ความคิดเห็นที่ 1 ตัวเรานั้นก็อยากเรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้ แต่ทีนี้ ระดับการใช้มันต่างกันไปในแต่ละบุคคลค่ะ บางคนต้องการแค่นิดหน่อย เพื่อพูดคุยค้าขาย บางคนต้องการภาษาอังกฤษระดับที่เจรจาธุรกิจ พร้อมข้อกฏหมาย อันนี้ก็เรียกว่าต้องเรียนกันถึงระดับที่สูง บวกศัพท์เฉพาะด้วย เรียนรู้กันไม่จบไม่สิ้นจริงๆ เพราะเจ้าของภาษาก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างเหมือนคนไทยเราไม่รู้จักภาษาไทยทุกแง่ทุกมุมแม้แต่อาจารย์ภาษาไทย ตัวเรานั้นต้องเรียนในระดับที่เรียนมหาวิทยาลัยได้ เป็นภาษาวิชาการ และอ่านพูดฟังเขียนได้คล่องที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อประโยชน์ทางอาชีพ และชีวิตประจำวัน (ที่บ้าเสพนิยาย กับหนัง ซีรีย์ ภาษาอังกฤษ)  เรานั้นเลิกคิดเรื่องฝึกภาษาไปแล้ว เหลือแต่การใช้ภาษาในห้องเรียน และชีวิตประจำวัน (เวลาถักนิตติ้ง ลายสวยๆมันอยู่ในหนังสือฝรั่ง อ่านทีนึงก็ปวดหัวมาก อ่านtext อ่านหนังสือวิชารัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ยันดนตรี เล่มหนาเป็นปึกๆๆยังไม่มึนเท่าแพทเทิร์นนิตติ้งสองสามหน้า) แต่สิ่งที่ทำก็คือการรักษาระดับและเรียนรู้จากการใช้จริงไปเรื่อยๆ เราไม่ชอบการโดนบังคับให้ทำงานส่งเท่าไหร่ ต่อให้เป็นงานภาษาไทยก็เถอะ (ยกเว้นวิชาภาษาไทยที่เราจะส่งคนแรกเสมอ ครูเก็งว่าจะเข้าด้านภาษาไทย แต่เราดันผ่าไม่รักดีเรียนนิเทศ ภาคอินเตอร์เฉย ครูด่าเช็ดเลย แง่ง) ทุกวันนี้ติดดูCSIค่ะ เมื่อวานเจอหนังสือ Criminal Investigation  (ว่าด้วย การอาชญกรรม อาชญวิทยา การตรวจสอบที่เกิดเหตุ พยานวัตถุพยานบุคคล)กับ Interviewing and Interrogation Technique (ว่าด้วยเทคนิคการสอบพยาน และการสอบปากคำ สารพัดการจับโกหกเลยค่ะ)  เราพบว่าเราอ่านได้สบายมาก หากอ่านก่อนหน้าดูCSIเราคงจะไม่รู้ว่า swab จะหมายถึงสำลีพันปลายไม้สำหรับซับของเหลวต่างๆมาตรวจ หรือใช้หมายถึงกริยาการซับของเหลวนั้น รวมไปถึงการเก็บตัวอย่างDNAจากเนื้อเยื่อบุภายในปาก เลือด และสารคัดหลั่งต่างๆ ที่คล่องนั้นก็เพราะคลังศัพท์ในสมองได้บรรจุเอาคำศัพท์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ศัพท์ทางการแพทย์ และอาชญวิทยาเอาไว้ในลิ้นชักหมวดที่ชื่อว่า Crime Scene Investigation  (ตามซีรีย์โปรดของเรา) เมื่อเจอศัพท์คำว่า blunt force trauma สมองก็รับรู้ทันทีว่าเป็นแผลจากการถูกกระแทก ทุบตี อย่างรุนแรง นอกจากนี้สิ่งที่ซึมซับมาคือวิธีการพูดของนิวยอร์ค อังกฤษ ไมอามี่ และเวกัส แสลงต่างๆจะวิ่งเข้าหัว และถูกดึงมาใช้ได้ถูกต้องตามต้องการค่ะ เรานั้นเข้าใจดีกว่าภาษาเป็นสิ่งเรียนไม่รู้จบดังนั้นจึงต้องยึดสิ่งหนึ่งเป็นหลักไว้นั่นคือไวยากรณ์ ที่ต้องแม่น เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไปในการใช้ภาษาในโอกาส วาระต่างๆ จบปริญญาตรีเราว่าจะเรียนโทการแปล ก่อนจะต่อสายที่เรียนมา เผื่อว่าจะหากินทางการแปลตำรา แปลหนังสือ ตอนที่หางานอื่นไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 17:17:14 จากคุณ : kurika - [ 9 ก.ย. 51 17:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อยากใช้ ลองหาทางไปต่างประเทศดูครับ หรือเรียนหลักสูตรอินเตอร์ จากคุณ : ชาเขียว - [ 9 ก.ย. 51 19:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แนะนำให้ลองไปเรียนต่างประเทศดูนะคะ ไปเป็นคอร์สสั้นๆสามเดือนก่อนก็ได้ รับรองว่าได้ใช้ภาษาแน่นอนค่ะ  เป็นการบังคับใช้ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนและได้เรียนรู้ ตามที่คุณต้องการครบเลยค่ะ  ลองดูนะคะ ได้ผลว่าไงอย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ จากคุณ : Yodel - [ 9 ก.ย. 51 19:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อความนี้ Copy & Paste เพราะช่วงนี้มาหลาย ๆ กระทู้ที่มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษใน Pantip เเห่งนี้ ผมจะได้ไม่ต้องพิมพ์บ่อย ----------------- ลองเข้าไปอ่านงานผมดู เขียนมาปีที่ 9 เเล้ว ผมเขียนเเบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมนะครับ เเต่จริงใจ ถ้าอยากได้การเสเเสร้ง เเกล้งยอให้รัก เข้าไปอ่าน จะผิดหวังที่สุด เพราะผมยืนยัน 100% มาตลอดชีวิต(จุดยืนผม จนนักเรียนบางคนกลัว ไม่มาเรียน เเต่ผมไม่สน) ภาษาคือทักษะ อยากได้มาก ฝึกมาก อยากได้น้อย ก็ต้องฝึก ผมต้องฝึกตลอดชีวิต-------------- ------------- เเต่ผมขอคาดหวังสักหน่อยว่า คุณ ๆ ณ ที่นี้ที่อยากเก่งภาษา คงอาจจะทำให้ผมอยากเขียนให้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ --------------- -------------------ทุกวันนี้ ผมทำงานหนักมาก เงินหาใหม่ได้ เเต่เวลาที่เสียไป หาคืนไม่ได้นะคุณ ผมจึงต้องวางเป้าหมาย คาดหวังไว้บ้าง เพราะผมไม่ใช่คนดีมากๆๆๆ ถึงกับว่าที่จะเขียนต่อไป ถึงคนไม่สน ถ้าคนอ่านไม่สนใจจะอ่าน หรือ ไม่สนใจจะทราบความจริง ผมน่าจะอยู่เฉย ๆ----------------- --------------- ด้วยความจริงใจ ทุกครั้งที่ผมอ่านกระทู้ลักษณะนี้ ผมยังรู้สึกงงเเละท้อนะว่า ตัวผมเองที่เขียนมาจะเข้าปีที่ 9 เเล้ว ไม่ได้ช่วยอะไรให้คนไทยรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเลยครับ--------------- --------------- หรือมีคนอ่านงานผมน้อย หรืออ่านเเต่ไม่ปฏิบัติตาม--------- -----------ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เเค่อยากช่วย เพราะเเต่ละปี จำนวนคนไม่รู้ภาษาอังกฤษ มันเยอะขึ้น ๆ ลำบากทั้งคนสอน(คือผม) เเละคนเรียน(เพราะพื้นฐานเสียหายเกินเเก้ 20 ต้น ๆ หรือปลาย ๆ )-------------------- เพราะผมต้องให้คำเเนะนำเดิม เเต่เขา/เธอก้ไม่ค่อยมีเวลาจะทำ หรือไม่ทำ คำเเนะนำนั่นคือ @@@@@ อ่านหนังสือทุกวัน ไม่ต้องสนใจว่าจะรู้เรื่อง เปิด Dict เป็นเวลา 6-12 เดือน เเล้วค่อยมาคุยกัน@@@@@@@@@ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6961581/K6961581.html ผมจะดูซิว่า ความมุ่งมั่นของคุณมีเเค่ไหน? อยากพบคนจริงซะที = อยากได้คนอ่านที่เอาจริงซะที รออยู่ครับ รอมา 9 ปีเเล้ว อย่าให้รอนานครับ ขอให้โชคดี เเล้วพบกันครับ tonmelb @@@@@@@@ ผมเป็นคนอย่างไร ถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในห้องรวมพลนักเเปลได้ครับ ที่เขียนมาทั้งหมด อาจจะเป็นยาขมสำหรับคุณ เเต่ขอรับรองด้วยเกียรติว่า จริงใจเเละปรารถนาดีกับคุณ ๆ ที่สุด ไม่มียาหอม ไม่เสเเสร้งให้รัก ให้ชอบครับ@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 51 20:21:30 A:203.209.118.187 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากใช้ หมายถึงใช้แบบไหนล่ะคะ ถ้าแค่อ่านหรือเขียน ไม่ต้องไปเมืองนอกก็ได้  ก็อ่านหนังสือพิมพ์ หรือหนังสือที่ประเภทเราชอบ แล้วหัดเขียน หัดแต่งประโยคเอา อยากฟังได้ หนังฝรั่งมีถมเถ แต่ถ้าอยากพูด อันนี้คงต้องไปเมืองนอกแล้วล่ะ  เพราะสถานการณ์มันบังคับให้พูด  อยู่เมืองไทย ยังไงๆ ก็ไม่ได้พูดเต็มที่หรอกค่ะ จะมีวันนั้นไม๊ วันที่เราอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วไม่เจอศัพท์ที่ไม่รู้จักอีกเลย อิอิ ^^^ ประโยคนี้ของ จขกท. เป็นสิ่งที่เราอยากทำได้เหมือนกัน  แต่ไม่หวังเลยล่ะค่ะ เพราะรู้ตัวว่าขี้เกียจ จากคุณ : lalabel - [ 9 ก.ย. 51 21:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราเกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากที่สุดในโลกเลย! เรียน ประถมถึง ม.ต้น ได้คะแนนภาษาอังกฤษ 0 หมดทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน 555+++ เราไปเรียนหนังสือ ม.ปลายต่อที่ประเทศอังกฤษ  แล้วตั้งรกรากอยู่ที่อังกฤษไปเลย ก็เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เรียนแบบนักภาษาศาสตร์ จริงๆแล้วเราไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับมาเมืองไทย  คือเราทำงานเป็น manager of bookmaker (บริษัทรับพนันม้าแข่งและรับพนันกีฬาอื่นๆ) ในนครลอนดอนมา 13 ปี แล้ว อยู่ดีๆเราเบื่อ เราอยากเปลี่ยนทักษะการคำนวณตัวเลข แทนที่จะคำนวณ probability ในการพนัน ให้เป็นทักษะการทำบัญชี และทำงานบัญชี เราเลยไปอบรมด้านบัญชี หลักสูตรที่รัฐบาลอังกฤษเป็น sponsor ให้ พอเรียนจบมา ปรากฏว่า ระบบบัญชีในประเทศอังกฤษ (สมัยนั้น) เริ่มเปลี่ยนเป็นใช้คอมพิวเตอร์หมด  ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ที่เราเรียนมา ตอนอบรมบัญชี ที่ Croydon Technical College (อยู่ชานเมือง London) มันไม่เพียงพอ ที่จะใช้งานได้   เราเลยบินกลับมาเรียน computer ที่เมืองไทย เพราะค่าเรียนคอมพิวเตอร์มันถูกมากๆ...สมัยนั้น ถ้าเรียน computer ในลอนดอน ค่าเรียนแพงลิบลิ่ว จนเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับลอนดอน-กรุงเทพฯ ได้สบายๆเลย เราจีงเลือกเรียน computer ที่เมืองไทย เงินที่เหลือจะได้เก็บไว้เที่ยวให้สนุกๆไปเลย พอเรียนคอมพิวเตอร์ในเมืองไทยจบแล้วนะ เรานึกสนุก ไม่ยอมกลับไปทำงานบัญชีที่ในประเทศอังกฤษ แต่กลับเสี่ยงเอาเงินก้อนที่เรามีอยู่ ไปลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทย เพราะเราหลงแสงสีในเมืองไทย ปรากฏว่า “เจ้ง” ไม่มีเงินเหลือ เลยอ้ะ...ฮือๆๆๆ.... เราเลย “จำใจ” ต้องใช้ความรู้ภาษาอังกฤษ ที่มีอยู่ หาเลี้ยงชีพ โดยการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ  ...เรื่องตลก มันก็คือว่า เราฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติ แต่เราไม่รู้ grammar แบบที่คนไทยเรียนกัน แล้วเรา จะไปสอนภาษาอังกฤษให้คนไทย จะทำยังไงกัน คำตอบง่ายๆก็คือ...ทีแรกสอน conversation ก่อน ไม่หนัก grammar เท่าไหร่  ตอนนั้นมีพวกคุณหญิงคุณนายจ้างเราไปคุยภาษาอังกฤษด้วย ทุกวัน เราต้อง “ดัดจริต” แต่งตัวแบบ conservative คิดๆแล้วขำตัวเอง  แล้วเราก็แอบซุ่มๆเรียน grammar เอาใหม่ ทีละนิดๆ ทีละนิด....ยังไงล่ะ....555...+++... เราดีใจได้งานใหม่เป็น "นักแปล" เพราะว่า ไม่ต้องเสแสร้งทำตัวเป็น "ผู้ดีอังกฤษ" เพื่อให้นักเรียนเลื่อมใส เราจึงแต่งตัวสบายๆ ไว้ผมยาวๆ เหมือนนักดนตรี...555+++...ใครเห็นหน้าเรา ก็ต้องบอกว่า เราเหมือนศิลปิน ไม่ใช่นักแปล แต่เมื่อเร็วๆนี้นะ เราคิดๆเล่นๆว่า ยุค IT นี้ มันมีสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆ จาก Internet เยอะมากๆ ถ้าเรากลับไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอีก มันคงสนุกดีนะ แต่ก็แค่คิดเล่นๆ แต่บางทีเวลาทำงานแปลเครียดๆ เราก็เคยปั่นกระทู้เรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยอาศัยความรู้เก่าๆที่ได้จากการค้นคว้ามาเองเมื่อสมัยทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษนะ ...คือว่า เราไม่ได้เรียนเอกอังกฤษ หรือเอกการสอนภาษาอังกฤษ เราจึงต้องคิดวิธีการสอนขึ้นมาเองอ้ะ...ลองไปดูแนวคิดเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเราได้ว่า พอใช้การได้บ้าง หรือเปล่า? ลองไปอ่านกระทู้เก่าๆที่เราเขียนไว้  โดยการตาม links ข้างล่างนี้ไป ........................................................................................................ กระทู้เรื่องการสอนฟัง http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6822555/K6822555.html อีกกระทู้เรื่องทักษะการฟัง http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6799422/K6799422.html นี่ก็เป็นเรื่องทักษะการฟังอีก http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6816537/K6816537.html มีเรื่องทักษะการฟังเล็กน้อย http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6796288/K6796288.html กระทู้นี้เรื่องสำเนียงแปลกๆ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6803247/K6803247.html ........................................................................................................ บทเรียนภาษาอังกฤษเรื่องทั่วๆไป มีเทคนิคการสอนการฟังเล็กน้อย (3 กระทู้นี้ เรา ไม่ได้ใช้ login) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2901206/K2901206.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2921978/K2921978.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2934052/K2934052.html ...................................................................................................... เราไล่แจก lists คำศัพท์ และแนะนำเทคนิคการจำศัพท์ทีละมากๆ ใน 2 กระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6791965/K6791965.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6796406/K6796406.html ....................................................................................................... อันนี้เรื่อง writing (เราใช้ login เดิมคือ tansy(iwrite4u) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/05/K6595622/K6595622.html ....................................................................................................... เรี่องการเรียนการแปล http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/06/K6753328/K6753328.html เรื่องเรียนการแปลเพิ่มเติม (เราใช้ login เดิมคือ tansy(iwrite4u)ตอบกระทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/02/K6332365/K6332365.html นี่ก็เป็นเรื่องการแปลอีกด้วย http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/07/K6780472/K6780472.html ....................................................................................................... ลองไปอ่านดู ถ้ามีคนสนใจเราอาจลองปั่นกระทู้บทเรียนภาษาอังกฤษเล่นๆใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้นะ เรากำลังกลับไปเรียนภาษาอังกฤษแบบยกเครื่องใหม่หมดเลยหล่ะ กำลังสอนตัวเองอยู่น่ะ ยิ่งเรียน ก็ยิ่งพบว่า ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกมาก เรียนเท่าไหร่ก็ไม่มีที่สิ้นสุด ตกลง เราผู้ซึ่งเกลียดภาษาอังกฤษ กลายเป็น โดนสถานการณ์บีบบังคับว่า “ต้องเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อความอยู่รอด” แปลกดีมะล่ะ? แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 51 00:33:12 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 23:38:41 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 23:35:45 จากคุณ : agelesstansy - [ 9 ก.ย. 51 23:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อไหร่จะอ่านแล้วไม่เจอศัพท์ที่ไม่รู้จักเลย >> ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ผมใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือ เครื่องมืออะไร? เครื่องมือสนองความอยากรู้ อยากรู้โน่น อยากรู้นี่ ก็จับหนังสือขึ้นมาอ่าน เริ่มอ่านตั้งแต่อายุสักสิบสาม ทุกวันนี้ก็ยังอ่านอยู่ ผมไม่ได้สนใจจะเรียนภาษาอังกฤษเพียงเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ ขอบอกว่าที่เจ้าของกระทู้ตั้งเป้าไว้จะจำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ได้เหี้ยนเต้นยกคอกนั้นแม้จะเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญแต่ว่าเป็นกรณีของอุดมคติหรือ ideal คือเก่งแค่ไหนก็ได้แค่เข้าใกล้แต่ไม่มีวันไปถึง ภาษามันมีพลวัต ศัพท์ก็ดี สำนวนก็ดี หรือแม้แต่ไวยากรณ์ที่เป็นกติกา มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกระบวนการณ์ของมันเอง ไม่มีใครผลักดันได้และไม่มีใครห้ามได้ ศัพท์ตัวหนึ่งๆอาจเปลี่ยนความหมายได้อีกสิบปีข้างหน้า และศัพท์ที่ใช้กันเมื่อห้าสิบปีก่อนนั้นทุกวันนี้ความหมายไม่ยักเหมือนเดิม สำนวนและไวยากรณ์ก็เช่นเดียวกัน เหนือฟ้าจะยังคงมีฟ้าเสมอ การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น ใบไม้ในกำมือเรามีอยู่แค่นั้นแหละในขณะที่ยังเหลือใบไม้อยู่อีกทั้งป่า "..อยากทำอะไรที่ได้ใช้มันให้มากๆ.." >> ได้เลย ไปอ่าน Paradise Lost หรือ สวรรค์หาย ของ John Milton นะครับ รับประกันว่าได้ใช้ภาษาอังกฤษมากๆถึงมากที่สุด ไม่เชื่อถามคุณคิมเบอร์ลีย์ดูก็ได้ เพราะเธอทำวิทยานิพนธ์แปลมหากาพย์เรื่องนี้เป็นกาพย์ยานี 11 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 10 ก.ย. 51 06:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมให้อีกสิบชาติเลยครับ จขกท ไม่ต้องไปนึกถึงภาษาอังกฤษหรอก เอาภาษาไทยนี่แหละ ถ้าเป็นศาสตร์คนละแขนงกับที่คุณรู้ แค่นี้คุณก็หงิกแล้ว จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 10 ก.ย. 51 07:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แปะ link เพิ่มเรื่องเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษ ที่เราศึกษาค้นคว้ามาได้ ตามไปอ่าน คคห 9 ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6984264/K6984264.html#9 จากคุณ : agelesstansy - [ 10 ก.ย. 51 16:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อไหร่จะอ่านแล้วไม่เจอศัพท์ที่ไม่รู้จักเลย >> ชาติหน้าตอนบ่ายๆ อืมอาจเกินไป ขนาดคนไทยระดับมัธยมอ่านไทยรัฐได้โดยไม่ติดศัพท์ ก็ยังมีคนไทยอีกหลายร้อยคนอ่าน Bangkok Post ได้โดยรู้ศัพท์ที่ใช้ทุกคำที่เขาอ่าน ปล เขาก็คงไม่ได้อ่านหมดทุกคอลัมน์หรอกครับ แต่ทุกคอลัมน์หรือข่าวที่อ่าน ไม่จำเป็นต้องเปิดดิกครับ ไทยรัฐไม่ยากสำหรับคนไทยทีมีการศึกษาฉันใด Bangkok Post ก็ไม่ยากสำหรับคนไทยที่มีการศึกษาภาษาอังกฤษพอควรฉันนั้น จากคุณ : K.Senior - [ 10 ก.ย. 51 20:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ยังงี้ต้องตีโจทย์กันใหม่แล้วมั้งครับ คุณ K.Senior ถ้าหมายถึงคำพื้นๆ ที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน อันนี้ไม่เถียง แต่ถ้าหมายถึงทุกคำที่ใช้ในทุกวงการ อ่านหรือฟังอะไรก็เข้าใจหมด แบบนี้ไม่มีทางครับ มีตัวอย่างขำๆ จะเล่าให้ฟัง ศัพท์ช่างซ่อมรถครับ เจ้าลูกเหล็กทรงกลมที่อยู่ใต้ท้องรถระหว่างล้อหลังนั่นแหละ ผมพิมพ์ไม่ได้ครับ ระบบกรองคำมันบอกว่าเป็นคำหยาบ ฮา ข้างในเจ้าลูกเหล็กเนี่ย มีส่วนประกอบ 3 ชิ้น คือเดือยหมู (ทียังงี้ไม่หยาบ เดือยหมูกับเดือยไก่ไม่เหมือนกันนะครับ) ดอกจอก และอีกชิ้นหนึ่งเรียกอะไรผมก็จำไม่ได้เสียแล้ว แบบนี้เสร็จครับ จริงอยู่ อ่านออก แต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง ยังงี้ต้องถือว่าติดศัพท์ครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 11 ก.ย. 51 05:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อไหร่จะอ่านแล้วไม่เจอศัพท์ที่ไม่รู้จักเลย คำว่า เมื่อไร ก็คือ typical day ครับ สำหรับคนไทยทั่วไปวันธรรมดา อ่านหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ ก็ไม่เจอศัพท์ที่ตัวเองไม่รู้ครับ คนส่วนใหญ่จะวนเวียนอ่านในวงการที่เขาทำงานคุ้นเคยอยู่แล้ว นานๆ ที่จะแหยมไปอ่านหนังสือนอกวงการที่เขาใช้ชีวิตอยู่ เพราะคนเราไม่มีความสนใจไร้ขีดจำกัดครับ อย่างคุณหนุ่มไร้นาม ผมกล้าพนันเลยครับ วันที่อ่านแล้วติดศัพท์มีน้อยมากในปีหนึ่งๆ เพราะผมไม่เชื่อว่าคุณจะมีเวลาไปอ่านหนังสือนอกวงการที่คุณสนใจครับ สำหรับผมไม่มีครับ จากคุณ : K.Senior - [ 11 ก.ย. 51 20:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเรื่องในวงการไม่ติดแน่นอนอยู่แล้วครับ ยกเว้นเป็นศัพท์ใหม่ นอกจากจะไม่ติดแล้วนะ ผมยังชอบเสนอหน้าไปแนะนำคนอื่นด้วยหละ แต่ถ้านอกวงการ ผมก็หน้าแตกมาเยอะแล้วเหมือนกัน 555 ว่าแต่ เสาร์-อาทิตย์ นี้จะไปปั่นจักรยานที่ไหนหรือเปล่าครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 12 ก.ย. 51 09:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อาจไปแถวปทุมธานี หรืออยุธยาครับ จากคุณ : K.Senior - [ 12 ก.ย. 51 21:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปั่นไปแถวเชียงใหม่ดิ...จะเลี้ยงแกงฮังเล กะข้าวซอย ตบท้ายด้วย Armagnac จากคุณ : tnu - [ 12 ก.ย. 51 22:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 I'll take the rain check. เคยปั่น กท-เชียงใหม่ มา 3 ครั้งแล้ว ห่างกันราวๆ 2-3 ปี ไปครั้ง เมื่อปีที่แล้วก็ปั่นไปครับ ไปกับกลุ่มจักรยานครับ ขอขอบคุณล่วงหน้า จากคุณ : K.Senior - [ 13 ก.ย. 51 01:11:16 ]