ความคิดเห็นที่ 1 เขาได้ยังไงก็เรื่องของเขา เขาใช้ความสามารถของเขาเขียน ค่าเขียนก็เป็นการตกลงยินยอมพร้อมใจกับผู้พิมพ์และโฆษณา เขาไม่ได้โกง เขาไม่ได้ปล้น เขาหามาอย่างสุจริต แลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เงินเดือนก็ได้จากการรับราชการ ไม่ได้ฉ้อราษฏร์บังหลวง ค่าสอนก็เกิดจากการลงแรง ลงพลังสมอง รายได้ทั้งหมดนี้แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน คำว่า "เสือนอนกิน" โผล่มาจากไหน? ความหมายของเสือนอนกินคือคนไม่ได้ลงแรงลงทุนอะไรแต่ได้รับผลประโยชน์ ผมเห็นตัวอิจฉามันผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวนี้ตัวหนึ่งแล้วก็เพื่อนของมันคือตัวริษยาด้วย เจ้าของกระทู้เห็นไหม? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ส.ค. 51 23:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่ได้อิจฉาแน่นอน และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องไปอิจฉาอาจารย์ของตัวเอง  ที่ผมถามก็ถามด้วยความทึ่งและอยากจะเป็นให้ได้อย่างอาจารย์ของผมบ้าง  คำว่า "เสือนอนกิน" ก็เป็นคำที่เห็นภาพง่ายๆ กันอยู่แล้ว  ถ้าเราสามารถมีงานที่เก็บกินค่าลิขสิทธิ์ไปได้เรื่อยๆ ก็เป็นความฝันของทุกคนนั่นแหละครับ รวมทั้งผมด้วย สิ่งที่ผมได้ฟังจากอาจารย์ของผมมาในวันนั้น ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก และอยากจะพัฒนาความสามารถของตัวเองให้มีความรู้ความสามารถพอจะเขียนหนังสือวิชาการได้ และได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในผลงานวิชาการได้  ผมถึงได้วางแผนจะเรียนต่อเพิ่ม  วางแผนที่จะพัฒนาความรู้ต่อยอดออกไป  และผมนำคำถามมาตั้งกระทุ้ถามในวันนี้ก็เพือจะสอบถามให้รู้แน่ว่ามันเป็นเรื่องจริง และสามารถได้ค่าลิขสิทธิ์ได้มากอย่างนั้นจริง   ไม่ใช่เรื่องอิจฉาเพราผมไม่รู้ว่าจะไปอิจฉาทำบ้าอะไรกัน  ถ้ามันจะมีตัวอิจฉาอยู่ ก็คงมีอยู่ในตัวคุณแอ๊ดนั่นเองล่ะมั่งครับที่คงจะคุ้นเคยกับตัวอิจฉาในตัวตนของคุณเอามากๆ จนคิดว่ามันจะมีอยู่ในคนอื่นๆ ด้วย จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 00:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เหมือนกับธุรกิจอพาร์ทเมนท์ที่ในห้องสีลมใช้คำว่าเป็นธุรกิจเสือนอนกิน  คืออาจจะเหนื่อยในครั้งแรกๆ ที่ต้องลงทุนลงแรงลงไป  แต่พอหลังจากนั้นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปได้เรื่อยๆ  ผมก็มองว่าการแต่งหนังสือขึ้นมาสักเล่มหนึ่ง อาจจะเหนื่อยในครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กินไปได้เรื่อยๆ ก็คล้ายกับเสือนอนกิน   ใช้ในความหมายนี้เท่านั้น  ไม่ได้ใช้ในความหมายเชิงกระทบกระแทกแดกดันอย่างที่คุณแอ๊ด ปากเกร็ดเข้าใจ  และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงเข้าใจไปในทางอกุศลได้มากถึงเพียงนั้น  หรือว่าจิตของคุณมีแต่เรื่องอกุศลลามกเช่นนี้หรือ  จึงคิดว่าคนอื่นจะคิดในเชิงอกุศลได้เช่นเดียวกับคุณ จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 00:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าคุณไม่ได้อิจฉาหรือริษยาอาจารย์คุณ ผมขอโทษ พูดให้ชัดๆตรงนี้อีกครั้ง ขอโทษครับ ถ้าผมเข้าใจคุณผิด แต่ขอบอกว่าผมเข้าใจคุณผิดก็เพราะการใช้สำนวน "เสือนอนกิน" ของคุณน่ะแหละ คุณเข้าใจว่ามันหมายความว่าไง? คุณกำลังหมิ่นครูของคุณโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมถือครับ คนหมิ่นครู ไม่เจริญหรอก ดังนั้นโปรดแก้ไข เสือนอนกิน แปลว่า คนไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรแต่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เป็นความหมายที่ไม่ดี ความหมายในทางลบ อาจารย์ของคุณไม่ใช่เสือนอนกิน ต่อให้ท่านเก็บเกี่ยวเอาไว้ได้เป็นสิบยี่สิบล้านก็ล้วนแต่กำเนิดมาจากมันสมองและแรงงานของท่าน มีที่มาที่ไป ไม่ใช่อยู่เฉยๆได้มาโดยไม่ชอบธรรมหรือฟลุคๆ ท่านจะกินมันวันนี้หรือมีกินไปอีกชั่วลูกชัว่หลานก็เรื่องของท่าน ท่านมีศักยภาพและความเก่งกาจขนาดนี้ผมมีแต่จะเคารพนับถือ ขอบคุณที่คุณช่วยบอกว่ายังมีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเช่นนี้ในเมืองไทย แล้วก็ขอชื่นชมที่คุณมีตัวอย่างที่ดีแล้วก็ไฝ่ดี คิดจะเจริญรอยตามท่าน ขอให้โชคดีและบรรลุความสำเร็จ อ้อ ผมแนบนิยามของ "เสือนอนกิน" จากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน 2525 มาพร้อมนี้ด้วยนะครับเพื่อยืนยันนิยามของผม อ้อ สรรพนามแทนอาจารย์ว่า "แก" นั้นฟังพิลึกๆครับ แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 51 01:02:09 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 4 ส.ค. 51 00:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อาจารย์ผมคนนี้ใช้คำว่า Unearned Income กับเงินได้ที่ได้รับจากค่าลิขสิทธิ์  คำว่า Unearned Income แปลว่า เงินได้ที่ได้มาโดยไม่ได้ใช้น้ำพักน้ำแรง  กฎหมายจึงไม่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้แบบเหมาเพียงแค่ 40% แต่มีเพดานจำกัดไว้คือต้องไม่เกิน 6 หมื่นบาทเท่านั้น ถ้าผมเปลี่ยนมาใช้คำว่า Unearned Income ตามที่อาจารย์ของผมใช้ในตำรา  มันจะมีความหมายในแง่บวกหรือ  ผมเพียงแต่อยากใช้คำที่สื่อง่ายๆ ให้เห็นภาพเท่านั้นโดยไม่ได้คิดไกลไปขนาดว่ามันจะมีความหมายในแง่ลบ และผมก็ลืมคิดไปว่าอาจจะมีคนอ่านกระทู้นี้บางคนที่มีจิตใจเต็มไปด้วยอกุศล อาจจะเข้าใจความหมายของคำที่ผมใช้ไปในแง่ลบก็ได้   แต่ผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาไทยขนาดที่จะคิดหาคำมาแทนคำว่า "เสือนอนกิน" ได้  ผมเพียงแค่อยากจะใช้คำที่สื่อความหมายได้เห็นภาพโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมาก และที่สำคัญ ผมเองก็ไม่ได้มีจิตอกุศลที่จะมองคำนี้ไปในความหมายที่เป็นแง่ลบอะไร    แต่ผมก็ประมาทเองที่ลืมไปว่าในโลกไซเบอร์นี้มีคนหลายจำพวก  คนที่มองถ้อยคำที่ผู้อื่นใช้ในแง่ดีก็มี  คนที่มองถ้อยคำที่ผู้อื่นใช้ในแง่ลบก็มี  ก็เหมือนกับที่โลกนี้มีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันไป   คนที่มีจิตใจเป็นกุศลก็มี  คนที่มีจิตใจเต็มไปด้วยเรื่องลามกอกุศลก็มี  ก็น่าจะต้องระวังให้มากกว่านี้  ก็คงจะเป็นอุทาหรณ์บทเรียนของผมต่อไปครับ จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 01:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณหนุ่มฝั่งธน เอาละ เรามาพูดกันให้รู้เรื่อง ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดแล้วคำพูดเป็นนายเรา ผมรับผิดชอบทุกคำพูด ทุกตัวอักษรที่ผมเขียนออกไป ผมก็อนุมานว่าคุณก็เป็นเช่นนั้น ลูกผู้ชายด้วยกันนะครับ ยกชื่อกระทู้ "ค่าลิขสิทธิ์หนังสือวิชาการได้มากขนาดนี้เลยหรือ" ไปเพราะเป็นกลางๆ แต่เนื้อความหรือสาระในกระทู้เริ่มแรกของคุณมีอย่างนี้ "อาจารย์ผมที่เป็นผู้พิพากษาบอกว่า ได้ค่าลิขสิทธิ์จากหนังสือตำราวิชาการที่เขียนปีละประมาณไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาทต่อเล่ม   ของอาจารย์คนนี้มีเขียนไว้ 4 เล่ม  ก็ได้ประมาณไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ล้านบาท  (ยังไม่รวมเงินเดือนผู้พิพากษาเดือนละแสนกว่าบาท ค่าสอนตามมหาลัยทั้งของรัฐกับเอกชนอีก 13 มหาลัย)  แบบว่าเป็นเสือนอนกินได้สบายๆ  ทั้งๆ ที่ผมดูแล้ว  หนังสือของแกค่อนข้างอยู่ในแวดวงจำกัด ไม่มีทางเป็นเบสท์เซลเลอร์ได้แน่นอน  แต่แกมีดีอยู่อย่างตรงที่มีชื่อเสียงในแวดวงวิชาการที่เขียนนี้มาก" คุณเริ่มต้นด้วยการบอกว่ารายได้ของอาจารย์คุณมาจากหลายทาง ค่าลิขสิทธิ์ปีละ 2 ล้าน + เงินเดือนผู้พิพากษา + ค่าสอนอีก 13 สถาบัน คุณใช้คำว่า "เสือนอนกิน" กับรายได้ระดับนี้ และคุณวิจารณ์ข้อจำกัดและข้อได้เปรียบของอาจารย์คุณโดยใช้คำว่า "แก" ผมเห็นแค่นี้เมื่อไหร่ ผมก็ตีความมองคนพูดในแง่ลบไว้ก่อนละ จะว่าใจต่ำใจทรามอุดมด้วยอิจฉาริษยาอย่างที่คุณย้อนผมก็ตามใจ ใครเป็นอย่างไรคนนั้นก็รู้แก่ใจ ผมจะดีจะเลวก็ตัวผม คุณจะดีจะเลวก็ด้วยตัวคุณน่ะแหละ ใครจะมองอย่างไรเราก็ไม่ได้ดีขึ้นหรือเลวลงหรอก ว่าแต่ผมไม่รู้จะอิจฉาริษยาใครในนี้ง่ะ อาจารย์คุณท่านก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร อิจฉาคุณ? ประเด็นคือ คุณใช้คำที่ผิดในการพูดถึงอาจารย์คุณ สาระในการสื่อของคุณมันออกโทนเป็นศิษย์คิดล้างครู ผมก็จวกคุณ ชัดนะครับ เราตีความ "เสือนอนกิน" น่าจะไม่เหมือนกัน ผมก็เอาที่ถูกต้องมาให้ดู ถ้าคุณยังเห็นว่าการใช้ "เสือนอนกิน" ในที่นี้ไม่ได้เป็นการเอ่ยถึงอาจารย์คุณในเชิงลบ ถ้าคุณเคารพนับถืออาจารย์คุณ เป็นศิษย์กตัญญู ผมก็ขอโทษ ส่วนไอ้ unearned income อะไรนั่น ผมโง่ครับ จะกรุณาอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมว่า เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ คุณชื่นชมว่าอาจารย์ได้เงินปีละสองล้าน คุณอยากได้เงินอย่างนั้นบ้าง คุณก็บอกอยู่นี่นา สองล้านก็สองล้าน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 4 ส.ค. 51 01:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมใช้คำว่า "แก" กับทุกคน  กับแม่ผม  ผมก็ใช้คำว่า แก  กับญาติผู้ใหญ่  ผมก็ใช้คำว่าแก  เพราะผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ ผมไม่ได้มองว่าคำนี้เป็นคำที่มีความหมายในแง่ลบหรือไม่เคารพ  เพราะผมก็ย่อมเคารพแม่ของผม  เคารพญาติผู้ใหญ่ของผมอยู่แล้ว  แต่ที่ผมใช้ ก็เพราะเป็นถ้อยคำติดปาก  เวลาเรียกอาจารย์ในความหมายสรรพนามบุรุษที่สามกับเพื่อน ผมก็ใช้คำแทนตัวอาจารย์ว่า แก ซึ่งผมมองในความหมายที่เป็นเชิงกลางๆ ไม่ได้ดูถูกหรือไม่ได้เคารพเหยียดหยามอะไรอย่างที่คุณพยายามยัดเยียดข้อหานี้ให้ผม เหตุที่ผมมุ่งไปถึงเรื่องรายได้ของอาจารย์  ก็เพราะความสนใจของผมในกระทู้นี้อยู่ที่เรื่องรายได้  ไม่ใช่อยู่ที่ตัวอาจารย์    ผมสนใจเรื่องรายได้ ผมก็ถามเรื่องรายได้  ผมอยากรู้ว่าเป็นจริงอย่างที่อาจารย์ของผมบอกมาหรือเปล่า  ผมก็ถาม   มันแปลกตรงไหน  มันมีนัยยะอะไรที่จะไปอิจฉาริษยาอาจารย์เหมือนอย่างที่คุณคิดด้วยจิตอกุศล  และผมก็งงจริงๆ ว่ากระทู้ของผมเบี่ยงเบนไปได้ขนาดนี้เพราะอะไร  เพราะผมผิดหรือคุณผิด  เพราะผมเลวหรือคุณเลวกันแน่ จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนเรื่อง Unearned Income ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เพราะว่าอาจารย์ผมคนนี้เขียนตำราเกี่ยวกับกฎหมายภาษี และอธิบายคำว่า ค่าลิขสิทธิ์ ว่าเป็นเงินได้ที่ไม่ได้มาโดยน้ำพักน้ำแรง (Unearned Income)  ซึ่งผมก็จำมาตลอดในความหมายนี้    แต่ที่ผมมาใช้คำว่า เสือนอนกิน ก็เพราะผมเพิ่งเห็นกระทู้ในห้องสีลมใช้คำว่าเสือนอนกิน กับธุรกิจห้องเช่า/อพาร์ทเม้นท์   ผมก็เลยติดมาใช้กับกระทู้นี้ เพราะมองว่าเป็นความหมายที่ใกล้เคียงกัน และผมมองว่าคนอื่นเค้าไม่ได้มองคำนี้ในความหมายในแง่ลบ  แต่เค้ามองคำนี้ในเชิงธุรกิจ มองในความหมายกลาง  มองในแง่ของคนที่มีความใฝ่ผันอยากจะมีธุรกิจที่เป็นเสือนอนกินบ้าง  ก็เท่านั้นครับ ผมเองก็มีความฝันที่จะมีธุรกิจแบบเสือนอนกิน  แต่ถ้าจะให้ผมต้องไปลงทุนซื้อที่ดิน  ลงทุนสร้างอาคารเพื่อทำเป็นอพาร์ทเม้นท์  ผมคงไม่มีปัญญาที่จะลงทุน  แต่พออาจารย์ผมพูดมาอย่างนี้ว่ารายได้ค่าเขียนหนังสือมันดีนะ มีรายได้ที่จะพออยู่ได้อย่างสบาย เก็บเกี่ยวค่าลิขสิทธิ์ไปได้ตลอด  ความสนใจของผมก็อยู่ที่เรื่องนี้เท่านั้น ไม่ได้มีจิตที่จะคิดอิจฉาริษยาอาจารย์ของผม  เพราะคงจะมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่คิดอิจฉาริษยาอาจารย์ของตัวเอง  ผมจะไปอิจฉาทำไม ในเมื่ออาจารย์เป็นความฝันของผมที่ผมอยากจะเป็นให้ได้อย่างนั้น    มีใครบ้างที่อิจฉาความฝันของตัวเอง   ถ้ามี ก็บ้าแล้วล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากที่ผมฟังอาจารย์ในวันนั้น  ผมก็เริ่มมีไฟขึ้นมาอีกครั้ง  ผมเริ่มวางแผนการเรียน โดยคิดที่จะเรียนเนติ์ให้จบ  จากนั้นก็จะไปเรียนบัญชีให้จบปริญญาอีกใบ  จากนั้นก็จะมาเรียนปริญญาโท  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะเพิ่มโปรไฟล์ให้ตัวเอง  เพราะหวังที่จะเขียนหนังสือทางวิชาการให้เป็นของตัวเองให้ได้  อันนี้คือเรื่องราวที่อยู่ในใจของผม ไม่ได้มีเรื่องอิจฉาริษยาหรือเรื่องลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามครูบาอาจารย์อย่างที่คุณพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหา   ผมไม่รู้นะว่าจิตใจของคุณเต็มไปด้วยเรื่องราวอกุศลเช่นนี้มากน้อยสักเพียงไหน ถึงได้คิดว่าผู้อื่นจะเป็นแบบที่คุณเป็น  โลกนี้มันมองได้หลายด้าน  จะมองในแง่ดีก็ได้ หรือแง่ร้ายก็ได้  แต่ทำไมคุณต้องเลือกที่จะมองแต่ในแง่ร้ายตลอดเวลา  ถ้าเป็นเช่นนี้  ชีวิตของคุณจะมีความสุขได้หรอกหรือ แล้วคนรอบตัวคุณจะมีความสุขได้หรือ เค้าจะไม่เบื่อคุณแย่หรือ อย่างในกระทู้นี้  มันไม่ได้มีความหมายหรือนัยยะที่จะแฝงไปในแง่นั้น  แต่คุณก็มองไปในแง่นั้นจนได้ จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลองดูคนห้องอื่นเค้าใช้คำว่า "เสือนอนกิน" กันบ้าง  อย่างในกระทู้นี้ที่เจ้าของกระทู้ถามว่า ความฝันในยามแก่ตัวของแต่ละคนมีอะไรกันบ้าง  คนนี้เค้าก็ตอบว่าอยากมีธุรกิจแบบเสือนอนกิน  คุณคิดว่าเค้าด่าตัวเองหรือเปล่าล่ะ? จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หรืออย่างคนนี้ให้ความเห็นเรื่องการทำธุรกิจส่วนตัว  ผมก็เห็นเค้าใช้คำว่า "เสือนอนกิน" ในแง่ที่เป็นความหมายกลางๆ นะ  ไม่ได้มีใครที่จะมีจิตคิดอกุศลเหมือนคุณเลย จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:46:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หรืออย่างคนนี้ก็ใช้คำว่า "เสือนอนกิน" จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สรุปว่า ผมเห็นคนอื่นใช้คำนี้กันแพร่หลายในความหมายเชิงธุรกิจ  ผมก็นำมาใช้โดยไม่ได้คิดว่าจะมีคนอื่นมองคำนี้ในแง่ลบด้วย  ผมเพียงแค่เห็นว่าคำนี้เป็นคำจำกัดความที่สั้นและไม่ต้องอธิบายกันมาก  ผมก็ใช้ ก็เท่านั้น  และคนอื่นเค้าก็ใช้กันเป็นปกติ ก็ไม่เห็นมีอะไรขึ้นมา  แต่ดันจะมีปัญหาก็กระทู้นี้ที่คุณแอ๊ดเข้ามาเป็นคนแรกและมองคำนี้ด้วยจิตอกุศลลามก จึงทำให้กระทู้นี้เบี่ยงเบนไปจากเจตนาที่ผมตั้งใจเอาไว้ และผมก็ไม่เห็นในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานที่คุณแอ๊ดยกมาจะบอกว่าคำว่า "เสือนอนกิน" มักจะใช้ในความหมายเชิงลบ  เพราะปกติ ผมเข้าใจว่าในพจนานุกรมฉบับนี้มักจะมีหมายเหตุกำกับไว้ด้วยสำหรับบางคำที่มีความหมายเป็นพิเศษ เช่นมักใช้ในความหมายที่เป็นด้านลบหรือด้านบวก   ผมก็เลยมองว่าคำนี้น่าจะมีความหมายในเชิงกลางๆ ไม่ได้เป็นทั้งแง่บวกหรือแง่ลบ แต่ต้องอยู่ที่บริบทที่จะนำไปใช้มากกว่า จะพิจารณาเพียงคำๆ เดียวไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 51 03:40:57 จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 02:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนจะกลับจะกลับประเด็นเดิม ก็ต้องบอกคุณ หนุ่มฝั่งธน ว่า ใจเย็นๆนิดนึง สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ คำว่า เสือนอนกิน ยังมีความหมายตรงตัวเป๊ะตามพจนานุกรมอยู่ ส่วนคำว่า แก ก็จะถูกมองในฐานะสรรพนามบุรุษที่สอง ซึ่งมันก็จะคนละเรื่องกับการที่คุณใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่สาม เคยโดนเตือนเหมือนกัน เข้าใจ ทีนี้ประเด็นเดิมของคุณ ปกติค่าลิขสิทธิ์จะได้เป็นเปอร์เซนต์จากราคาปก (ไม่แน่นอน แล้วแต่จะตกลง) นอกจากคุณจะลงทุนจ้างพิมพ์แล้วขายเอง คุณก็ลองเอาราคาขาย (น่าจะรู้นะ เพราะคุณน่าจะมีอยู่) มาคำนวณดูว่า น่าจะขายได้ปีละกี่เล่ม จึงจะได้ถึงห้าแสน แล้วคุณก็จะรู้เองแหละว่า หนังสือที่ได้ยอดขายขนาดนั้น หรือราคานั้น ต้องเป็นอย่างไร สำหรับตอนนี้ บอกได้แค่ว่า มีไม่มากหรอกที่ทำได้ขนาดนั้น จากคุณ : Deckard - [ 4 ส.ค. 51 03:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณ Deckard ที่กรุณาดึงกระทู้นี้กลับมาในประเด็นเดิมครับ   ขอบคุณที่ทำให้ผมได้คำตอบอย่างที่ตั้งใจไว้ จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 03:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยค่ะ ที่จะเรียนปริญญาตรี-บัญชีอีกใบ จะได้เข้าใจความหมายของคำว่า unearned income ในแง่ทางบัญชีอีกด้านนึง จากคุณ : สาวแกร่งแรงเหลือน้อย - [ 4 ส.ค. 51 07:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 การที่คนอื่นใช้ภาษาไทยกันผิดๆ หลายคน ไม่น่าจะยกมาใช้เป็นตัวอย่างได้ จะบอกว่าเขาใช้การผิดหลายคน ผมก็เลยใช้ผิดด้วยและไม่ใช่เรื่องแปลกนั้น ไม่น่าจะมาเป็นประเด็นโต้เถียง การที่คุณเข้าใจผิดแล้วมีผู้ตักเตือน ก็น่าจะยอมรับว่าเข้าใจผิด จากรู้น้อยจะได้กลายเป็นรู้มาก สำนวนที่ควรใช้คือ "น้ำซึมบ่อทราย" ส่วนเรื่องประเด็นค่าลิขสิทธิ์ที่ถามมานั้น ได้มีผู้อธิบายแล้ว และแหล่งที่น่าถามที่สุดคือ อาจารย์ของคุณเอง เดินเข้าไปปรึกษาท่านเลยว่า อีกหน่อยผมอยากทำให้ได้เหมือนท่าน แต่ตอนนี้มีข้อสงสัยเช่นนี้ กรุณาช่วยอธิบายหน่อย ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่าจะได้รับคำอธิบายที่กระจ่าง จากคุณ : ผ่านมา - [ 4 ส.ค. 51 09:08:18 A:58.8.169.152 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ค่าลิขสิทธิ์หนังสือวิชาการได้มากขนาดนี้เลยหรือ  <<< จริงนะ ตำราวิชาการด้านกฎหมายป่ะ ลองนึกดูว่า ปีนึงมีนักศึกษากฎหมายกี่คน และถ้าเป็นกฎหมายเบื้องต้น ก็เป็นไปได้ที่จะมีนักศึกษาคณะอื่นเรียนด้วย ยิ่งมีโอกาสีท่จะขายได้มาเลยปีนึงๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ อ่อ พูดถึงหนังสือเบสเซลเล่อร์ เคยไปเช็คดูตามศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยหรือเปล่าครับ ช่วงเปิดเทอม เบสเซลเลอร์จะเป็น ตำราแทบทั้งนั้น อย่างศูนย์หนังสือจุฬา ช่วง มิถุนา กับ พฤษจิกา ยังไงก็ต้องมีหนังสือ สังคมวิทยา ของอาจารย์ สุพัตรา สุภาพ ติดชาร์ตทุกปีครับ จากคุณ : monkeygig - [ 4 ส.ค. 51 09:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พวกหนังสือตำราวิชาการทางกฎหมาย ถ้าเป็นวิชาบังคับ นักศึกษาก็มักจะซื้ออยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกย่อหลักวิชา นั่นน่ะ ทำมาขายนักศึกษาโดยเฉพาะเลย เพราะถ้าเป็นคนที่ใช้ทำงานจริงๆ จะไม่ใช้หนังสือพวกย่อหลักนี่เลย ราคาเล่มหนึ่งไม่ได้แพงมาก แต่ขายได้เรื่อยๆ ทุกรุ่นชั้นปี ส่วนถ้าเป็นหนังสือคำอธิบายเล่มใหญ่ๆ ราคาสูง จะขายได้ดีโดยเฉพาะที่เป็นกฎหมายที่มีการแก้ไขบ่อยๆ อย่างประมวลรัษฎากร คำอธิบายประมวลรัษฎากรทุกครั้งที่จัดพิมพ์ใหม่ - มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมตามกฎหมายใหม่ นักกฎหมายทุกคนและห้องสมุดทุกแห่ง ไม่ว่าจะของมหาวิทยาลัย โรงเรียน สำนักงานกฎหมายก็ต้องซื้อฉบับพิมพ์ใหม่น่ะค่ะ ซื้อใหม่กันเป็นประจำ เป็นว่าเล่น มันจำเป็นน่ะค่ะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายอดขายจะต้องดีมากๆ จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 4 ส.ค. 51 10:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คนสมัยใหม่ใช้ภาษิตไทยกันไม่ค่อยจะเป็นแล้วค่ะ คุณอาแอ็ด ใช้ผิดใช้ถูกปนกันมั่วไปหมด บางทีอ่านแล้วต้องกลับมาคิดสองสามรอบว่าเขาต้องการหมายถึงอะไรกันแน่ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 4 ส.ค. 51 13:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันตอบคำถามของผมนะครับ สำหรับ คห.18 คุณผ่านมา   ถ้าเป็นเรื่องที่ตำหนิผมเรื่องของการใช้คำไม่ถูกต้องหรือใช้ถ้อยคำไม่สมควรแล้ว   ผมคงพอที่จะน้อมรับฟังได้ครับ  แต่นี่ถึงขนาดกล่าวหาผมไปไกลถึงขนาดว่าผมมีจิตคิดริษยาอิจฉาครูบาอาจารย์ของตัวเอง  อย่างนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ  และผมไม่คิดว่าจะมีใครที่จะคิดอุบาทว์ลามกได้ถึงเพียงนี้  และผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครสักคนที่คิดได้ชั่วช้าถึงขนาดอิจฉาริษยาครูบาอาจารย์ของตัวเอง   ตรงนี้ผมถึงรับไม่ได้จริงๆ ครับ  แต่จะตำหนิผมเรื่องการใช้คำ ก็ตำหนิไปเถิด  แต่ผมก็มีสิทธิ์ปกป้องตัวเองได้เช่นกันว่าการใช้ถ้อยคำของผม ก็เพียงใช้ถ้อยคำเช่นที่ผู้อื่นใช้กันเป็นปกติและในความหมายปกติเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอกุศลชั่วช้าไปไกลถึงเพียงนั้น จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 13:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นอธิบายกันด้วยเหตุผล ก็น่าจะเข้าใจกันดีแล้วนี่คะ คุณแอ๊ดขอโทษมากี่ความเห็นแล้วนะ อ้อ ๒ ครั้งแล้ว เผื่อไม่เห็น อยู่ในความเห็นที่ ๔ กะความเห็นที่ ๖ เราว่าก็เป็นความเข้าใจผิดกันจากคำที่คนทั่วไปมักใช้กันผิดความหมายมากกว่านะคะ เมื่อเขียนเช่นนั้น ความหมายก็คลาดเคลื่อน ก็ย่อมตีความได้ผิดเช่นกันค่ะ เราอ่านตอนแรกก็คิดว่าคุณนึกปรามาสคำพูดอาจารย์อยู่นิดๆ ค่ะ เพราะนอกจากคำว่า เสือนอนกิน แล้ว ก็ยังมีคำว่า อยู่ในวงจำกัด ไม่มีทางเป็นเบสต์เซลเลอร์ได้แน่นอน จากคุณ : Guga (Guga) - [ 4 ส.ค. 51 14:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมมองว่าคุณแอ๊ดขอโทษผมมาก็จริงครับ แต่ก็ยังแฝงนัยยะที่ทำให้ผมต้องตามแก้อยู่อีก ซึ่งผมก็ต้องมาอธิบายถ้อยคำและการใช้คำนี้ในความหมายปกติเพื่อแสดงให้เห็นว่าเจตนาของผมนั้นไม่ได้เป็นอย่างอื่นนอกเเหนือจากการต้องการรู้ตามหัวข้อกระทู้ที่ตั้งเท่านั้น คำว่า อยู่ในวงจำกัด ไม่มีทางเป็นเบสท์เซลเลอร์ได้แน่นอนนั้น  ผมเพียงแต่ใช้เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ที่อ่านกระทู้ว่า หนังสือที่อาจารย์ของผมเขียนนั้นอยู่ในแวดวงจำกัด ก็คือในแวดวงภาษี ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีทางเป็นเบสท์เซลเลอร์ที่จะไปวางอยู่ในชั้นอันดับหนังสือขายดีได้แน่นอน  เหตุที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็เพียงเพื่อจะให้ผู้อ่านกระทู้ตอบได้ตรงคำถามว่า ค่าลิขสิทธิ์หนังสือวิชาการจะทำรายได้ได้มากถึงเล่มละ 5 แสนต่อปีจริงหรือเปล่า  ก็เท่านั้นครับ  เพราะถ้าเป็นจริง  ผมก็ย่อมจะดีใจและมีกำลังใจที่จะไปให้ถึงจุดนั้น  อย่างที่ผมบอกว่าไม่มีใครที่จะอิจฉาความฝันของตัวเองหรอกครับ "สองคนยลตามช่อง  คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนมองเห็นดวงดาวพร่างพราย"   สรุปว่าก็คงแล้วแต่จะมองนะครับ  แต่ถ้าจะมองไปไกลถึงขนาดนั้น  ผมว่าคงเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงไปหน่อยครับ  และก็เป็นการไร้มารยาทสิ้นดีที่จะกล่าวหากันพล่อยๆ เช่นนั้น   บางทีคนเราคำนึงถึงเรื่องการใช้ถ้อยคำในภาษาไทยมากเกินไปจนลืมเรื่องมารยาทที่เป็นวัฒนธรรมอันดีของสังคมไทยไปหรือเปล่า  อันนี้ก็น่าคิดนะ? จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 14:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ค่ะ สองคนยลตามช่องค่ะ เห็นด้วย เรื่องอื่นๆ ก็สองคนยลตามช่องเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Guga - [ 4 ส.ค. 51 16:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ตอนที่อ่านเมื่อแรกเปิดเข้ามา ก็รู้สึกแบบที่คุณแอ๊ดเหมือนกันค่ะ ตกใจด้วยว่าเฮ้ย.. ทำไมมาใช้คำว่า "เสือนอนกิน" แล้วแถมยังบอกว่าคุณดูแล้ว "ไม่มีทางเป็นเบสเซลเลอร์" นอกจากนั้น ยังบอกว่า.. "แต่แกมีดีอยู่อย่าง.." ไม่มั้งงงงง.. คนที่มีดีอยู่อย่าง ไม่น่ามาถึงระดับนี้ได้นะคะ เอ่อ โดยรวม อ่านแล้วไม่รู้สึกดีอ่ะค่ะ ขออภัยด้วยที่อ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ .. จากคุณ : ลั่นทมสีแสด - [ 4 ส.ค. 51 19:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณหนุ่มฝั่งธน ผมเห็นแล้วจากแถลงการณ์ของคุณว่าคุณไม่เจตนา คุณใช้ "เสือนอนกิน"เพราะเห็นคนอื่นเขาใช้กันในความหมายนั้น คุณเคารพอาจารย์คุณ คุณเป็นคนมีกตัญญูกตเวทิตา คุณตั้งใจจะเจริญรอยตามอาจารย์คุณ เมื่อเห็นเช่นนั้น ผมก็ยอมรับคำอธิบายของคุณ ผมได้กล่าวขอโทษไปแล้วถึงสองครั้ง และกล่าวอีกครั้งหนึ่งก็ได้ ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิดว่าคุณเป็นคนอิจฉาริษยาอาจารย์คุณ ชัดนะครับ ผมปากไวที่ไปด่าเอาคนดีเข้า เป็นความไม่ดีของผมเอง :-( เรื่องการตอบโต้ของคุณไม่ว่ากัน สาดน้ำรดกันมันก็มีลูกติดพัน ขอกันกินมากกว่านี้ คุณยังไม่เคลียร์ประเด็นไหนไม่ทราบ? แถลงมาได้ จะได้ว่ากันเป็นประเด็นไป ระหว่างรอคุณ ผมก็ขออนุญาตฝากข้อคิดเห็นบางประการ อาจารย์คุณเป็นผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติ มีความสามารถสูงมาก แต่งตำราสอนลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง คุณอยากเลียนแบบท่าน ขอคารวะในเจตนา ขอให้ประสบความสำเร็จ คุณเลียนแบบคนเก่งได้ บ้านเมืองก็จะได้คนเก่งมาอีก ผมจะไปขัดขวางทำไม มีแต่จะอนุโมทนาส่งเสริม ประเด็นที่อยากจะเรียนก็คือ ในฐานะที่คุณกำลังจะเลียนแบบนักกฏหมาย ผมเดาว่าคุณก็เป็นนักกฏหมายเหมือนกัน อาจารย์คุณเก่งกฏหมาย ผมว่าข้อวินิจฉัยและข้อเขียนของท่านน่าจะเฉียบคม ไม่กำกวม หากท่านต้องการจะสื่อว่า "ก ไก่" ท่านก็คงไม่เลือกใช้ "ข ไข่" มาสื่อเป็นอันขาด ท่านต้องการจะสื่อแค่ "5" ท่านก็คงไม่เลือกอะไรที่ทำให้ตีความได้เป็น "6" หรือ "4" ถ้าคุณจะเลียนแบบท่าน อย่างน้อยก็โปรดเลียนแบบตรงนี้ให้ได้เถิด คือการรู้จักใช้คำให้เหมาะสมในกาละเทศะที่เหมาะสมเพื่อให้สื่อความหมายได้เฉียบขาด ตรงเป้าหมาย อันที่จริง ผมกำลังสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำเสียมากกว่า ขออภัย เพราะนักกฏหมายควรจะมีความละเอียดถี่ถ้วนกับถ้อยคำมากกว่าผมที่เป็นปลายอ้อปลายแขมที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเราจะต้องมาทำความตกลงกันอีกเรื่อง "เสือนอนกิน" ที่ไม่ได้หมายความว่า "เสือนอนกิน" เพราะเป็นการใช้ "เสือนอนกิน" นอกแบบตามที่อื่นที่เขาไม่ได้ใช้ในความหมายของ "เสือนอนกิน" โอย ปวดหัว ปะทะคารมกันมาถึงขนาดนี้ คุณคงจับทางได้แล้วว่า ผมเป็นคนถือเรื่องครูกับศิษย์เป็นพิเศษ ใช่ครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 4 ส.ค. 51 20:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าคุณขอโทษด้วยความจริงใจ ไม่มีนัยยะแฝง  ผมก็คงเคลียร์และคงจบนะครับ  คุณอาจจะรักษาหน้าของคุณด้วยการจะสอนจะสั่งอะไรผมก็ไม่ว่ากันครับ  ผมเข้าใจ  คุณสอนผมเรื่องการใช้ภาษา  ผมก็ขอเสนอที่จะสอนคุณกลับไปในเรื่องของการมีมารยาทและการรู้จักรักษามารยาทเช่นกัน  อย่าเที่ยวด่าคนอื่นเขาโดยที่ตัวคุณเองยังไม่แน่ใจ  ถ้าไม่แน่ใจก็กรุณาถามเพื่อความแน่ใจสิครับ  อยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็เพียงแค่ถาม ไม่ใช่เที่ยวด่ากราดผู้อื่นตามอำเภอใจ  หัดระวังรู้จักรักษาความรู้สึกของผู้อื่นเสียบ้าง   มารยาทนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะรู้จักรักษาเอาไว้เช่นกัน   คุณกับผมก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน  แล้วไฉนอยู่ดีๆ ถึงได้ยัดเยียดข้อกล่าวหาที่รุนแรงเช่นนี้เอากับผม ในกระทู้นี้ ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีเลิศเลอหรือเป็นคนมีความกตัญญูสูงส่งอะไร  แต่ถึงผมจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอหรือกตัญญูสูงส่ง  แต่ผมมั่นใจว่าอย่างน้อย ผมก็คงไม่ชั่วช้าพอขนาดมีจิตคิดริษยาอิจฉาครูบาอาจารย์ของตัวเองได้   ข้อกล่าวหานี้รุนแรงไปมากครับ   ถ้าคุณเพียงแต่จะกล่าวหาว่าผมใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม เป็นการดูหมิ่นครูบาอาจารย์  ผมคงจะไม่โกรธถึงเพียงนี้ เพราะถ้าดูเพียงจากถ้อยคำที่ผมใช้ ก็อาจจะมีคนมองไปได้เช่นนั้น  แต่ถ้าจะมองไปไกลถึงขนาดว่าผมมีจิตริษยาครูบาอาจารย์ของตัวเอง  ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีคนที่คิดได้อกุศลชั่วช้าเช่นนี้  เพราะคนที่คิดได้อุบาทว์ขนาดนี้  ในจิตใจจะเต็มไปด้วยเรื่องลามกชั่วช้าสักเพียงไหน ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณเป็นคนถือเรื่องครูกับศิษย์เป็นพิเศษจริงดั่งว่าหรือเปล่า   แต่ในโลกไซเบอร์นี้  ผมเห็นมาเยอะ พวกที่เที่ยวสร้างภาพตัวเองด้วยการกดข่มหรือเที่ยวด่ากราดผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นมา   ถ้าคุณเป็นคนที่ถือเรื่องครูกับศิษย์ดั่งที่คุณว่ามาจริง  ผมก็ขออนุโมทนากับความดีของคุณด้วยครับ  และหวังว่าคราวนี้คงจะจบนะครับ เพราะผมเบื่อหน่ายเต็มทนที่จะต้องมานั่งเคลียร์ตัวเองกันต่อไป  และผมคิดว่าผมได้คำตอบที่ต้องการพอสมควรจากผู้ที่เข้าใจในประเด็นของกระทู้นี้จริงๆ แล้ว  และผมตั้งใจว่าจะไม่เข้ามาในกระทู้นี้อีก เพราะถ้าเข้ามา ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องมานั่งเคลียร์เป็นรายความเห็นไปอีก  ซึ่งผมคิดว่าตอนนี้ประเด็นทุกอย่างนั้นน่าจะยุติได้แล้ว จากคุณ : หนุ่มฝั่งธน - [ 4 ส.ค. 51 22:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คิดเหมือนคห.26 ค่ะ จขกท.ใช้คำได้ออกเชิงดูหมิ่นไปนิดนึงค่ะ เราพูดในฐานะคนอื่นนะคะ ความจริงเป็นไงเราไม่ทราบ แต่ภาษามันออกมาเป็นแบบนั้น อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเจ้าของกระทู้ไม่ค่อยเชื่อน้ำหน้าผู้พูดน่ะค่ะ อ้อ แล้วเท่าที่รู้จักคุณแอ๊ดมา ไม่รู้สึกว่าคุณแอ๊ดมีจิตใจอกุศลใดๆเลยค่ะ อยากให้ใจเย็นๆก่อนนะคะ ถ้าคุณได้อ่านข้อเขียนเก่าๆของคุณแอ๊ด คุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณพูดมา เป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 4 ส.ค. 51 23:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณหนุ่มฝั่งธนครับ คำว่าขอโทษหลุดจากปากของลูกผู้ชายไปแล้วสามครั้ง ถ้าคุณยังคาใจ ผมขออภัยอีกครั้งหนึ่ง โพสท์ #1 ของผมเป็นการตอบสนองด้วยอารมณ์ต่อสิ่งที่ผมเห็นว่าเลวร้ายในถ้อยคำการตั้งกระทู้ของคุณ ผมใจเร็วมือเร็ว ลุแก่โทสะ ตรงนี้เป็นข้อผิดพลาดของผม และผมลงมือกระทำร้ายคุณ ตรงนี้ผมผิด ผมได้ประกาศขอโทษไปแล้วสามครั้ง จึงมาขอโทษและขออโหสิกรรมจากคุณเป็นครั้งที่สี่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย คุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลพิภพ คุณครูบาอาจารย์ คุณบิดามารดา ตลอดจนสาธุชนทั้งหลายเป็นสักขีพยาน กรรมใดที่ข้าพเจ้า นายแอ๊ด ปากเกร็ด ได้ล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ ต่อคุณหนุ่มฝั่งธน ข้าพเจ้าขอกล่าวคำขออภัยและขอให้คุณหนุ่มฝั่งธนโปรดอโหสิต่อการล่วงเกินดังกล่าวไว้ ณ ที่นี้ และในส่วนของข้าพเจ้าขอให้อโหสิต่อกรรมใดๆอันท่านได้ก่อต่อข้าพเจ้าเช่นกัน ขอให้ท่านมีความสุขความเจริญ มีความรุ้เพิ่มพูน เจริญด้วยปฏิภาณธนสารสมบัติ เจริญรอยตามท่านอาจารย์อันประเสริฐได้ตามประสงค์ เทอญ ผมขอโทษคุณก็เพราะเห็นว่าคุณดีตามที่คุณประกาศมา ผมไม่รู้จักคุณหรอก ก็รู้จักแต่ที่คุณให้ข้อมูลมาในนี้ในความคิดเห็นหลังๆ ถ้าผมเห็นว่าคุณเลว ผมจะไปยอมขอโทษทำไมครับ ผมว่าผมชัดนะตรงนี้ นัยอะไรของผมไม่มีหรอกครับ คนมีนัยน่ะจะแบบว่านึกจะหวดก็หวดหรือ? ลองตรองดูเถิด ส่วนเรื่องบุญเรื่องกรรมจากอุปนิสัยและพฤติกรรมของผมนั้น นึกว่าปล่อยลูกนกลูกกาตาดำๆก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวกรรมก็ตามทันผมเอง ก็ขอแต่เพียงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณขอให้อโหสิให้ผมด้วย สวัสดีนะครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 5 ส.ค. 51 00:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขิงก็รา ข่าก็แรง จากคุณ : mamao - [ 5 ส.ค. 51 00:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กระทู้นี้เข้าข่าย "เกรียนเรียนกฎหมาย" ไหมเนี่ย เจ้าของกระทู้รู้อย่างไรผมว่ามันฟ้องจากที่พิมพ์มานั่นแหละ ยิ่งบอกว่าเรียนกฎหมาย แต่ไม่แม่นเรื่องการใช้คำ ก็ยิ่งน่ากลัวแล้ว เพราะกฎหมายเป็นเรื่องของการใช้เหตุผล ยิ่งเขียนสำนวนดี ตีหลักฐานเก่ง มันก็แสดงถึงความสามารถทางนิติศาสตร์ของคนใช้งานมัน ผมว่าใครๆ มาอ่านก็เข้าใจแบบที่ลุงแอ็ดคิดนั่นแหละเพราะ ไม่มีใครใช้คำว่า "แก" กับคนที่เขาเคารพ "เสือนอนกิน" เป็นสำนวนที่ควรรู้อยู่แล้วว่าหมายถึงอะไร "ไม่น่าจะ" มันก็เป็นความหมายเชิงลบอยู่แล้ว ถ้าเป็นสำนวนในศาล คุณแพ้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเอาชนะใครเลย เฮ้อ กลุ้ม... จากคุณ : Ace striker - [ 5 ส.ค. 51 09:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขิงก็รา     รา แปลว่าอะไรก็ไม่ทราบ  ไม่เคยเห็นขิงขึ้นราบ่อยนัก ข่าก็แรง    ข่าจะไปแรงเท่าไรกัน  กินไก่ต้มข่าก็จ้องว่ากะทิจะข้นมากกว่า ธรรมดารับฟังแต่คนทำงานหนัก รายได้น้อย  เบื่อฟัง นักวิชาการมีรายได้ถึงปานนี้  เราชื่นชม ขอสวัสดีคุณมณฑารัตน์  เคยเห็นเธอในงานหนังสือ  น่ารักมาก จากคุณ : แสนอักษร - [ 5 ส.ค. 51 10:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชะอุ๊ย ได้เยอะอย่างนี้ ผมต้องไปเขียนหนังสือบ้างแล้ว อิอิ จากคุณ : Fusion Jazz - [ 5 ส.ค. 51 12:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ง่า กระทู้นี้แรงมากๆ ขอนิดหนึ่งครับ คำว่าเสือนอนกิน ผมพึ่งทราบว่ามีความหมายเชิงลบในกระทู้นี้ เพราะในวงใกล้ชิด(ก็แถวๆสีลมนั่นแหละ) ใช้แบบที่คุณหนุ่มฝั่งธนใช้จริงๆ ผมยังเคยพูดถึงตัวเองด้วยซ้ำว่า อยากมีธุรกิจเสือนอนกินซักธุรกิจ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 5 ส.ค. 51 12:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แค่ได้อ่านข้อความที่ จขกท ตอบโต้คุณแอ๊ด คุณคงต้องปรับปรุงหลายอย่าง ถ้าต้องการจะเป็นให้ได้อย่างที่อาจารย์คุณเป็น จากคุณ : สรวลอักษร - [ 5 ส.ค. 51 15:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมได้แสดงจุดยืนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของกระทู้ไปแล้ว สำหรับผมถือว่าจบนะครับ ขออนุญาตใช้พื้นที่กระทู้นี้คารวะพี่แสนอักษรก็แล้วกัน สวัสดีครับ พี่ ขออนุญาตเอ๊กเซอร์ไซส์ ครับผม จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 5 ส.ค. 51 16:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีพี่แสนอักษรค่ะ ติดตามอ่านความเห็นของพี่แสนอักษรอยู่เหมือนกันนะคะ ถ้าครั้งถัดไปเจอกันอีกขอให้แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ อยากพบค่ะ :) จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 5 ส.ค. 51 18:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เอาไว้งานสัปดาห์หนังสือนัดเจอกันไหมครับ ทุกๆ ท่านเลย ทั้งพี่ ลุง ปู่ (ถ้าลุงแอ๊ดเรียกพี่ ผมว่าน่าจะไหลไปรุ่นคุณตาอาจินต์ ปู่รงค์ แล้วกระมัง) ปกติไปงานหนังสือจะรีบกลับเพราะไปดูหนังสือเฉยๆ ไม่ค่อยได้เจอใคร อยากอยู่งานนานๆ มั่งอะครับ อิ อิ จากคุณ : Ace striker - [ 5 ส.ค. 51 22:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เฮ่ยยย พี่เขาไม่ถึงโน่นหรอก ผมก็เพิ่งยี่สิบเศษๆเอง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 6 ส.ค. 51 15:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เศษอีก  ๔๘๐ เดือน มั๊ง    เด็กเมื่อวานแท้ ๆ   สังขารหญิงชรายากจนที่น่าสงสารมันฟ้องอ่ะ  น้าแอ๊ด ไปเดินดูหนังสือเก่า  เจ้าของร้านที่ชราร่างพากันสละเก้าอี้ให้นั่ง ยกน้ำชาร้อนให้ด้วย   เหอ ๆ ๆ ทีกินไวน์กันตอนเย็นไม่บอก  เขากินกันที่งานนั้นล่ะน้่าแอ๊ด จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 ส.ค. 51 16:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไหนๆ น้าแอ๊ดก็จบการแสดงจุดยืนเรียบร้อยแล้ว คิดว่าคงไม่มีประเด็นอะไรอีก ขอถามแทรกไว้ในกระทู้นี้เลยก็แล้วกันค่ะ คาใจมานานแล้ว เนื่องจากกระทู้นี้ยืดยาวมาได้ก็เพราะความเข้าใจการใช้สำนวนไทยคลาดเคลื่อน มีอีกคำหนึ่งค่ะ รบกวนถามคำว่า "ปีนเกลียว" คือน้องๆ ที่รู้จักเขาใช้กันในความหมายว่า "เด็กไม่ถูกกับผู้ใหญ่ คือเด็กปีนขึ้นไปตามเกลียวเตีสมอผู้ใหญ่" น่ะค่ะ แต่เท่าที่จำได้ ความหมายก็แค่ "ไม่ถูกกัน ไม่ลงรอยกันแล้ว" ไม่ใช่หรือคะ แต่น้องเขายืนยันว่าเรียนมาอย่างนี้ แสนจะงง หรือเราจำผิดเองคะ จากคุณ : Guga - [ 6 ส.ค. 51 18:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จากราชบัณฑิตยสถานออน์ไลน์ค่ะ ลองอ่านสี่บรรทัดสุดท้าย ปัจจุบัน สำนวนไทยมักใช้กันผิดๆ ดังเช่นข้างต้นนั้นแล เปรียบดัง การขับย้อนศร หรือฝ่าไฟแดง บางถนน บางเขต ไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติผิดกฎจราจรแล้ว(หรือเปล่า .... ) ทำผิด ใช้ผิด ก็อ้างว่า ก็คนอื่นทำกัน ใช้กัน .. จน(ทำให้สิ่งที่คิดว่า)ผิด กลายเป็นถูก(ไปได้) ... เกลียว [เกฺลียว] น. สิ่งที่มีลักษณะเป็นรอยพันหรือบิดโดยรอย ต่อเนื่องอย่างสว่าน หรือตะปูควงหรือเชือกที่ฟั่นเป็นต้น, ลักษณะของเชือกที่ฟั่น. ก. กิริยาที่หมุนบิดให้เชือกเขม็งขึ้น เรียกว่า ตีเกลียว, ถ้าเอาเชือก ๒ เส้นฟั่นควบเป็นเส้นเดียวกัน แล้วเอาเชือกเส้นที่ ๓ ซึ่งเขม็งแล้ว ควบเข้าไประหว่างเชือก ๒ เส้นนั้น โดยคลายเกลียวที่ปลายเชือก ๒ เส้นแรกเล็กน้อย เพื่อให้เชือกเส้นที่ ๓ สอดควบเข้าด้วยกันได้จนตลอดเรียกว่า สับเกลียว หรือ สับเชือก. ว. โดยปริยายหมายความว่า ขยันขันแข็ง เช่น หากินตัวเป็นเกลียว, น้ำหนึ่งใจเดียวกัน เช่น เข้ากันเป็นเกลียว, ในลักษณะนี้ถ้าไม่เข้าเกลียวกัน คือแตกพวก หรือไม่ถูกกัน หรือมีความเห็นไม่ลงรอยกัน เรียกว่า ปีนเกลียว. จากคุณ : o;] - [ 6 ส.ค. 51 18:42:03 A:125.25.43.21 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จขกท ใช้คำว่า เสือนอนกิน ไม่ถูกต้องตรงกับกรณีที่คุณยกขึ้นมา สำหรับค่าหนังสือ  วิชานิติศาสตร์มี นศ.ทั่วประเทศและคนสนใจกฎหมายจำนวนมาก  รายได้จากการขายก็น่าจะมากไปด้วย  ไม่ควรแปลกใจค่ะ จากคุณ : DKW - [ วันรพี 03:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านมาแล้วก็งงๆ ตกลงว่าคุณไม่เชื่ออาจารย์คุณ คิดว่าอาจารย์ท่านโกหกเรื่องรายได้งั้นหรือ จากคุณ : Teang_mo - [ 8 ส.ค. 51 09:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ แอ๊ด ปากเกร็ด  ตอบได้ดีมากครับ... ผมขอคารวะ หนึ่งจอก... จากคุณ : เจ้าพ่อตลาดหุ้น - [ 10 ส.ค. 51 18:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรียนท่านเจ้าของกระทู้ครับ... ถ้าท่านเล่นพันทิปมาสักพัก ท่านจะรู้ถึงอุปนิสัยพิเศษของคนในเว็บนี้ คือเขาจะปกป้องและเข้าข้างคนที่เขารู้จัก ถ้าท่านเป็นเพียงผู้ผ่านทาง แล้วเกิดมีข้อพิพาทกับขาประจำของห้องเหล่านั้น ขอให้ท่านหยุดการโต้เถียงดังกล่าว เพราะไม่ว่าเหตุผลของท่านจะหนักแน่นเพียงใด ก็ไม่มีใครเข้าข้างท่านหรอก ส่วนตัวผมมองว่า แอ๊ด ปากเกร็ด ไม่ควรเริ่มกล่าวหา จขกท ว่าไปอิจฉาอาจารย์ตัวเอง  ผมไม่เข้าใจว่าแอ๊ดจะไปซีเรียสเรื่องใช้คำอะไรมากมาย ผมอ่านกระทู้ยังไม่รู้สึกเลยว่า จขกท จะไปอิจฉาริษยาอาจารย์ตรงไหน เขาเพียงแค่สงสัยในรายได้ของอาจารย์เท่านั้น เว็บบอร์ดมีให้แสดงความเห็นไม่ใช่เวทีสั่งสอนคนอื่น ถ้าแอ๊ดอยากสั่งสอนคน ควรไปสมัครเป็นครูสอนนักเรียนจะดีกว่า ถ้าตอนนี้เป็นครูอยู่แล้ว ก็เอาเวลาไปดูแลลูกศิษย์เถอะ ไม่ต้องมาสั่งสอนคนอื่นหรอก หลายคนมักชอบใช้เว็บบอร์ดเป็นเวทีสั่งสอนคนอื่น ทำเหมือนตัวเองเก่งเสียเต็มประดา   ขอกลับเข้าประเด็นของกระทู้บ้าง รายได้ค่าลิขสิทธิ์ปีละ5แสน มีความเป็นไปได้ครับ หนังสือภาษีที่ขายดีที่สุดในประเทศ คือของ อ.กำธร ผมเคยเรียนกับท่าน ทุกมหาวิทยาลัยใช้หนังสือเล่มนี้แทบจะ100%   ค่าลิขสิทธิ์มักจะคิดเป็น%จากราคาปก เช่น 10%  ถ้าพิมพ์1แสนเล่ม เล่มละ200 ก็ได้ค่าลิขสิทธิ์2ล้านอะไรทำนองนี้ครับ แต่ส่วนมากอาจารย์ทางด้านกฏหมายมักจะจ้างเขาพิมพ์แล้วขายเอง(จ้างขายอีก)มากกว่าที่จะเก็บเป็นค่าลิขสิทธิ์ เพราะจะได้เงินมากกว่า อาจารย์เคยบอกผม แต่ในเคสของอาจารย์ จขกท ต้องบอกว่าได้เยอะมากทีเดียว แสดงว่าหนังสือต้องขายดีพอสมควร จากคุณ : ลูกเจ้าของร้านเกม - [ 10 ส.ค. 51 23:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อา มีคนสงสัย งั้นขออนุญาตชี้แจง "..ส่วนตัวผมมองว่า แอ๊ด ปากเกร็ด ไม่ควรเริ่มกล่าวหา จขกท ว่าไปอิจฉาอาจารย์ตัวเอง.." >> รับทราบคำสั่งสอนครับ จุดยืนของผมได้แสดงไปแล้วในคำขออโหสิ คงไม่ต่อความยาวสาวความยืดในจุดนี้ "..ผมไม่เข้าใจว่าแอ๊ดจะไปซีเรียสเรื่องใช้คำอะไรมากมาย.." >> ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณไม่ซีเรียสกับการใช้คำ ภาษาไทยนะครับ ตั้งใจอย่างไรก็ควรเลือกใช้คำให้ตรงกับความหมาย ".. หลายคนมักชอบใช้เว็บบอร์ดเป็นเวทีสั่งสอนคนอื่น ทำเหมือนตัวเองเก่งเสียเต็มประดา .." >> เห็นด้วย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 13 ส.ค. 51 11:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เขาได้ยังไงก็เรื่องของเขา เขาใช้ความสามารถของเขาเขียน ค่าเขียนก็เป็นการตกลงยินยอมพร้อมใจกับผู้พิมพ์และโฆษณา เขาไม่ได้โกง เขาไม่ได้ปล้น เขาหามาอย่างสุจริต แลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เงินเดือนก็ได้จากการรับราชการ ไม่ได้ฉ้อราษฏร์บังหลวง ค่าสอนก็เกิดจากการลงแรง ลงพลังสมอง รายได้ทั้งหมดนี้แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน คำว่า "เสือนอนกิน" โผล่มาจากไหน? ความหมายของเสือนอนกินคือคนไม่ได้ลงแรงลงทุนอะไรแต่ได้รับผลประโยชน์ ผมเห็นตัวอิจฉามันผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวนี้ตัวหนึ่งแล้วก็เพื่อนของมันคือตัวริษยาด้วย เจ้าของกระทู้เห็นไหม? ผมว่า แอ๊ด ไปด่าเขาก่อนนะครับ แล้วจะให้เขาเฉยๆหรือครับ แล้วที่คุณขอโทษ ดันมีต่อท้ายกระแนะกระแนเขาอีก อย่างนี้อย่าขอโทษลยครับ ที่คุณขอโทษเพียงเพราะจะเป็นข้ออ้างว่าขอโทษแล้วนะ ที่คุณโกรธ คุณผิด คุณเลว เพราะผมขอโทษแล้ว จากคุณ : P.sek - [ 16 ส.ค. 51 07:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เอ ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมถูกที่ไปกล่าวหาเขาว่าอิจฉาริษยา เพราะผมไม่มีหลักฐานว่าเขาอิจฉาริษยา ผมกล่าวหาเขาเพราะลุแก่โทสะ ผมผิดพลาดตรงนี้ เมื่อผมทำผิดผมก็ขอโทษที่กล่าวหาเขา ผมได้กล่าวขออโหสิต่อเขา สำหรับความผิดระหว่างเจ้าของกระทู้กับผม ถือว่าจบ ผมได้หลีกเลี่ยงที่จะกล่าวพาดพิงถึงเจ้าของกระทู้อีกเพื่อไม่ต้องการสร้างเวรกรรมต่อกันใหม่อีก คนเราพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นครับ ดังนั้น ความผิดของผม ผมก็รับอย่างชัดแจ้ง ไม่เคยปฏิเสธ ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษและขออโหสิไปแล้ว อยู่ตรงไหนขี้เกียจไปตามหา ใครอยากหาก็ไปอ่านเอาเอง คุณอ่านหรือยังล่ะ? ถ้ายังไม่ได้อ่านก็โปรดไปอ่านเสียในความคิดเห็นบนๆ เมื่ออ่านแล้วบอกด้วยว่าตรงไหนที่ผมปฏิเสธความรับผิดชอบ ทำก็บอกว่าทำ ลูกผู้ชายครับ กล้าทำกล้ารับ แล้วคุณ P.Sek ยังคาใจตรงไหนไม่ทราบ? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 16 ส.ค. 51 21:44:47 ]