ความคิดเห็นที่ 1 ฝึก ฝึก และ ฝึก ฟังบ่อยๆ ฟังมากๆ การแปลในสิ่งที่ได้ยินจะกลายเป็นเป็นความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน จากคุณ : ประมาณนั้น - [ 14 ก.ย. 51 11:08:22 A:58.8.172.43 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การฟังนั้นฝึกได้ด้วยการฟังครับ ไม่มีทางลัดอื่นเลย ฟังเยอะ ๆ จนชินแล้วก็จะไม่แปลครับ สำหรับ TOEFL ผมไม่แน่ใจว่า จขกท จะจดโน้ตได้ไหม (เหมือนจะสอบแบบ CBT อยู่) ถ้าสอบ iBT จะจดโน้ตได้ก็สบายไปหน่อย อีกอย่างผมเคยเขียนในบทความเรื่องการสอบโทเฟิลว่า ทักษะอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเทคนิคการจดโน้ตครับ ถ้าจดโน้ตภาษาไทยยังงง ๆ ภาษาอังกฤษก็ยื่งงงครับ พยายามฝึกจดโน้ตครับ ฟังอะไรมาในชีวิตประจำวันลองจดโน้ตสั้น ๆ ว่าได้ยินว่าอะไรครับ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 14 ก.ย. 51 11:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แนะนำให้ฟังเพลงสากลอะครับ ฟังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะ ฟังเพลงที่ไม่เคยฟัง แล้วแกะเนื้อร้องได้เลยอะ อิอิ ผมหัดอยู่ แต่ยากมาก โหะ แค่ร้องตามให้ทันก็ยากและ จากคุณ : เล็กบ่อหลุ่ย - [ 14 ก.ย. 51 11:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เทคนิคของเราคือไม่แปลค่ะ ได้ยินมาอย่างไรก็เข้าใจตามนั้นเลย ฟังดูงงๆไหมคะ คือถ้าเรายังติดแปลเราก็จะไม่จำความตามภาษาต้นฉบับน่ะค่ะ จากคุณ : TaCherie - [ 14 ก.ย. 51 13:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พอฟังไปนานๆ ฟังบ่อยๆ ก็เหมือนไม่ต้องแปล แต่ความจริงคือ แปลได้เร็วขึ้นนั่นเองครับ จากคุณ : oklah - [ 14 ก.ย. 51 14:30:05 A:203.107.204.136 X: TicketID:014314 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาช่วยยืนยันว่าอย่าแปลครับ ปกติการทำงานของสมองเราเมื่อเราสื่อสารภาษาไทยคือ เสียงที่เข้ามา --> ผ่านหู --> recognize คำที่อยู่ในเสียง --> recognize ความหมาย --> เข้าใจประโยค --> เข้าใจบทความทั้งหมด แต่ถ้าคุณแปล จะกลายเป็น เสียงที่เข้ามา --> ผ่านหู --> recognize คำที่อยู่ในเสียง --> recognize คำศัพท์ที่อยู่ในเสียง --> ทำการเทียบหาคำศัพท์ในภาษาไทยที่มีความหมายเหมือนคำที่เข้ามา -->     recognize ความหมาย --> เข้าใจประโยค --> เข้าใจบทความทั้งหมด นั่นคือ มันเป็นการเพิ่ม cognitive processing เข้ามาในหัวเรา ทำให้ต้องทำงานมากขึ้นอีกสองขั้น (จริงๆ มากกว่านั้นครับ แต่นี่ผมพูดคร่าวๆ ให้เห็น) ทำให้แทนที่ cpu ในสมอง 100% จะไปใช้กับการ recognize ความหมาย และทำความเข้าใจกับประโยคและทั้งบทความ มันจะไปเสียให้กับการแปลซะมาก (อาจจะมากถึง 50-80% ด้วยซ้ำครับ เหลือสมองให้เข้าใจกับเนื้อหาแค่ 20% อะไรแบบนี้อะครับ) แนะว่าให้ลองฝึกฟังมากๆๆๆๆๆๆ ฟังทุกอย่างที่หาได้ครับ และพอเวลามาทำข้อสอบ แนะว่า อย่าคิดเด็ดขาดว่าเค้ากำลังพูดคำว่าอะไร แต่ให้คุณลองจินตนาการรูปภาพตามสิ่งที่เค้าพูด เช่น ถ้าเค้าเริ่มมาบอกอยู่ในห้องเลคเชอร์วิชาชีวะ คุณก็จินตนาการห้องเลคเชอร์ มีอาจารย์ยืนหน้าห้องยืนพูด พออาจารย์พูดถึงเรื่องกบจากอาร์เจนติน่า คุณก็จินตนาการถึงป่าอาร์เจนติน่า มีกบอยุ่ในน้ำ อะไรแบบนี้อะครับ จะเป็นการฝึกการฟังแล้วเข้าใจความหมายทันที จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 14 ก.ย. 51 14:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ความรู้ดีจัง จากคุณ : บ้านบีซี - [ 14 ก.ย. 51 22:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษตอนโตแล้ว และเรียนในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้พูดอังกฤษ หากเรียนแค่ไม่กี่เดือนแล้วพอพูดได้ จะฟังรู้เรื่องเฉพาะเวลาฝรั่งตั้งใจพูดช้าๆให้คนไทยฟังรู้เรื่องเท่านั้น  แต่ถ้าฟังฝรั่งกับฝรั่งพูดกันเองเร็วๆ จะฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ คนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยมาตลอด ไม่เคยไปเมืองนอก แล้วพูดกับฟังภาษาอังกฤษได้คล่องระดับฟังหนัง soundtrack รู้เรื่องสบายๆ หรือขนาดทำงานเป็นล่ามได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รักภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ระดับประถม มัธยมแล้ว หัดดูหนังฟังเพลงฝรั่ง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ตั่งแต่เด็กๆ เรียนจบปริญญาตรีมาก็ไปทำงานบริษัทฝรั่งหลายปี (บางทีเป็น 10 ปี) ไม่ใช่อยู่ดีๆคิดอยากจะเก่งอังกฤษ ก็ไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษา แค่ไม่กี่เดือนแล้วเก่งออกมา มันไม่ง่ายขนาดนั้น ขนาดคนไทยที่ไปอยู่ในอังกฤษหรืออเมริกา ถ้าไปอยู่ที่นั่นตอนภาษาอังกฤษยังไม่กระดิกหูเลย กว่าจะฟังฝรั่งพูดเร็วๆ ด้วยสำเนียงแปลกๆ ร้อยพ่อ พันแม่ บางทีต้องใช้เวลาหัดฟังภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษนานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป นั่นก็หมายความว่า คนที่เรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยถ้าไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษ ก็จะเรียนทักษะการฟังได้ช้ากว่านั้นอีกหลายเท่า แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ถ้าผู้เรียน มี phonetician มาเป็นครูสอนการออกเสียง และสอนการฟังภาษาอังกฤษให้ตามหลักวิชา phonetics นะ ผู้เรียนจะลดจำนวนปีในการเรียนทักษะการฟังได้แบบ บางทีเอา 3 หารเลยก็ได้อ้ะ....!!! แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 51 16:08:04 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 51 10:22:17 จากคุณ : agelesstansy - [ 15 ก.ย. 51 10:15:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีเยียวยาก็คือ หาครูที่รู้วิชา phonetics มาสอนคุณ จากคุณ : agelesstansy - [ 15 ก.ย. 51 10:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาช่วยยืนยันค่ะว่าวิชา phonetics & phonology ช่วยได้อย่างแรง ตัวเราเองเรียนที่โรงเรียนคริสต์ เลยมีครูเป็นมิสชันนารีฝรั่งมาสอน ก็ดีที่ได้ฟังจากเจ้าของภาษาและได้ทำความคุ้นเคย บวกกับที่บ้านใส่ใจ และวัยเด็กก็สำคัญนะคะ พ่อเราเปิดเพลงภาษาอังกฤษอยู่เนืองๆ พอเราถามความหมาย พ่อก็เอาหนังสือเพลงพร้อมคำแปลมาให้เราหัดร้องเอง ในมหาวิทยาลัย พอดีเราเรียนภาษาศาสตร์ เลยได้ใช้และฝึกตลอด และมากระจ่างใจตอนเรียนวิชา phenetics & phonology นี่ละค่ะ ถ้าหาคนสอนได้ เราว่าเรียน International Phonetics ไปเลยนะคะ ขอย้ำนิดว่า ข้อดีของการเรียน phonetics & phonology นั้น จะทำให้เรียนภาษาง่ายขึ้นมาก เนื่องจากคุณจะสามารถอ่านสัญลักษณ์การออกเสียงใน Dictionary ได้ถูกต้องโดยแทบจะไม่ต้องได้ยินคำๆนั้นมาก่อนด้วยซ้ำไป ในภาษาไทย วิชานี้ชื่อวิชาสัทศาสตร์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 51 13:41:57 จากคุณ : TaCherie - [ 15 ก.ย. 51 13:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 http://www.esl-lab.com/ จากคุณ : musicsocool - [ 16 ก.ย. 51 15:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน ฟังออกหมดทุกคำ ทุกประโยค เพราะฟังไปแปลเป็นไทยไปด้วย แต่พอฟังจบ กลับไม่สามารถสรุปเรื่องตั้งแต่เริ่มจนจบได้ 555 แต่หลังๆ ก็ฟังไปเรื่อยๆ เช่นฟังข่าวในทีวี ก็ฟังไปไม่ต้องตั้งใจแปล ก็จะรู้เรื่องทั้งหมดเองว่าเค้าพูดเรื่องอะไร เป็นพวกสมาธิสั้นอ่ะ จากคุณ : boguzz - [ 19 ก.ย. 51 19:02:50 A:161.200.255.162 X: TicketID:184086 ]