ความคิดเห็นที่ 1 เข้าใจว่าเข้ามาตอนปฏิรูปสยามให้ทันสมัย คือช่วง ร.5 ส่วนที่ว่าทำไมไม่มีนายหมื่น นายแสน น่าจะเป็นเพราะหน่วยทหารแบ่งเป็น หมู่ กองร้อย กองพัน และกองพล จึงเป็นนายสิบ (คุมหมู่) นายร้อย (คุมกองร้อย) นายพัน (คุมกองพัน) และนายพล (คุมกองพล) จากคุณ : ชาเขียว - [ 30 ก.ค. 51 15:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ ^ ตามนั้นครับ ------------------------------------ ส่วนที่ว่า "ถ้าจะว่าไปเป็นเพราะมีจำนวนทหารใต้บังคับบัญชาร้อยนาย พันนายดังนั้นตำแหน่ง ผบ.สูงสุดน่าจะมียศนายแสน นายล้าน จึงจะถูกใช่ใหม" นั้นไม่ถูกต้องครับ ตามหลักแล้ว ทหารจะเชื่อฟังแต่เฉพาะผู้บังคับบัญชาของตนเท่านั้นครับ อย่างเช่น แม้จะเป็น ผบ.ทหารสูงสุด แต่หากจะเอาตามหลักการจริง ๆ ก็ไม่มีสิทธิออกคำสั่งโดยตรงกับ พลทหารหรือ นายสิบได้ครับ ต้องสั่งผ่านสายบังคับบัญชาอีกที หรือ นายทหารยศพันโทประจำกองพันปืนใหญ่ ก็ไม่มีสิทธิสั่ง นายร้อยตรีกองสื่อสารได้โดยตรง ต้องร้องขอผ่านต้นสังกัดก่อน จากคุณ : Roh_Z - [ 30 ก.ค. 51 15:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในกฎหมายเก่าของล้านนา  ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะเป็น "มังรายศาสตร์"  ได้กล่าวถึงตำแหน่งยศขุนนางของล้านนาโบราณไว้  เริ่มต้นจาก เจ้าสิบ  คุมไพร่พล  สิบคน เจ้าห้าสิบ  คุมไพร่พล  ห้าสิบคน เจ้าร้อย  คุมไพร่พล  ร้อยคน เจ้าพัน  คุมไพร่พล  พันคน เจ้าหมื่น  คุมไพร่พล  หมื่นคน เจ้าแสน  คุมไพร่พล  แสนคน เจ้าล้าน  คุมไพร่พล  ล้านคน ยศขุนนางล้านนี้นานวันเข้าคงเหลือแต่ตำแหน่งยศ พญา  แสน  และท้าว ที่ใช้กันมาจนถึงสมัยยุบรวมเป็นมณฑลเทศาภิบาล ส่วนยศทหารที่เป็นนายสิบ  นายร้อย  นายพัน ฯลฯ  มาเริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๕  ที่กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ปัจจุบันคือ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ จ.ป.ร.) เป็นแห่งแรก  โดยใช้คำเรียกขานชื่อยศและตำแหน่งทับศัพท์ภาษาอังกฤษ  เช่น นายสิบว่า  ซายันต์  จ่านายสิบว่า มาสเตอร์ซายันต์  ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมยุทธนาธิการทหารขึ้นแล้ว  จึงได้พบหลักฐานการเรียกชื่อยศเป็นภาษาไทย คือ หัวพันเอก  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า คอลอเนล หัวพันโท  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า ลิวเตแนนท์คอลอเนล หัวพันตรี   ตรงกับภาษาอังกฤษว่า เมเยอ หัวร้อยเอก  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า กัปตัน หัวร้อยโท  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า  ลิวเตแนนท์ หัวร้อยตรี  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า สับลิวเตแนนท์ ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติศักดินาทหาร  เมื่อวันอาทิตย์  เดือน ๙  ขึ้น ๕ ค่ำ  ปีชวดสัมฤทธิศก ๑๒๕๐ จึงได้พบการเรียกชื่อคำแหน่งยศทหารเป็น  นายทัพ  นายพล  นายพัน  นายร้อย  นายดาบ  จ่านายสิบ  นายสิบ  และพลทหาร  ลดหลั่นกันตามลำดับ  ยศนายทัพต่อมาเปลี่ยนเป็น จอมพล มีข้อที่น่าสังเกตคือ ยศทหารในอดีตตั้งแต่นายพลลงมาจนถึงนายสิบ  จะมีคำว่า "นาย" อยู่ด้วยเสมอ  เพิ่งจะมาตัดคำว่า "นาย" ออกจากยศทหารเมื่อมีการเปิดหลักสูตรนายร้อยหญิงขึ้นในโรงเรียนนายร้อยทหารบก  และมีการบรรจุสตรีเข้ารับราชการในกองทัพ  ในสมัยที่จอมพล ป.  พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี  จึงได้ถอดคำว่า นาย ออกจากยศทหาร  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกองทัพสยามเคยมีนายทหารหญิงมาก่อนแล้ว  และก็คงใช้ยศทหารเป็น นายพันโท มาก่อน คือ นายพันโท สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง  นายพันโท สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี (สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา)  และนายพันโท สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี  ซึ่งทั้งสามพระองค์นี้ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษ กองพันที่ ๒ กรมทหารบกราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ จ.ป.ร.  นอกจากนั้นยังมี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร  ซึ่งทรงดำรงพระยศเป็นนายพันโท ผู้บังคับการกรมทหารม้าด้วย  อนึ่ง นายทหารหญิงในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นมีการขัดกระบี่เช่นเดียวกับนายทหารชายด้วย จากคุณ : V_Mee - [ 30 ก.ค. 51 19:04:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตามมาเก็บความรู้จากอาจารย์ V ต่อครับ จากคุณ : NetStar - [ 31 ก.ค. 51 00:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณทุกคำตอบข้างบนครับ เป็นความรู้ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อน จากคุณ : งง.โครม - [ 31 ก.ค. 51 11:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ชั้นยศ เริ่มมีครั้งแรกในสมัย รัชกาลที่ 5 โดยการเทียบตำแหน่งแบบไทยกับของตะวันตก และมีคำว่า นาย นำหน้าตามที่คุณ  V_Mee กล่าวไว้ข้างต้น ในปัจจุบันยศทางทหาร ของกองทัพไทย แบ่งออกเป็น 3 เหล่าทัพ ดังนี้ กองทัพบก x กองทัพเรื x กองทัพอากาศ พลทหาร = Private (เรียกเหมือนกันทั้ง 3 เหล่าทัพ)  สิบตรี    = จ่าตรี = จ่าอากาศตรี = Lance Corporal  สิบโท    = จ่าโท = จ่าอากาศโท =  Corporal  สิบเอก   = จ่าเอก = จ่าอากาศเอก =  Sergeant  จ่าสิบตรี = พันจ่าตรี = พันจ่าอากาศตรี =  Master Sergeant Third Class    จ่าสิบโท= พันจ่าโท = พันจ่าอากาศโท =  Master Sergeant Second Class   จ่าสิบเอก = พันจ่าเอก = พันจ่าอากาศเอก=  Master Sergeant จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 31 ก.ค. 51 11:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ร้อยตรี = เรือตรี =เรืออากาศตรี = Second Lieutenant ร้อยโท = เรือโท =เรืออากาศโท = First Lieutenant ร้อยตรี ถึง ร้อยโท ส่วนใหญ่แล้วจะมีตำแหน่ง เป็น ผู้บังคับหมวด มีผู้ใต้บังคับบัญชา ประมาณ 40 - 50 คน ซึ่งชาวบ้านหรือคนทั่วไปมักเรียกติดปากว่า " ผู้หมวด " ร้อยเอก = เรือเอก = เรืออากาศเอก = Captain   ชั้นยศนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อย มีผู้ใต้บังคับบัญชา ประมาณ 120 - 200 คน ซึ่งชาวบ้านหรือคนทั่วไปมักเรียกติดปากว่า " ผู้กอง" พันตรี = นาวาตรี = นาวาอากาศตรี = Major   ชั้นยศนี้ ส่วนใหญ่จะเข้ารับการเรียนในโรงเรียนเสนาธิการ ซึ่งพอจบออกมา คนทั่วไปมักเรียกติดปากว่า " เสธ." พันโท = นาวาโท = นาวาอากาศโท = Lieutenant Colonel พันเอก = นาวาเอก = นาวาอากาศเอก =  Colonel  พันโท ถึง พันเอก ส่วนใหญ่แล้วจะมีตำแหน่ง เป็น ผู้บังคับกองพัน มีผู้ใต้บังคับบัญชา ประมาณ 500 - 980 คน(ตามเหล่า) ซึ่งชาวบ้านหรือคนทั่วไปมักเรียกติดปากว่า " ผู้พัน " ส่วนในกรณีของกองทัพเรือ อาจเป็น ผู้บังคับการเรือ ซึ่งลูกน้องมักเรียกว่า "ผู้การ" และกรณีของกองทัพอากาศ อาจเป็น ผู้บังคับฝูงบิน ซึ่งลูกน้องมักเรียกว่า "ผู้ฝูง" จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 31 ก.ค. 51 12:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พันเอก(พิเศษ) / พลจัตวา (ปัจจุบันกองทัพไทยยกเลิกชั้นยศ พลจัตวาแล้ว) ชั้นยศนี้ จะมีตำแหน่ง "ผู้บังคับการกรม" มีผู้ใต้บังคับบัญชาประมาณ 2000 - 3000 คน และมักเรียกสั้นๆว่า "ผู้การ" พลตรี =พลเรือตรี=พลอากาศตรี = Major General  ชั้นยศนี้ในกรณีของตำแหน่งคุมกำลังรบ มักมีตำแหน่ง "ผู้บัญชาการกองพล" มีผู้ใต้บังคับบัญชาประมาณ 5000 - 10000 คน พลโท = พลเรือโท = พลอากาศโท = Lieutenant General  ชั้นยศนี้ในกรณีของตำแหน่งคุมกำลังรบ มักมีตำแหน่ง "แม่ทัพภาค" มีผู้ใต้บังคับบัญชาประมาณ 30000 - 40000 คน ในกรณีของหน่วยส่งกำลัง มักมีตำแหน่ง "เจ้ากรม" มีผู้ใต้บังคับบัญชาประมาณ 10000 - 15000 คน จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 31 ก.ค. 51 12:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พลเอก = พลเรือเอก = พลอากาศเอก = General   ตำแหน่ง พลเอก คือชั้นยศสูงสุดของกองทัพไทย ในปัจจุบัน  ซึ่งผู้ที่มีชั้นยศนี้ มักเป็น ระดับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เช่น 5 ตำแหน่งหลักกองทัพบก ประธานที่ปรึกษา จอมพล = จอมพลเรือ = จอมพลอากาศ = Field Marshal   ชั้นยศนี้ในปัจจุบันไม่มีการพระราชทาน คงเหลือเฉพาะเป็นอัตราการรับเงินเดือน ชั้น จอมพล  และเป็นชั้นยศที่สงวนไว้เฉพาะ พระเจ้าอยู่หัว เท่านั้น จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ 31 ก.ค. 51 12:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้อ เข้าใจ ละ    นายสิบ-จ่า + 12-13 1 หมู่  ร้อยตรี-ร้อยโท 50 รอง-ผบ.หม  ร้อยเอก-พ.ต. 250 กองร้อบ  พ.ท.-พ.อ.  750 กองพัน  พ.อ.-พ.อ. พิเศษ 2000-3000 กรม  พล.ต. 10000 ขึ้นไป กองพล  พล.ท. 30000 ขึ้นไป  รองผบ. แม่ทัพภาค  พล.อ. 200000 กองทัพ จากคุณ : Lord Protector - [ 1 ส.ค. 51 07:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ จากคุณ : CORZA - [ 1 ส.ค. 51 12:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ้า...ไหน ไหน ก็ ไหน ไหน ไปดูของจริงกันดีกว่า เดี๋ยวจะเข้าใจกันคลาดเคลื่อนในชื่อตำแหน่งที่จะใช้เป็นภาษาอังกฤษ พลเอก = General นะถูกต้องแล้ว พลอากาศเอก = Air Chief Marshal หรือ ACM ส่วน พลเรือเอก = Admiral หรือ Adm. ตามไปดูได้ที่ Website ของ กองบัญชาการทหารสูงสุด http://web.schq.mi.th/~mid/rank.htm ส่วนของประเทศอื่น ก็อาจจะใช้แตกต่างออกไป รวมถึงบางประเทศ เช่น ประเทศเพื่อนบ้านเรา ยังมียศ พลจัตวาอยู่ ส่วนเรื่องจำนวนของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ก็ถือว่าประมาณเอาก็แล้วกัน อย่าไปเจาะจงเรื่องตัวเลข เอาเป็นว่าไม่เกินจำนวนเท่าไรก็พอ จากคุณ : ผ่านมา - [ 3 ส.ค. 51 02:05:09 A:58.9.96.26 X: TicketID:172814 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีใครรู้อัตตรานายพลประเทศไทย เปรียบเทียบกับประเทศใหญ่ๆครับ เช่น จีน รัสเซีย อเมริกา    ว่ามากน้อยกว่ากันเท่าไหร่ จากคุณ : Ninjax - [ 5 ส.ค. 51 10:25:16 ]