ความคิดเห็นที่ 1 ได้ค่ะ ถ้ามีความตั้งใจจริง สู้ๆนะคะ จากคุณ : nardal - [ 15 ส.ค. 51 02:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตัดประเด็นเรื่องเรียนได้ไม่ได้ไปก่อน  ผมคิดว่าไหนๆคุณก็เข้ามาทันตะแล้ว และจริงๆมันก็เป็นอาชีพได้จริงๆแหละถ้าคุณอดทนเรียนให้จบได้  มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าได้นะครับ  คุณเข้ามาได้ ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง  ทนเรียนไปหน่อยให้จบสอบได้ใบประกอบโรค ตอนนั้นคุณจะเปลี่ยนไปเรียนอย่างอื่นก็ยังไม่สายหนิครับ (หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ไปลงเรียนมนุษย์ศาสตร์ที่รามควบกับทันตะก็ได้  ถ้าคุณขยันพอ) ตอนนี้คุณไม่ชอบทันตะ เพราะยังแค่ปีหนึ่งปีสอง ที่มันต้องเรียนวิชาพื้นฐานที่อาจจะไม่ใช่ทำฟันโดยตรง คุณอาจจะไม่ชอบพวกวิชาพวกนี้ก็ได้  ถ้าไปเรียนทำฟันจริงๆอาจจะชอบ เหตุผลอีกอันของผมคือ จากที่คุณเขียน "แต่เราก็คิดว่า แม้ว่าเราจะไม่เก่ง แต่ถ้าเรามีความตั้งใจ ขยัน และพยายาม เราจะต้องเก่งได้" อย่างนี้ก็น่าจะเป็นได้ว่าคุณก็สามารถเรียนทันตะจนจบได้เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ถนัดหรือไม่ชอบ... เหตุผลสุดท้ายคุณเขียนว่า ตอนสอบadmission เราทำโจทย์เลข ฟิสิกส์ เคมี อย่างเดียว เพราะเป็นวิชาที่ไม่ถนัดเอามากๆ"   ผมว่ามันฟังขัดๆอยู่กับความ "ใฝ่ฝัน" ที่จะเรียนคณะอักษร เพราะโดยปรกติ (ดูจากตัวเองและเพื่อนๆที่เรียนอักษร)  ถ้าชอบและใฝ่ฝันจริง มันจะเรียน จะโหยแต่ภาษา (รวมถึงวิชาเช่น สังคม ประวัติศาสตร์)  มาตั้งแต่มัธยมแล้ว  ไม่ใช่มีแค่ความใฝ่ฝันอย่างเดียวครับ  ถึงแม้ทางบ้านจะไม่สนับสนุน คุณจะรักเรียนภาษาเองเลย ทำคะแนนได้ท้อปอังกฤษ สังคม ไทย ทั้งๆที่อยู่แผนวิทย์... เพราะฉะนั้นอดทนเรียนทันตะให้มันจบก่อนดีกว่า คุณก้าวมายาวแล้วและเป็นโอกาสที่ไม่น่าทิ้ง... จำไว้ว่า the grass is always greener at the other side of the fence หรือ สนามหญ้าบ้านคนอื่นดูดีกว่าสนามหญ้าบ้านเราเสมอ  (เพราะเรามักจะไม่พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่...) แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 03:13:40 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 15 ส.ค. 51 03:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แม่ขอร้องให้เราเรียนสายวิทย์ค่ะ และขอร้องให้เราเรียนในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพนี้ ในระดับมัธยมปลาย เราจึงตัดสินใจทิ้งภาษา และความใฝ่ฝันของเราไป เราไม่สามารถที่จะเก่งได้ทุกด้าน สำหรับเราแล้ว จะเก่งอะไร จำเป็นต้องอ่าน ทบทวน ฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทย์ คณิต ภาษา หรืออะไรก็ตาม แต่โดยเฉพาะเกี่ยวกับด้านคำนวณ เราอ่อนมากๆ ถ้าเราไม่ทำโจทย์เยอะๆ เราไม่สามารถเข้าคณะที่พ่อแม่ต้องการได้แน่(จริงๆพ่อแม่อยากให้เป็นหมอด้วยซ้ำ แต่เราก็ทำได้แค่เข้าทันตะ) จากที่เราเคยได้คะแนนดีๆในวิชาภาษาอังกฤษ(เกือบ90) กลายเป็นลดลงเรื่อยๆทุกปี จากที่เราเคยได้ท๊อปวิชาภาษาไทย กลายเป็นว่าตกมีนห้องด้วยซ้ำ จากที่เราเคยได้เกือบเต็มในวิชาสังคม  กลายเป็นว่าเกือบไม่ได้เกรด4 ส่วนคณิตกับวิทย์ จากเกรด 2 ในเทอมแรก เราแค่ทำได้ในระดับเกรด 3.5 หรือ 4 แบบเฉียดๆ แล้วเราก็จบม.หกมาด้วยเกรดที่ไม่ดีนัก percentile ที่50 ของโรงเรียน ตอนแรกที่เลือกทันตะ เราคิดว่า เราเรียนได้ และน่าจะชอบได้ แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เราทรมานมาก ที่ต้องเจอกับวิชาชีวะเยอะๆ (อันเป็นพื้นฐานของการเรียนgross anatomy ต่อไป) ยิ่งฟังรุ่นพี่บอกถึงเมื่อเรียนในระดับปี4-6 ที่ต้องขึ้นคลินิก เราจะผ่านไปเรียนชั้นต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนไข้ จะมาหรือไม่มา  ต้องฉีดยาชาที่เหงือกให้กันเอง   เรากลัวเข็มมาตั้งแต่เด็กแล้ว แค่คิดก็สยอง ไม่เคยคิดอยากทำอาชีพด้านนี้เลย ทุกวันนี้เรียนแบบไม่มีแรงบันดาลใจเลย ไม่มีอะไรทำให้รู้สึกว่าอยากจะขยัน อยากจะต่อสู้เลย  ไม่มีความสุขในชีวิต แม้แต่วินาทีเดียว ทุกวันนี้เราเสียใจมาก ที่ตัดสินใจละทิ้งความฝัน ละทิ้งภาษาไป  ถ้าเราดื้อเรียนสายศิลป์ตั้งแต่ตอนนั้น อะไรๆในตอนนี้ อาจจะทำให้เรามีความสุขในชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่ ตอนนี้เราก็ยังตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ  ว่าจะทำยังไงต่อไป ได้แต่หวังว่า เราเรียนไปอีกซักเทอมนึง จะมีความสุขกับการเรียนคณะนี้มากขึ้น  หรืออย่างน้อย ถ้าเราเกิดชอบอะไรซักอย่างในคณะนี้ขึ้นมา ก็คงดี จากคุณ : ~\MINKU/~ - [ 15 ส.ค. 51 04:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ได้สิคะ อักษรศาสตร์ ไม่ได้เน้นภาษาอังกฤษภาษาเดียวนี่คะ ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษก็มีภาษาอื่นๆอีก สาขาย่อยอื่นก็มีอีกค่ะ เช่น สารสนเทศศาสตร์  การละคร  ปรัชญา จากคุณ : noolek_cergy - [ 15 ส.ค. 51 04:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาเพิ่มเติม พอจะเข้าใจที่คุณพูดมา  แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ต้องพยายามทั้งนั้น ทั้งทันตะและอักษร  ในเมื่อคุณเข้าในทันตะได้ก็ควรพยายามเรียนให้จบก่อนไม่ดีหรือครับ   อย่าลืมว่ากระทู้ที่คุณได้แรงบันดาลใจมา winners never quit, quitters never win นั้นเจ้าของกระทู้ never quit ในเชิงที่ว่าเค้าเรียนสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเค้าไปก่อนจนจบและค่อยไปเรียนสิ่งที่เค้าอยากเรียนต่อไป  ดังนั้นเค้าไม่ละทิ้ง ทั้งสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และสิ่งที่เค้าฝัน ในกรณีของคุณ คุณก็ไม่ควรทิ้งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไป...เพราะยังไงมันก็ไม่สายถ้าคุณจะไปเรียนอักษรเพิ่มเติม...  คุณเก่งขนาดไหนแล้วที่เข้าทันตะได้  หลายๆคนพยายามแทบตายยังไม่ได้  น่าอิจฉาจะตาย ในกรณีของผม  ผมก็ชอบอักษรมาตั้งแต่มัธยม แต่มีข้อขัดข้องทางครอบครัวเช่นคุณ​เลยต้องไปเรียนคณะอื่น  แต่ในขณะที่เรียนคณะนั้น ผมก็เรียนอักษร"ควบ"ไปด้วย คือไปลงเรียนวิชาของคณะอักษร  ในขณะเดียวกันที่คณะปรกติก็ไม่ทิ้ง  หลังจากเรียนจบ ผมก็มาเบนเข็มมาเรียนด้านอักษรจนจบถึงปริญญาชั้นสูงๆ  ยังนึกดีใจเสียอีกที่เรียนมาหลายๆอย่างจนจบได้ คุณเองก็อาจจะเป็นหมอฟันที่มีดีกรีอื่นๆพ่วงด้วยในอนาคตก็เป็นได้....ดีซะอีก you have the best of both worlds (sciences and humanities) จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 15 ส.ค. 51 05:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเรียนมาได้แค่หนึ่งปี และคิดเผื่อถึงสุขจิตของจขกท.   ก็น่าจะเลือกทางเดินใหม่   ไม่มีอะไรเกินพยายาม จากคุณ : akebi1 - [ 15 ส.ค. 51 05:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นั่นก็เป็นทางหนึ่งที่เราคิดจะทำเหมือนกันค่ะ (คือการที่เรียนให้จบทันตแพทยศาสตร์ก่อน แล้วค่อยไปเรียนต่อด้านอักษรทีหลัง) การเรียนคณะทันตะนั้น เป็นไปได้ยากมากที่จะลงเรียนรายวิชาของคณะอื่นควบไปด้วยได้ค่ะ เนื่องจากยิ่งปีสูงๆขึ้นไป จะยิ่งตารางเรียนแน่นมาก สอบก็ถี่ เรียนหนักด้วยค่ะ จะลงได้แค่ปีหนึ่งเท่านั้น สำหรับวิชาเลือก เราคิดว่าเราจะลงปรัชญาจีนค่ะ เพราะว่าถ้าลงเรียนภาษาไป ก็คงเรียนได้แค่ระดับbeginner เท่านั้น ไม่สามารถลงเรียนต่อได้ค่ะ นอกจากว่าไปลงเรียนภาษาตามสถาบันที่เปิดสอนนอกมหาลัย แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลา กับการเรียนที่หนักนั่นแหละค่ะ แต่ที่เรามาคิดว่าอยากซิ่วไปเรียนอักษรนั้น เพราะเรารู้สึกไม่มีความสุขเลยกับสิ่งที่เรียนอยู่  ซึ่งต่างจากตอนม.ปลายค่ะ ตอนนั้นเราสนุกไปกับการเรียนทุกๆวิชา มีความสุขมากกว่าปัจจุบันมากค่ะ  เพราะมหาลัยเริ่มลงลึกในรายละเอียดที่ยิบย่อย และมากขึ้นกว่าเดิมมาก ถ้าไม่ชอบหรือเก่งพอ คงแย่กันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เราก็ยังเสียดายวิชาชีพทันตะนี้อยู่เหมือนกันค่ะ  เพราะถ้าเราเรียนจนจบได้  เราก็จะสามารถหารายได้เลี้ยงตัวเอง และครอบครัว โดยที่ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ และสามารถหาเงินไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างสบายๆเลย จากคุณ : ~\MINKU/~ - [ 15 ส.ค. 51 05:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คะแนนก็ไม่ใช่จะน้อยสักหน่อยนี่ครับ เก่งแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ อักษรอาจจะไม่ได้นะครับเพราะคะแนนสูงเวอร์ ลองเปลี่ยนเป็นมนุษศาสตร์ดีกว่ามั้ยครับ จากคุณ : กอล์ฟ (golfnumeric) - [ 15 ส.ค. 51 06:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท  เรียน ทันตะ มช. หรอครับ  ตอนแรกนึกว่า น้องผมที่ชื่อเม มาแอบโพสไว้ซะอีก  เลยขอไปแอบอ่านในblog ก่อน ไม่ว่ากันนะครับ ผมว่า ENG น้องก็ไม่ได้แย่อะไร นะครับ การเรียนพวกทันตะนี้ หลังๆ ใช้หนังสือ TEXT ล้วนๆ ผมว่าเป็นการฝึกภาษาไปในตัวด้วย ภาษานี้สามารถเรียนจากข้างนอกได้  แต่ วิชาชีพไม่สามารถเรียนได้นะ ก็อย่างที่ คห. บนๆ บอก ว่าน้องสามารถเป็นหมอฟันที่มีดีกรีพ่วงอย่างอื่นได้นะครับ ^^ ผมว่าถ้าน้องไปเรียนด้านอื่น น้องอาจจะมาเสียดายทีหลัง ก็ได้ นะ แต่ถ้าน้องไม่ชอบจริงๆ  คิดว่าชีวิตนี้ไม่ชอบวิชาชีพนี้แน่ๆ ก็ย้ายไปเถอะ ครับ  เพิ่งปี 1 เอง  ยังไม่สายเกินไปหรอก ผมไม่แน่ใจว่า อักษรCU (น้องน่าอยากจะเข้าอักษร CU นะเห็นว่า อยากมีแฟนเป็นเด็กวิดวะ ^^)  เดี๋ยวนี้ ต้องบังคับเรียนภาษาที่ 3 อย่างน้อย 1 ภาษาหรือป่าวนะ ถ้าอยากไป work and travel ก็ควรไปตั้งแต่ปี 1 นะ หลังจะไม่มีเวลาว่างไปนะครับ จากคุณ : mr.wisdom - [ 15 ส.ค. 51 07:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นักศึกษาของผมบางคน เรียนอักษรฯ ภาษาอังกฤษไม่เอาไหนเลย แต่แปล text ภาษาญี่ปุ่นได้เป็นเล่ม ๆ รับจ๊อบแปลงานจากสำนักพิมพ์ตั้งแต่สมัยมัธยม เรียนภาษากับผม แทนที่จะบันทึกเป็นภาษาที่ผมสอน เขากลับบันทึกเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมว่าคุณเรียนได้ครับ จากคุณ : ยอดหญ้าถลาลม - [ 15 ส.ค. 51 09:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อยากเรียนก็ลองสอบดูเลย ถ้าสอบได้ก็เรียนได้แน่นอนอยู่แล้ว ยังไงก็ตาม ลองคิดเปรียบเทียบถึงอนาคตข้างหน้าด้วย ลองลิสต์ดู ข้อดี-ข้อเสีย สำหรับพี่ - อาชีพทันตแพทย์เป็นหนึ่งในอาชีพที่ไม่จรรโลงใจที่สุด วัน ๆ มีแต่คนมาอ้าปากให้ดูฟันผุ ปากเหม็น แต่ข้อดีก็คือ เป็นอาชีพที่เงินดีมาก และสามารถทำงานได้ทั่วโลก ยิ่งสำหรับคนที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับคนยากจน ส่วนอักษร - เรียนสนุกก็จริง แต่อาจมีการแข่งขันเรื่องการหางานสูง โดยเฉพาะไปอยู่ต่างประเทศด้วยแล้ว หางานยากอีกต่างหาก จากคุณ : ... - [ 15 ส.ค. 51 09:38:08 A:58.8.7.100 X: TicketID:098315 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรารู้จักทันตแพทย์หญิงคนหนึ่งที่ทำงานในคลินิกที่พัทยา เธออยากเรียนภาษาอังกฤษก็เลยจ้างครูชาวอเมริกันมาสอนให้ ตัวต่อตัว แล้วพอทำงานก็พูดกับคนไข้ต่างชาติบ่อยๆตอนนี้ เธอพูดได้คล่องแล้ว และกำลังหัดอ่าน หัดเขียนภาษาอังกฤษอยู่ แล้วเกิดนึกอยากเรียนภาษาเยอรมัน ก็จ้างครูชาวเยอรมันมาสอนให้ ตัวต่อตัวอีก ซึ่งเราคิดว่าเธอกำลังทำได้ดีมากๆเลยหละ แล้วเธอก็จะเก่งทั้งอังกฤษและเยอรมันได้ในที่สุด เนื่องจากว่า "เงินถึง เรียนอะไรก็เรียนได้หมด ไม่ต้องดิ้นรน" และเรารู้จักแพทย์หญิงคนหนึ่ง เธอไปอยู่อังกฤษตั้งแต่ 10 ขวบต้นๆ จบแพทย์มาจากอังกฤษ แล้วเปิดคลินิกในย่านนักท่องเที่ยวใจกลางกรุงเทพฯ มีคนไข้ทุกชาติทุกภาษา แต่สถิติคนไข้ชาวจีนมีมากที่สุด เธอจึงอยากเรียนภาษาจีนแล้วจ้างครูชาวจีน มาสอนตัวต่อตัว เรียนไปเรียนมา ก็ท้อใจ เลิกเรียน แล้วเรียนใหม่ ซ้ำๆกัน ถึง 3-4 รอบ   เราไปหาเธอนานมาแล้ว เคยได้ยินเธอพูดบ่นๆว่า ขออีกที ขออีกที คราวนี้ฉันต้องเรียนภาษาจีนให้ได้จริงๆสักที ให้ตายสิ!...แล้วอีก 4-5 ปี พอเรากลับไปเยี่ยมเธออีกรอบหนึ่ง  เธอยื่นหนังสือเล่มโตๆให้เราดู เรางงว่ะ...??? มันคือ dictionary จีนเป็นอังกฤษ ที่เธอทำขึ้นมาไว้ใช้เอง ตอนเรียนๆแล้วจดศัพท์ไปน่ะ... นอกจากนั้นนะ  เธอยังมีตำราการวินิจฉัยโรคแบบแพทย์จีนแผนโบราณวางอยู่บนโต๊ะเธออีก (เป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มเดียวกับที่เราอ่านเลย) แล้วเธอพูดกับเราว่า “ฉันฟังเธอคุยเรื่อง alternative medicine กับวรยุทธ์จีน แล้วฉันก็เลย พอเรียนภาษาจีนแตกฉาน ฉันจึงเรียนการแพทย์ของจีน แล้วก็เรียนวรยุทธ์จีนอีกด้วย ตอนนี้ฉันรำมวยไท่จี๋ได้แล้วนะคุณ ...555+++..” เราฟังแล้วดูท่าทางที่ปลาบปลื้มของเธอแล้วนะ เราตากลอกเลยว่ะ แล้วคิดว่า “ว๊าว ไม่ธรรมดาเลยนะ....คุณหมอคนนี้น่ะ !!!” ดังนั้น เราจึงคิดว่า จขกท น่าจะเอาอย่างทันตแพทย์หญิงกับแพทย์หญิงสองคนนี้นะ อาชีพหมอฟันทำเงินได้เยอะมากๆ คุณเอาเงินไปเรียนภาษา อยากจะเรียนภาษาอะไร ก็ได้สบายๆเลย   แต่ในทางกลับกัน ถ้า จขกท ทิ้งการเรียนทันตะไปกลางคัน แล้วไปเริ่มเรียนภาษาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตามเถอะ ตอนจบมาใหม่ๆ ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะทางด้านภาษาจริงๆนะ กว่าจะมีรายได้เท่าหมอฟันน่ะ ต้องดิ้นรนต่อสู้ไปอีกหลายปีเลยทีเดียวหละ กว่าจะเชี่ยวชาญด้านภาษามากๆนะ ซึ่งถ้าคุณดิ้นรนต่อสู้เรียนทันตะให้จบไปตอนนี้ ชีวิตจะง่ายกว่าหลายเท่าเลย แล้วก็จะเป็นอย่างทันตแพทย์หญิงหรือแพทย์หญิง 2 คนที่เรารู้จัก...จะเข้าท่ากว่า...นั่นก็คือว่า ได้เงินจากการรักษาคนไข้ เอาไปเรียนภาษาอะไรก็ได้สบายๆหายห่วงเลยหละ...!!!!! แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 20:56:27 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 11:45:57 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 51 11:42:18 จากคุณ : agelesstansy - [ 15 ส.ค. 51 11:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าคุณเรียนให้จบ ทันตะแล้วค่อยมาเรียน ภาษาที่หลัง เอาแบบผมก็ได้ครับ  ถ้าจะเอาแบบผมนะ  เพราะว่าผมเข้าเรียนปี 2546 โดยการเทียบโอน ป.ตรี ใบแรก สาขา การตลาด   ม. เอกชนแห่งหนึ่ง ที่ มหาวิทยาลัย แห่งหนึ่ง แถวฝั่ง ธนบุรี  ผมไม่ได้เข้าเรียน ตั้งแต่ ปลายปี 2548   แค่ ลงทะเบียนไว้ เฉยๆ ผม ลงแค่ 2-3 ตัว เองแล้วก็ไปสอบ แต่ไม่ค่อยผ่านวิชา เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือ และ ไม่มีเวลาไปเรียนเลย  ครับ แล้วก็ไกล บ้านเป็นอย่างมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : okb - [ 15 ส.ค. 51 13:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คำตอบที่เราจะตอบต่อไปนี้.....อ้างอิงเฉพาะความเห็นส่วนตัว+ประสบการณ์ตัวเองตอนเรียน ที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เท่านั้นนะจ้ะ อักษรศาสตร์...... ถ้าไม่ได้คิดจะเอกอังกฤษ ภาษาอังกฤษก็ไม่ต้องดีเลิศ แต่ต้องดีใน"อีกระดับหนึ่ง" ที่มากกว่าเด็กคณะอื่นทั่วๆไป (นิดนึ่งก็ยังดี) ตอนปี 1 อักษรศาสตร์จะเป็นคณะเดียว(มั้งคะ...น่าจะใช่แหละ) ที่ไม่ต้องเรียน FE หรือภาษาอังกฤษพื้นฐาน เหมือนคณะอื่นๆ แต่.......... เราเรียน Eng I  ที่แอบยากกว่านิดนึง (ความจริง ...... ตัวเองรู้สึกว่ายากกว่ามาก Y_Y เทียบกะเวลาที่เพื่อนวิดวะ มันเอา FE  มาให้ช่วยทำ) และ....... ต้องพึงระลึกเสมอว่า ถ้าเรียนอักษรศาสตร์ ตอนปี 1 มันยังไม่ได้แยกเอกชัดเจน (แม้ว่าบางวิชาเอกต้องเริ่มเรียนวิชาพื้นฐานบ้างแล้ว) เรายังคงต้องเรียนรวมกะเพื่อนๆ ที่มันคิดกันว่าจะเอกอังกฤษด้วย ........ เอ่อ....... ต้องรับแรงกดดันน่ะคะ เพราะเวลาเรียนกะเพื่อนๆ(ว่าที่เอกอังกฤษ) เนี่ย ส่วนใหญ่เก่งอังกฤษกันระดับเทพกันค่ะ (เรื่องจริง) มองมุมนึงมันก็ดีกับเราที่ว่าตอนที่เราเรียน เราเรียนกับคนเก่งๆ มันทำให้เรามีแรงพัฒนาตัวเอง แต่ก็ต้องระวังและพึงระลึกอยู่เสมอว่า อย่าให้มี Moment ที่ว่า ทำไมเราโง่ อย่างนี้(วะ) เข้ามาทำลายกำลังใจได้ ที่คณะนี้ เหนือฟ้ายังมีฟ้าค่ะ......และมีเสมอ.... พอขึ้นปี2แล้ว เข้าเอกอื่นแล้ว ก็ดีขึ้นมากค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีเรียนอังกฤษอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เยอะแล้ว.... แต่จะว่าไป เด็กส่วนใหญ่ในคณะอักษรศาสตร์ ถึงไม่เอกอังกฤษ ก็โทอังกฤษ.... แต่...(มีแต่อีกแล้ว)... ถ้าคิดจะเรียนภาษาตะวันตก  ขอแนะนำว่าควรมีพื้นฐานอังกฤษ"ค่อนข้างดี"ค่ะ มันเกี่ยวกันจริงๆ มันเป็น"พื้นความรู้ทางภาษาตะวันตก" ซึ่งส่วนตัวแล้ว มันโคะ-ตะ-ระ  related กัน เราเอง....เราประเมินตัวเองว่า ภาษาอังกฤษเข้าขั้นใช้ได้เลย (คิดเอาเองจากคะแนนเอ็นท์ ณ. ตอนนั้น)...ถึงแม้จะมาเสีย self บ้าง(-ปานกลาง)ตอนเรียน class อังกฤษกับเพื่อนเอกอังกฤษ  แต่เราต้องยอมรับว่าพื้นฐานอังกฤษมันช่วยเราเรียนภาษาสเปนได้มาก เมื่อเราเข้าเอกสเปนแล้วจริงๆ ยังไงๆ ลองเอาไปพิจารณาคู่กับความเห็นของคนอื่นๆนะคะ เพราะตามที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า เป็นความเห็นส่วนตั๊ว ส่วนตัวค่ะ..... ^ ^ เป็นกำลังใจให้ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนนะจ้ะ................ สู้ๆๆ ปล. เรียนภาษาอื่นๆ ที่แปลกใหม่ ไม่มีสอนตอนม.ปลาย  ไม่ต้องมีพื้นมาก็เรียนได้ค่ะ.......ไม่ต้องกลัว...เอาลูกขยันเข้าว่า... เราเองเรียนเอกภาษาสเปน ก็มาเริ่มเรียน  อา เบ เซ เด ใหม่ทั้งหมดตอนเรียนปี1ค่ะ.. จากคุณ : คุณนายแสนดี - [ 15 ส.ค. 51 15:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นใจน้องเจ้าของกระทู้ แต่เท่าที่อ่านดูก็ดีใจที่น้องมีความฝัน ถ้ามีความฝันมันก็ไม่แปลกที่เราจะหดหู่เวลาไม่ได้เดินตามฝัน ยังไงก็ดีกว่าคนไม่มีความฝันครับ ความว่างเปล่ามันทรมานจริงๆ จากคุณ : suman - [ 15 ส.ค. 51 16:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เสียดายแทน...แต่ถ้าดูจากรูปการณ์แล้ว ซิ่วก็ยังทันค่ะ สู้ๆนะ จากคุณ : โคอาล่าบ้องแบ๊ว - [ 15 ส.ค. 51 20:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าภาษามันเรียนข้างนอกได้ เรียนเมื่อไรก็ได้ พอจบมายี่สิบยี่สิบห้าปี เหลือเวลาอีกตั้งเท่าไรที่จะได้เรียนภาษา ผมว่าเอาวิชาชีพก่อนดีกว่า เชื่อผมเต๊อะ คุยกะน้องอีกคนตอนนี้ก็เห็นด้วยเหมือนกัน จากคุณ : ลมทะเลไม่เคยหลับ - [ 16 ส.ค. 51 11:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าเก่งก่อนเรียน จะไปเรียนทำไมละคร้าบบบบ อักษรศาสตร์มีหลายสาขานะครับ เยอรมัน จีน อิตาเลี่ยน blahblahblah ครับ แต่มันก็ต้องไฟท์ภาษาอังกฤษตอนเอนท์ เอานะคร้าบ จากคุณ : arata_arty - [ 16 ส.ค. 51 16:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อย่างหลายคนว่า ภาษาเรียนเอาเองเก่งที่หลังก็ได้ครับ เอาวิชาชีพก่อน ผมก็ไม่ได้จบภาษาครับ จบอย่างอื่น แต่เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง หากินด้วยภาษาอังกฤษมากกว่าใช้วิชาชีพที่เรียนมาดั้งเดิม แต่ผมก็ยังคิดว่า เรียนอย่างอื่นๆ มันได้ความรู้รอบด้าน ช่วยในการใช้ภาษาอังกฤษเสียอีก ดีกว่าเด็กอักษรศาสตร์ที่อ่าน text ด้าน technical ด้านวิทยาศาสตร์ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้เรียนเอกทางด้านนั้นครับ แต่พวกผมเด็กวิทย์อ่านรู้เรื่องครับ แต่ในทำนองเดียวกันก็ยังอ่านพวกโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนภาษาอังกฤษรู้เรื่อง The Best of Two Worlds จริงๆ หลายๆ ท่านที่ตอบในห้องสมุดนี้ ไม่ได้จบอักษรศาสตร์ แต่ภาษาก็ไม่ขี้เหร่เลยครับ จากคุณ : K.Senior - [ 16 ส.ค. 51 21:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คือมาตอบอีกนิดหน่ะครับว่า อย่างเช่นถ้าจบทันตะมาเงินเดือนขั้นต่ำก็น่าจะได้แล้วแสนไปแน่แน่ทั้งชีวิต จากนั้นก็หางานเกี่ยวกับหนังสือซึ่งสามารถทำได้ในเวลาหลังเลิกงาน ก็เหมือนกับได้ทำอะไรๆ ไปเรื่อยสบายๆ ไม่ต้องกังวลในการทำมาหาเลี้ยงชีวิต น่าจะสุขสบายกว่านะครับ จากคุณ : ลมทะเลไม่เคยหลับ - [ 17 ส.ค. 51 07:13:55 ]