ความคิดเห็นที่ 1 ภาษาเป็นเรื่องของการสื่อสาร การสื่อสารคือการถ่ายทอดข่าวสารความคิดความรู้สึกความต้องการให้คนในหมู่เดียวกันรู้ วิธีการถ่ายทอดหรือแสดงออกถึงสิ่งเดียวกันของคนต่างกลุ่มกันก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน อย่างนี้แหละที่เขาเรียกว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรม คนไทยเราเรียกการเป็นรองคนอื่นเขาต้องเสียเปรียบหรือเป็นเบี้ยล่างเขาว่าเป็นการกินน้ำใต้ศอก เหมือนกับการไปอ้าปากรอตอนคนอื่นกินน้ำ รอให้น้ำมันล้นจากภาชนะที่เขากำลังยกใส่ปากดื่มไหลลงมาตามแขนจนหยดจากข้อศอกจึงเข้าปากคนรอ ชาติหน้าตอนบ่ายๆกระมังจึงจะดับกระหายได้ คนอังกฤษเขามีวิธีอธิบายเปรียบเปรยสภาพอย่างนี้ด้วยวิธีอื่น สมมุติว่าเรียกว่า underdog แปลว่า หมาตัวที่อยู่ข้างล่าง ทีนี้เรามาอธิบายความคิดอันเดียวกันนี้ด้วยสำนวนของคนไทยให้คนอังกฤษฟัง เขาก็คงไม่เข้าใจในทันที แต่ถ้าบอก underdog เขาก็ร้องอ๋อ และกลับกันก็เช่นกัน ดังนั้น การแปลคำต่อคำ หรือ การแปลตรงตัว จึงเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรมซึ่งกันและกันได้อย่างหนึ่ง ถ้าหากเราต้องการเน้นถึงความแตกต่างนี้ก็คงต้องแปลอย่างนี้แต่ก็คงต้องทำเชิงอรรถเยอะหน่อย สำนวนของฝรั่งที่ถ่ายทอดตรงๆมาถึงวัฒนธรรมไทยได้ ก็เช่น the dog in the manger ไทยก็นำมาใช้เรียกคนเห็นแก่ตัวที่ขวางประโยชน์คนอื่นโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรว่า หมาในรางหญ้า หรืออีกสำนวนก็เช่น sour grape ที่เราก็ใช้ องุ่นเปรี้ยว เป็นอันรู้กัน ที่ไทยรับได้ง่ายก็เพราะเรียนอุปมาอุปไมยจากนิทานอีสปเล่มเดียวกันนั่นเอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 24 มิ.ย. 51 13:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หมาหวงก้าง ได้ไหมครับ ลุงแอ๊ด?? จากคุณ : compassion - [ 24 มิ.ย. 51 14:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณค่ะ น้าแอ๊ด ยังงี้ literal translation ก็คืออย่างเดียวกับ word-for-word ใช่มั้ยคะ ก็คือแปลตรงๆตามตัวอักษรเหมือนกัน ยังไม่ได้เข้าถึงไวยากรณ์หรือบริบทของเนื้อหาภาษาต้นทางจริงๆ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ direct translation นั่นเอง ใช่มั้ยคะ หรือว่าทั้งสามชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกันออกไป ? จากคุณ : ก้านหญ้า * - [ 24 มิ.ย. 51 15:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ โดยส่วนตัวไม่ค่อยเห็นความแตกต่างระหว่าง word-for-word translation กับ literal translation เท่าไรเลยค่ะ แต่เขาก็แยกออกมาได้แฮะ ฮ่าๆๆ (ก็เห็นมันแปลคำต่อคำเหมือนกันเนอะ) เข้าใจว่าที่คุณพูดถึงเนี่ยมาจากทฤษฎีการแปลของนิวมาร์คแน่ๆ เลยค่ะ (เรียนการแปลอยู่หรือเปล่าคะ) ขออนุญาตอธิบายนะคะ ถ้าอ้างอิงจากแนวคิดของนิวมาร์คแล้ว การแปลสองอย่างนี้แตกต่างกันค่ะ ลุงนิวมาร์คแกแบ่งการแปลออกมาเป็นสองประเภทคือ 1. เน้นต้นฉบับ 2. เน้นฉบับแปล และแต่ละประเภทแบ่งแนวทางการแปลออกเป็น 4 แนวค่ะ ดังด้านล่าง เน้นภาษาต้นฉบับ                  เน้นภาษาแปล Word-for-word translation             Adaptation Literal translation                  Free translation Faithful translation                  Idiomatic translation Semantic translation                  Communicative translation แบ่งมาซะเยอะเลยแต่ความแตกต่างมันก็มากน้อยลดหลั่นกันไป อันนี้แจงมาให้ดูเฉยๆ เผื่อคุณสนใจไปค้นต่อ แต่ที่คุณถามคือความแตกต่างระหว่าง Word-for-word translation กับ Literal translation ดังนั้นจะอธิบายรายละเอียดแค่สองตัวนี้นะคะ word-for-word translation เป็นการแปลคำต่อคำจากภาษาต้นฉบับ รักษาลำดับคำ แปลคำโดยไม่คำนึงถึงบริบท ประโยชน์ของการแปลแบบนี้ก็เพื่อดูกลไกของภาษาต้นฉบับ (เหมือนที่ลุงแอ๊ดว่ามาแหละค่ะ แปลแบบนี้จะช่วยในด้านการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมค่ะ) ส่วนการแปลแบบ literal translation นั้น โครงสร้างภาษาต้นฉบับจะถูกเปลี่ยนเป็นโครงสร้างภาษาปลายทาง (หรือภาษาที่เราจะแปลนั่นเองค่ะ) ที่เทียบเท่ากัน แต่ยังคงแปลคำตรงตัวอยู่ และจะไม่ขึ้นกับบริบทใดๆ ด้วยค่ะ ในการแปลจริงๆ แล้วควรจะแปลโดยคำนึงถึงการสื่อสารอย่างที่ลุงแอ๊ดบอกไว้นั่นแหละค่ะ ดังนั้นจะแปลอะไรก็ต้องคำนึงถึงผู้รับสารและวัฒนธรรมปลายทางด้วยค่ะจะดีที่สุด หวังว่าจะช่วยไขความกระจ่างให้คุณได้บ้างนะคะ (แหะๆ ช่วงนี้กำลังทบทวนทฤษฎีที่เรียนพอดีเลยได้โอกาสมาตอบ ^o^) แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 22:51:18 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 22:50:42 จากคุณ : หนอนหนังสือตัวเป้ง - [ 24 มิ.ย. 51 22:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่แล้วค่ะ กำลังเรียนการแปลอยู่ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ^_^ จากคุณ : ก้านหญ้า * - [ 25 มิ.ย. 51 18:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฮ่าๆๆ งั้นคุณก้านหญ้าก็เรียนเหมือนเราเลย เราเรียนโทการแปลอยู่ค่ะ (ทฤษฎีเยอะแยะ มีนน่าดูเชียวล่ะ T___T) จากคุณ : หนอนหนังสือตัวเป้ง - [ 25 มิ.ย. 51 21:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นึกแล้วเชียวว่าลูกเพ่แอ๊ดต้องมางานนี้แน่ๆ.......555+++......3 ...เอ้ยผิด number ........แง่ม....... เราไม่ได้เรียนการแปลหรอก แปลทีไรก้อมั่วเอาทุกที แต่มีตัวอย่าง  word-for-word translation หรือ verbatim translation ให้ดู กาแฟขี้ไม่ออก Coffee can't shit. อุ๊บ แปลผิด ผู้พูดเขาหมายถึง "ถ้าคุณกินกาแฟคุณจะท้องผูก" คำแปลที่ถูกต้อง คือ "If you drink coffee, you'll be constipated" (จริงหรือเปล่าไม่รู้นะ) หรือ "เด็กไม่ต้องลงทุน" "Children need not make any investment." ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แปลผิดอีกแล้ว นี่เป็นบทสนทนากับแฟนเก่าเรา เธอหมายถึง "ถ้าเราจะเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ เราไม่ต้องลงทุน เพราะว่า ถ้าไปเปิดที่บ้านเธอที่เชียงใหม่ ค่าเช่าเราไม่ต้องเสีย" คำแปลที่ถูกต้องคือ "If you want to teach English, you need not make a large investment." ครั้งหนึ่ง เรารับงานแปลไทยเป็นอังกฤษจากผู้หญิงชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่เป็นนักวิจัย เธอไปอัดเทปจากการประชุมพวกแม่บ้านไทย แถวๆอิสาน เอามาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทสังคมศึกษาของเธอ เราแปลๆไปแล้วจะบ้า จะขอคิดเงินเพิ่ม ทะเลาะกันเกือบตาย เพราะ ว่า คำแปลมันออกมามากกว่าต้นฉบัยตั้งเยอะ เช่น "ไม่คงไม่คุมมันแล้ว" ตีความยากมากๆ อาจหมายถึง "คุมกำเนิด" หรือ "เมียคุมผัวไม่ให้มีเมียน้อย"......ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 51 07:40:42 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 51 00:16:38 จากคุณ : agelesstansy - [ 27 มิ.ย. 51 00:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สรุป เวลาแปลอังกฤษเป็นไทย แล้วแปลคำต่อคำ แปลผิด ส่วนใหญ่เป็นเพราะผู้แปลอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ แต่เวลาแปลไทยเป็นอังกฤษ แล้วแปลคำต่อคำ แปลผิด ส่วนใหญ่เป็นเพราะคนเขียนต้นฉบับภาษาไทยมันนึกอะไรได้ ก็เขียนมาทีละอย่าง แต่ไม่เคยคิดให้รอบคอบว่า "เขียนไปแล้วมันกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้" เช่น "เครื่องพิมพ์จะต้องพิมพ์สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ได้"  (งานแปลเอกสารจัดซื้อระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารออมสิน) ตอนแรกเราโดนภาษาไทยหลอก แล้วแปลไปแบบนี้ นะ "เครื่องพิมพ์จะต้องพิมพ์สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ได้" "The printers must be capable of printing passbooks, pay-in slips and withdrawal slips."   พอแปลเสร็จเราก้อนั่งทำตาปริบๆ บอกว่า ภาษาอังกฤษมัน "ทะ:-)ๆว่ะ" พอนั่งคิดตั้งนานก้อร้อง ออกมาดังๆว่า "eureka กรูเป็นบ้า ฮ่าๆๆๆ" จริงๆแล้วคำแปลที่ถูกต้องน่าจะเป็น "เครื่องพิมพ์จะต้องพิมพ์สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ได้" "The printers must be capable of printing all types of transactions onto passbooks, pay-in slips and withdrawal slips."   อ่านแล้วงงหรือเปล่า ?  ถ้างง ก้อเลิกงงได้เลย นั่นก็คือว่า ภาษาไทยมันเป็นภาษาของศรีธนญชัย "เครื่องพิมพ์จะต้องพิมพ์สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ได้" มัน "หลอก" คือ "ฆ่า" นักแปล ให้ "หลง" คิดว่า printers มันจะ "พิมพ์" แล้ว "พ่น" ..."สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ออกมาจากเครื่อง ได้" แต่เปล่าเลย "สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน" ต้องไปพิมพ์มาจากแท่นพิมพ์ใหญ่ๆ! ดังนั้น ก่อนที่เราจะแปล ประโยคนี้เป็นอังกฤษได้ เราจะต้อง "แปลไทยเป็นไทยเสียก่อน" โดยแปล "เครื่องพิมพ์จะต้องพิมพ์สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ได้" เป็น "เครื่องพิมพ์จะต้องรายการธุรกรรมทุกอย่างลงบนพิมพ์สมุดคู่ฝาก ใบฝาก ใบถอน ได้" แล้วก้อจะแปลเป็นอังกฤษในรอบสุดท้ายได้ว่า "The printers must be capable of printing all types of transactions onto passbooks, pay-in slips and withdrawal slips." แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 51 07:48:02 จากคุณ : agelesstansy - [ 27 มิ.ย. 51 00:32:37 ]