : @(-_-)@ - [ 5 ก.ค. 51 16:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คุณ@(-_-)@ ผมว่าพี่สาวแกเล่นมุกนะครับ แวะมาลงชื่อครับ ........... จากคุณ : ryzon - [ 5 ก.ค. 51 16:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 89 แปะการ์ตูนล้อเขาพระวิหารครับ ดูรูปชัดเจนดี แถมคำบรรยายว่ามีการเมืองเอี่ยวหน่อยๆด้วย You can see the beleagured Thai being steamrolled as the World Court justice ignores the fence separating Thailand and Cambodia. Behind the Justice you can see the leader of Cambodia, Prince Sihanouk (who is purposely drawn so short to denote his lack of importance) and behind him is Mao Tze-Tung of Communist China จากคุณ : ryzon - [ 5 ก.ค. 51 17:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 90 แผนที่นี่น่ากลัวนะครับ ม้วนมันใหญ่จริง ๆ เรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน มันก็ยังงี้แหละครับ รัก ๆ เกลียด ๆ ไม่เป็นไรหรอก ดูอย่างอังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นไง มันยังรบกันได้เป็นร้อย ๆ ปี วันดีคืนดีก็สร้างอุโมงค์ใต้ทะเลเชื่อมหากันซะงั้น ถ้าเพื่อผลประโยชน์ของชาติ จะทะเลาะหรือเคืองกับเพื่อนบ้าน ก็เรื่องธรรมดาครับ วันนี้ฟังข่าว รมว.ตปท.มาพูดประเด็นขาพระวิหารแล้วมันแปร่ง ๆ ไอ้ทับซ้อนไม่ทับซ้อน เสียไม่เสีย ผมยังไม่ขอเข้าไปเกี่ยวละ ต่างคนต่างมีหลักฐาน ค่อย ๆ ดูกันไป แต่ประเด็นที่ รมว.ตปท.ออกมาพูดเชิงตำหนิว่า การที่ไทยสนับสนุนใขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นเรื่องที่ทำกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว คล้าย ๆ กับว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ผิดนะ แค่สานต่อเท่านั้น ฟังดูดีครับ แต่ถ้าคิดว่า ทีแรกรัฐบาลนี้ บอกว่า ไทยควรสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก  ถึงขนาดต้องรีบทำให้ทัน 6 เดือนตามกติกายูเนสโก้ ก็แสดงว่า ในสายตาของรัฐบาลนี้ การสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เป็นสิ่งดีที่รัฐบาลไทยควรจะสนับสนุน ใช่ไหมละ ถ้าอย่างนั้น การที่รัฐบาลที่แล้วเขาสนับสนุนก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันสิ ไปว่าเขาทำไม หรือตอนนี้การที่ไปสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนเป็นเรื่องไม่ดีไปเสียแล้ว ถึงขนาด รมว.ตปท.ต้องเดินทางไปแคนาดาอย่างด่วน เพื่อไประงับ งั้นทีแรกสนับสนุนทำไมละ ก็คิดเล่น ๆ นะ อย่าพึ่งทะเลาะกันในกระทู้นี้แล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 ก.ค. 51 22:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สมัยนั้น  คงจะราว ๆ พ.ศ. 2505  คุณ ป.อินทรปาลิต  ก็แต่งเรื่อง 3 เกลอ  พล นิกร กิมหงวน  ตอนเขาพระวิหารไว้เหมือนกัน  (สมัยนี้ต้องเรียกว่าอินเทร็น)  ลองเอาไปอ่านดูสนุก ๆ ครับผม 1 http://www.samgler.com/archives/book18.pdf 2 http://www.samgler.com/archives/book19.pdf 3 http://www.samgler.com/archives/book20.pdf 4 http://www.samgler.com/archives/book23.pdf 5 http://www.samgler.com/archives/book46.pdf 6 http://www.samgler.com/archives/book47e.pdf จากคุณ : Dearance - [ 6 ก.ค. 51 13:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ไม่ได้เล่นมุกนะ ก็อาจารย์เขาเขียนแบบนั้นจริงๆ   ไม่เชื่อลองขึ้นไปอ่านดูสิ  คคห  83  หน่ะ จากคุณ : Gasalong - [ 6 ก.ค. 51 18:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 93 หมดอารมณ์จะเขียนเลยนะครับ จบเรียบร้อยไปแล้ว เรื่องเขาพระวิหาร สุดท้ายเราก็เสียไปอย่างแน่นอน แถมพื้นที่ทับซ้อนไปอีก ที่ได้คืน คือ ความรับผิดชอบด้วยการลาออกของ รมต.คนนึง จากรัฐบาลที่กำลังจะล้มในอีกไม่กี่เพลา คุ้มจริง ๆ ก็นับว่าเกินความคาดหมายครับ เพราะทีแรก ผมคิดว่าเขาจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการ งดทานข้าวเย็น 3 วันติดกัน หรือเลิกกินเหล้าตลอดเข้าพรรษานี้ซะอีก เป็นบุญของไทยระดับนึงครับ ที่ท่านเสนาบดี กรุณาแสดงสปิริต ถึงระดับลาออกให้ด้วย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 51 22:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อเย็นนี้ได้มีโอกาสไปล้อมวงกินข้าวกินเหล้ากับพรรคพวก แน่นอนว่า เรื่องสนทนาไม่พ้นการเมืองเรื่องเขาพระวิหาร เพื่อนเขาถามง่าย ๆ ว่าเรื่องมันเป็นยังไง เขมรได้ขึ้นทะเบียนแล้วเราเสียตรงไหน ก็เสียให้เขาไปตั้งแต่ปี 2505 แล้วไช่เหรอ แล้วดินแดน ทหารท่านก็ยืนยันว่าไม่ได้เสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนี่ พอถามประมาณว่าฟังรายการสนทนาประสาตาหมักมาแล้ว ผมก็เลยตอบง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า นายเคยได้ยินรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ประกาศรับรองเอกราชไต้หวันไหม เจียง พาทหารและประชาชนของเขาหนีมาเกาะไต้หวันและประกาศแยกประเทศ มาก่อนที่เราจะโดนศาลโลกพิพากษาให้ยกให้เขมรอีก แต่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน ก็ไม่เคยไปประกาศรับรองเอกราชให้ไต้หวันเลย จะปกครอง บริหารบ้านเมือง ค้าขายกับนานาชาติก็ว่าไป ไม่ห้าม แต่อย่าประกาศเอกราช แล้วไทยละครับ วันนั้น แม้เราจะแพ้คดี แต่เราก็ประกาศว่า เราขอสงวนสิทธิที่จะสู้ในอนาคต ซึ่งหมายความว่า เราไม่ขัดขวางที่เขมรจะแสดงว่ามีอำนาจอธิปไตย เหนือเขาพระวิหาร ตามคำพิพากษา แต่เราไม่ยอมรับว่าไทยไม่มีอำนาจอธิปไตยนี้ ซึ่งบนพื้นฐานนี้ เราก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปรับรองให้เขานี่ แต่นี่ถึงขนาดไปเซ็นรับรองให้เขาเสร็จสรรพ ทั้งที่แนวทางเดิม คือ ขอขึ้นร่วม ซึ่งแน่นอนว่าเขมรไม่ยอม เพราะมันแสดงว่าอำนาจอธิปไตย ยังมีข้อสงสัย ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ   จีนยังไม่เคยรับรองไต้หวันเลย แต่ไต้หวันก็ยังปกครองและทำมาค้าขายได้ เพียงแต่รัฐบาลไหนอย่าได้ให้การต้อนรับปธน.ไต้หวันอย่างเป็นทางการแล้วกัน ทำเพื่อแสดงสิทธิอำนาจอธิปไตยเหนือมณฑลไต้หวันครับ วันนี้จีนคงไม่นึกอยากยกพลขึ้นยกไปรบกับไต้หวันเหมือนเมื่อ 70 ปีก่อนหรอก เหมือนไทยกับเขมรนั่นแหละ เราไม่ได้อยากไปรบกับเขาหรอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปรับรองอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารให้เขานี่ พื้นที่ทับซ้อนนั่นอีก ตอนนี้ก็เท่ากับเรายอมรับแล้วว่า เราไม่ใช่เจ้าของพื้นที่นี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะการตัดสินใจในการบริหารพื้นที่นี้ ตอนนี้ขึ่นอยู่กับ 7 ชาติไปซะดื้อ ๆ ยังอยากฟังนิทานเรื่อง เ ราเสียปราสาทพระวิหารไปตั้ง 40 กว่าปีมาแล้ว กับไทยไม่ได้เสียดินแดนไปเลยแม้แต่ตารางนิ้วเดียวอีกไหมครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 51 23:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 95 จริงครับ ที่ว่าปราสาทพระวิหาร แท้จริงแล้วก็แค่ทรากหินเก่า ๆ ตั้งพันปีแล้ว แถมได้ใช้งานมาตั้งนาน พื้นที่ทับซ้อน ก็แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นแค่พื้นหญ้า พื้นหิน ที่ทำอะไรไม่ได้ มองด้วยสายตาของนักธุรกิจระดับโลกไร้พรมแดนแล้ว แค่ผลตอบแทนที่ได้จากการบริหารพื้นที่บางแห่งภายใต้ระบบสัมปทาน เพียงไม่กี่ปี ก้พอจะลงทุนถมทะเลเพิ่มพื้นที่ให้กับประเทศไทยได้สัก 100 ตารางกิโลเมตรเลยก็ได้ การแลกกองเศษหินเก่า ๆ กับที่ดินเล็ก ๆ ริมแนวชายแดน เมื่อเทียบกับสัมปทานพื้นที่และทรัพยากรที่มีค่าในปัจจุบัน ไม่ใช่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เมื่อพันปีที่แล้ว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่ไม่ใช่สำหรับคนไทยทุกคนนะครับ เขาจำกัดความคุ้มจากข้อแลกเปลี่ยนนี้ไว้แค่ไม่กี่คนเท่านั้นเอง ขอแสดงความยินดีอีกครั้งครับ ที่เรามีเสนาบดีที่กล้าหาญและจิตสำนึกสูงส่ง ออกมาประกาศลาออกจากตำแหน่ง มากกว่าที่ชาวบ้านคาดหวังเอาไว้มาก เพราะเดิมทีคิดว่า เขาจะรับผิดชอบด้วยการงดดื่มไวน์ขวดละ 5 หมื่น เป็นเวลา 1 วันเต็ม ๆ เสียอีก เราเสียเสนาบดีไปแล้ว อีกไม่ก้ได้คืนครับ ไม่ต้องห่วง ส่วนปราสาทและพื้นที่ทับซ้อนนั้น ขอความกรุณาคนไทย ไปทวงคืนกับสมเด็จฮุนเซ็นเอาเอง ท่านชอบชุดไม้กอล์ฟของ Honma ยี่ห้อนี้หัวไม้ 1 อันละ 3 แสนบาทถ้วน กับชุดเหล็ก ชุดละ 2 แสนบาทไทย ใครช่วยสงเคราะห์หาซื้อไปแลกเขาพระวิหารคืนให้ทีครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 51 23:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อารมณ์เนี้ยแล้ว ยังอยากจะอ่านเรื่องคดีเขาพระวิหารอยู่อีกหรือเปล่าครับ ถามจริ๊ง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 51 23:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ที่สงสัยค่ะอาจารย์ ข้อ 1. มันโง่ หรือว่า มันเลว? ข้อ 2. ถ้ามันโง่ มันโง่ถึงเพียงนั้นได้อย่างไร? ข้อ 3. ถ้ามันเลว มันกล้าเลวได้ถึงขนาดนั้น  ได้อย่างไร? มันเกิดที่ไหนหรือ? มันอิ่มทิพย์ ไม่เคยกินข้าวกินน้ำบนผืนแผ่นดินไทยหรือ? อาจารย์อาจจะตอบที่นี่ไม่ได้ เจอกันเมื่อไหร่ก็ขอฟังหน่อยค่ะ มีอะไรที่พอจะปลอบใจกันได้บ้างไหมนี่  สุดๆ แล้ว กับไอ้พวกนี้ จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกด้วยใช่มั้ย ต้องเตรียมใจไว้อีกเท่าไหร่ล่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 11 ก.ค. 51 00:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เอ้า โดนลบไป 2 รอบแล้ว 97 กับ 99 ขออภัยด้วยที่แปะไม่ได้ ฮิๆ สงสัยแช่งมันแรงหน่อย แช่งดังๆ แถวนี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เผาพริกกับเกลือแช่งมันทุกเช้าอยู่แล้ว งั้นเอาแค่ ขอขอบคุณอาจารย์สื่อศิลป สำหรับ ข้อเขียนดีๆ มากๆ ใน คคห 94 ค่ะ (แก้ตัวเลขค่ะ พิมพ์ผิด) แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 51 00:29:25 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 11 ก.ค. 51 00:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 101 book จากคุณ : hs - [ 11 ก.ค. 51 07:41:58 A:86.143.159.204 X: TicketID:160086 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ใจเย็นครับอาจารย์สื่อฯ ให้ดูอีกมุมหนึ่ง เขมรก็มองว่ามาพลาดท่าเราเหมือนกัน นานาจิตตังครับ จากคุณ : ryzon - [ 11 ก.ค. 51 13:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อาทิตย์สองอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์วิปโยคสำหรับผมจริงๆแฮะ แล็บ fail สองแล็บซ้อน แถม notebook คู่ทุกข์คู่ยากก็อาการไม่ดีอีกแล้ว หลังจากไปซ่อมมาครั้งนึงเมื่อต้นปี ยังมาเรื่องปราสาทพระวิหารอีก (อันนี้ไม่เกี่ยวโดยตรง แต่เซ็งไม่แพ้อย่างอื่น) อยากรู้เรื่องที่ว่าเขมรมาพลาดท่าไทยตรงไหน จะได้มองสองมุม ถ้ามองว่าให้สัมปทานอะไรอะไรนั่นไม่นับนะครับ เพราะไม่ได้ตกอยู่กับ"ไทย" เมื่อวานดูข่าว มีคนบอกว่าคณบดีคณะนิติศาสตร์ มช. ออกมาบอกว่าทำไมโทษแต่ นพดล ทำไมไม่โทษ มรว.เสนีย์ที่ไปทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ไม่รู้จริงหรือเปล่า ผมหาจาก net ก็ไม่เห็นเจอเลย พอดีดูไม่ทันเพราะเป็นตัววิ่ง อยากรู้ว่าพูดอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ส่วนที่อาจารย์สื่อถามว่าจะฟังต่อหรือเปล่านั่น ตอบว่าฟังครับ แต่ก็แล้วแต่ ว่าอาจารย์เจอข่าวนี้เข้าไปแล้วหมดรมณ์เล่ารึเปล่า จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 11 ก.ค. 51 20:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เอานักกฎหมายมาเป็นรมต.ต่างประเทศ (แม้แต่นายกฯ ไม่ทหารก็ทนาย) เมืองไทยถึงเจริญขึ้นทุกวัน ปล.กะว่าวันหลังไปเที่ยวเขาพระวิหาร จะแอบเอาธงชาติไทยไปปัก (แล้ววิ่งหนี) we shall return แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 01:17:00 จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 12 ก.ค. 51 00:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ประเด็นของผม ไม่ได้อยู่ที่เราได้หรือเสียปราสาทวิหารไปหรอกครับ อย่างที่ย้ำว่า อย่าไปหลงประเด็นว่า เราเสียไปแล้ว จะมาคร่ำครวญอะไร ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องไปสนับสนุนว่าเขาพระวิหารเป็นของเขานี่ ถึงได้ยกเรื่องจีนกับไต้หวันไง ถามว่าวันนี้จีนเสียไต้หวันไหม ในเชิงกายภาพหรือรูปธรรม มันก็เสีย เพราะเขามีเลือกตั้ง มีรัฐบาล จัดการปกครองของเขาเอง คนละระบอบกับจีนโดยสิ้นเชิง แต่จีนก็ไม่เคยยอมรับหรือไปรับรอง แถมยังห้ามไม่ให้ใครมารับรองไต้หวัน ว่าเป็นประเทศเอกราชอีกด้วย จีนยังคงพร่ำบอกกับชาวโลกว่า ไต้หวันคือมณฑลหนึ่งของจีน ทั้ง ๆ ที่เห็นคาตาว่าเขามีรัฐบาล มีกองทัพที่พร้อมรบกับจีนได้ทุกเมื่อ ที่น่าตลกคือ โลกก็ยอมรับเหมือนกัน ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกที่ให้การต้อนรับ ปธน.ไต้หวันอย่างเป็นทางการ ไปสหรัฐฯ ก็ต้องในนามของศิษย์เก่าฮาร์วาด จะมไทย ก็ต้องเปิดบ้านพิษณุโลกรับรอง เข้าทำเนียบไม่ได้ กรณีของเราก็เช่นกัน ถ้าเรายืนกรานว่าไม่สนับสนุน  นอกจากจะขึ้นร่วมกัน เขาคงไม่ยอม และขอขึ้นคนเดียว อาจจะเขียนแผนที่ล้ำมาอีกสักห้าโล สิบโล ก็เราไม่ยอมรับซะอย่างละ ยิ่งถ้าเขียนแผนที่ล้ำเข้ามาชัดเจนอย่างที่รัฐบาลว่า แล้วยูเนสโก้เขายอมรับก็ให้มันรู้ไป ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ทำไมเราต้องไปสนับสนุนเขา แลกกับอะไรหรือ อย่าอ้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบลอย ๆ เลยครับ จีนกับไต้หวันเขาก็เปิดสายการบินตรงถึงกันได้ ทั้ง ๆ ที่จีนประกาศย้ำว่า ไต้หวันประกาศเอกราชเมื่อไร ยกพลขึ้นบกเมื่อนั้น แล้วที่บอกว่า ถ้าเราไม่ทำ เขาจะตัดสัมพันธ์ แล้วหันไปค้าขายกับสิงคโปร์แทน สมัยยี่สิบปีที่แล้ว เราก็ไม่มีสัมพันธ์ทางการค้ากับเขาครับ สิงคโปร์ก็ซื้อของจากไทย ประเภทถ้วยชาม ผงซักฟอก เอาไปขายให้เขมร ทำได้ครับ แต่ต้นทุนมันเท่าไรละ แทนที่จะวิ่งออกจากโรงงานตรงเข้าอรัญ ต้องขนลงท่าเรือคลองเตย แหลมฉบัง แล้วขึ้นฝั่งสิงคโปร์ก่อนย้อนกลับเข้ามา ถ้าไม่จำเป็น เขาไม่เลือกวิธีนั้นหรอกครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 51 22:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 106 lส่วนเรื่องที่ว่า ฝ่ายค้านเขาบอกว่าเขมรหลงกลไทยเหมือนกัน เป็นกลยุทธ์การย้ายสนามรบเท่านั้นเองครับ เรากำลังพูดถึงประเด็นที่ว่า ทำไมต้องไปรับรองสนับสนุนให้เขาด้วย แต่เขาบอกว่า ทำไมต้องเจรจาพื้นที่ทับซ้อนด้วย ก็มันของเขานี่ คือเขาไม่พูดถึงข้างบนแบบสมบูรณ์แบบแล้ว แต่จะมาว่าถึงข้างล่างเลย และสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการที่ไทยได้เปรียบและหลอกเขมรได้สำเร็จ คือ เขมรฉลองกันทั้งเมือง ส่วนไทยซึมกระทือ รมว.ตปท.ประกาศลาออก เขมรนี่หลอกง่ายจริง ๆ นะ คนไทยทำฟอร์มซึมไปงั้นเอง จริง ๆ แอบยิ้มที่มุมปากในเงามืดอยู่นะเนีย แถมยังเตรียม จารึกชื่อของ รมว.ตปท.ไว้ในหอเกียรติยศ ในระนาบเดียวกับ อ.ป๋วย อ.ปรีดี เลยทีเดียว ก็แกว่า ผลงานและชีวิตของแกระดับนั้น จริง ๆ อิตาลีกับวาติกันก็สนใจนะ เสียอย่างเดียว แกดันไปอ้างผิดไปนิด ไปบอกว่า วาติกันลงโทษกาลิเลโอ เพราะกาลิเลโอยืนยันว่าโลกกลม ลำพังวาติกัน ท่านก็ไม่ติดใจเท่าไรหรอก แต่ข่าวล่าสุด เห็นว่าวิญญาณท่านกาลิเลโอ ประท้วง ไม่ยอมให้มาจารึกไว้ใน ฮอลล์ ออฟ เฟรม เดียวกัน เพราะท่านยืนยันว่า ท่านเชื่อแค่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์เท่านั้น ส่วนโลกกลมนั้น เป็นผลงานคนอื่นเขาจ๊ะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 51 23:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 107 จริง ๆ แล้ว กลยุทธ์ของเขมรไม่เคยเปลี่ยน เทียบกับไวน์ ก็ประมาณ ชาโตว์ มูตอง รอธชิลด์ ที่เขาประกาศว่า เมื่อก่อน เขาเป็นชั้นสอง ตอนนี้เขาเป็นชั้นหนึ่ง มูตอง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ต้องเล่าเสริมให้คนไม่ได้สนใจเรื่องไวน์นิดนึง ไวน์ยี่ห้อนี้เป็นไวน์ที่ได้การจัดเกรดอยู่ในชั้นสูงสุดของแคว้นบอร์กโดว์ในฝรั่งเศส สนนราคาก็มหาศาล ทีนี้ที่น่าสนใจ คือ รัฐบาลฝรั่งเศสเขาจัดลำดับชั้นมาตั้งแต่ปี 1855 ซึ่งตอนนั้น ไวน์ยี่ห้อนี้ไม่ได้รับการจัดเกรดเอาไว้ที่ชั้นหนึ่ง ได้แค่ชั้นสอง จวบจนปี 1970 (ปีผิดก็ขออภัย แต่ประมาณนั้นแหละ) รมว.เกษตรของฝรั่งเศส ก็เซ็นประกาศยกระดับให้ใหม่ ยกชั้นไวน์ยี่ห้อนี้ให้เป็นชั้นหนึ่งรวมกับอีก 4 ยี่ห้อเดิม ที่เขานิยมเรียกกันว่า  ไวน์ 5 อรหันต์ นั่นแหละ พอได้ยกระดับ เขาก็ติด วลีนี้ไว้ที่ฉลากเลย เป็นการตบหน้าคนจัดลำดับชั้นไวน์ เพราะเขาเคยทำมายังไงก็ยังงัน แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ให้เขาเป็นชั้นหนึ่ง พอแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องอื่นไปอีก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 51 23:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ที่จะบอกว่า เขมรไม่เปลี่ยนแปลง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อไรที่เขมรมีปัญหากับไทย เขาจะใช้กลยุทธ์ดึงประเทศที่ใหญ่กว่า เข้ามาแทรกแซงเสมอ สมัยต้นรัตนโกสินธ์ ก็ใช้ญวณเข้ามา พอสมัย ร.4 ก็เปลี่ยนเป็นไปยอมอยู่ใต้อารักขาของฝรั่งเศส เพียงเพื่อให้พ้นอิทธิพลจากสยาม เรื่องเขาพระวิหาร ก็ผลักไปให้ศาลโลกจัดการ ตอนนี้ก็เช่นกัน ซ้ำ ๆ อยูแบบนี้ แต่เราก็ไม่จำ ไม่เคยใช้ให้เป็นประโยชน์ ต้องจำไว้ว่า อย่าไปเล่นบนเวทีนานาชาติกับเขมร เพราะแพ้เขาทุกทีไป จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 51 23:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 109 "แลกกับอะไรหรือ" อืมมมม แลกกับอะไรหรือ ขออัญเชิญมันมาอยู่หอเกียรติยศใต้ทีนตูนี่เลย จะสลักนามสกุลมันไว้ที่พื้นกระดาน จะเหยียบทุกวัน สรุปว่าทั้งโง่ทั้งเลว ล้างเจ็ดชั่วโคตรยังไม่สาสม จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 15 ก.ค. 51 01:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอโทษนะอาจารย์ มีเรื่องนี้แว้บมาในหัวเมื่อไร เหมือนถูกผีเข้ากลายเป็นหมาบ้าไปในบัดดล โมโหมากจริงๆ เรื่องใหญ่มาก แก้ไขก็ไม่ได้ เห็นไหมล่ะ อยากขายเสียงกันนัก ชอบกันนักนี่ สมน้ำหน้า จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 15 ก.ค. 51 01:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อาจารย์ขา   เรื่องมูตองนั้น อิฉันพยายามจะบอกเสมอว่า ไวน์เขานั้นมี"ลูกเล่น"เยอะมาก ทั้งในเรื่องของการผลิตและการตลาด  และเป็นไวน์ที่อิฉันไม่นิยม เพราะเลือกซื้อของดีอย่างอื่นได้หลายขวด.. พูดมานานแล้วนะเรื่องนี้ รวมไปถึงความกังขาเรื่องของไวน์ปี 1945 (annee de la victoire 1945)ของเขาด้วย เมื่อตอนต้นเดือนนี้เอง ก็มีข่าวใหญ่ในวงการไวน์ นั่นคือการวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนล...ที่ออกมาว่า...มูตอง ควรจะถูกลดชั้นไปอยู่ดังเดิมด้วยซ้ำ  อ่านเอาเองนะ.. Chateau Mouton-Rothschild should be demoted to Second Growth, with Leoville-Las-Cases taking its place in the first division, a Cornell University study argues. In 'An Analysis of Bordeaux Wine Ratings 1970-2005', the New York State university's School of Hotel Administration calls for revision of the 1855 Bordeaux classification. 'It is widely accepted today that in any given year there are châteaux that do not produce at the level of their ranking,' the report observes. The study would change the categories of more than half the 61 classified estates. Inclusion of top Pomerol and St. Emilion properties 'would broaden the usefulness of an updated classification,' it said. In 1855, the five-tier classification was based on wines' reputations and market prices. Cornell's recommendations are based on an analysis of common ratings of 1970-2005 wines by critics Robert Parker and Steven Tanzer and by Wine Spectator. This approach limited the researchers' database to 399 wines from 44 of the 61 châteaux. Seventeen estates – including Haut-Brion and Margaux – were omitted because common ratings could not be obtained. In Cornell's imagined 2008 classification, Leoville-Las-Cases would move to First Growth from Second; Palmer and Calon-Segur go to Second from Third; Lynch-Bages and Pontet-Canet move to Second from Fifth; Grand-Puy-Lacoste, Clerc-Milon and d'Armailhac move to Third from Fifth; Branaire-Ducru shifts to Third from Fourth; Haut-Batailley and Batailley go to Fourth from Fifth. Although 'a major shakeup of the 1855 Classification is unlikely to occur, in reality the market is already considering these changes, as indicated by the relative prices of wine from the various châteaux,' the report says. As evidence for this conclusion it cites Leoville-Las-Cases 'which sells at over three times the average price of the other 1855 second growths'. Given its rating in the data set, Cornell suggests, 'Leoville-Las-Cases must be viewed as a relative bargain.' ................................................................................. อิฉันเห็นด้วยอยู่เพียงบางประการกับข้อความนี้.. นั่นคือ การเลื่อนขึ้นของ Palmer,Calon-Segur,Lynch-Bages, Clerc-Milon (ขวดนี้น่าจะอยู่ในตู้ของเธอ เป็นขวดที่ซื้อที่สนามบินตอนที่กลับจากหลวงพระบาง จำได้เปล่า?) ส่วน Leoville-Las-Cases จะให้มาอยู่ชั้นหนึ่งนั้น..ไม่เห็นด้วยเลย นอกนั้นก็โอเคกับราคาอยู่แล้ว..ไม่ต้องเลื่อนให้ลำบากจำ จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ก.ค. 51 04:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เมื่อคืนพออ่านสิ่งที่คุณสื่อศิลป์เล่ามาจนถึงคอมเม้นต์สุดท้ายก็ให้เซ็งกบาลไปเช่นกันครับ แต่พอก่อนนอนก็นอนคิดอยู่ว่า ถ้าสมมุติเราทำตัวมึน ๆ ไม่สน ไม่รับรอง ไม่อะไรทั้งนั้น แน่นอนว่าถ้าเราไม่ไปเซ็นต์รับรองเค้าก็ขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่ได้เหมือนกัน แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นแบบที่เป็นอยู่งี้แหล่ะ ชั่วลูกชั่วหลาน คือเล่นบทเหมือนจีนอย่างกรณีไต้หวันนั่นแหล่ะ นานาชาติจะตัดสิน จะขึ้นศาลก็รู้ไงว่าแพ้ แต่ไม่ยอมรับอ่ะ ผมว่าก็ได้นะ แต่!!!!! มานั่งคิดดู เราก็ไม่ใช่จีนซะด้วยซิ เราก็ไม่ได้กล้ามใหญ่ใจโตเหมือนจีนซะด้วยดิ ที่จะอยู่คนเดียวในโลกได้ ถ้าจับพลัดจับผลู ในอนาคตสถานการณ์ภาคใต้แย่ลงถึงขึ้นมีปัญหาเรื่องดินแดน หรือต้องใช้บริหารศาลโลก หรือองค์กรระหว่างประเทศขึ้นมา วันนั้นถ้าเจอเค้าย้อนเรื่องปราสาทเขาพระวิหารว่า ขนาดฉานนตัดสินว่าเป็นของเขมรแกยังไม่ยอมรับเลย แล้ววันนี้แบกหน้ามาหาไอให้ไอตัดสินทำมาย แล้วจะทำไงกันอ่ะครับ แล้วความรุ้สึกชาตินิยมเนี่ยทุก ๆ คนก็ต้องมีนะครับ แต่หลาย ๆ ครั้ง ความจริงเนี่ยแหล่ะ ที่ทำให้เราต้องทอดถอนใจกับโชคชะตาอยุ่บ่อย ๆ ก็คงได้แต่บอกตัวเองว่า มันไม่ใช่ของเขรมหรอก เป็นของมรดกโลกไปแล้ว เอาวะ ขออภัยถ้าล่วงเกินครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 10:10:17 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 10:09:47 จากคุณ : Hamunaptra - [ 15 ก.ค. 51 10:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เรื่องนี้อ่านแล้วเครียดกับนักการเมืองไทยไปเลย จากคุณ : Balleno - [ 15 ก.ค. 51 11:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ไปกระทู้ใหม่นะ จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ก.ค. 51 12:33:51 ]