PANTIP.COM : K7021229 สาเหตุที่จิ๋นซีฮ่องเต้สั่งให้เผาตำรา และฝังบัณฑิตทั้งเป็น เพราะอะไรเหรอครับ [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 1

เผาตำราเพราะไม่ต้องการให้ผู้คนได้ความรู้จากตำรา จะได้ยังคงโง่ต่อไปซึ่งจะทำให้ปกครองได้ง่ายๆ ฝังบัณฑิตทั้งเป็น ก็เพราะบัณฑิตมีมันสมองที่จะคิดล้มล้างเขาได้ สรุปแล้วจิ๋นซี ต้องการเป็นใหญ่ไปตลอดกาลนั่นเอง

แต่มีหนังสือเล่มหนึ่ง ที่จิ๋นซีไม่ยอมให้เผา นั่นก็คือคัมภีร์อี้จิง (I Ching) เนื่องจากจำเป็นต้องเก็บคัมภีร์เล่มนี้ เอาไว้ทำนายเหตุการณ์บ้านเมือง

เราคัดข้อความนี้มาจากคัมภีร์อี้จิงของเรา มาแปะไว้ให้ดู

The I Ching, or Book of Changes, is the most ancient book in China and perhaps in the world. It represents both the source of Chinese culture, and a key to understanding of Chinese history, even in its most turbulent stages.

This is notable during the reign of Chin Shih-Huang, the first emperor of the Chin Dynasty (221-207 B.C), who succeeded in unifying six other kingdoms of the country. Chin adopted a series of strict measures to unify the country. The most lasting of these was the adoption of a single language. He also evolved a tyrannical system of suppression that he thought would establish his dynasty forever. His strategy was the destruction of all learning in order to keep people in an ignorant and submissive state. Thus in 215 B.C. he ordered all the scholars buried alive to humiliate them, and searched out and destroyed all of the country's works of literature and philosophy, including the most revered classics.

However, Chin saved one book, the I Ching. He and his officials needed it for political guidance and divination.

เอ่อเราได้คัมภีร์อี้จิงเล่มนี้มาตั้งนานแล้ว เรียนๆ ไปหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เก่งสักที

ตอนนี้สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต ประเทศไทยโดนรัฐประหารแล้วตามด้วย mobs พันธมิตรซึ่งประท้วงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพังพินาศ การลงทุนจากต่างประเทศชะงักงัน และบริษัทต่างๆจะพากันล้มละลายกันเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผู้คนตกงานกันเกลื่อนกลาด

ตอนนี้ตัวเราเองก็ไม่ค่อยจะมีงานทำ (เคยทำงานแปล) เราเลยไปสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่มีใครรับเราเข้าทำงาน

เราก็เลยต้องทำงานส่วนตัว งานส่วนตัวที่ลงทุนน้อยที่สุด และเป็นที่ต้องการมากที่สุดในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ก็คือ "อาชีพหมอดู" เราเลยฝึกดูดวงแบบ Feng Shui (เฟิงสุ่ย หรือฮวงจุ๊ย) เพื่อเป็นหมอดู

เอ่อ พอแปะกระทู้นี้แล้ว เราคิดว่า ถ้าเรารีบๆ ฝึกวิชาการทำนายเหตุการณ์จากคัมภีร์อี้จิงอีกเล่มหนึ่ง เป็นการเสริมความรู้อีกสาขาหนึ่ง ซึ่งเราจะนำมันไปผสานกับวิชา Feng Shui และวิชาการวินิจฉัยโรคแบบการแพทย์ทางเลือกของจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ที่เราเรียนมาแล้วจาก เซน เต๋า โยคะ และ Macrobiotics มันน่าจะทำให้เราดูดวง และทำนายทางทักเรื่องสุขภาพคน ได้แม่นยำพอดูนะ เผื่อว่า เราจะเป็นโหรมีชื่อเสียง แล้วร่ำรวยกับเขาบ้าง คราวนี้...อิๆๆๆ...

พอกันที การใช้วิชาภาษาอังกฤษทำมาหากินน่ะ...เรียนเกือบตายห่ะ...หางานลำบากเหลือเกิน ใครๆก้อรู้ภาษาอังกฤษกันเต็มบ้านเต็มเมือง...เปลี่ยนอาชีพดีกว่าอ้ะ...555+++...
แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 01:49:51
แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 01:43:35

จากคุณ : agelesstansy - [ 22 ก.ย. 51 01:29:55 ]