ความคิดเห็นที่ 1 จบอักษรฯ เอกอังกฤษ ก็อนุมานได้ว่า มีความรู้พื้นฐานแน่นหนาทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่ดีมาก เอื้อต่อการจะเป็นนักแปลที่ดีได้ ทั้งสองทาง คือ อังกฤษ-ไทย และ ไทย-อังกฤษ อย่างไรก็ตาม คุณวุฒิการศึกษาเช่นนี้ไม่ใช่เงื่อนไขจำเป็นต่อการเป็นนักแปล คนแปลเก่งๆแถวนี้กว่าครึ่งไม่ได้มีพื้นฐานทางอักษรศาสตร์มาแต่อย่างใด แต่มีคุณสมบัติข้อต่อไปนี้มาก ก็เป็นนักแปลได้ คุณสมบัติประการต่อไปที่เอื้อคือความสนใจหรือฉันทะในการแปล ก็เป็นสิ่งสำคัญ มีหน่วยก้านแล้ว มีความสนใจแล้ว ต่อไปคือหาเวทีชก ก็เหมือนกับนักมวย การขึ้นเวทีแรกๆก็ต้องหาเวทีเล็กๆตามงานวัด ตระเวณชกไปเรื่อยๆ เงินรางวัลเล็กๆน้อยๆพอเป็นค่าพลาสเตอร์ค่ายาแดงค่ายานวด นักแปลหน้าใหม่ขึ้นเวทีใหญ่เลยคงจะลำบาก ต้องขึ้นเวทีเล็กก่อน หาประสบการณ์ ไต่เต้ามาเรื่อยๆ มีแฟนๆที่เห็นฝีมือให้ความไว้วางใจ ก็จะได้เวทีใหญ่เอง ทีนี้จะขึ้นเวทีมวยฝร้งหรือมวยไทยก็ขึ้นกับฉันทะ จะแปลเอกสาร จะแปลหนังสือ จะแปลวิชาการ จะแปลวรรณกรรม พวกนี้เป็นรายละเอียดซึ่งขึ้นกับความถนัดของคนแปล จำไว้ว่าไม่มีใครเก่งหมดทุกอย่าง การแปลก็เหมือนกัน นักแปลแต่ละคนก็จะมีเวทีที่ตัวเองถนัดที่สุดอยู่อย่างหนึ่ง เวทีอื่นก็ถนัดรองๆลงไป คุณก็คงไม่นอกเหนือจากนี้ การมีประสบการณ์ตระเวณชกจะเป็นตัวสร้างสมความตระหนักในข้อนี้ได้เองเมื่อเวลาผ่านไปว่าที่ยืนของคุณในยุทธจักรจะอยู่ตรงไหน แล้วคุณจะไปชกได้ที่ไหนบ้าง? ตรงนี้รอคุณแท่นสีมาแนะนำ แกแนะนำได้สะเด็ดสะเด่ากว่าผม หรือไม่ถ้าคุณปลาทองฯมาะแนะนำก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกเพราะเธอแนะนำได้นุ่มนวลและตรงไปตรงมาเข้าเป้าได้รวดเร็วกว่า ถ้าคุณฟังคุณแท่นสีก็คงได้ความอยู่หรอกแต่ต้องให้เวลากับเธอมากๆเพราะว่าเธอจะพาคุณไปถึงอังกฤษฝึกพลังลมปราณแล้วแวะมาเชียงใหม่แล้วค่อยแวะรายทางย้อนลงมาแถวถนนเพลินจิต กว่าจะถึงที่หมายก็รับรองว่าเหนื่อย แต่ถ้าคุณขึ้นรถไปกับคุณแท่นสีโดยไม่รีบเร่ง รับรองว่าคุ้มครับ นอกจากนั้นก็จะมีมัคคุเทศก์อีกหลายๆท่านที่แต่ละท่านวิทยายุทธสูงส่ง ตั้งแต่พ่อโปรเจกต์ คุณ Tanis คุณหนุ่มไทยไร้นาม คุณทินา ตลอดจนยอดยุทธผู้ไม่ประสงค์ออกนามอีกเป็นกระตั๊ก คุณยืนรอแถวๆนี้ ประสานมือคารวะอัญเชิญเซียนๆเอาเองก็แล้วกัน ผมขอตัวไปปิดต้นฉบับก่อน แหะ แหะ ค้างเขามานานแล้ว อายบรรณาธิการ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 6 ส.ค. 51 13:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบพระคุณมากนะคะ คุณแอ๊ด ปากเกร็ด ดิฉันจะรอประสานมือคารวะท่านเซียนแถวนี้ต่อไปค่ะ จริงๆแล้วดิฉันก็เคยรับงานแปลมาบ้าง สมัยเมื่อยังเรียน ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันก็มีญาติโกขอให้ช่วยแปลงาน การบ้านบ้าง แต่ยังไม่เคยจริงจังมากนะ แต่ตอนนี้สนใจทำเป็นอาชีพ หยอดกระปุกเรียนต่อ โดยไม่ต้องแบมือขอตังค์แม่ค่ะ จากคุณ : จขกท.ค่ะ - [ 6 ส.ค. 51 14:26:01 A:192.168.103.104 X:210.246.145.45 TicketID:019093 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มารอขึ้นรถหวานเย็น จากคุณ : Guga - [ 6 ส.ค. 51 14:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าคุณฟังคุณแท่นสีก็คงได้ความอยู่หรอกแต่ต้องให้เวลากับเธอมากๆเพราะว่าเธอ จะพาคุณไปถึงอังกฤษฝึกพลังลมปราณแล้วแวะมาเชียงใหม่แล้วค่อยแวะรายทางย้อนลง มาแถวถนนเพลินจิต กว่าจะถึงที่หมายก็รับรองว่าเหนื่อย ^ ^ ขออนุญาตขำก๊ากนะคะ เห็นภาพมากๆ เข้าเรื่องบ้าง โดยส่วนตัวไม่แนะนำให้เริ่มจากการทำแบบเต็มตัวนะคะ หางานประจำทำไปก่อนแล้วแปลเป็นงานอดิเรกดีกว่าค่ะ พอวรยุทธแก่กล้า มั่นใจว่ามีแหล่งงานต่อเนื่องจริง เคยออกมาบินเดี่ยว ก็ยังไม่สายนะคะ จากคุณ : สักวันหนึ่ง - [ 6 ส.ค. 51 15:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประเมินจากการต่อรองราคาระหว่างผมกับสำนักพิมพ์ตอนนี้   ขอแนะนำว่าหางานประจำมีเงินเดือนกินทำก่อน   จากนั้นค่อยมาหางานแปลทำยามว่างดีกว่าครับ   ตลาดหนังสือเหมือนจะขยายตัวก็จริง   แต่ก็มีนักแปลเข้ามาในตลาดมากขึ้น    ในขณะที่กำลังซื้อของคนอ่านลดลง   ถ้าคุณไม่เคยมีผลงานเลย   อำนาจต่อรองก็จะน้อยไปด้วย   ราคาที่ได้คงจะน่าหดหู่ยิ่งนัก   โดยเฉพาะถ้าการมีชีวิตรอดของคุณขึ้นกับรายได้จากการแปลหนังสือ   ส่วนเทคนิคการหางานให้ได้สม่ำเสมอนั้น   รอคุณแท่นสีมาเฉลยดีกว่า   ท่านนั้นเป็นนักแปลอาชีพ   ผมนั้นแปลหนังสือเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย   ไม่อยากจะนับตัวเองว่าเป็นนักแปลสักเท่าไร จากคุณ : Tanis - [ 6 ส.ค. 51 16:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะ ขอแนะนำในฐานะรุ่นพี่นะคะว่า เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ อยากให้ลองหางานประจำทำก่อนค่ะ อยากน้อยก็ยังอุ่นใจเรื่องมีรายรับเข้ามาเป็นประจำทุกเดือน ในระหว่างนี้ก็อย่างที่ท่านทั้งหลายข้างต้นแนะนำมาแล้วน่ะค่ะ คือ ลองหาประสบการณ์ดู จากการรับแปลงานพิเศษเป็นงาน ๆ ไป ทั้งนี้เนื่องจากรายได้ของนักแปลอิสระนั้นไม่แน่ไม่นอนเป็นที่สุดค่ะ บางครั้งเราไม่สามารถมั่นใจได้เลยนะคะว่า จะได้รับเงินจากผู้ว่าจ้างเมื่อไหร่ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเบี้ยวหรอกนะคะ แต่งานบางอย่างพอส่งงานปุ๊บก็ใช่ว่าเขาจะจ่ายเงินเราปั๊บ ตรงนี้จึงต้องคิดถึงทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ด้วย ว่าระหว่างที่เขายังไม่จ่าย เราจะทำยังไง ไม่ทราบว่าคุณ PooH's HoNeY เรียนโทอะไรคะ ถ้าคุณได้ภาษาอีกภาษาหนึ่งนอกจากภาษาอังกฤษก็จะดีมาก ๆ ทีเดียว โดยเฉพาะในส่วนของงานเอกสาร เนื่องจากภาษาบางอย่างหาผู้ที่รู้ดี ๆ แปลยากค่ะ ตรงนี้ก็จะมีส่วนทำให้ได้เงินเพิ่ม แต่เอกสารพวกนี้บางครั้งก็ไม่ได้มีทุกวัน เราเองทำงานประจำควบคู่มากับการรับงานแปลข้างนอกมาโดยตลอดค่ะ ยอมรับว่ายังไม่กล้าลาออกมาเป็นนักแปลอิสระเต็มตัว เพราะว่ายังมีภาระค่าใช้จ่ายหลายอย่าง ทั้งนี้ไม่ได้มาพูดเพื่อให้คุณเสียกำลังใจแต่อย่างใด แต่อยากให้ค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคงค่ะ สั่งสมประสบการณ์และความรู้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงวันที่คุณแน่ใจว่า ในเดือนนึง ๆ คุณจะมีงานป้อนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  และคุณสามารถทำงานได้เร็วพอ จะได้ไม่เกิดปัญหางานชนกัน (ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ คือ งานมักจะมาพร้อม ๆ กันแล้วก็ทำไม่ทัน แต่พอไม่มีก็เงียบฉี่)  รวมถึงมีทุนสำรองเพียงพอในกรณีฉุกเฉินด้วยค่ะ แล้วจะลองออกมาเป็นนักแปลอิสระเต็มตัวอันนี้ก็ไม่ว่ากัน ค่อย ๆ ลองหาดู ลองสมัครไปเรื่อย ๆ ค่ะ อย่าท้อใจ  ขอเอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : ปลาทองอัลไซเมอร์ (zaida, film mania) - [ 6 ส.ค. 51 18:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับคุณแอ๊ดครับว่าไม่มีใครเก่งหมดทุกอย่าง ถ้า จขกท เลือกแนวที่ตนถนัด คุณจะแปลได้ดี แปลได้เร็ว และมีความสุขกับการทำงาน กระทู้ข้างล่างที่คุยกันเรื่องคำศัพท์ของแต่ละวงการ ชี้ให้เห็นชัด แต่ละท่านก็เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ผมก็โพสต์ไป คห. นึง เป็นศัพท์ของช่างซ่อมรถ โพสต์ทีแรกโปรแกรมกรองคำมันบอกว่าเป็นคำหยาบ ไม่ผ่าน แน้! ก็พวกช่างเขาใช้กันอย่างนี้จริงๆ อย่างนี้เนี่ยะนะ อย่าว่าแต่ให้ผมแปลเลย แค่ภาษาไทยผมก็หงิกแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมันคืออะไร อยู่ตรงไหน ทำหน้าที่อะไร ถ้าจะให้แปลก็ ...... bye bye จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 6 ส.ค. 51 20:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องดูว่ามีพื้นฐานความรู้ในสาขาไหนบ้าง ถนัดด้านไหน แล้วอยากแปลอะไร จะได้พาตัวไปอยู่ในตลาดได้ถูกจุด งานแปลมันมีหลายตลาด การเจาะเข้าไปก็ใช้เทคนิคต่างกัน แต่เตือนไว้ก่อนว่า นักแปลอิสระนี่พอทำจริงๆ แล้วไม่ได้อิสระอย่างชื่อนะครับ deadline is everything! ธรรมชาติของงานแปลอย่างหนึ่งคือ "ด่วน" สำหรับผม เรื่องงานหาไม่ยาก แต่เก็บเงินยาก ผมทวงเงินไม่เก่ง ปีนี้ดวงไม่ดี อาจจะต้องถึงขั้นฟ้องร้องลูกค้าให้จ่ายตังค์ ถ้าฟ้องแล้วจะมาแจ้งเป็น showcase ในห้องนี้ แต่นักแปลมือใหม่คงไม่เจอแบบผมหรอก จริงๆ แล้วนักแปลไม่ต้องมีงานสม่ำเสมอก็อยู่ได้นะ จะเล่าให้ฟังเป็นแนวทาง ตอนผมเริ่มทำงานแปลปีแรกๆ มีงานใหญ่ชิ้นละสองสามแสนเข้ามาปีละชิ้น เริ่มตั้งแต่แบงค์ชาติ ออเรนจ์ ธกส เอสวีโอเอ แต่ละโปรเจ็กต์กินเวลาประมาณสองเดือน ทำแทบทั้งวันทั้งคืน ที่เหลืออีกสิบเดือนก็ไม่ซีเรียสแล้วเพราะงานใหญ่งานเดียวก็ได้เงินเฉลี่ยเท่าทำงานประจำแล้ว ตอนนั้นมีเวลาเยอะ ฮู้... เดินห้าง นั่งร้านอาหารในเวลาที่ชาวบ้านเขาทำงานกัน มีความสุข ต่อมาเริ่มติดใจ ลุยงานมากขึ้น กลางคืนแปล กลางวันหาลูกค้า หรือไม่ก็สลับกัน แล้วก็ได้บริษัทแอนตี้ไวรัสเป็นงานระยะยาว (ยาวไม่ยาวก็เพิ่งหยุดแปลปีนี้อะครับ) ตอนนั้นบริษัทเขาเปิดใหม่กำลังลุยตลาด ต้องแปลจดหมายข่าวอาทิตย์ละหลายฉบับคิดค่าแปลถูกๆ ช่วยเขา เขาบอกเอาไปแปลเล่นก่อนนอน ก็เลยขอให้เขาลงลิงก์เครดิตให้เราท้ายบทความ ได้ผล เพราะนิตยสารคอมพิวเตอร์หลายฉบับได้รับข่าวจากเจ้าของผลิตภัณฑ์แล้วเขาสนใจ เขาก็ติดต่อมาให้แปลบทความ บริษัทคู่แข่งอีกบริษัทหนึ่งมาเปิดตลาดใหม่ก็บอกว่าชอบที่ผมแปล ช่วยแปลให้เขาด้วยแล้วกัน คราวนี้ก็เลยมีงานทำทั้งปี เริ่มออกจากบ้านน้อยลง ตอนหลังก็รับมั่วไปหมด แปลหนังแปลสารคดีอะไรด้วย นอกจากนี้ จริงๆ มีธุรกิจหลายตัวติดต่อเข้ามาขอเป็นพันธมิตรด้วย พวกธุรกิจออกแบบเว็บ กราฟิก อะไรที่เกี่ยวข้องกันน่ะครับ แต่ก็ไม่ค่อยได้รับจริงจัง มันมีทางไปเยอะครับ แต่ไม่มีเวลาทำ อย่าลืมว่าสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ตลอดคือความรับผิดชอบในงาน ทั้งเรื่องคุณภาพงานและกำหนดส่ง เน้นทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องหางาน รับเท่าที่ทำไหวดีกว่า แค่นี้ก็ยุ่งแล้วครับ มีช่วงหนึ่ง วางคอมพ์รอบตัวสามเครื่อง เปิดใช้ทีละสองเครื่อง แล้วก็เริ่มหาคนมาช่วยงาน เริ่มเปิดคอมพ์ทิ้งไว้ตลอดเวลา ปิดอาทิตย์ละครั้ง มีย้ายมานอนในห้องคอมพ์ ย้ายคอมพ์ไปไว้ในห้องนอน มั่วไปหมด ไอ้ตัวเล็กเริ่มบ่นว่าโตขึ้นไม่อยากเป็นนักแปลเพราะนักแปลทำงานหนัก ต้องอดนอน ไม่มีเวลาเล่นกับลูก วันไหนว่างไปรับที่โรงเรียน โห ดีใจมากมาย เดี๋ยวนี้ลูกโตขึ้น เข้าใจพ่อมากขึ้น แต่พ่อก็ยังยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งใจว่าอีกสองสามปีจะเกษียณแล้ว อยากใช้ชีวิตสบายๆ เงียบๆ ในต่างจังหวัด ไม่งั้นดูซิ ปักกิ่งเกมทำผมนอนเช้ามาสามวันแล้ว งานแปลเป็นงานที่สนุก มีเกียรติ ทำแล้วได้ความรู้เยอะมาก ได้ทำประโยชน์ปิดทองหลังพระก็หลายครั้ง แต่เป็นงานที่หยุดก็ไม่ได้เงิน มีกำหนดส่งงานมาคอยบีบคั้น และเอาสุขภาพเข้าแลกอย่างสุดๆ เตรียมรับสภาพปวดตา ปวดหลัง ไมเกรน ความดัน ปวดข้อมือ ฯลฯ เอาไว้ดีๆ หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้าง ผมไปทำงานต่อละ โชคดีครับ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ วันรพี 04:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบพระคุณท่านเซียนๆทุกท่านนะคะ ตอนนี้ดิฉันก็ยังคงหางานประจำตามคำแนะนำของทุกท่านอยู่ค่ะ แล้วก็มีงานแปลเข้ามาเล็กน้อยจากบรรดาญาติพี่น้อง ระหว่างนี้ ที่เขาก็ให้ค่าขนมให้บ้าง แต่ประเด็นคือ บางช่วง มันก็ไม่มีเข้ามาเลยน่ะค่ะ ช่วงนั้น ก็จะเครียดพอสมควร เพราะงานประจำก็ยังไม่ได้ จ๊อบค่าขนมก็ไม่มี เลยฟุ้งซ่านน่ะค่ะ (ขอโทษนะคะที่บ่นเสียยืดยาวเลย ขอระบายหน่อยค่ะ เพราะช่วงนี้ เครียดลงกระเพาะเลย) อยากจะได้บริษัทที่จะพอหางานป้อนให้เราบ้าง ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหนน่ะค่ะ แต่ขอบพระคุณทุกท่านนะคะที่ให้คำแนะนำดีมากเลย แม้ว่าดิฉันจะเป็นเด็กใหม่ของห้องนี้ก็ตาม ขอบคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : PooH's HoNeY - [ วันรพี 08:53:07 A:192.168.103.104 X:210.246.145.45 TicketID:019093 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนผมคิดจะเริ่มทำงานแปลเป็นอาชีพนั้นยังกังวลอยู่ว่าจะมีงานเข้ามาพอไหม ทำไป ทำมา มันก็มีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนไม่มีกำลังใจจะไปทำงานประจำที่ไหนอีก 55555 สำคัญที่สุดคือคอนเนคชั่นละครับ อย่างคุณพ่อโปรเจคต์นั่นเขามีบริษัทแปล ลองเข้าไปเว็บไซต์เขาดู seventranslations.com เขาเอื้อเฟื้อให้คนเอาโฆษณารับแปลไรต่างๆ มาแปะบนบอร์ดด้วยนะ แต่เคยมีคนแนะนำให้ผมเอานามบัตรไปฝากไว้แถวเพลินจิต คอยรับจ๊อบจากร้านแถวนั้นที่เขาหากินอยู่กับการแปลเอกสาร เขาบอกว่าได้หน้าละ 500.- แต่ต้องแบ่งกันกับร้านคนละครึ่ง ลองๆ เอาไปฝากตาม สนง ทนายความดูบ้างก็ได้นะครับ พวกนั้นเขารับงานแบบครอบจักรวาล โดยเฉพาะกลุ่มที่รับจดทะเบียนสมรสคนต่างชาติไรต่างๆ ค่อยๆ ทำไป พอฝีมือพัฒนาแล้ว ค่อยเปิดออฟฟิซเอง จากคุณ : compassion - [ 8 ส.ค. 51 16:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ PooH's HoNeY จบที่เดียวกันเลย รุ่นล่าสุดหรือเปล่าคะ เราไม่ได้เอกอังกฤษ อังกฤษเป็นวิชาโท แต่เป็นภาษาที่ถนัดกว่าวิชาเอก แม้ว่าวิชาแปลอังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ จะได้ A ทุกที และคะแนนก็ไม่แพ้ระดับท็อปของเอกอังกฤษ แต่พอได้เห็นภาษาอังกฤษของคนแถวนี้ หรือแม้แต่บางคนในรุ่นเดียวกันที่ไม่ได้เรียนด้านภาษา ก็ชวนให้ห่อเหี่ยวใจ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ qualified เล้ย ราวกับต้องกลับไปฝึกซ้อมวิทยายุทธ์มาอีก 20 ปี T^T หนทางข้างหน้าอีกยาวไกลนัก คำแนะนำของพี่ๆ ที่ตอบมาก็น่าสนใจทั้งนั้นเลย เรามาสู้ไปด้วยกันนะคะ ^^ (แล้วจะบ่นทำไมเนี่ย...) ปล. 1  คุณ PooH's HoNeY เคยเข้าพวกเว็บที่นักแปลกับคนจ้างมาพบกันไหมคะ อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งค่ะ http://www.proz.com/ เราไม่เคยหางานในนี้อย่างจริงจัง ช่วงนี้เน้นเรียนภาษาเพิ่มเติมลูกเดียว แต่คิดว่าถ้าคุณ PooH's HoNeY สนใจก็น่าจะลองดูนะ ปล. 2  คุณพ่อโปรเจ็กต์ รักษาสุขภาพดีๆ นะคะ ด้วยความระลึกถึงค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 05:38:59 จากคุณ : deepriver - [ 10 ส.ค. 51 04:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบใจนะจ๊ะ คนเตือนให้รักษาสุขภาพน่ะ ดูแลตัวเองโด้ย เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่านอนดึก จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 11 ส.ค. 51 18:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แหะๆ ขอบคุณค่าคุณพ่อฯ ตอนนี้อยู่เยอรมันค่ะ เวลาช้ากว่าไทยห้าชม. (แต่หนูก็แอบนอนดึกเหมือนกันนะ :P) จากคุณ : deepriver - [ วันแม่แห่งชาติ 02:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอ้ รูปร่างแบบหนู อยู่เยอรมัน คนที่นั่นเขาไม่เห็นเป็นของแปลกรึ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ วันแม่แห่งชาติ 12:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกความเห็นเลยค่ะ ค่อยมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปซะหน่อย ^_^ จากคุณ : PooH's HoNeY - [ 13 ส.ค. 51 12:00:58 A:192.168.103.104 X:210.246.145.45 TicketID:019093 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบคุณพ่อฯ แนวตั้งก็นับว่าเตี้ยหน่อยค่ะ ส่วนแนวนอนนี่ก็นิดนึง ... จากคุณ : deepriver - [ 13 ส.ค. 51 22:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นักแปลแต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน เราเคยหัดแปลเอกสารเพื่อหวังไปแปลหนังสือ แต่พอจริงๆแล้วเรากลายเป็นแปลไทยเป็นอังกฤษเร็วกว่า และใช้การได้ดีกว่าแปลอังกฤษเป็นไทยหลายเท่า เราเลยแปลหนังสือ (อังกฤษ-ไทย) ไปแค่ 4 เล่ม แล้วต้องกลับไปแปลเอกสารไทยเป็นอังกฤษเหมือนเดิม ทุกอย่างในโลกแห่งการแปล มันไม่มีอะไรที่แน่นอน เราเคยคิดว่า ถ้ารับงานแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ(งานแปลราคาถูกๆ ที่ได้น้อยเพราะรับจากร้านแปล แล้วโดนร้านแปลกินหัวคิวไป 50 %)  นะ เราแปลไปลวกๆ วันหนึ่งได้ 15 หน้า แต่แปลลวกๆ อย่างมากก็มีแค่พิมพ์ตกๆหล่นๆ บ้างเล็กน้อย แต่ (กรณีแปลไทยเป็นอังกฤษ) ไม่มี non-native speaker's errors มากมายเหมือนนักแปลที่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง และกำลังหัดแปล ถึงแค่แปลมันถูกๆแค่หน้าละ 200-300 บาท วันหนึ่งถ้าได้ 15 หน้า ก็เป็นเงินมากพอใช้ได้เลยทีเดียวแหละ แล้วที่สำคัญก็คือว่า งานพวกนี้มีให้ทำทุกวัน แล้วเก็บเงินค่าแปลได้ทันทีที่แปลเสร็จ ทันควัน ไม่เหมือนแปลหน้าหนึ่ง 500- 1500 บาท ที่กว่าจะเก็บเงินได้ บางทีต้องรอตั้ง 14 วันถึง 6 เดือนแน่ะ และนอกจากนั้นแล้วนะ เวลาเรารับงานมาหน้าหนึ่งแพงๆ (รับตรงจากลูกค้า) ส่วนใหญ่จะเจองานพวก press release หรือ PR หรือภาษาโฆษณาที่หรูหรา ภายในเวลาหนึ่งวัน แทนที่จะแปลได้ 15 หน้า เราจะแปลได้แค่ 4-5 หน้าเอง...!!! เพราะมัวแต่ประดิบประดอยอยู่ แต่พอคุยกับนักแปลรุ่นน้องนะ เธอบอกว่า โธ่พี่ขา หนูเห็นนะ มีนักแปลลักไก่ รับงานแปลไทยเป็นอังกฤษ หน้าละเป็นพันๆบาท แล้วพวกเขาแปลเร็ววันละ 15 หน้าเหมือนพี่แปลก๋วยเตี๋ยวเรือเลย คือพิมพ์คำแปล จากซ้ายไปขวามันเรื่อย แล้วคำแปลภาษาอังกฤษของพวกเขานะ มันมี non-native speaker's errors อยู่เพียบเลย อย่างที่นักแปลไม่มียางอายเลยหละคุณพี่ขา เพราะว่าพวกเขามีวิธีไปเอางานมาจากคนรู้จัก หรือมีวิธีหาลูกค้าที่ไม่รู้ว่านักแปล แปลห่วย ...เราก้อเลยต๊กกาจายว่า ...เฮ้ยเรารู้ไม่ทันวงการ น้องเราเก่งกว่านั้นเสียอีก...555+++... เราเคยเข้าไปที่ http://www.proz.com/ เมื่อหลายปีมาแล้วเหมือนกัน เราตกใจว่ามีคนลักไก่มากจริงๆ อย่างที่นักแปลรุ่นน้องเราเล่าให้ฟังด้วยดิ เราเขียน เอาไว้ใน คคห 27  ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6859601/K6859601.html แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 03:08:12 แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 51 23:19:10 จากคุณ : agelesstansy - [ 13 ส.ค. 51 23:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อีกเรื่องหนึ่งที่นักแปลควรคำนึงถึง ก็คือเรื่อง “การแก้สมการ” ที่มี ปริมาณงาน อัตราค่าแปล มาตรฐานการแปล ฯลฯ เป็นตัวแปร เราเคยเขียนเรื่องนี้ไว้ ในยำภาษาตอนที่บอบช้ำที่สุดในชีวิตของการเป็น freelance translator นั่นก็คือตอนแสดงบทเป็น “ผู้ร้ายเต็มตัว” โดยการทะเลาะกับคนในยำภาษาเพราะเราเครียดที่แปลงานก๋วยเตี่ยวเรือ (งานแปลรับจากร้านแปลที่โดนร้านแปลกินหัวคิว 50%) จนตาลายไม่มีวันพักผ่อน  แล้วต้องมาอ่านข้อความที่นักแปลบางคนมาประกาศความสำเร็จของเขา ว่าแปลทีหน้าละหลายๆพันบาท เราบ่นๆไป ด่าๆไป แล้วทะเลาะกับผู้คนไป แล้วก้อฉุกคิดได้เรื่อง “การแก้สมการ” ว่า 1. ถ้ารับงานโดยตรงจากลูกค้า ก็ต้องวิ่งหางาน หรือมีเพื่อนฝูงที่มี connections คอยช่วยเหลือ 2. ถ้าเปิดตัวรับงานน้อย บางช่วงไม่มีงานก็จะหมุนเงินไม่ทัน 3. ถ้าเปิดตัวรับงานมาก เราตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียบลีบ ก็จะแปลไม่ทัน เราเลยคิดว่า แท้จริงแล้วนะ ทางออกมันก็คือ “ทำตัวเราให้กลายเป็น single service provider ของลูกค้ารายใหญ่ๆ แค่หนึ่งหรือสองรายก็พอ” นั่นก็หมายความว่า แทนที่จะหาลูกค้าจรมั่วไปหมด ซึ่งอาจทำให้งานชนกัน แล้วกลายเป็นรับงานโน้นก็ไม่ได้งานนี้ก็ไม่ได้ ลูกค้าก็จะหายไปหมด....ก็ให้เปลี่ยนเป็นมีลูกค้าประจำรายสองรายที่มีตัวเราเป็นนักแปลรายเดียวของเขา แล้วมีงานให้เราบ่อยๆ  มันก็จะทำให้ตัวเรามีงานมั่นคง  ..... จากคุณ : agelesstansy - [ 13 ส.ค. 51 23:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เราเขียนๆไป บ่นๆ...ท่ามกลางความเกลียดชังของคู่ปรับเก่าเรา แต่อยู่ดีๆ มีคนๆหนึ่งผ่านมา เห็นข้อความเราเข้า แล้วเธอบอกว่า สงสารเรา อยากได้เรามาเป็นแฟน ...!!!???....จากนั้นมาเราก็ได้แฟนที่น่ารักมาคนหนึ่ง ก็เพราะไอ้กระทู้บ่นๆๆๆๆๆ นี้แหละ...555+++...แปลกดีว่ะ ใดๆในโลกนี้ล้วนอนิจัง.... จากนั้นนะ แฟนเราก้อหางานแปลราคาแพงๆมาให้เราแปล แล้วมีเพื่อนคนสองคนช่วยหางานราคาดีๆมาให้เรา เราก้อเลย รอดตาย แล้วเราหยุดแปลงานก๋วยเตี่ยวเรือไปนานถึง 6 เดือน  ในช่วงนั้นที่ได้งานแปลเอกสารราคาดีๆ ทำ สลับกับงาน edit (ตรวจแก้) หนังสือแปลทำ ...ไม่ค่อยยุ่งมากเท่าไหร่ เราจึงมีเวลาว่างค่อนข้างมาก เราเลยจำได้ถึงวันที่มีพวก grammarians เข้ามาไล่ตีหัวเราเรื่อง grammar ....คือเราเรียนภาษาอังกฤษมาแบบไม่รู้ grammar เลย คือไปอยู่ต่างแดนแล้วฟังๆ จำๆไปพูด แล้วอ่านๆ แล้วจำๆไปเขียน เราก็เลยเอาเวลาว่าง ไปซุ่มๆ เรียน grammar เรียน structure ใหม่หมดเพื่อเรียนการเขียนภาษาอังกฤษใหม่หมดแบบยกเครื่อง...วิธีการก็คือนอกจากจะอ่านตำรา writing ที่ฝรั่งเขียนไว้แล้ว เรายังเอาหนังสือภาษาอังกฤษ ที่เรากำลัง edit คำแปล (ของนักแปลท่านอื่น) มาหาประโยคที่สวยๆงามๆ และซับซ้อนในเชิง grammar และ structure มาแยกธาตุ เพื่อเอาประโยคพวกนั้นมาเก็บไว้ใน arsenal ของเราเพื่อเตรียมเอาไว้ ไปดัดแปลงและเขียนเป็นภาษาอังกฤษของตัวเอง ต่อไปในอนาคต อนางอ...555+++...คกลง การเป็นนักแปลนั้นนะ เราจะต้อง มีการเรียนรู้ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา และจะต้อง สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....ไม่ถอย....ใครยิ่งดูถูกเรา เราก็จะยิ่งสู้ด้วยพลังที่มหาศาลมากกว่าเดิมอีกหลายๆเท่า...!!!!! แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:16:47 จากคุณ : agelesstansy - [ 14 ส.ค. 51 00:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เผอิญงานราคาแพงๆ ขาดมือ เราจำเป็นต้องใช้เงินด่วน จะหางานหน้าหนึ่ง 500 – 700 หรือฟลุ๊กหน้าละ 1000 กว่าบาท มันคงพอหาได้ แต่กว่าจะเก็บเงินได้ มันนาน บางทีตั้งหลายเดือน ...เราจึงอยากได้ก๋วยเตี๋ยวเรือมาแก้สถานการณ์ เพราะก๋วยเตี๋ยวเรือแปลเสร็จแบมือรับเงินสดได้เลย  เราก็เลยติดต่อก๋วยเตี่ยวเรือ กะจะเอาหน้าละ 300 บาท แต่ได้มาแค่หน้าละ 200 บาท มา 2 ชุด ๆ ละ 45 หน้า เป็น 90 หน้า ....เรากะใช้เวลาแปลทั้งหมด 9- 10 วันเพื่อเอาเงิน 18,000 บาทมาหมุนโดยด่วน  45 หน้าแรก มันแปลอังกฤษเป็นไทย (งานจัดซื้อจัดจ้างระบบบางอย่าง) เราใช้เวลาแบบเครื่องไม่ร้อน แปล 4 วันเสร็จ  แล้วเหลืออีก 45 หน้า แปลไทยเป็นอังกฤษ (งานโครงการก่อสร้าง) เรากะจะใช้เวลา 5 วัน แต่ลูกค้าโทรมาเร่งๆ ทุกวัน เราเลยหงุดหงิด แล้วแปลแบบหมาบ้า ใช้เวลา 2 วันครึ่งเสร็จ โดยไม่ได้ตรวจเลย ก่อนส่งงานเราคิดว่า คงแปลหลุดเพียบเลย  แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ แล้วทุกอย่างเป็นปกติดี  พอรับทรัพย์มาหมดแล้ว เราค่อยๆเปิด file คำแปลภาษาอังกฤษอันที่เพิ่งส่งไป ออกมาดู แล้วพบว่า “เฮ้ย ไม่มีหลุดเลยว่ะ ...” ฮั่นแน่ะ ชมตัวเอง ...555+++...สงสัยเป็นเพราะ 6 เดือนที่ซุ่มเรียน grammar และ structure ล้างแค้นที่โดน grammarians ตบหัวเล่นๆ ในอดีต นี้นะ ...มันทำให้เราเขียนประโยคภาษาอังกฤษได้เร็วกว่าเดิมอีกถึง 2-3 เท่า ทำให้เราแปลก๋วยเตี๋ยวเรือได้แบบสายฟ้าแล่บ และรับทรัพย์ไวๆเหมือนชื่อบะหมี่ ...โดยไม่เครียดเลยหละ...!!!?? ตอนนี้เราเลยเพิ่งไปรับก๋วยเตี๋ยวเรือมาเพิ่มอีก 80 หน้า (20 หน้า 1 ชุด และ 60 หน้าอีก 1 ชุด) เราแปล 20 หน้าเสร็จไปแล้ว และกำลังจะเริ่มแปล 60 หน้า ที่ปั่นแหลกเลยก็เพราะว่า สำนักพิมพ์ให้งานแปลหนังสือ จ่อคิวเราอยู่  น่าจะหลายเล่มนะ ...???!!! เราจึงต้องรีบปั่นงานก๋วยเตี่ยวเรือ เพื่อเอาเงินสดมารองรังไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  เพื่อว่าเมื่อเริ่มแปลหนังสือแล้วเงินจะได้ไม่ขาดมือ เนื่องจากค่าแปลจากสำนักพิมพ์กว่าจะได้รับ มันค่อนข้างจะนาน........ อีกไม่กี่วันนี้นะ (ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอน mobilization ...555++...) จะขอลงสังเวียนแปลหนังสือใหม่ หลังจากหยุดแปลหนังสือไปแล้วนานถึง 3 ปี...เพราะความตรอมใจในอดีตอันขมขื่น....!!!!! แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:10:16 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:03:56 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:03:02 จากคุณ : agelesstansy - [ 14 ส.ค. 51 00:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เผอิญเราไปอ่านกระทู้เรื่องนักแปลรุ่นลายคราม แล้วโยงใยถึงนักเขียนฝรั่งที่เรารู้จัก ก็เลยอดไม่ได้ที่จะย้อนคิดถึงหนังสือ 2 เล่มสุดท้ายที่เราแปลไป ซึ่งเราได้รับเงินค่าแปลมาแล้ว แต่หนังสือไม่ได้รับการตีพิมพ์ เนื่องจากสำนักพิมพ์ไม่มีเม็ดเงินพอ และเลิกทำหนังสือแปล พอคุยๆไปแล้วมีคนขอให้เราแปะให้ดูสำนวนการแปลของเรา แต่เราเชิน เราเลยแปะสำนวนการแปลของซือเจ๊เรา (คนที่น่ารัก น่ารัก ที่พายเรืออยู่แถวๆนี้น่ะ) มันเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือที่เราน่าจะแปลเอง แต่ซือเจ๊ช่วยเราแปลด้วยความเอ็นดูเรา ใครอยากยลโฉมสำนวนการแปลที่น่ารักของซือเจ๊ก็ตามไปอ่านที่กระทู้นี้ได้.....ตาม link ข้างล่างนี้ไป   http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6883608/K6883608.html แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 51 00:25:52 จากคุณ : agelesstansy - [ 14 ส.ค. 51 00:24:58 ]