หลังเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีคนใหม่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"ศ.นพ.ภิรมย์กมลรัตนกุล" ก็ออกเดินสายพบสื่อมวลชน เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำมหาวิทยาลัยของรัฐที่เปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือ ม.นอกระบบ และดูเหมือนว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้จะเป็นบ้านที่อบอุ่น เกื้อหนุนคนดี ควบคู่การทำหน้าที่ปราชญ์ของแผ่นดิน และมุ่งสู่เวทีนานาชาติ
"ผมมีเป้าหมายจะทำให้จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ติดอันดับไม่เกินที่ 60 ในการประเมินมหาวิทยาลัยทั่วโลก แต่ไม่จำเป็นที่ทุกสาขาต้องไปถึงจุดนั้นพร้อมกันสาขาใดที่มีความพร้อม อาจไปถึงจุดนั้นก่อน ขณะที่อันดับในเอเชียก็ควรอยู่ในอันดับต้นๆ"
อธิการบดีจุฬาฯลำดับความต่อว่า จุฬาฯ ต้องเป็นปัญญาของแผ่นดิน เป็นเสาหลักของแผ่นดิน ตามรอยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ที่เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่า"เมื่อใดที่สังคม ที่ชาติ มีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ จุฬาฯ ต้องเป็น Pillar of the Kingdom (เสาหลักของประเทศ)" มีบทบาทเชิงรุกในการแก้ปัญหาตอบโจทย์ และชี้นำให้สังคม และเป็นบ้านที่อบอุ่น รักษาคนดี คนเก่งไว้ให้ได้
ศ.นพ.ภิรมย์ยอมรับว่าเป้าหมายแรกท้าทายมาก เพราะมีปัจจัยเรื่องงบประมาณ ถ้ารัฐบาลไม่สนับสนุน จุฬาฯ ต้องสู้ด้วยกำลังของตนเอง ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะสู้ไหวหรือไม่ ขณะเดียวกัน แม้ว่าจุฬาฯ มีการพัฒนาดีขึ้นทุกปี แต่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศก็พัฒนาเร็วกว่าเช่นกัน
"เราต้องไม่หลงกระแส ไม่หลงเป็นเครื่องมือของนักประเมิน จนลืมประเทศของตัวเอง เงื่อนไขในการประเมินบางอย่าง เราก็ต้องพิจารณาดูว่า ถ้าเราปรับเปลี่ยนมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการประเมินแล้ว มันเกิดประโยชน์ต่อประเทศหรือช่วยพัฒนาสังคมไทยหรือไม่"
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวศ.นพ.ภิรมย์ ยึดกลยุทธ์ในการทำงาน 6 เรื่อง1.ก้าวหน้า หลังจุฬาฯ ออกนอกระบบต้องก้าวหน้าขึ้น 2.เข้มแข็งในเรื่องระบบบริหารงานคุณภาพ และมีธรรมาภิบาล 3.ยอมรับ ต้องทำให้จุฬาฯ เป็นที่ยอมรับของสังคมว่า เมื่อใดที่เกิดปัญหา เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ จุฬาฯ มีขุมปัญญาต้องเข้ามาช่วยชาติ เพราะจุฬาฯ มีความพร้อมทางด้านนี้
ยอมรับ ยังหมายถึง ต้องทำให้บัณฑิตที่จบออกไปทำงานได้จริง เป็นที่ยอมรับของนายจ้าง 4.เกื้อกูล หมายถึง นิสิตจุฬาฯ จะไม่มีลาออกกลางคันเพราะไม่มีเงินเรียน เพราะจุฬาฯ มีทุนช่วยเหลือนิสิตทั้งจากรัฐและเอกชน รวมเม็ดเงินมากกว่า 200 ล้านบาท
5.เกื้อกูลชุมชนรอบจุฬาฯโดยเฉพาะ "ชุมชน 5 ส." ที่อยู่ประชิด ได้แก่ สามย่าน สยามสแควร์ สีลม สาทร และสวนลุมพินี และ 6.มั่นคงสถานะของจุฬาฯต้องมั่นคงด้วยการบริหารทรัพย์สินให้เหมาะสม และส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญา ให้มีการต่อยอดงานวิจัยนำมาซึ่งรายได้ ซึ่งในส่วนของการส่งเสริมงานวิจัยจุฬาฯ มี สระบุรีแพลน เป็นศูนย์วิจัยอยู่ที่จ.สระบุรี เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสไปทำวิจัยในห้องแล็บ รวมทั้งเปิดสาธิตจุฬาฯ ที่สระบุรีด้วย เพื่อรองรับบุคลากรที่ทำงานศูนย์วิจัยดังกล่าว และรองรับลูกหลานของชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง
"ผมยืนยันจุฬาฯ ออกนอกระบบแล้วจะไม่ขึ้นค่าหน่วยกิต เพราะการขึ้นค่าเทอมเป็นแผนระยาว 10 ปีพิจารณาตามความเหมาะสมกับสภาพปัจจัย และยืนยันว่าแผนนี้จะไม่มีการปรับ หากเกิดปัญหาด้านงบประมาณจะไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการขึ้นหน่วยกิต หรือการเปิดหลักสูตรใหม่ แต่จะใช้วิธีหารายได้จากทรัพย์สินทางปัญญา และการชวนศิษย์เก่าให้ความช่วยเหลือ เหมือนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ" ศ.นพ.ภิรมย์กล่าวทิ้งท้าย
0 สุพินดา ณ มหาไชย 0 เรื่อง
http://www.komchadluek.net/2008/06/16/x_edu_e001_207122.php?news_id=207122
จากคุณ :
หมาป่าดำ 
- [
16 มิ.ย. 51 08:04:29
]
จุฬาฯวาดฝันสู่อันดับม.โลก เป็นปัญญาของแผ่นดินค้ำจุนสังคมไทย
