ความคิดเห็นที่ 1 Yes, if you continue to read English news, I think your English will be better and better because practice makes perfect! พี่ไม่ได้เก่งหรือเป็นผู้รู้นะคะ แต่ใช้ภาษาอังกฤษบ่อย ใช้ทุกวัน ทุกทักษะ ดังนั้น ก็มีความชำนาญในแค่ระดับหนึ่ง เคยผ่านประสบการณ์แบบที่จขกท.เจอ เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกนะคะ 1 ใน ปัญหาของคนเรียนภาษา คือ เอาภาษาแม่เป็นตัวตั้ง แล้วสื่อออกมาเป็นภาษาที่ตัวเองเรียนอยู่น่ะค่ะ ดังนั้นขั้นนี้ต้องบอกว่าเป็นภาษาของนักเรียนเอง ซึ่งจะมีทั้ง error และ mistake แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ถูกนัก เพราะโครงสร้างบางอย่างมันเอื้อกัน ที่จขกท.เขียนมา  แกรมม่า ยังมีปัญหาอยู่บางส่วน What is my english skill improve? ^^^ มีทั้ง is ทั้ง improve เลือกใช้สักตัวดีไหมคะ แล้วทำไมถึงใช้ what เอ่ย Is it help me to improve english skill? ^^^ อันนี้ ก็เหมือนกันค่ะ  Will it help...? พี่คิดว่าทางแก้ คือ ต้องเรียนรู้กฎก่อนแล้วหมั่นฝึกฝน การเรียนภาษาต้องใช้เวลาและการฝึกฝนนะคะ อ้อ... skill บางอย่างต้องอาศัยครูด้วย เรียนเองไม่ได้ค่ะ เช่น การเขียนให้ถูกหลักแกรมม่า ที่สำคัญ คือ อย่ากลัวที่จะใช้ attitude สำคัญต่อการเรียนค่ะ สำหรับบางคน อาจจะเป็นอุปสรรคเลยก็ว่าได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 51 12:03:53 จากคุณ : My heart is in SF! - [ 18 ส.ค. 51 12:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเริ่มฝึกจากพื้นฐาน เรียนจากข่าวเลยมันจะน่าท้อใจนะ ขอบอก ศัพท์ภาษาข่าวจะหรูหราฟู่ฟ่ามาก อ่านไปจิ้มดิกกันมือระวิง แล้วมันก็ไม่ค่อยจะดึงดูดให้เราอยากจะอ่านเท่าไร (ข่าวภาษาไทยยังไม่อยากจะอ่านเลย) สำหรับมือใหม่ น่าจะเริ่มจากนวนิยายที่เราสนใจจะเหมาะกว่านะ การฝึกภาษาอังกฤษจากการอ่าน จะช่วยก็คงเป็นเรื่องคำศัพท์ และการใช้ประโยคนะ เวลาอ่าน เราก็พยายามจำรูปประโยค ประกอบกับสถานการณ์หรืออารมณ์ของตัวละคร จะเข้าใจในเรื่องแกรมม่าหรือ tense มากกว่าอ่านเอาจากหนังสือ (แต่บางคนชอบอ่านจากหนังสือมากกว่า) อ่านไปเรื่อยๆ จะเขียนประโยคได้โดยถูกหลักไวยกรณ์มากขึ้น และไม่เครียด (มากเกินไป) อ่านแรกๆ เจอภาษาปะกิดทั้งหน้า มาทีเป็นดุ้น อาจจะง่วง อยากเอาหนังสือมาหนุนนอนมากกว่าอ่าน แต่สักพักจะชินไปเอง (มั้ง) จากคุณ : ลิลิตพระลอ - [ 18 ส.ค. 51 12:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านข่าวจากพวก CNN BBC ฯลฯ เนี่ย ศัพท์ และ grammar จะค่อนข้างยาก -> ยากส์มาก หรือ advance แล้ว ถ้าเราไม่รู้ศัพท์หรือแกรมม่านั้นๆ อ่านไปก็แปลไม่ออกอยู่ดี เพราะแกรมม่าบางอันมันไม่มีใรระบบภาษาไทย ดังนั้นด้วยความที่เราไม่ใช่ เจ้าของภาษา ผมว่าควรศึกษาพวกแกรมม่ากับสะสมศัพท์ให้เยอะๆไว้ (ท่องเลย เอาให้จำได้) แล้วก็ค่อยไปอ่านข่าว จะเข้าใจยิ่งขึ้น จากคุณ : Snoopyz - [ 18 ส.ค. 51 13:37:26 A:202.176.106.165 X: TicketID:168835 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่ว่าเข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง นี่ แยกแยะได้มั้ยคะ ว่าที่เข้าใจเป็นเพราะอะไร และที่ไม่เข้าใจเป็นเพราะอะไร คือถ้าให้เทียบกับภาษาไทย เราอ่านออกทุกคำ แต่บางครั้งเนื้อหามันทำให้เราไม่รู้เรื่อง หรือเราอ่านไม่ออกเป็นบางคำ เราจึงไม่รู้ว่าคำ ๆ นั้น หมายความว่าอะไร แต่ทีนี้ในภาษาอังกฤษ มันมีแกรมม่า รูปประโยค สำนวนในการเขียนเข้ามาเพิ่มอีก ที่จะทำให้เราเข้าใจหรือไม่เข้าใจ รวมถึงความรู้ส่วน/รอบตัวที่ต้องมี เพื่อที่จะเข้าใจข่าว (แต่ส่วนใหญ่นักข่าวฝรั่งมักจะเขียนให้คนทั่วไปรู้เรื่องที่มาที่ไปอยู่แล้ว) ยกตัวอย่างจากตัวเอง สมัยเด็กไม่เคยสนใจจะอ่าน Wall Street Journal เลย เปิด ๆ ผ่าน ๆ เราก็ว่า โห มันยากจัง เรื่องเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจอะไร ขนาดภาษาไทยเรายังแบ๊ะ ๆ เลย พอช่วงหลัง มาเริ่มอ่านด้วยความสนใจของตัวเอง ก็พบว่า มันก็ไม่ได้ยาก "ขนาด" ที่เราเคยคิด ด้วยความสนใจ ตอนนี้กลายเป็นอ่านแล้วสนุก เพราะรู้สึกมันเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อเงินฝืด ฯลฯ ดีกว่าอ่านข่าวคนฆ่ากันตาย (สงสัยชอบ white-collar crimes มากกว่า อิอิ) แต่ก็แน่นอน ในตอนเริ่มแรก และแม้กระทั่งทุกวันนี้ เราก็ต้องมาตามค้นคว้าหาความหมาย ทฤษฏี ค็อนเซปท์ ลิงโก้ อะไรที่เราไม่เข้าใจอยู่นะ อยากจะฝากว่า ถ้าบางทีไม่เข้าใจอะไร ขอให้ค้นหาเพิ่มเติมต่อยอด คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า อ่าน ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ เดา ๆ รู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง มีบางอย่างเราควบคุมไม่ได้ แต่หลาย ๆ อย่างอยู่ที่ตัวเราค่ะ สู้ (โว้ย) ค่ะ จากคุณ : YMMV (Genuine XXX) - [ 18 ส.ค. 51 13:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Thank for comment,I will try it!. จากคุณ : 24 - [ 18 ส.ค. 51 14:19:17 A:58.8.209.23 X: TicketID:177688 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็เคยฝึกจากข่าวเลย มันยากมักมัก แต่ความท้าทายที่เรามี ความตั้งใจที่ไม่ท้อ ความอยากจะเก่งมันฝังลึก พอฝึกไปได้สักพัก ก็จะเริ่มเห็นความจริงลาง ๆ แล้วสุดท้ายก็ทำได้ Though it's hard, it's not too difficult to try. จากคุณ : บ้านบีซี - [ 18 ส.ค. 51 21:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยืนยันว่าถ้าคุณฝึกอ่านเยอะๆ ทักษะภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นแน่ๆ ค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วหนอนฯ ฝึกจากนิยายมากกว่าค่ะ คือไม่ชอบอ่านข่าวเท่าไร ตอนแรกๆ พยายามฝึกอ่านข่าวเหมือนกันแต่มันไม่ชอบจริงๆ และยากเกินไปเลยหันไปจับนิยายแทนซึ่งชอบอ่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลองหา Text ประเภทอื่นที่ตัวเองสนใจมาอ่านดูสลับกับข่าวบ้างก็ดีนะคะ อย่างพวกบทความในนิตยสารหรืออะไรเทือกนั้น สรุปคือหา Text ที่มีเนื้อหาที่คุณสนใจมาอ่านจะกระตุ้นเราได้มากกว่าอ่านอะไรที่ไม่ชอบค่ะ จากคุณ : หนอนหนังสือตัวเป้ง - [ 18 ส.ค. 51 22:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบความเห็นคุณ Snoopyz จากคุณ : นักเรียนไทย - [ 19 ส.ค. 51 09:14:33 A:124.120.229.19 X: TicketID:183760 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากความเห็นของคุณ Snoopyz.. เราว่านะ ไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไรค่ะ เพราะนอกจากเสียเวลาไปกับการท่องศัพท์ที่ไม่จบสิ้นแล้วทักษะด้านอื่นๆก็ไม่ได้ถูกพัฒนาเลย การจำคำศัพท์ไม่ใช่คำตอบของการเก่งในทักษะของReadingค่ะ และในหนังสือพิมพ์ ศัพท์แสงที่ใช้ก็ค่อนข้างที่จะเป็นคำที่พวกนักหนังสือพิมพ์บัญญัติกันมาอีก หรือที่พี่ไทยเราเรียกว่า ศัพท์แสลงนั่นล่ะค่ะ เอาเป็นว่าถ้าฝึกจากหนังสือพิมพ์ก็ฝึกที่ตรงจับหลักการของการอ่านจับใจความดีกว่า ดูว่าประโยคไหนหลัก และประโยคไหนรองหรือเป็นประโยคขยาย ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะไม่เสียเวลาไปกับการแปลคำศัพท์ทุกคำที่เราไม่รู้ค่ะ และประโยคบริบทอื่นๆยังสามารถขยายความศัพท์บางคำที่ถูกใช้ได้อีกด้วย ขอให้คุณ จขกท.ตั้งใจนะคะ ไม่ต้องเครียด จับทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ เช่น จดบันทึกการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ เมโมต่างๆ เช่นธุระต่างๆ หรืออะไรๆให้เป็นภาษาอังกฤษ ดูหนัง หรือแม้กระทั่งฟังเพลง(ควรเริ่มจากเพลงช้า) แต่ก็ควรเป็นเพลงที่ชอบ อะไรต่างๆพวกนี้ช่วยได้เยอะค่ะ และที่สำคัญ ฝึกจิตใต้สำนึกให้เป็นปกติกับภาษาอังกฤษ และไม่คิดว่ามันยาก มองแยกออกเป็นเรื่องๆ(แกรมม่า) ดูที่จุดประสงค์แล้วก็ใช้ตามนั้น มันจะค่อยๆซึมไปค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงในวันสุข - [ 19 ส.ค. 51 11:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณเด็กหญิงในวันสุขตอบได้ดีมากค่ะ เห็นด้วยๆ จากคุณ : หนอนหนังสือตัวเป้ง - [ 19 ส.ค. 51 12:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขออนุญาตออกความเห็นที่แตกต่างหน่อยนะครับเพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนภาษาอังกฤษจากการอ่านหนังสือพิมพ์หลังจากเรียนเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลเพราะเป็นคนไม่ชอบภาษาอังกฤษ  การอ่านหนังสือพิมพ์ในช่วงแรกๆนั้นไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจศัพย์ที่อ่านและไม่ต้องเปิดdictionary อ่านเพื่อให้คำต่างๆผ่านสมองเข้าไป เมื่อเราเห็นคำซ้ำๆกันในประโยคหลายๆรูปแบบการเข้าใจความหมายจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนเด็กที่พ่อแม่พูดคำออกมาบ่อยๆก็จะเข้าใจความหมายขึ้นมาเอง การเข้าใจความหมายตามธรรมชาติเช่นนี้จะเข้าใจลึกซึ้งกว่าและเข้าใจด้วยว่าโอกาสไหนที่เหมาะสมจะใช้คำนี้เพราะเข้าใจจากรูปประโยคที่ใช้จริง อีกทั้งรู้สำนวนต่างๆที่มักใช้ร่วมกับคำนี้ การเขียนภาษาอังกฤษที่ใช้ได้กับการเขียนภาษาอังกฤษที่สละสรวยต่างกันตรงที่การใช้คำที่เหมาะสมนี่ละครับ มีคำหลายคำที่ความหมายใกล้เคียงกันในภาษาอังกฤษซึ่งทำให้อ่านแล้วเข้าใจได้ แต่มีน้อยคำที่จะสื่อความหมายได้ตรงเผงอย่างที่ผู้เขียนต้องการสื่อ นอกจากนั้นเมื่ออ่านบ่อยๆgrammarจะดีขึ้นมาด้วยเพราะอ่านสำนวนที่ใช้แกรมม่าที่ถูกจนเคยชินจนเวลาเห็นแกรมม่าที่ผิดจะรู้สึกว่ามันฟังตลกๆชอบกลแม้จะไม่ทราบว่าทำไมถึงใช้อย่างนั้นก็ตาม การใช้แกรมม่าจากความเคยชินแทนที่จะท่องกฎนี่ทำให้พูดได้ดีเพราะพูดโดยไม่ต้องคิด เพราะการพูดต้องพูดเร็ว มัวแต่คิดแกรมม่าจะตะกุกตะกักเพราะคิดไม่ทัน อีกอย่างหนึ่งที่หนังสือพิมพ์เป็นสิ่งที่ดีคือความหลากหลายของภาษาเพราะแต่ละข่าวคนเขียนคนละคนกัน สำนวนจึงมีต่างๆกัน ไม่เหมือนนิยายที่เขียนโดยคนๆเดียวทั้งเรื่องสำนวนจึงจำกัดอยู่กับความเคยชินของคนๆนั้น จะพัฒนาให้เร็วลองอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยให้เข้าใจเนื้อข่าวก่อนแล้วไปอ่านข่าวเดียวกันในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ จะทำให้คุณเข้าใจความหมายของคำเร็วขึ้น สำนวนในหนังสือพิมพ์เช่น The Nation หรือ Bangkok Post เป็นสำนวนที่ดีมากสำหรับการเขียนเรียงความหรือการทำรายงานเพราะเป็นภาษาที่สละสรวย จากคุณ : Tisco fan - [ 19 ส.ค. 51 13:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปัญหาอีกอย่างของการอ่านหนังสือพิมพ์คือความเคยชินมันต้องใช้เวลา อ่านช่วงแรกๆมักจะไม่เห็นผล ต้องอ่านติดต่อกันซักสองสามเดือนจึงจะเริ่มเห็นผล ไม่เหมาะกับวัยรุ่นใจร้อน ส่วนมากอ่านไปอาทิตย์สองอาทิตย์ไม่เก่งดั่งใจก็จะเลิก เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง ช่วงแรกไม่รู้เรื่องเป็นเรื่องปรกติครับ เพราะเป็นช่วงที่เราแค่ต้องการสร้างความคุ้นเคยกับคําและสํานวน ไม่ได้หวังจะเข้าใจความหมาย พอสองสามเดือนความหมายจะเริ่มเข้ามาในหัวเราเอง คุณเคยเอาประโยคภาษาอังกฤษมาแล้วเปิด dictionary ทุกคําในประโยคไหมครับ บ่อยครั้งจะพบว่าก็ยังแปลความหมายไม่ออกอยู่ดี เหตุผลคือคําแปลใน dictionary มันตายตัวเกินไป (static) แต่การใช้จริงความหมายของคํามันผันผวนตามรูปประโยค (dynamic) ต่อให้ dictionary list ความหมายทั้งหมดของคํานั้นออกมาเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะเลือกความหมายอันไหนมาใช้เพราะมันมีมากให้เลือก วิธีเดียวที่คุณจะเรียน dynamic definition ของคําต่างๆได้คือเรียนรู้จากลักษณะการใช้ในประโยคต่ๅงๆโดยตรง จากคุณ : Tisco fan - [ 19 ส.ค. 51 21:22:39 ]