ความคิดเห็นที่ 1 เราว่า listening น่ะ ต้องฟังบ่อยๆ ฟังหลายๆ แบบ แล้วก็ฝึก pronunciation ไปด้วยนะ พวก intonation, stress ก็เหมือนกัน ช่วยไ้ด้จริงๆ นะ อันนี้จากประสบการณ์จริง อ้อ แล้วก็ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ จับเวลาด้วยนะ แบบทำข้อสอบจริง อืมม์ นึกภาพตามไปด้วยก็ดี ถ้ามัวแต่จดมันกินเวลา และบางทีจะหลุด lecture หรือ conversation ไปเลยอ่ะ ใน TOEFL Tips ที่ ETS เค้าแนะนำไว้ว่า Listening Tips Listening to the English language frequently and reading a wide variety of academic materials is the best way to improve listening skills. Watching movies and television, and listening to the radio provide excellent opportunities to build listening skills. Audiotapes and CDs of lectures and presentations are equally valuable and are available at libraries and bookstores. Those with transcripts are particularly helpful. The Internet is also a great resource for listening material. บรรทัดสุดท้ายนี้ ETS เค้ายกตัวอย่าง 3 เว็บไซต์ คือ   http://www.npr.org http://www.bbc.co.uk/radio http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish หากเป็นคุณ K.Senior ก็จะแนะนำ http://www.voanews.com/specialenglish/ ซึ่งเราก็แนะนำเหมือนกัน ความเร็วในการอ่านจะประมาณ 2/3 ของความเร็วการอ่านปกติ เหมาะกับผู้เริ่มฝึกและมี transcript ให้ด้วย ถ้ารู้สึกว่าช้าไปก็ฟัง VOA News แบบธรรมดา http://www.voanews.com/ ค่ะ อ้อ ถึงมี transcript แต่ให้ฟังแบบไม่มี transcript ก่อนนะคะ แล้วค่อยดู transcript ว่าเราฟังพลาดตรงไหน ที่ฟังออกนั้น ฟังถูกต้องรึเปล่า จากคุณ : Flowery - [ 14 ส.ค. 51 23:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ ขอจิกไปฝึกด้วยคนครับ ^^ จากคุณ : กอล์ฟ (golfnumeric) - [ 14 ส.ค. 51 23:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เวลาฝึกอย่าใช้หูฟังเด็ดขาดให้ฟังจากวิทยุธรรมดาหรือเปิดแบบปกติ ้สิ่งสำคัญคือตั้งสติดีๆ ข้อไหนหลุดไปแล้วต้องปล่อยอย่าพะวง อ่านโจทย์คร่าวๆ ก่อนฟังเพราะปกติเขาจะเว้นช่วงเวลาในแต่ละส่วนให้เราตั้งตัวอยู่แล้ว จากคุณ : โชคดีหล่ะ - [ 14 ส.ค. 51 23:57:15 A:90.224.228.26 X: TicketID:159141 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนที่ฟังไม่รู้เรื่อง ลืมคิดไปว่า ที่ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นเพราะตัวเองออกเสียงผิดมาตั้งแต่แรก จึงทำให้เวลาฟังคนอื่นพูด ไปคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงบางอย่างที่ตัวเองออกเสียง แต่ฝรั่งเจ้าของภาษาเขาไม่ออกเสียงอย่างนั้น ก็เลยฟังแล้วสับสน วิธีแก้ก็คือ หาครูที่รู้วิธีสอนการออกเสียงที่ถูกต้อง มาสอนให้ เรื่องมันก็จะง่ายเข้า แต่ถ้าหาไม่ได้เพราะค่าใช้จ่ายสูง ก็คงต้องออกแรงหน่อย ด้วยการใช้ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตอย่างที่คุณ Flowery แปะไว้ให้นั่นแหละ จากคุณ : agelesstansy - [ 15 ส.ค. 51 04:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ โอ๊ว นี่แหละ ปัญหาของผมเลย ผมเพิ่งรู้ว่า Volume มันอ่านว่า วอลยุ่ม ไอ้ผมก็อ่านว่าวอลลุ่มมาตั้งนาน มีอีกหลายคำเลยแหละที่ผมออกเสียงผิด -*- จากคุณ : กอล์ฟ (golfnumeric) - [ 15 ส.ค. 51 06:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนทุกประการครับ แต่อยากเสริมว่าแม้ว่าจะฟังออกแต่ถ้า notetaking skill ไม่ดี ก็จะทำคะแนนได้ไม่ดี ผมเคยเขียนไว้ในบทความนึงว่าส่วน listening ต้องจดโน้ตให้เป็น จดตามลำดับ อย่าข้ามไปข้ามมา ไม่นั้นจะงงตอนตอบคำถาม หนึ่งหน้ากระดาษควรมีแค่ 2 เรื่องที่ฟังเท่านั้น จดให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แน่นอนระหว่างจดเค้าก็พูดไป ดังนั้นต้องใช้ตัวย่อให้เป็น ถ้าศัพท์คำไหน (ศัพท์เฉพาะ) ฟังไม่ออก สะกดไม่ได้ ให้จดเสียงที่ได้ิยินเป็นภาษาไทย หวังว่าคงช่วยได้บ้างครับ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 15 ส.ค. 51 08:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^.^ หนูก็ติดตรงนี้เหมือนกัน จากคุณ : ผักผลไม้รวม - [ 15 ส.ค. 51 12:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนเราหัดพูดอังกฤษใหม่ๆ เราพูดคำว่า casino ให้ฝรั่งฟัง พี่แก Pardon? ตั้ง 3-4 รอบแน่ะ เพราะเราลง stress ไม่ถูก เราเล่นพูดลากยาวเป็น "คาสิโน" พอฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง หลายๆรอบเข้า  ไอ้เราก้อชักจะเวียนหัวเหมือนกัน ก้อเลยต้องใช้ไหวพริบหน่อย เราก็เลยบอกเขาว่า "You know, it's the place where you go to play roulette."  เขาก็เลยร้องดังๆออกมาว่า "Oh, you mean เคอะซีโน."  ....โอ้เวงกรรม...แท้ๆ...!!!  มันเป็น "เคอะ" สั้นๆนิดเดียว ตรงพยางค์หน้านี้เอง (แต่เราลากเสียยาวเป็น "คาาาาาา" เลย)  มิน่าล่ะ เขาถึงฟังเราไม่รู้เรื่อง แล้วถ้าเขาพูดแบบของเขา แล้วพูดเร็วๆ เราจะไปฟังเขารู้เรื่องหรือเนี่ย?   เราว่าไอ้ข้อสอบพวกเนี้ย ถ้ามันออกข้อสอบทีเดียว เป็นหลายๆสำเนียง ให้ทำสอบละ คงปวดกบาลดีพิลึกเลยอ้ะ เช่น tube คนอังกฤษอ่าน "ทยูบ" แต่คนอเมริกันมักจะอ่าน "ทูบ" ตรงๆเลย โดยไม่มีเสียง "ย" คั่น แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 21:01:32 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 13:03:47 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 13:02:58 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 12:58:45 จากคุณ : agelesstansy - [ 15 ส.ค. 51 12:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อคำแนะนำคุณเมื่อลมแรงฯ ในคคห 6 น่าสนแฮะ ...เราไม่เคยรู้เรื่องนี้เพราะไม่เคยสอบ TOEFL แต่ตอนเราสอบ CPE (Certificate of Proficiency in English) ของ Cambridge พอถึง listening comprehension กติกาเขามียังงี้  เขาบังคับว่า  ห้ามพลิกดูคำถาม (มันวางคว่ำหน้าอยู่) และห้ามจับปากกา จนกว่าจะฟังละครจนจบเรื่อง... "เฮ้ยมีงี้ด้วย...????!!!!" (เราไม่รู้ว่าจะเจอแบบนี้เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน...)   เราเลยต้องกัดฟันฟังบทสนทนาในละครที่ค่อนข้างยาว...มีเสียงผู้หญิงผู้ชายคุยกันใน pub แถมยังมี เสียงแก้ว เสียงอะไรต่อมิอะไร อยู่ใน background อีกด้วย ...ฟังๆไปใจระทึกไปว่า "นี่ตูจะจำได้หมดไหม...หว่า?!..." ไอ้จำหมดน่ะมันคงเป็นไปได้ยากมากๆ ก็เลยพยายามที่จะจำเฉพาะใจความสำคัญๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าตรงไหนมันสำคัญ...555+++...ผลก็คือ ไอ้ตรงที่เราจำได้น่ะ ข้อสอบมันไม่ถาม แต่มันทลึ่งถามไอ้ตรงที่เราจำไม่ได้ ...บ้าชมัดเลยว่ะ...!!!... ใครกันหนอที่คิดข้อสอบแบบนี้ขึ้นมา...อยากเอาอะไรทุบหัวแมร่งเสียจริงๆ...แต่เราก็อุตส่าห์สอบผ่านมาได้นะ...555+++... เราก็เลยคิดว่า โหถ้า TOEFL เขายอมให้จับปากกาแล้วจดตอนฟังไปได้ด้วยนะ มันก็ไม่น่าจะยากสาหัสอะไรนักหนาเลย ...ใช่เลย ถ้าจดเป็น speed writing (คือย่อสั้นๆ) ให้ได้ จนชำนาญนะ แถมยังจดเป็นภาษาไทยกรณีสะกดไม่ถูกอีกด้วย (โหเป็นคำแนะนำที่ดีสุดยอดเลยหละ) ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียวหละ ...หยั่งงี้ก้อหมูดิ...งั้นเด๋วเราจะลองไปสอบ TOFEL ดูเล่นๆบ้างนะ....ว่างมากเหลือเกิน...555+++... แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 13:33:38 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 13:30:25 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 13:24:41 จากคุณ : agelesstansy - [ 15 ส.ค. 51 13:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่เคยสอบโทเฟิลแฮะ แวะมาเก็บความรู้ค่ะ อ่านมาถึง คห 9 เรื่องสำเนียง ปกติเราเป็นคนที่ listening ดี โดยเฉพาะสำเนียงอเมริกัน แต่สำเนียงอังกฤษนี่ พอกันที ลาตายดีกว่า(นี่ยังไม่ได้พูดถึงสำเนียงอื่นที่แปลกๆ) เคยทำข้อสอบโทอิค listening ได้คะแนนเต็ม 495 แต่ข้อที่เป็นสำเนียงอังกฤษทำไม่ได้เลยซักข้อ ทั้งที่ข้ออื่นเราฟังออกหมด ก็เอาคำที่ฟังออกบ้างมาจิ้น แล้วมั่วเอา 555 จากคุณ : โคอาล่าบ้องแบ๊ว - [ 15 ส.ค. 51 20:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีของเราคือ เราดู series ฝรั่งค่ะ เพื่อปรับสมอง ปรับหูให้ชินค่ะ ดูไปเรื่อยๆ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างค่ะ ทำใจให้สบาย (ปิด subtitle ด้วยนะคะ) หาเรื่องที่สนใจ หรือชอบๆ ดูเลยค่ะ Heroes, Grey's Anatomy, Desperate Housewives, etc. พอหูเริ่มชินๆ แล้ว ลองกลับไปทำข้อสอบ part listening ก็จะพบว่าฟังบทสนทนากับ lecture ได้มาขึ้นค่ะ เพราะใน series เค้าจะพูดเร็วกว่า และไม่เป็น academic แบบในข้อสอบค่ะ ปล. อ้อ แล้วก็ขอขอบคุณ คุณเมื่อลมแรงฯ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ เพราะเมื่อเดือน มิ.ย. เราสอบ toefl เราก็บังเิอิญ search เจอบทความที่คุณเมื่อลมแรงฯ เขียนไว้เกี่ยวกับ Toefl และ note-taking ถือเป็นวิทยาทานและเป็นประโยชน์มากๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ^ ^ จากคุณ : Jan_si - [ 17 ส.ค. 51 09:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เทคนิคคือ ฝึกๆๆๆๆๆ เท่านั้น 1. ฝึก innotation และ pronunciation ของตัวเองเสียก่อน 2. ต้องยอมรับว่าทักษะการฟังเป็นทักษะที่ยากสำหรับคนไทยโดยมาก เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้มากเท่ากับทักษะอื่นๆ 3. ยอมรับว่า เราอาจจะฟังได้ไม่รู้เรื่องทุกสิ่งที่เขาพูด 4. ฟังอย่างผ่อนคลาย 5. ห้ามแปล 6. ถ้าไม่เข้าใจทั้งหมดอย่ากังวล ฟังต่อไป 7. หาสื่ออย่างที่ คห. ข้างบนบอก ฟังวันละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย ให้ได้ทุกวัน จากคุณ : konku (konku) - [ 27 ส.ค. 51 23:32:34 ]