Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    วันนี้ วันแรก ที่แม่กับพ่อ นั่งมองหน้ากัน แล้วยิ้มๆ ปนเศร้า กับวงการครู

    เมื่อวานเย็น 30 กันยายน

    แม่กับพ่อโทรศัพท์มาบอกว่า ไปหาอะไรกินนอกบ้านกันนะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการทำหน้าที่การเป็นครูของแม่กับพ่อ

    ที่ร้านอาหาร กับข้าวเต็มโต๊ะ ผมรู้สึกว่าเราไม่ควรพูดอะไรมากมาย สิ่งที่ผมคิดคือทำอย่างไรให้พ่อแม่ หัวเราะได้ สนุกสนาน

    ...............................................................................

    32 ปี กับอีก 11 เดือน ที่พ่อกับแม่ผม เป็นข้าราชการครู ท่านทำงานพร้อมๆ กัน

    พบรักกันเพราะอาชีพนี้ ได้ทำงานด้วยกัน ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้  

    ระยะเวลา กับความผูกพันกับอาชีพ ฝังลึกในจิตใจ ลูกศิษย์ของแม่กับพ่อ มากมาย บางคนส่งลูกตัวเองมาเีรียน จนลูกชายของพวกเขาโตขึ้นไปจนมีหลาน ก็ยังส่งมาให้พ่อกับแม่ผมช่วยขัดเกลา

    โรงเรียนต่างจังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในดินแดนประเทศไทย ที่มีนักเีรียนเด็กเล็กไปจนถึงพี่ ป.6 รวมกันไม่ถึง 80 คน ผมเข้าใจดีว่าพ่อกับแม่ รู้สึกเช่นไร ที่วันนี้จะต้องจากเด็กๆไป

    ใช่ว่าอยากออก แต่ความเจ็บป่วยต่างหากที่ต้องทำให้พ่อกับแม่ต้องออก พ่อต้องพาแม่ไปฟอกไตที่โรงพยาบาล สัปดาห์ละ 2 วัน ทำให้ต้องลาหยุด
    พ่อกับแม่เกรงใจ ทั้งๆ ที่หัวใจตัวเองอยู่ที่โรงเรียน แต่สุขภาพไม่ดีทำให้ทุกๆ อย่างต้องจบลง


    .......................................................

    วันนี้

    ผมพาแม่ไปซื้อของ มีพ่อและน้องไปด้วย นั่งกินอาหารกันที่โลตัส ระหว่างทานๆ ไป แม่ผมนั่งสะือื้น น้ำตาไหล
    "แม่เป็นอะไรคับ"
    "คิดถึงเด็กๆ วันนี้มันจะกินอะไรกัน ตอนนี้มันจะทำอะไรกัน"

    ทุกคนในโต๊ะ รวมทั้งพ่อ ไม่มีใครพูดอะไร ปกติพ่อจะปลอบใจแม่ตลอดเวลา แต่คราวนี้ไม่มีเสียงออกจากปากของพ่อ ดวงตาเศร้าๆ
    ไม่แพ้กันของพ่อสะท้อนให้ผมเห็นได้ง่ายดาย

    แม่ผมจะเป็นแม่ครัวทำอาหารกลางวันให้เด็กๆ ทานด้วย เด็กพวกนี้น่าสงสารครับ ลูกคนมีสตางค์ เขาก็ไปเข้าโรงเรียนเอกชนที่อยู่ใกล้ๆ ใครมีสตางค์แต่ไม่มากก็ไปเข้าโรงเรียนที่ใหญ่กว่า ในละแวกเดียวกัน

    ดังนั้นเด็กที่อยู่โรงเรียนนี้คือ เด็กที่พ่อแม่หาเช้ากินค่ำ ลูกคนจนโดยแท้ๆ บางคนมาจากโรงเรียนอื่นๆ ที่เขาไม่เอาไม่รับแล้ว ถึงได้มา

    แต่เชื่อมั้ย เด็กที่นี่น่ารักทุกคน พูดจาถึงแม้ว่าจะไม่สุภาพหรือรื่นหูกันเสียเท่าไร แต่นั่นคือข้อความจากใจ ใสซื่อ และบริสุทธิ์

    อาหารเช้าสำหรับเด็กๆพวกนี้ เมื่อก่อนไม่ได้กินกัน เพราะพ่อแม่เด็กๆ ก็ตื่นไปทำงานกันหมด แม่กับพ่อผมจึงหาคนใจดีมาร่วมทำบุญกัน ต้มข้าวต้มให้เด็กกินกันตอนเ้ช้าๆ บางครั้งผมก็ไปเป็นเจ้าภาพด้วย ข้าวต้มหมูบ้าง ข้าวต้มกับผัดผัก ไข่เจียวบ้าง พอประทังหิวกันตอนเช้าๆ ก่อนเข้าเรียน

    อาหารกลางวันก็จัดทำเป็นโครงการ ผมเคยไปแอบดูเด็กๆ กิน โดยเฉพาะไอ้เจ้าตุ้ม ตัวแสบขวัญใจผม ตัวอวบๆ ดำๆ พูดโผงผาง แต่ละคำพูดโดนใจสุดๆ ไอ้เจ้าตุ้มจะเติมตลอด เีรียกว่าอิ่มจนพุงกางทุกวัน เด็กที่นี่ทานเสร็จแล้วจะช่วยกันล้างถาดของตัวเอง พี่ๆล้างให้น้องๆ อาหารกลางวันที่เหลือในบางมื้อ ก็จะถูกอุ่น และตักใส่ถุงๆ ไว้ ให้เด็กๆ บางคนที่ตอนเย็น ไม่มีข้าวทาน เพราะพ่อแม่เค้ากลับกันค่อนข้างดึกๆ

    ฤดูน้ำท่วม อยุธยาจะท่วมประจำ โรงเรียนก็ถูกน้ำท่วมไปด้วย ภาพประจำเวลาน้ำท่วมก็คือ พ่อจะพายเรือไปยกโต๊ะมาต่อๆ กันให้พ้นน้ำแล้วเอาตู้เย็น อุปกรณ์การเรียน หนังสือในห้องสมุด ยกให้พ้นน้ำ เป็นอย่างนี้ทุกปี


    ...................

    เพราะเรื่องข้าวกับเรื่องความเป็นอยู่ของเด็กๆ

    วันนี้ระหว่างที่เรากินข้าวกัน แม่ถึงได้ร้องให้ แบบไม่อายใคร

    หัวอกคนเป็นครู ดินทุกตารางนิ้วในโรงเรียน แม่กับพ่อย่ำกันมาหมดแล้ว

    ห้องทุกห้อง ต้นไม้ทุกต้น ความทรงจำทุกๆ ที่ มันฝังรากลึกมากในจิตใจ

    หากวันนึงต้องหยุดไป ไม่ได้สอนอีก ไม่ได้เดินตรงนั้นอีก ไม่ได้นั่งตรงนั้นอีก

    ไม่ได้กินข้าวกับเด็กๆ อีก มันหวิวๆเหมือนกันครับ 32 ปี กว่า ที่เคยทำมา มันหายวับไปกับตา

    จากเมื่อวานเป็นข้าราชการ วันนี้เป็นข้าราชการบำนาน

    ชีวิตต้องดำเนินต่อไปครับ คำพูดที่กังวาลในหัวผม  กำลังใจต่อกันและกันในครอบครัวคือสิ่งสำคัญ

    ใครที่มีพ่อแม่ที่เกษียรอายุราชการเมื่อวานเหมือนครอบครัวผม ผมขอให้กำลังใจเช่นกันครับ

    เวลาเห็นแม่ร้องให้คิดถึงโรงเรียน เห็นพ่อหน้าเศร้าๆ คิดถึงเด็กๆ ในชั้นเรียน หัวอกคนเป็นลูก เศร้าไม่แพ้กัน

    โลกใบนี้กว้างและลึกเิกินที่เราจะหยั่งถึง ทั้งในด้านรูปธรรมและนามธรรม


    ต้นตาเบบูย่า หรือว่าที่ผมชอบเรียกคือพวงชมพู ที่มันมักจะบานช่วงสอบปลายภาคเรียนเสมอ เวลามันบานทั้งต้น มันจะเป็นต้นสีชมพูๆ มันเป็นสัญญาณ เมื่อดอกมันโรยรา หมายถึงหลากหลายชีวิตที่รวมกันอยู่ในสถานที่นี้ ต้องแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน

    ปีนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่ปีนี้ ไม่เฉพาะแต่เด็กนักเรียน ที่จบออกไป แต่นั่นเป็นพ่อครูแม่ครูของเด็กๆ ที่ต้องไปก่อนดอกไม้จะบาน.......................

    แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 19:57:06

    จากคุณ : Journalise - [ 1 ต.ค. 51 19:52:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom