ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ได้เข้ามาอ่านกระทู้คุณวิวันดานาน เดี๋ยวนี้ไม่กั๊กเรื่องการเมืองแล้วหรือครับ ตามไปอ่านกระทู้ก่อนๆเห็นใส่กันหนักเลย สูตรที่ว่าประชาชนเลือดตกยางออก รัฐบาลไปแน่ ผมว่าไม่ค่อยจะจริงซะแล้วมั๊งครับ ดูอย่างตอนใช้กำลังกับ นปก. สิ เงียบ... อีกอย่าง ผมว่าถึงตอนนี้ ประชาชนไม่น้อยน่าจะรับได้ หลังจากที่พันธมิตรกระทำ้ำก้ำเกินมาหลายหน เพียงแต่ความรุนแรงนั้นต้องเป็นระดับที่รับได้เท่านั้นเอง ใส่การเมืองมากไปหน่อย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ จากคุณ : masked v - [ 27 ส.ค. 51 04:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เย่ววววว จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 27 ส.ค. 51 07:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็น ทัศนะ หรือเบื้องหน้า เบื้องหลัง ขออนุญาต กั๊ก บ้างสักนิดแล้วกันนะ เพราะงคนต่างคิด เดี๋ยวจะตีกันเละซะเป่า ๆ ก็ถือว่า กระทู้นี้ตีเลียบค่าย  เอาความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกติกามวย หรือประวัติ สถิติคู่ชก มาให้ดูแล้วกัน แล้วใครจะเชียร์มุมแดง มุมน้ำเงิน ก็ว่ากันไป ขอเป็นแค่วิเคราะห์กลยุทธ์การต่อสู้นะ ไม่ตัดสินว่าใครผิดใครถูก เอาแค่งัดแงะกันดูว่า กลยุทธ์ของแต่ละฝ่าย มันจะไปทางไหน ดีไหม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 09:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างเมื่อวาน  การบุกเข้ายึด NBT มันก็เลยขั้นอารยะขัดขืน  แต่มันกลายเป็นอนาธิปไตยไปเสียแล้ว หลักของอนาธิปไตย ตามทฤษฎีของบาคูนิน เขาเนี่ย  มันคือการสร้างภาวะ ไร้รัฐ  เพราะ ในความเห็นของ บาคูนิน เขามองว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐรูปแบบไหน มันก็อยุติธรรมทั้งนั้น แนวคิดเรื่องอนาธิปไตยนี่มันมีมาตั้งแต่สมัยมาร์ก เขาเริ่มตั้งคอมมิวนิสต์สากลแล้วครับ และแนวคิดแบบ อนาคิสต์ที่ว่านี้ คอมมิวนิสต์เขาไม่ยอมรับ  ตัวบาคูนิน เองก็ถูกไล่ออกจากคอมมิวนิสต์สากลด้วย แนวคิดแบบ อนาธิปไตย นิยมนำมาใช้ในยุโรป โดยเฉพาะพวกฝรั่งเศส หรือยุโรปที่มีแนวคิดสังคมนิยมอ่อน ๆ คือไม่ได้ต้องการจะก้าวไปถึงขั้นเป็นคอมมิวนิสต์  แต่ก็ไม่ยอมรับรัฐเป็นระยะ พวกนี้จะสะท้อนออกมาในรูปของการประท้วงแบบไม่สนใจอำนาจรัฐอย่างสิ้นเชิง เป็นการท้าทายด้วยการทำให้เกิดความวุ่นวาย แบบกลไกอำนาจรัฐพิกลพิการ ทำงานไม่ได้ ก็เข้ากับกลยุทธ์ของพันธมิตรเมื่อวานนี้มากกว่า คือ มุ่งหวังให้กลไกรัฐทำงานไม่ได้ นั่นคือ เข้ายึดสื่อของรัฐ  โดยหวังว่าจะเชื่อมต่อสัญญาณกับเอเอสทีวี แต่พลาดไปหน่อย ตรงที่ช่างเทคนิกอาจจะไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณได้ เพราะทางนั้นเขามีจุดการส่งสัญญาณขึ้นดามเทียมได้หลายแห่ง อีกวิธีที่เขาเอามาใช้ คือ ตัดน้ำ ตัดไฟ กองบัญชาการตำรวจ และการปิดสถานที่ราชการ  ซึ่งรวมแล้วก็เป็นหลักของอนาธิปไตยมากกว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 09:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณศราวุธตื่นเช้าจังเลยนะคะ ไหนๆอาจารย์สื่อก็เกริ่นเรื่อง อารยะขัดขืนไว้ตั้งแต่ปลายกระทู้ที่แล้วแล้ว ก็มาว่ากันต่อด้วยเรื่องเดียวกันก็แล้วกัน   แต่มีข้อแม้ทุกท่านมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นเรื่องการเมืองในที่นี้ได้อย่างเสรี ถ้าหากแม้ข้อคิดเห็นนั้น  ไม่ถูกใจของใคร  ก็ขอให้พึงคิดซะว่า นี่คือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ไม่ได้มีเจตนาที่เข้าข้างฝ่ายใด   จึงขอให้ออกความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ด้วยค่ะ แต่ที่จำเป็นต้องกราบขอร้องด้วยใจจริงเลยก็คือ  อาจารย์สื่อของข้าพเจ้า ต้องถือขันติให้มากๆนะคะ เพราะสิ่งที่อาจารย์จะเล่าให้ฟังนี้  เกิดจากมุมมองที่ตกผลึกแล้วของท่าน  ซึ่งได้มองมาจากหลายสถานการณ์  และต่างสภาพแวดล้อมกัน  แต่เหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้นอีกแบบเดิมๆ  เพียงแต่อาจจะต่างที่วิธีการเท่านั้น ขันติที่ว่านี้ก็คือ  อาจารย์ต้องไม่โต้ตอบในข้อโต้แย้งที่เกิดจาการเขียนด้วยอารมณ์ และอาจารย์ห้ามบอกว่า "เซ็ง"  กับข้อโต้แย้งทีเกิดจากอคติส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง   แล้วเป็นเหตุให้อาจารย์หลบไปถือศีลกินเป็ดที่ไหนอีก....นานๆ อย่างนี้ไม่ยอมนะคะ จากคุณ : Gasalong - [ 27 ส.ค. 51 09:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนเรื่องการใช้ความรุนแรง และเทียบกับ นปก ที่หน้าบ้านสี่เสานั้น  ต้องขอพูดตรง ๆ ว่าเทียบกันไม่ได้ครับ ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง คือ ม็อบ นปก นั้นมีการจัดตั้งมากเกินไป ขาดการมีว่วนร่วมของมวลชนที่แท้จริง แม้ว่าจะมีกลุ่มผู้สนับสนุนหลักระดับหนึ่ง สิ่งที่ดูได้ง่าย ๆ คือ เมื่อม็อบถูกตีแตก กลับไม่มีมวลชนอื่นเข้ามาสนับสนุน แสดงว่าสังคม ณ สถานที่ก่อการนั้นไม่ได้สนับสนุนอย่างแท้จริง เรื่องแบบนี้เทียบได้กับช่วงพฤษภาทมิฬครับ รวมทั้ง 14 หรือ 6 ตุลาคมก็ได้ ช่วงพฤษภาทมิฬนั้น ถ้าจำได้ วันที่คาดว่า พล.อ.สุจินดา จะประกาศลาออก  แต่กลับไม่ได้ลาออก  คนเดินทางออกมาราชดำเนินเพิ่มขึ้น หรือยิ่งตอนที่พล.ต.จำลอง โดนจับ ม็อบไม่สลาย ทั้ง ๆ ที่ผู้นำไม่อยู่ และมวลชนปะทะแล้ว แต่ในข้อเท็จจริง คือ มีประชาชนที่เห็นด้วยกับการต่อต้านอย่างแท้จริง มาสนับสนุนต่อ   แม้ว่าจะมีการนำโดยจัดตั้งอีกส่วนหนึ่งก็เถอะ แต่กรณี นปก หน้าบ้านสี่เสา มวลชนจริง ๆ ใน กทม.ไม่สนับสนุน ดังนั้น เมื่อม็อบถูกตีแตก แกนนำถูกจับ จึงม่มีประชาชนออกมาสนับสนุนอีก ประเด็นนี้สำคัญครับ  อย่าคิดว่าเป็นการเลือกข้าง  ถ้าเราอยากให้กระทู้นี้เป็นการเสริมความรู้เพื่อให้เข้าใจในสถานการณ์บ้านเมือง  ผมก็ต้องขออนุญาตแสดงความเห็นแบบนี้แหละครับ แฟน นปก.อย่าว่ากัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 09:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่อง ม็อบ หรือ ฝูงชน นี่ก็เหมือนกัน มันมีหลักในการจัดตั้ง และสลาย ด้วยครับ หลักการจัดตั้งม็อบ แบบอธิบายรวบรัด 5 นาทีเสร็จ มันต้องเริ่มจากการมีอุดมการณ์ร่วมกันก่อน เรื่องนี้อาจแปรไปเป็นคำว่าเจตจำนงร่วม หรือ จิตสำนึกสาธารณะก็ได้ เช่น การรู้สึกว่าต้องรักษาผลประโยชยร่วมกัน หรือแสดงความเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ที่ตรงกันกับความรู้สึกของเรา คนจัดตั้งม็อบเองก็ต้องมีทั้งอุดมการณ์ และเทคนิคการจัดตั้ง ในมอบหนึ่ง ๆ นั้น ปฎิเสธไม่ได้ว่าต้องมีการจัดตั้งรวมอยู่ด้วย หวังพึ่งมวลชนบริสุทธิ์อย่างเดียวนั้น มันอุดมการ์เพ้อฝันไป วิธีการจัดตั้ง คือ ต้องมีการเตรียมการกำลังคน คือ ต้องมีคนมร่วมชุมนุมแน่ ๆ โดยแบ่งออกเป็นสาย ๆ เหมือนการควบคุมกองทหาร คือ แต่ละกลุ่มจะมีหัวหน้าคุมกันมา คนเป็นแกนนำที่ขึ้นเวที ไม่จำเป็นต้องสื่อสารหรือสั่งการกลับผู้ร่วมชุมนุมทุกคน แค่ติดต่อกับแกนนำก็พอแล้ว กลุ่มที่มีการจัดตั้งแน่นอน มีคนแน่ ๆ อย่างแรก คือ พวกกำลังพล ครับ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีกากี  พวกนี้จัดตั้งง่ายมาก เพราะเขามีการจัดตั้งในรูปแบบอยู่แล้ว แต่ข้อเสีย คือ พวกความมั่นคงด้วยกัน เขาจะจำกันได้ ซึ่งอาจจะถูกเอาไปประจานตามสื่อมวลชน แล้วทำให้ภาพลักษณ์เสียหมด พวกนี้สังเกตุง่ายครับ ไม่ว่าจะเป็นทรงผม หรือรูปร่าง ที่ใกล้เคียงกันหมด ตอนพฤาภาทมิฬ มีกลุ่มแบบนี้เยอะ ตั้งแต่ตอนที่บุกโรงพักอะไรที่ราชดำเนินนะ  ภาพที่ปรากฎในเดลินิวส์ ชัดเจนมากว่าทั้งรูปร่าง ทรงผม ท่าทางการใช้อาวุธ  มันเหมือนพวกที่ถูกฝึกมาอย่างดีมากกว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา อีกระดับหนึ่ง คือ กลุ่ม ชมรม ต่าง ๆ ที่มีการจัดตั้งและมีกิจกรรมเดิมอยู่แล้ว เช่น กล่มแม่บ้าน กลุ่มอาชีพ ชมรมต่าง ๆ ที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน กลุ่มจัดตั้งแบบนี้ แค่เพิ่มงบประมาณเข้าไปอีกนิด ก็เคลื่อนพลได้ สมัยก่อนนักศึกษาก็เป็นกลุ่มจัดตั้งที่ดี แต่ตอนนี้มันเสื่อมคลายไปหมดแล้วครับ ที่ออกมาด้วยอุดมการณ์มักจะเป็นในเชิงปัจเจกมากกว่า ถ้าเป็นกลุ่มก้อน หลายครั้งมักจะเป็นจัดตั้งที่ต้องใช้งบประมาณครับ จากนั้น จึงจะเป็นกลุ่มสนับสนุนที่แท้จริง ซึ่งเป็นเรื่องที่แกนนำจะต้องดึงเอามาเข้าร่วมให้ได้ เช่น การตั้งเวทีปราศรัย การทำให้เป็นข่าว หรือการบังคับเอาดื้อ ๆ กลุ่มนี้ต้องใช้เวลานิดนึง  เหมือนที่สนธิ  ลิ้มทองกุล เขาใช้เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ ระดมกลุ่มสนับสนุนแบบนี้แหละครับ  การสั่งสม ความรู้ ความเชื่อ ในระดับหนึ่ง ทำให้พันธมิตรมีกลุ่มสนับสนุนที่แท้จริงแบบนี้ในจำนวนที่แน่นอนระดับหนึ่ง ข้อดีของกลุ่มสนับสนุนที่แท้จริง คือ ทำให้ม็อบมีภาพลักษณ์ที่ดี สลายยาก อยู่ยาว แต่ควบคุมยาก โดยเฉพาะเวลาปะทะกับเจ้าหน้าที่ มักจะแตกอย่างไม่มีขบวน ทำให้การคุมม็อบยากขึ้น จำได้ไหมว่า เมื่อพฤาภาทมิฬ  พล.ต.จำลอง มีการฝึกคนในม็อบให้ชินกับเสียงปืน ด้วยการจุดประทัดในม็อบ เขากลัวพวกกลุ่มสนับสนุนที่แท้จริงนี่แหละครับ จะตื่นเสียงปืน แล้วกระเจิงจนเสียขบวน เพราะหลักการสลายม็อบ ข้อหนึ่งในหลาย ๆ ข้อ คือ การทำเสียงดัง ๆ ขู่นี่แหละ การทำโซนิกบูมจากเครื่องบินรบเหนือเสียง ก็เป็นวิธีนึงในตำราสลายม็อบนะ  แต่บ้านเราคงไม่ทำขนาดนั้นหรอก มันน่ากลัวไป ส่วนใหญ่จะเอาไปใช้ในสนามรบมากกว่า ของเราที่ใช้ก็จะเป็นการระดมยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อให้ตกใจกลัวและม็อบเกิดภาวะโกลาหลจนคุมไม่ได้มากกว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 10:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ในกลุ่มพันธมิตร  กลุ่มจัดตั้งจะมีสีหรือไม่ ไม่ยืนยันครับ สังเกตกันเอาเอง ที่แน่ ๆ คือ กลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่มีนายสมศักดิ์  โกศัยสุข เป็นแกนนำ เป็นกลุ่มจัดตั้งที่ปฎิบัติภารกิจการป้องกันตัว หรือจู่โจมได้ดีครับ วันที่บุก NBT น่าจะมีกลุ่มนี้เป็นแกนนำ แต่ที่น่าสนใจ คือ เช้าวันนั้น มีวัชระ เพชรทอง หรือ ไอ้แจ๊ค ที่เหล่านักกิจกรรมรุ่นยี่สิบปีที่ผ่านมานี้รู้จักดี   วัชระ เคลื่อนไหวในรามคำแหงอย่างอย่างนาน เขามีกลุ่มจัดตั้งที่จะทำงานแบบนี้ได้ในระดับเชื่อมือได้  และด้วยพื้นเพของคนสุราษฏร์  ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มแรกที่บุกเข้าไป NBT ส่วนใหญ่จะเป็นพี่น้องชาวใต้ แจ๊คนี่เขาเป็นนักกิจกรรมรุ่นพี่ของตู่ จตุพร พรหมพันธ์ นะครับ ห่างกันหลายปีมาก  แต่เนื่องจากแจ๊กเขาทำกิจกรรมแบบไม่สนใจปริญญา มีการลงเรียนใหม่หลายรอบ ทำให้สองคนนี้เคยได้เจอกันในเวทีการเมืองในรามกันมาอยู่แล้ว อีกกลุ่มหนึ่งที่ปรากฎว่าเป็นข่าวถูกจับไปด้วย ก็เป็นนักเคลื่อนไหวระดับขาประจำ ที่ยึดแนวทาง อนาธิปไต เพื่อเรียกร้องความสนใจจากสังคมเหมือนกัน ขอไม่ระบุชื่อนะครับ แต่คนนี้ เคยมีผลงานการเคลื่อนไหวในแนวทางนี้มาร่วมยี่สิบปีเช่นกัน ที่น่าจะจำกันได้ ก็เช่น การคัดค้านการประชุมอาฟต้าที่เชียงใหม่ ซึ่งตอนนั้นก็มีการปะทะ และโดนจับจากความพยายามบุกเข้ายึดสถานที่ประชุมเหมือนกัน หรืออีกครั้งที่น่าจะจำกันได้ดี คือ ตอนที่สมัชชาคนจนบุกเข้ายึดทำเนียบในคืนเข้าพรรษาสมัยรัฐบาลชวน  หลีกภัย นี่แหละครับ อีกกลุ่มหนึ่งที่รวมอยู่ในพวก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 10:16:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สาเหตุที่พันธมิตเลือกช่วงนี้ มันมีหลายทฤษฎีที่เขาคุย ๆ กันครับ อย่างแรกมาแรง และเป็นหนึ่งในคำถามที่นักข่าว ตปท.ถามนายกฯสมัครด้วย คือ เมื่อวานนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดป๋าเปรม มีนัยยะเชื่อมโยงอะไรหรือเปล่า อีกประการหนึ่งคือ เมื่อวานนี้วาระการประชุม ครม.มีเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย ผู้นำเหล่าทัพ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถ้าไม่สร้างภาพกันเกินไป ก็ต้องยอมรับด้วยว่า มีกลุ่มข้าราชการระดับสูง สนับสนุนอยู่ด้วย การเลือกวันเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้  เลยถูกมองว่า เป็นการแสดงพลังเพื่อกดดันรัฐบาลไม่ให้เข้ามาล้วงลูกการแต่งตั้งหรือเปล่า  เพราะการทำแบบนี้ทำให้เห็นว่าอำนาจของรัฐบาลอ่อนลงไป ซึ่งถ้าใช่ ก็เป็นผล เพราะเมื่อวานข่าวว่า โผแต่งตั้งไม่มีเปลี่ยนเลย ผ่านในเวลาแค่ 10 นาทีเอง อีกประเด็นนึง คือ มองว่า พันธมิตรต้องเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความสนใจ เพราะรัฐบาลใช้ยุทธศาสตร์ ไม่มอง ไม่รู้ ไม่สนใจ ทำให้ม็อบที่ลากยาว ๆ โดยไม่มีกิจกรรมอะไร อาจส่งผลให้คนเบื่อหน่ายไปได้ ยิ่งเจอโอลิมปิกซะสองสัปดาห์  เดี๋ยวคนจะหงอย ก็เลยต้องแสดงพลัง กระตุ้นม็อบเสียหน่อย ไม่ยังงั้น เดี๋ยวเจอกลยุทธ์ลูกดื้อของรัฐบาล จะแพ้เสียเปล่า ๆ ตอนนี้แกนนำเขาเลิกม้อบไม่ได้ครับ  เลิกเมื่อไรเป็นโดยรวบ การกระตุ้นภาวะอนาธิปไตย  อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่จะดึงทหารออกมาได้ ถ้ายังงั้นก็สำเร็จ เขาถึงว่า รัฐบาลต้องเล่นเกมสุภาพบุรุษ เพราะถ้าเลือกใช้ความรุนแรง โอกาสที่ทหารจะออกมามีสูง และรัฐบาลเองที่จะไปไม่รอด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 10:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ..ขออนุญาต มาเช็คชื่อเข้าห้องเรียน ปวศ. ด้วยคนนะคะ เคยอ่านประมวลเหตุการณ์เก่าๆ มาพอสมควร   แต่ยิ่งอ่าน ยิ่งมึน..  ไม่ค่อยเข้าใจเอาเสียเลย จากคุณ : จิตรางคทา - [ 27 ส.ค. 51 11:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อืมผมคิดเหมือนอาจารย์สื่อนะครับ ที่ตอนนี้ ม็อบตอนนี้สำหรับแกนนำ เป็นแค่การปกป้องตัวเองของแกนนำมากกว่าจะหวังผล การเคลื่อนไหว ล้มรัฐบาลจริงจัง ผมว่าถ้ารัฐบาลเล่น ไม่รู้ ไม่สน ใช้ข้อกฎหมายอ่อนๆ แต่โทษถึงจำคุก เล่น ก็น่าจะได้แล้วครับ โดยเฉพาะกรณีที่ม็อบทำผิดจริง แต่ถ้าไปเล่น ข้อกฎหมายรุนแรง มันจะเป็นบูมเบอแรงย้อนศรใส่รัฐบาล เองซะมากกว่า แต่ผมมองๆ ดูบางทีก็แปลกดี เพราะบางทีเรื่องไม่มี รัฐบาลก็ชอบทำให้ เกิดเรื่องเอง หรือว่ารัฐบาลก็ อยากเลี้ยงม็อบไว้เหมือนกัน มีความเป็นไปได้ ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 51 11:32:49 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 27 ส.ค. 51 11:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาลงชื่อครับ ขึ้นกระทู้ใหม่ที่นึงก็ลงชื่อที่นึงเป็นธรรมเนียม ;) เรื่องที่กำลังร้อนๆนี่ ผมไม่เลือกข้างครับ ชนะไหน เข้านั่น รอเฮอย่างเดียว ;) จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 27 ส.ค. 51 11:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดู ๆ ตนนี้ รัฐบาลก็น่าจะเลือกเล่นเกมกาจับถุมแกนนำแบบชอบธรรม คือ ขอหมายศาลก่อน แทนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินที่สามารถจะใช้กำลังเข้าจับเลย งานนี้ผมว่ารัฐบาลไม่น่าจะต้องการจับแกนนำจริง ๆ เพราะถ้าจะเข้าไปจับ ต้องฝ่าม็อบที่มีระบบป้องกันอย่างดีเข้าไป และหลีกเลี่ยงการปะทะได้ยาก เขาน่าจะเลือกทำลายความชอบธรรมของพันธมิตร ด้วยการใช้คำสั่งศาล และแสดงให้สังคมเห็นว่าพันธมิตรไม่เคารพคำสั่งศาลมากกว่า และจริง ๆ แล้ว การจับแกนนำ ผมว่าไม่น่าจะเกิดผลดีกับรัฐบาลเท่าไร เพราะมุกแบบนี้ใช้กับม็อบที่จัดตั้งอย่างดี และมีมวลชนที่แท้จริงหนุนไม่ได้ ยิ่งแกนนำสำรองที่พันธมิตรประกาศมาแล้ว ก็เป็นแกนนำที่ครบเครื่อง คือ มีทั้งฝ่ายบุ๋น คือ สำราญ  รอดเพชร ที่เป็นตัวแทนของสนธิ ลิ้มทองกุล หรือศิริชัย ไม้งาม ประธานสหถาพ กฟผ.ที่เป็นผู้กุมกอกำลังการ์ดพันธมิตรในส่วนสหภาพอยู่แล้ว ส่วนอีกท่านไม่รู้จักครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นตัวแทนพล.ต.จำลอง กุมกองทัพธรรมหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ผมว่าไม่น่าจะทำให้สลายม็อบได้ เพราะปกติแกนนำเหล่านี้ไม่ได้คิดหรือขับเคลื่อนม็อบเพียงกลุ่มเดียวมาตั้งนานแล้ว แม้กระทั่งการปราศรัยบนเวที เขายังมีคนเขียนบทให้เลย คงยากที่จะหวังว่า ถ้าจับแกนนำแล้วม็อบจะสงบ  น่าจะต้องการกดดันและดิสเครดิต ดดยอาศัยอำนาจศาลมากกว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 11:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฝ่ายตำรวจก็สนใจครับ เพราะปกติแล้ว เราจะเห็นตำรวจชุดน้ำเงิน หรือพวกนครบาลออกมาก่อน แต่คราวนี้ลัดคิวไป ตชด.เลย  ซึ่งถ้าให้เดา ก็น่าจะมาจากที่พล.ต.อ.โกวิท ท่านมีพื้นเพมาจาก ตชด. อาจจะคุ้นเคย หรือมั่นใจในการใช้กำลังจาก ตชด.มากกว่าหน่วยงานอื่น จับตาดูตอนบ่ายครับ ช่วงที่คาดว่า หมายศาลจะออกมา เท่าที่ฟังข่าวจากพรรคพวก เห็นว่าเขาเตรียมที่จะฝ่ามอบเข้าไปเหมือนกัน อาจจะไม่หวังแตกหัก แต่น่าจะสร้างภาพการปะทะ เพื่อใหเห็นว่า แกนนำพันธมิตรไม่ยอมรับคำสั่งศาลก็ได้ ไม่รู้ว่าพันธมิตรจะพลิกเกมนี้ด้วยการมอบตัวหรือเปล่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 11:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 รอดูสาถนการณ์บ้ายนี้ แล้วค่อยมาว่ากันใหม่นะครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ส.ค. 51 12:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีค่ะอาจารย์สื่อฯและคุณป้าวิวันดา ไม่ค่อยได้แวะมาค่ะ แต่จะเน้นตามอ่านย้อนหลังค่ะ วันนี้ขอลงชื่อไว้ก่อนค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่เล่าเรื่องการเมืองให้รู้อีกเยอะเลย จากคุณ : ต้นกล้าจากบ้านนอก - [ 27 ส.ค. 51 13:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีคุณพี่วิวันดาและอาจารย์สื่อศิลปครับ หนูหล่อมาลงชื่อเข้าเรียนหลังห้องตามปกติ ครับ ประเด็นนี้กำลังร้อนมาก หนูหล่อก็ต้อง มานั่งกางหูฟัง จะได้ฉลาดๆ ไม่ตกกระแส แล้วก็มาทำเวรห้องเรียนตอนบ่ายๆด้วยครับ จากคุณ : หนูหล่อ (nulaw.m) - [ 27 ส.ค. 51 14:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาลงชื่ออ่าน จากคุณ : Balleno - [ 27 ส.ค. 51 15:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีคุณพี่วิวันดาและอาจารย์สื่อศิลปค่ะ มาเรียนช้านิหน่อยรถติดค่ะ ใครลายมือสวยขอยืมที่จด ไปซีล็อคหน่อยน้า.... จากคุณ : Fullgold - [ 27 ส.ค. 51 18:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สงสัยค่ะ สงสัย!!!!!! รูปหัวใจสีชมพู ที่อยู่ข้างบน ใกล้ๆกับที่แจ้งลบกระทู้คืออะไรหรือค่ะ ทำไมเม้นของเราไม่มีอ่ะ ที่บ้านพี่วิก็มีแบบนี้เหมือนกัน  เพิ่งสังเกตเห็น จากคุณ : Gasalong - [ 27 ส.ค. 51 19:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ้าว  ทำไมเม้นนี้ขึ้นหัวใจสีชมพูด้วยละ อุ๊ย!!!  งง จากคุณ : Gasalong - [ 27 ส.ค. 51 19:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีค่ะพี่หวาน อ่านอยู่ค่ะอาจารย์สื่อฯ   ได้ความเข้าใจมากขึ้น ขอบคุณค่ะ อยากได้แบบคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยนะ นิดหน่อยก็ดี พอดีตอนนี้กำลังรอช้อนหุ้นอยู่ (ลงทุนรอปันผลนะจ๊ะ ไม่ได้เก็งกำไรหรอก) ถ้ามีอะไรน่ากลัวก็โทรบอกหน่อยนะคะ จะได้กักตุนมาม่า อิอิอิ มีเพื่อนสนิทคนนึง ไปม็อบทุกวัน ตาคนนี้เป็นคนเรียบร้อยมาก เป็นเจ้าของร้านเพชร ไม่มีลูกไม่มีเมีย มีพี่น้องดูแลพ่อแม่เยอะ ก็เลยไม่มีห่วง ทุกเย็นปิดร้านแล้วก็ไปม็อบ หอบเก้าอี้ตัวเล็ก ร่ม กับกระบอกถั่วไปด้วย (เขาว่าตบมือมากไม่ไหว มันเจ็บ ) เราก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน กลัวต้องมานั่งเสียดายคนดีๆมีความรู้ไปกับเหตุการณ์รุนแรง ....แต่นี่ถ้าไม่ห่วงว่าลูกจะกำพร้าแม่  ก็คงจะไปกับเขาด้วยเหมือนกัน (ไปถ่ายรูปจ้า    ) ยินดีกับคุณหนูหล่อนะคะ ที่มี login แล้ว จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 27 ส.ค. 51 20:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมรู้ไต๋ คุณ สนธิดีครับ ปกติคนพันธุ์นี้จะไม่โง่ขนาดให้คนทำผิดกฏหมายแบบชัดเจนขนาดนี้ เพราะฝ่ายนั้นเขารอโอกาสนี้นานแล้ว เรียกว่าอยากจะสลายชุมนุมจนเต็มแก่อะ นะครับ ยังงัยก็แล้วแต่ สนธิ พลาดแล้ว แล้วก็ควรจะยุติบทบาทตนเอง ด้วยการจำคุก นิแหละ แหม๋ กุ้มใจไทยแลนด์ครับผม ผมว่าหัวเหไปการเมืองต่างประเทศดีกว่าครับ (ที่จริงผมรอวันโค่่นรัฐบาลชุดนี้อยู่นะโกงหน้าตาเฉยเยอะมาก) จากคุณ : 1234 - [ 27 ส.ค. 51 21:12:09 A:125.26.146.14 X: TicketID:184742 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พยายามให้คะแนนอาจารย์สื่อศิลปแล้วนะ แต่มันไม่มีกล่องให้คะแนนขึ้นมา ไม่รู้อาจารย์ต้องไปคลิกอะไรก่อนหรือเปล่า ของเล่นใหม่พันทิป http://www.pantip.com/cafe/memberpoint.html แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 51 22:00:42 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 27 ส.ค. 51 21:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 51 22:43:18 จากคุณ : หนูหล่อ (nulaw.m) - [ 27 ส.ค. 51 22:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณคุณพี่ Tweety ครับ... จากคุณ : หนูหล่อ (nulaw.m) - [ 27 ส.ค. 51 22:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สิงหา-ปลายตุลา   ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องมีการประท้วง เดินขบวนกันตลอด ผมกลับคิดว่าถ้าฝ่ายพันธมิตรไม่รุกในช่วงนี้ ก็ต้องรอช่วงเวลานี้ในปีหน้า ซึ่งมันนานเกิน ลักษณะของเค้าสู้เกมส์ยืดเยื้อมาก ถ้าไม่มีคนระดับใหญ่สนับสนุน ไม่มีเหตุให้เกิดแบบ19กันยาก็ยาก แล้วยิ่งยื้อมากอาจจะสถานการณ์กลับตาลปัดครับ ตอนนี้กลยุทธ์รัฐบาลกับพันธมิตร รัฐบาลก็คงไม่เคลื่อนไหวมาก เล่นตามกฏหมาย ผมค่อนข้างมั่นใจว่า จะมีอะไรซักอย่างที่อาจจะมาในรูปการตรวจสอบรัฐ ฯลฯ ใช้ในการเล่นงานรัฐบาลมากกว่า เพราะการบุกยึดทำเนียบ ต่อไปอาจจะมีการบุกกระทรวงต่างๆ ทำให้รัฐงานไม่เดิน เพราะเดินไม่ได้ พอเดินไม่ได้มันก็มีปัญหาต่างๆตามมา ทำให้ต้องตรวจสอบ ความผิดก็คงเป็นของรัฐบาลเองที่เดินงานไม่ได้(ซึ่งเหตุจริงๆมาจากคนปิดล้อมสถานที่ทำงาน ) คราวนี้ล่ะอาจจะเห็นว่าใครจะจบเกมส์ยังไง หรือใครจะเป็นคนจบ ที่แน่ๆไม่น่าจะเป็นพันธมิตร ตอนนี้อาจจะคุยไว้แล้วมั้งถ้าสถานการณ์ฉุกเฉิน จนทำให้สมัครต้องออกได้ ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดเพลี่ยงพล้ำ ใครจะเป็นนายกแทน นายกที่พันธมิตรเห็นดีงามด้วย ไม่ต้องเลือกตั้งรักษาการณ์ก่อนค่อยเลือกทีหลัง นี่พูดกันในแง่กลยุทธ์นะครับ ธันวาเป็นช่วงของความสงบ เพราะรู้กันอยู่ครับว่าธันวาเป็นวันที่คนไทยต้องเฝ้าหน้าจอทีวี ถ้าอะไรจะเกิด ต้องเกิดก่อนธันวา เกมส์จะจบสมบูรณ์ แบบแทบไม่มีอะไรเสียเลย ขึ้นอยู่กับฝ่ายตุลาการ ถ้าฝ่ายตุลาการดำเนินการทุกอย่างชอบธรรม มีอะไรชี้แจงออกผ่านสื่อให้ประชาชนเข้าใจ ปัญหาคงจบด้วยดี นอกจากจะมีการก่อหวอดไม่ยอมรับอำนาจตุลาการ พยายามปั่นป่วน ถ้าผมเล่นหุ้น ก็คงรอเวลาว่าจะช้อนตัวไหนอย่างเดียว เพราะมันน่าจะยังตกได้อีก จากคุณ : Robonin S.knight - [ 27 ส.ค. 51 23:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเองก็มีความเห็นว่าพันธมิตรก็ไม่น่าโง่ขนาดดูไม่ออก ว่าทำแบบนี้ผลจะออกมาหยั่งงี้ ยิ่งพวกที่อยู่เบื้องหลังได้ชื่อว่าเป็นกุนซือระดับมันสมองของ จปร.7 ทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เสียแนวร่วมไปเยอะมาก สิ่งที่พันธมิตรควรทำเพื่อรักษามวลชนไว้ก็คือ ควรอธิบายความจริงออกมาไว้บ้างว่า มีจุดประสงค์อะไรที่ทำแบบนี้ (ถ้าพอจะบอกได้นะครับ) จะอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้สิน่าคิดกว่า หากไม่มีพันธมิตรแล้ว จะกลายเป็นว่ารัฐบาลจะกระดี๊กระด๊าอยากทำอะไรก็ทำอย่างที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า เพราะไม่มีคนออกมาค้านให้เห็นตามท้องถนนอีกแล้ว (ก็ไม่มีการต่อต้านที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้) อย่างการแก้รัฐธรรมนูญ หรือโครงการบุฟเฟต์โปรเจคท์ทั้งหลาย ถ้าถึงตอนนั้นแล้วไม่มีพันธมิตร แต่ประชาชนผู้ที่ยังทนเห็นความไม่ถูกต้องจากการกระทำของรัฐบาลออกมาคัดค้านกันด้วยตัวเอง ต่างคนต่างตั้งกลุ่มออกมา ถึงตอนนั้นผมว่ามันจะควบคุมได้ยากกว่า และเราก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่กลุ่มเหล่านี้ที่จะออกมาพร้อมกับความรุนแรงบ้าง มันอาจจะเป็นไปได้ว่าจะเกิดกลุ่มอย่างจิรงแดงซ์ นาซี บอลเชวิก กับจอคอบินส์ขึ้นมาก็เป็นได้ ผมกลัวว่าสถานการณ์แบบนี้ บ้านเมืองของเราอาจจะย้อนไปสมัยชาตินิยมในยุโรปเฟื่องฟูก็ได้ ความรู้สึกของประชาชนที่ไม่ชอบฝ่ายรัฐบาลซึ่งก็มีมากเสียด้วยจะถูกเก็บกดแล้วรอวันระเบิด หากมีคนอย่างฮิตเลอร์ , โรแบสปิเยร์ , เลนิน , หรือเหมา ออกมาประกาศจะต่อต้านกับกลุ่มของรัฐบาลด้วยการใช้ความรุนแรงเป็นหลัก อย่าลืมว่าคนที่เคลื่อนไหวอยู่ทางฝ่ายพันธมิตรยังมีอีกมากและก็ล้วนแต่มีประสบการณ์กับการเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐมานักต่อนัก ถ้าคนกลุ่มนี้ยังรวมตัวกันอยู่และมีผู้นำที่มีนโยบายหัวรุนแรง ถึงตอนนั้นเราอาจได้เห็นสตอร์มทรูป หรือเร้ดการ์ดแบบไทยๆที่จะรุนแรงกว่าการ์ดของพันธมิตรธรรมดาๆก็เป็นได้ แล้วบ้านเมืองเราอาจจะกลับไปสู่ยุคปฏิวัติฝรั่งเศสก็เป็นไปได้เช่นกัน ที่เป็นช่วง"เช็คบิลล์" ที่ฝ่ายปฏิวัติลากคอฝ่ายตรงข้ามมาเข้าเครื่องกิโยตินกันให้เกลื่อนท้องถนน บางทีเมืองไทยเรายังไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้ก็ได้มั้งครับ วัฏจักรการเมืองไทยเราจึงวนเวียนอยู่กับที่ไม่ไปไหนเสียที หลังไฟไหม้ป่ายังมีต้นอ่อนเตรียมพร้อมจะขึ้นมาเติบโตใหม่เลยครับ บางทีล้างกันด้วยเลือดก็อาจทำให้การเมืองเราก้าวข้ามไปสู่การพัฒนาไปเทียบเท่าสากลเสียทีก็เป็นได้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นต้องใช้เวลาอีกไม่รู้กี่ปีและบ้านเมืองจะล้าหลังขนาดไหน อาจจะแย่กว่าฟิลิปปินส์กับพม่าตอนนี้ก็ได้ แค่คิดก็สยองแล้วล่ะครับ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 28 ส.ค. 51 02:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ต้องรอพี่สื่อศิลป์มาลงความเห็นใหม่ก่อนจะได้ใส่ถูกใจไส้เลยให้ได้ อิ อิ ตอนนี้ใส่ให้คนอื่นไปพลางๆ ก่อนนิ จากคุณ : Ace striker - [ 28 ส.ค. 51 08:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สมเป็นคุณสื่อศิลปที่นับถือ ล้ำลึกยิ่งนัก ฟังแล้วน่าไปจัดตั้งม๊อบมาแข่งกับสนธิ(แต่อย่าดีกว่าเนอะ) อย่างที่คุณสื่อศิลป์ว่าแหละครับ นปก.ยังไม่ถึงจุดพีคพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงจากการที่รัฐใช้กำลังปราบปรามได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเคลื่อนไหวได้จำกัดในสภาวะการณ์เช่นนั้น ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งแม้จะเห้นด้วยกับการเรียกร้อง แต่ก็อยากจะใจเย็นรอให้ถึงเวลาเลือกตั้งตามที่ คมช. ให้สัญญาไว้ รบกวนถามเล่นๆนะครับ คิดว่าถ้าพันธมิตรสามารถเชื่อมสัญญานเอเอสทีวีได้ จะเป็นอย่างไรต่อไปครับ พันธมิตรจะยอมถอยจากเอ็นบีทีหรือเปล่า จากคุณ : masked v - [ 28 ส.ค. 51 09:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าเขาเชื่อมต่อัญญาณได้ ก็คงไม่ถอนหรอกครับ เพราะเท่ากับยึดสื่อของรัฐไว้ได้ เท่าที่ดูจากเมือวาน ผมคิดว่า รัฐบาลน่าจะมาถูกทางแล้ว สำหรับการแก้ปัญหานะครับ การเดินเกมผ่านระบบศาลตามปกติ แทนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน เมื่อได้หมายจับแล้ว มันจะเกิดการเล่นเกมทั้งสองด้าน ด้านพันธมิตร เขาต้องการให้เกิดภาพการลุยเข้ามาจับ ซึ่งต้องมีการประทะบ้างระดับหนึ่ง แล้วปล่อยห้มีภาพการจับแกนนำแบบถูลู่ถูกัง กระตุ้นอารมณ์แนวร่วม ให้ออกมา ซึ่งมีแกนนำรุ่น 2 รองรับอยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลนั้น เมื่อได้หมายจับเขาต้องเลือกว่าจะลุยจับ หรือรอข้ามวัน เพื่อดิสเครดิตพันธมิตรว่าไม่ยอมทำตามคำสั่งศาล ซึ่งผ่านเมื่อคืนมาแล้ว ก็แสดงว่ารัฐบาลเลืกกลยุทธ์แบบหลัง ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบได้ระดับหนึ่ง เพราะพันธมิตรเสียเปรียบในเรื่งภาพลักษณ์มาแล้วในเรื่องการยึด NBT การดิสเครดิตเรื่องไม่รับฟังหมายศาล จะช่วยลดกระแสได้อีกระดับหนึ่ง และหวังว่ารัฐบาลจะเดินเกมนี้ไปอีกสักระยะ จะช่วยให้ปัญหาจบลงด้วยการลดความสูญเสียได้มาก และคะแนนจะกลายเป็นของรัฐบาลไป ตอนนี้ก็คงต้องตั้งการ์ดรอสถานการณ์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย อยู่ที่ใครจะทนมากกว่ากัน ตอนนี้ พันธมิตรน่าจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ ยึดทำเนียบไว้ รอสลายม็อบกลับถอนออกไปปักหลักที่อื่น  ซึ่งผมว่าเขาน่าจะเลือกแบบแรกมากกว่า ส่วนเรื่องกลุ่ม 80 คนที่เข้ายึด NBT เมื่อเช้าวาน เท่าที่ฟัง ๆ กันในพรรคพวก น่าจะโน้มเอียงไปทางควบคุมไม่ได้มากกว่ากำหนดกลยุทธ์ผิดนะครับ เรื่องการกำหนดแผนโดย จปร. 7 นั้น ถ้ามองจากอดีต ทิศทางของแนวคิดกลุ่มนี้จะออกทางสายเหยี่ยว เน้นความรุนแรงสไตลนักรบ มากกว่ากลุ่มของ สนธิ ลิ้ม ครับ  ถ้าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและกำหนดเกมทั้งหมด  ก็คงเลี่ยงการปะทะยาก ตัวปัญหาของรัฐบาลตอนนี้น่าจะเป็นการยั่วยุของกลุ่ม ส.ส. นปก.หรือการดำเนินรายการของ NBT เอง ถ้าคุมให้อยู่ในความสงบ และเดินเกมตาม มท. 1 งานนี้จะรักษาความได้เปรียบไปอีกเยอะ แต่ที่เห็เมื่อวาน รู้สึก ตัวตัดแต้มของฝ่ายรัฐบาลเริ่มจะพยายามแสดงบทบาทมากไปหน่อย ต้องระวังวิธีการเดินเกมของสิงหบุรีรัมภ์ด้วย เพราะสายนั้น เน้นตาต่อตา เหมือนกัน  เพราะเป็นสไตล์ที่ทีมเรือใบสีฟ้าเขาชอบ  แม้จะมีกุนซือหลายทีม แต่พิสูจน์แล้วว่า กัปตันทีมนี้ชอบสไตล์การบุกแบบบุรีรัมภ์มากที่สุด จริง ๆ กุนซือสายบุ๋นมีอีกเยอะครับ  แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมสำหรับทีมสไตลบุกแหลก  ซึ่งถ้ารัฐบาลจะเพลี้ยงพล้ำกับเกมนี้ ก็เพราะกุนซือฝ่ายพันธมิตรอ่านเกมว่า คนที่กำหนดกลยุทธ์ของฝ่ายรัฐบาลจะต้องเป็นสิงห์บุรีรัมภ์นี่แหละ แต่ถ้าไม่ใช่ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ มท.1 เพียว ๆ พันธมิตรคงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่  เพราะจากที่เขาวางเอาไว้ แกนนำต้องถูกจับตั้งแต่เมื่อวาน และวันนี้ นสพ.จะต้องลงบทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของแกนนำก่อนถูกจับกุมแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 ส.ค. 51 10:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รู้ลึกรู้จริง มันต้องยังงี้อาจานผม 555 จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 28 ส.ค. 51 13:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ..เสียดายจริงที่กระทู้นี้ตั้งก่อนระบบทดลองให้คะแนน เลยจิ้มถูกใจใช่เลยให้ไม่ได้ รบกวนถามอีกนิดนะคะ.. จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้  ในสายตา ตปท. ที่มองมา เขาเห็นเป็นอย่างไรคะ (รุนแรง หรือ เป็นไปตามกลไกปกติ) อีกเรื่อง.. สถานการณ์นี้จะส่งผลต่อการขอลี้ภัยของคนที่อังกฤษ หรือไม่ อย่างไร ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ จากคุณ : จิตรางคทา - [ 28 ส.ค. 51 14:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตปท ไม่มีวันเข้าใจการเมืองไทยหรอกครับ เจอตอนปฏิวัติ19กันยาเข้าไป ผมว่าซีไอเอทั้งกรม ต้องล้างข้อมูลที่เป็นความคิดด้านการเมืองของคนไทยใหม่หมดเลย เพราะเอามาตรฐานจากประเทศไหนมาใช้ไม่ได้ทั้งนั้น คนไทยด้วยกันเองยังไม่เข้าใจเลย ประสาอะไรกับฝรั่งตาน้ำข้าวนิ จากคุณ : saravuht (BrettAnderson) - [ 28 ส.ค. 51 16:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ saravuht (BrettAnderson) ค.ห. 28 อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นครับ มันยังไม่มีชนวนเหตุขนาดนั้น วันนี้ผมว่าถ้าไม่มีพันธมิตร ประเทศไทยก็ยังอยู่ได้ ส่วนถ้ามีกลุ่มหวัรุนแรงออกมาเคลื่อนไหว ตำรวจก็จับไปเท่านั้นเอง จบ ตอนนี้ถ้ารัฐบาลไม่ใช้กำลังสลาย ผมว่าพันธมิตรคงมีทางไปอยู่สองทาง 1. ตีกันเอง แล้วโบ้ยให้รัฐ 2. ประกาศชัยชนะ(อีกแล้ว) แล้วถอยไปตั้งหลัก ให้ข้ออ้างว่าเคารพคำตัดสินของศาล เรียกเรตติ้งคืนมานิดหน่อย ไม่ทราบทุกท่านเห็นว่าอย่างไรครับ จากคุณ : masked v - [ 29 ส.ค. 51 00:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าต่อไปม.ดังๆทางด้าน political science ของต่างประเทศคงต้องตั้งภาควิชา Thai political science ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพราะอะไรอะไรที่มีอยู่ ไม่ว่าตำราไหนก็เอาใช้กับการเมืองไทยไม่ได้ทั้งนั้น หรือไม่ก็ไม่ตั้งเพราะว่า ต่อให้ตั้งมาแล้วศึกษากันตลอดชาตินี้และชาติหน้าก็ไม่มีวันเข้าใจ ตั้งไปก็เปลืองงบ เปลืองเวลาเปล่าๆ ขำๆ ;) เมื่อคืนกะว่าจะมาเปิดประเด็นใหม่เกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์อะไรซักอย่างนี่แหละ ตื่นเช้ามาดันลืมซะนี่ อ้อ ขอบอกว่า ไม่ใช่แก่แล้วหลงนะ ยังเอ๊าะๆอยู่ แต่กำลังชีช้ำหลังตรวจข้อสอบของนศ.แล้วปรากฏว่าคะแนนต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา เลยลืม ไม่อยากจะโทษว่าเป็นเพราะ admission แต่หลายๆอย่างมันค่อนข้างจะชี้ไปทางนี้ (ในหว้ากอเคยพูดเรื่องนี้กันไปแล้ว) เลยทำให้ลืมไปว่าวันนี้จะเปิดประเด็นอะไร บอกแล้วว่าไม่แก่ :) จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 29 ส.ค. 51 08:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าค่ะ   ทั้งๆที่เมื่อคืนนี้นอนดึกมากกกกก อากาศแถวบ้านเริ่มหนาวแล้วค่ะ   ไม่ทราบที่อื่นรู้สึกหรือยัง เช้านี้เข้ามาลุ้นคุณลุง เอ้ย  คุณรณ ให้คิดออกว่า  จะเปิดประเด็นเรื่องอะไร     แต่ไม่ลืมหรอกนะ  ว่าอาจารย์สื่อจะคุยเรื่องจีนต่อจากเรื่องพันธมิตร รออยู่ค่ะ แต่เรื่องที่กำลังเล่าอยู่นี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่คนเดินดินธรรมดาอย่างเราๆ  จะไม่มีวันรู้   นอกจากคนที่อยู่วงในเท่านั้นถึงจะได้ข้อมูลดิบมาวิเคราะห์สถานะการณ์ให้เรารับนรู้ได้ แต่ก็เหมือนหลายท่านที่บอกว่า  เหตุการณ์นี้อาจหักปากกาเซียนได้ง่ายๆ  เพราะไม่ได้อยู่ในทฤษฏีการจัดตั้งม๊อบ  หรือหลักการสลายม๊อบอย่างที่สากลเขาเป็นกัน ผู้สังเกตการณ์ก็เลยยังไม่กล้าฟันธงอะไรทั้งสิ้น  เพราะเหตุการณ์มันอาจจะกลับกลายเป็นโอละพ่อไปเลยก็ได้ ไอ้เบื้องลึกเบื้องหลังของทีมฟุตบอลนั้น ไม่เป็นที่ต้องกังขาหรอกค่ะว่าเขาเคลื่อนไหวเพื่อต้องการอะไร และบรรดานักฟุตบอลทีมเรือใบฯ ที่ลงเตะอยู่ในสนาม ณ เวลานี้ ก็เข้าใจความต้องการของเขาได้ดี   ก็พวกเขามีอาชีพเป็นนักฟุตบอลนี่คะ    พวกเขาก็ต้องเป็นฝ่ายครองบอลให้ได้มากที่สุด   และสุดท้ายเลยก็คือ  พวกเขาต้องการเป็นทำประตูให้ได้ แต่อีกฝ่ายนึงนี่สิ  ยังไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงเลย   ลงสนามมานัดนี้ เหมือนกับจะมาวิ่งๆๆๆๆเพื่อให้หมดเวลาการแข่งขันเท่านั้นเอง และสุดท้าย  ก็ต้องมายิงลูกโทษเพื่อเป็นการตัดสิน ลูกทีมใครแม่นกว่า  ก็เอาถ้วยไปครอง   หรือนายทวารทีมไหนอ่อนหัดกว่าก็เป็นฝ่ายโดนยิง แต่เชื่อว่าบรรดาคอบอลทั้งหลาย   คงไม่อยากให้เวลา  90 นาที ผ่านไปเพียงแค่ฟังคุณเอกราชพากษ์ให้ฟังมันส์เท่านั้นใช่ไหมคะ ที่นั่งดูอยู่นี่  ก็ต้องการเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยิงประตูค่ะ  ไม่ใช่วิงไปวิ่งมา เชียร์แบบนี้ เข้าข่ายสายเหยี่ยวหรือเปล่าคะอาจารย์ จากคุณ : Gasalong - [ 29 ส.ค. 51 09:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สุดท้ายประตูเหล็กรั้วทำเนียบก็คงไม่แข็งแรงพอที่จะกั้นไม่ให้คนไทยสองฝ่ายทำร้ายกันไม่ได้ จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 29 ส.ค. 51 12:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กลับกันผมว่าฝรั่งรู้จักเมืองไทยดียิ่งกว่าดีเพียงแต่เขาไม่พูดมากเท่านั้นเอง ผมกำลังอ่านวิทยานิพนธ์ที่เอาข้อมูลมาจากเอกสารของ CIA-กระทรวงการต่างประเทศ-จดหมายจากประธานาธิปดี ที่เพิ่งเปิดเผยตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารสหรัฐฯ  นอกจากนั้นยังมีเอกสารจากอังกฤษทั้งของสถานทูต การประชุมครม ฯลฯ มีอะไรที่น่าสนใจมากทีเดียวในเรื่องเกี่ยวกับการเมืองไทยในสมัย 2500-2516 จากคุณ : Nexus - [ 29 ส.ค. 51 14:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ^ ^ เหอ... ฝรั่ง (มะกันมาตลอดเลย) อีกแล้ว ในทางกลับกันผมว่าไทยรู้จักเมืองฝรั่งดียิ่งกว่าดีเพียงแต่เราไม่พูดมากเท่านั้นเองผมได้อ่านหนังสือหลายๆเล่มที่มีขายกันเกลื่อนกลาด สำนักข่าวหลายๆ สำนักที่เสนอข่าวยังกับงานโฆษณา มีอะไรน่าสนใจเยอะมากเลยเกี่ยวกับเมืองฝรั่ง โดยเอาแค่ใกล้ๆ การเลือกตั้งของมันที่กำลังจะเกิดขึ้นเนี่ย เอามั้ง แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 51 16:35:21 จากคุณ : Democrazy (Layla Kop) - [ 29 ส.ค. 51 16:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าวิเคราะห์ทางเกมส์ พันธมิตรไม่ต้องทำอะไรมากครับ เค้าเดินเป็นสเต็ปอยู่ 1 ยึดทำเนียบให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ายึดได้เป็นเดือนก็คิดดูละกัน 2 ยืดเรื่องกำหนดการ หมายศาล หรืออื่นๆทางกฏหมายให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ 3 ปลุกระดมมวลชนให้มากขึ้น 4 ใช้สื่อในมือ ยั่วยุกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ปลุกเร้ามวลชนให้เพิ่มขึ้นๆ ถ้าเค้าปลุกระดมมวลชนได้มากพอ เค้าก็จะกระจายเคลื่อนพลไปที่นั่นที่นี่ ได้หลากหลายรูปแบบ ปิดล้อมหรือเรียกร้อง ฝ่ายหลักๆอยู่ทำเนียบ ที่เหลือแยกตัวเคลื่อนที่ไปล้อมที่นั่นปิดที่นี่ รัฐจะรับมือโดยเลี่ยงความรุนแรงก็ลำบาก เพราะต้องถอยจนไม่มีที่ให้ถอย พันธมิตรก็อาจจะเกินการควบคุมกันเอง ความเสียหายก็จะเกิด ตอนนี้ได้แค่รอดูว่าทางสถาบันตุลาการจะว่ายังไง ถ้าฝ่ายตุลาการดำเนินการทุกอย่างชอบธรรม มีอะไรชี้แจงออกผ่านสื่อให้ประชาชนเข้าใจ  ที่สำคัญ คือ รวดเร็ว ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แต่ถ้ายืดเยื้อในที่สุดก็อาจเกินควบคุม ทุกคนสู้ด้วยผลประโยชน์ รัฐบาลจะสู้ตามกติกา ส่วนพันธมิตรจะต้องเล่นนอกกติกา ตอนนี้เค้าเดินเกมส์กันแบบนี้ จากคุณ : Robonin S.knight - [ 29 ส.ค. 51 17:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ แปลว่า จะจบได้ ต้องเกิดความรุนแรง ไม่ช้าก็เร็วหรือคะ ซ้าธุ... ขอให้นักเรียนใหม่เข้าใจผิดทีเถอะ (-/\-) จากคุณ : จิตรางคทา - [ 29 ส.ค. 51 17:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมคิดว่าคงต้องเกิด แต่ขนาดควา่มรุนแรงจะมากน้อยขนาดไหนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะแค่หัวร้างข้างแตก หรืออาจจะหนักกว่านั้นแต่ผมว่าไม่น่าจะถึงขั้นเสียชีวิต ถ้ารัฐบาลถอยสมัครก็อยู่ในตำแหน่งไม่ได้แน่นอน ถ้าพันธมิตรถอย.....หลายคนคงจะโดนเช็กบิลทั้งทหารทั้งนักการเมือง ดังนั้นผมว่าพันธมิตรไม่ถอยแน่ๆ ถ้ารัฐบาลจับ 9 คนตามหมายจับได้ในวันสองวันนี้ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ศาล เรื่องคงจะคลี่คลายไปเร็ว แต่ถ้าลากยาว อาจจะได้เห็นรถถังออกมาวิ่งเล่นตามท้องถนน แต่คราวนี้คงไม่จบด้วยดอกไม้เหมือน 19 กันยา ผมเชื่อเช่นนั้น จากคุณ : Nexus - [ 29 ส.ค. 51 18:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่า ใครลงมือก่อน แพ้ น่ะครับ งวดนี้อ่ะนะ จากคุณ : กริชครับผม - [ 29 ส.ค. 51 21:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เงียบกันจัง... อยากให้วิเคราะห์เรื่องอิทธิพลของสื่อต่อเหตุการณ์ด้วยได้มั้ยคะ ตามที่เข้าใจ.. ... เมื่อคราว ต.ค. สองเหตุการณ์    น.ศ. คือกำลังหลัก สื่อถูกแทรกแซง  ประชาชนรับข่าวทางเดียว   ... ตอน พ.ค. 35 ปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิด คือ กำลังหลักเป็นชนชั้นกลาง การปิดกั้นสื่อ ถูกเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ (ในขณะนั้น) อย่างโทรศัพท์มือถือมาขัดขวาง ทำให้การบิดเบือนกลายมาเป็นอาวุธทำร้ายตัวเอง ...... แล้ว คราวนี้ล่ะ  ??? เท่าที่เห็นจากห้องอื่นๆ ประเด็นสื่อถูกเพ่งเล็งมาก เพราะดูจะเป็นอาวุธของทั้งสองฝ่าย ? คนละช่องออกข่าวไม่เหมือนกัน ถือว่าธรรมดา ..ช่องเดียวกัน ชักรายงานคนละอย่าง เริ่มเป็นประเด็นใหม่ให้วิจารณ์ แบบนี้  จะเกิดรูปแบบใหม่ของบทบาทสื่อหรือเปล่า.. .. ((เช่น อาจกลายเป็นไม่มีบทบาทหลักเหมือนเคย เพราะคนไม่เชื่อถือ ฯลฯ)) จากคุณ : จิตรางคทา - [ 29 ส.ค. 51 23:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถูกใจการวิเคราะห์และให้เหตุผลของแต่ละคนในห้องนี้มากเลยค่ะ เคยเข้าไปใน รดน. แล้วออกมาแทบไม่ทัน ขนาดแค่เข้าไปอ่านเฉย ๆ นะ เหมือนเค้าพูดกันโดยไร้เหตุผล แล้วก็เอาสีข้างเข้าถูกันอย่างเดียว อ้อขอถามอาจารย์สื่อหน่อยนะคะว่า อย่างในห้อง รดน. นี่ถือว่าเป็นการจัดตั้งได้มั้ยคะ เพราะเห็นว่ามีอุดมการณ์ร่วมกันหรือคล้ายกันน่ะค่ะ จากคุณ : เมืองหญ้าคา - [ 30 ส.ค. 51 00:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ดึกๆคืนวาน สมัครบินไปประจวบ... จะไปกราบบังคมทูลลาออกแบบ ถนอม? หรือจะคั้งกองบัญชาการปราบกบฏแบบป๋าเปรม? อาจารย์สื่อเห็นว่าอย่างไรครับ (หรือข่าวจะออกมาก่อนที่อาจารย์สื่อจะเห็นคำถามผมเนี่ย) จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 30 ส.ค. 51 06:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอโทษที หายไปทั้งวัน มัวไปนั่งหัวเราะกับแถลงการณ์ของนักศึกษาจุฬาฯกะธรรมศาสตร์ ถ้าเป็นก่อนเมือวานนี้ พรรคพวกมักจะชอบพูดกันว่า พันธมิตรไม่ค่อยสนใจแนวร่วมเท่าไร จะพูดจะจา เหมือนจะทำให้แนวร่วมหายไปเรื่อย ๆ ทั้ง อ.ปริญญา ที่เชื่อว่าน่าจะคุมขบวนการ นศ.ได้ระดับหนึ่ง หรือแม้กระทั่งพระพยอม ที่น่าจะมีบทาทชี้นำความคิดชนชั้นกลางในสังคมได้ แต่พันธมิตรก็มิได้นำพา  วิพากษ์วิจารณ์ทั้งอ.ปริญญา เรื่องริบบิ้นขาวกะพระพยอมซะถอยกรูด ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ไม่ได้สนับสนุนรัฐบาลแต่อย่างใด แต่พอฟังกลุ่มที่อ้างว่าเป็นตัวแทนขบวนการ นศ.จากจุฬาฯที่ชื่อบ้า ๆ ว่าประชาธิปไตยไม่ใช่กิ๊ก กะ มธ.ที่ถ้าฟังไม่ผิด น่าจะเป็นอุปนายกฯฝ่ายการเมือง ซึ่งไอ้เราก็ไม่ใช่ลูกเหลืองแดง ไม่แน่ใจว่ามันมีตำแหน่งนี้ใน อมธ.ด้วยหรือเปล่า เคยได้ยินแต่ อุปฯในกะอุปฯนอก พอฟังแล้ว ก็เข้าใจครับว่า ทำไมพันธมิตรถึงไม่สนใจแนวร่วมนักศึกษา เพราะมันหมดสภาพอย่างสุด ๆ แล้วครับ  ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเคลื่อนไหว ประเด็น หรือกระทั่งกริยาท่าทางที่มานั่งแถลงข่าวใต้ต้นมะขาม (ต้นอะไรไม่รู้ แต่อยากเรียกว่าต้นมะขาม มันเหมือนหมอดูดี) ฝ่าย มธ.พอดูได้หน่อยที่อุตส่าห์แต่งเครื่องแบบ แต่ฝ่ายจุฬาฯ เห็นน้องเล่นเสื้อคอกลม หุ่นยังกะนักร้องวงแคลอรี่ บลา บลา แถมยังเอานักศึกษาหน้าแฉล้ม มายืนถือสติ๊กเกอร์ เบื่อม็อบพันธมิตร แกว่งไปแกว่งมาพอให้ได้ผ่านกล้อง มองแล้วยิ่งอนาจ ก็บอกได้แค่ว่า ลาก่อน ขบวนการนักศึกษาไทย ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 08:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เงื่อนไขการตั้งกองบัญชาการต่อต้านการปฎิวัติแบบป๋าเมื่อเมษาฮาวาย ผมว่ายากนะ  เรื่องลากออก ก็ยิ่งยากพอกัน เหตุผลขอละไว้แล้วกันนะครับ ที่น่าสังเกตุฝ่ายรัฐบาลไว้นิดนึงว่า ที่ไม่ใช่กำลังทหารนั้น ไม่อยากใช้ หรือทหารไม่ให้ใช้กันแน่ เอาแว่นขยายส่องดูแล้ว ผมว่า รัฐบาลอาจจะไม่มีทางเลือกมากนักในการสลายม็อบ ที่ยังต้องใช้ตำรวจเหมือนสุภาพบุรุษอยู่อย่างนี้ เป็นเพราะทหารไม่ยอมออกมาหรือเปล่า เพราะการที่ทหารออกมาในสมัย 14 ตุลา และพ.ค.นั้น นายกฯเป็นทหารทั้งคู่นะครับ คล้าย ๆ กับว่า เจ็บเพื่อนาย พอได้ แต่เจ็บเพื่อคนอื่น ทำไปทำไม แม้กระทั่ง 6 ตุลา เราก็ทราบกันดีว่า คนปฎิบัติการไม่ใช่ทหาร รัฐบาลลาออก หรือนายกฯลาออก คงไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย เพราะพรรคพลังประชาชนครองเสียงข้างมากอยู่ดี เป้าหมายของพันธมิตร ถ้ายังอยู่ในกรอบอยู่ ก็น่าจะต้องก้าวข้ามไปถึงการยุบสภาฯมากกว่า  ซึ่งก็ยังไม่ใช่หลักประกันว่าพรรคนอมินีจะไม่กลับมาอีก นอกจากเขาจะไม่มีกรอบอะไรแล้วเท่านั้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 08:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อวานเป็นการปะทะเพื่อหยั่งกำลังกันครับ  ไม่ได้หวังแตกหักด้วยกันทั้งคู่  ตำรวจก็อยากรู้ว่า เนื้อแท้พันธมิตรจะยันได้แค่ไหน เพราะเรื่องนี้จำเป็น  ถ้าพันธมิตรแตกง่าย  การกำหนดแผนก็จะเป็นไปอีกแบบหนึ่ง เมื่อพันธมิตรจึงจำเป็นต้องนำกำลังมายึดราชดำเนินคืน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่สถานที่เป้าหมายหลักแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่ดีกับม็อบที่เหลือว่า แตกง่าย ครั้บ ไม่ง้นขวัญกำลังใจระรวน รวมทั้ง คงจะเอาไว้เป็นที่มั่นสำรอง หากม็อบที่ทำเนียบถูกตีแตกด้วย แต่จริง ๆ ไม่น่านะ เพราะชัยถูมิที่ราชดำเนินมันเปิดทุกด้าน หากถูกตีที่ทำเนียบจนแตกแล้ว คงยืนหยัดต่อที่ราชดำเนินไม่ไหวเหมือนกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 08:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ส่วนวันนี้คงไม่มีอะไรฮิอฮามาก เพราะสมเด็จพระบรมฯเสด็จที่สวนอัมพร ส่วนเรื่อง สื่อ ผมจะอธิบายรวมไปกับคำว่า "แนวร่วม" เลยแล้วกันนะ คำว่า "แนวร่วม" ที่นำมาใช้กันบ่อย  ๆนี้ เป้นคำที่มีความหมายมากในการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือการรณรงค์ใด ๆ ก็ตาม การเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น เริ่มต้นมันต้องมีองค์กรนำ หรือแกนนำก่อน อย่างพันธมิตร เขาก็มีแกนนำจากที่รู้ ๆ กันอยู่ และใช้ชื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นชื่อองค์กร  ประกอบด้วยกำลังหลักจากฝ่ายสันติอโศก ซึ่งนอกจากญาติธรรมแล้ว ยังมีสมาชิกจากอโศกสถานหลายแห่งทั่วประเทศ เป็นกำลังหลักที่ไว้ใจได้ รวมทั้งผ่านม็อบมาแล้วหลายครั้ง ชำนาญงาน พร้อมพรักเรื่องการจัดตั้ง เสบียงแบบกินง่ายนอนง่าย กำลังใจดี เพราะมีสมณะโพธิรักษ์เข้าร่วมอย่างเต็มตัว  จำนวนคนสั่งได้จะเอาหลักพันหลักหมื่น (ถ้าหลักแสน ต้องสำนักเมืองปทุมฯ ที่นั่นระดับแสน สบาย ๆ ในวันเดียว แต่งานนี้ไม่เข้าร่วม เพราะอดีตนายกฯเคลียร์ได้ตั้งนานแล้ว) กลุ่มนี้ อดีตนายกฯ พยายามเกลี้ยกล่อมมาครั้งหนึ่งแล้ว ในฐานะคนรู้ใจกันมาเก่าก่อน แตไม่สำเร็จ เพราะพลาดที่หวังเอาเงินฟาดหัว แต่กลับเจอกฎเหล็กที่ว่า ไม่อ่านหนังสือของสันติอโศกครบทั้ง 7 เล่ม ห้ามบริจาค ฝ่ายพนักงนรัฐวิสาหกิจ กลุ่มนายสมศักดิ์  โกศัยสุข  มีกำลังหลักเป็นพลักงานการรถไฟ  และรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะ กฟผ.ของศิริชัย ไม้งาม  กลุ่มนี้หลักพันในวันเดียว สบายมาก  ส่วนใหญ่พวกการ์ดพันธมิตรจะมาจากสายนี้  เน้นรุนแรง พร้อมตีทุกเมื่อ ผลประโยชน์หลักของกลุ่มนี้ คือ ป้องกันไม่ให้รัฐบาลแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐบาลอดีตฯนายก หรือ ปชป.ของพี่มาร์ก ก็พอกัน คือ จะแปรรูปด้วยกันทั้งคู่ เลยไม่เข้าข้างใคร ตีหมด กลุ่มนายสมศักดิ์ นี่คนที่ปวดร้าวที่สุด น่าจะเป็นวีระ ณ ไข่มุกดำ เพราะตอนที่วีระได้เข้าไปในกระทรวงคมนาคม สมัย อ.วัน นอร์ ได้คุมการรถไฟ และเป็นคน "จัดการ" สหภาพการรถไฟของสมศักดิ์ให้กลายเป็นฐานมวลชนการเมืองเต็มรูปแบบ เพราะหวังใช้เป็นฐานการเมืองให้ความหวังใหม่ กลุ่ม อ.สมเกียรติ พงษไพบูลย์  พูดไปแล้ว เป็นสานสมัชชาคนจน หรือ NGOs สายเคลื่อนไหว  เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดตั้งม็อบแบบยืนระยะยาว เจ้าของสถิติม็อบคนจนล้อมทำเนียบนาน 99 วัน และยั่วยุให้ตำรวจใช้หมากัดม็อบกะปีนทำเนียบ จนกลายเป็นตำนานม็อบไปแล้ว กลุ่มนี้ หัวขบวนเป็นอดีตนักกิจกรรมในมหาวิทยาลัยรุ่น ๆ เดียวกะสุริยะใส หรือแก่ก่ว่านิดหน่อย (แต่ไม่ใช่พวกหน่อมแน้ม พ.ศ.นี้แน่) เป็นที่รวบรวมอดีตนักกิจกรรมระดับนำของมหาลัยเมื่อสิบ ยี่สิบปีก่อน ที่ยังสืบทอดอุดมการณ์ขนาดแท้ไว้ได้ แม้ว่าหัวขบวนรุ่นแรกจริง ๆ จะเปลี่ยนสีไปหมดแล้วก็ตาม พลพรรค นอกจากกลุ่มนักศึกษาแบบไม่ประกาศสังกัดแล้ว ยังมีอดีต สมัชชาคนจน เข้าร่วมหลายคน เชี่ยวชาญการจัดตั้ง และการสร้างกระแสข่าว คุ้นเคยกับสื่อมวลชนสายการเมืองเปผ้นอย่างดี รู้มุกสร้างข่าว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 09:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 52 กลุ่มสนธิ  ลิ้มทองกุล  แน่นอนว่ามี ผู้จัดการ เป็นแบ๊ก แถมยังมีเอเอสทีวีสื่อทรงประสิทธิภาพที่สุดเป็นกำลังหลักสำหรับพันธมิตร แกนนำเหล่านี้ เรียกว่า เป็นพันธมิตร องค์กรนำ หรือแกนหลักเลยครับ  ไม่ใช่แนวร่วม คำว่าแนวร่วมนั้นมันจะต่างออกไปนิดนึง  วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของแนวร่วม มันไม่ใช่เอามาเคลื่อนไหวออกหน้าออกตา เพราะหลักการเคลื่อนไหวแบบมวลชนนั้น ต้องยึดหลักยึดเยื้อยาวนาน  การสนับสนุนจากลุ่มอื่นนอกจากกลุ่มหลักมันต้องมี ความต่างของแนวร่วมกับองค์กรหลัก คือ องค์กรหลักหรือแกนนำนั้น จะเปิดเผยตัวและวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน เพราะต้อเป็นศูนย์กลางในการสื่อกับสังคมว่า ต้องการอะไร  ถ้าใครเห็นด้วยก็มาร่วม ถ้าไม่เห็นด้วยก็ค้านไป หรือเฉย ๆ ไว้ แต่แนวร่วมนั้น หมายถึงว่า เวลาเคลื่อนไหวโดยองค์กรหลัก ด้วยการที่มันจำเป็นต้องประกาศตัวและวัตถุประสงค์ให้ชัด  ทำให้การสื่อสารกับกลุ่มกลาง ๆ ที่ไม่หนุน ไม่ค้าน ทันทำได้ลำบาก หลักการจัดตั้งมวลชนนั้น เขาจะต้องแบ่งแยกกลุ่มคนให้ชัดเจน ตามทัศนคติ  โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับใหญ่ ๆ คือ พวกก้าวหน้า พวกกลาง และพวกล้าหลัง   พวกก้าวหน้า คือ พวกที่มีความคิดเห็นหรือนิสัยสอดคล้องต้องกันกับแกนนำอยู่แล้ว แค่สะกิดนิดเดียวก็พร้อมจะประกาศเข้าร่วมเลย  ไม่ต้องพูดอะไรมาก เรียกว่ามองหัวแม่ติ๋น ก้อรู้ใจ นั่นแหละ การจัดตั้งกลุ่มก้าวหน้านี้ ระดับแกนนำหรือองค์กรหลักที่เปิดเผยตัวตนชัดเจน เข้าพูดได้เลย ไม่ต้องเหนียม  แถมถ้าไม่พูดตรง ๆ อาจะโกรธเอาอีกว่าไม่รักกันจริง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 09:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอแทรกเรื่องแนวทางของกระทู้นี้นิดนึงว่า อากให้เป็นแค่กระทู้แลกเปลี่ยนความรู้ หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ แบบไม่เลือกข้าง  เพราะว่ากระทู้แบบเลือกข้างมีอยู่มากแล้วในกระทู้อื่น ๆ โดยเฉพาะใน รดน.ดังนั้นพื้นที่ตรงนี้เลยอยากสงวนไว้ให้กับคนที่ยังไม่ต้องการเลือกข้าง แต่อยากมองสถานการณ์อย่างเข้าใจมากกว่า โดยส่วนตัวผม เลือกข้างครับ แต่ขอชี้แจงว่า การแสดงออกหรือเคลื่อนไหวแบบเลือกข้างนั้น ผมขอสงวนไปใช้ชื่ออื่น และสนามอื่น ไม่ใช่ในกระทู้พันธฺพย์นี้แล้วกัน หวังว่าท่านอื่น จะเลือกวิธีเดียวกับผมนะครับ ไม่เลือกข้างแต่ออกแบบได้นะ เพราะฉนั้น ฟุตบอลสนามนี้ไม่มียิงประตูครับ ใครไม่ใช่ชอบเกมศูนย์ คงต้องย้ายช่องแล้วละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 09:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ส่วนอีกพวกนึง ที่เรียกว่าพวกกลาง ๆ กลุ่มนี้สำคัญ เพราะจะเป็นคนส่วนมาก หากดึงเข้ามาได้ จะเป็นกำลังหลัก และเป็นกำลังที่ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัว เพราะเป็นกลุ่มที่เข้าร่วมโดยบริสุทธฺใจไม่มีแอบแฝง กลุ่มนี้เอง ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องมีองค์กรแนวร่วมเข้ามาช่วย เพราะกลุ่มกลาง ๆ นี้ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าไม่นิยมสุดโต่ง  ดังนั้น เรื่องที่จะยอมติดขานเอเอสทีวี หรือเดินทางไปฟังจำลองที่ราชดำเนิน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  อย่างมากก็แค่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดตามหน้า นสพ.หรือจอตู้เท่านั้นเอง แล้วกลุ่มนี้จะดึงมาเป็นพวกได้อย่างไร ก็ต้องใช้แนวร่วมครับ  หรือพูดง่าย ๆ ก์ คือ องค์กรหลักจะต้องมีการจัดตั้งองค์กรย่อย หรือกลุ่มย่อย ออกมา โดยไม่แสดงตัวว่าเป็นพวกกันอย่างร้อยเปอร์เซนต์ ไม่ต้องประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถสื่อสารกับกลุ่มกลาง ๆ ได้ วิธีการของแนวร่วม คือ แสดงจุดยืนสนับสนุนองค์กรหลัก  ซึ่งจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มกลาง ๆ ได้มากกว่า คล้าย ๆ กับว่า เขาไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่สนับสนุนเพราะเชื่อมั่นกับกลุ่มหลักว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรียกว่าเป็นเครื่องหมายการันตีได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ องค์กรแนวร่วมยังสามารถทำหน้าที่คัดเลือกคนเข้าสู่องค์กรหลักได้ เพราะด้วยภาพลักษณ์และท่าทีที่ไม่สุดโต่ง  ทำให้คนกลุ่มกลาง ๆ กล้าที่จะก้าวเข้ามาเสวนาด้วย ซึ่งจะเป็นช่องทางการพัฒนาให้เป็นฝ่ายก้าวหน้าต่อไป จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 09:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ชักสงสัยว่า สังคมประชาธิปไตยจริงๆอาจจะต้องผ่านสุดโต่งทั้งสองด้านคือ สุดโต่งจากภาครัฐ แล้วมาถึงสุดโต่งภาคไม่ใช่รัฐ ต้องให้ทั้งสองภาคทำความเสียหายกันจนประชาชน "ซาบซึ้ง" เสียก่อน ว่าอย่าไปหวังให้มากนักกับทั้งสองฝ่าย(ไม่ว่าจะ GO หรือ NGO) ต้องหาโซ่มาล่ามคอเอาไว้ทั้งคู่ ช่วยกันเฝ้าบ้าน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มี Agenda ของตัวเอง หลังจากที่เห็นความ @#$# ของทั้งคู่แล้ว ถึงจะเกิดการเมืองใหม่ที่เป็นจุดลงตัวระหว่างทั้งสองภาค จากคุณ : Nexus - [ 30 ส.ค. 51 09:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ในสมัยก่อน ขบวนการนักศึกษาเป็นแนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยครับ  ทำให้การเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาแหลมคมไปด้วย แต่ทั้งนี้ต้องหมายเหตุไว้ก่อนนะครับว่า การจัดตั้งในขบวนการนักศึกษานั้น พคท.ขาไม่ได้จัดตั้งที่แกนนำ หรือทั้งหมดจะต้องเป็นคอมมิวนิสต์นะครับ  บางคนอาจจะไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก หรือเกลียดคอมมิวนิส์ก็ได้   ถามว่าทำไม ก็ต้องย้อนกลับไปอ่านข้างบนครับ แต่ที่ต้องเป็น นศ.เพราะกลุ่มนี้มีลักษณะเด่นของกลุ่มก้าวหน้าสำหรับ พคท. นั้นคือ นอกจากจะสนใจการบ้านการเมืองตามประสาคนเรียนหนังสือแล้ว ยังมีความคิดก้าวหน้า เข้าใจเรื่องการเอารัดเอาเปรียบ ความอยุติธรรมในสังคม  ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ พคท.ที่ต้องการให้เกิดการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ที่สำคัญ คือ มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีสถานภาพนำในสังคม มีเวลาว่างจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากพอที่จะเคลื่อนไหวอะไรได้ ขบวนการนักศึกษาในไทยเคยเฟื่องฟูสมัย อ.ปรีดี ยังเป็นผู้ประศาสการณ์ มธก. ซึ่งท่านและพรรคพวกเคยผ่านการปฎิวัติ และการทำงานเสรีไทย ทำให้มีการถ่ายทอดความรู้ ความคิด และอุดมการณ์มายังลูกศิษย์ใน มธ.ได้ ขบวนการนักศึกษายุคนี้มาฟุบลงไปในยุคจอมพล ป.หลังปราบกบฎวังหลวง และ อ.ปรีดี ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ขบวนการนักศึกษามาฟื้นตัวอีกครั้งในยุคจอมพล ส.ที่มีนโยบายให้ นศ.ออกค่าย ตามแนวคิดของซีไอเอ ทำให้นักศึกษารุ่นแรก ๆ ของกลุ่มนี้ได้ออกไปสัมผัสกับชีวิตคนในชนบทที่ลำบากแสนสาหัส และถูกเอาเปรียบ สร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาอยากต่อสู้กับความอยุติธรรม  ประกอบกับการขยายตัวของ พคท.ที่เริ่มเข้ามาจัดตั้งในขบวนนักศีกษาตามมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง  ทำให้ขบวนการนักศึกษาเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว จนมาถึงจุดสูงสุดในยุค 14 ตุลา และฟุบอีกครั้งหลัง 6 ตุลา 19 ในช่วงที่ นศ.เข้าป่าเป็นว่าเล่นนั้น  ขบวนการนักศึกษาในชื่อของ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ ศนท.ได้แปรรูปจากแนวร่วมในเมืองเป็นแนวร่วมในป่าอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ประสิทธิภาพในการทำงานไม่ค่อยเวิร์กเหมือนตอนอยู่ในเมือง เพราะรูปแบบภารกิจกับองค์กรไปด้วยกันไม่ค่อยได้ หลัง 6 ตุลา ขบวนการนักศึกษาหงอย ๆ ลงไปเยอะ เพราะการต่อสู้เคลื่อนย้ายไปสู่ป่าอย่างเต็มรูปแบบ  การเคลื่อนไหวในเมืองเลยอ่อนแอลงไป เพราะไม่ใช่แนวทางหลักของเหมา เจ๋อ ตุง กิจกรรมของขบวนการนักศึกษายุคนั้น พยายามเกาะภาพลักษณ์เดิม ๆ เช่น ต้องเป็น มธ.(ตอนนั้นรัฐบาลห้ามตั้งศูนย์นิสิตนักศึกษา หรือกระทั่งองค์กรนักศึกษาในสถาบัน) การเคลื่อนไหว ก็เปลี่ยนไปจากมุ่งหาอุดมการณ์สังคมนิยมเต็มตัว ก็เปลี่ยนมาจับประเด็นความเดือดร้อนของคนในสังคมแทน เช่น การประท้วงการขึ้นค่ารถเมล์ที่ตอนนั้นมีนักศึกษาจาก มธ.เป็นแกนนำ  คนที่สร้างชื่อจากงานนี้ก็พี่อภิชาติ ดำดี นักศึกษา มธ.ลูกสะอ จากเมืองกระบี่ หรือที่ตอนนี้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ดำดี นักจัดรายการทางทีวีไปแล้วนี่แหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 10:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หลังจากยุคนั้น ขบวนการนักศึกษาก็ทรง ๆ ตัว แต่ยังพอเป็นที่พึ่งของการต่อสู้กับภาครัฐได้อยู่  ใครเดือดร้อนอะไร ก็ยังพอไปพึ่งขบวนการนักศึกษาได้อยู่ จนกระทั่งเหตุการณ์ป่าแตกเมื่อปี 23-25 ผู้นำนักศึกษาทยอยออกจากป่า พร้อมกับความผิดหวัง โดยเฉพาะ อ.เสกสรรค์ ประเสิรฐกุล เจ้าของคำพูดที่ว่า ผมเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์  ทำให้ขบวนการนักศึกษาในเมืองที่ยังเกาะภาพลักษณ์เก่า ๆ เช่นการจัดงานรำลึก 14 ตุลา 6 ตุลา ให้พอรักษากระแสผู้นำมวลชนไปได้เป็นพัก ๆ ต้องใจสลายไปด้วย ยิ่งเมื่อ พคท.ล่มสลายอย่างชัดเจน  นักศึกษาก้าวหน้าส่วนหนึ่งที่พยายามรักษาขบวนการนักศึกษาเอาไว้ให้ได้ เริ่มแสวงหาแนวทางใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางของโซเวียต ที่พยายามเข้ามาแทนที่คอมมิวนิสต์สายจีน ตอนนั้น นักศึกษาก้าวหน้า ต้องหาหนังสือของลีโอ ตอลสตอล มาอ่านกันอย่างจริงจัง และแสนจะปวดหัว เพราะชื่อตัวละครที่เป็นภาษารัสเซีย แสนจะอ่านยาก จำยาก แต่ทำไงได้ ในเมื่อสรรนิพนธ์เหมามันไม่ขลังเสียแล้ว แต่แนวทางนีก็ไปได้ไม่นาน เพราะจูนกันไม่ค่อยติด เนื่องจากความเป็นรัสเซีย มันต่างจากจีนเยอะ อย่างน้อยเมื่อครั้งนำโดยสายจีน ก็ยังมี นศ.ลุกจีนในไทยที่พอจะกล้อมแกล้มได้ แต่พอเจอรัสเซีย ที่มีเวียดนามเป็นเอเย่นต์อยู่ในภูมิภาคนี้ เล่นเอาขบวนการนักษาไปไม่เป็นเลยทีเดียว แถมโซเวียตตอนนั้น ก็เลิกบ้าขยายลัทธิคอมมิวนิสต์เสียแล้ว  เพราะหลังจากป่าแตกไม่กี่ปี โซเวียตก็ดันมาประกาศเปเรสตอยก้า และกลานอส เสียอีก ขบวนการนักศึกษาที่หวังจะเปลี่ยนแนวทางเดินไปสายโซเวียตก็เซ็งเป็ดกันไป  ส่วนหนึ่งก็พยายามค้นหาแนวทางแบบไทย ๆ โดยมี ส.ศิวรักษ์ เป็นที่พึ่ง แต่ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 10:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แต่ช่วงปี 2526-27 ก็มีเหตุการณที่สำคัญสำหรับขบวนการนักศึกษาอยู่เหมือนกัน เพราะยังมีความพยายามที่จะฟื้นฟูความเป็นผู้นำมวลชนของขบวนการนักศึกษาอยู่  ประกอบกับการที่รัฐบาลเริ่มคลายกฎเหล็ก หลังจากชัดเจนว่า พคท.ไม่รอดแล้ว ในช่วงปีนั้นมีการจัดตั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษา หรือองค์กรที่นักศึกษาทุกสถาบันมาร่วมทำกิจกรรมกันได้อีกครั้ง  แต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท.แทน เลขาธิการคนแรก ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็น ภูษิต  ประคองสาย นักศึกษาแพทย์จากมหิดล หรือรามาก้ไม่แน่ใจ ตอนนี้ไม่ทราบหายไปไหนแล้วเหมือนกัน   การตั้ง สนนท.ทำให้การเคลื่อนไหวของขวนการนักศึกษาพอจะคึกคักมาได้ระดับหนึ่ง เพราะสามารถใช้ชื่อร่วมกันที่แสดงถึงพลังได้หน่อย คนที่สร้างชื่อให้กับ สนนท.ยุคแรก ๆ นั้น น่าจะเป็น วิลาสิณี  หมอกเจริญพงษ์ ที่นำ สนนท.ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องสิทธิของสื่อมวลชน ที่เอาโลโก้ลิงสามตัวมาเรียกร้องให้น้าชาติเลิกประกาศคณะปฎิวัติฉบับที่ 47 ที่เป็นโซ่เหล็กล่ามสื่อมวลชนยุคหลัง 6 ตุลามายาวนานได้สำเร็จ วิลาสิณี เป็นนักศึกษาแพทย์จากมหิดลเหมือนกัน  หลังจากจบ ป.ตรีแล้วก็ไปเรียนต่อเมืองนอก แล้วก็ห่างหายไปจากการเมืองเหมือนกัน ยุคถัดมาอีกนิด ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นยุคเกือบสุดท้ายของพลังขบวนการนักศึกษาแล้ว  ยุคนี้ สนนท.มีเลขาธิการชื่อ อภิชาติ  ขำเดช หรือไอ้บ้า ของเพื่อน ๆ ไอ้บ้า นี่เขาจะบ้าสมชื่อ คือ ทำกิจกรรมแบบหัวชนฝา ไม่สนใจการเรียนสักเท่าไร เพียงแต่ว่าเป็นคนเรียนเก่งมาก สอบเอนทรานซ์ที่ไรได้ทุกทีไป ที่บอกแบบนี้เพราะเขาสอบบ่อย พอเข้าไปเป็นนักศึกษาแล้ว ก็มักจะโดนรีไทร์ เพราะเวลาเรียนไม่พอ เอาไปทำกิจกรรมหมด ผู้นำนักศึกษารายนี้จะมาแปลกออกไปนิด คือ ไม่ได้มาจาก ม.หลัก อย่าง มธ.จุฬาฯ หรือ มหิดล  แต่เริ่มมาจากเทคโนฯพระนครเหนือ  ก่อนจะสอบใหม่มาเรียนที่ มธ.พร้อมกับทำหน้าที่เลขา สนนท.หลังจากเป็นรองฯอยู่ก่อนแล้ว ผลงานตอนนั้น คือ การนำนักศึกษาชุมนุมประท้วงที่สนามหลวง และดาวกระจายไปอีกหลายที่ เพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร โดยมีนายกฯ อมธ.สนับสนุนเต็มที่  ตอนนี นายกฯอมธ.คนนั้นเป็น ดร.ไปแล้ว   งานนี้ คนได้เกิดไม่ใช่ อภิชาติ  แต่เป็นพี่มาร์ก อภิสิทธิ  เวชชาชีวะ นี่แหละ ตอนนั้น อ.อภิสิทธิ์ ยังเป็นอาจารย์หนุ่มรูปหล่ออยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ และเป็นนักวิชาการที่ออกมาเล่นเรื่อง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ อย่างจริงจัง จนมีชื่อเสียง และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทน กทม. ผลเลือกตั้งชนะถล่มทลาย เพราะได้คอลัมนิสต์ทรงอิทธิพลจากไทยรัฐ อย่าง แสงชัย  สุนทรวัฒน์ เชียร์สุดใจ และบอกว่า นี่คือ นายกรัฐมนตรีในอีก 20 ปีข้างหน้า คำทำนายนี้พูดไว้เมื่อปี 2534-5 ครับ นี่ปีอะไรแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 10:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 59 กำลังสนุกเลยแหละ..รีบมาต่อเร็วววว...เดี๋ยวนี้พอชักชราแล้วจะหงุดหงิดง่ายมาก.. แค่เตือนเฉยๆ..ไม่ได้ขู่นะจ๊ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ส.ค. 51 10:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 60 หลังจากนั้น ก็เข้ายุคของ อ.เป็ด หรือ ปริญญา  เทวนฤมิตรกุล  ซึ่งถือเป็นเลขาฯสนนท.คนแรกที่มาจากนักศึกษา ป.โท  เพราะที่ผ่านมา ผู้นำนักศึกษาล้วนมาจาก ป.ตรีทั้งนั้น  สาเหตุก้ไม่มีอะไรมาก เพราะตอนนั้น หานักศึกษาระดับ ป.ตรีที่อยากทำงานเพื่อการเมือง เพื่อสังคม ไม่ได้แล้ว อย่าลืมว่ายุคท้าย ๆ ของรัฐบาลน้าชาติ บ้านเมืองเราเปลี่ยนไปเยอะ  กระแสสงครามเย็นจบไปพร้อมความล่มสลายของโซเวียต  คนจนกำลังจะกลายเป็นตำนาน เพราะความสำเร็จในการขยายตัวทางเศรษฐกิจระดับ 2 หลัก (เราเคยมีจีดีพีระดับ 13 เปอร์เซ็นต์มาแล้ว) ฟู่ฟ่าขนาดไหน ก็ขนาด NGOs ร้องรัฐบาลว่ากำลังถูกองค์กรทุนระหว่างประเทศตัดงบ เพราะเมืองไทยกำลังจะกลายเป็นประเทศพัฒนาใหม่ ไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออีกแล้วนั่นแหละ ปริญญา ทำหน้าที่เลขาฯ สนนท.แบบเบิร์ด ๆเพราะแทบจะหาประเด็นอะไรเคลื่อนไหวไม่ได้  จะด่ารัฐบาลว่าคอร์รัปชั่น ก็หานักศึกษาไปร่วมขบวนไม่ได้ เพราะตอนนั้น นศ.สาว ๆ เขากำลังวุ่นอยู่กับการเลือกแคลาล็อก หลุยส์ วิตอง กันอยู่ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็กำลังยุ่งกับการแต่งบีเอ็มซิ่งคันใหม่ที่คุณหญิงแม่พึ่งจะซื้อให้เนื่องในโอกาสครบรอบวันเสียชีวิตของสุนัขตัวโปรด เป็นการปลอบขวัญลูกชายสุดที่รักของท่านรอง ฯ ไม่ให้เสียใจจนเกินไป การระดมพลครั้งใหญ่ของนักศึกษา ย้ายไปอยู่ที่ ทอรัส ในทุกค่ำคืน เพราะที่นั่นเขาจะมีการขานชื่อมหาวิทยาลัย เพื่อฟังเสียงตอบรับกันทุกค่ำคืนว่า ม.ไหนมากันบ้าง  ซึ่งเสียงตอบรับหนักแน่นใช้ได้ทุกคืนไปเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น มธ.จุฬาฯ หอการค้า หรือกรุงเทพฯ เรียกว่า วัฒนธรรม แบล็ค โซ โค้ก เข้ามาแทนที่เหล้าไห ไก่ตัว ไปหมดแล้ว สนนท.แทบไม่มีอะไรให้ทำ  จนกระทั่งเกิด รสช.นั่นแหละ และหลังจากนั้นปีเดียว เมื่อนายกฯสุจินดา ตระบัตสัตย์เพื่อชาติ  เหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็เกิดขึ้น  พร้อม ๆ กับปริญญา  เทวานฤมิตรกุล บนหลังคารถ 6 ล้อคันเดิม เจ้าประจำ ที่ อมธ.เช่ามาใช้งานหลายปีดีดักแล้ว แต่ที่เปลี่ยนไป คือ กำลังพลหลักของนักศึกษา ไม่ได้มาจาก มธ.อีกแล้ว แต่เปลี่ยนไปเป็น มร.แทน แม้ว่าในสมัยก่อน มร.จะเข้ามามบทบาทด้วยไม่น้อยเช่นกัน แต่ไม่เคยมากเหมือนครั้ง พ.ค.ทมิฬ ที่มั่นสุดท้ายที่ย้ายไปที่ มร.แทน มธ.คือคำตอบ และที่นั่นก็ทำให้คนอย่างตู่จตุพร ได้เกิดทางการเมืองในฐานะผู้นำนักศึกษาราม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 10:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เล่าประสบการณ์บ้างก็แล้วกัน เอาเป็นช่วง 2537-2542 นะครับ ช่วงนั้นในจุฬาฯเงียบมากๆเกี่ยวกับเรื่องการเมือง  ในช่วงที่ผมทำงานอยู่ใน อบจ. (องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ) ตลอด 4 ปี เกือบไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ สนนท. เลย ที่ผมได้ยินมาจากรุ่นพี่ๆคือ เรื่องเกี่ยวกับการเมืองนั้นมันซบเซามาตั้งแต่ครั้งปี 35 แล้ว ไม่ว่าจะอาจารย์หรือนิสิตต่างก็ไม่อยากพูดถึงการเมือง เหมือนกับมันเป็น Taboo เลย เวลาคุยกันคุยเรื่องการปกครอง เรื่องปัญหาบ้านเมือง เรื่องตลก ศาสนา ฯลฯ อะไรก็ได้ แต่เรื่องการเมืองนี่ไม่มีใครพูดกันเลยไม่ว่าจะคุยเล่นหรือเอาจริงเอาจัง ชมรมต่างๆที่ "อาจจะ" เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนหรือตอบสนองเท่าไหร่นักในสังคมจุฬาฯ ชุมนุมสิทธิมนุษยชน(ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นชมรมอย่างเป็นทางการ) พูดกันตามตรง เป็นอะไรที่น่ารำคาญในหมู่คนทำกิจกรรมส่วนกลางในขณะนั้น เพราะเขาเห็นกันว่าเป็นพวกหัวรุนแรง (นั่นคือในสายตาของกลุ่มบริหารในตอนนั้นนะครับ ตอนนั้นผมเป็นเบ้ทั่วไปอยู่เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่) ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกาเหลากัน ก็อาจจะเป็นเพราะฝั่งชุมนุมสิทธิชนะการเลือกตั้งในปี 2536 ส่วนผมอยู่ฝั่งค่อนข้าง Conservative ที่ขึ้นมาปี 2537-2538 เว้นปี 2539 ที่มีกลุ่มใหม่ได้รับเลือกตั้งไป(จริงๆเป็นปีที่ผมหวังมากและผิดหวังหนักเหมือนกัน จนเก็บข้าวเก็บของเลิกทำกิจกรรมไปเกือบ 1 ปีเต็มๆ ยกเว้นกิจกรรมเชียร์ที่ช่วยเป็นโค๊ชสอนรุ่นน้อง) และกลับมาอีกทีในรุ่นผมเมื่อปี 2540 ที่ผ่านการลงคะแนนเสียงสนับสนุนมาได้ (เพราะมีคนลงเลือกตั้งทีมเดียวคือทีมเพื่อนผม) และรุ่นน้องในปี 2541 พลังนักศึกษาจุฬาฯในทางการเมืองผมว่าหายไปอย่างสิ้นเชิงก็คง 2535 นั่นแหละครับ  กลุ่มกิ๊ก ก็เป็นกลุ่มนักศึกษาที่มารวมตัวกันเอง เพราะไม่ได้ออกมาในชื่อของ อบจ. ถ้าเป็นนายกฯ หรืออุปนอก(อุปนายกฝ่ายกิจการภายนอก) ออกมาประกาศเองถึงจะพอเรียกได้ว่ามาจากจุฬาอย่างเป็นทางการครับ (ตามข่าวฝั่ง ม.ธ จะเป็นตัวแทนมาจาก อมธ เลย) จากคุณ : Nexus - [ 30 ส.ค. 51 11:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อ้าว เจ้าของกระทู้มาเอง ว่าง ๆ คุณพี่ ช่วยเล่าขบวนการนักศึกษา สมัยเอลวิสให้ฟังบ้างสิครับ ต่อเลยแล้วกัน เดี๋ยวคนแก่ (กว่า) จะหุดหิด แต่หลังจากนั้น  ขบวนการนักศึกษาก็ไม่สามารถขยายตัวหรือกลับมารุ่งเรืองได้อีก แม้จะมีคนอย่างสุริยะใส กตศิลา เข้ามามีบทบาทใน อมธ.แต่เนื่องจากองค์กรนำในการสู้รบกับปัญหาต่าง ๆ มันย้ายออกจากขบวนการนักศึกษาไปจนหมดแล้ว NGOs หรือแปลตรง ๆ ว่าองค์การที่ไม่ใช่ของรัฐบาลนั้น ในเมืองไทยเริ่มต้นแห่งแรก (ในรูปแบบที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน ไม่ใช่องค์กรกิจกรรมทางศาสนาที่มีมาก่อนนานแล้ว เพราะเป็นการแปรรูปมาจากมิชชั่นนารี) เป็นองค์กรที่อดีตนักศึกษาที่ผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาคม แต่ไม่เข้าป่า และไม่ถูกจับกุม ได้พยายามตั้งกลุ่มกันเพื่อมาช่วยเหลือด้านคดีให้กับผู้นำนักศึกษายุค 6 ตุลาที่ถูกจับดำเนินคดีอยู่ หัวขบวนก็ สุธรรม  แสงประทุม ที่วันนี้กลายเป็นอดีต พณฯรัฐมนตรีไปแล้ว องค์การนี้ มีการจัดรูปแบบเป็นเอ็นจีโอแห่งแรกของไทย เพราะเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรไม่ใช่ของรัฐบาล แต่ใช้ทุนจากองค์กรการกุศลในต่างประเทศ และภายหลังเสร็จสิ้นคดี 6 ตุลา ก็ขยายงานไปช่วยเรื่องกฎหมายให้กับผู้ด้อยโอกาสอื่น ๆ ด้วย NGOs หน่วยแรกนี้ สำนักงานตั้งอยู่หลังพาต้า มีหัวขบวนเป็นอาจรย์อยู่คณะฟิสิกซ จุฬาฯ เอ่ยชื่อต้องรู้จัก เพราะถึงเป็น อ.สายวิทย์ แต่มีบทบาททางสังคมมากกว่า ช่วงนี้เงียบ ๆ ไปไม่ทราบว่าไปไหนเหมือนกัน อาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางพันธมิตรก้ได้ พลพรรค หรือเมล็ดพันธ์ของเอ็นจีโอแห่งแรกนี้ สร้าง NGOs ที่ทำงานเพื่อสังคมได้อย่างแข็งขันตามมาอีกมากมาย และยังสร้างนักเอ็นจีโอ ที่มีประสิทธิภาพอีกมาก ทนายฝ่ายพันธมิตร ที่เราเห็นใส่แว่น หัวโล้น ๆ นั่นก็เป็นผลิตผลของ NGOs แห่งแรกนี่แหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 11:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เข้ามานั่งอ่านด้วยคนคะ ได้ความรู้เยอะมาก ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเลยคะ จากคุณ : monkeylink - [ 30 ส.ค. 51 15:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ก็เป็นข้อมูที่ดีครับ ยิ่งถ้าบอกว่า ฝั่ง มธ.มาจาก อมธ.เอง ยิ่งหดหู่นะครับ ขบวนการนักศึกษา ก็คงจะเปลี่ยนไปตามโลกนั่นแหละ ก่อนจะจบเรื่องขบวนนักศึกษา ฉบับแด.....กด่วน  ก็ขอเก็บตกเอาไว้สักสองชื่อ  ชื่อแรก คนนี้จะเป็นนายกฯ อมธ.ที่สามารถยกระดับการเคลื่อนไหวของนักศึกษาได้เป็นครั้งแรกหลังการซบเซาที่เกิดจาก พคท.แตก เขาชื่อ อนุชา  หงษ์ทอง นายก อมธ.ปี 2527 ตอนนี้ไม่ทราบไปไหนเสียแลว อีกคนนึงเป็นรุ่นหลังจากนั้นนิดหน่อย แต่เป็นฝั่งจุฬาฯ หลังจากจบ ป.ตรี ก็ไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาเป็น ดร.หน้าจอทวีอีกคนนึง ชื่อ อนุสรณ์  ธรรมใจ น่าจะคุ้น ๆ กับคอข่าวดีนะครับ สมัยของอนุสรณ์ ที่เป็นยุคก่อน พ.คทมิฬเล็กน้อย เพราะตอนที่เกิดเหตุการณ์ อนุสรณ์ไปเรียนที่สหรัฐฯแล้ว แต่ก็มีบทบาทในการนำนักศึกษาไทยที่สหรัฐฯ ประกาศต่อต้านรัฐบาล้ผด็จการเช่นกัน จุฬาฯนี่ เรื่องของการทำกิจกรรม ค่อนข้างจะลำบากกว่าที่อื่นครับ เพราะนอกจากการเรียนที่เข้มข้นแล้ว กฎระเบียบต่าง ๆ ก็เข้มแข็ง การเคลื่อนไหวอะไรเป็นไปได้ยาก แต่ยุคนี้ที่กิจกรรมซบเซา ขนาดซัดกันเองกะอาจารณ์รัฐศาสตร์นั่น สาเหตุเป็นเพราะอะไร คงต้องให้ชาวสามย่านเขาตอบกันเองครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 15:54:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมดูเปิดงานเดินวิ่งสามัคคีแล้ว คิดว่าเพราะเหตุนี้ด้วยหรือเปล่าครับ พันธมิตรถึงได้รีบบุกทำเนียบ เพราะถ้าบุกหลังจากนั้นเรตติ้งคงตกน่าดู แถมถ้ายึดได้แล้วก็ถือว่ายึดยาว รัฐบาลทำอะไรคงโดนมองไม่ดีแทน ทั้งๆที่กะใช้งานนี้ลากยาวให้พ้นความขัดแย้งไปได้ วัตถุประสงค์ของพันธมิตรเหรอครับ ผมว่าน่าจะเป็น "การเมืองใหม่" ที่เขาเสนอมาละมั๊งครับ เพราะถ้าได้แบบนั้น แบ๊คของพันธมิตรก็กุมอำนาจยาว ก็เลือกตั้งแค่ 30 ต่อให้เลือกตั้งเข้ามาได้เต็มที่ก็ยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ดี นึกแล้วหดหู่ใจถ้าเป็นแบบนั้นไปจริงๆ จากคุณ : masked v - [ 30 ส.ค. 51 16:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ท่ามกลางความซบเซาของขบวนการนักศึกษา หลังปี 25 ที่เงื่อนไขการปฎิวัติแบบสังคมนิยมหมดไปแล้ว  ซึ่งยิ่งทำให้ขบวนการนักศึกษายิ่งหงอยเหงาไปด้วย  ยังมีกลุ่มอดีตนักกิจกรรมเล้ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่วิตกกังวลว่าแนวคิดหรืออุดมการณ์เพื่อสังคมของนักศึกษาหรือคนวัยหนุ่มสาวจะจางหายไป  ก็เลยตั้งโครงการเล้ก ๆ ขึ้นมาโครงการหนึ่ง แล้วขอทุนจากต่างประเทศในลักษณะของ NGOs แต่จะเน้นเรื่องการจัดการศึกษาให้กับนักกิจกรรมในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แบบไม่แบ่งสถาบัน กลุ่มนี้ มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษ 2 ตัว แบบคำย่อ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นำนักศึกษาในยุคหลังการจัดตั้งของ พคท. เพราะก่อนที่จะเข้ามาทำกิจกรรมในระดับสูง ๆ รุ่นพี่มักจะฝากเข้ามาฝึกอบรมในโครงการนี้ก่อน การเรียนการสอนในโครงการนี้ จะเน้นในเรื่องของทักษะการบริหารองค์กรแบบนักกิจกรรม  ทฤษฏีการเคลื่อนไหวเพื่อสังคม  ซึ่งถ้าเทียบกับยุคจัดตังโดย พคท.ก็เรียกได้ว่า แค่ระดับเด็ก ๆ แต่ถ้าเทียบกับยุคที่ไฟหมดเชื้อกะ Narok is comming soon แล้ว ก็เรียกว่าเข้มข้นกว่าการเรียนในกลุ่มแต่ละสถาบันมาก ผลิตผลของคนที่ผ่านโครงการนี้ เข้ามาเป็นผู้นำนักศึกษาหลายสถาบัน  รวมทั้งเมื่อเดินออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว ก็มาเป็น NGOs ระดับคุณภาพอีกหลายแห่ง หลายคนที่เคลื่อนไหวในกลุ่มสมัชชาคนจน ก็เริ่มมาจากตรงนี้แหละครับ  เพราะหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ  กลุ่มนี้ก็ปแรรูปไปทำงานระดับชาวบ้านมากขึ้น  และเข้ามามีส่วนในการจัดการม็อบสมัชชาคนจนหลายครั้ง ลักษณะแบบนี้แหละครับ ที่บอกว่า พลังของคนหนุ่มสาวไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ระบบกิจกรรมในสถาบันมันคับแคบด้วยกฎระเบียบ และความแตกต่างของแนวคิดของคนหนุ่มสาวร่วมสถาบันมากเกินไป จนยากที่จะเคลื่อนไหวอะไรในประเด็นที่แหลมคมได้ หนุ่มสาวที่มีพลังสร้างสรรค์เพื่อสังคม ยุคใหม่ เลยเลิกคาดหวังการเคลื่อนไหวในรูปแบบขององค์กรนิสิตนักศึกษาแบบเป็นขบวนใหญ่ แต่หันมาเคลื่อนไหวผ่าน NGOs เฉพาะทาง แบบองค์กรเล็ก ๆ แต่ชัดเจนในแนวทางแทนมากกว่า ตัวอย่างที่เห็นชัด ก็คุณอภิญญา  กลางณรงค์ คนที่ถูกชินคอร์ป ฟ้องกว่าพันล้าน แล้วชนะคดีนั่นแหละครับ อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรนักศึกษาเหี่ยวเฉา เพราะเดี๋ยวนี้ประเด็นในการเคลื่อนไหว หรือสภาพปัญหาต่าง ๆ ในสังคม มันสลับซับซ้อนขึ้น ไม่ใช่แค่เป็นทหารถือปืนมาก็เรียกเผด็จการ หรือนักการเมืองใส่สูท เดินไหว้ประชาชนจนได้รับการเลือกตั้ง แล้วเป็นประชาธิปไตย มันสลับซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ทำให้นักศึกษารุ่นใหม่ ที่นอกจากจะไม่สนใจการเมืองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งยากที่จะทำความเข้าใจกับความซับซ้อนทางการเมือง  ทำให้ยากเข้าไปอีกที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ สุดท้ายก้ไปผับดีกว่า แม้จะมีบ้างที่ยังเป็นเหมือนเมล็ดพันธ์แบบนักกิจกรรมขนานแท้ แต่ก็เป็นชนส่วนน้อยเสียจนยากจะชักจูงให้คนส่วนใหญ่เข้าร่วมด้วย  และอย่างว่า เดี๋ยวนี้การเคลื่อนไหว มี NGOs รองรับได้ดีกว่า ก้ไปทางนั้นง่ายกว่ามานั่งเข็นครกขึ้นภูเขาให้เพื่อนด่าเอาเปล่า ๆ วันนี้เราเลยเห็นภาพ 2 ผู้นำนักศึกษาจากสถาบันชั้นนำสูงสุดของไทยออกมาแถลงการณ์แสดงจนยืนของขบวนการนักศึกษา ประนามการกระทำของพันธมิตรอย่างเข้มข้นและรุนแรง (ที่สุดของที่สุดแล้วนะจ๊ะ ตัวเอง) พร้อม ๆ กับเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่า ทำไมพันธมิตรถึงไม่เคยสนใจที่จะญาติดีกับขบวนการนักศึกษา ไม่สนใจว่าจะมาเป็นแนวร่วมให้หรือไม่  หรือจะแยกออกไปไม่เป็นแนวร่วมแต่เป็นปฎิกิริยาต่อต้านเอาด้วยซ้ำ ดูจากการแถลงการณ์ของ 2 หนุ่มแคลอรี่ บลา บลา พร้อมแดนเซอร์ประกอบฉากเมื่อวานนี้แล้ว ผมว่าป่านนี้แกนนำพันธมิตร คงจะหนาว ๆ สั่น ๆ กลัวการลุกฮือของขบวนการนักศึกษาไทยในปัจจุบันออกมาเดินขบวนประท้วงพันธมิตรแหง ๆ 555555555555555555555555555 เข้าใจหรือยังครับว่าทำไมต้องหายไปหัวเราะ 1 วันเต็ม ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 16:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 67 บอกตรง ๆ นะครับ  ผมไม่ค่อยเชื่อในเรื่องของการโปรประกันดาสไตล์รัฐบาลว่าจะได้ผลเท่าไรนักในสถานการณ์อย่างนี้ ยิ่งบอกว่าพันธมิตรจะกลัว ผมว่ายิ่งไม่ใช่ใหญ่ ส่วนแนวคิดการเมืองใหม่  เป็นเรื่องที่พันธมิตรเสียฟอร์มเป็นอย่างยิ่ง และแนวคิดนั้น ตอนนี้มันลงไปนอนก้นตระกร้าไปนานแล้วครับ ถ้าบอกว่าการตัดสินใจเคลื่อนไหวเพราะเหตุปัจจัยเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย หรือเรื่อพิจารณางบประมาณ มันน่าจะมีเหตุผลกว่า แต่ถ้าเป็นเพราะกลัวโครงการโปรประกันดาของรัฐบาลนี้ ผมว่า ประเมินสูงไปครับ จุดอ่อนของพันธมิตร อยู่ที่การเสนอแนวทางการเมืองใหม่ เพราะยังตอบสังคมไม่ได้ว่า หลังจากไล่รัฐบาลไปแล้ว  รูปแบบการเมืองของไทยจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าระบอบแบบที่เขาเกลียดยังคงอยู่ ต่อให้ไล่อีก 10 รัฐบาล ก้ไม่เป็นผล  ยังไงก็หวนกลับมาเป็นรัฐบาลได้ทุกครั้งไป ส่วนเรื่องจะไปวาดภาพล่วงหน้า ประเภทถ้าพันธมิตชนะ การเมืองไทยจะกลายเป็นแบบนั้นแบบนี้ ผมว่าต้องอยู่ในพื้นฐานความเป็นไปได้ด้วย ไม่งั้นก็ไม่ต่างจากยุคต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในอดีต  ที่ต่อสู้กันด้วยการละเลงสีวาดภาพว่าถ้ารัฐบาลเผด็จการล้มไปแล้ว คอมมิวนิสต์จะข้าเมือง  ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป สถาบันหลักจะสญหาย แบบนี้มันเป็นการโปรประกันดา แบบสร้างภาวะวิตกให้กับสังคม และจะโน้มนำไปสู่ความรุนแรงแบบสุด ๆ เพราะคนที่เชื่อจะเกิดความรู้สึกแบบ พวกเขาพวกเรา และต่อสู้ด้วยความกลัวกับมารยาภาพแบบนั้น เหมือนที่เคยสร้างว่านักศึกษาในธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมเป็นญวณนั่นแหละครับ  ซึ่งทุกวันนี้ประวัติศาสตร์ก็ชำระหมดแล้วว่า แต่ละศพนั้นมีที่มาที่ไป เป็นลูกคนไทยมีพ่อมีแม่ที่ยังเสียใจมากว่าสามสิบปีนี่แหละ ไม่ใช่ญวณแกวที่ไหนหรอก แต่ถึงขนาดนั้นแล้ว พ.ศ.นี้ยังมีการโปรประกันดาว่า เหตุการณ์วันนั้น การเผานักศึกษาเกิดจากพวกเดียวกันเอง เพราะกลัวทางการจะจับศพเอาไปพิสูจน์ได้ว่า เป็นคนญวณไม่ใช่คนไทย เคยได้ยินไหมครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 16:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 68 หมดเรื่องขบวนการนักศึกษาฉบับย่อ ที่ต้องตัดเอาเฉพาะสาระสำคัญ และจุดเปลี่ยนมาเท่านั้น เพราะขืนเอามาทั้งหมด กว่าจะจบ มวยตู้ก็คงหมดยกไปแล้วละครับ ก้เอาแค่ให้กองเชียร์พอเข้าใจว่านักมวยค่ายศิษย์ส่ายหน้า มุมแดง กะประชาส่ายหัว มุมนำเงิน เขามีที่มาที่ไปอย่างไร จะได้ดูเพลินดูมันส์ ก็พอนะครับ ต่อจากแนวร่วมขบวนการนักศึกษา ก็ข้ามมาที่เรื่องสื่อมวลชนแล้วกัน สื่อมวลชนมีการจัดตั้งไหม เป็นแนวร่วมหรือเปล่า มีอิทธิพลมากขนาดไหน สื่อทีเป็นกลางจริง ๆ มีหรือเปล่า นาทีนี้จะเชื่อสื่อไหนดี สารพัดคำถาม  เดี๋ยวค่อย ๆ มาแงะหาคำตอบกันครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 16:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ....knock knock ขออนุญาตค่ะ .... มาทันเช็คชื่อเข้าห้องเรียนหัวข้อที่รอพอดี  (หัวข้ออื่น ก็ตามเก็บเลคเชอร์อยู่นะคะ) เรื่องเกมส์ศูนย์ ไม่ศูนย์ไม่สนใจค่ะ  ...ข้างก็ไม่เคยเลือกกับใครเขา แต่ยืนอยู่ตรงจุดที่ยืนมาก่อนแล้วตะหาก  ... พวกลากข้าวของมาขีดเส้นแบ่งเขตกันทีหลังเอง ตอนนี้เกมส์ชักเข้มข้น   เลยต้องหาข้อมูลสักหน่อย...  เดี๋ยววิ่งไม่ทันเกมส์ จากคุณ : จิตรางคทา - [ 30 ส.ค. 51 17:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ตอนนี้ปี 2551 ครับ อีก 3-4 ปีก็จะครบตามที่คุณแสงชัยได้ทำนายอนาคตของหัวหน้าพรรคปชป.คนปัจจุบันเอาไว้ :) เรื่องการเคลื่อนไหวสมัยเรียนมช.นี่ผมก็มีอะไร อะไร มาเล่าให้ฟังเหมือนกันนะครับ  แต่คอการเมืองคงจะผิดหวังด้วยว่าผมมันเป็นพวกติสต์ ที่ไม่มีหัวทางศิลป์เลย ไม่เคยเข้าร่วมกับสโม นศ. ไม่ว่าระดับใดๆทั้งสิ้นยกเว้นครั้งเดียวที่ร่วมกับเพื่อนก่อตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเข้าชิงตำแหน่ง สโม ของคณะ ตอนนั้นมีกันอยู่แล้วสองพรรค แล้วก็ชักเริ่มร้อน (สารภาพว่าผมอยู่เบื้องหลังพรรคนึงด้วย ;)) ก็เลยร่วมกับเพื่อนตั้งพรรคผ่อนขึ้นมาเข้าสมัครชิงตำแหน่งกับเขาด้วย พร้อมด้วยผู้สมัครที่กิ๊บเก๋ที่สุดในประวัติศาสตร์ และนโยบายแบบแหวกแนว ส่งผลให้สถานการณ์ที่กำลังร้อนๆตอนนั้นเย็นลงอย่างกระทันหัน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆ ผลการเลือกตั้งก็ตามคาดครับ กินบ๊วย แม้ว่าจะได้คะแนนในระดับที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ ส่วนผู้สมัครของพรรคนั้นไม่มีใครลงคะแนนให้ตัวเองหรอกครับ กลัวได้เป็นขึ้นมาจริงๆ เพราะถ้าได้ละก็ ดูไม่จืดแน่ สำหรับพวกที่กำลังจะตั้งพรรคสำรอง ขอแนะนำชือพรรคครับ พรรคพวก พรรคสายตา (เถอะนะคนดี) จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 30 ส.ค. 51 17:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สื่อมวลชนนั้นมีบทบาททางการเมืองมานานและเป็นสากลครับ  ที่ไหนในโลกสื่อก็มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกันทังนั้น การปฎิวัติบอลเชวิก ปฏิเสธความสำคัญของสื่ออย่าง ปราฟด้า ไม่ได้  ขนาดคุณหยุ่น ประทับใจเอามตั้งชื่อลูกชายที่กลายมาเป็นนักเขียนสุดฮิปเนี่ยแหละ สื่อของเมืองไทยในสมัยยุคอนาล็อก  กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะเจ้าของเครือข่ายสถานีวิทยุที่ครอคลุมทั่วประเทศ ดูจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัย   ขณะที่กลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องพึ่งสือสิ่งพิมพ์ของภาคเอกชนเป็นหลัก ยุคจอมพล ป.สื่ออย่างวิทยุ รายการข่าว หรือกระทั่งหนังสือพิมพ์ อาจจะไม่ค่อยมีอิทธิพลนัก เพราะความล้าหลังด้านเทนโลยี  แต่สมัยจอมพล ส. พคท.เริ่มเข้ามาจัดตั้งในกลุ่มนักหนังสือพิมพ์  ประกอบกับคนข่าวเป็นคนที่มีความรู้ หรือเรียกว่าปัญญาชน แถมยังทำมาหากินอยู่กับตัวอักษร การติดตามข่าวสารบ้านเมืองเราและบ้านเมืองอื่น ย่อมมากกว่าคนทั่วไปเป็นธรรมดา  ยิ่งเห็นบ้านเมืองอื่นเขาเจริญก้าวหน้า เพราะมีระบบประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งที่แน่นอน ก็ชักคันไม้คันมือ อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเป็นประชาธิปไตยไปด้วย ยุคก่อน 2500 ฟากหนังสือพิมพ์ก็มีค่ายสีลม ที่ทำหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ยุคแรกที่ถือว่าก้าวหน้ามากในสมัยนั้น  เจ้าของเป็นคนที่เจ้าของสโลแกนภายใต้ดวงอาทิตย์น้ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ หมายหัวอยู่ตลอดเวลา เพราะเสนอข่าวเป็นปฎิปักษ์กับรัฐบาลเสมอ ๆ มาตั้งแต่ยุคจอมพล ป. สุดท้ายหลังจากเจรจากันไม่สำเร็จ เจ้าของพิมพ์ไทยยุคแรกก็ถูกลอบยิงที่หัวหิน โดยฝีมือคนมีสี เป็นการปิดฉากสื่อมวลชนที่เป็นหัวหอกในการต่อต้านรัฐบาลไปยุคนึง ยุคต่อมา ก็จะเป็นค่ายสยามรัฐของหม่อมคึกฤทธิ์ ที่มีบทบาทต่อต้านจอมพลถนอมและเป็นแหล่งบ่มเพาะนักข่าวรุ่นใหม่ต่อจากพใพไทยยุคแรก และเสียงอ่างทองของคุณกำพล  วัชรพล  เจ้าของไทยรัฐ คนก่อตั้งมติชน ก็คือผลิตผลจากหนังสือพิมพ์ฮาร์ดนิวส์รุนแรกอย่างสยามรัฐนี่แหละ สยามรัฐมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยเพราะหม่อมคึกฤทธิ์เท่านั้น เพราะช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ คอลัมน์ซอยสวนพลู คือหน้าหนังสือพิมพ์ที่คอการเมืองต้องอ่านเพื่อเช๊กอุณหภูมิการเมืองทุกวัน  วันไหนที่เจ้าของบ้านสวนพลูเขียนดุเดือด วันนั้นการเมืองไทยก็เต้นไปทั้งวัน คู่กรณีที่ซักกันจัง ๆ ก็คงหนีไม่พ้นพล..ชวลิต ยงใจยุทธ กับกรณีกรูไม่กลัวมรึง ที่มีต้นเหตุมาจากทหารพรานบุกบ้านคึกฤทธิ์นี่แหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 17:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ย้อนไปสักนิดจะได้ปะติดปะต่อกับปัจจุบันได้ ช่วงที่สื่อมวลชนมีอิทธิพลมาก คือ ยุค 14 ตุลา ที่ตอนนั้นขบวนการนักศึกษาก่อตั้งหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย เป็นหนังสือพิมพ์หัวก้าวหน้าแบบสุด ๆ บก.ชื่อสนธิ  ลิ้มทองกุล ครับ ขณะเดียวกัน ฝ่ายขวาก็มีกลุ่มแนวหน้า บ้านเมือง กลาง ๆ ค่อนขวาหน่อยก็เป็นเดลินิวส์ เสรีนิยมบ้างก็ไทยรัฐ ทุกอย่างจบลงเมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เมื่อสื่อเข้ามามีบทบาทสูงสุดด้วยการตกแต่งภาพการเล่นละครแขวนคอใน มธ.และถูกขยายไปเป็นเรื่องของสถาบันชั้นสูง ใครอยากทราบว่าจริงไม่จริง ก็ลองหาภาพของคุณอภินันท์  บัวหะภักดี ที่ตอนนี้น่าจะยังทำงานอยู่ที่นิตยสารการท่องเที่ยวอยู่มั๊ง ไม่แน่ใจ ในช่วงรัฐบาลหอยที่มาจากการปฎิรูป คือยุคมือของสื่อมวลชน เมื่อ มท.1 มีชื่อว่านายสมัคร สุนทรเวช นักการเมืองหนุ่มไฟแรง จุดยินชัดเจน จากอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย เริ่มงานการเมืองจากการเลือกตั้งท้องถิ่น ดวงรุ่งพุ่งแรงขนาดได้นั่งว่าการกระทรวงมหาดไทย ขระที่เพื่อนร่วมรุ่นกระเซอะกระเซิงหนีตายกันไปหลายคน นายสมัคร เป็นมท.1 ที่ใช้สื่อได้คุ้มคาที่สุด เพราะนอกจากผลงานอันลือลั่น คือประกาศหนังสือ 100 กว่าฉบับให้เป็นหนังสือต้องห้ามแล้ว ยังสั่งปิดหนังสือพิม์ทุกฉบับ ใครจะเปิดใหม่ต้องมาขอใหม่อีกรอบ แถมยังสั่งห้ามนักข่าวบางคนห้ามทำข่าวการเมืองอีกด้วย เรียกว่ายุคจิ๋นซีเผาหนังสือยังไงยังงั้นเลยทีเดียว ไทยรัฐ เป็นสื่อที่อดทนฝ่าวิกฤติครั้งน้นมาได้อย่างทรนงพอตัว เพราะแม้จะยอมปรับเปลี่ยนบางประการ แต่ก็ประกาศตัวเป็นศัตรูกับนายสมัครแบบไม่เผาผี ถึงขนาดเมื่อนายสมัคร ทำหนังสือพิมพ์ออกมาเองที่ชื่อเดลิมิเรอร์ (เลียนแบบหนังสือพิมพ์ชื่อดังของอังกฤษ) เพื่อหวังสือสารกับพลพรรคคนรักสมัครและประชากรไทย แต่ปรากฎว่า ป๊ะกำพล สั่งเด็ดขาดว่า แผงไหนขายเดลิมิเรอร์ แผงนั้น ห้ามเอเย่นต์ลงหนังสือพิมพืไทยรัฐเด็ดขาด โดนแบบนี้เข้าให้ เดลิมิเร่อร์ก็ไปไม่รอด เพราะไทยรัฐ พ.ศ.นั้น (กระทั่งตอนนี้) เป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ระดับทะลุล้านฉบับต่อวัน  แผงไหนไม่มีไทยรัฐขาย ก็อย่าขายหนังสือพิมพ์เสียเลยดีกว่า (ตอนนี้ B2S กำลังโดนมาตรการนี้เหมือนกัน จากกรณีรัฐประการ 19 ก.ย.) นอกจากคุมเข้มหนังสือพิมพ์แบบสุด ๆ แล้ว นายสมัคร ในฐานะ มท 1 ยังออกทีวีเป็นว่าเล่น ใครที่ทันดูข่าวยุคนันจะจำได้ว่า หลังข่าวสองทุ่มแทบจะทุกวัน จะมีรายการข่าวรวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดคำปราศรัยของพณฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  และท่านจะพูดเป็นชั่วโมงเหมือนทุกวันนี้นี่แหละ มท.1 ยุครัฐบาลหอยจบลงแบบง่าย ๆ เหมือนตัวละครประเภทตกม้าตาย เพราะแม้จะประกาศตัวเป็นเลือดสีน้ำเงิน  แต่กลับโดนเรื่องความรับผิดชอบกรณีการวางระเบิดขณะแปรพระราชฐานที่ยะลา เรื่องนี้ มท1 ยุคโบราณ พยายามออกทีวีชี้แจงฝ่ายเดียวหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก้ไม่รอด ต้องออกเพื่อแสดง(ว่า)รับผิดชอบ หลังจากรัฐบาลหอยผ่านพ้นไปแล้ว แต่กฎเหล้กสื่อมวลชนก้ไม่ได้หายไปมากนัก โดยเฉพาะ ปว.47 ที่สามารถปิดหนังสือพิมพได้ทันที การเปลี่ยนแปลงของสื่อมวลชนเกิดขึ้นอย่างจริงจังก็เมื่อเกิดเหตุการณ์ พ.ค.ทมิฬ  แต่ก่อนหน้านั้น ต้องเข้าใจถึงสภาพของสื่อมวลชนว่าได้เกิดปรากฎการณ์บิ๊กแบงขึ้นในวงการสื่อเสียก่อน ในช่วงของน้าชาติ นอกจากเศรษฐกิจจะดีอย่างไม่เคยปรากฎแล้ว  เสรีภาพสื่อมวลชนก้ดีขึ้นด้วย เพราะการยกเลิก ปว.47 ทำให้หนังสือพิมพ์มีความมั่นคงขึ้น ประกอบกับกรขยายตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการรับรู้ข่าวสารอย่างทันต่อเหตุการณ์มากขึ้นด้วย สมัยก่อน หนังสือพิมพ์มักจะเน้นแค่ข่าวการเมืองและข่าวบันเทิง  ข่าวเศรษฐกิจมีน้อยมาก เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจผูกขาดอยู่กับไม่กี่ตระกูล และเหล่าเถ้าแก่เหล่านี้ก้ไม่อยากเป็นข่าวเท่าไร เพราะไม่อยากให้ใครมาคุ้ยเบื้องหลังความสำเร็จที่มีสารพัดสีเปื้อนอยู่ ที่สำคัง อั๊วพูกทายม่ายชักน้อ แต่สมัยของน้าชาติ เศรษฐีรุ่นใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เข้าใจพลังของสื่อ รู้วิธีเล่นกับสือ  เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น  ความต้องการทั้งการเสพข่าวสารและแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจมากขุ้น มีบริษัท สินค้าใหม่ ๆ ที่ต้องการช่องทางของสื่อมวลชนเปิดเผยให้ถึงมือลูกค้า  มีข่าวตลาดหุ้น ที่รอรู้ข่าวพรุ่งนี้ไม่ได้ ต้องว่ากันวันต่อวัน นาทีต่อนาที จุดเปลี่ยนของหนังสือพิมพ์ข่าวเศรษฐกิจในช่วงนั้น คือ การเกิดขึ้นของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายเดือน ของเฮียสนธิ  ลิ้มทองกุล นี่แหละ จุดเริ่มต้น มาจากงานวิจัยเล่มนึงของ อ.เศรษฐศาสตร์ มธ.ที่ตอนหลังท่านมานั่งเป็นอธิการบดีที่หอการค้าด้วย หนังสือเล่มนั้นเป็นงานวิจัยที่เปิดโลกธุรกิจของไทย เพราะมีการรายงานถึงเบื้องหลังความสำเร็จของนักธุรกิจหลัก  ของไทย อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หนังสือเล่มนั้น ทำให้รู้ว่า สหพัฒนคอใคร ซีพีคือใคร สยามกลการคือใครและอีกมากมายหลายอย่าง แรงบัลดาลใจจากวิธีการวิจัยแบบเจาะลึกในเชิงธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน เพระเมื่อก่อนนั้นจะเน้นแต่ข่าวการเมือง ที่มีการเจาะลึกแบบนี้ ทำให้ผู้จัดการายเดือนเกิดขึ้นมา เพื่อใช้รุปแบบการรายงานข่าวแบบวิเคราะห์เจาะลึก ตามทฤษฎีการวิจัย แทนการรายงานข่าวแบบพื้น ๆ ธรรมดา  สร้างความฮือฮาให้กับนักธุรกิจใหม่จนทำให้ผู้จัดการรายเดือนเติบโตอย่างรวดเร็ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 18:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 73 จุดแข็งของผู้จัดการ คือ การรวบรวมคนรุ่นใหม่เอาไว้ โดยให้สิทธิประโยชน์ในเรื่องของเงินเดือนสูงกว่าคู่แข่งใตลาดด้วยกัน และมีการเสนอสิทธิให้กับบัณฑิตจบใหม่ที่เลือกเข้ามาทำงาน ด้วยการให้ทุนเรียนต่อปริญาโทให้ด้วย ทำให้ได้รับความสนใจจากนักศึกษาระดับนำมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักกิจกรรมที่ชอบแนวความคิดแบบนี้อยู่แล้ว ผสานกับคนเดือนตุลาที่มีระบบคิด ระบบวิเคราะห์ ที่ทรงประสิทธิภาพ  ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว  สามารถผลิตงานข่าวคุณภาพได้เหนือคู่แข่ง การขยายตัวของหนังสือพิมพ์เชิงธุรกิจอีกแห่งหนึ่ง คือ ฐานเศรษฐกิจ เจ้าของตึกมโหฬารย่านลาดพร้าว  สร้างความฮือฮาให้กับวงการมาก เพราะในสมัยก่อน  การทำหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่อาชีพที่มั่นคง พร้อมตกงานได้ตลอดเวลาที่หนังสือถูกปิด และไม่มีใครคิดว่าจะรวยได้ด้วยการทำหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะยุคหลังไทยรัฐ เดลินิวส์ แต่ฐานเศรษฐกิจทำได้ การสร้างอาคารเป็นของตนเอง สร้างความฮือฮามาก เพราะเดิม ฐานเศรษฐกิจ เริ่มมาจากออฟฟิศเล็ก ๆ ย่านสะพานควาย ที่เรียกว่าซอยกอเตย  จากคนที่เคยแตกมาครั้งหนังสือพิมพ์ปิดตัวลง  ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ในออฟฟิศ จะโทรหาแหล่งข่าวยังต้องใช้โทร.สาธารณะ การขยายตัวของหนังสือพิมพ์ ทำให้กลายเป็นตลาดอาชีพรองรับบัณฑิตจบใหม่ได้อย่างมหาศาล  เพราะมีความต้องการคนรุ่นใหม่สูง เนื่องจากนักข่าวเป็นอาชีพที่ต้องเที่ยวไปหาผู้คน ไม่ใช่นั่งอยู่กับโต๊ะ ประกอบกับต้องใช้พื้นฐานความรู้ค่อนข้างมาก ยิ่งข่าวเศรษฐกิจยิ่งต้องรู้ข้อมูลเทคนิกทางเศรษฐกิจด้วย  จึงสอดคล้องกับความเป็นปัญญาชนของบัณฑิต  ซึ่งบางคนก็มาด้วยใจรัก บางคนก็มาแค่พักรองานที่ชอบจริง ๆ และแน่นอนว่า หลายคนเริ่มต้นจากนักข่าว แล้วก้าวต่อไปอาชีพอื่นได้โดยง่าย เพราะเป็นอาชีพที่ได้เจอกับผู้คนหลายระดับ มีโอกาสเจอผู้บริหารระดับสูง ชนิดยกหูโทรคุยกันได้ ทั้ง ๆ ที่ถ้าไปเริ่มงามเป็นพนักงานบริษัทตั้งแต่แรก อาจทำได้แค่เดินตัวลีบ ๆ หลีกท่านประธานเวลาสวนกันหน้าลิฟท์เท่านั้น กายขยายตัวในเรื่องของอสังหารมทรัพย์ ยิ่งทำให้หนังสือพิมพ์ขยายตัวสูง เพราะการโฆษณาขายบ้าน จำเป็นต้องเสนอรูปบ้านสวย ๆ พื้นที่เยอะ ๆ เพราะมีผลต่อกาตัดสินใจของผู้ซื้อ  หน้าหนังสือพิมพ์หน้าสี อย่างหน้าหลังสุด จึงถูกจองข้ามปี  ยิ่งไทยรัฐนั้น ถึงมีเงินก็ซื้อได้ ต้องไปเข้าคิวจองไม่น้อยกว่า 2 เดือน กับเอเย่นต์ของไทยรัฐเท่านั้น ด้วยเหจุนี้ หนังสือพิมพ์จึงเกิดใหม่ขึ้นมามาก รวมทั้งของเก่าก็ปรับตัวให้ไฉไล เพื่อรองรับโฆษณาที่ไหลทะลักเข้ามา  ส่งผลต่อจำนวนนักข่าวที่ต้องเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันด้านการข่าวให้เร็วกว่า ดีกว่า ชนิดที่จะมาเขียนด่ากันโครม ๆ แบบไม่มีข้อมูล รับรองขายไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดนักข่าว ที่เมื่อก่อนไม่มีการจำกัดวุฒิการศึกษา ใครหน่วยก้านดี กล้าพูดกับแห่งข่าว  เขียนข่าวอ่านรู้เรื่องก็เข้ามาทำเลย  แต่ภายหลังมีการพัฒนาขึ้นด้วยการจำกัดระดับนักข่าวว่าต้องมีวุฒิ ป.ตรีขึ้นไปเท่านั้น การยกระดับนี้เกิดขึ้นประมาณปี 2536 นี่เอง การระเบิดของสื่อมวลชน อย่างที่ว่า เมื่อหนังสือพิมพ์ขยายตัว  แต่สื่ออื่นอย่างโทรทัศน์ กลับไม่ขยายตามเพราะถูกจำกัดในเรื่องของสัมปทานมาหลายสิบปี  ทำให้การรายงานข่าวช่วง พ.คทมิฬ ไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชน  เพราะมีข่าวหนังสือพิมพ์เป็นตัวเปรียบเทียบ ทำให้มีข้อเสนอขึ้นมาว่า น่าจะมีสถานีโทรทัศน์ที่เปิดกว้างมากขึ้น เรื่องนี้ทำให้เกิดสถานีโทรทัศน์ใหม่ขึ้นมา 1 แห่ง จากข้อกำหนดเดิมว่าจะมี 2 แห่ง แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องการลงทุนจากภาคเอกชน ทำให้เหลือเพียงแห่งเดียว คือ ไอทีวี ไอทีวี มีปัญหามาตลอดในเรื่องของแนวคิดและการลงทุน เนื่องจากเกิดจากการรวมกลุ่มทุนหลายกลุ่ม ตามเงื่อนไขที่ไม่ต้องการให้มีการผูกขาด  และกลุ่มที่เข้ามาบริหารงานข่าวยุคแรกก็คือ ทีมจากเดอะ เนชั่น  สรยุทธฺ ได้เกิดก็จากไอทีวีนีเอง  หลังจากเริ่มประเดิมหัดอ่านข่าวทางทีวีจากไทยสกาย เคเบิลทีวีกับคุณภัทราภรณ์ สังห์พวงทอง ที่ตอนนี้หันหลังให้งานข่าว ไปเป็นพิธีกร กบนอกกะลา ไปแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 19:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 74 การทำควาเข้าใจเกี่ยวกับสื่อมวลชนนั้น มีประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า องค์กรสื่อสารมวลชนนั้น จะมีวัฒนธรรมองค์กรที่แปลกประหลาดไปจากองค์กรธุรกิจหรือราชการทั่วไปอย่างหนึ่ง คือ การควบคุมสั่งการไม่ใช่เป็นแบบร้อยเปอร์เซนต์ ปกติในองค์กรธรรมดา การสั่งการบังคับบัญชา จะเป็นแบบ Top down คือ เจ้านายสั่งลูกน้องได้เต็มที่  แต่องค์กรสื่อ ความอิสระ และวัฒนธรรมการตรวจสอบซึ่งกันและกันมีอยู่สูง  ที่แม้อาจจะแตกต่างระดับมากน้อยต่างกันไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่าไม่มีองค์กรสื่อสำนักไหน ที่ได้มาตรฐาน จะมีการสั่งการกันได้แบบเต็มที่ พูดง่าย ๆ ก็คือ อย่างในเนชั่น ไม่ได้หมายความว่า สุทธิชัย หยุ่น จะสั่งให้ บก.ข่าว ทำข่าวหรือเสอข่าวในแนวใดแนวหนึ่งได้ตลอดเวลา  เพราะหากเป็นเช่นนั้น อาจจะโดนตั้งคำถามจากลูกน้องตัวเองว่า รับงานหรือเปล่า ดังนั้น ไม่ว่าสื่อจะเสรีจริงหรือไม่ มีสื่อที่เป็นกลางจริงหรือ แต่ผมเชื่อมั่นว่าวัฒนธรรมองค์กรสื่อ เป็นวัฒนธรรมที่มีการตรวจสอบกันเองพอสมควร การเสนอข่าวเพียงด้านเดียว อาจจะเป็นนโยบายที่ทำให้เอนเอียงไปบ้าง แต่ไม่ต้องห่วง ในทุกองค์กรสื่อ มีกบฎแฝงเร้นอยู่ในระบบวัฒนธรรมการทำงานของสื่ออยู่แล้ว ยิ่งสื่อสมัยนี้ ผมว่าบิดเบือนกันยาก  ยากกว่าสมัย พ.ค.ทมิฬหลายเท่า แม้จะไม่มีไอทีวีแล้วก็ตาม (ไอทีวี เมื่อเผชิญวิกฤติทางธุรกิจ ก็ไม่อาจรับประกันความเป็นกลางได้เหมือนกัน) เพราะเทคโนโลยีมันทะลุทะลวงขีดจำกัดการรับรู้ข่าวสาร หรืออำนาจการปิดกั้นข่าวสารไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้มือถือราคาไม่ถึงพันยังมี ไต้องเรือนหมื่นเรือนแสน เหมือน 16 ปีที่แล้ว ที่ม็อบมือถือกลายเป็นสัญญลักษณ์ม็อบชั้นกลาง  และมือถือเองก็กลายเป็นมีเดีย มัลติฟังชั่น เรียบร้อย ไอ้ประเภทราชดำเนินเขายิงกันโครม ๆ แต่ทีวีไทยยังเสนอหนังจีนชุด (สมัย พ.ค.ทมิฬ มันไม่มีซีรีย์เกาหลี)อยู่เลยนี่ ไม่น่าจะมีแล้ว แต่แน่นอนว่า สื่อแต่ละสื่อก็อาจจะต้องมีนโยบายต้องทำระดับหนึ่ง  ผมว่าเมื่อดูหลาย ๆ สื่อเอามาประกอบกัน ก็น่าจะพอประมาณการได้บ้างว่าจะเชื่อสื่อไหนในระดับเท่าใด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 23:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ม็อบ นปก.ที่มาระดมพลเตรียมพร้อมนี่น่ากลัวนะครับ โอกาสจะปะทะกับพันธมิตรสูงมากเหลือเกิน การเคลื่อนไหวแบบนี้ก็พอจะเดาทางได้ว่า กุนซือ เปลี่ยนแล้ว ดูเหมือนเกมนี้จะยิ่งกระตุ้นให้แตกหักมากขึ้นกว่าเดิมนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 23:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ส่วนที่ถามว่าสื่อจัดตั้งหรือไม่ อันนี้ไม่ขอตอบนะครับ เพราะ astv เขาก็ชัดอยู่แล้วว่าจัดตั้งเพื่ออะไร ส่วนใครอยากเห็นฝ่ายพลังประชาชน ก็ลองไปเดินเล่นแถวห้างร้าง ๆ ย่านลาดพร้าวดู ส่วน NBT นั้น ถ้าตามทฤษฎี นี่คือสื่อของรัฐ ไม่ใช่ของรัฐบาล แต่ว่าที่ผ่านมา ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนอยากจะพยายามเข้าใจทฤษฎีนี้หรอกครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 ส.ค. 51 23:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ดูรายการสำรากต่อประชาชนตอนเช้าช่อง NBTอยู่ ท่าทางนายกจะไม่ยอมอ่อนข้อนะครับ อาจารย์สื่อมาวิเคราะห์ต่อด้วยนะครับ กำลังน่าสนใจมาก จากคุณ : เด็กมุมห้องไม่เคยเผยตัว (ประกอบ) - [ 31 ส.ค. 51 08:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เอ ผมได้ติดตามการปราศรัยทางเน็ตเป็นพักๆก็ยังมีการพูดถึงการเมืองใหม่เป็นระยะๆนะครับ ล่าสุดที่ฟังก็ตอนเข้าไปในทำเนียบได้แล้ว ดูเหมือนจะคืนวันแรกนี่แหละ ออกจะเป็นไฮไลท์ให้กองเชียร์ได้เฮด้วยซ้ำ เท่าที่ฟังก็พูดๆกันว่า ถ้าเป็นการเมืองใหม่ จะเรียนฟรี และอะไรต่อมิอะไรฟรีอีกหลายอย่าง จำไม่หมด แล้วก็มีน้องอยู่คนยังมาเถียงกับผมอยู่เลย ว่าการเมืองใหม่จะทำให้ไทยเลิกใช้ระบอบทุนนิยม นำประเทศสู่เศรษฐกิจพอเพียง สรุป ผมว่าเขายังไม่ทิ้งเรื่องการเมืองใหม่แน่ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังพันธมิตรได้ประโยชน์จากการเมืองใหม่เต็มๆ เพราะถ้าไม่เปลี่ยนกติกาก็คงจะเป็นอย่างที่คุณสื่อศิลป์ว่านั่นแหละครับ เลือกตั้งใหม่ ฝ่ายตรงข้ามก็ยังเข้ามาได้อยู่ดี แต่ 70/30 อันนี้หายห่วง เลือกให้ตายก็เป็นได้แค่ไม้ประดับ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีสื่อหรือนักวิชาการมาช่วยกันเปิดปากแผลจากความผิดพลาดของพันธมิตร อาจจะเพราะนำเสนอไปแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ๆให้นำเสนอก็เป็นได้ อันนี้คือผมมองในแง่ดี ว่าสื่อเหล่านั้นไม่ได้แอบมีใจให้กันนะครับ เดาว่าตอนนี้เขาก็คงจะแค่ทำให้คนในกลุ่มยอมรับว่าการเมืองใหม่มันดีกันให้ได้ทั้งหมดก่อน ชนะเมื่อไหร่ก็ค่อยๆรุกคืบ ใช้สื่อ ใช้อำนาจรัฐที่เพิ่งได้มาประชาสัมพันธ์ถึงข้อดี ขนาดรัฐธรรมนูญปี 50 ที่มีข้อเสียมากมาย ยังเข็นให้คนรับได้เลย เรื่องนี้ผมว่าอย่าได้ประเมินต่ำเกินไปดีกว่านะครับ อ่า ไม่รู้ใส่มากเกินไปหรือเปล่า ขออภัยด้วยแล้วกันนะครับ จากคุณ : masked v - [ 31 ส.ค. 51 10:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นคุณ armcmu เลยแวะบอกหน่อยว่า ผมเคยอยู่ยุวธิปัตย์นะ ปี ประมาณ 37 - 38 น่ะ ตอนนั้นเป็นสโม อยู่พอดี ไปโลดเล่นกะเค้าด้วย เลยได้ใกล้ชิดเรื่องเขื่อนปากมูล เขื่อนแก่งเสือเต้น เอามาโม้ได้ในปัจจุบันน่ะครับ จากคุณ : กริชครับผม - [ 31 ส.ค. 51 23:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เอ่อ ว่าจะถามอะไรคุณสื่อศิลป์ก็ลืมไปแล้ว นี่ขนาดยังไม่แก่นะเนี่ย ^_^ ผมว่าการใช้ภาษาก็ระมัดระวังกันหน่อยก็ดีนะครับ คำำบางคำไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จะเชียร์ใครจะชังใครก็ช่วยเก็บอาการกันหน่อยก็ดีนะครับ เรื่องม๊อบ นปก. ถ้ามองในแง่หนึ่งก็คิดได้ว่ามีการเตรียมพร้อมปะทะกันเต็มที่ แต่ก็อาจจะมีวัตถุประสงค์อื่นอีกก็เป็นได้ เช่นป้องกันการปฏิวัติ เพราะถ้าทหารเคลื่อนกำลังออกมายึดอำนาจ ม๊อบตรงนี้ก็ยังอยู่ และบังคับให้ทหารใช้กำลังเพื่อสลาย ในขณะที่ 19 กันยา หลายคนไม่เห็นด้วย แต่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ทำให้รวมตัวกันไม่ติด เสียช่วงเวลาที่จะชิงความได้เปรียบไป อีกประการก็ถือว่าเป็นการลดแรงดันของประชาชนอีกฝ่ายที่อึดอัดกับการกระทำของพันธมิตรด้วย หรืออาจจะเพื่อชี้นำประชาชนที่เหลือ ว่ายังมีกลุ่มที่เข้าข้างรัฐบาลอยู่ ไม่ทราบคิดว่าอย่างไรครับ จากคุณ : masked v - [ 1 ก.ย. 51 08:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เพิ่งผ่านมาอ่านค่ะ ขอลงชื่อเป็นผู้ติดตามด้วยคน ชอบจังเลยค่ะที่วิจารณ์แบบตรงจุดกันแบบนี้ ภาพเป็นอย่างไรเขียนไปอย่างนั้น แม้จะมีบางอันของบางคนที่อ่านแล้วค่อนข้างสะดุดใจหน่อยๆ แต่ไม่ว่ากันค่ะ เข้ามาที่นี่ทำให้รู้ที่มาที่ไปของบุคคลต่างๆและประวัติศาสตร์สังคมมากขึ้นสุดๆเลยค่ะ ถ้านักเรียนนักศึกษาไทยได้เรียนเรื่องแบบนี้อย่างลึกซึ้งเหมือนกับที่อ่านในกระทู้นี้ ก็คงทำให้เขาสามารถมองสถานการณ์ได้ทั่วๆกว่านี้ ไม่ใช่เอาความสบายเข้าว่าก่อนเหมือนอย่างที่เห็นๆกันอยู่ในปัจจุบันค่ะ ประวัติศาสตร์ บ้านเมือง สังคมก็สามารถทำให้น่าสนใจได้ แต่ไม่เข้าใจคนแต่งตำราจริงๆทำไมถึงให้เรียนแต่น้ำไม่ให้เรียนกากบ้างเลย จากคุณ : ผู้เติบโตมากับตำราที่มีแต่น้ำ (citrus_tree) - [ 1 ก.ย. 51 16:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ auddy8390 แปะรูปผิดกระทุ้ป่าวครับ จากคุณ : กริชครับผม - [ 2 ก.ย. 51 01:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 86 .... All Hell Breaks loose http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6953178/P6953178.html http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6953084/P6953084.html http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6953384/P6953384.html จากคุณ : Nexus - [ 2 ก.ย. 51 02:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มีคนมาทักเรื่องข้อมูลครับ ที่ว่าไทยรัฐมีปัญหากับร้านหนังสือ ผมมือไวไปหน่อยบอกว่าเป็น B2S จริง ๆคือ ร้านซีเอ็ด ครับ ก็ขอขอบคุณท่านที่อุตส่าห์ทักมาหลังไมค์ด้วย เห็นว่าท่านเลือกหลังไมค์ เลยคิดว่าอาจจะไม่อยากเผยชื่อ แต่ไม่เป็นไรครับ  ผมรับทราบและขอบคุณมาก บางทีมันก็มีหลงลืม หรือจำสับสนได้อย่างงี้บ่อย ๆ ก็ทักเข้ามาได้ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 08:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เรื่องแนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตร  ผมคิดว่าคงไม่โต้แย้งว่าเขายังคิดอยู่หรือเปล่า แต่ในความเห็นผมว่า น่าจะเอามาขยายวงการยอมรับได้ยาก  เพราะเมื่อครั้งที่เขาประกาศ  การยอมรับน้อยมาก ส่วนเรื่องอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมอยากจะพูดว่า เราคงต้องมองเหตุการณ์เหล่านี้แบบหลายมิติหน่อย พูดง่าย ๆ คือ มันมีที่  ที่อยู่ และที่ไป เหมือนรัฐธรรมนูญปี 50 นั่นแหละ ขอไม่วิจารณ์มาก แต่อยากยกตัวอย่าง กฎหมาย ห้ามฉี่ในลิฟท์ของรัฐบาลสิงคโปร์ ตอนที่ กม นี้ออกมา เป็นข่าวที่น่าขบขันสำหรับประชาคมโลก แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันทำให้มองเห็นว่า สังคมสิงคโปร์เขาเป็นอย่างไร เกิดคำถามง่าย ๆ ว่า เขาไม่อยากให้ประชาชนมาฉี่ในลิฟท์ หรือประชาชนฉี่ในลิฟท์จนทนไม่ได้ เลยต้องออกกฎหมายห้าม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 08:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 89 การมองสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้ามองมิติเดียว  เราอาจจะไม่เห็นอะไรที่รอบด้าน ผมถึงบอกว่า มันเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ที่จะพูดเรื่องพวกนี้ เพราะตอนนี้ สังคมเราแบ่งฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ไม่มีที่ตรงกลาง หรือการเจรจา สำหรับ 2 ฝ่าย มีก็แต่คนที่สนใจการเมืองช้าหน่อย อาจจะยังสับสนอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น การทำความกระจ่างให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งผมถือว่าเป็นเป้าหมายหลัก ของกระทู้หรือสิ่งที่ผมพยายามเขียนนี้ จึงเป็นเรื่องยาก เพราะมันสุ่มเสี่ยงมากที่จะแสดงออกมาว่า เห็นด้วยกับใคร หรือสนับสนุนใคร จริง ๆ ทางการเมือง หรือการเคลื่อนไหวทางการเมือง มันไม่มีตรงกลางหรอกครับ เหมือนคำพูดของเหมาที่ว่า "งานปฎิวัติไม่ใช่งานเลี้ยงรับรอง  ไม่ต้องมากมารยาท" พูดง่าย ๆ คือ เมื่อคุณเข้าสู่สถานการณ์สู้รบ อะไรได้เปรียบต้องงัดเอามาใช้ เพราะมัวแต่มากมารยาท งานคงไม่ลุล่วง มันก็เลยเป็นปัญหาครับ  เพราะยังมีอีกหลายคนที่มองทุกอย่างแบบกรรมการตัดสิน คือ ต้องหาข้อดี ข้อเสีย เอาไว้ตัดคะแนน ก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่มันยากสำหรับนักแสดงในเกมส์การเมือง ที่จะแสดงให้ถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมดได้ ผมเลยพยายามไม่ชี้ถูกชี้ผิด  ขอเพียงแค่เอาเรื่องราวมาอธิบายว่าการกระทำของแต่ละฝ่ายนั้น มันเป็นกลยุทธ์อย่างไร และจะทำให้เกิดอะไรขึ้น มากกว่าที่จะบอกว่า ถ้าใครชนะแล้ว สังคมจะเกิดอะไรขึ้น แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตอบแบบนั้น มันจะเป็นการชี้นำให้คนเลือกข้าง เหมือนสมัยก่อนที่บอกว่า ถ้าคอมมิวนิสต์ชนะ เขาจะทำลายวัด จับนักบวชไปไถนา เอาคนหนุ่มคนสาวไปนอนสามัคคี ใครฟังก็หนาว  แล้วพาลต่อต้านไปเลย การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ สิ่งที่ผมทำคือ อยากให้เราเห็นหรือไม่เห็นด้วย บนพื้นฐานของความรู้ ไม่ใช่ความเชื่อแบบไม่มีข้อมูล เพราะแบบนั้น มันจะแปรเป็นความบ้าคลั่งเอาได้ง่าย ๆ ใช่ไหมครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 09:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 90 และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย สุดท้ายประชาชนก็ยังคงเป็นคนเลือกอนาคตตัวเองได้อยู่ครับ เรามาไกลเกินกว่าที่ใครหรือระบอบใดจะมาจำกัดสิทธิหรือผูกขาดระบอบใดระบอบหนึ่งที่เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มตนได้อีกแล้ว เหมือนเมื่อเกิดระบอบทักษิณ เราก็มีพันธมิตรต้าน เหมือนเมื่อเกิดรัฐประหาร คมช. เราก็มี นปก.ต้าน ทุกคนที่สร้างระบบที่เอื้อเฉพาะประโยชน์ของตน อยู่ไม่ได้ครับ พันธมิตรวันนี้ก็เช่นกัน หากเขาชนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเอาอะไรมายัดเยียดให้คนไทยได้ตามใจตัวเองหรอกครับ จำหลัง พ.ค.ทมิฬได้ไหม  พล.ต.จำลอง ตั้งพรรคมารองรับการเลือกตั้ง หากดูตามสถานการณ์  เขาน่าจะชนะแบบถล้มทลาย แต่ก็ไม่ใช่ ปชป.กลับลอยลำ  แบบเจ้าตัวก็ไม่อยากเชื่อ เพราะอะไร เพราะคนส่วนใหญ่เห็นว่า พล.ต.จำลอง เหมาะสำหรับต่อต้านทหาร แต่ไม่เหมาะที่จะมาตามเช๊กบิลที่หลังแบบไม่รู้จบ เช่นกันครับ  แม้ครั้งนี้พันธมิตรจะชนะ ไม่ได้หมายความว่า นายธิ  ลิ้มทองกุล  จะเดินไปนั่นเก้าอี้นายกฯได้ ต่อให้ตั้งพรรคการเมืองตามระบบเองก็เถอะ บ้านเราก้าวมาไกลเกินยุคการปฎิวัติแบบบอลเชวิกหรือเหมา เจ๋อ ตุง แล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 09:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นด้วยค่ะ แล้วก็ขอบคุณที่มาชี้แจงให้กระจ่างเพราะทุกวันนี้เจอมาเยอะค่ะ พวกที่พูดว่าตัวเองเป็นกลาง แต่สุดท้ายก็บอกว่าตัวเองไม่ชอบฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ มันหมายความว่ายังไงล่ะเนี่ยที่บอกว่าตัวเองเป็นกลาง มันเหมือนเป็นแต่ปากแต่ความคิดนี้ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านไปจะทำให้ประเทศไทย คนไทย สามารถยกระดับความคิดด้านประชาธิปไตยมากขึ้น จากคุณ : citrus_tree - [ 2 ก.ย. 51 09:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 92 อย่างที่บอกแหละครับว่า เรื่องความเป็นกลาง จริง ๆ แล้วมันไม่มี การที่เราไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่ง มันก็เสมือนไปสนับสนุนฝ่ายหนึ่งอยู่ดี สิ่งที่เราบอกว่าเป็นกลางอยู่ทุกวันนี้ คือ ความเป็นกลางเทียม คือพยายามไม่ยุ่งกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็คงทำได้แค่นี้แหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 09:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เข้าสถานการณ์ต่อแล้วกัน  ผ่านไปวันเดียว สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ จากกลยุทธ์การนัดหยุดงานและตัดระบบสาธารณูปโภคของพันธมิตร เชื่อว่านี่คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิดการปะทะกันเมื่อคืนนี้ครับ กลยุทธ์ที่พันธมิตรใช้ อย่างที่บอกว่ามันเกิดอารยะขัดขืนมานานแล้ว มันกลายเป็นอนาธิปไตยมากขึ้นทกที การตัดน้ำตัดไฟก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เวลาเกิดการปฎิวัติ รัฐประหาร เขาจะใช้กัน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ สมัยที่โซเวียตมการเปลี่ยนแปลง และมีการยึดสภาฯ เขาก็ใช้การตัดน้ำตัดไฟนี่แหละครับ กรณีรัฐประหารโดยทหาร  มันก็เริ่องนึง  แต่คราวนี้มันเป็นเรื่องของสหภาพหรือประชาชนด้วยกัน เหมือนกรณีของพรรคบอลเชวิกเมื่อครั้งเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าซาร์มากกว่า ครั้งนั้น ถ้าพูดแล้วมันก็กึ่ง ๆ อนาธิปไตย  เพราะบอลเชวิกเองก็ไม่ได้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเด็ดขาด  ปัจจัยที่ทำให้การปฎิวัติครั้งนั้น ประสบความสำเร็จ เพราะมีทหารแปรพักต์เข้าร่วม บอลเชวิกเอง มาเดินเกมการเมืองในภายหลัง จึงได้ครองเมืองมาอีก 70 ปี การเลือกที่จะใช้ นปก.เป็นเกมที่จะเบี่ยงการใช้ความรุนแรงจากฝ่ายรัฐกับประชาชน มาเป็นระหว่างประชาชนด้วยกัน ซึ่งมันมีผล คือ ถ้าประชาชนกับรัฐ  คนจะเชียร์มวยรอง  แม้เจ้าหน้าที่รัฐจะปราบปรามได้ แต่ก็ปกครองต่อไม่ได้ เพราะจะขาดความชอบธรรม แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นประชาชนต่อประชาชน มันจะกลายเป็นเรื่อง สถานการณ์ความวุ่นวายที่ไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐจะย้ายข้างจากคู่ต่อสู้ของพันธมิตร มาเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองทันที กลายเป็น AJ ซะงั้น อีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจาก ความต้องการผลักดันให้ทหารออกมามีบทบาทมากขึ้น เพราะถ้าไม่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทหารก็ไม่สามารถออกมาได้   เพราะที่ผ่านมา เหมือนรัฐบาลจะไม่สามารถสั่งทหารได้เต็มที่นัก สถานการณ์แบบนี้ ผลักให้ทหารไม่มีทางเลือก นอกจากเดินออกมาเอง ที่เหลือคือบทบาทของทหารว่าจะคุมได้แค่ไหน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 09:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คือผมหลังไมค์เพราะไม่แน่ใจว่าคุณสื่อศิลปไม่อยากบอกว่าเป็นซีเอ็ดหรือเปล่าครับ ก็เลยไม่อยากบอกในกระทู้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็เลยถือโอกาสเล่าเลย เพราะเรื่อง นี้ผมก็ติดตามอย่างใกล้ชิดพอสมควร และเป็นสงครามที่สนุกเอาเรื่องเลยครับ ใครทราบส่วนไหน เพิ่ม หรือ รู้ส่วนไหนดีก็เสริมได้นะครับ เหตุการณ์นีเริ่มด้วย เหตุการณ์ 19 กันยา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไม่มีวางแผงบน ร้านซีเอ็ด ทำให้ไทยรัฐไม่พอใจอย่างมากโดยสาหตุ ฝ่ายไทยรัฐบอกว่า ซีเอ็ดไม่ยอมส่ง หนังสือพิมพ์ ทำให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเสียหาย ฝ่ายกานดาซัพพลาย สายส่งของซีเอ็ดคือ โต้กลับมาว่า วันนั้นรอแล้วรออีก แต่ไทยรัฐ ไม่ยอมเอามาส่งสักทีพอโทรไปถามก็ไม่ตอบว่ามาเมื่อไหร่ รถส่งรอไม่ได้ ก็เลยออก ไปก่อนโดยไม่รอไทยรัฐ แต่ก็ยังอุตสาห์ ส่งจนเกือบหมด มีแค่ 9 ร้านเท่านั้นที่ไม่มีวาง จากที่ผมฟังมา ข่าวเล่าว่า วันนั้นไทยรัฐพิมพ์ หนังสือเพิ่ม 2 เท่าทำให้มาส่งสาย ไทยรัฐก็ประกาศ สงครามกับ กานดาซัพพลายและซีเอ็ด ด้วยการบอยคอตสั่งเอเยนต์ ทั่วประเทศไม่ให้ส่งหนังสือพิมพ์ให้กานดาและซีเอ็ด (ขออธิบายนิด  คำสั่งนี้รวมถึงหนังสือทุกประเภทนะครับ คือไทยรัฐห้ามเอเยนต์ ส่งหนังสือให้กานดาซัพพลาย์ ไม่งั้นจะไม่ส่ง ไทยรัฐให้ ส่งผล ทำให้ไม่ว่าผู้จัดการ มติชน เนชั่นสตาร์ช็อคเกอร์ คู่สร้างคู่สม ซุบซิบดารา และหนังสือ ประเภทรายวัน รายปักษ์ที่ใช้ระบบเอเยนต์ไม่มีในซีเอ็ด) ผลลัพท์ก็คือ สงครามครั้งใหญ่ที่สุดในวงการหนังสือสิ่งพิมพ์เท่าที่เคยมีมาในรอบ 10 ปี พันธมิตร มุมเขียว ได้แก่ นำโดยลูกพี่ใหญ่ ไทยรัฐ น้องรองฐานเศรษฐกิจ ฐานรวมห่อ และ สยามกีฬา พันธมิตร มุมแดง ได้แก่ ลูกพี่ใหญ่ ซีเอ็ด น้องๆ ได้แก่ กานดาซัพพลาย สงครามเริ่มด้วย อาการนี้แหละครับ ตอนแรก สงครามครั้งนี้ ทุกฝ่ายให้ไทยรัฐเป็นต่อ ซีเอ็ดออกอาการทันที ด้วยราคาหุ้น ดิ่งวูบลงไป ทันที 1 บาท (ตอนนั้นใครซื้อ ไว้ตอนนี้ก็ยิ้มแก้มปริแหละครับ) แล้วซีเอ็ดก็ได้พันธมิตร มาร่วมด้วยช่วยแจมคือ เนชั่น มติชน เดลินิวส์ และผู้จัดการ โดยผู้จัดการก้ได้ด่า ไทยรัฐว่าด้วยเหตุทำให้ ผู้จัดการไม่มีขายใน ซีเอ็ดไปด้วย ส่วน เสธแดง ก็ปรากฎตัวเข้าข้างไทยรัฐด้วยการด่าซีเอ็ดทันทีว่าเป็นโมเดิร์น เทรด แบบโลตัส คาร์ฟูร์ เนื่องจากเคยโดนซีเอ็ดถอดหนังสือที่ถูกฟ้องร้องออกจากชั้นวาง ซีเอ็ดแก้เกมด้วยการขอให้สำนักพิมพ์ จัดส่งหนังให้ซีเอ็ดโดยตรงโดยไม่ต้องผ่าน เอเย่นต์ หรือรวมห่อ ไทยรัฐเปิดเกมรุกต่อเนื่องด้วยการ ทำข่าว ว่าซีเอ็ด ผูกขาดตลาด เป็นโมเดิร์นเทรด รุกราน ร้านหนังสือ รายย่อย ผ่านหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ซีเอ็ด ตั้งเกมรับด้วยการออกมาชี้แจง ข้อเท็จจริง และพยายามยุติศึก ในช่วงนี้ โลกหนังสือ สิ่งพิมพ์ แยกออกเป็น 2 ขั้วชัดเจนคือ หนังพวกพ็อกเก็ตบุค จะอยู่ฟังซีเอ็ด ส่วนพวกหนังสือรายสัปดาห์ รายเดือน จะอยู่กับไทยรัฐ นอกจากนี้ยังมีข่าว ปรากฎในเว็บ เรื่อง เอเยนต์ชลบุรีที่แหกกฎไทยรัฐ ที่โดนเชือด ไป ซึ่งไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด (ใครยืนยันได้ช่วยบอกด้วยนะครับ) จากนั้นอากู๋ แห่งแกรมมี ก็กระโดด มาเป้นคนกลางเจรจาหย่าศึกให้ ได้ข้อตกลง สงบศึกออกมาฉบับหนึ่ง น่าเสียดายที่ข่าวช่วงนี้ไม่ชัดเจน ผมได้ยินมาว่า ข้อตกลงนั้น เป็นข้อตกลงในระดับที่ ซีเอ็ดต้องขายไทยรัฐแบบไม่เอากำไร และพ่วงว่า ให้ลงโทษกานดาซัพพลาย และว่ากันว่าเมื่อข้อตกลงไปถึง คุณทนงเจ้าของซีเอ็ด คุณทนงก็โยนข้อตกลงนั้นทิ้ง  และเปิดศึกต่อเนื่องกับไทยรัฐและเกิดสงครามเย็นต่อ มาจนถึงทุกวันนี้ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 51 09:40:41 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 51 09:37:17 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 51 09:35:32 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 2 ก.ย. 51 09:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 95 จุดเปราะบาง คือ ตอนนี้เราจะแยกไม่ออกแล้วว่าใครข้างไหน เพราะถ้าเป็นประชาชนปะทะกับภาครัฐ อย่างน้อยก็แยกที่เครื่องแบบ (ใครดูภาพข่าว ตอนที่ตำรวจบุกเข้าทำเนียบในช่วงวันแรก ๆ ที่มีภาพเอาปืนมาใช้บ้างครับ  สังเกตดี ๆ จะมีเจ้าหน้าที่แต่งนอกเครื่องแบบ คล้ายพวกม็อบ แต่เวลาปะทะ เอาบัตรมาแขวนคอ  อย่างนี้แสดงว่าเป็นพวกที่แทรกซึมเข้าไปในม็อบ ปกติจะเป็นหน้าที่ของพวกสันติบาล) แต่ตอนนี้ แค่เอาเสื้อเหลืองมาใส่ก็กลายเป็นพันธมิตร เอาเสื้อแดงมาสวม ก็เป็น นปช. ใครจะแยกออกครับ เวลาดูภาพข่าว เราก็รู้แค่ว่า เหลืองตีแดง แดงตีเหลือง ถ้าเหลืองเปลี่ยนไปใส่แดงแล้วมาตีเหลืองละ กลับกัน แดงใส่เหลืองแล้วกลับมาตีแดง พอให้เป็นชนวน สถานการณจะคืบไปอีกขั้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 09:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 96 แหม  เจาะลึก เหมือนไปนั่งดูขอบสนาม มันส์ครับ เอามาเล่าต่ออีกก็ดีครับ ไม่นึกว่าเขาจะเล่นกันแรงขนาดนี้ นึกว่าเล่นกันปีนั้นแล้วจบ แต่ก็พอรู้ว่า ตอนนีเราหาซื้อไทยรัฐในร้านซีเอ็ดไม่ได้ สงสัยคงจบยากครับ  ยัก์ทั้งนั้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 09:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ข้อตกลงซีเอ็ดกับไทยรัฐ ที่ไปหามาครับ 1.ให้ส่วนลดกับ บมจ.ซีเอ็ดในอัตรา 15 % 2.ชมรมฯขอให้ ซีเอ็ด บุคเซ็นเตอร์ในพื้นที่ต่างๆ รับหนังสือพิมพ์และนิตยสารจากเอเยนต์ในพื้นที่นั้นๆเท่านั้น และขอไม่ให้นำ หนังสือข้ามเขตเข้ามาจำหน่าย 3.ชมรมฯขอให้บมจ.ซีเอ็ดเปลี่ยนแปลงวิธีชำระค่าหนังสือ โดยขอให้ชำระในวันที่ 25 ของเดือนนั้นในกรณีที่เอเยนต์ส่งหนังสือ ให้ระหว่างวันที่ 1-15 กรณีส่งหนังสือระหว่างวันที่ 16-31 ให้ชำระเงินภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป 4.สำหรับ ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ขอให้รับหนังสือโดยตรงจากบริษัท รวมห่อ หรือ จากเอเยนต์ในพื้นที่นั้น ซีเอ็ด รับเงื่อนไขสามข้อ ในการกระจายหนังสือ แต่ร้องขอมาร์จิ้น ในอัตราเดิมที่ 18% ในขณะที่ไทยรัฐและฐานเศรษฐกิจ(เจ้าของ ฐานรวมห่อ)ถือว่าตัวเองได้เปรียบ ขอลดส่วนแบ่งเหลือเพียง 15% แต่หลังจาก มณฑลี โชติสรยุทธ รองกรรมการผู้จัดการซีเอ็ด กลับจากต่างประเทศ ก็ประกาศเปิดศึก ไม่รับเงื่อนไขเรื่องราคาเด็ดขาด "หนังสือพิมพ์-นิตยสารไทย ไม่คุ้มก็ไม่ต้องทำไม่ต้องขาย ถ้ามาบีบเปอร์เซ็นต์กันจาก 18% เหลือ 15% ร้านหนังสือขึ้นห้างใคร ๆ ก็รู้อยู่ว่าค่าเซ้งค่าเช่าพื้นที่แพงขนาดไหน มี outlets จำนวนมากอยู่กับตัวกลัวอะไร หาของดี ๆ ที่คุยกันดี ๆ และเข้าใจกันมา จำหน่ายได้ถมเถไป " พร้อมกับสั่งปรับพื้นที่ ในร้านใหม่ เพิ่มพ็อคเก็ตบุ้ค และหนังสือวิชาการเข้าไปแทนที่ มาจากนี้ครับ http://reachmydream.exteen.com/20061127/entry จริงๆ สงครามก็เรียกได้ว่าจบแล้วคือ ไทยรัฐกับซีเอ็ดแยกกันเดิน แต่ผมว่าคนที่เจ็บตัวคราวนี้มากที่สุด คือ ไทยรัฐครับเพราะว่าเสีย รางวัดไปเยอะทีเดียว และเปิดพื้นที่กระจายสินค้า ให้กับผู้เล่นรายอื่น และสร้างศัตรูที่มีแนวโน้มจะยิ่งใหญ่ในอนาคต แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 51 09:54:14 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 2 ก.ย. 51 09:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สิ่งที่ผมทำคือ อยากให้เราเห็นหรือไม่เห็นด้วย บนพื้นฐานของความรู้ ไม่ใช่ความเชื่อแบบไม่มีข้อมูล เพราะแบบนั้น มันจะแปรเป็นความบ้าคลั่งเอาได้ง่าย ๆ ใช่ไหมครับ //// >>> เห็นด้วยมากๆ ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่แบ่งปันข้อมูลด้วย .....  สถานการณ์ตอนนี้ ชวนให้นึกถึงกวีบทเก่า (ไม่ใช่นูโวนะคะ ^__*) ถ้าถึงจุดหนึ่ง ต้องลุกขึ้นมาสู้กับเขาบ้าง จะหันหน้าไปประจัญกับทางไหน..  จะเชื่อใจ-หันหลังอิงใคร..   เพราะพวกเดียวกัน ก็ใช่จะไม่ใช้กันเป็นหมากในเกม ****** "ชีวิตคือการต่อสู้"  ดูเพราะเหลือ เป็นยาเบื่อเมาหมักสำนักไหน มีกฏกะชนะแพ้ไว้แค่ไร.. ???  ...  ... "ชีวิตคือการต่อสู้" สู้ใครเหวย? วานช่วยเผยคู่ต่อสู้ข้าอยู่ไหน "ชีวิตคือการต่อสู้" สู้เพื่อใคร สู้อย่างไร? นักปรัชญาบอกข้าที [คัดจาก; ศรีนาคร(2498)] ****** ปล. ต้องย้ายไปถามที่ห้องปรัชญามั้ยคะนี่ ... --' จากคุณ : จิตรางคทา - [ 2 ก.ย. 51 11:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เชิญคุณสื่อศิลป์ว่าต่อตามสบาย ขออภัยที่ขัดคอครับ จากคุณ : masked v - [ 2 ก.ย. 51 11:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อืมม์... "นรกแตกหลวม" ของจริง สองปีนี้เป็นครั้งแรกของชีวิตที่ไม่คิดอยากจะจ่ายภาษี จากคุณ : ha ha yee - [ 2 ก.ย. 51 12:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 101 กระทู้นี้ อ. สื่อศิลปเขียนได้คม น่าขบคิดมาก จะขออนุญาตนำบางส่วนไปฝาบล็อกไว้เตือนใจได้หรือเปล่าคะ จากคุณ : honeytina (honeytina) - [ 2 ก.ย. 51 14:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ไม่ถือว่าเป็นการขัดคอหรอกครับ เป็นการแสดงความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนกันมากกว่า อย่างที่ว่า ผมตั้งใจจะไม่ "ออกอาการ"เชียร์ข้างใดข้างหนึ่ง ในกระทู้นี้ โดยหวังว่าจะขอแค่ทำหน้าที่ "มอง" หลาย ๆ มุม แปรวิกฤติ เป็นโอกาสในการเรียนรู้ทางการเมือง และอย่างที่ว่า ผมไม่เชื่อว่า เรื่องการเมืองจะมีใครผิดใครถูกแบบร้อยเปอร์เซนต์ เพราะฉนั้น ถ้าเราจะเรียนรู้เพื่อเข้าใจ ก็เปิดใจสักนิด พูดเตือนคนอื่นนะเก่งครับ จริง ๆ ผมเองก็ไม่ค่อยเปิดใจเท่าไรนักหรอก อย่างว่าครับ มัเป็นไปไม่ได้ เพราะแต่ละคนผ่านประสบการณ์ ผ่านการวิเคราะหเหตุการณมาแตกต่างกัน มุมมองจะมาเหมือนกัน คงเป็นไปไม่ได้ ก็ทำให้แค่แลกเปลี่ยนกันคนละมุมมองหลาย ๆ มุมแล้วกัน ส่วนจะเอาไปทำอิฐบล็อกนั่นเชิญเถอะครับ ถ้ามันไม่แข็งโป๊กอย่างที่หวังก็อย่ามาว่ากันแล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 16:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 103 พวกเราเตรียมตัวย้ายประเทศได้เลยครับ ถ้าระดับคุณหมอฮานิบัล จะไม่จ่ายภาษี ประเทศคงไม่มีงบบริหารไปหลายปีครับ สาว ๆ ท่านใดยังไม่ทราบ โปรดเงี่ยหูฟังด้วย คุณหมอฮานิบัล คือ ทายาทเจ้าคุณปู่แสนล้านตัวจริง ทุกวันนี้ที่แกทำตัวโลว์โปรไฟล์นะไม่ใช่อะไรหรอก แค่เป็นมุกปลอมตัวมาหารักแท้แค่นั้นแหละ อย่าให้หลุดมือนะจ๊ะ สาว ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 16:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 104 การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กับข่าวลือ (หรือผิดพลาด) เรื่องปลดปลัด มท. น่าจะเป็นเครื่องชี้ทิศทางการต่อสู้ของรัฐบาล ที่เลือกจะชน ม็อบ นปช.ถอยแบบมีเชิงครับ  งานนี้เล่นล้ำลึกกว่าอุดรฯเยอะ ย้ายอัศวิน เพราะข่าวรั่วและไม่ตีจริง ส่วนน้องแคลอรี่ บลา บลา ที่ออกมาแถลงประนามพันธมิตรในนาม ของกลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่กิ๊ก  ฟังแล้วนั่งหัวร่อไป 3 วันนั้น วันนี้เพื่อนพ้องเขาให้ข้อมูลมาแล้วว่าเจ้าตัวไม่ใช่ใครที่ไหน มือรับจ้างโพสต์ข้อความในเวบไซต์ธรรมดา ๆ นี่เอง จังหวะว่าสังกัดสถาบันพอจะโชว์ได้ ก็เลยรับงานซะ ไม่ไหวนะน้อง ทำสถาบันเสียชื่อหมด ไม่รู้จะเขียนอะไรดี ก็ให้ข้อมูลกันดิบ ๆ นี่แหละ คืนนี้ใครนัดกิ๊กไปดินเนอร์ ก็หาทางเลื่อนโปรแกรม ไม่ก็ร่นเวลาหน่อยนะ เผื่อเจอประกาศเคอร์ฟิวส์ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ก.ย. 51 16:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 105 หา!!! จริงหรือคะ  o_O  (ทำตาโตประกอบ) โอ้ว.. ว้าว.... ติดตามมาตั้งนาน ไม่เสียแรงๆ ปล. มองผ่านไปที่ #103 นะคะ  ..o(><)o)) หุหุ ปล.2 ... คลายเครียดนิดนะคะ  แหะๆ อย่าหาว่าเพิ่งมา แล้วมั่วตีซี้เลยนะคะ ...ฮี่ฮี่  (o/\o) จากคุณ : จิตรางคทา - [ 2 ก.ย. 51 18:36:29 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แล้วมันจะจบยังไงละครับนี่ พันธมิตรชนะก็คงจะยาก แถมคนอีกกลุ่มก็คงไม่ยอม คงจะวุ่นไปไม่มีวันจบ รัฐบาลชนะก็คงร่องแร่งเต็มที ถ้ายุบแล้วกลับมาได้ใหม่ พันธมิตรก็ออกมาอีกอยู่ดี เฮ้อ นี่ขนาดใช้กระบี่อิงฟ้ายังไม่ยอมถอยกันเลย จากคุณ : masked v - [ 2 ก.ย. 51 18:42:12 ]

ความคิดเห็นที่ 107 สงสัยงานนี้ คงต้องมีการเสียเลือดเสียนื้อกันมั่งละมั้งเนี้ยะ จากคุณ : กริชครับผม - [ 3 ก.ย. 51 01:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 108 แจ้งข่าวการเคลื่อนไหวในกลุ่มนศ. นะครับอาจารย์สื่อฯ (ต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์จริงแต่ผ่านทัศนคติของผมครับ) กปก.(ชื่อพิลึก) กับฝ่ายการเมือง อมธ. (มีคนเดียว) ที่ออกมาแถลงการณ์ประณามพันธมิตรนั้น ส่วนตัวพวกเขาอยู่กลุ่มที่เรียกว่า "เลี้ยวซ้าย" ซึ่งเป็นกลุ่มอิสระรณรงค์และเผยแพร่ลัทธิมาร์กซิสม์ตามแบบของ อ.ใจ อึ๊งภากรณ์ ครับ และทางอมธ.ก็ได้ให้คนดังกล่าวพิจารณาตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ฐานะแอบอ้างใช้ชื่อ อมธ.โดยพลการ อย่างไรก็ตาม อมธ.ชุดปัจจุบัน เคลื่อนไหวด้านการเมืองมากกว่าชุดที่ผ่านมา ครับ อาจเป็นเพราะว่าอมธ. ชุดปัจจุบันเติบโตมาจากสายกิจกรรมอาสา (แน่นอน รวมถึงพวกเลี้ยวซ้ายด้วย) ต่างจาก อมธ.ชุดเดิม 7 ชุดที่ผ่านมาซึ่งสืบทอดมาจากสายสวนกุหลาบฯ มีการทำโพลวัดความเห็นของนศ. และตอบสนองข้อเรียกร้องของนศ.มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนศ. ส่วนใหญ่ไม่สนใจการเมือง อธิการบดีก็ไม่อยากให้นศ.สนใจการเมือง เมื่ออมธ. จะจัดเรียกร้องอะไร หรืออยากจัดเวทีสาธารณะ อธิการท่านก็ว่า "แน่ใจนะว่าเป็นเสียงของนักศึกษาจริงๆ ไม่ใช่แค่พวกเธอ"  ถึงแม้อมธ.จะเลือกตั้งมาด้วยเสียงของนศ.ก็ตาม ก็สมกับที่ท่านขอพระราชทานนายก มาตรา 7 ล่ะครับ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่พันธมิตรกลุ่มเยาวชน นำโดยนศ. ป.โท นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ลูกสส. มาลีรัตน์ แก้วก่า มาจัดยุทธการดาวกระจายที่ มธ. ทางอมธ. ได้แถลงการณ์ชี้แจงว่า สามารถใช้สถานที่ได้ และนศ.ควรใช้วิจารณญาณ แต่ทางฝ่ายพันธมิตรก็มาป่วน(ขออภัย เพราะป่วนจริงๆ) ด้วยหลักสูตรการกล่าวหาที่ถอดแบบมาจากเวทีมัฆวานทีเดียว ประเภทว่า "ผมได้ยินมาว่า ที่มาแถลงอยู่นี่เพราะได้เกรด"(ได้ก็ดีสิ จะปี 5 แล้ว) "ผมได้ยินมาว่า อมธ.สั่งห้าม นศ. ออกจากหอมาร่วมชุมนุม"(ยามจะได้ตะเพิดหนีปะไร) "ไม่อยากคุยกับโจร"ฯลฯ พวกเจ้าประคุณท่านอ่านแถลงการณ์ผิดจาก "ต่อการ" เป็น "ต่อต้าน" แล้วกล่าวหาว่า อมธ. จะประกาศสงครามกับพันธมิตร พอชี้แจงให้อ่านดีๆก็ใช้โทรศัพท์มือถือทำไม่สนใจ หนำซ้ำยังเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองที่ออกไปแถลงกับกปก. มาขอโทษ พอเห็นตัวก็จับล็อคไว้จนต้องเข้าไปแยก ให้เขาหนีออกด้านหลังตึกกิจฯ อหิงสาตรงไหนครับ? มีเหตุผลหรือเปล่าครับ? ต้องขอนับถือนายกฯอมธ.นะครับที่นิ่งสงบไว้ได้ ฟ้าผ่าตายเถอะครับ อาจารย์สื่อ พวกผมรู้ว่าพันธมิตรจะมาตอนบ่ายสามครึ่ง หัวสักหัวคว่ำมาประชุมประเมินสถานการณ์ จนได้ข้อสรุปจากกลุ่มกิจกรรมส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยตอนสองทุ่มครึ่ง จะมีปัญญาไหนไปจัดฉาก? .................................................................................................... อาจารย์สื่อฯครับ ผมต้องยอมรับว่า นศ.มธ.ปัจจุบันมีความตื่นตัวทางการเมืองน้อยมาก แต่ถ้าให้ตื่นตัวแบบปิดตาหัวชนฝา ผมขอสั่งยาระงับประสาทให้กลับไปนอนสงบสติก่อนดีกว่าครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 3 ก.ย. 51 03:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 111 แถลงการณ์องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยที่ยึดมั่นในเสรีภาพทางการเมือง ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงขอประกาศจุดยืนว่าองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอดำรงอยู่บนความเป็นกลางทางการเมือง คือมิได้ฝักใฝ่กลุ่มการเมืองฝ่ายใด โดยจะได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อเสนอทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ประชาชน และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ            ทั้งนี้การประชุมเพื่อหาข้อสรุป ดังที่ได้แถลงนั้นจะกระทำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และทางองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเป็นผู้ประกาศข้อสรุปดังกล่าวเอง โปรดอย่าเชื่อคำกล่าวจากกลุ่มการเมืองฝ่ายใด แต่ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เคารพในสิทธิและเสรีภาพของกลุ่มการ เมืองต่างๆ ที่จะขอใช้สถานที่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการปราศรัยภายในมหาวิทยาลัยนั้น อนุญาตให้กระทำได้เฉพาะนิสิตนักศึกษาเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากบุคคลภายนอก และหากมีนักศึกษากลุ่มใดที่มีความเห็นต่างไปจากกลุ่มการเมืองกลุ่มนี้ สามารถขอใช้พื้นที่ในการปราศรัยภายใต้กรอบของกฎหมายได้เช่นเดียวกัน ทาง องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอประกาศย้ำอีกครั้งว่าการที่กลุ่มการเมืองใช้สถานที่ภายในมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์นั้น ไม่ได้แสดงถึงเจตนาของทางมหาวิทยาลัยว่าได้โอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใด            อนึ่ง การที่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต้องการแสดงจุดยืนเข้าร่วมกับกลุ่มการ เมืองใดๆ ในระดับปัจเจกบุคคลถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่จักทำได้ ด้วยความสมานฉันท์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๑ กันยายน ๒๕๕๑ แถลงการณ์ฉบับนี้เป็นข้อสรุปจากการประชุมหารือร่วมกันขององค์การนักศึกษา สภานักศึกษา คณะกรรมการนักศึกษาคณะต่างๆ คณะกรรมการชมรม/ชุมนุม และตัวแทนกลุ่มอิสระ .................................................................................................... แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 12:51:39 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 03:30:56 จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 3 ก.ย. 51 03:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เดี๋ยวจะไม่เข้ากับบรรยากาศห้องสมุด จับความจากโรมีโอและจูเลียตมาแปะครับ Romeo, the hate I bear thee can afford No better term than this: thou art a villain. Tybalt, Act III; scene I Where be these enemies? Capulet! Montague! See, what a scourge is laid upon your hate, That heaven finds means to kill your joys with love! And I, for winking at your discords too, Have lost a brace of kinsmen. All are punish'd. Prince ; Act IV scene III จากคุณ : เทราสเฟียร์ - [ 3 ก.ย. 51 03:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เรื่องนี้ผมว่า มันไม่ใช่แค่ปัญหาของ พธม กับ รัฐบาลสมัคร หรอกครับ ตรงนี้ผมว่าเป็นละครหน้าฉากของแผนการที่ใหญ่กว่ามากมากแล้วครับ มันมี Depth ลงไปถึงเรื่องที่พูดยากในที่สาธารณะ ซึ่งเป็น Player ที่สำคัญที่สุดมาตลอดของประวัติศาสตร์ไทยในยุคหลังนี้ด้วยหรือเปล่าครับ ผ่านมาอ่านได้ความรู้มากครับ จากคุณ : plastic water - [ 3 ก.ย. 51 04:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ที่จริง ถ้าคุณ สื่อ นำเรื่องที่อยู่ด้านหลังการเมืองทั้งสองฟากแบบเล่าเป็นเกร็ดคงสนุกมากขึ้น ยกตัวอย่างนะครับ อย่างตอนที่พูดถึง ท่าน สมัคร สมัยเป็น รมต มหาดไทย แล้วมีปัญหา " มท.1 ยุครัฐบาลหอยจบลงแบบง่าย ๆ เหมือนตัวละครประเภทตกม้าตาย เพราะแม้จะประกาศตัวเป็นเลือดสีน้ำเงิน  แต่กลับโดนเรื่องความรับผิดชอบกรณีการวางระเบิดขณะแปรพระราชฐานที่ยะลา" เกร็ดเล็กๆตรงนี้คือ ท่าน สมัคร ถูกหยอกด้วยเอ็ม ๗๙ รอดใต้ท้องรถที่ลำปาง จากมือระดับแค่ชั้นประทวนเท่านั้น เล่นเอาความปากกล้าของท่านหายไปหลายปีเชียว อีกเรื่องที่น่าสังเกตุคือ ความเตรียมพร้อมและยุทธวิธีของการ์ดฟาก พธม ไม่ธรรมดา  วันที่ตำรวจเข้ารื้อเวทีกับสลายม๊อปบางส่วน  วันนั้น การ์ด พธม ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่ดูไม่เข้มแข็งเท่าไร  จุดตรงนี้ พธม พยายามประกาศโฆษณานักรบศรีวิชัย  ซึ่ง นักรบศรีวิชัยจริงๆเป็นแค่ทหารที่ปลดประจำการแล้วได้ อดีต แม่ทัพภาค๔ ดูแลจัดหางานให้ทำ  ซึ่งใน พธม เอง นักรบศรีวิชัยไม่ใช่แกนหลักของการ์ด ดูได้จากคืนที่ พธมปะทะกับ นปก การ์ดทั้งหมดของ พธม เปลี่ยนชุด พร้อมยุทธวิธี โดยที่ นปก ยังยึดติดกับภาพความอ่อนแอของการ์ด พธม ทำให้ประเมินทุกอย่างผิดพลาดหมด ยิ่งวันก่อนมีปัญหา  ฝ่าย นปกได้ เสธ คนดังมาช่วยจัดแถวรปภใหม่ ก็นึกว่าเป็นต่อทุกด้าน เลยทำให้ แม้นกระทั้งคนอย่าง พี่ จรัล ยังไม่ห้ามปรามเต็มที่ปล่อยให้คนของ นปก ออกมาเกือบหมื่นคน โดยมีส่วนหน้าที่นำด้วยมอเตอร์ไซด์กับชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธประจำกายที่ดูเหมือนฮึกเหิม ขณะที่การ์ด พธม อยู่ในที่ตั้งหน้าตาไม่บ่งบอกความน่ากลัวเท่าไร แต่ หากดูจากการที่ประทะกันหลังจากวินาทีแรก จะมี การ์ด พธม อีก สามกลุ่มโผล่มาจากข้างทางและ ตีตัดกลางขบวน  แค่นั้นเอง การ์ดหลักร้อยหรือพันกว่านิดๆของ พธม ตี นปก หลักหมื่นกระจาย ( จริงแล้ว การ์ดชุดนี้แทรกด้วยคนยุดยา จาก สำนักพุทธไธสวรรย์กับวัด ประดู่ และถ้า จับสวมเครื่องแบบ รบพิเศษ คงแยกแทบไม่ออกแน่) แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 05:35:44 จากคุณ : ซอยวัดไผ่ตัน - [ 3 ก.ย. 51 04:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ผมเป็นคนแจ้งลบข้อความของ น้ำมันแก๊สโซฮอล์แหล่ะผิด ครับ  อ่านแล้วรำคาญ เหมือนพวกมาจากอีกห้องมาเปลี่ยนบรรยากาศของกระทู้นี้ครับ จากคุณ : ประกอบ - [ 3 ก.ย. 51 08:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 117 นั่นสิ อ่านแล้วรำคาญเหมือนกัน อีกอย่างภาษาที่ใช้ก็วิบัติแบ้วๆด้วยอ่านแล้วหงุดหงิดค่ะ จากคุณ : citrus_tree - [ 3 ก.ย. 51 09:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 118 จากคุณ : พรั่งไม่ผิดดดดดด (น้ำมันแก๊สโซฮอล์แหล่ะผิด)  - [ 6 มิ.ย. 50 15:05:44 A:124.121.97.189 X: ] ผมไม่รู้ว่า คนที่พูดถึงเป็นใคร แต่ผมรู้ว่า คุณน้ำมันแก๊ซโซฮอล์เป็นฝ่ายไหน จากกระทู้ ตกลงแล้วใครที่เป็นปัญหาของประเทศชาติ เชิญโหวต http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2007/06/P5481736/P5481736.html ผมว่าอาการชักไม่ดีแล้ว ผมว่าพูดเฉพาะ สถานการณ์ดีกว่านะครับ เดี๋ยวมีพวกนี้ เข้ามาอีก แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 09:56:41 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 09:55:47 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 3 ก.ย. 51 09:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 119 #116 เอาด้วยคนครับ ผมเสนอลบ จากคุณ : @(-_-)@ - [ 3 ก.ย. 51 10:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็เล่าข้อมูลที่หาๆมาหน่อยแล้วกันว่า กลุ่มกิ๊กนี้มาจากไหน กลุ่มนี้ ปรากฎตัวแถว มิ.ย ปี 50 นำโดยนายธีรนัย จารวัสตร์ อักษรศาสตร์ จุฬาปี 2 ในการร่วมกับ นปก ต่อต้านคมช หลังจากนั้นก็มาด่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยยุบพรรค ไทยรักไทยอย่างไม่เป็นธรรม แล้วก็มาปรากฎตัวด่าพันธมิตร จากประวัติการเคลื่อนไหวและแนวคิดเข้าใจว่าเป็น 1 ในกลุ่ม Anti royalist ส่วนที่ว่าเป็นพวกรับจ้างโพสต์  น่าจะมาจากว่า มีคนเล่าว่า เขียนข่าวภาษาอังกฤษ ในเวบ time online ด้วยวิธีเขียนเอง วิจารณ์เอง ถ้าเป็นพวกรับจ้างโพสต์ ก้คงเป็นรับจ้างโพสต์แบบไฮโซ(555) แต่อันนี้ข้อมูลไม่คอนเฟิร์ม ผมคิดว่าคงไม่สามารถยืนยันได้ ข้อมูลทั้งหมด สนับสนุนโดยอากู๋ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 10:48:13 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 10:31:12 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 10:28:33 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 10:27:50 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 10:24:40 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) - [ 3 ก.ย. 51 10:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ใจเย็นๆ กระทู้นี้มีจุดยืนว่าจะเป็นสนามในทางเหตุและผล ดังนั้นเก็บความเห็นที่เอนเอียงไปลงที่บอร์ดราชดำเนินดีกว่านะครับ วันก่อนอาจานสื่อพูดเรื่องนักศึกษา เมื่อวานเลยมีความเคลื่อนไหวของเหล่านักศึกษากันใหญ่เลย ไม่รู้ว่าเป็นผลจากบอร์ดนี้หรือเปล่านะครับ จากคุณ : ppp (คนเล็กของเล่นใหญ่) - [ 3 ก.ย. 51 11:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กระทู้นี้ฮอตแฮะ อาทิตย์เดียวปาเข้าไปร้อยซาว จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 3 ก.ย. 51 13:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 123 คิดฮอดน่ะรึครับ ฮิฮิ จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 3 ก.ย. 51 14:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 124 สิ่งที่ผมเห็นจากเหตุการณ์ในปัจจุบัน คือ เครื่องมือ หรือวิธีการ ที่ผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายใช้กันนั้น ไม่ได้เป็นเครื่องมือ หรือวิธีการที่แตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบือนข้อมูล หรือการใช้ความรุนแรง อีกทั้งยังมีจุดประสงค์ที่ต้องการให้เกิดผลสุทธิในทางการเมืองที่คล้ายๆ กัน คือ ประสงค์จะให้ฝ่ายตรงข้ามย่อยยับลงไป โดนที่ตนเองได้รับผลเสียน้อยที่สุด ในขณะที่หญ้าแพรกที่รอวันแหลก ก็ประหวันพรั่นพรึงกับความไม่แน่นอน ที่ไม่รู้ว่า เมื่อใดจะโดนเหยียบ เรื่องหนึ่งที่ผมสงสัย ประสาคนไม่เคยมีประสบการณ์จัดตั้งการชุมนุม การไม่ให้ข้อมูลทุกอย่างแก่ผู้ร่วมชุมนุม ถือเป็น เหตุการณ์ปกติของผู้จัดการชุมนุมหรือไม่ครับ เพราะสังเกตว่า ข้อมูลใดก็ตามที่อาจจะเป็นผลเสียต่อการจัดการชุมนุม ต่างก็ถูกผู้นำการชุมนุมแปลงสารไปจนดูสอดคล้องกับแนวทางการชุมนุม หรือการให้ความหมายกับเหตุการณ์ปกติเพื่อให้ยังประโยชน์แก่ตน สร้างความน่าเชื่อถือของสาร โดยอาศัยความไว้วางใจของผู้ร่วมชุมนุม ประมาณว่า เชื่อผู้นำของพ้นภัย จากคุณ : เกาะรั้ว (เกาะรั้ว) - [ 3 ก.ย. 51 14:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เมืองไทยคงได้เวลาปฏิรูปรูปแบบการเมืองกันครั้งใหญ่ครับ แต่รูปแบบไหนนั้นต้องมาคุยกัน แต่70-30 นั่นก็ไม่ไหวนะ ยังงัยๆหลักก็น่าจะอยู่ที่ต้องมีผู้แทนของประชาชนอยู่ดี แต่ลดอำนาจของ สส.ลง เพิ่มศักยภาพให้การเมืองภาคประชาชนให้มากขึ้น แต่จะเพิ่มยังงัย ลดแบบไหนและที่สำคัญจะแก้ไขตรงนี้อย่างไร นี่ล่ะครับที่ยากกว่า ลดอำนาจของสส.ลงแล้วคืนอำนาจนั้นให้ประชาชนมากขึ้น ถ้าประชาชนส่วนไหนไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องแปลกแล้วล่ะครับ เพราะเท่ากับว่าปกป้องผลประโยชน์ของ สส.และนักการเมือง เดาได้เลยว่างานเข้าแน่นอนถ้าเป็นแบบนั้น จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 3 ก.ย. 51 16:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ขอบคุณครับ ที่มีคำชี้แจงมาจากนักศึกษา โดยเฉพาะ อมธ. จริง ๆ ผมก็ไม่ได้เสนอว่า นักศึกษาจะต้องเข้ากับพันธมิตรหรอกครับ นักศึกษาอาจจะชอบรัฐบาลชุดนี้ก็ได ไม่ว่ากันอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เอาเรื่องกลุ่มแคลอรี่ บลา บลา มาพูด เพราะเห็นว่ามันหน่อมแน้มเท่านั้นแหละครับ ก้เลยเห็นว่า ถ้าอยากจะสนับสนุนรัฐบาลก็ว่าไป แต่น่าทำให้ดูดีกว่านี้หน่อยเท่านั้นเอง เปรียบเหมือนเมื่อก่อน 2 ม.นี้ถ้าเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ประหนึ่งราชสีห์ย่างเยื้องนั่นแหละครับ แต่ภาพที่เห็นวันนั้น มันดูยังไงก็ไม่ใช่นะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ย. 51 18:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เรื่องการ์ด นปก กับพันธมิตรที่ปะทะกันเมื่อคืนนั้นมันก็อย่างว่าแหละครับ ผมเชื่อว่ามันเป็นเกมที่ต้องการยกระดับสถานการณ์ ทั้งสองฝ่ายทราบดี เพียงแต่ว่ามันสมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยตามเลย  ไม่ถือว่าใครตกหลุมเกมใคร ส่วนที่ นปก.พลาดท่านั้น  เขาว่า อาจจะฮีกเหิม คิดว่าเป็นที่อุดรฯ สิ่งที่ฝ่ายข่าว นปก.พลาด คือ ไม่สืบข้อมูลให้แน่ว่า จริง ๆ แล้วการ์ดพันธมิตรคือใคร เมื่อคืนนั้นมันก็เลยเหมือนจิ๊กโก๋ปากซอย ลุยกะคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีแหละครับ ต่อให้พวกมากกว่า แต่ว่าเชิงมันต่างกันครับ ส่วนว่า เขาจะเป็นใครนั้น ก็ย้นกลับไปอ่านข้อมูลของคุณซอยวัดไผ่ตันดูครับ น่จะเฟิร์มความเป็นวงในได้ระดับนึงเลยทีเดียว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ย. 51 18:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 128 การนำม็อบมันเป็นเรื่องธรรมดาครับ เรื่องอะไรที่พูดแล้วช่วยให้ม็อบฮีกเหิม มันก็ต้องว่าไปก่อน อะไรที่มันจะท้อถอย หรือเป็นความจริงที่ไม่น่าฟัง ก็รู้กันในเพียงกลุ่มนำก็พอ ไม่งั้นม็อบรวนครับ เรื่องนี้ธรรมดา เกมการเมืองที่ไหนก็ต้องแบบนี้ เหมือนรัฐบาลและครับ ถ้ายังไม่ทันไร ไก่ไม่ทันโห่  นายกฯออกมาประกาศถอดใจ ยังงี้ ลูกน้องก็ฝ่อหมด มันต้องสร้างความเชื่อมั่นเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ย. 51 18:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 132 55555555555555555555555555555555 อ่านหนังสือไม่แตกหรือครับ บอกตรง ๆ คือ ไม่ได้เห็นว่าการแถลงการณ์ของพ่อหนุ่มที่อ้างตัวเป็นกลุ่มนักศึกษาอะไรนั้นจะสำคัญถึงขนาดเปลี่ยนอะไรได้หรอกครับ หน่อมแน้มนะถูกแล้ว ทำผิดอะไรหรือครับ อยากให้ผมรับผิดอะไร ว่าแต่ว่า นายนี่เขาไม่ใช่มือรับจ้างโพสต์หรือครับ แล้วที่ถูกกักตัวอยู่ 3 วันนั่นโดนเรื่องอะไรครับ ผมไม่ได้มาเขียนกระทู้นี่เพื่อความสง่างามอะไรในตัวผมหรอกครับ และก็ยังยืนยันว่า ไม่เคยคิดจะว่าใคร เพราะเข้าข้างฝ่ายโน้หรือฝ่ายนี้ ผมวิจารณ์นักศึกษา 2 ท่านนั้น ด้วยความรู้สึกของคนเคยทำกิจกรรมนักศึกษา และเห็นว่ามันไม่เหมือนสิ่งที่เคยเห็นเคยเป็น ไม่ใช่เพราะเขาประกาศต่อต้านพันธมิตร ถ้าอยากตีกัน หรือให้เลือกข้าง กระทู้แบบนั้นมีเยอะแยะครับ น่าจะหาได้ถูก หรือถ้าอยากจะดิสเครดิตผมเท่านั้น ก็ไม่เป็นไรครับ ทุกวันนี้ ก็มีแค่บัตรเครดิตใบเดียวอยู่แล้ว เครดิอย่างอื่นไม่ค่อยมีหรอก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ย. 51 21:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 133 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 21:34:10 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ก.ย. 51 21:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 135 สงสัยเจ้าตัวจะมาเองถึงเดือดร้อนแทนกันขนาดนี้ เหอๆ เป็นเจ้าตัวเองก็บอกมาตรงๆเลยดีกว่ามั๊งครับ จะได้เคลียร์ๆกันไปเลย พูดอ้อมไปอ้อมมากันอยู่ได้ ผมหมายถึงคคห#129, 130, 131,134 (ต้องระบุ เดี๋ยวโดนลบแ้ล้วจะอ้างอิงไม่ถูก) แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 22:04:41 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 22:03:23 จากคุณ : ....4จุด - [ 3 ก.ย. 51 22:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 136 #129, 130, 131 ผมไม่ฮาด้วย  น่ารำคาญ  ผมไม่เห็นว่าคุณสื่อจะไปกล่าวหาใครในทางเสื่อมเสียถึงกับจะต้องมีใครมาเดือดร้อนแทน  ขอลบซ้ำอีกทีครับ เพิ่ม #134 ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 22:07:46 จากคุณ : @(-_-)@ - [ 3 ก.ย. 51 22:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ผมรำคาญจังครับ คุณข้างบนหนะ อย่าเอาบรรยากาศแบบบางห้องในนี้ หรือจากเวที นปก รวมทั้งเวทีพันธมิตรมาแถวนี้ครับ มาตีฝีปาก  มาทำประชดประชัน ทำเป็นสำบัดสำนวน มันน่าเบื่ออออออออออออออออออออออมากครับ ไม่ต้องมาเอาชนะคะคานใครในนี้ครับ  น่ารำคาญ คนอื่นที่อ่านกระทู้มีวิจารณญาณเพียงพอครับ   บรรยากาศในกระทู้นี้ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาสี่ห้าปีแล้ว   ไม่น่าต้องมาป่วนเพราะบางคนไม่ถูกใจอะไรครับ ไม่พอใจ ก็ไม่ต้องมาอ่านมาแสดงความเห็น  หรือจะเห็นค้าน อยากแสดงความเห็น ก็ใช้คำพูดดีๆ ครับ ไม่ต้องไปถอดแบบมาจากพวก สส  พวก นปก  พวกพันธมิตรหรอกครับ    ผมเห็นแบบนี้จนเบื่อมากแล้ว จากคุณ : ประกอบ - [ 3 ก.ย. 51 22:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ตามสบายเลยค่ะ โต้แย้งด้วยเหตุผลกับหนูไม่ได้ก็พยายามทำลายหลักฐานด้วยไฟแดง กดเลยค่ะ จะได้แจ้ง WM ว่ามีคนใช้ไฟแดงไปในทางที่ผิด มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ถูกลบไปก็ขอกู้คืนมาใหม่ได้ ตามสบายค่ะ อุ้ย ลบของนายสื่อศิลปด้วยแฺฮะ อุ้มกันใหญ่เลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 23:01:46 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 22:58:26 จากคุณ : น้ำมันแก๊สโซฮอล์แหล่ะผิด - [ 3 ก.ย. 51 22:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 141 อ่ะๆ มีคนเค้าบอกให้โพสต์ดีๆ จะได้ไม่มีข้ออ้างในการถูกลบ ได้ค่ะ 1. ดิฉันไม่ทราบว่านายสื่อศิลปเอาอะไรมาพูดนะคะ กปก ไม่เคยถูกกักตัว เกรงว่าจะจำสลับกับ นปก เสียกระมัง และการตอบแบบนี้ "ว่าแต่ว่า นายนี่เขาไม่ใช่มือรับจ้างโพสต์หรือครับ แล้วที่ถูกกักตัวอยู่ 3 วันนั่นโดนเรื่องอะไรครับ" เสมือนว่าไม่ได้ตอบนะคะ เป็นแค่การย้อนถามเฉยๆ เพราะดิฉันถามหาหลักฐาน ว่าใครเป็นผู้จ้าง แล้วจ้างเท่าไหร่ คุณมีหลักฐานอะไร จึงกล่าวหาว่าน้องเค้าเป็นมือรับจ้างโพสต์ กรุณาระบุด้วยค่ะ เช่นกันกับการที่บอกว่าถูกกักตัวไปสามวัน กักเมื่อไหร่ ใครกัก ขอแหล่งอ้างอิงด้วยค่ะ 2. นายสื่อศิลปกรุณาอย่าบิดเบือนค่ะ แต่แรกแล้วสิ่งที่คุณนำเสนอ(ใน#104) คือบอกว่า คุณให้ข้อมูลว่าน้องเค้าเป็นมือรับจ้างโพสต์ ไม่ได้เป็นประเด็นการวิจารณ์แถลงการณ์ของน้องเค้าว่าหน่อมแน้มหรืออื่นๆ อย่างที่คุณตอบใน #132 แต่อย่างใด และดิฉันเองก็ไม่ได้โต้แย้งว่าไม่หน่อมแน้มแต่อย่างใดนะคะ จากคุณ : สุภาพแล้วนะคะ (น้ำมันแก๊สโซฮอล์แหล่ะผิด) - [ 3 ก.ย. 51 23:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ผมมีวิจารณญานพอที่จะพิจารณาว่า ควรจะชื่อใคร หรือเชื่อในเรื่องอะไรครับ เท่าที่อยู่ในกระทู้นี้มาหลายปี อ่านบ้างข้ามบ้างอ่ะนะ กลับไปอ่านของเก่าก่อนดีกว่าหรือเปล่าครับ พอปรับตัวให้เข้ากับสังคมนี้ได้ ค่อยมาโพสต์ความคิดเห็นของตัวเองดีกว่า จะมีคนรับฟังมากขึ้นนะครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 23:36:37 จากคุณ : กริชครับผม - [ 3 ก.ย. 51 23:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอบคุณ คุณกริช สำหรับคำแนะนำนะคะ แตุ่ถ้าการปรับตัวหมายถึงมองข้ามการทำผิดของพวกเดียวกัน ดิฉันขอไม่ปรับดีกว่าค่ะ ส่วนจะมีผู้รับฟังมากน้อยเท่าไหร่ ก็ไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน ความจริงบางทีมันก็เสียดแทงหู คนก็เลยไม่ค่อยอยากรับฟังกันสักเท่าไร แต่ดิฉันเชื่อค่ะ ว่าลึกๆแล้ววิญญูชนย่อมรู้ดี ใครทำผิด ใครพูดความจริง ใครกล่าวคำเท็จ ใครใช้เหตุผล ใครใช้โวหารแก้ตัว จากคุณ : น้ำมันแก๊สโซฮอล์แหล่ะผิด - [ 3 ก.ย. 51 23:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ผมว่ากระทู้มันชักจะไม่น่าอ่านแล้วนะครับ ทั้งสองฝ่าย หยุดเถอะครับ ด้วยความเคารพ ผมว่าคุณสื่อศิลป์ก็พูดถึงน้องๆกลุ่ม กปก. ในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ ผมขอให้ถอนเถอะครับ เพื่อบรรยากาศที่ดี ค.ห. 143 ด้วย ผมว่าชักจะการเมืองกันมากไปแล้วนะครับ จากคุณ : masked v - [ 4 ก.ย. 51 00:45:32 ]

ความคิดเห็นที่ 146 จะทะเลาะกัน หลังไมค์ดีกว่ามั้ย? จากคุณ : 13thmonth - [ 4 ก.ย. 51 01:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 147 อืม ภาพใน คห 143 นี่ มาจากฟ้าเดียวกันหรอคับ อืมมมมม เลยเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างแล้วล่ะ นั่งรอคุณสื่อศิลป์วิเคราะห์ให้ฟังต่อดีก่า จากคุณ : กริชครับผม - [ 4 ก.ย. 51 01:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 148 คุณ น้ำมันแก๊สโซฮอล์แหล่ะผิด ครับ พอเถอะครับ ผมได้ข้อมูลอีกด้านมากพอแล้ว เห็นแก่คนอื่นๆในกระทู้เถอะครับ จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 4 ก.ย. 51 01:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 149 คุณ ha ha ya ครับ เว็บมันไม่ค่อยอับเดทเลยอ่ะ มีแค่ตอน 111 เอง ผ่านมาสิบตอนพอดีแล้วอ่ะคับ แอบตัดพ้อเล็กน้อย จากคุณ : กริชครับผม - [ 4 ก.ย. 51 01:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 150 จะให้องค์การนักศึกษาเยื้องย่างอย่างราชสีห์ได้อย่างไรครับ อาจารย์สื่อศิลป ในเมื่อตอนนี้ลูกสิงห์ยังไม่หย่านม...... ประชุมสมัชชานักศึกษา ถ้าไม่มีกลุ่มหัวรุนแรงมาถกเถียงเบี่ยงประเด็นไปเรื่อยจนไม่ได้ข้อสรุป ก็โหวงเหวงวิเวกวังเวง ครั้งจะออกไปทำอะไรก็ไม่มีพลังเพียงพอ ไม่เหมือนงานบอลประเพณี(เศร้า) เพราะมันไม่สนุกสนานเอาซะเลย ยิ่งวิกฤตหลังๆมานี้ ดีชั่วไม่ชัดแจ้ง เปื้อนเปรอะเลอะเทอะกันหมด นักศึกษาออกไปก็เป็นเบี้ยให้เขาโยนทิ้งแลกหมาก มันไม่คุ้มหรอกครับ คนที่ไม่รู้ข่าว เขาไม่สนใจ ส่วนคนที่รู้ข่าว เขาก็สังเวชอเน็จอนาถใจเกินกว่าจะเลือกข้างฝั่งไหนทั้งนั้น กลุ่มการเมืองข้างนอกก็กดดันให้นักศึกษาเลือก เพื่อเอาไปแสดงความชอบธรรม เอาไปเพิ่มกำลังหมากบนกระดาน ตอนนี้ที่เล่นกันอยู่ ไม่ใช่หมากรุกปกติแล้วครับ นี่มันเหมือนโชหงิ หรือโกะ กินฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวก แล้วเติมหมากใหม่ไปสู้กัน จนกว่าอาณาเขตที่ชิงพื้นที่จะหมด และนับคะแนนปิดเกม กวาดเม็ดหมากออกทิ้งจนหมด คนชนะหัวเราะอยู่ข้างบนซากความพินาศอีกครั้งของกระดานหมากที่ชื่อประเทศไทย รอดูเถอะครับ เหล่าผู้เดินหมากอีกไม่นานก็ถึงคราวสิ้นสุดอายุขัย นักศึกษาที่รู้ทันยุคนี้แหละ จะก้าวไปพังกระดานหมากนี้เอง ไม่ใช่ออกไปเดินเป็นเบี้ยให้เขากินร่ำไป จากคุณ : โกฏืดารา (เทราสเฟียร์) - [ 4 ก.ย. 51 02:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 151 555 เอาล่ะเหวย เป็นอีกครั้งที่กระทู้นี้ตกอยู่ในช่วงอลเวงอีกครั้ง เป็นอีกวิกฤติที่เราต้องติดตามว่าพวกเราจะฝ่าฟันผ่านมันไปได้อย่างไร นี่ถ้าเป็นสมาชิกดั้งเดิมเหล่านักเรียนหน้าเก่าๆนี่ผมคงจะวิตกมากกว่านี้ แต่นี่ดีใจที่ส่วนมากเป็นพวกหน้าใหม่ๆ และที่สำคัญมันแสดงธาตุแท้ของกลุ่มการเมืองฝ่ายรัฐบาลนั่นเองที่ชอบทำตัวแบบนี้ อยู่ตรงกลางไม่เคยเป็น ผมอยากจะบอกทั้งอาจานสื่อ คุณไทม์แมชชีน คุณกริช ว่า อย่าไปให้สนใจหรือให้"ราคา"อะไรกับคนกลุ่มนี้เลยครับ ทำตามหน้าที่ของพวกเราไปเหมือนเดิมดีกว่า ด้วยอายุของตัวกระทู้กว่า5 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันเข้มแข็งพอนะ กับการถูกยั่วยุกับเรื่องเหล่านี้ อาจานสื่อก็ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วล่ะครับ ท่านได้ทั้งการยอมรับและการนับถือจากสมาชิกขาประจำทั้งหลายอยู่แล้ว ปล่อยให้คนกลุ่มนี้ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปดีกว่า ไม่ต้องถอนคำพูดหรืออะไร คนเรามีสิทธิแสดงความคิดเห็น และความคิดเห็นจากคนอย่างอาจานสื่อมันมีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือเกินกว่าจะลงไปเกลือกกลั้วกับเสียงนกเสียงกาที่เข้ามาทำลายบรรยากาศดีๆของกระทู้นี้มากนักน่ะครับ อยู่เฉยๆเด๋วพวกเขาก็กลับไปที่ห้องราชดำนาเองล่ะครับ เขาอยากพูดไรก็ปล่อยเขาไปดีฝ่า ...วันก่อนผมเจอหมาตัวนึงก็เล่นลูบหัวลูบหลังมันดีๆ มันก็มาเลียปากซะงั้น555 จากคุณ : ยยย (คนเล็กของเล่นใหญ่) - [ 4 ก.ย. 51 06:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ผมน่ะมองตรงข้ามกับคุณเทราสเฟียร์นะครับ คือประเด็นการเป็นตัวหมากบนกระดานเนี่ยผมเห็นด้วยครับ และชอบความเห็นของคุณเทราสเฟียร์มากๆเลย แต่ประเด็นเรื่องนักศึกษาเนี่ย สิ่งที่คนสมัยนี้ส่วนมากคิดกันและแม้แต่อาจานสื่อก็น่าจะคิดแบบนี้ก็คือ ทำไมนักศึกษาถึงไม่มีบทบาทอะไรเลยทำไมไม่ออกมารวมพลังอะไรสักอย่าง ไม่ต้องเข้าไปกับกลุ่มเดียวกับ พธม หรือ นปก หรอกครับ แต่น่าจะจับกลุ่มของตัวเองและแสดงพลังเพื่อถ่วงดุลกลุ่ม พธม หรือ นปก ไว้บ้าง อย่างน้อยที่น่าทำที่สุดเพราะภาพลักษณ์ที่พวกเขามีในสังคมก็คือ พวกเขาเป็นพลังบริสุทธิ์ แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเข้าไปคลุกคลีตีโมงกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างน้องแคลอรี่ บลาบลา อะไรนั้น แต่ถ้าส่วนใหญ่รวมพลังกัน เป็นกลุ่มที่เน้นการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ไม่เข้าไปยุ่งกับฝ่ายไหน ประกาศจุดยืนของกลุ่มตัวเองให้เด่นชัด ...ตรงนี้ตะหากที่กลุ่มนักศึกษาควรทำ แต่สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ก็คือ นักศึกษาปัจจุบันแทบไม่สนใจกับการเมืองหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเลย ผมไม่อยากไปเหมารวมว่านักศึกษาวันๆเอาแต่คิดเรื่องเที่ยว ว่าคืนนี้จะไปผับที่ไหนดี หรือคิดแต่ว่าวันก่อนเห็นกระเป๋าหลุยส์รุ่นใหม่ออกมา ต้องรีบไปซื้อ...อะไรแบบนั้น เพราะก็มีหลายคนที่ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่มักมีความคิดว่า การเมืองเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่เคยคิดจะสนใจการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งทัศนคติเหล่านี้เป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายครับ ทำไมถึงไม่สนใจล่ะ...เพราะอยากให้ตัวเองลอยตัวอยู่เหนือปัญหาเท่านั้น ใครชนะก็อยู่ด้วยได้หมด ตัวเองมีหน้าที่เป็นกาฝากสังคมไปอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่น่าเศร้าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นมาครั้งนี้ก็คือ การศึกษาไทยที่ส่งผลออกมาแล้วว่า ได้สร้างให้คนรุ่นใหม่ให้ไม่มีจิตสำนึกในด้านความสนใจต่อความเป็นไปของประเทศชาติ ไม่เคยเลือกที่จะรับรู้หรือบริโภคข่าวสารที่ถูกต้อง ใครเขาว่าอย่างไรถูกจูงไปทางไหนก็พร้อมจะไปทางนั้นได้ทั้งนั้น แต่ไม่เคยจะเกิดขึ้นจากการรรับรู้หรือการศึกษาด้วยตัวเอง ที่สำคัญนักศึกษาเหล่านี้วันๆในหัวไม่คิดอะไร มีแต่คิดแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้นสามัญสำนึกในด้านความเห็นแก่ตัวมันครอบไปหมดจนสุดท้ายคุณค่าของตัวเองก็หมดไป กลายเป็นตัวกาฝากที่มาขออาศัยแผ่นดินเขาอยู่เท่านั้น แต่ไม่เคยคิดจะตอบแทนคุณแผ่นดินในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤติขนาดนี้ ผมเองบอกตรงๆว่าเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล แต่ไม่ได้เป็นพันธมิตร ไม่ได้หมายความว่าอยู่ตรงกลาง แต่การเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นฝ่ายพันธมิตรไปเสียทั้งหมด ผมอยากจะบอกว่าไม่ว่าฝ่ายไหน จะ นปก หรือ พธม ถ้าหากเป็นคนที่เคลื่อนไหวด้วยศรัทธาเดียวกันคือเพื่อประเทศชาติ เพื่อพระมหากษัตริย์ของเราแล้ว ผมว่าไม่ว่าฝ่ายไหนก็น่านับถือและได้รับการเคารพยกย่องทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือออกมาเคลื่อนไหวเพราะเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง แบบนั้นก็ไม่นับรวมนะครับ ไม่ว่าคนที่ออกมาเคลื่อนไหวจะอยู่ฝ่ายไหนและทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมว่าก็ยังดีกว่าพวกที่ไม่คิดไม่ทำ หรือทำตัวลอยอยู่เหนือปัญหา ถามเรื่องการเมืองก็บอกการเมืองน่าเบื่อ หนูไม่ยุ่งเรื่องการเมืองอยู่แล้วค่ะ //หนูไม่สนใจการเมืองอยู่แล้ว // เกลียดการเมืองครับมีแต่มากัดกันอยู่ได้//เพราะนักการเมืองมีแต่ชั่วๆครับผมเลยไม่สนใจการเมือง ฯลฯ ก็มีประชาชนแบบนี้ไงล่ะ พวกนักการเมืองมันถึงได้เหิมเกริมทำความชั่วไม่หยุดไม่หย่อน จนประเทศชาติจะฉิบหอยวอดวายไปหมดแล้วแบบนี้ ผมว่าคนกลุ่มนี้ล่ะครับที่ควรจะต้องรับผิดชอบหากประเทศชาติเราถึงคราวขึ้นมาจริงๆ เอาแต่นั่งดูเรือมันจะล่มไปต่อหน้า แทนที่จะไปช่วยอุดรอยรั่วหรือช่วยกันพายเรือ กลับเลือกที่จะนั่งดูอยู่เฉยๆ เพราะกลัวตัวเองจะเปียก...เหมือนโคสะนาของกองทัพบกที่เรื่องรถบัสไหลตกจากเขานั่นล่ะครับ เขาบอกกันขนาดนั้นคนไทยก็ยังไม่สนใจอยู่ดี เฮ้อ น่าจะเนรเทศคนเหล่านี้ออกไปให้หมดเลยนะครับ หรือไม่ก็อยู่ไปแบบให้เป็นพลเมืองชั้นสองให้รู้แล้วรู้รอดไปซะเลยดีกว่า แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 06:44:37 จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 4 ก.ย. 51 06:41:39 ]

ความคิดเห็นที่ 153 มาให้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับ การที่มีตัวแทนบางสถาบันออกมาสนับสนุนม๊อบ โดยเฉพาะจากสถาบันที่มีวิทยาเขตเป็นรพ.ข้างแม่น้ำใหญ่น่ะ เป็นกลุ่มที่ปกติไม่เคยสนใจการเมืองเลย แต่ที่ออกมาเพราะกลัวตกกระแสครับ(เพื่อนผมเคยทำงานกับสนนท. และจบมาก็ยังทำงานอยู่ที่สถาบันเดิม เลยรู้เรื่องพวกนี้ดี) และได้ยินจากรุ่นน้องหลายคน ว่าเพื่อนเขาชวนๆไปกัน เพื่อไปงานรื่นเริง ไปดูสาวๆ ไปเพื่อที่จะได้ชื่อว่าได้มาร่วมกับเขาด้วย เอาไปอวดคนอื่นได้ ว่าตัวเองได้เป็นวีรชนกับเขาด้วย ไม่ได้ไปเพราะอุดมการณ์อะไรสักเท่าไรหรอก ดูการแต่งตัวก็ได้ แต่งอย่างกับไปเที่ยว แต่งตัวสวยเก๋ หล่อเชิด ไปแจมงาน ไปจีบสาว ถ่ายรูปมาโชว์กัน หุๆ ยังคิดอยู่ว่าหากมีเหตุพลิกผัน ต้องปะทะกันจะทำกันอย่างไร ในเมื่อไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกันมา? งานชุมนุมประท้วงทางการเมืองไม่ใช่งานเทศกาลนะหนูๆ จากประสบการณ์ส่วนตัว และที่ได้คุยกับรุ่นน้องๆปัจจุบันที่พอรู้จัก(จริงๆห่างกันหลายรุ่นมากอยู่^^) ก็ต้องยอมรับกันเลยว่า ตั้งแต่สมัยผมเรียนเมื่อเกือบๆสิบปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีกลุ่มไหนสนใจการเมืองเท่าไร กิจกรรมหลักส่วนใหญ่เป็นทางชมรมออกค่าย หรืออาสามากกว่า(อันนี้เข้มแข็งจริง ระดมทุนและแรงงานได้เยอะมากจนผลักดันโครงการใหญ่ๆได้เลย) แต่กับเรื่องการเมืองป้อแป้มากเลยครับ จริงอยู่ การแสดงออกทางการเมืองเป็นสิ่งจำเป็น ที่เราต้องไม่นิ่งดูดาย แต่การแสดงความคิด ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกับใครเพราแค่กลัวการตกกระแส เพราะมันจะโดนบิดเบือนเจตนาไปจนผิดเพี้ยนได้ ผมอยากเห็น กลุ่มไหนที่มีอุดมการณ์ แสดงเจตนาต่อต่้านการโกงกิน และไม่สนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย ออกมากันบ้าง ผมว่ากลุ่มนี้แหละจะโดนใจคนส่วนใหญ่มากกว่า และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติอย่างแท้จริง จากคุณ : ....4จุด - [ 4 ก.ย. 51 08:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 154 เรื่องออกค่ายอาสานี่ผมไม่เข้าใจมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ พอดีไปรู้อะไรลึกๆเยอะแยะมากมาย เลยเสื่อมศรัทธากับกิจกรรมออกค่ายของ นศ.พอสมควร และสมาชิกที่ไปออกค่าย กว่า70 เปอเซนต์ก็เหมือนกับพวกที่ไปที่ม๊อบนั่นล่ะครับ ไม่ไปจีบสาวก็ไปเพราะกลัวตกกระแสเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ดีหรอกนะครับ แม้เจตนาจะไม่ค่อยบริสุทธิ์แต่ผลถ้ามันออกมาดีก็นับว่ากลายเป็นเรื่องดีไป เราไม่ชอบก็อย่าไปยุ่งเท่านั้น แต่เสียความรู้สึกเหมือนกันเวลาที่มีคนมาต่อว่า ว่าไม่ทำกิจกรรมกับมหาลัย แปลว่าเป็นคนแปลกแยกกับสังคมหรือเปล่า ผมสนใจสังคมในภาพกว้างมากกว่าจะลงไปในโฟกัสเล็กๆนี่นา จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 4 ก.ย. 51 08:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ผมไม่สนับสนุน Ad Hominem ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งนั้น ถ้าจะวิจารณ์ใคร วิจารณ์สิ่งที่เขาแสดงออกมา วิจารณ์ความคิดเห็นของเขาจะเหมาะสมกว่า จากคุณ : Nexus - [ 4 ก.ย. 51 09:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 156 ขอบคุณครับ   สหรับทุกความคิดเห็น เวลาผมเขียน ผมไม่ค่อยได้ดูว่าตัวเลขของโพสต์บางตัวมันหายไป อ่านแต่ข้อความ แล้ววันที่เขาเข้ามาโพสต์ ผมก็บังเอิญไม่ได้เข้ามา มาถึงก็เจอเลย อ่านแล้วก็งง ๆ แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่ามันมีโพสต์ที่ถูกลบไป ก็เห็นด้วยกับหลายท่านที่เป็นคนคุ้นเคยแบบไม่เคยเจอหน้านะครับ ว่าอยากให้รักษาวัฒธรรมของกระทูนี้ไว้ ผมก็น้อมรับและขอไม่ตอบโต้อะไรอีก แต่ขอแจ้งให้น้อง (เห็นเขาเรียกตัวเองว่าน้อง ไม่คิดว่าผมยังไม่แก่บ้างหรือ) ทราบให้ชัดอีกครั้งแล้วกันว่าผมคิดอย่างไร อย่างแรก คือ ผมไม่ได้หลบหรือแก้เกี้ยวอะไรหรอกครับ ถ้าจะว่าผมให้ข้อมูลผิด ก็ชี้แจงมาได้  ผมผิดบ่อยออกจะตายไป ไม่เห็นแปลก อย่างที่สอง ทัศนะของผมต่อการแถลงข่าวของ นศ.กลุ่มนั้น ผมไม่ได้ว่าหรอกครับว่า เขาจะเข้าข้างไหน ใครมันก็เลือกข้างกันได้ แต่ถ้าใครจะมาว่าผมเลือกข้าง ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ  ผมก็เคยสารภาพแล้วว่าจริง ๆ ผมเลือกข้าง แต่ขอสงวนเอาไปแสดงออกที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่ ไม่งั้นคงสนทนากับอีกหลายท่านในที่นี้ไม่ได้หรอกครับ ผมเคารพการแสดงความคิดเห็นของทุกท่าน ที่แสดงออกมาอย่างบริสุทธิใจ และเจตนาที่ดี ไม่ว่าเขาจะเลือกข้างไหนก็ตาม ผมรู้ตัวเองเสมอว่าไม่ใช่ศาสดา ไม่ใช่ผู้นำปฎิวัติ ที่จะมาเปลี่ยนความคิดใครได้เพียงชั่วข้ามคืน เรื่องคำแถลงการณ์หรือจุดยืนของน้อง น.ศ. 2 สถาบันนั้น ผมไม่ได้สนใจอะไรมากหรอกครับ  ประเด็นเลือกข้างยิ่งไม่สนใจ แต่ถ้าจะให้พูดถึงเนื้อหา ผมก็ว่ามันขาดมิติไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ที่ผมวิจารณ์มาก ๆ นั้น คือ กลยุทธ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ นศ.ทั้งสองกับแดนเซอร์ข้างหลังครับ แม้กระทั่งคำขวัญในการต่อต้านเองก็เถอะ ทราบไหมครับว่า เมื่อช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในสมัยป๋าเปรมกับน้าชาติ ขยวนการนักศึกษาก็ใช้คำขวัญในการต่อต้านสำนวนนี้แหละครับ แต่เพิ่มคำว่า เซ็ง เข้ามาอีกคำ แล้วก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ซะเละเทะว่าช่างเป็นคำขวัญในการเคลื่อนไหวที่ใช้ไม่ได้เลย ขาดความลุ่มลึกในการวิเคราะห์ และให้การศึกษาแก่มวลชนอย่างสิ้นเชิง ตอนนั้น มีการพูดกันว่า การเมืองคือเรื่องที่ประชาชนต้องรู้ หน้าที่ของปัญญาชน คือ ต้องให้ความรู้กับประชาชน ไม่ใช่มาชวนให้หลักหนีด้วยความเบื่อหน่าย อีกอย่างหนึ่ง คือ การเลือกสถานที่  ทำไมไม่ใช้ที่ทำการสโมสรนิสิตจุฬาฯ หรือองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์  แล้วนายกฯอมธ.ไม่ออกมาเอง ส่วนกลุ่มไม่ใช่กิ๊กนั่น คงไม่มีนายกฯมาอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ออกมาในนามของคณะกรรมการสโมสรฯ อันนี้ผมวิจารณ์จริง ๆ ครับ มันถึงเป็นที่มาว่าทำไมถึงต้องเขียนเรื่องราวของขบวนการนักศึกษาในอดีต เพราะมันรู้สึกแปลก ๆ กับกลยุทธ์การเคลื่อนไหวในปัจจุบัน ที่มันไม่ค่อยเข้าท่าเลย หมายถึงกลยุทธ์นะครับ ไม่ใช่การเลือกข้าง ส่วนที่ว่า รับจ้างโพสต์หรือถูกกักตัวนั้น  ผมพูดจริงครับ จะว่ากล่าวหา ก็ว่าเถอะครับ เพราะกล่าวหาไปจริง ๆ ส่วนจะจริงหรือไม่ เจ้าตัวหรือคนใกล้ชิดจะออกมาปฎิเสธหรือชี้แจง คนในกระทู้นี้ก็รับฟังนี่ครับ แต่จะมาบอกให้ผมเอาข้อมูล เอาหลักฐาน เอาพยาน อ้างแหล่งอ้างอิง ผมไม่ทำครับ เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม ถ้าจะเห็นผมเป็นศัตรู ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมไม่ได้เห็น นศ.กลุ่มนั้นเป็นศัตรูหรอกครับ ด้วยสาเหตุว่าไม่รู้จะเป็นศัตรูกับพวกเขาไปทำไมเหมือนกัน จากใจจริงของผมเลยก็คือว่า ผมไม่เห็นว่าพวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรทางการเมืองได้ครับ หรือพูดง่าย ๆ คือ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญถึงขนาดนั้น เท่านั้นเอง ก็ขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับกรณีนี้แล้วกัน ส่วนจะโต้ตอบหรือจะต่อว่าอะไรผม ก็เชิญครับ เป็นสิทธิของทุกท่านอยู่แล้ว ผมถือว่า เมื่อผมวิจารณ์คนอื่นได้ คนอื่นก็วิจารณ์ผมได้เหมือนกัน แต่ถ้าเขาอยากจะเคลื่อนไหวทางการเมืองให้บรรลุผลจริง ๆ ละก็ ผมว่าน่าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่าครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 ก.ย. 51 09:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 157 เรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาในปัจจุบัน ปัจจัยในเรื่องของสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป มีผลอย่างยิ่งครับ เอาตั้งแต่การสังกัดชนชั้นของนักศึกษาจากอดีตเทียบกับปัจจุบัน อ.เสกสรรค์ยังเคยบอกว่า นศ.ที่มาจากชนชั้นล่างหายไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ชั้นกลางค่อนข้างสูง ซึ่งคนเหล่านี้ โอกาสที่จะมีจิตสำนึกทางการเมือง มีน้อยมาก เพราะปัจจัยแวดล้อมในครอบครัว นอกจากนี้ในขบวนการเองก็เช่นเดียวกัน ในสมัยก่อนมันง่ายที่จะกำหนดประเด็นการเคลื่อนไหว เพราะแตะอะไรมันก็เป็นปัญหาไปเสียหมด เนื่องจากการตกอยู่ใต้เผด็จการมานาน ทำให้สังคมมันเฟะอยู่ข้างใต้เยอะ แต่การที่สังคมเราพัฒนามากขึ้น เรามีกลไกในการแก้ปัญหาสังคมมากขึ้น รวมถึงสภาพปัจจัยต่าง ๆ ของสังคมที่มันสลับซับซ้อนมากขึ้น สภาวะ "ผู้นำทางความคิดของสังคม" ที่เคยอยู่กับนักศึกษาปัญญาชน มันหลุดมือไปแล้วครับ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ต้องยอมรับว่า นักศึกษานั้น หมายถึงผู้นำ ทั้งความรู้และความคิดเหนือกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมจริง ๆ จึงไม่ยากที่จะนำ บวกกับการจัดตั้งของ พคท.ที่ทำให้การเคลื่อนไหวในช่วงสงครามเย็น มีความแหลมคมมากขึ้น แต่ปัจจุบัน "สภาวะผู้นำทางความคิด" มันเลื่อนไหลไปสู่กลุ่มอื่นในสังคมเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็น นศ.ระดับที่สูงขึ้น ที่มีจำนวนมากขึ้น เช่น ระดับ ป.โท ที่มากกว่าเมื่อก่อนหลายสิบเท่า  ดร.ก็ไม่ได้หายากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยังมีกลุ่ม NGOs ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักกิจกรรมเก่าที่ผันตัวมาทำงานด้านการพัฒนาอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่สมัครเล่นเหมือนตอนเป็น นศ. ทำให้มีความจัดเจนและประสบการณ์รวมทั้งโอกาสในการทำงานมากกว่า ภาวะการนำหรือการได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำของนักศึกษาจากประชาคมในสังคมเลยหายไป เพราะมีกลุ่มอื่นมาทำหน้าที่แทนหมดแล้ว ทุกวันนี้เราเลยเห็นภาพขบวนการนักศึกษาที่ผิดไปจากอดีตอย่างลิบลับนั่นเอง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 ก.ย. 51 09:49:16 ]