ความคิดเห็นที่ 1 ผมเป็นข้าราชการที่มีประสบการณ์สัมภาษณ์เด็กจบใหม่มานับสิบปีแล้ว... กรณีของคุณ สิ่งที่ผมต้องการจากผู้ที่จบเอกภาษาอังกฤษ.. คือศักยภาพในการ Commnad ภาษาอังกฤษได้.. อ่าน...เขียน...ฟัง/พูด... ทั้งสามด้านนี้คุณต้องทำให้ได้ดีกว่าผู้จบตรีทั่วไปอย่างน้อยเท่าตัว... โดยเฉพาะการเขียน...คูณต้องร่างเอากสารราชการหรือธุรกิจเอกชนได้.. การอ่าน คุณต้องจับใจความบืความภาษาอังกฤษ และสรุป..(ย้ำอีกทีว่าสรุปไม่ใช่แปล) ออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจ Main Idea ของบทความนั้นๆ ได้ การฟัง/พูด...คุณต้องเข้าใจการใช้ภาษาพูดและสามารถสื่อสารกับเจ้าของภาษาได้ (แต่เรื่องนี้สำหรับผมไม่ซีเรียสนะ...เพราะผมรู้ว่าหากคุณผ่านงานติดต่อกับชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่องไม่นาน คุณก็จะทำได้เองโดยธรรมชาติ หากพื้นฐานด้านอื่นคุณดีพอ) ที่สำคัญที่สุด ในการทำงานนั้น.. ไม่ใช่ว่าคุณจะรู้แต่เรื่องในบทเรียนอย่างเดียว.. คุณต้องเป็นคนแสวงหาความรู้รอบตัว เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศไว้บ้าง เชื่อไหมว่าผมเพิ่งสอบสัมภาษณ์เด็กราชภัฏกลุ่มหนึ่ง ( 5 คน) เมื่อเดือนที่แล้ว... ปรากฏว่าทุกคน..ย้ำอีกทีว่าทุกคน เมื่อถามว่าตอนนี้มีประเด็นข่าวอะไรที่ได้รับความสนใจจากสังคม ไม่มีใครตอบประเด็นเกี่ยวกับการเมืองเศรษฐกิจเลย... ทั้งที่สถานที่สอบสัมภาษณ์นั้น พวกเขาต้องผ่านที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ราชดำเนิน เชื่อไหมว่ามีคนหนึ่งตอบว่า... "โดมกับพลอยเลิกกัน" ถ้าเป็นคุณ คุณจะรับเข้าทำงานไหมครับ? จากคุณ : หมู4X - [ 5 ส.ค. 51 09:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับ คห.1ครับ จากคุณ : the great of me - [ 5 ส.ค. 51 11:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความรู้ภาษาอังกฤษของคนจบปริญญาตรีเอกอังกฤษจากมหาลัยไทย ของแต่ละคน ต่างกันมากมายราวกับฟ้ากับดิน  จบมาวุฒิเท่าๆกัน แต่เก่งไม่เท่ากัน  จนถึงขั้น “ถ้าประเมินความสามารถผิด ตอนรับสมัครงาน จะทำให้หน่วยงานหรือบ้านเมืองถึงกับประสบกับความวุ่นวายเลยทีเดียวหละ” จากการเคยลองเอา textbooks ในมหาลัยต่างๆมาอ่านเปรียบเทียบกันบ้าง เราพอจะสรุปได้ว่า จริงๆแล้วทุกมหาลัย ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงมากน้อยแค่ไหน เนื้อหาสาระที่สอนก็ไม่เก่งกว่ากันมากมายนัก  หากแต่ผลิตบัณฑิตที่เก่งไม่เท่ากันออกมา นั่นก็เพราะว่า “วัดผลด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน” ยกตัวอย่างเช่น เราเคยเจอบัณฑิตที่จบเอกอังกฤษจากมหาลัยที่เอ็นเข้ายากๆนะ  พบว่าทักษะของพวกเขาบางคน ...ขอเน้นว่า "บางคน แต่ไม่ทุกคนเสมอไปนะ" ... ทั้ง ฟัง พูด อ่าน และเขียน ใช้การได้ดีอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียวหละ จนเราแทบจะออกปากได้เลยว่า “คนบางคน เป็นอัจฉริยะทางด้านภาษา อย่างแท้จริงเลยหละ”  แล้วคนพวกนี้นะ ออกไปทำงานแค่ 10 ปี  ประสบการณ์ล้ำเหลือ ขนาดเราเจอรายหนึ่งนะ เก่งจนกลายเป็น copyeditor ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศได้ อีกรายหนึ่ง อายุแค่สามสิบต้นๆ แต่ดันรู้หมดเรื่องวรรณกรรมฝรั่ง เรื่องหนัง เพลงสากล เรื่องโลกสมัยใหม่ว่ามีความเป็นไปอย่างไร จนถึงขั้นคุยกับคนอายุ 73 ได้เรื่องเพลงหรือภาพยนตร์ย้อนยุคเมื่อ 50 ปีที่แล้วมา รู้เรื่อง แล้วแปลงานเทคโนโลยีล้ำยุคก็ได้อีกด้วย !!!??? พอเราถามเธอว่าทำไมเก่งแบบนี้ เธอตอบว่ามีพ่อที่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่ของพ่อพูดภาษาอังกฤษกับพ่อตั้งแต่เด็กๆ และพ่อไปเรียนต่างแดน แล้วพ่อปลูกฝังเธอตั้งแต่เด็กๆ ให้พูด ฟัง อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ และรับรู้สื่อต่างๆเช่นดูหนัง ฟังเพลง และอ่านวรรณกรรมอังกฤษอเมริกัน  แต่เธอเกทับเราว่า เธอมีเพื่อนเก่งกว่านี้อีก ...555+++... ที่มาจากครอบครัวคนไทยที่ยากจน แล้วจบมหาลัยเดียวกับเธอแล้วเก่งกว่าเธออีก...โหฟังแล้วเหลือเชื่อเลย แต่มันก็รู้สึกจะจริงอ้ะ...เพราะเคยเห็นฝีมือ มาแล้ว แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 51 19:26:49 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ส.ค. 51 15:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ในทางกลับกัน มันก็มีคนไปเรียนเอกอังกฤษในมหาลัยรองๆ ที่เข้าได้ง่ายๆ  ไม่ต้องเอ็นเข้าอยู่ 3 ประเภทคือ 1. เอ็นเข้ามหาลัยที่เข้ายากๆ พลาดไปนิดเดียวเอง แล้วขี้เกียจเอ็นใหม่ 2. เป็นคนไทยที่ทำงานในอังกฤษหรืออเมริกามานาน 10 -20 ปี แล้วกลับมาเมืองไทย อยากได้วุฒิปริญญาตรีไปประดับบารมี 3. เป็นคนที่จบ ม.6 จากโรงเรียนชนบทที่ไกลปืนเที่ยงมากๆ ที่ภาษาอังกฤษแย่ถึงขนาดเอ็นไม่มีทางติดมหาลัยรัฐดังๆได้เลย ประเภท 1. จบมา อาจเก่งเท่าหรือเก่งกว่าบัณฑิตที่จบจากมหาลัยรัฐดังๆได้  ประเภท 2. จบมา ส่วนใหญ่เก่งกว่าาบัณฑิตที่จบจากมหาลัยรัฐดังๆแหงๆอยู่แล้ว (เว้นเสียแต่ว่าบัณฑิตจากมหาลัยดังๆของรัฐก็มีประสบการณ์ต่างแดนมาเหมือนกัน)  ประเภท 3. จบมาได้ โดยไม่มีทักษะภาษาอังกฤษใดๆที่จะเอาไปใช้ประกอบอาชีพได้เลย ...เพราะเดาข้อสอบถูก (ติวเตอร์สอนให้เดา)  เพราะข้อสอบออกเป็นปรนัยเกือบหมด  แถมยังมีข่าวลืออยู่บ่อยๆว่า ข้อสอบรั่ว...!!!... ซึ่งนับว่าเป็นการวัดผลที่ไม่ได้มาตรฐาน..!!! ขยายความเรื่องการวัดผลที่ต่ำกว่ามาตรฐานของมหาลัยรองๆ  ที่นักศึกษาประเภท 3. จบมาได้ เนื้อหาสาระที่เรียนเอกอังกฤษ ปี1 กับ ปี 2 จะเรียนได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษ (ประถม + มัธยม)   สะสมกันถึง 12 ปี จากที่เราเคยติวเด็ก ม.6 ข้อสอบอังกฤษเข้ามหาลัย นั้น พบว่ามีเด็ก ม.6 จากชนบทที่รู้ภาษาอังกฤษแค่ ป.1 เอง แล้วถามว่า ถ้าเด็กพวกนี้ไปเรียนเอกอังกฤษในมหาลัยที่ไม่ต้องเอ็น พวกเขาจะเรียนจบ 4 ปี แล้วมีทักษะครบทุกอย่างได้อย่างไรกัน คำตอบก็คือว่า “ไม่มีทางเลย” แต่ที่จบมา ก็เพราะว่า “เนื้อหาการเรียนการสอนเท่ากับมหาลัยที่เอ็นเข้ายากๆ แต่การวัดผลต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อเทียบกับมหาลัยที่เอ็นยากๆ” ที่เป็นเช่นนี้ เพราะอะไร? คำตอบง่ายๆก้อคือว่า ถ้าวัดผลตามมาตรฐาน นักศึกษาจะเรียนไม่จบกันเกือบหมด และในที่สุดก็จะไม่มีใครกล้าเสียเงินเข้ามาเรียน เพราะทุกคนที่เรียนก็เพราะอยากได้วุฒิการศึกษาไปสมัครงานนั่นเอง และมหาลัยระดับรองๆเหล่านั้น ก็จะต้องปิดกิจการกันไปหมดเนื่องจากจำนวนนักศึกษา ลดลงฮวบฮาบอย่างน่าตกใจ แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 51 19:30:34 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ส.ค. 51 15:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆแล้วเวลานี้ ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีวุฒิทางด้านภาษาอังกฤษมากมายแบบแทบจะเดินชนกันเลยหละ แต่หาคนเก่งจริงๆน้อยมากๆ ดังจะเห็นได้ว่ามีคนคุยโวอยู่บ่อยๆว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษและรับงานแปลหน้าละเป็นหลายๆหมื่นบาท (ฝันไปหรือเปล่า? ใครจะจ้าง..????)  แต่พอลองเขียนภาษาอังกฤษดู เขาเขียนได้ผิดธรรมชาติอย่างเกินราคาคุยเลยทีเดียวหละ (คนพวกนี้นะ ที่ไม่เก่งจริงแต่อวดอ้าง เวลาไปโฆษณารับงานแปลหรือรับสอนภาษาอังกฤษ จะโฆษณาเหมือนๆกันหมด คือเอาชื่อมหาลัยมาโฆษณา แล้วบอกว่า แปลได้ทุกระดับ และสอนภาษาอังกฤษได้ทุกระดับ ซึ่งถ้าเป็นคนเก่งจริงๆ นะ เขาจะรู้ว่า คนที่ทำงานแปลได้ทุกระดับหรือสอนภาษาอังกฤษได้ทุกระดับน่ะ ในโลกนี้ มันมีแค่ไม่กี่คนหรอก...!!!)....โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนนี้นะ ประเทศไทยเรา ขาดแคลนครูสอนภาษาอังกฤษเก่งๆ  คนที่อยู่ในตำแหน่งใหญ่ๆในหน่วยงานต่างๆ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้คัดเลือกและสัมภาษณ์คนเพื่อรับเข้าทำงานด้านภาษาอังกฤษ ถ้าตัวเขาเองเก่งภาษาอังกฤษมากๆ และกฎระเบียบในเมืองไทยยืดหยุ่นพอให้ยอมรับคนเข้าทำงานได้ตามความสามารถ โดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษา  มันก็จะแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรได้   เราคิดวิธีการที่เราใช้ ในการรับสมัครคนเข้าทำงานด้านภาษาอังกฤษ โดยประเมินผลได้อย่างแม่นยำ ขึ้นมาได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องขอดูวุฒิการศึกษาของผู้สมัครงานเลยแม้แต่นิดเดียว..ซึ่งถ้าผู้สมัครงานคุยโวเกินเหตุ  มาเจอวิธีการ screen คนแบบของเราบ้าง พอทำบททดสอบ แล้วก็จะต้อง เดินคอตก กลับไปนั่งบริกรรมอยู่กับบ้าน แล้วประเมินความสามารถของตนเองให้ดีๆกว่าเดิม และพยายามเรียนรู้ให้เก่งกว่าเดิมก่อนที่จะคุยโวใหม่ได้ ลองตาม link นี้ไปอ่านดูหลักการที่เราคิดไว้ screen ผู้สมัครงานด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ประเมินความสามารถได้โดยไม่ต้องขอดูวุฒิการศึกษาเลย http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6844967/K6844967.html แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 51 19:33:32 แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 51 15:58:54 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ส.ค. 51 15:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เก่งน้อยกว่า เป็นพนักงานโรงแรม (รีเซฟชั่น) 3 เดือน ประสบการณ์ตัวเองครับ จากคุณ : mamao - [ 6 ส.ค. 51 00:05:29 ]