ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่เราเคยไปเข้า workshop มา แล้วไปร่วม brainstorming session กับฝรั่งที่ชำนาญเรื่องการสอนภาษาอังกฤษ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะ พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่า ก่อนอื่นต้องหาข้อมูลว่า objectives คืออะไร นั่นก็คือ ค้นคว้าดูว่า ข้อสอบตั้งใจที่จะทดสอบทักษะไหนบ้าง และทดสอบถึงระดับสูงแค่ไหน จากนั้นจึง browse through หรือ skim through คืออ่านผ่านๆดูว่า หนังสือพวกเนี้ย แนะแนวไว้อย่างไร แต่เวลาลงมือสอน หรือลงมือเรียนจริงๆ ไม่ต้องใช้หนังสือพวกนี้เลยก็ได้ แต่ไปใช้บทเรียนอื่นก็ได้ เช่น 1. สื่อการสอนอื่นๆที่คนสอนคิดขึ้นมาเอง หรือ 2. (ในสมัยนี้ ซึ่งสมัยก่อนไม่มี) ใช้สื่อการสอนแบบ multimedia ของฟรีบนเวป  ก็ยังได้เลย การที่คุณจะเอาหนังสือตั้งหลายยี่ห้อมา browse through หรือ skim through ได้นั้น ถ้าซื้อหลายยี่ห้อ นับว่าเป็นเงินมหาศาลเลยทีเดียว จะประหยัดเงิน ต้อง download ของฟรีให้ได้ จริงๆแล้วนะ เราว่าอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่เก่งๆ ถ้าเขารู้ว่า  syllabus หรือ outline of course of study มันมีอะไร?  เขาแค่มีตัวอย่างข้อสอบ TOEFL แล้วไม่ต้องมีหนังสือพวกนี้เลยก็ได้ แต่เขาสร้างสื่อการสอนขึ้นมาเองก็ได้ เพื่อมาสอนนักเรียน แต่เมื่อสอนไปแล้ว ก็จะต้องมีการวัดผล โดยให้นักเรียนทำข้อสอบวัดผลที่ใกล้เคียงข้อสอบจริง (คนสอนสร้างขึ้นมา) และหาข้อสอบจริงมาให้นักเรียนทดลองทำด้วย จริงๆแล้ว นักเรียนที่ฉลาด ถ้ารู้วิธีพัฒนาทักษะต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงว่าข้อสอบจะออกสอบอะไร แต่คำนึงถึงเพียงแค่ว่า ตัวนักเรียนเองจะเรียนรู้ทักษะอะไรให้ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน นักเรียนก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือเหล่านั้นเลยก็ยังได้ เราว่าการสอนภาษาอังกฤษ ถ้าสอนเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆที่จำเป็น ให้ได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงว่า มันจะเป็น ข้อสอบอะไรก็ตาม หากผู้สอน สอนให้นักเรียนพัฒนาทักษะต่างๆไปตามขั้นตอน และตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้ว เราเชื่อว่า การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ (สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนเพื่อไปเป็นนักภาษาศาสตร์นะ แต่แค่เรียนเพื่อสื่อสารในระดับสากลได้ เรียนต่อได้ ค้นคว้าหาข้อมูลได้)  มีอยู่หลักสูตรเดียวเอง  นั่นก็คือ “พัฒนาทักษะต่างๆที่จำเป็น ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ต่ำสุด พอที่จะนำไปใช้เรียนภาษาอังกฤษต่อไปได้ด้วยตนเองในอนาคตจนตลอดชีวิต เพื่อการสื่อสารในระดับสากล เรียนต่อ ค้นคว้า ฯลฯ แต่ไม่ได้หมายความว่า เรียนด้วยตนเองจนเก่งเหมือนนักภาษาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่แบบ Noam Chomsky นะ โปรดอย่าเข้าใจผิด...555++++..." เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเรียนการสอนเพียงแค่หลักสูตรเดียว และมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น ก็จะทำให้ผู้เรียนทุกคนทำข้อสอบ TOEFL, IEILS, TU-GET หรือ CU-TEP ฯลฯ ได้หมด โดยไม่ต้องไปเปิด courses แยกกันเลย ....!!! แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 51 02:23:58 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 51 23:12:53 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 51 23:05:26 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 51 22:58:04 จากคุณ : agelesstansy - [ 30 มิ.ย. 51 22:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามที่คุณ tansy ว่ามา เราก็เห็นด้วยนะ บางทีเรายังรู้สึกเลยว่าถ้านักเรียนได้เรียนภาษาอังกฤษกันอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือสื่อสารได้อย่างดี เราคงไม่ต้องเสียเงินเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกันมากมายเหมือนในปัจจุบัน ของดีๆ และฟรีๆ ใน internet มีอยู่มากมาย อยู่ที่ว่าสนใจจะหาและสนใจจะเรียนรู้หรือไม่ ในแง่การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ก็ต้องหาข้อมูลว่า objectives คืออะไร อย่างที่คุณ tansy ว่าแหละ จะได้เตรียมตัวถูกว่าเค้าจะทดสอบอะไรเรา วันนี้ เราอ่านคู่มือ TOEFL ของ Cambridge จากห้องสมุด เราชอบตรงที่เค้าให้นักเรียนวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง วิเคราะห์ตัวเอง และตั้งเป้าหมายก่อน แล้วก็มีส่วน Building Supporting Skills ด้วย แต่เรายังอ่านไม่จบนะ ตอนนี้ เพิ่งเริ่มอ่านค่ะ เลยอยากถามเพื่อนๆ ว่าใช้หนังสือเล่มใดกันบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ จากคุณ : Flowery - [ 30 มิ.ย. 51 23:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากประสบการณ์นะครับ ใช้ Cambridge และ Barron's แนะนำ Cambridge ครับ เพราะว่า เหมือนข้อสอบจริงมากกว่า Barron's แต่ผมใช้แต่ CD นะ ไม่ได้อ่านหนังสือเลย เพราะว่าขี้เกียจ + ไม่ทัน มีเวลาเตรียมตัว 2 อาทิตย์ >"< จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 1 ก.ค. 51 02:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณค่ะ พี่เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เห็นคะแนนพี่แล้ว ช็อคซีนีม่าเลย 117/120 เก่งมากๆ นี่ขนาดเตรียมแค่ 2 อาทิตย์นะคะ จากคุณ : Flowery - [ 1 ก.ค. 51 12:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่แน่ใจนะครับ ว่าตรงไหน... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 2 ก.ค. 51 11:01:30 ]