Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    19:นาที...เมื่อโลกนี้เป็นสีเทา

    19:นาที...เมื่อโลกนี้เป็นสีเทา  

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2551 22:08 น.


           
               เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น มีคนเสียชีวิตนับสิบ เด็กหนุ่มฆาตกรผู้ลั่นไกสังหาร ถูกจับกุม...หากคุณเป็นหนึ่งในคณะลูกขุน บทลงทัณฑ์ใด? ที่คุณจะหยิบยื่นให้แก่เด็กหนุ่มคนนี้
         
           
               มนุษย์เรามักเลือกที่จะ “มอง” เพียง “ภาพ” เฉพาะหน้า ของเหตุการณ์หรือปรากฎการณ์ใดๆ ที่กำลังเกิดขึ้น โดยละทิ้งบริบทที่รายล้อม มักก้าวข้ามเบื้องหลังความเป็นมาที่อาจซุกซ่อนไว้ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขปริศนาแห่งความวิกฤติอย่างสุดแสน
         
           
               หากคุณเองก็เป็นเช่นที่ว่ามา ทั้งยังยึดมั่นในความดีงามเป็นสรณะของชีวิต เชื่อมั่นว่าโลกนี้มีเพียงสีขาวกับดำ มีเพียง “ความดี” “ความเลว” ที่เราสามารถใช้ตัดสินทุกสรรพสิ่ง…ถ้าเป็นเช่นนั้น โปรดจงปิดหนังสือเล่มนี้เถิด


     


         


           
               อย่าหยิบ 19 : นาที ขึ้นเปิดอ่านให้เสียเวลา เพราะพื้นที่ทั้งหมดในนวนิยายเล่มหนานี้ คือพื้นที่ของ “จักรวาลสีเทา” ที่ โจดี ปิคูลต์ เนรมิตรขึ้นมาได้อย่างวิจิตร ลึกซึ้ง ประณีตบรรจงยิ่งนัก
           
               หากทว่า สิ่งที่เธอป้ายปาดขีดเขียนขึ้นนั้น มิใช่ความวิจิตรเลิศล้ำที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเชิดชูความถูกต้องดีงาม มิใช่เพื่อรองรับสังคมอุดมคติ มิใช่โลกพาฝันแสนสวย ที่ทุกคนล้วนถูกหุ้มไว้ซึ่งเกราะแห่งศีลธรรม
         
           
               ตรงกันข้าม ความงามที่โจดี เนรมิตรขึ้นนั้น ล้วนเต็มไปด้วยความหมองเศร้าที่บาดลึก เกราะศีลธรรมอันหนาหนักที่สัตว์โลกผู้มีอารยะอย่างมนุษย์สร้างขึ้นมาครอบตนเองไว้ ได้ถูกละวางลง เพื่อที่ว่า เมื่อวางลงแล้ว เราทุกคนจะสามารถเหยาะย่างไปสัมผัสทุกซอกมุมที่ศีลธรรมหรือตัวบทกฏหมายใดๆ ไม่อาจก้าวล่วง
         
           
               ...เพื่อให้เราก้าวเข้าไปยังซอกมุมลึกสุดในก้นบึ้งจิตใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกฝังให้จมอยู่กับความเจ็บปวด ร้าวราน หม่นหมองมาตลอดชีวิต นับแต่วินาทีแรกที่หัวใจวัยเยาว์เริ่มเตาะแตะเพื่อเปิดรับและเรียนรู้โลกกว้าง
         
           
               ก่อนที่เขาจะพบว่าสิ่งที่โลกใบนี้มอบให้ คือ...นรก
         
           
               โจดีได้รับแรงบันดาลในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้จากเหตุการณ์จริงที่นักเรียนไฮสคูลของสหรัฐอเมริกาก่อเหตุยิงเพื่อนๆ เสียชีวิต เหตุการณ์ซึ่งได้กลายเป็นฝันร้ายของชาวอเมริกันและโลกทั้งโลก
           
               เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น? อาจเป็นคำถามที่ถูกจุดขึ้นมาในแว่บแรก ก่อนที่คำสาปแช่งฆาตกร ทำนองว่า “สมควรตายตกไปตามกัน” จะตามมา...


     


         


           
           
               ไม่ต่างกันนักกับในโลกสมมติที่โจดี สร้างขึ้น ปีเตอร์ ฮัฟตัน เด็กหนุ่มบอบบาง ขี้อาย ที่วันหนึ่งลุกขึ้นมากราดยิงเพื่อนๆ และครู ก็ได้รับการก่นประนาม สาปแช่ง อาฆาตมาดร้ายไม่ต่างจากโลกของความเป็นจริง
         
           
               การทำลายชีวิตหนึ่งให้สูญสิ้น มิได้หมายความว่านั่นคือจุดสิ้นสุด ผู้คนมากมายที่รายล้อม เกี่ยวพัน เชื่อมโยงอยู่กับร่างที่หมดลมหายใจนั้น ย่อมได้รับผลกระทบต่อเนื่องไปเป็นลูกโซ่ ความเจ็บปวดจะถูกส่งทอด ความร้าวรานจะกรัดกร่อนทั้งชีวิตที่เหลือของพวกเขา บาดแผลที่สดใหม่ในวันนี้ จะกลายเป็นรอยแผลเป็นฝังลึกที่ไม่อาจลบเลือน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน


     
    โจดี ปิคูลต์


         


           
           
               โจดี ปิคูลต์ มิได้ใช้กลวิธีตื้นๆ ด้วยการยืนหยัดเคียงข้างฆาตกร แล้วลุกขึ้นมาประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่า “เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรา” สิ่งที่น่าชื่นชมคือ “ความเจ็บปวด” ที่เธอมอบให้แก่ทั้งสองฝ่าย มิใช่ฝ่ายใดจะถูกละเว้น
         
           
               ถ้อยคำที่บรรยายถึงความเจ็บปวดของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ไม่ว่าเด็กนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อแล้วรอดชีวิต พ่อแม่ ผู้ปกครอง บ้านใกล้เรือนเคียง คนในชุมชน ล้วนถ่ายทอดได้อย่างลุ่มลึกและสมจริงราวกับว่าเราก้าวเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น แล้วร่วมสูญเสียไปพร้อมๆ กับพวกเขา
         
           
               เช่นเดียวกับโลกของ ปีเตอร์ ฮัฟตัน ที่ผู้เขียนพาเราก้าวเข้าไปสัมผัส ต่างกันแต่เพียงว่า ความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลของปีเตอร์ นั้น แผ่ขยายกว้างไกล มืดหม่น จมลึกถึงที่สุด ราวกับว่าความเจ็บปวดของเขา สามารถโอบอุ้มความร้าวรานของทุกคนเอาไว้ได้
           
               ...ทุกคนไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้
         
          เพราะ ปีเตอร์ ฮัฟตัน คอยทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว
          คอย “เจ็บปวด” เพื่อความสะใจของทุกคน
         
          มันเป็นเช่นนั้นเสมอ ก่อนที่เขาจะลั่นไก
         
          กระทั่งวินาทีนั้นมาถึง แล้วต่อเนื่องไปเป็น 19 นาที ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
         
                             ..............
         
          “คุณคิดว่าใคร? มีสิทธิ์ที่จะพิพากษาคนอื่นได้”
         
          “เขาก็เป็นเด็กที่ใช้ได้คนหนึ่ง เพียงแต่เป็นคนที่เราไม่อยากทักในที่สาธารณะ”
         
          “สำหรับความทรงจำแต่ละอย่างที่ใครๆ มีต่อเขา เกี่ยวกับลูกกระสุนหรือเสียงกรีดร้อง เธอจะมีความทรงจำอื่นอีกนับร้อย ทั้งภาพเด็กชายตัวน้อยพุ้ยน้ำในสระ หรือขี่จักรยานเป็นครั้งแรก หรือโบกมือให้จากเครื่องเล่นปีนป่าย หรือจูบราตรีสวัสดิ์ หรือบัตรอวยพรวันแม่วาดด้วยสีเทียน หรือเสียงร้องเพลงเพี้ยนๆ ขณะอาบน้ำ เธอจะร้อยมันไว้ด้วยกัน ช่วงเวลาที่ลูกของเธอเป็นเหมือนกับลูกของคนอื่นๆ”
         
           
               แด่เด็กวัยรุ่น แด่พ่อแม่-ผู้ปกครอง แด่ครูบาอาจารย์
         
               และแด่เราทุกคน ใน ‘โลกสีเทา’ ที่บางครั้งคราวเฉดสีของมันก็หม่นมัวเสียจนเกือบมืดมิด
         
           
               แม้หากจะลองสละเวลาเพ่งดูสักนิด เราอาจจะเชื่อว่ายังพอมองเห็นบางสิ่งที่เจือจาง แทรกตัวอย่างอ่อนระโหยอยู่ในเงาสลัวนั้น มันอาจเป็นลำแสงที่เปล่งประกายอย่างอ่อนแรง...โรยตัวไปสู่ “ทางออก” ที่แม้จะเต็มไปด้วยหนามแหลมคอยทิ่มแทงบาดแผล แต่เราก็จำต้องอดทนก้าวต่อไป เพื่อให้ผ่านพ้นจากดงหนาม
         
           
               ตราบเมื่อหลุดรอดออกไปได้ เราย่อมเรียนรู้ที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อประคับประคองบาดแผลนั้น และพยายามไม่ให้เกิดแผลใหม่ๆ ขึ้นอีก
         
           
               แต่น่าเศร้า...ชีวิตไม่ใช่ดีวีดี ที่เราจะสามารถ “พอส” เฉพาะฉากประทับใจเอาไว้ หรือ “ฟอร์เวิร์ด” ฉากที่ไม่ชอบใจให้ผ่านไปโดยไม่เปลืองเวลา
         
           
               “ชีวิตคนเราคงเป็นเหมือนดีวีดีสักเรื่อง เราอาจดูฉบับที่ใครๆ ดูกัน หรือเราอาจเลือกฉบับผู้กำกับตัดต่อ ซึ่งเป็นฉบับที่เขาอยากให้เราดูก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้ามาขวางกั้น...แต่บางที ชีวิตน่าจะเหมือนเทปวิดีโอสังเกตการณ์โง่ๆ ที่ภาพเป็นเม็ดๆ ไม่คมชัด ไม่ว่าเราจะพยายามจ้องเพียงใด วนไปวนมา มีแต่ภาพเดิมๆ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า”
         
           
               บางสิ่ง จึงยังดำรงอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ามันจะถูกทำให้ “จบ” ด้วยรูปแบบไหน
         
           
               แท้จริงแล้วอาจไม่เคยมีใครแม้สักคนจะฉุกคิด ว่าใต้เงามืดดำที่หลายคนมองเห็น ยังมีบางสิ่งเปราะบางและแสนบริสุทธิ์ซ่อนตัวอยู่ในนั้น
         
           
               สิ่งที่อ่อนเยาว์ เดียงสา เกินกว่าจะตระหนักได้ว่า...ในโลกหม่นหมองใบนี้ ไร้คำตอบมาเนิ่นนาน...
         
           
               ไม่ว่าจะค้นหามันด้วยวิธีใด
         
           
               อย่าเปลืองเวลาถามไถ่ ไม่มีใครเขาไยดีนักหรอก ว่า “ใคร” ซ่อนตัวอยู่ในนั้น
         
           
               ...ใน ‘โลกสีเทา’ …
         
           
                              ..............
         
                       ตัวหนอนบนกองหนังสือ
         
           
          -หมายเหตุ
          Nineteen Minutes หรือ "19 : นาที" เขียนโดย โจดี ปิคูลต์
          แปลโดย จิราพร โนโตดะ จัดพิมพ์โดย แพรวสำนักพิมพ์

    http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9510000080478

     
     

    จากคุณ : เย็นสิทธิ์ - [ วันเข้าพรรษา 01:44:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom