ความคิดเห็นที่ 20
คัดลอกเฉพาะบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระฐานะที่เปลี่ยนแปลงของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา จากความคิดเห็นของพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ จากหนังสือเกิดวังปารุศร์
สมเด็จพระสวรินทราบรมราชินี ฯ ทรงเป็นพระราชินีพระองค์แรก ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพระราชโอรส คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นมกุฎราชกุมาร แต่ครั้นเมื่อสมเด็จพระบรม ฯ เสด็จทิวงคต เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗ พระองค์ก็ต้องออกจากตำแหน่ง ด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสองค์ใหญ่ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้เสด็จขึ้นดำรงตำแหน่งรัชทายาทแทน
พระองค์จึงต้องตกจากตำแหน่งอันสูงส่งลงมาทันที นี่เป็นเพราะอิทธิพลของ ดาวเสาร์ (๗) ตัวทุกข์โทษ ที่กุมพระลัคนา ได้สำแดงเดชความผันแปร ความไม่แน่นอนให้แก่ชีวิต พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ ทรงเรียกพระองค์ท่านว่า สมเด็จย่าใหญ่ ดังที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือ เกิดวังปารุสก์ มีใจความดังนี้
นอกจากเสด็จปู่สวัสดิ์แล้ว ยังมีสมเด็จย่าใหญ่ ซึ่งนาน ๆ ก็จะเสด็จมาเยี่ยมย่าที่พญาไท สมเด็จย่าใหญ่ก็เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของย่า และบัดนี้ ทรงดำรงตำแหน่งอันสูงยิ่ง คือ พระองค์ท่านเป็นสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า เมื่อใดสมเด็จย่าใหญ่เสด็จมาเยี่ยมย่าของข้าพเจ้าที่พญาไท เมื่อนั้นก็เป็นการใหญ่ยิ่ง แม้ข้าหลวงชั้นสูงก็จะอยู่ในห้องบรรทมไม่ได้ แทนที่แม่ข้าหลวงเหล่านั้นจะชักพัด และรับใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ถูกท่านไล่ออกไปข้างนอก และพวกหม่อมเจ้าหลาน ๆ ต้องเข้ามารับหน้าที่แทน เมื่อสมเด็จย่าใหญ่เสด็จมา ข้าพเจ้าก็แปลกใจอีก เพราะท่านประทับบนพื้น เมื่อย่าบรรทมอยู่บนพระที่ ข้าพเจ้าจึงอดรู้สึกไม่ได้ตามประสาเด็ก ว่าไม่มีใครในโลกนี้สูงเท่าย่าของข้าพเจ้า
ข้อนี้เป็นที่ชวนให้น่าคิดว่า บุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดในแผ่นดินมาแล้ว ต่อมา ต้องตกทุกตำแหน่ง และต้องมามียศต่ำกว่าน้องของตนอีก ย่อมทำให้ระทมขมขื่นยิ่งนัก และนี่ก็เพราะอิทธิพลของดาวเสาร์กุมพระลัคนาแท้ ๆ
ดาวเสาร์ (๗) เป็นดาวบาปเคราะห์ซึ่งให้โทษยิ่งนัก ดังนี้ เมื่อเกาะกุมกับบาปเคราะห์ หรือ ทำมุมกากบาท, มุมเล็ง กับบาปเคราะห์ด้วยกัน จึงเป็นจุดเกิดโทษอันร้ายแรง ทำให้บุคคลผู้นั้น ชีวิตมีอุปสรรค อาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน หรือชีวิตหักกลางคัน หรือ ต้องรับทุกข์โทมนัสใจจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเนือง ๆ ดังเช่นดวงของสมเด็จ ฯ ท่านที่ได้ยกมาเป็นตัวอย่าง จะเห็นว่า นอกจากมี ดาวเสาร์ (๗) กุมพระลัคนาแล้ว ยังมีบาปเคราะห์ร้ายถึง ๒ ดวง คือ อังคาร (๓) เนปจูน (น) เล็ง โดยมีเกตุ (๙) และ พลูโต (พ) ทำมุมปลายหอกทิ่มแทง ซ้ำเติมอย่างแรง
ที่จริงแล้ว ดวงพระชะตาของพระองค์ท่านนั้น ถือได้ว่า เป็นดวงดีมีวาสนาสูงยิ่งดวงหนึ่ง นอกจากเป็นพระราชินีในรัชกาลที่ ๕ แล้ว ยังมีพระราชโอรสเป็นรัชทายาท (คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ พระบรมราชชนก) และมีพระราชนัดดา เป็นพระเจ้าแผ่นดินถึงสองพระองค์ คือ ล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๘ และ รัชกาลที่ ๙ ด้วยเหตุที่ในดวงพระชะตา ได้เกณฑ์สำคัญยิ่ง คือเป็นดวงได้รูป เสาพระสุเมรุ มีดาวกุมพระลัคนา และเล็งพระลัคนา ถึง ๖ ดวง คือ พุธ (๔) เกษตร, พฤหัสบดี (๕), เสาร์ (๗) กุม มีจันทร์ (๒), อังคาร (๓) เนปจูน (น) เล็ง ซึ่งดาวพระเคราะห์ดังกล่าว จับเป็นคู่ธาตุที่อุปการะกันคือ พุธ (๔) กับเสาร์ (๗) คู่ธาตุดิน กุมกันในราศีธาตุดิน และ จันทร์ (๒) อังคาร (๓) เนปจูน (น) ธาตุน้ำ กุมกันในราศีธาตุน้ำ เสริมพระลัคนาในราศีธาตุดิน ยิ่งลัคนาธาตุดิน มีพฤหัสบดี (๕) ธาตุไฟ ไปกุมอยู่ ด้วย ทำให้ดินแข็ง นับว่าหาได้ยากมาก ร้อยดวงพันดวง จึงจะเห็นสักดวง
พระราชสวามีเป็นถึงพระมหากษัตริย์ เมื่อดูจากภพปัตนิในดวงพระชะตา ได้พบว่า มีดาวธาตุน้ำ ๓ ดวง ประชุมกันอยู่ในราศีธาตุน้ำนั้นอย่างครบครัน คือ ดาวจันทร์ (๒) อังคาร (๓) และเนปจูน(น) การชุมนุมของธาตุอย่างครบทุกดวงในราศีธาตุของตนเช่นนี้ บ่งถึงความยิ่งใหญ่ มีอำนาจวาสนาสูงเด่นของภพปัตนิ ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน คู่ครองของสมเด็จ ฯ จึงต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้มีอำนาจสูงในแผ่นดิน
ดาวอาทิตย์ (๑) หมายถึง พระราชสวามีเป็น เกษตร นี่ก็บ่งถึงคุณภาพของคู่ครองว่า เป็นคนเด่นมีอำนาจวาสนา แต่อาทิตย์ (๑) ไปอยู่ในภพวินาศนะ อันหมายถึง ภพเร้นลับ หรือ การจากไป ทั้งนี้เนื่องจากพระราชสวามี มีพระชายาจำนวนมาก จึงต้องห่างเหินกันไปโดยปริยาย อีกอย่างหนึ่ง ดาวศุกร์ (๖) ความรักเป็นวินาศนะ ก็บ่งถึงความรักนั้น ถูกแบ่งปันไปไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย (ภพวินาศนะ เป็นภพแห่งความกดดัน เมื่อดาวใดไปอยู่ ก็จะกดดันเจ้าชะตาในความหมายของดาวนั้น อย่างดวงของพระองค์ท่าน ทรงมีปัญหากดดันในเรื่องคู่ครอง ความรัก เป็นอย่างมาก)
ดวงของสมเด็จฯ นั้น มีมุมหัก ด้วยมีบาปเคราะห์เสาร์ (๗) กุมพระลัคนา มีดาวอังคาร (๓) กับ เนปจูน (น) เล็ง (การพิจารณาดวงชะตา ต้องแยกพิจารณาถึงจุดให้คุณให้โทษแยกกัน ไม่มีการหักกลบลบล้างกัน เมื่ออังคารกับเนปจูน ให้คุณในฐานะดาวคู่ธาตุน้ำ ก็ต้องให้โทษในฐานะคู่บาปเคราะห์ร้ายแรงได้) ดาวบาปเคราะห์ทำมุมเล็งเช่นนี้ โดยมีลัคนาเป็นจุดตั้งรับ ทำให้เป็นจุดเบียนอย่างร้ายแรง ภายหลังอำนาจวาสนาบารมีก็เสื่อมลง หลังจากพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมารเสด็จทิวงคต สิ้นพระราชโอรส วาสนาก็ถอยลง และคนอื่นขึ้นแทนที่ อย่างไรก็ดี ผู้ที่ขึ้นแทนที่ เป็นน้องสาวร่วมอุทรแท้ ๆ พระนางก็ยังอยู่ในฐานะอันสูงเกียรติเช่นเดิม เพียงแต่ลดถอยลงไปบ้าง
ดาวมฤตยู (๐) ตัวเปลี่ยนแปลงกระทันหัน หรือ ตัวพลิกล็อค อยู่ในภพศุภะ อันเป็นภพที่ตั้งแห่งวาสนาบารมี ทำให้พระองค์ท่านต้องตกจากตำแหน่งอย่างกระทันหัน ด้วยมฤตยู (๐) นั้นเป็นบาปเคราะห์ และเป็นดาวเจ้าเรือนอริ
พระราชโอรส คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ด้วยดาวเสาร์ (๗) เป็นดาวเจ้าเรือนปุตตะ กุมลัคน์ มีดาวพุธ (๔) เกษตร และ มีพฤหัสบดี (๕) ดาวแห่งวาสนาบารมี กุมอยู่ให้คุณอย่างมาก แต่ต้องเสด็จทิวงคตในขณะมีพระชันษายังน้อย (๑๖ พรรษา) ก็เนื่องจากถูกเบียนจากบาปเคราะห์อย่างร้ายแรงถึง ๔ ดวง คือ อังคาร (๓) กับ เนปจูน (น) เล็ง พลูโต (พ) กับ เกตุ (๙) ทำมุมปลายหอก โดยมีมฤตยู (๐) เจ้าเรือนอริ บาปเคราะห์ร้าย ทำมุมร่วมธาตุเสริมแรงแห่งความชั่วร้ายซ้ำเติม
พระองค์ทรงต้องทุกข์โทมนัสใจ จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก คือ สูญเสียพระพี่นางเธอ พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ หรือ พระนางเรือล่ม , สูญเสียพระราชโอรสถึงสองพระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์, ทรงสูญเสียพระราชนัดดา คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ล้วนจากไปก่อนวัยอันสมควร และเนื่องจากทรงมีพระชนมายุยืนยาว พระราชสวามี คือ ล้นเกล้า ฯ ร.๕ และ บรรดาพระราชโอรส พระราชธิดา องค์อื่น ๆ ล้วนสวรรคตและสิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้า ด้วยกันทั้งสิ้น คงไม่มีผู้ใดอีกแล้ว ที่จะพบกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่างมากมายในชีวิต อย่างพระองค์ท่าน
เหตุที่มีพระราชนัดดาครองราชย์ถึง ๒ พระองค์ ก็ด้วยเหตุที่ เสาร์ (๗) เจ้าเรือนปุตตะ ที่กุมพระลัคนา นั้น มีดาวพุธ (๔) เกษตร และพฤหัสบดี (๕) กุม มีจันทร์ (๒) คู่มิตร เล็ง มีแบคคัส (บ) เกษตร เจ้าเรือนภพศุภะ ทำมุมร่วมธาตุ อีกประการหนึ่ง ราหู (๘) ที่โยคหน้านั้น เป็นดาวคู่มิตรกับเสาร์ (๗) จึงให้คุณแก่เสาร์ (๗) เจ้าเรือนปุตตะอย่างมาก (ปุตตะ คือ ลูก หลาน ....)
สมเด็จ ฯ ทรงมีพระชันษา ยืนยาวมาก เพราะ ดาวพุธ (๔) เจ้าเรือนลัคน์ เป็นเกษตร และกุมพฤหัสบดี (๕) โดยมีเสาร์ (๗) คู่ธาตุดิน กุมอยู่ด้วย ทำให้เข้มแข็งยิ่งนัก ทรงมีพระชันษายืนยาวมาก โดยทรงประสูติ ในรัชกาลที่ ๔ และเสด็จสวรรคต ในรัชกาลที่ ๙ ถือเป็นผู้ที่มีอายุอยู่ถึง ๖ แผ่นดิน ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน สมดังพระนาม พระพันวสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จย่าที่มีอายุพันปี)
นี่แหละครับ อิทธิพลของเสาร์ (๗) กุมลัคน์ ในดวงชะตา เสาร์นั้น ให้คุณได้ ถ้าได้รับกระแสที่ดีจากศุภเคราะห์ หรือ ดาวคู่ธาตุที่อุปการะกัน หรือ พวกเดียวกัน ในขณะเดียวกัน เสาร์ (๗) จะให้โทษรุนแรง และมากยิ่งขึ้น เมื่อได้รับกระแสร้าย จากบาปเคราะห์ โดยเฉพาะในมุมกุม เล็ง กากบาท แม้ในมุมตรีโกณ หรือ มุมโยค อันเป็นมุมให้คุณ ก็อาจจะให้คุณก่อน แล้วย่อมให้โทษตามมาเสมอ
เรื่องราวของพระเสาร์ เทพเจ้าแห่งความทุกข์ระทม ก็คงจะต้องยุติเพียงเท่านี้ ดูจะสั้นกว่าดาวพระเคราะห์อื่น ๆ สักหน่อย เนื่องด้วยประวัติของดาวเสาร์นั้น มีบันทึกไว้ไม่มากนัก ดูไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไร แต่อิทธิพลของเสาร์นั้น เลวร้ายขนาดไหน ทุกท่านคงประจักษ์แจ้งกันแล้ว
<< ย้อนกลับ ตอนต่อไป>>
คลิกดูรายชื่อตอนทั้งหมด
นิทานพื้นบ้าน ตำนาน ขนม ค-ร-ก
เจ้าทึ่ม กับ ยักษ์ใหญ่
เชียงมัง คำสาป เมืองร้าง
อินถวา นางฟ้าแห่งวังสามหมอ
มันสมองลา
เจ้าหนูหนึ่งนิ้ว
ญาคูขี้หอม
ตำนาน บ้านหมากแข้ง
ค้างคาว และปลาโลมา
หมาป่า กับ หมาจิ้งจอก
เต่ากับงู
ทำไม ช้างจึงตาเล็ก และเสือมีลาย
บ้านท่าตำหนัก
ท่าเรือ
บ่อพรานล้างเนื้อ / บ่อปักหอก
รอยพระพุทธบาท
<< อ่านต่อ 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | >>
จากคุณ :
พนอจัน
- [
25 ส.ค. 51 13:02:05
]
|
|
|