ความคิดเห็นที่ 1 พระราชกำหนด = Emergency Decree (เอามาจากหนังสือศัพท์รัฐศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน) ภาวะฉุกเฉิน = state of emergency แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 12:01:38 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 2 ก.ย. 51 22:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประกาศภาวะฉุกเฉิน  declare a state of emergency จากคุณ : วิษณุพิรุณ - [ 2 ก.ย. 51 22:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 state of emergency decree ส่วนคำว่าพระราชกำหนดนั้นไม่ค่อยจะแปลเป็นอังกฤษเท่าไรหนัก อย่างพระราชบัญญัติ หรือ รัฐบัญญัติ ก็เรียก ACT เหมืนกันหมด จากคุณ : natthaset - [ 2 ก.ย. 51 23:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พระราชกำหนด = Royal decree ครับ จะเป็นการออกกฎหมายของรัฐบาลก่อนเพื่อใช้บังคับ จากนั้นค่อยให้รัฐสภารับทราบ อนุมัติภายหลังครับ จากคุณ : K.Senior - [ 3 ก.ย. 51 00:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประกาศภาวะฉุกเฉิน Declaration of a State of Emergency (n) จากคุณ : เหมียวกุ๊กๆ - [ 3 ก.ย. 51 03:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่า เติม Royal เข้าไปตามคุณ K บอกอ่ะครับ เห็นเรียนการเมืองอังกฤษ พระราชบัญญัติหรือรัฐบัญญัติ เห็นใช้ ACT เฉยๆ อีกอย่าง ถ้าบอกว่า Royal Decree หรือ Royal Act จะมองเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือเปล่าฮ่ะ จากคุณ : natthaset - [ 3 ก.ย. 51 08:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอาตามศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถานนะ Royal Decree = พระราชกฤษฎีกา Emergency Decree = พระราชกำหนด จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 3 ก.ย. 51 12:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเอา Royal Decree ศัพท์นี้จากการใช้ใน นสพ ครับ เพราะ Emergency Decree มัน common sense ให้ฝรั่งอ่านก็จะเข้าใจว่า ประกาศภาวะฉุกเฉินครับ ศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน จะใช้ไม่ได้ทุกบริบทหรอกครับ เอาตามที่คนอ่านส่วนใหญ่เข้าใจครับ จากคุณ : K.Senior - [ 3 ก.ย. 51 18:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจที่ K.Senior ว่ามาครับ เรามีสิทธิที่จะเห็นต่างจากราชบัณฑิตยสถานได้ แต่ส่วนตัวผมยังเห็นด้วยกับราชบัณฑิตยสถานที่ว่า พระราชกำหนด = Emergency Decree เพราะพระราชกำหนดจะออกในกรณีฉุกเฉินหรือเร่งด่วนเท่านั้น เช่น เกิดจลาจล หรือสถานะทางการเงินของประเทศเข้าสู่วิกฤต เป็นต้น อันที่จริงทางราชบัณฑิตยสถานก็รับฟังความเห็นของคนทั่วไปนะครับ ผมเคยอ่านสารานุกรมประวัติศาสตร์สากลของราชบัณฑิตยสถานแล้วพบว่ามีข้อความบางตอนไม่น่าจะถูกต้อง ผมก็ทำจดหมายแย้งไป ราชบัณฑิตยสถานก็นำไปพิจารณาและตอบขอบคุณกลับมา พร้อมกับบอกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้องในการพิมพ์ครั้งต่อไป แต่บางครั้งเราแย้งไป ราชบัณฑิตยสถานก็ให้เหตุผลยืนยันมาว่าทำไมราชบัณฑิตยสถานจึงเขียน/บัญญัติเช่นนั้น ซึ่งบางครั้งเราก็พอจะเข้าใจได้ (แม้ว่าลึกๆแล้วเราจะ "หน้าแตก" ก็ตาม) สรุปก็คือ เรียนรู้ร่วมกันครับ ราชบัณฑิตยสถานเรียนรู้จากเรา และเราก็เรียนรู้จากราชบัณฑิตยสถาน แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 20:01:08 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 51 19:59:49 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 3 ก.ย. 51 19:54:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าตามรากศัพท์ พระราชกำหนด ก็ Royal Decree เลยครับ Royal Decree คือคำสั่งที่ได้รับการมอบอำนาจจากพระมหากษัตรย์ และกระบวนการออกกำหมายไทย ถ้าต้องการเร็วและแน่ใจว่ามีเสียงสนับสนุนเพียงพอ รัฐบาลก็ออกพระราชกำหนดได้ ทั้งที่ไม่มีสถานการณ์ emergency ครับ ผมถึงว่า ใช้  Royal decree น่าจะเหมะสมที่สุดครับ เพราะมันต่างกับ Act ที่ผ่าน normal vetting channel มีการตั้งกรรมการธิการ ต่างๆ เป็นต้น ดูตัวอย่างใน Google นี้สิครับ มัน emergency ตรงไหน? เอามาจาก google ครับ อัตราภาษีศุลกากร >> พรก.พิกัดอัตราศุลกากร :: กรมศุลกากรมาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า "พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530" มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ... จากคุณ : K.Senior - [ 3 ก.ย. 51 22:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 I see K. Senior's point but I also see ราชบัณฑิตยสถาน's view. The uniqueness of translation will be lost if both พระราชกฤษฎีกา and พระราชกำหนด translate into the same English words.  So ราชบัณฑิตยสถาน have to come up with different words to make sure that they can be translated in both directions.  That's why they have funny translations such as "ภ" = "Bh" instead of "P". Having said that, K. Senior's opinion should override ราชบัณฑิตยสถาน's as they are obviously of different calibres. แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 02:11:49 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 01:23:12 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 01:13:09 จากคุณ : Tisco fan - [ 4 ก.ย. 51 00:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คำว่า พระราชกำหนดใช้ Emergency Decree ถูกแล้วครับ เพราะออกมาในภาวะเร่งด่วน ภาวะเร่งด่วนนี้คือในสมัยที่ปิดประชุมสภาครับ เมื่อเปิดสมัยประชุมแล้วก้อให้ไปขอมติจากสภาอีกทีหนึ่ง จากคุณ : Aeykun - [ 4 ก.ย. 51 22:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ สมัยประชุมสภาก็ออกพระราชกำหนดได้ครับ พูดง่ายๆ รัฐบาลต้องการ bypass normal parliamentary vetting process เพื่อให้กฎหมายออกมาเร็วกว่าปกติ แม้ว่ามันจะไม่มี emergency อะไรจริงๆ จังๆ ดังใน ตย ที่ผมยกมาไงครับ อัตราภาษีศุลกากร >> พรก.พิกัดอัตราศุลกากร :: กรมศุลกากรมาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า "พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530" มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ... จากคุณ : K.Senior - [ 5 ก.ย. 51 00:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ราชบัณฑิตบัญญัติไว้ว่า พระราชกฤษฎีกา = royal decree พระราชกำหนด = emergency decree และเราก็เห็น Bangkok Post ใช้ตามราชบัณฑิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า ใครๆก็รู้ข่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา จนกว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะผ่อนคลายลง คราวนี้ไปดูกันให้หายสงสัยเลยว่า Bangkok Post ใช้ตามราชบัณฑิตอย่างที่เราพูดหรือไม่ หมายเหตุ เราทำตัวหนากับขีดเส้นใต้ไว้ให้ตรงคำว่า "emergency decree" ที่Bangokok Post ใช้ในความหมายว่า "พระราชกำหนด" นะ จะได้เลิกเถียงกันไปเลย Private sector wants emergency decree lifted     Two students shot on march to PM's home Political turmoil affects economy: industries chief Political standoff impacting new investment Academic wants emergency decree lifted in a week Malaysia beefs up security at Thai border Opposition whip opposes referendum idea Samak: Protest can continue at filthy Govt House Boonsang says coup rumours are baseless Govt agrees to set up team to tackle emergency Cabinet approves referendum on govt's future   (BangkokPost.com) - The private sector calls on all sides to end to civil strife through negotiations soon, so the state of emergency in Bangkok would be lifted. Federation of Thai Industries (FTI) chairman Santi Vilassakdanont said the invocation of the emergency decree has both negative and positive consequences. In the negative outlook, investors would lose confidence to do businesses in the country. On the positive side, people may view that the decree would allow relevant units to control the situation that could bring about violence. Mr Santi said the private sector would like all sides to try to understand the situation and end the conflict quickly because the enforcement of the state of emergency would damage the national image. The private businesses are also very concerned over the potential strike of the Port Authority of Thailand’s employees, as it would disrupt the logistics of transporting raw materials for the products to be exported in foreign countries. มาจากหน้าเวปนี้ (ของ Bangkok Post) http://www.bangkokpost.com/breaking_news/breakingnews.php?id=130316 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 02:53:35 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 02:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆแล้ว Bangkok Post ใช้ศัพท์ตามราชบัณฑิตมาตั้งหลายสิบปีแล้ว และใช้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ไช่ว่า ใช้บ้างไม่ใช้บ้างตามอารมณ์ ถ้าจะให้หายสงสัย ให้เข้าไปที่ google แล้วพิมพ์ keywords คือ bangkok post emergency decree จะเห็นว่าข่าว Bangkok Post ทุกข่าวเรื่อง พระราชกำหนด ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อไม่นานนี้ เขาจะใช้ emergency decree หมดทุกแห่ง คราวนี้เราลองมาดูหนังสือพิมพ์อื่นกันบ้าง หมายเหตุ เราทำตัวหนากับขีดเส้นใต้ไว้ตรงคำว่า emergency decree ที่แปลว่า พระราชกำหนด ไปดูข่าวนี้กันให้หายสงสัย จะได้เลิกเถียงกัน PM clarifies need for emergency decree in Bangkok September 2, 2008 by Arun · Filed under: GOVERNMENT, INTERNATIONAL, NEWS   (No Ratings Yet) Loading ...To Rate This Click On Star Bangkok (Thailand), September 2 (CityNewsR): Prime Minister and Minister of Defense Samak Sundaravej held a press conference at the Royal Thai Army Headquarters on the Emergency Decree currently taking effect in Bangkok. The PM said that the decision was made as it is the most non-forceful approach possible to resolve the nation’s situation. He said that the decision needed to be made following clashes between the People’s Alliance for Democracy and the Democratic Alliance Against Dictatorship. The PM affirmed that the emergency decree would not stand for a long period of time and asked that citizens comply with decree. He promised that responsible authorities would operate according to law, and that a specially formed committee would decide on the time frame for the decree. As for the Bangkok Governor Election, the PM said that in a few days candidates will be able to continue their campaigns. He said that he would meet with the Election Commission to discuss rescheduling the election within an acceptable time frame. มาจากหน้าเวปนี้ http://citynewsr.com/2008/09/02/pm-clarifies-need-for-emergency-decree-in-bangkok/ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 03:23:25 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 03:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หนังสือพิมพ์ The Nation ก็ใช้ emergency decree = พระราชกำหนด ตามราชบัณฑิตเหมือนกัน แล้วก็ใช้แบบนี้มาแล้วหลายสิบปี อย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องเหมือนกัน หมายเหตุเราทำตัวหนากับขีดเส้นใต้ไว้ตรงคำว่า emergency decree ที่แปลว่า พระราชกำหนด ไปดูข่าวนี้กันให้หายสงสัย จะได้เลิกเถียงกัน What the emergency decree means for ordinary people By The Nation Published on September 3, 2008 PRIME MINISTER Samak Sundaravej yesterday declared a state of emergency in Bangkok, calling it the "softest means possible" to restore order after the deadly clash between government supporters and opponents that left one person dead and more than 40 injured. Army commander General Anupong Paochinda called a separate news conference later in which he repeatedly stressed the Army's goal of avoiding violence. Here are the details of the state of emergency. At 6.50am yesterday, Radio Thailand interrupted its programming to announce that the government had declared a state of emergency in Bangkok. This followed a fatal clash between opposing crowds at Makkhawan Rangsan Bridge at 1.30am. Samak invoked the emergency decree on the grounds that disturbances had spiralled to an extent that they threatened social order, national security and democratic rule. He therefore deemed it necessary to restore normalcy as soon as possible. The prime minister appointed the Army commander-in-chief, who is in charge of executing emergency measures, to restore normalcy to the capital. Key measures include a ban on assemblies of more than five people. Authorities have been authorised to stop any attempts to cause social disturbances, the distribution of news that could trigger panic or fear, and travel and building occupation deemed to be harmful. People can be evacuated if deemed necessary. Citing Article 5 of the emergency decree, the government has suspended basic rights and freedoms as sanctioned by Articles 32, 33, 34, 36,38,41, 43,45 and 63 of the 2007 Constitution. The state of emergency takes immediate effect. In the prime ministerial order No 194/2008, General Anupong has been appointed to take charge of executing emergency measures. He will be assisted by national police chief General Patcharawat Wongsuwan and First Army commander Lt-General Prayuth Chanocha. Anupong is empowered to instruct and supervise government agencies and officials concerned to carry out measures as prescribed by the laws. He is to act under the supervision of the prime minister. Police officers, military officers and civilian officials carrying out emergency measures are authorised to act as law enforcement authorities under the Criminal Procedural Code. วิธีหาข้อมูล ง่ายมากๆ ก็ทำคล้ายๆกัน คือใช้ keywords the nation emergency decree seach แบบนั้น แล้วไปโผล่ที่หน้าเวปนี้ ก็เลยจับมาแปะให้ดู http://www.nationmultimedia.com/2008/09/03/politics/politics_30082349.php จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 03:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การใช้ภาษาเราต้องดูดีๆว่า เขียนเรื่องอะไร ยกตัวอย่างเช่น ในการแปลนิยายจากอังกฤษเป็นไทย บางทีถ้าแปลตามศัพท์ราชบัณฑิตแล้วภาษาไทยดูเป็นทางการมาก เราเลือกไปใช้ศัพท์ง่ายๆมันก็ไม่น่าเกลียด แต่ในกรณีแปลไทยเป็นอังฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฝรั่งในไทย "ไม่กล้าเสี่ยงใช้ชื่อกฎหมายแบบ ฝรั่งคิดคำศัพท์ขึ้นเอง"  นั่นก็เพราะว่า ถ้ามีการฟ้องร้องกัน พอขึ้นศาลไทย เขาจะตีความตามราชบัณฑิต แล้วหนังสือพิมพ์จะยุ่ง ดังนั้น จะเห็นได้ว่า นักหนังสือพิมพ์ฝรั่งระดับมืออาชีพในไทยทั้งหมดจะยึดตามแบบราชบัณฑิตสถาน นอกจากนี้แล้วถ้าเรารับแปลเอกสารให้สถานทูตอังกฤษเรื่องคนอังกฤษโดนจับเพราะมีความผิดตามพระราชกำหนดอะไรที่เพิ่งออกมานี้ เราก็ต้องแปลเป็น emergency decree อยู่แล้ว เพราะมันเป็น fight บังคับ เนื่องจากถ้าคำแปลของเราต้องไปขึ้นศาลทั้งศาลไทยศาลอังกฤษ หน่วยงานทั้งหมดก็ต้องมาดูว่า ชื่อกฎหมายไทย คนไทยเรียกว่าอย่างไร แล้วก็จะต้องใช้ตามราชบัณฑิตอยู่ดีนั่นแหละ เพราะถ้าเราในฐานะนักแปล ดันไปอวดเก่งคิดว่าข้าแน่กว่าราชบัณฑิต เดี๋ยวปัญหาตามมามากมาย ถึงกับเราต้องไปขึ้นศาลชึ้แจงว่า ทำไมแปลมาเพี้ยนๆแบบนี้...!!! แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 11:58:38 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 11:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นอกจากนี้แล้วเราก็เคยเห็น และเคยแปลเอกสารจากหน่วยงานสหรัฐ ที่ทั้งโจทย์และจำเลยต้องขึ้นศาลทั้งศาลสหรัฐ และศาลไทย เนื่องจากการการกระทำผิด โดยละเมิดกฎหมายสหรัฐ  และกฎหมายไทย หลายๆฉบับด้วยกันในเวลาเดียวกัน ทั้งรายงานการสืบสวนจาก FBI คำฟ้องศาลสหรัฐ ที่เป็นภาษาอังกฤษ ทุกอย่าง เรียกชื่อกฎหมายไทย ตามหลักที่หน่วยงานไทยกำหนดขึ้นมา ตามแนวของราชบัณฑิต โดยทั้งหมด ไม่มีการฝรั่งไปแต่งเอาเองใหม่แต่อย่างใด ที่ต้องยึดตามราชบัณฑิตก็เพราะว่า "ต้องการบ่งชี้ให้แน่ชัดว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมายฉบับไหน ของไทย นั่นเอง..(คนไทยก้บอเมริกัน จะได้คุยกันรู้เรื่องในศาล)....!!!" กรณีหนังสือพิมพ์หรือเอกสารกฎหมายระดับอินเตอร์เหล่านี้ เขาใช้ศัพท์ราชบัณฑิตกันหมด เนื่องจากว่า มันเป็น fight บังคับ นั่นเอง หากมิเช่นนั้นแล้วปัญหาต่างๆทางด้านกฎหมายจะตามมาอย่างมิสิ้นสุด ดังนั้น อยู่ดีๆ ใครจะหลงคิดว่าตัวเองเก่งภาษาอังกฤษ แล้วไม่ใช้ศัพท์ราชบัณฑิต ถ้าแค่แปลนิยาย (ตามที่บอกไปแล้ว) มันไม่เป็นไร แต่ถ้าเขียนข่าวระดับมือโปรหรือเขียนคำฟ้องยื่นต่อศาล นั่นมันเป็น fight บังคับ คุณต้องใช้ศัพท์ราชบัณฑิตยสถาน และถ้าใครคิดว่าหนังสือพิมพ์ฝรั่งในไทยฉบับไหน ไม่ยึดตามแนวราชบัณฑิตยสถาน เราก็ได้พิสูจน์ให้คุณดูแล้วว่า ทุกฉบับ "ต้อง" ยึดตามแนวราชบัณฑิตยสถานกันหมด...อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้...!!! สรุป *****พระราชกฤษฎีกา = royal decree***** *****พระราชกำหนด = emergency decree***** แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 03:53:05 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 14:06:31 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 12:03:37 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 12:02:15 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 11:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ราชบัณฑิตแปล "พระราชกำหนด" เป็น "emergency decree" เราเปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้วเจอนิยามแบบนี้ พระราชกำหนด (กฎ) น. บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดย อาศัยอํานาจบริหารให้ใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติในกรณีฉุกเฉิน  ที่มีความจําเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในการ รักษาความปลอดภัยของประเทศ หรือความปลอดภัยสาธารณะ  หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติ  สาธารณะหรือในระหว่างสมัยประชุมของรัฐสภาถ้ามีความจําเป็น  ต้องมีกฎหมายเกี่ยวด้วยการภาษีอากรหรือเงินตราซึ่งจะต้องได้รับ  การพิจารณาโดยด่วนและลับ เพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน ถ้าดูตรงที่เราทำตัวหนา และตัวขีดเส้นใต้ไว้  เราจะเห็นได้ว่า ราชบัณฑิตยสถานแปล "พระราชกำหนด" เป็น "emergency decree" ได้ถูกต้องสวยงาม อยู่แล้ว จนเรามิกล้าที่จะ "อวดเก่ง" ไปพูดว่า "เราเก่งภาษาอังกฤษ (ทั้งๆที่ไม่เก่ง)  และเราไม่กล้าที่จะคิดคำแปลอย่างอื่นนอกเหนือไปจากคำแปลของราชบัณฑิต" เนื่องจากว่า "เราเจียม body ว่า เราไม่เก่ง ดังนั้นเราจึงไม่โอ้อวดความรู้ความสามารถเกินตัวนั่นเอง" เอวังก็มีด้วยประการฉนี้แล... แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 13:31:30 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 13:20:49 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 12:49:56 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 12:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบนบอร์ดสนทนา ถ้ามีการถกกันว่า "ใครผิดใครถูก" ในกรณีที่มีหลักฐาน "มัดจนแน่น" ว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายที่ผิด แล้วฝ่ายนั้น กลับเข้ามายอมรับว่า "ผิด" แทนที่จะปิดวิกหนีไป มันจะเป็นการแสดง spirit ที่ทำให้ผู้อ่านนับถือได้ว่า "เป็นผู้ใหญ่แล้ว" ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เราก็เคยเห็นคนที่ (เก่งจริงๆ) มี spirit เช่นนี้ แล้ว "ยอมรับว่าผิด" บ่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เจอคน ที่เมื่อจำนนด้วยหลักฐาน จนรู้ตัวว่า "ผิด" แล้วก็ก็ปิดวิกหนีบ่อยๆ...555+++...   แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 14:09:02 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 13:26:20 จากคุณ : agelesstansy - [ 5 ก.ย. 51 12:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โทษทีครับคือ Hurricane Gustav มันถูก downgrade เร็วไปเลยถูกถล่มไม่สะใจ เลยขอแกว่งเท้าหาเสี่ยนเข้ามานั่งเล่นอยู่กลาง Hurricane พระราชกำหนด ในกระทู้นี้แก้ขัดไปพลางๆก่อนนะครับ คือที่ K Senior แกบอกคือแกคิดว่าราชบัณฑิตยสถานแปลไม่สมเหตุสมผล คำแปลของแกน่าจะเหมาะสมกว่า ทีนี้คุณ agelesstansy ก็เลยยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์ต่างๆ ที่ใช้หลักการแปลของราชบัณฑิตยสถานเสมอมาให้ดูว่าเห็นไม๊เค้าใช้คำเดียวกันกับราชบัณฑิตยสถานเลย โธ่ก็แน่ละสิครับก็เค้าไปลอกราชบัณฑิตยสถานมาแล้วมันจะไม่เหมือนกันได้ยังไงครับ แต่มันไม่สามารถหักล้างสิ่งทีุ่K Seniorบอกนี่ครับว่าคำแปลมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า มันแค่บอกว่าหนังสือพิมพ์ล้วนลอกราชบัณฑิตยสถานมาซึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวการตีความด้านกฏหมายหรือไม่รู้จะไปลอกใครอื่นก็ได้ ทีนี้มาดูเรื่องพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ชื่อมันก็บอกว่าราชบัณฑิตยสถานเป็นผู้เขียนดังนั้นมุมมองที่เขียนก็คือมุมมองของราชบัณฑิตยสถาน มันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามุมมองนี้มันสมเหตุสมผลหรือเปล่าเพราะพูดเองเออเอง มันแค่บอกได้ว่าราชบัณฑิตยสถานเค้ามองยังไง ซึ่งเราๆก็รู้อยู่แล้วและ K Senior เค้าก็ยอมรับว่าราชบัณฑิตยสถานมองในมุมนี้ ใน คห 17 & 18 มันบอกเหมือนว่าฮ่องเต้มีอาญาสิทธ์เทียมฟ้าดังนั้นพวกเราอย่แหยม เดี๋ยวโดนเครื่องประหารหัวสุนัข ซึ่งมันก็จริง แต่มันไม่ได้พิสูจน์นี่ครับว่าฮ่องเต้ตัดพระทัยอะไรได้สมเหตุสมผลหรือเปล่า เปาบุ้นจิ้นอาจจะคิดถูกกว่าฮ่องเต้ก็ได้แม้อำนาจจะสู้ฮ่องเต้ไม่ได้ ผมว่าการจะพิสูจน์ว่าคำแปลราชบัณฑิตยสถานมันสมเหตุสมผลหรือเปล่ามันต้องอ้างอิงผู้แปลที่เป็นอิสระจากราชบัณฑิตยสถาน คือแปลด้วยตัวของตัวเอง ถ้าเค้าแปลแล้วมันเกิดแปลออกมาเหมือนกันเราถึงจะนำมาหักล้างได้ว่าเห็นไม๊คนอื่นๆก็คิดเหมือนราชบัณฑิตยสถาน ดังนั้นก็พอมีโอกาสที่ราชบัณฑิตยสถานอาจจะไม่แปลงี่เง่าก็เป็นได้ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 51 02:11:02 จากคุณ : Tisco fan - [ 6 ก.ย. 51 02:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเห็นด้วยว่าราชบัณฑิตยสถานอาจจะไม่ถูกต้องไปทั้งหมด แต่สิ่งที่ราชบัณฑิตยสถานกำหนดนั้นถือเป็นกติกากลางของผู้ใช้ภาษาและหนังสือ เพื่อประโยชน์ในการสื่อสารระหว่างคนหลายหมู่เหล่า เหมือนกับคนเล่นฟุตบอลทั่วโลกเขายอมรับนับถือกติกาของฟีฟ่า มันถึงแข่งกันได้เหมือนกันไปทั่วโลกจนกลายเป็นฟุตบอลโลก ผมว่าที่คุณแท่นว่ามานั้นเป็นการสาธิตว่าสื่อต่างๆเขายอมรับกติกาของราชบัณฑิตยสถาน เขาจึงปฏิบัติให้สอดคล้อง เรื่องของกติกาครับ คนเป็นคนกำหนดกติกา และกติกาก็แก้ได้ด้วยคนเสมอ ไม่เห็นด้วย ไม่ชอบใจ แก้ได้ครับ ทำไมจะแก้ไม่ได้ และมันก็มีวิธีการแก้ไขอยู่ไม่ใช่ไม่มี ราชบัณฑิตยสถานเขารับฟังเสมอ เขามีเว็บไซท์ที่นี่ครับ http://www.royin.go.th ซึ่งสามารถเสนอแนะข้อคิดเห็นได้ครับ ในระหว่างที่ดำเนินการซาวเสียงขอแก้กติกาอยู่นี้ ผมขออนุญาตใช้กติกาเก่าที่เชยๆนี้ไปพลางๆก่อนเพื่อป้องกันความสับสนเวลาผมสื่อสารกับคนอื่น ในตัวของมันเอง พระราชกำหนดจะแปลว่า Emergency Decree หรือ Royal Decree ผมไม่ได้ติดใจอะไร ขอให้ตกลงกันให้ได้สักอย่างหนึ่งก็แล้วกัน และในเมื่อกติกาในวันนี้เดือนนี้ปีนี้มันมีอยู่อย่างนี้ ผมก็ทำตามกติกาไปเรื่อยๆก็แล้วกันจนกว่าเขาจะเปลี่ยน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 6 ก.ย. 51 09:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมแค่ยกตัวอย่างว่า Emergency Decree ไม่ดีกว่า Royal Decree ซึ่งน่าจะนำมาใช้ในบางบริบทเท่านั้น ยังไม่มีใครแย้งเลยว่า Royal Decree ตามรากศัพท์ก็คือ พระราชกำหนด มันผิดตรงไหน และคุณลองเอาคำว่า Emergency Decree มาแปล ตัวอย่างนี้สิครับ อัตราภาษีศุลกากร >> พรก.พิกัดอัตราศุลกากร :: กรมศุลกากรมาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า "พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530" มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ... มันจะดูไม่จืดเลย ส่วนเรื่องปิดวิกหนีนี้ มันมุกเก่าไปแล้ว ทำไมต้องเล่นเรื่องส่วนตัวอีกครับ ไม่เบื่อหรอกหรือ? Emergency Decree มาแปลคำว่า พระราชกำหนด ตลอดให้ฝรั่งอ่าน ฝรั่งก็คงจะหัวเราะหรือเข้าใจผิดๆ ได้ จากคุณ : K.Senior - [ 6 ก.ย. 51 19:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่าเรื่องพิกัดอัตราศุลกากรนั้นก็อาจจะเป็นเรื่อง emergency ในมุมมองของรัฐบาลตอนนั้น (รัฐบาลเปรม)ก็ได้นะครับ เพราะมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และรายได้ของแผ่นดิน การตัดสินว่าเรื่องไหนเร่งด่วนหรือไม่เร่งด่วน บางครั้งมันก็ "อัตวิสัย" (subjective) อยู่เหมือนกัน จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 6 ก.ย. 51 21:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมถึงบอกแล้วไงครับว่า Emergency decree มันให้ sense ที่อาจผิดความหมายได้ ไม่ครอบคลุมหมด แต่ Royal Decree ครอบคลุมหมดครับ เพราะ มันไม่ใช่ Act ที่ต้องผ่านกระบวนการ parliamentary process มีการตั้งคณะกรรมการต่างๆ แต่ พระราชกำหนดต้องการ bypass ขบวนการเหล่านั้น ทั้งที่ในตอนนั้นไม่มี state of emergency ไว้รองรับเลยครับ ฝรั่งเขาอ่าน Emergency decree เขาก็คงนึกว่ามี emergency แต่ถ้าอ่าน Royal decree มันจะ emergency หรือ ไม่ก็ได้ นี่คือการแสดงความเห็นเพื่อให้ฝรั่งไม่เข้าใจผิดครับ ไม่จำเป็นต้องสร้างคำว่า Emergency decree มาแทน พระราชกำหนดครับ ใช้คำวา Royal decree มันก็คลุมได้แล้ว มันไม่ผิด ไม่สื่อความหมายผิดๆ ในบางบริบทดังเช่น ตย นี้ อัตราภาษีศุลกากร >> พรก.พิกัดอัตราศุลกากร :: กรมศุลกากรมาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า "พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530" มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ... คำภาษาอังกฤษมากมายที่สามารถมีความหมายต่างๆ ขึ้นอยู่กับบริบท และไม่สื่อความหมายที่อาจเข้าใจผิดได้ครับ แต่ emergency นี่อย่างไรมันก็สื่อความหมาย เร่งด่วน คอขาดบาดตาย แต่ พระราชกำหนดบางอย่าง มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ช้าไปหน่อย มันไม่ถึงกับทำให้ประเทศชาติล่มจมครับ อย่างเช่นพิกัดศุลกากรนี่แหละ ใช่คำว่า Emergency Decree มันจะดูไม่จืดนะครับ จากคุณ : K.Senior - [ 6 ก.ย. 51 22:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ในการถกกันเยี่ยงปราชญ์ แบบนักปราชญ์ Greek หรือ Roman เมื่อสิ้นสุด discourse มักจะมีใครคนใดคนหนึ่งพูดว่า “ท่านพูดถูก ข้าพเจ้ายอมรับว่า ข้าพเจ้าเข้าใจผิดเอง ขอบคุณที่ท่านช่วยกรุณาชี้ทางสว่างให้แก่ข้าพเจ้า” บนเวป pantip บางทีในห้องยำภาษา ก็มีการถกกำหน้าดำหน้าแดงเรื่องการแปล คนเก่งๆระดับเซียน บางทีพลาดเหมือนกัน แต่พวกเขาก็มักจะออกมาพูดตลกๆ ว่า “โหเพิ่งโดนเย็บหน้าไปหลายเข็ม หุ ๆๆๆๆ”  ตัวเราเองก็ยอมรับว่า เราเคยแสดงความเห็นผิดพลาดเหมือนกัน “ถ้าหลักฐานมัดตัวแน่นนะ” แต่เรื่องปิด “วิกหนี” ก็มีแค่คนบางคนเท่านั้นที่ทำ  และยังกระทำอย่างต่อเนื่อง เพราะไร้ spirit ถ้าอยากดูกรณีการ “ปิดวิกหนี” ให้ตาม links 2 อันข้างล่างนี้ไปดูได้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/12/K6115488/K6115488.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/01/K6202834/K6202834.html แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 51 13:09:35 จากคุณ : agelesstansy - [ 7 ก.ย. 51 06:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 My opinion is that in certain cases we have to use official words in order to prevent unexpected problems, lawfully in particular. Another example is patent-related translation which we 'must' use specific words only no matter, for some times, how non-sense we may feel.  Those who are in the field will thoroughly understand. Sorry that I replied in English.  There migt be something wrong with my computer keyboard. จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 10 ก.ย. 51 05:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 But  I'd rather use Royal decree to make it broader than Emergency decree to differentiate it against Royal Act. For พระราชกฤษฎีกา, it is issued as a sub-law of an Act, so it should be translated as Executive decree. My 2 cents opinion. Language has naunces that ราชบัณฑิตย์'s recommended words may not fully cover. We are not slaves. We have our own brains to decide for ourselves which are better in a particular translation situation. จากคุณ : K.Senior - [ 10 ก.ย. 51 22:26:15 ]