ความคิดเห็นที่ 3
ระหว่างที่อาศัยอยู่ในอังกฤษมาร์กซ ก็ยังเขียนบทความว่าด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองร่วมสมัย ส่งไปยังหนังสือพิมพ์ทั้งในยุโรปและสหรัฐอยู่เสมอ เขายังเป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์คตรีบูน ซึ่งมี ฮอเรส กรีเลย์ (Horace Greeley) เป็นบรรณาธิการ จากปี 1851 ถึงปี 1862, และในปี1857 และปี1858 เขาได้เขียนบทความจำนวนหนึ่งให้แก่ New American Cyclopedia ซึ่งมีนักเขียนชาวอเมริกัน ชาร์ล แอนเดอร์สัน ดาน่า (Charles Anderson Dana) และ จอร์จ ริปเลย์ (George Ripley) เป็นบรรณาธิการร่วมกัน
ช่วงปีท้าย ๆ เมื่อสันนิบาตคอมมิวนิสต์ยุบเลิกไปในปี 1852 มาร์กซ ยังรักษาการติดต่อกับนักปฏิวัติหลายร้อยคน โดยมุ่งหมายที่จะก่อตั้งองค์การปฏิวัติขึ้นอีกองค์การหนึ่ง ความพยายามเหล่านี้พร้อมกับผู้ที่ให้ความร่วมมือจำนวนมากได้รวมตัวกันในปี 1864 ในลอนดอนก่อตั้งเป็น สากลที่หนึ่ง (First International) [4] ซึ่งมาร์กซได้กล่าวเปิด เขียนข้อบังคับ และชี้นำการทำงานของสภาบริหาร หรือองค์กรนำ หลังจากการล้มล้าง คอมมูนฯ ซึ่งมีสมาชิกของสากลที่หนึ่งเข้าร่วมด้วย สากลฯก็เริ่มสลายตัว และมาร์กซได้เสนอแนะให้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สหรัฐ แปดปีสุดท้ายของเขา เป็นช่วงที่เขาต้องต่อสู้กับการเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะที่ทำให้ต้องชะงักงานทางการเมืองและงานเขียนลง
หลังจากการตายของเขาในลอนดอน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1883 ได้ค้นพบต้นฉบับและบันทึกของเขาที่แสดงว่าเขามีแผนการที่จะเขียน Das Kapital เล่มที่สี่ ซึ่งจะประกอบด้วยเรื่องประวัติหลักเศรษฐกิจ; ส่วนของงานที่กระจัดกระจายนี้ ได้ถูกตีพิมพ์ ภายใต้ชื่อว่า ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกิน (Theories of Surplus Value มี 4 เล่ม,พิมพ์ปี 1905-1910; แปลเป็นภาษาอังกฤษปี 1952) โดยมี คาร์ล โยฮัน เคาท์สกี้ (Karl Johann Kautsky) [5] นักสังคมนิยมเยอรมัน เป็นบรรณาธิการ ผลงานอื่นที่วางแผนแต่ไม่ได้ทำโดยมาร์กซก็มี เรื่อง การศึกษาทางคณิตศาสตร์ การศึกษาถึงการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์ในปัญหาเศรษฐศาสตร์ และการศึกษาว่าด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีในแง่มุมทางประวัติศาสตร์
อิทธิพล อิทธิพลของมาร์กซ ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่นั้นมีไม่มากนัก หลังการตายของเขาแล้ว จึงเพิ่มมากขึ้นตามการเติบโตของขบวนการแรงงาน ความคิดและทฤษฎีของเขา ซึ่งรู้กันในนาม ลัทธิมาร์กซ หรือ สังคมนิยมวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาหลักการสำคัญของความคิดทางการเมืองร่วมสมัย การวิเคราะห์ของเขาต่อระบบเศรษฐกิจทุนนิยม และทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ การต่อสู้ทางชนชั้น และ มูลค่าส่วนเกิน ได้กลายเป็นพื้นฐานของหลักการสังคมนิยมยุคใหม่ ความสำคัญที่ชี้ขาดต่อปฏิบัติการที่ปฏิวัติก็คือ ทฤษฎีต่าง ๆ ที่ว่าด้วยรัฐทุนนิยม หนทางขึ้นสู่อำนาจ และเผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ หลักการเหล่านี้ได้รับการแก้ไขหลังจากที่เขาตายแล้วโดยนักสังคมนิยมส่วนใหญ่ และกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ในศตวรรษที่ 20 โดย วี.ไอ.เลนิน ซึ่งเขาได้พัฒนาและนำไปใช้ จนเป็นแก่นกลางของทฤษฎีและการปฏิบัติของลัทธิบอลเชวิค และสากลที่สาม (Third International)
ผลงานสำคัญของมาร์กซ งานของมาร์กซสามารถแบ่งได้กว้าง ๆ ในงานปรัชญาในยุคต้น ๆ ของเขา เช่น วิจารณ์ปรัชญาว่าด้วยสิทธิ์ของเฮเกล (Critique of Hegel's Philosophy of Right;1843), ว่าด้วยปัญหาชาวยิว (On the Jewish Question;1843), บันทึกเกี่ยวกับเจมส์มิล (Notes on James Mill;1844), ต้นฉบับปรัชญาและเศรษฐศาสตร์ ปี 1844 (?konomisch-philosophische Manuskripte aus dem Jahre 1844/Philosophic and Economic Manuscripts of 1844) นิพนธ์ว่าด้วยฟูเออบัค (Theses on Feuerbach;1845), ความอับจนทางปรัชญา (The Poverty of Philosophy;1845), อุดมการณ์เยอรมัน (Die deutsche Ideologie/The German Ideology;1845-1846), ค่าจ้าง แรงงาน และทุน (Wage-Labor and Capital;1847), แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ (Manifest der kommunistischen Partei /The Communist Manifesto;1848) บรูแมร์ครั้งที่สิบแปดของหลุยส์ นโปเลียน (Der Achtzehnte Brumaire des Louis Napoleon /The Eighteenth of Brumaire of Louis Napoleon;1852), Grundrisse;1857, ร่วมวิจารณ์เศรษฐศาสตร์การเมือง (Zur Kritik der politischen ?konomie /Contribution to the Critique of Political Economy;1859), ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกิน 3 เล่ม (Theories of Surplus Value, 3 volumes;1862), มูลค่า ราคา และกำไร (Value, Price and Profit; 1865), Das Kapital (เล่มที่ 1, 1867; เล่มที่ 2 และ 3 ตีพิมพ์หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว), สงครามกลางเมืองในฝรั่งเศส (Der B?rgerkrieg in Frankreich/The Civil War in France; 1871), วิจารณ์โครงการโกธา (Critique of the Gotha Program;1875), และ Notes on Wagner;1883
ทฤษฎีลัทธิมาร์กซ เพื่อสรุป อธิบายระบบทฤษฎีที่กว้างใหญ่และซับซ้อนนี้ให้สั้นที่สุด การแตกกิ่งก้าน สาขาของหลักการ ที่ครอบคลุมไปถึง ปรัชญา เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมือง และสังคม ซึ่งไม่เคยมีทฤษฎีใดในโลกที่ได้รับการวิเคราะห์ วิจารณ์ อภิปราย และนำไปปฏิบัติกันมากเท่ากับทฤษฎีของคาร์ล มาร์กซ และ เฟรดริช เองเกลส์ เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความใส่ใจนี้ มีมากกว่าที่จะเป็น เรื่องของการศึกษาล้วน ๆ ไม่มีนักคิดในยุคสมัยใหม่นี้ ผู้ใดที่จะมีอิทธิพลต่อโลกเทียมเทียบกับเขาได้ ในการก่อผลสะเทือนอย่างใหญ่หลวงต่อพรรคการเมืองและขบวนการต่าง ๆ ก่อนการสลายลงของรัฐสังคมนิยมในยุโรปตะวันออก มนุษยชาติจำนวนสองในสามอยู่ภายใต้ระบอบที่สร้างขึ้นมาจากการตีความผลงานต่าง ๆ ของมาร์กซ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่ามาร์กซ และทฤษฎีของเขาจะเป็นเช่นใด พึงต้องระลึกเสมอว่า ลักษณะพิเศษหรือ จิตวิญาณของลัทธิมาร์กซ ก็คือ การมีอุดมการณ์ ที่เชิดชูความเป็นมนุษย์ ความยุติธรรม และการเกื้อกรูลกันในสังคมมนุษยชาติ ลัทธิมาร์กซจึงคัดค้านอย่างเด็ดเดี่ยวต่อ การกดขี่ขูดรีด และความอยุติธรรมทั้งปวงในโลก ไม่เพียงด้านจิตแห่งลัทธิมาร์กซนี้เท่านั้น ลัทธิมาร์กซยังมุ่งมั่นที่จะก่อให้เกิดการปฏิวัติล้มล้างโลกเก่าที่ชั่วร้าย และสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมา ลักษณะพิเศษที่เป็นอุดมการณ์นี้เอง คือ ชีวิต วิญญาณ และขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของลัทธิมาร์กซ ที่ผลักดันและขับเคลื่อนกระแสการปฏิวัติไปทั่วโลก ตลอดเวลานับร้อยปีมานี้ และจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
การทำให้ลัทธิมาร์กซสามารถสำแดงจิตวิญญาณและพลังของตนออกมาได้ ก็ต้องใช้ปฏิบัติการที่เป็นจริง ลัทธิมาร์กซ เป็นปรัชญาลัทธิวัตถุนิยมที่เชื่อในการปฏิบัติ ความคิดที่ถูกต้องทั้งปวงล้วนแล้วแต่เกิดมาจากการปฏิบัติจริงเท่านั้น ได้แก่ การต่อสู้ทางการผลิต การต่อสู้ทางชนชั้น และการทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
จากคุณ :
1234
- [
25 ก.ย. 51 04:15:18
A:125.26.139.246 X: TicketID:184742
]
|
|
|