ความคิดเห็นที่ 1 หูเพี้ยนรึป่าวครับ จากคุณ : QDora - [ 11 ส.ค. 51 13:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคยได้ยินผู้สูงวัยสมัยก่อนพูดกันค่ะ เบ็ด  ----   เอ็ด งัว ----- วัว ถือเอาว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางภาษานะคะ จากคุณ : teddy bear in the box - [ 11 ส.ค. 51 14:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่แปลกค่ะ คนแก่ๆสมัยก่อนเรียกกันแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 51 14:58:43 จากคุณ : ป้าหนูดา - [ 11 ส.ค. 51 14:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตามหลักภาษาเรียกว่า assimilation คือการเอาตัวสะกดพยางค์หน้ามาเป็นตัวพยัญชนะพยางค์หลัง เป็นธรรมชาตินะคะ สิบ เอ็ด = sib - ed >> si - bed ตามการออกเสียงภาษาไทยจะมี glottal stop ที่ตัว อ.อ่าง แต่บางทีก็หายไปได้ค่ะ จากคุณ : M-M-C-L - [ 11 ส.ค. 51 15:04:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอแย้ง จขกท แต่ขอออกตัวก่อนว่าแต่เป็นเรื่องภาษานะ ไม่ใช่เรื่องการเมือง ภาษาทุกภาษาในโลกเวลาพูดเร็วกับพูดช้าออกเสียงไม่เหมือนกัน เวลาเรานั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เราไม่เคยพูดว่า “ไปซอยยี่สิบเก้า” แต่เราจะพูดว่า “ไปซอยยีบเก้า” คำว่า “ยี่สิบเอ็ด” เมื่อพูดเร็วๆ เสียง “บ” ทำให้ผู้พูดต้องปิดริมฝีปาก และเมื่อเป็น connected speech จึงออกเสียง “อ” โดยยังไม่ทันเปิดริมฝีปาก ก็ออกเสียง “อ” ดังนั้น “เอ็ด” จึงกลายเป็น “เบ็ด” ในพยางค์หลังได้อย่าง “ถูกธรรมชาติ” มากที่สุด...!!!  นี่คือหลักการในวิชา phonetics !! ในวิชา phonetics ของฝรั่งเขาจะมี กรณี “เสียงหาย” เรียกว่า "elision” และจะมีกรณี “เสียงเปลี่ยน” เขาเรียกว่า “assimilation”   เรามาดู elision กัน มาจากเวป bbc คืออันนี้ http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/grammar/pron/progs/prog2.shtml Sounds disappear (elision) When the sounds /t/ or /d/ occur between two consonant sounds, they will often disappear completely from the pronunciation. เมื่อมีเสียง /t/ or /d/ อยู่ระหว่างเสียงพยัญชนะสองเสียง  เรามักจะไม่ออกเสียง /t/ หรือ /d/   เช่น  ในวงเล็บคือ elision (เสียงที่หายไป) I'm going nex(t) week That was the wors(t) job I ever had! Jus(t) one person came to the party! I can'(t) swim คราวนี้เรามาดู assimilation กัน มาจากเวป bbc คืออันนี้ http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/grammar/pron/progs/prog3.shtml Sounds change (assimilation) When a sound at the end of a word takes on the quality of the sound at the beginning of the next word. ให้สังเกตดูดีๆ Good girl. She's a good girl. (goog girl) อันนี้ คนพูดยังไม่ทันจะออกเสียงตัว d หลังคำว่า good และการพูด “ไหลไปแล้ว” จนไปเริ่มออกเสียงตัว g หน้าคำว่า girl  เสียง g  จึงกลายเป็นเสียงหลังของคำว่า good ดูตัวอย่างที่เหลือ Good boy. He's a good boy. (goob boy) White paper. I only use white paper. (whipe paper) Speed boat. I've never been in speed boat. (speeb boat) Because of the place in the mouth where certain sounds are made, sometimes the sound at the end of the first word changes to a completely different sound. เนื่องจากแหล่ง (ในปาก) ที่สร้างเสียงน่ะ บางครั้งเสียงที่อยู่ท้ายของคำแรก เปลี่ยนไปเป็นเสียงอื่นเลยก็มี เช่น Can go. We can go now. (cang go) Can buy. We can buy it. (cam buy) Green Park. I walked through Green Park. (greem park) On Monday. He arrives on Monday. (om Monday) แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 51 15:10:01 จากคุณ : agelesstansy - [ 11 ส.ค. 51 15:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง คุณใช้อะไรเป็นมาตราฐานล่ะ เวลาออกเสียงมันก็เพี้ยนไปตามท้องถิ่น หรือพื้นเพเดิมของครอบครัว เช่น เลข 5 แถวอีสานเขาออกเป็น ห่า คุณจะบอกว่าเขาผิดหรือ? หัดเดินทางท่องเที่ยว รู้จักผู้คนที่ต่างวัฒนธรรมไปจากตัวเองบ้าง จะได้มีใจกว้างๆ เลข 11 อาจเกืดการควบเสียง บ กับ เอ็ด ลองพูดเร็วๆดูซิ จากคุณ : น้ำ - [ 11 ส.ค. 51 15:05:21 A:222.123.203.8 X: TicketID:173314 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กรณีแบบนี้ เราเชื่อว่า ก็มีอยู่ในภาษาอื่นๆอีกหลายๆภาษา  เช่นเรานั่งคุยกับอาจารย์สอนโยคะเราที่เป็นชาวญี่ปุ่น  เธอเขียนนามสกุลเธอ แล้วพูดช้าๆ ว่า “โค” และ “ไฮยาชิ” แล้วเธอบอกว่า แต่คนญึ่ปุ่น พูดเร็วๆแบบธรรมชาติ เสียงจะกลายเป็น “โคบายาชิ”  ไป และเราเชื่อว่า กรณีของ elision และ assimilation ก็มีในภาษาไทยด้วย  แต่ภาษาไทยเราถูกทำลายลงอย่างย่อยยับไปเสียแล้วเนื่องจากว่า มีคนที่ “อยากเป็นพลเมืองดี" และ ”อยากได้หน้า” ออกมาประกาศว่า “เห็นคนออกเสียงอักขระในภาษาไทยไม่ชัดเจน อยากให้รักภาษาไทยรักชาติไทย แล้วออกเสียงให้ชัดๆกันทุกคน” ความคิดเช่นนี้ เป็นการคิดแบบแพะแบบแกะ คือวิ่งไปเป็นฝูงๆตามกันไป ไม่มีความคิดที่สร้างสรรค์เป็นของตนเอง ผลก็คือ มีพวกแพะพวกแกะ วิ่งตามกันไปเป็นพรวนๆ นั่นก็คือ “คนอ่านข่าว อ่านข่าวไฟไหม้หรือรถไฟชนกัน แทนที่จะอ่านเร็วแบบธรรมชาติ แบบข่าวด่วน หรือนักร้องจะร้องเพลงที่มีจังหวะและท่วงทำนองเร็วๆกัน แต่กลับต้องมาออกเสียงอักขระชัดทุกตัว จนฟังแล้วกระตุก เสียอารมณ์หมดเลย...มันจะบ้าหรือเปล่าเนี่ย...!!!" ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น บางคนยังรัวเสียง “ร” แบบผิดธรรมชาติ (กลัวคนหาว่าออกเสียงอักขระไม่ชัด ก็เลยอยากได้หน้า ออกเสียง “ร” มันเสียรัวผิดธรรมชาติไปเลย”...ฟังแล้วโครตเจ็บหูแน่ะ ยังกับชาว Scottish ออกเสีย Afore ye go!!  เป็น เออะฟอรรรรรรรรรรรรร เยอะ โกว....ภาษาไทยออกเสียง “ร” พองาม ไม่ใช่บ้ารัวแบบเสียงสำเนียง Scottish ถ้าใครเคยหลงผิด ก็โปรดคิดเสียใหม่ได้แล้วนะ....!!!!   เราขึ้นแท็กซี่คืนหนึ่งนะ ฟัง DJ มันออกเสียง "ร" รัวผิดธรรมชาติ อยู่ดีๆ เราปวดหัวจิ๊ดๆขึ้นมาเฉียบพลันเลยหละ ต้องบอกให้คนขับเปลี่ยนสถานี ม่ายงั้นจ่ายเงินลงแน่ๆ เพราะทนฟังเสียง "ดัดจริต" ผิดธรรมชาติ แบบ "อยากได้หน้า"  และ "อยากเป็นพลเมืองดี" แบบนี้ ทนไม่ไหวจริงๆน่ะ ทำตัวเป็นธรรมชาติกันดีกว่า อย่าเสแสร้งกันเลยนะ... จริงแล้วแนวคิดเรื่อง "รักภาษาไทย แล้วรักชาติไทย" แล้วเที่ยวไป "บังคับชาวบ้านเขาให้ออกเสียงอักขระให้ชัดเจน ทุกตัวนั้น แท้จริงแล้ว "เป็นการทำลายภาษาไทยไป เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ...!!!" ภาษาทุกภาษาในโลกมี strong form (พูดช้าๆ เน้นทีละคำ) และก็มี weak form (พูดเร็วๆเป็น connected speech) หากพวกเรายัง "อยากได้หน้า" เที่ยวไปติคนโน้นคนนี้แล้วบังคับชาวบ้านว่า “ให้ออกเสียงอักขระ ให้ชัดทุกคำ” แท้จริงแล้วมันเป็นการ “บังคับ แบบเผด็จการ” ให้คนไทยทุกคนพูดเป็น strong form หมด "ทำให้ภาษาไทยกลายเป็นภาษาวิบัติ มากที่สุดในโลก" เนื่องจากคนไทยทั้งประเทศ พยายามพูดเร็วๆ แต่ออกเสียงอักขระให้ชัดทุกแห่ง ซึ่ง “มันผิดธรรมชาติของภาษาคน....!!!” แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 51 15:30:45 แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 51 15:25:49 แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 51 15:16:37 จากคุณ : agelesstansy - [ 11 ส.ค. 51 15:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขร่าบ ซะหวัดดีขร่าบท่านผู้ชมขร่าบ!! จากคุณ : จ้องจนปวด - [ 11 ส.ค. 51 15:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สิบเอ็ด หรือ สิบเบ็ด ก็ยังไม่เจ๋งเท่า สิบหนึ่ง ว่ามะ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 11 ส.ค. 51 17:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนสูงอายุ มีข้อจำกัดในการออกเสียง เราควรยกให้  แต่ไม่ควรเลียนแบบ จากคุณ : แม่ตานน้อย - [ 11 ส.ค. 51 18:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แปลกใจว่าหลายๆ ฅนในนี้ ไม่รู้เรื่องการกลืนเสียงมากกว่า จำได้ว่าเรื่องนี้มีอยู่ในตำราเรียนฉบับพระยาอุปกิตฯ คำ "สิบเบ็ด" กับ "หนวกขู" ก็เปนคำตัวอย่างที่ให้มา เรื่องการกลืนเสียง โดยทั่วไปไม่ได้ถือเปนข้อบกพร่องทางภาษาเน้อ ฅนส่วนใหญ่ถึงไม่ได้สนใจในประเด็นนี้ของนายกสมัคร จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ 11 ส.ค. 51 22:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ เอ่อ "หนวกขู" ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจ คือถ้าพูดเร็วๆแบบเป็นธรรมชาติแล้วนะ "หนวกหู" มันน่าจะกลายเป็น "หนวกขู" ได้จริงๆเลยหละ  นั่นก็เพราะว่าพอออกเสียง "หนวก" ริมฝีปากมันจู๋ๆแล้วก็ยื่นออกไปไกล เกินไปกว่าที่จะร่นกลับมาออกเสียง "ห" ได้ เมื่อพูดเร็วๆแบบเป็นธรรมชาติ มันเลยกลายเป็น "หนวกขู" ได้จริงๆเลยหละ เราดีใจมากๆที่มีคนไทยที่คิดด้วยเหตุผลอย่างสร้างสรรค์เช่นนี้ เพราะว่าตอนนี้นะ ความวิบัติของภาษาไทยแท้จริงแล้ว มันเกิดจากการโดนคนที่อยากได้หน้า อยากเสแสร้งทำตัวเป็นพลเมืองดี เป็นคนรักภาษาไทย รักชาติไทย พูดจาเผด็จการเอาไว้ว่า "ให้ออกเสียงอักขระชัดๆทุกอักขระ" จนคนหลายๆคนที่ไม่มีมันสมองคิดเอง ไม่มีการค้นคว้าหาข้อมูลทางด้านวิชาการ คือคิดได้แค่เป็นแพะกับแกะตามกันไปเป็นฝูงๆนั่นเอง จนในที่สุดคนหลายๆคน "กลายเป็นทำตัวเหมือนหุ่นยนต์นั่นก็คือพูดภาษาไทยเร็วๆ แล้วพยายามออกเสียงอักขระให้ชัดถ้อยชัดคำทุกอักขระ จนภาษาคน กลายเป็นไม่ใช่ภาษาคนไปเสียแล้ว เพราะผิดธรรมชาตินั่นเอง" อนิจา ใครกันแน่ที่ทำให้ภาษาวิบัติน่ะ...!! จากคุณ : agelesstansy - [ วันแม่แห่งชาติ 01:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอ้า โฆษก และ ดีเจ ทั้งหลาย ต่อไปนี้ ใช้เสียงกลืน เสียงหาย  ได้ตามอัธยาศัย จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ วันแม่แห่งชาติ 14:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 #13 ได้สะใจจริง ๆ ครับ สิบหนึ่งนั่นไม่แปลก เพราะเขามีเหตุผลของเขาว่าไม่ให้มีเสียงไปเป็นปัญหา กับสิบเจ็ด แต่สิบเบ็ดเพราะออกเสียงตามเสียงท้ายพยางค์หน้านี่ ภาษาไทย ไม่มีเสียงท้ายนี่ครับ อย่าง #12 นั่นก็เป็นเฉพาะบางกลุ่มหรือบางคนเช่น เดียวกับสิบเบ็ด ก็พยายามจะลากเข้าไปให้ถูกต้องให้ได้ เสียงสิบเอ็ดที่ว่านี้ จากคำว่าสิบ และเอ็ดเป็นคนละคำกันจะอ้างว่าออกเสียงเป็นสิบเบ็ดเพราะ อิทธิพลของเสียงท้ายของพยางค์หน้าตามภาษาโน้นภาษานี้จะไม่มั่วกันไป หน่อยหรือครับ เคยเรียนภาษาอังกฤษมาเขามีเสียงเชื่อมจากพยางค์ท้ายไป เป็นเสียงต้นของพยางค์หลัง และการเพี้ยนเสียงของภาษาไทยส่วนมากที่ เคยเรียนมาก็มีการกร่อนคำ การเพิ่มคำ ผมว่าเป็นการแก้เข้าไปหาให้ที่ผิด เป็นถูกมากกว่า ไม่คิดว่าจะลามมาถึงยุคนี้ครับ ภาษาถิ่นก็ว่ากันไปตามภาษาถิ่นครับ แต่นี่คนกรุงเทพแท้ ๆ แถมยังวางมาด สอนภาษาไทยกับเยาวชนอีกด้วย ผมก็คิดเหมือน คคห. 5 เหมือนกัน แต่ คคห. 5 ลองอ่านทั้งหมดดูอีกครั้งว่า มีใครไหนที่โยงไปหาการเมืองบ้าง จากคุณ : satitp - [ วันแม่แห่งชาติ 15:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พูดแล้วลืมนี่....น่ากลัวกว่าครับ จากคุณ : (การเมือง) (ไข่ต้มกะนมอุ่น) - [ 13 ส.ค. 51 09:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มุข(ไม่ขอใช้มุก)ของคห.15 ขำสุดยอดเลยครับ   มันน่ากลัวจริง ๆ สำหรับคนที่พูดแล้วลืม จากคุณ : ลิด้า - [ 14 ส.ค. 51 13:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คห 6 ท่าอย่างนั้นพวกเราคนทัยก็สามาถพลิกแพงกานใช้ภษาไทยได้อย่างอิสรเลยเน่อะ ไวยากนณ์อไรก้ไม่ต้องไปรงไปเลียนมันแล้ว พัฒทะนาภษาไปหมู่บ้านละแบบเรย จะได้มีคววามหรากหรายทางการพูดจาดีมั้ยครั้พ ต่ไปคุนอยากได้ยินภษาหรายๆแบบ จะได้ม่ายต้องเดินทงไปไกร เดินออกจกบ้าน ออกปายซื้อของที่เซเหว่นปากซอย ก็จาด้ายยินสำเหนียงอีกแบบแร่ว 'ซาหวาดดีเค่อะ จาลับอารัยดีคอะ บีกเปา หรือบีกไบ้ดีเค่อะ" จขกทเค้าก้พิมดีๆ ทำมายโต้งปายแดกดันเค้าด้วยอะเค้อพพ จายกว้งหน่อยน้ะ แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 02:29:49 จากคุณ : FREE_OFFICER - [ 15 ส.ค. 51 02:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ให้คะแนนระหว่าง #13 กับ #17 ไม่ถูกเลยครับ...ให้เสมอก็แล้วกัน นี่ดีนะ ครับถ้าเข้าไปห้องราชดำเนิน ป่านนี้เกรียวแล้ว มาเพิ่มเติมเพิ่งอ่านเจอใน #17 ครับ ต่างวัฒนธรรมน่ะเจอมาเยอะเลยครับ แต่พวกที่ไม่สนใจภาษาของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ ว่าผิดก็ยังดันทุรัง มาตรฐานภาษาไทยก็พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯไงครับ ไม่รู้คนหัวดื้อจมูกบานมีอยู่กับบ้านหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 51 12:12:40 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 51 12:12:02 จากคุณ : satitp - [ 16 ส.ค. 51 20:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ satitp คงจะต้องเหนื่อยเพิ่มละ นายกสมัครยังออกเสียงเพี้ยนอีกตั้งหลายคำนะ เอามาจากตำราเรียน ภาษาไทยกับการบูรณาการ โดย รศ.ดร.นิตยา  กาญจนะวรรณ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง http://www.nrru.ac.th/nrru_learning/1500101/part1/hum01/topic4/linkfile/print5.htm จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ 31 ส.ค. 51 06:05:07 ]